ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ●The Lipper King (เดอะ ลิบเปอร์คิง) By : ไรวินท์ ●

    ลำดับตอนที่ #10 : ● Chapter 9 Ξ

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 54


    Story : The Lipper King 
    BY: ไรวินท์
     
    Chapter 9  
     
    **** Part’ Yo ****
     
    ตอนนี้เป็นเวลา 1 ทุ่มกว่าๆ อิงค์นอนฟังวิทยุ ส่วนฉันก็นั่งอ่านนิยายอยู่ ตอนนี้ทุกคนคงจะไปล่าผีกันแล้ว ขอภาวนาให้เพื่อนทุกคนปลอดภัยด้วยเถอะ...
     
    “โย...ถ้าใครซักคนในกลุ่มเราต้องหายไป แกจะทำยังไงต่อวะ?” อิงค์พูดขึ้น
    “.....จะต้องไม่มีใครหายไป...เชื่อฉันสิ”
     
    ซักพักอิงค์ก็นอนหันหลังให้ฉัน...
     
    อึกๆ ฮือออออออ ฮืออออออ ได้โปรด อึก ฮือออออออ
     
    เสียงสะอื้นที่อิงค์พยายามปกปิดดังก้องในหัวของฉัน... ฉันรู้สึกใจไม่ดี แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไง? ในเวลานี้ฉันทำได้เพียงเข้าไปกอดเพื่อปลอบประโลมเพื่อนเท่านั้น...ทำได้เพียงให้อิงค์รับรู้ว่าฉันยังอยู่ตรงนี้ เท่านั้นเอง...
     
    ......
     
     
    เฮือกกกก!!!
    ฝันร้าย! ฉันสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอีกครั้ง เฮ้อ มันก็แค่ฝันน่ะโย...
     
    มาหาฉันสิ
     
    เสียงเรียก...จากที่ไหนนะ? สายตาเริ่มปรับให้เข้ากับความมืด ทำให้ฉันเห็นเงาลางๆของผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ปลายเตียง
     
    ไปกับฉันสิ
     
    ผู้หญิงคนนั้นใส่ชุดคลุมสีดำ มีเคียวเป็นอาวุธข้างกาย ให้ความรู้สึกไม่เหมือนวิญญาณทั่วไป เพราะรอบๆกายมีมวลอากาศสีดำลอยอยู่รอบๆตัว ผู้หญิงคนนั้นตัวไม่สูงมากนัก หรือจะเป็น...ยมทูต...
     
    ไม่ไป ฉันจะไม่ไปไหนกับใครทั้งนั้น!
     
    ไปกับฉันสิ...ไปกับฉัน....หึ หึ หึ หึ
     
    ผู้หญิงคนนั้นค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา
     
    “เน!!!!!!”
     
    ...................
     
    ฝันอย่างงั้นหรอ??
    เมื่อกี้ ฉันฝันเห็น ‘เน’ อย่างงั้นหรอ?
     
    เน คือเพื่อนใหม่ ที่เพิ่งมาเรียนเมื่ออาทิตย์ก่อน จริงๆแล้วไม่ใช่เพื่อนใหม่อะไรหรอก แต่ว่าเนไม่เคยมาโรงเรียนเลยต่างหาก... และเพิ่งจะมาเรียนได้เมื่ออาทิตย์ก่อน สร้างความประหลาดใจให้กับเพื่อนมาก แม้แต่ตัวฉันเอง เพราะฉันได้ยินข่าวมาว่าที่เนไม่มาโรงเรียนเพราะหายตัวไปอย่างไร้ร่องลอย
    และคืนนี้ ฉันฝันเห็นเน...แต่ความรู้สึกมันไม่เหมือนความฝันเลยแฮะ แต่ก็คงจะไม่เป็นเรื่องจริง ฉันคงจะคิดมากไปนั่นแหละ
     
    “ตะโกนซะดังเลย ฝันเห็นเนหรอ...” อิงค์ถามฉันขึ้นในความมืด
    “อื้ม..ทำไมถึงรู้ล่ะ??”
    “ฝันเหมือนกัน...”
    “ฮะ! ฝันว่าเนเป็น....”
    “อื้อ...” แล้วอิงค์ก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเลย...
     
    ถ้าอิงค์ฝัน...ก็แปลว่ามันจะเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?
     
    ..................
     
    **** Part’ AIR ****
     
    ฉันนั่งมองบุคคลตรงหน้า ที่มาช่วยฉันกับดา จากผีตัวเมื่อกี้...
    คนคนนี้เป็นเพื่อนในห้องของเรา
    คนคนนี้ชื่อ อันอัน...
    คนคนนี้เป็น เพื่อนผู้ไม่พูด
     
    อันอัน เป็นเพื่อนที่อยู่ในห้องคนเดียว ที่ไม่มีใครกล้าไปคุยด้วย เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า ถึงพูดให้ตายยังไง ก็จะไม่ได้ยินเสียงตอบรับมาจากอันอันอยู่ดี... อันอันไม่ได้เป็นใบ้ แต่แค่ไม่พูดเท่านั้นเอง...
    ฉันมองไปรอบๆห้อง บริเวณผนังแทบจะไม่เหลือช่องให้เห็นว่าทาสีห้องเป็นสีอะไร เพราะเต็มไปด้วยกระดาษ ที่มีข้อความเต็มไปหมด อีกด้านหนึ่งของผนังก็เป็นหน้าตาของอาวุธแปลกๆ ที่ถูกดัดแปลงเหมือนในหนังแฟนตาซี
    หลังจากที่พวกเราเจออันอัน เธอก็พาเราเดินมาที่หลังโรงเรียน และพาเราเดินลงมาที่ห้องใต้ดิน ที่อยู่ใต้ตึกของบ้านพักนักการ
     
    “มากันแล้วหรอจ๊ะเด็กๆ” เสียงเย็นๆ ชวนขนหัวลุกทำให้ฉันมองไปทางต้นเสียง ที่ลอยทะลุผ่านประตูมา ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าเป็นวิญญาณ
     
    “เอ่อ...สะ...สวัสดีค่ะ” ด้วยความมารยาทดี ฉันจึงยกมือไหว้ รับรู้ได้ว่า วิญญาณตนนี้มาดี วิญญาณที่ว่าเป็นผู้หญิง อายุน่าจะซักประมาณ 25-30 ปี หน้าตาน่ารักมาก และจุดเด่นที่สำคัญเลยก็คือ หล่อนใส่ ‘ชุดเจ้าสาว’ อยู่น่ะสิ
     
    “ฉันชื่อ ธัญญา ฉันตายเพราะถูกฆาตกรรม ในวันแต่งงาน...อันอันเป็นคนช่วยฉันไว้จากยมทูต ฉันคงจะไม่ไปไหน ถ้ายังหาตัวคนร้ายไม่เจอ ก็เลยมาอยู่ที่นี่น่ะจะ” อ๋อ เป็นอย่างงี้นี่เอง
     
    “ถ้าจะคุยกับอัน ก็คุยผ่านฉันนี่แหละจะ เพราะอันเค้าจะไม่พูด”
    “ทำไมหรอคะ?” ดาถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
    “ลองถามอันสิจ๊ะ” เป็นคำตอบที่ทุกคนต่างรู้ดีว่า ‘ไม่มีวันจะได้คำตอบแน่ๆ’
    “เข้าเรื่องเถอะค่ะ ทำไมอันถึงมีอาวุธพวกนี้? แล้วทำไมถึงมาช่วยพวกเราได้ แสดงว่าเธอรู้เรื่องของพวกเราใช่ไหม?” ฉันมองไปที่คุณธัญญา และอันอันสลับกัน
    “ทีละคำถามนะจ๊ะ พวกเรารู้เรื่องของพวกเธอพอสมควร เพราะว่าตอนนี้วิญญาณชั่วร้ายมีปริมาณเยอะกว่าความจำเป็น ทำให้วิญญาณดีๆเริ่มเดือดร้อนกันแล้ว อย่างเช่นฉัน นอกจากจะต้องหลบยมทูตแล้ว ยังต้องหลบวิญญาณชั่วร้ายด้วยกันเองอีก... ซึ่งพวกเธอ ที่คิดจะทำพิธี อัฏฐะบูชยัน จริงๆแก่นของพิธีนี้มันคือการส่งวิญญาณที่ชั่วร้ายถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนที่มีอยู่ ไปสู่ที่ที่พวกเขาควรจะอยู่ ทำให้มิติมีความสมดุล ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่างว่า ถ้าพวกเธอทำไม่สำเร็จ ก็เท่ากับ ตาย..” 
    “อาวุธพวกนี้ จะช่วยพวกเธอได้ส่วนหนึ่ง แต่ที่ต้องมีประกอบกันก็คือฝีมือ... อันอันจะมอบอาวุธพวกนี้ให้กับพวกเธอนะจ๊ะ”
     
    พรวดดดดด ตุบ ตุบ ตุบ!! โอ๊ยยยยย!!!!
    เสียงวัตถุขนาดใหญ่ตกลงมาจากบันได ทำให้ทุกคนหันไปมอง ไม่ใช่อะไรที่ไหน มันคือลีน่านั่นเอง!!
     
    “อุ๊ปส์ คึกๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ก๊ากกกก สมน้ำน่า!! 555555+” เสียงหัวเราะดังลั่นจากสามคนที่เดินตามมาจากข้างหลัง แม้แต่ฉันกับดายังอดฮาด้วยไม่ได้
     
    “พวกมึงนะ! ขำกูนัก เดี๋ยวกรรมก็ตามสนอง!!” ลีน่าแช่ง แล้วมันก็เดินด้วยสภาพไม่เหมือนคนปกติ มานั่งข้างๆฉัน ส่วนพวกที่เหลือก็เดินขำกันมาอย่างสะใจ
     
    เหวอออออ!!!!! อ๊ากกกกกกก!!!!!!! ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ!!!
     
    ก๊ากกกก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ 5555555555555+ คราวนี้ฉัน ลีน่า และดา ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสุดจะทน เพราะ บลู ที่อยู่บนสุดสะดุดล้ม ทำให้เป็นโดมิโน่ กลิ้งลงมาพร้อมกันทั้งสามคน!!! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!
     
    ......
     
    “ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหมจ๊ะ?” คุณธัญญาถามขึ้น หลังจากที่ทุกคน นวดขานวดแขนกันไปซักพัก
    “พร้อมแล้วค่ะ...” ฉันตอบ อันอันจึงหยิบ กล่องใบนึง ซึ่งเป็นกล่องเหล็ก ที่ขนาดใหญ่มาก ขนาดเท่าโรงศพเลยก็ว่าได้
    “.....” อันอัน นำอาวุธมาวางไว้บนโต๊ะ ทั้งหมดมี 5 ชิ้น
    “พวกเรามี 8 คนนะอัน” บลูพูดขึ้น อันมองสบตาบลู แล้วก็ไม่พูดอะไรเหมือนเดิม... และอาวุธก็ยังมีจำนวน 5 ชิ้นเท่าเดิม
    “......” อันแจกอาวุธให้เพื่อนแต่ละคน ฉันรับปืนสองกระบอกไว้ในมือ
    อึก! หนักชิบหาย!! ปืนบ้าอะไรวะ ฉันแทบจะวางลงทันที เพราะปืนหนักมาก! กะน้ำหนักปะมาณ 4-5 โลได้
    ดา ได้ขวานไปหนึ่งอัน ซึ่งฉันเดาได้ว่ามันคงจะหนักมากเหมือนกัน เพราะตอนนี้ดาก็แทบจะวางมันลงทันที
    เก้า ได้หน้าไม้ไป บลู ได้ไม้กระบองขนาด 2 ฟุตไป ส่วนลีน่า อันอันชี้ไปที่กำแพง
    “ไปหยิบมาสิจ๊ะ อันนั้นเป็นของเธอ” คุณธัญญาพูด ทำให้ลีน่าที่ถึงขั้นต้องใช้ไม่เท้าช่วยพยุงตัว เดินไปหยิบมัน อาวุธที่ติดอยู่ที่กำแพง มันคือ คันธนูสีเพลิง ที่ถูกเกะสลักอย่างประณีตสวยงาม ฉันเพิ่งสังเกตว่า อาวุธทุกอันมันถูกเกะสลักอย่างสวยงามมาก แม้แต่ปืนของฉันเองก็เถอะ
    “อ้าว แล้วทำไมกูไม่ได้เว๊???” แต้วถามขึ้น อันจึงชี้ไปที่กระเป๋าเป้ของแต้ว แต้วจึงหยิบดาบเล่มหนึ่งขึ้นมา
    “อันนั้นแหละจ่ะ คืออาวุธของเธอ...” คุณธัญญาพูด แล้วอันก็เขียนข้อความอะไรซักอย่างลงในกระดาษ แล้วเอามาให้พวกเราอ่าน...
    อาวุธทุกอันจะเลือกเจ้าของของมันเอง...อาวุธทุกอันมีชีวิต มีหัวใจ และมีจิตวิญญาณ พวกเธอต้องดูแลพวกเขาอย่างดี และใช้ในทางที่ถูกต้อง ถ้าเมื่อไหร่ที่พวกเธอใช้มันในทางที่ผิด เมื่อนั้น มันจะกลับมาทำร้ายพวกเธอเอง...
    “การใช้อาวุธพวกนี้จะมีข้อแม้นิดนึงนะจ๊ะ เมื่อไหร่ที่พวกเธอใช้ พลังวิญญาณก็จะลดลง... ทำให้พวกเธอเหนื่อยอ่อน และอ่อนแรงได้ และถ้าถึงขีดจำกัดของพลังวิญญาณแล้ว ก็อาจจะทำให้วิญญาณแตกสลายได้ หรือตายนั่นเอง...”
    “อ้าว แล้วจะใช้ทำไมล่ะเฮ้ย?” เก้าถามขึ้นมาด้วยความงง
    “มึงจะใช้หม้อกับกระทะตลอดไปไม่ได้หรอกนะไอเก้า!!” แต้วเลยสวนขึ้นมา อื้ม ก็จริง...
     
    “อีกสองชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว พวกเธอควรกลับบ้านกันได้แล้วนะจ๊ะ” คุณธัญญาพูดขึ้น
    “ขอบคุณมากนะคะคุณธัญญา ขอบคุณมากนะอันอัน” พวกเรากล่าวขอบคุณ และไปจากที่นี่ทันที
    พร้อมด้วยแบกอาวุธที่โคตรหนัก!!!
     
    ________________________________________
     
    เมาท์มอยนิดนึง~
    เรื่องนี้มันจะเป็นแนวแฟนตาซี ผสม Comedy ผสมThriller ผสม Horror และจะหาแก่นสารไม่ค่อยได้ 55555+
    ขออภัยถ้าไม่ถูกใจ อิอิ เพิ่งหัดแต่งแนวนี้ครั้งแรก -3-
    นิยายเรื่องนี้ภาษาสละสลวยอาจจะไม่ใช่ แต่ความจริงใจ หนูมีให้แบบจัดเต็ม55555555+ อะไรของกู? >.<
     
    อ่านจบละเมนท์เป็นกำลังใจด้วยนะค๊าบผม 
     
    ขอบคุณสำหรับทุกคนที่ติดตามมาถึงตอน 9 อิอิ!!!



    nu eng
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×