ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ●The Lipper King (เดอะ ลิบเปอร์คิง) By : ไรวินท์ ●

    ลำดับตอนที่ #5 : ● Chapter 4 Ξ

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.พ. 54


    Story : The Lipper King 
    BY: ไรวินท์
     
    Chapter 4
     
    *** Part’ Blue****
     
    มาสาย!! วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันมาสาย ก็เมื่อคืนฉันไม่ได้นอนเลยน่ะสิ มัวแต่คิดเรื่องที่เด็กคนนั้นตกตึก เฮ้อ! วันนี้ก็เลยตื่นซะสายเลย แถมยังติดแถวสายอีก โดยอาจารย์หน้าโรงเรียนเล่นซะอ่วม ทำไมวันนี้มันซวยขนาดนี้นะ!
    ฉันไหว้พระพุทธรูปประจำโรงเรียน ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครอง ให้พวกเราปลอดภัยด้วยเถิ๊ดดด!!
     
    แต่ตอนนี้เหมือนฉันจะไม่ปลอดภัยเลย.... เนื่องจากฉันมาสาย และโดนด่ายาวที่สุด ทำให้ตอนนี้หน้าโรงเรียน เหลือเพียงแค่ฉันคนเดียว ที่ต้องเดินเข้าโรงเรียนไป
     
    กึก..กึก...กึก
    ทำไมรู้สึกเหมือนมีคนเดินตาม... คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง
    กึก..กึก...กึก
    ฉันหันกลับหลังไปทันที ก็ไม่พบอะไร..
    กึก..กึก...กึก
    เฮ้ย! มีคนเดินตามฉันมาจริงๆนะ! T^T
    กึก..กึก...กึก
    นั่นไง...พรึบ! พอฉันหันไปดูก็ไม่มีอะไร... เฮ้อ ใจเย็นน่าบลู เช้าๆแบบนี้ ผียังไม่ตื่นหรอก!
     
    กึก..กึก...กึก
    พรึบ! ไม่เห็นจะมีอะไรเลย....
    ผลัก!
    “กริ๊ดดดดดดดดดด!!!!!” ฉันกริ๊ดเสียงดังลั่นทางเดิน! รู้สึกเหมือนตัวเองชนวัตถุขนาดใหญ่ และล้มลง! มันต้องเป็นผีแน่ๆ!!
    “เฮ้ย! จะกริ๊ดทำซากอะไรวะ!” เสียง...เสียงผู้ชายนี่หว่า! ฉันค่อยๆแง้มตาข้างนึงออกมาดู พบรองเท้านันยางสภาพไม่ได้ซักมาสิบปี อยากจะแนะนำเหลือเกินว่า ซื้อใหม่เหอะ! แต่เมื่อมองสูงขึ้นไปอีกก็พบ.... พบเข็มขัด และสูงขึ้นไปอีกก็เห็นนม..เอ้ย อกสามศอกของผู้ชายคนนั้น และมองสูงขึ้นไปอีก ก็พบใบหน้าอันกวนส้นตีนที่จ้องมองฉันอย่างรำคาญใจอยู่ ฉันผิดหรอ? ไม่เลยซักนิด!
    “คะ...คุณ...นาย...เอ่อ...มึง เป็นคนหรือเปล่า??” ฉันเอาปลายเท้าไปเขี่ยๆที่หน้าแข้งของผู้ชายตรงหน้า ก็อดโล่งใจไม่ได้ เฮ้อ! โชคดีที่เป็นคน!
    “อะไรของเธอเนี่ย...” ถามจบก็มองฉันด้วยสายตาฉงน แล้วก็เดินจากไป...
    นี่ไม่คิดจะช่วยให้กูลุกขึ้นเลยใช่ไหม? ไอ้สุภาพบุรุษเอ้ย! (ประชด)
     
    ฉันเดินด้วยความหงุดหงิด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องเซ็ง.. ฉันกำลังก้มหน้า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นคุณยายคนหนึ่งเดินสวนไป
    ตุบ!
    อ๊ะ! คุณยายทำกระเป๋าตังตกหนิ.. และด้วยความเป็นคนดีของฉัน ทำให้เดินผ่านไปเฉยๆไม่ได้ จึงเก็บกระเป๋าเงินหมายจะไปคืนคุณยาย แต่ทำไมคุณยายเดินไวจังวะ?
    “คุณยายคะ! คุณยาย! กระเป๋าตังตกค่ะ! คุณยายคะ! รอด้วยค่ะ!” ฉันวิ่งตามคุณยายไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงซักที จะรีบไปไหนของแกนะ?
     
     
     
     
    พรึบบบบ!!!
    ปิ๊นนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!
    “อยากตายหรือไง ยัยบ้า!!!” ฉันถึงกับตาค้าง เมื่อพบว่าตัวเองยืนอยู่กลางถนน!!!! ฉันเงยหน้ามองคนตรงหน้า ซึ่งอยู่ในระยะประชิดมาก เฮ้ย! แนบชิดขนาดนี้ เขาเรียกกอดเปล่าวะ!!! ยังไม่ทันที่ฉันจะเอ่ยปากพูดอะไร ไอ้ผู้ชายที่ช่วยฉันไว้ คือคนเดียวกับที่ชนฉันเมื่อกี้ ชื่ออะไรวะ? เรียกว่า รองเท้าเน่าก็ละกัน... เอ้อ นายรองเท้าเน่าก็ลากฉันเข้ามาที่ป้ายรถเมล์ เกือบตายแล้วไหมล่ะกู ถ้าไม่ได้นายรองเท้าเน่าช่วยไว้ มีหวัง...ฉันต้องตายแน่ๆ TT^TT
    “เอ่อ...ขอบใจนะ” ฉันกำลังมึน และมองไปที่กลางถนนอีกครั้ง.. แล้วยายคนเมื่อกี้ก็หายไปไหนก็ไม่รู้ ให้ตายเหอะ!!
    “ถ้าไม่ได้นายฉันต้องตายแน่ๆ ขอบใจมากนะ นายชื่ออะไรหรอ?” ฉันขอบใจนายรองเท้าเน่าจากใจจริง
    “ฉันชื่อ...”
    “พวกเธอสองคนนั้นน่ะ!! โดดเรียนงั้นหรอ!” ต้นเสียงมันดังมาจากมอ’ไซต์สีแดงพร้อมกับผู้ขับ คืออาจารย์ศักดิ์ศรี อาจารย์ฝ่ายปกครองสุดโหด!! ฉันกับนายรองเท้าเน่ามองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย และพร้อมใจกันจูงมือวิ่งเข้าโรงเรียนไปทันที!!
    อย่าคิดว่าเราจะเกิดพิศวาสกันขึ้นมาหรอกนะ เพราะนายนั่นมันปล่อยมือฉัน!! และ..
    “ไปก่อนนะ ยัยเฉื่อย!!” กริ๊ดดดดดดด!!! แล้วมันก็วิ่งใส่เกียร์หมาไปนู่นเลย! ทิ้งฉันให้ยืนอึ้ง!!
    “เธอ! มานี่เลย!!” โอว๊!! ไม่นะไม่... นอกจากจะโดนแถวสาย โดนด่า เกือบตาย ฉันยังต้องโดนศักดิ์ศรีเล่นงานอีกใช่ไหม!!!!! ทำไมวันนี้มันซวยขนาดนี้วะเนี่ย!!!!!!!!!!! แล้วไอ้รองเท้าเน่า สรุปว่ามันดีหรือมันเลวกันแน่วะเนี่ยยยยยย!!!! อ๊ากกกกก!!
     
     
    หลังจากที่ฉันโดนเข้าห้องปกครอง ก็ชี้แจงอะไรต่างๆนานา ปรากฏว่า รอด! ฉันจึงได้เข้าเรียนกับชาวบ้านเขาซักที.... และตอนนี้ ก็เป็นพักกลางวัน พวกเราจึงมานั่งกินข้าวที่โรงอาหาร ซึ่งก็มีคนมองพวกเรา รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นดาราเลยแฮะ! แต่ฉันก็ฮาไม่ค่อยออก เพราะเพื่อนในกลุ่ม หน้าตาแต่ละคนไม่ค่อยยิ้มกันเลย... แต่อย่างว่า จะให้คนที่เพิ่งเห็นคนตายมาสดๆเมื่อวาน มาหัวเราะยิ้มเริงร่า ก็บ้าเกินไปแล้ว...
     
    “เธอ...” เสียงเรียกทำให้ฉันเงยหน้าจากจากข้าวขึ้นมามอง คิดว่าใคร นายรองเท้าเน่านี่เอง...
    “เฮ้ย! ใครวะบลู มีกิ๊กไม่บอกเพื่อนนะมึง!!” ลีน่าถามขึ้น
    “วันนี้ไปบ้านฉันนะ...”
    “เหอ!!” ฉันตาโตอ้าปากค้างทันที มันคงเป็นภาพที่อุบาทมากอ่ะจริง
    “เฮ้ย! ชวนไปบ้านเลยหรอวะ!!” แอร์พูดขึ้น ทุกคนในกลุ่มจึงมองฉันด้วยสายตาจับผิด เฮ้ย หนูเปล่า! หนูเปล่าเป็นอะไรกับมันนะ!
    “เอ่อ...เฮ้ย ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดนะ เค้าเปล่า!” ฉันรีบปฏิเสธเพื่อนๆทันที
    “พวกเธอด้วย.. พ่ออยากเจอน่ะ” นายรองเท้าเน่าพูดขึ้น
    “พ่อ? พ่อใครวะ แล้วแกเป็นใคร มารู้จักกับพวกเราตอนไหนวะเนี่ย?” แต้วถามขึ้นบ้าง
    “ฉันชื่อ เนตร ฉันไม่รู้ว่าทำไมพ่อต้องการพบพวกเธอ ฉันถือว่าหน้าที่เสร็จแล้ว พวกเธอจะไปหรือไม่ ก็แล้วแต่เถอะ...” พูดจบก็ทำหน้าเนือยๆ แล้วก็ลุกไป อ้าวไอ้นี่! นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป.. อะไรของมันวะ?
    “บลู แฟนมึงแปลกคนว่ะ! อยู่ดีๆจะให้พวกเราไปหาพ่อมันเนี่ยนะ ไม่ใช่มันจะให้พ่อมันขอแกแต่งงานหรอเว๊!!” ดาพูดขึ้นบ้าง
    “เฮ้ย!! ฉันก็เพิ่งรู้จักอีตานั่นพร้อมๆกับพวกแกนั่นแหละ ช่างเขาเถอะ...อย่าไปสนใจเลย” ฉันว่าจบก็กินข้าวต่อ แต่ก็อดคิดถึงเรื่องที่นายรองเท้าเน่า เอ้ย นายเนตรพูดไม่ได้... ทำไมต้องชวนพวกเราไปบ้านเขาด้วยนะ ทั้งๆที่เพิ่งรู้จักชื่อกันแท้ๆ
     
     
    **** Part’ AIR ****
     
    ฉันนั่งฟังอาจารย์สอนเลขไปอย่างหลับๆตื่นๆ วิชาบ้าอะไรก็ไม่รู้ ง่วงนอนชะมัด ฉันสังเกตข้างๆ ลีน่าหลับไปเรียบร้อย คนอื่นๆก็เตรียมจะฟุบหลับไปเช่นกัน แต่ยังเกรงใจอาจารย์อยู่นิดหน่อย
    ฉันหลับๆตื่นๆ แต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจ พร้อมกับขยี้ตาเล็กน้อย เพื่อปรับภาพให้ชัดขึ้น เฮ้ย!! นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม! ฉันมองไปที่หน้าต่าง ขยี้ตาเป็นสิบๆครั้ง ก็ยังเห็นเหมือนเดิมว่าผู้หญิงผมสีดำสนิทยาวถึงพื้น ใส่ชุดขาวทั้งตัว อย่างกับผีในหนังจูออน
    มัน....กำลังปีนหน้าต่างเข้ามา!!!
    อาจารย์ก็ยังสอนต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้หญิงคนนั้นผมปิดหน้า ทำให้ฉันมองไม่เห็นหน้าตา ฉันพยายามขยี้ตาอีกครั้ง เพราะคิดว่าตัวเองอาจจะหลอนไปเองก็ได้ แต่ไม่!! ผู้หญิงคนนั้นยังปีนเข้ามาอยู่!
    ฉันมองข้างๆ เพื่อจะถามลีน่า แต่ลีน่าหลับอยู่ จึงหันไปอีกข้าง เก้ามองหน้าฉันอย่างหวาดๆ และก็พยักหน้า ประมาณว่า กูก็เห็น!
    บลูที่หลับๆตื่นๆก็ตะลึงเช่นกัน และสะกิดดาให้ดู ตอนนี้กลุ่มของฉันไม่เป็นอันนอนกันแล้ว ตาสว่างกันยิ่งกว่าอะไร!  โยที่นั่งอยู่ไกลๆก็มองมาทางพวกเรา ประมาณว่า เห็นเหมือนกูใช่ไหม..
    ผู้หญิงคนนั้นค่อยๆเดินมาทีละก้าว...ทีละก้าว เสียงดัง กึก! กึก! กึก! ดังลั่นทั่วห้อง เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มในหน้าของฉัน ใจเย็นๆไว้แอร์ ก็แค่ผีที่มาหลอกตอนกลางวันแสกๆเท่านั้น
    กึก! กึก! กึก!
    มันค่อยๆเดินมาทีละก้าว...ทีละก้าว มันกำลังเดินมาที่พวกเรา!!!
    และฉันก็ต้องตะลึงอีกครั้ง!!! เพราะว่าใบหน้าที่ฉันคิดว่ามันถูกปกปิดไปด้วยเส้นผม มันไม่ใช่! แต่ที่ฉันไม่เห็น เพราะใบหน้าของมันอยู่ด้านหลังต่างหาก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ผู้หญิงคนนั้นค่อยๆหมุนคอกลับมาข้างหน้า ซึ่งเป็นภาพที่หลอนที่สุดในโลก!!!! ฉันเห็นบลูและดาเอามืออุดปากตัวเอง เพื่อไม่ให้ส่งเสียงดังมากนัก ทั้งสองคนน้ำตาไหลออกมา ตัวสั่นไปหมด ไม่ต่างจากแต้วที่ไม่กล้ามอง ยกมือไหว้สวดนโมตัสสะอยู่! ฉันก็ไม่ต่างกัน มือกุมพระที่ใส่อยู่ไว้แน่น!
    หึ...หึ...หึ....หึเสียงหัวเราะเย็นๆดังมาจากผู้หญิงคนนั้น เมื่อฉันเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นก็แทบช๊อก!!!!!!!!
    มันไม่มีหน้า!!! ทั้งหน้าของหล่อนมีแต่ปากที่ฉีกกว้างไปถึงหูเท่านั้นนนนน!!!!!!!!!
    ฉัน...สวย....ไหม...ฉันไม่รู้ว่ามันถามใคร เพราะทั้งหน้ามันมีแต่ปาก จะรู้ได้ไงล่ะ ว่ามันมองไปทางไหน! มันเดินมาทางพวกเราเรื่อยๆ ทีละก้าว...ทีละก้าว อย่างเชื่องช้า ในแต่ละก้าวที่มันก้าวมา ทำฉันแทบขาดใจ!!
    “แอร์ มึงเป็นอะไรวะ?” ลีน่าถามฉัน ฉันจึงส่ายหน้าถี่ๆ แต่ตอนนี้น้ำตากูไหลแล้ว! มันมาแล้ว!!! มันเดินมาอยู่ข้างๆลีน่าแล้ว!!!!
    ฉัน....สวย....ไหม.... มันยื่นหน้าปากฉีกของมันมากระซิบที่หูของลีน่า แต่ดูเหมือนว่าลีน่าจะไม่เห็นมันเลยซักนิด!
    “ลีน่า!! กูวาดภาพพี่ BBสวยไหม!!” เสียงของตูนถามขึ้นจากไกลๆ ลีน่าหันไปมอง และตอบด้วยความมั่นใจ เสียงดังฟังชัดว่า..
    “ไม่สวยเลยซักนิด!!!!!!”
    ซวยแล้วมึง!!!!! อีผีตัวนั้นดูเหมือนจะโกรธมาก มันอ้าปากฉีกๆของมัน จนเห็นฟันอันอุบาทที่น่าขยะแขยง! มันค่อยๆเอาลิ้นยาวๆของมันออกมาพันคอของลีน่า และเหมือนว่าลีน่าจะไม่รู้ตัวเลยซักนิด!!! ทำไงดี!! ทำไงดี!!
    ฉันปิดปากร้องไห้ ภาพที่เห็นมันน่ากลัวมาก ลีน่ากำลังโดนผีเอาลิ้นพันคออยู่ แต่มันก็ยังคุยกับตูนข้ามหัวผีอย่างสนุกสนาน!!!!!!!!!!!!!!
    เชี่ย! มึงกำลังจะตายนะโว๊ย!!
    “เค๊กๆ แอร์ เหมือนมีอะไรมาพันคอกูอยู่เลยอ่ะ โอ๊ยยย อึดอัด!” มึงเพิ่งรู้ตัวหรอ! ฉันได้สติอีกครั้ง เมื่อเห็นเพื่อนทำท่าเหมือนหายใจไม่ออก
    “แอร์!! เอาคัตเตอร์ตัดลิ้นมันสิโว๊ยยยยยยย!!!!!!!” แต้วตะโกนดังลั่น พร้อมกับยัดคัตเตอร์ใส่มือฉัน
    “แอร์!! กูหายใจไม่ออก!!!” ลีน่าดิ้นพล่านอยู่ภายใต้ลิ้นของอีผีตัวนั้น ทำให้ฉันไม่ลังเลอีกต่อไป!!!  
    ฉึกกกกกกกกกก!!!! กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!
    ฉันสะบัดคัตเตอร์ตัดลิ้นของมันทีเดียว!!!!! เลือดแสนสกปรกกระชูดออกมาจากลิ้นของมันเต็มหน้าฉันและลีน่าไปหมด อีผีนั่นร้องโหยหวนเจ็บปวด แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว! แต่แม่ง ไม่เอาลิ้นของมันไปด้วยยยยย!!!!
    “อ่อก แค่กๆๆ” ลีน่าสำลักและเหมือนได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง! แต้วมาช่วยแกะลิ้นที่พันคอของลีน่าออกมา พร้อมกับโยนทิ้งออกไปนอกหน้าต่างอย่างขยะแขยง
    “เกือบตายแล้วไหมล่ะลีน่า” เก้าพูดขึ้นเสียงแผ่วเบา พร้อมกับนั่งร้องไห้อย่างเงียบๆ
    “เกิดอะไรขึ้นวะ...” ลีน่าถาม แต่สีหน้ายังคงต้องการอากาศหายใจเพิ่มอยู่
    “ผีปากฉีกมาถามว่ามึงสวยไหม มึงบอกไม่สวย แม่งเลยเอาลิ้นรัดคอมึงไง...”  ฉันอธิบายเสียงเบาจนเหมือนเสียงกระซิบ ตอนนี้ทั้งห้องเรียนมองมาที่พวกเราเหมือนตัวประหลาด แต่เมื่อฉันมองสบตา ทุกคนกลับหลบหน้าและหันไปเรียนเหมือนเดิม และเมื่อทุกคนหันกลับไป ก็มีเสียงวิภาควิจารณ์ต่างๆนานาดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจ
    พวกนี้ต้องเป็นบ้ากันไปหมดแล้วแน่ๆ
    เอาคัตเตอร์ไปตัดอะไรกันวะ น่ากลัวอ่ะ อย่าไปอยู่ใกล้เลย
    ถ้าเกิดบ้าแล้วฆ่าเราขึ้นมา บรึ้ยย น่ากลัวที่สุดอ่ะ
    ฉันหลับตา ไม่อยากเห็น ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น... จะไปโทษใครก็ไม่ได้หรอก จะไปโทษใคร ไม่ได้เลย....
     
    “เฮ้อิงค์! คิดถึงกูไหม!!” ฉันทักทายเพื่อน เห็นว่าพยาบาลกำลังป้อนข้าวอิงค์อยู่ พวกเรามาเยี่ยมอิงค์เหมือนเดิมทุกวัน จนพยาบาลจำหน้าพวกเราได้แล้ว
    “เออ...มาตอนกูกินข้าวทุกทีอ่ะ แล้วก็จะมาแย่งกูกินชิมิ!” นั่นไง รู้ทัน!
    “เฮ้ย เค้าเอาขนมมาตรึม!!” โยพูดขึ้น พร้อมกับไปเอาจานมาใส่ขนมทันที
    “วันนี้ บลูกับลีน่าโดนทำร้ายมาหรือเปล่า?” อิงค์ถามขึ้นนิ่งๆ ทำให้พวกเราขนลุกทันที หลายครั้งที่อิงค์ถามในเรื่องที่เป็นความจริง แต่พวกเราก็เลือกที่จะโกหก เพราะไม่อยากให้เพื่อนไม่สบายใจ และครั้งนี้ก็เช่นกัน..
    “เปล่าซะหน่อย กูสบายดี...ใช่ไหมบลู ฮ่าๆ” ลีน่าโกหกอย่างเริงร่า
    “เออ..ก็ดีแล้ว แอร์...มึงอย่าเดินไปใต้ตึกนะ เก้า มึงควรจะระวังของมีคมนะ แต้ว มึงก็เหมือนกัน...ช่วงนี้มึงอย่าเพิ่งไปใกล้อะไรร้อนๆล่ะ โยด้วยระวังบ่อน้ำหน่อยนะ ป๋า...มึง..”
    “เฮ้ยเดี๋ยวๆๆ มึงอะไรวะเนี่ยอิงค์ มาเยี่ยมทั้งที อย่าพูดแต่เรื่องเครียดๆดิว๊า!!” ฉันปรามอิงค์ไว้ เพราะตอนที่อิงค์พูด อิงค์น้ำตาไหลพราก และเตือนพวกเราออกมาอย่างสับสน ให้ตายเถอะ ฉันไม่ชอบนักหรอก เวลาที่เพื่อนร้องไห้น่ะ!!
    “กูไม่ได้เครียด....พวกมึงสัญญานะ ว่าจะทำตามที่กูบอก...ป๋ามึงอย่าใกล้สัตว์ทุกชนิดละกัน... บลูกับลีน่าพวกมึงก็ต้องระวังด้วยนะ...”  อิงค์พูดจบก็ปาดน้ำตาที่ไหลออกมา  แล้วมันก็ยิ้มแฉ่ง! อะไรจะเปลี่ยนอารมณ์เร็วขนาดน้านนนน!!
    “เฮ้ย! กูตกใจกับอารมณ์มึงเหลือเกิน!” แต้วพูดขึ้น แล้วมันก็หยิบแตงโม(อาหารคนไข้) กินหน้าตาเฉย
    “เออน่าๆ มากินหนมกันเหอะ กูเบื่ออาหารโรงบาลจะแย่!” อิงค์ยังคงต้องอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะสาเหตุที่อิงค์ตาบอดยังออกมาไม่ชัดเจนนัก คุณหมอจึงอยากให้อยู่เพื่อรอดูอาการ ฉันก็ได้แต่บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้เพื่อนของฉันหายไวๆ เราจะได้กลับมามีความสุขกันเหมือนเดิม... ฉันได้แต่ภาวนา ว่าอย่าให้พวกเราได้รับอันตรายกันอีกเลย...
     
    _________________________________________
     
     
    โอ้เย อ่านจบแล้วเมนท์!!! เมนท์ให้กำลังใจเค้าบ้างนะเออ~ 55555555+
    ตอนนี้กำลังปั่น เนื่องจาก บิ๊วเร่งมือมาก >3<!! อิอิอิ




    nu eng
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×