คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เพื่อนรัก
ฤดูหนาวของปีนี้ก็ไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่นักสำหรับ “กันยุตา” หญิงสาวพลิกตัวไปมาบนที่นอนหนานุ่มอย่างเบื่อหน่ายและออ่นล้าผลจากการคร่ำเคร่งอ่านหนังสือเตรียมสอบเมื่อคืนส่งผลให้เช้านี้ของเธอไม่สดใสเท่าใดนัก หญิงสาวบิดขี้เกียจไปมาเพื่อขับไล่ความง่วงงุ่นก่อนเดินโซซัดโซเซ เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวและชำระร่างกาย วันนี้มีสอบ และถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าถึงอย่างไรก็ต้องผ่านแต่สำหรับ กันยุตาแล้วความไม่ประมาทเป็นอะไรที่ต้องคอยย้ำเตือนตัวเองเสมอ
หญิงสาวออกจากหอพักมาที่มหาวิทยาลัยแต่เช้าตรู่ เพื่อทบทวนสิ่งที่คร่ำเคร่งอ่านมาตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนจะเดินผิวปากเข้าห้องสอบอย่างสบายอารมณ์
“เฮ้อ!! เซ็งจริงเลยทำไม่ได้เลยอ่ะ ไม่เหมือนกัน เลยทำแป๊บเดียวสงสัยAอีกแหงม”เจ้าของเสียงเป็นสาวน้อยร่างเล็กน่ารักผิวขาวจัดจนออกซีด ริมฝีปากอวบอิ่มเบ้เล็กน้อยเหมือนคนกำลังจะร้องให้ กันยุตาหัวเราะเจ้าของเสียงใสอย่างเอ็นดู อนัญญา หรือนัท สำหรับเธอแล้วเป็นมากกว่าเพื่อน แต่เป็นคนที่กันยุตาต้องดูแลเพื่อไถ่ถอนและชดใช้อะไรบางอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต อะไรบางอย่างที่หญิงสาวเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ กันยุตารู้เพียงแค่ว่า เพียงเห็นหน้า อนัญญาแวบแรก ความรู้สึกผิดและต้องชดใช้ก็เข้ามาครอบคลุมจิตใจของเธอ ทำให้หญิงสาวต้องเข้าไปใกล้ชิดและคอยดูแล อนัญญาตั้งแต่วันนั้น และกลายเป็นเพื่อนรักกันในที่สุด
“คิดมากน่านัท” หญิงสาวตบเบาๆที่ไหล่บางอย่างปลอบประโลมและให้ความเชื่อมั่น “นัทน่ะไม่ตกหรอกทำยังไงก็ไม่ตกเกรดอาจจะไม่ดีมากแต่ผ่านชัวว์ เชื่อเราสิ” ดวงตากลมโตเหลือบมองใบหน้าหวานแอบเฉี่ยว ของเพื่อนรักนิ่ง หลายครั้งแล้วที่ กันยุตาชอบพูดอะไรแปลกๆลักษณะนี้ แต่อะไรก็คงไม่แปลกเท่ากับสิ่งที่ กันยุตาพูดมักจะเป็นจริงเสมอในอนาคตอันใกล้ อนัญญาได้แต่ทอดถอนใจและ สงสารในชะตากรรมที่แปลกประหลาดยิ่งของเพื่อนเธอ
“พูดอย่างนี้อีกแล้วนะกัน นัทไม่ชอบเลยแม้จะรู้ว่าสิ่งที่กันพูดมันจะเป็นความจริง แต่นัทก็ไม่ชอบ นัทไม่อยากให้กันผิดแปลกจากคนอื่น” ดวงตาคมเฉี่ยวแฝงแววเศร้าจับจ้องมองร่างเล็กของเพื่อนรักที่นั่งอยู่ตรงหน้า กันยุตารู้ดีว่า อนัญญารักและห่วงเธอมากแค่ไหน นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้นไปอีก
‘ถ้าเป็นไปได้ กัน ก็ไม่อยากให้เรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นหรอกนัท กัน ไม่อยากทำร้ายนัท ไม่อยากทำให้นัทเสียใจ แต่กันห้ามไม่ได้เปลี่ยนแปลงชะตากรรมก็ไม่ได้ ทำได้แค่เพียงหลีกเลี่ยง เพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น กัน ขอโทษ’ หญิงสาวพร่ำเอ่ยถ้อยคำเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในใจ มือเรียวบางสวยเอื้อมไปกุมมือบางขาวซีดของคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างขอบใจสุดซึ้ง
“ขอโทษนะ นัท กัน รู้ว่านัทห่วงกันแค่ไหน แต่กันห้ามมันไม่ได้หรอก มันเกิดขึ้นเอง มันอยู่ในนี้” หญิงสาววางมือที่ตำแหน่งของหัวใจ “เวลาที่กัน จะเห็นอะไรสักอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น ตรงนี้มันจะเต้นแรงขึ้นๆ แล้วภาพต่างๆมันก็จะค่อยๆปรากฏขึ้นเหมือนเงาที่สะท้อนในน้ำและชัดเจนขึ้นทีละน้อยๆ เราเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเราไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้เลยนะให้ตายสิ” อนัญญา บีบมือเรียวสวยของเพื่อนเบาๆอย่างให้กำลังใจชะตากรรมแบบนี้ถ้าเกิดขึ้นกับตัวเธอ หญิงสาวบอบบางแถมขี้โรคอย่างเธอคงต้านทานและตั้งรับไม่ไหวเป็นแน่ ดั้งนั้น อนัญญาจึงรู้สึกทึ่งในตัวกันยุตาที่ทำใจยอมรับและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสิ่งเหล่านั้นได้อย่างน่าอรรศจรรย์
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะกันยังไงนัทก็ไม่อยากให้กันพูดหรือทำอะไรที่จะทำให้ มันกลายเป็นสิ่งที่สำคัณที่สุดสำหรับตัวกันเอง”
“อืม! เราจะพยายาม เฮ้อ! เปลี่ยนเรื่องเถอะนัทพูดเรื่องนี้ทีไร เครียดทุกทีเลย ว่าแต่ที่นัทเล่าให้เราฟังว่าพี่นิตรจะกลับจากอังกฤษน่ะ กลับเมื่อไหร่เหรอ” กันยุตาเฉไฉเปลี่ยนไปเรื่องอื่น
“อ้อ! คงเร็วๆนี้แหละแต่เราก็ยังไม่รู้แน่ชัดเหมือนกัน เพราะพี่นิตร ไม่ได้บอกเอาไว้ชัดเจนน่ะ แต่คาดว่าคงเป็นต้นเดือนมิถุนา
. อ้อ เห็นเล่าให้ฟังเหมือนกันนะว่าอาจจะมีเพื่อนมาด้วยเห็นว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันตั้งแต่ตอนไปเรียนใหม่ๆ”
“เพื่อนเหรอ!” กันยุตาพึมพำเบาๆหัวใจเต้นแรงขึ้นๆ บ่งบอกถึงอะไรบางอย่างที่กำลังเดินทางใกล้เข้ามา อะไรบางอย่างที่หญิงสาวพยายามหลีกเลี่ยงตลอดเวลา แต่ ณ ตอนนี้กันยุตาคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันไปได้อีกเป็นแน่แท้เพราะจิตใต้สำนึกของเธอมันบอกเช่นนั้น อนัญญา มองหน้าเพื่อนรักอย่างแปลกใจระคนตกใจตอนนี้ใบหน้าหวานแอบเฉี่ยวของกันยุตาเริ่มขาวซีดปราศจากสีเลือดริมฝีปากบางสวยสั่นระริก มือบางเย็นเฉียบ อาการแบบนี้อีกแล้วอาการที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของหญิงสาวที่คนอื่นไม่สามารถเป็นได้อย่างเธอ อนัญญาบีบกระชับมือเรียวของเพื่อนเบาๆเพื่อถ่ายเทความอบอุ่นไปให้
“เห็นอะไรอีกแล้ว ล่ะสิกัน”
“อืม!! แย่จัง อยู่ๆก็เห็นอีกแล้ว” กันยุตาพึมพำบอกเบาๆ
“คราวนี้เกี่ยวกับใครล่ะ เอ๊ะ หรือว่าเกี่ยวกับพี่นิตร”อนัญญา ถามอย่างแปลกใจระคนตกใจ กันยุตามองหน้าเพื่อนรักนิ่ง ความรู้สึกผิดแล่นขึ้นมาจับที่ขั้วของหัวใจอีกครั้ง อยากเหลือเกิน อยากที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้นัทร่วมรับรู้ เรื่องราวที่ติดค้างอยู่ในใจตั้งแต่วินาทีแรกที่พบหน้า แต่เธอก็ทำไม่ได้ กันยุตาทนเห็นเพื่อนรักต้องเสียใจเหมือนอย่างที่เธอเป็นไม่ได้เช่นกัน
“อืมเปล่าหรอก ไม่ใช่เรื่องของคนที่เรารู้จักหรอก แต่เป็นใครก็ไม่รู้อย่าใส่ใจกับไอ้อาการแปลกๆของเราเลย ... เฮ้อ หิวแล้วสิ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ยิ่งคิดยิ่งเครียด” กันยุตาฉุดอนัญญาออกเดินอย่างรีบเร่ง อย่างน้อยอ้างเรื่องหิวขึ้นมาทีไรอนัญญาก็มักจะลืมเรื่องที่กำลังพูดค้างๆกันไว้อยู่เสมอ เพราะใครๆก็รู้ว่าสาวน้อยบอบบางคนนี้กินจุอย่าบอกใครเชียว....
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิวันนี้ก็ยังคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาแตกต่างเชื้อชาติที่เดินขวักไขว่ไปมา ชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวเกือบซีดเพราะไปใช้ชีวิตที่เมืองหนาวมานานในชุดสูทสีขาวครีมกะกางเกงยีนยี่ห้อดังกำลังเดินยิ้มอวดฟันขาวเรียงตัวสวยตรงไปยังกลุ่มคนที่ยืนยิ้มสีหน้าปราบปรื้มดีใจกับการกลับมาของเค้า ‘อนิตร’ ยกมือไหว้ คุณอังกาบผู้เป็นแม่ก่อนโผเข้ากอดแน่นหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความคิดถึง
“คิดถึงคุณแม่จังเลยฮะ”
จากนั้นหันไปขยี้หัวน้องสาวคนเดียวอย่างรักใคร่เอ็นดู
“ไงน้องนัท คิดถึงพี่ชายสุดหล่อรึเปล่าเอ่ย” อนัญญายิ้มแป้นอย่างดีใจโผเข้ากอดแขนพี่ชายแจไม่ยอมปล่อย
“คิดถึง สิคะ นัทนั่งนับวันรอพี่นิตรเลยนะ เพราะว่าอยากได้ของฝากที่พี่นิตรสัญญาไว้ว่าจะเอามาให้ อิอิ” น้องสาวตัวแสบหยอดมุขเข้าให้เล่นเอาอนิตรปล่อยก๊าก
“ ฮ่าๆๆๆ ไม่คิดเลยว่าน้องน้อยของพี่จะแก่กล้าขนาดมีมุกกะเค้าด้วย”
“ไม่ใช่มุขซะหน่อยนัทพูดจริงๆนะพี่นิตรลืมล่ะสิว่าสัญญาอะไรไว้อะ” อนัญญาหน้างออย่างงอนๆ
“โธ่ๆ ใครจะกล้าลืมของฝากน้องสาวสุดที่รักล่ะจ๊ะ แต่ว่ามันไม่ได้อยู่ที่กระเป๋าพี่แต่อยู่ที่ไอ้เต .....ไอ้เต จริงด้วยไอ้เตไปไหนวะเนี่ย ตายแล้ว” อนิตรตกใจตาโตเมื่อนึกได้ว่าเค้ามีเพื่อนมาด้วยไม่ได้กลับมาคนเดียวแต่อย่างใดแต่ ณ ตอนนี้เพื่อนรักของเค้าไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย
“ตายโหง! แล้วครับคุณแม่ เพื่อนผมหาย” อนิตรหันไปพูดกับคุณอังกาบผู้เป็นมารดา
“อะไรกันลูก เพื่อนหายมาด้วยกันแท้ๆทำไมถึงได้คลาดกันได้ล่ะ”
“มันบอกผมว่าจะแยกไปซื้อของแป๊บนึงแล้วผมก็มัวแต่ดีใจที่ได้เจอ คุณแม่กับน้องนัทเลยลืมมันเลยฮะ”
“ตายจริง แล้วเค้าจะหาทางกลับถูกมั้ยลูก ฝรั่งรึเปล่า” คุณอังกาบพลอยตกอกตกใจไปกับลูกชายด้วย
“ไม่ใช่ฝรั่งหรอกฮะคนไทยนี่แหละ แต่ไปอยู่อเมริกาตั้งแต่ห้าขวบนี่ก็เพิ่งได้กลับมาเมืองไทย”อนิตรสาธยายยืดยาว
“ตายจริงแล้วเค้าจะหาทางกลับได้มั้ยเนี่ย” และก่อนที่ทุกคนจะตก อก ตกใจ มากไปกว่านั้นจู่ๆก็มีชายหนุ่มผิวคร้ามร่างสูงโปร่ง จมูกโด่งเป็นสันเดินลากกระเป๋าราคาแพงถูลู่ถูกังตรงเข้ามาหา
“อ้าว เฮ้ย ไอ้เต นายไปไหนมาวะ เราตกใจแทบแย่นึกว่าหลงซะแล้ว” อนิตรเดินไปตบบ่าเพื่อนรักที่เค้าเรียกว่าเตเบาๆ พร้อมแนะนำ
“คุณแม่ครับ น้องนัท นี่เพื่อนผม ชื่อ ตติพัฒน์ หรือ เต สนิทกันมากเค้าอยากมาเที่ยวเมืองไทยก็เลยตามผมมาด้วย และก็เต นี่แม่กับน้องสาวเรา ชื่อ น้องนัท” ตติพัฒน์ ยกมือขึ้นไหว้ผู้แก่วัยกว่าที่เป็นมารดาของเพื่อนรักก่อนจะหันไปรับไหว้สาวน้อยแก้มใสที่เตะตาเค้าตั้งแต่แรกเห็นคนนั้น
“อืม ไหว้พระเถอะพ่อคุณ เห็นนิตรเล่าให้ฟังว่าไม่มีญาติอยู่เมืองไทยเลยเหรอลูก เฮ้อ แย่เลยนะ อย่างนี้อยากจะกลับมาเยี่ยมบ้านทีคงลำบาก” คุณอังกาบพูดคุยกับเพื่อนสนิทลูกชายอย่างถูกชะตาขณะพากันเดินไปที่ลานจอดรถ
“ครับ พอดีครอบครัวผมย้ายไปอยู่สหรัฐตั้งแต่ผมอายุห้าขวบได้มั้ง เพราะคุณพ่อมีธุรกิจอยู่ทางโน้น” ตติพัฒน์ ตอบรับคำของคุณอังกาบพลางชำเรืองมองแก้มใสของสาวน้อยที่เดินเงียบเกาะแขนพี่ชายแจอยู่ข้างหน้า
‘น่ารัก น่ารักจริงๆเลยแก้มใสเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ เห็นทีว่ามาเมืองไทยครั้งนี้คงไม่เสียเปล่าเพราะดูท่าน้องสาวเจ้านิตรก็น่าสนไม่หยอก’
“ อืม”กันยุตารับคำเบาๆหลังจาก ได้ฟังเรื่องราวจากปากของอนัญญาที่พร่ำเพร้อ ถึงคนคนนั้นไม่หยุดปาก ถึงเวลาแล้วสินะถึงเวลาที่เรื่องราวต่างๆจะดำเนินไปตามทางของมัน...
“จริงๆนะกันตังแต่นัทเกิดมา นัทยังไม่เคยใจเต้นแรงเวลาที่เจอหน้าผู้ชายคนไหนมาก่อน พี่เตเป็น คนแรกและคงเป็นคนเดียวที่จะทำให้ นัทเกิดอาการแปลกๆอย่างนี้ได้” กันยุตาลอบถอนลมหายใจอย่างหนักหน่วง เส ยกแม็กกาซีนผู้หญิงยี่ห้อดังขึ้นมาบังหน้าทำท่าทีสนอกสนใจ แต่จริงๆแล้วภายในใจกำลังเหน็ดเหนื่อยและหวาดกลัวต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างหนักหูแว่วเสียงเพื่อนรักกำลังพร่ำรำพรรณถึงคนต้นเรื่องอย่างเลื่อนลอย
“นัทคิดว่ามันเป็นความรัก .... นัทกำลังตกหลุมรักล่ะ กัน” กันยุตารับฟังข้อความนี้ด้วยอาการเฉยเมย ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าอนัญญารักผู้ชายคนนั้น เธอรู้ รู้ทุกอย่าง รู้แม้กระทั่งว่าต่อไปจะเป็นยังไง ชะตากรรมแบบนั้น ชะตากรรมที่เธอรับรู้อยู่ทุกๆวันรับรู้แม้ขณะที่กำลังอยู่ในความฝัน ฝันที่ทำให้หญิงสาวต้องตกใจตื่นด้วยอาการเหงื่อโทรมตัวทุกครั้งเมื่อมันมาเยือน กันยุตาวางหนังสือลงและจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตที่บัดนี้มีแววหวานของห้วงรักที่ปรากฏออกมาชัดเจน เธอต้องพูด ยังไงเธอก็ต้องพูดก่อนที่ทุกอย่างจะสายจนเกินไป
“เค้าไม่ใช่เนื้อคู่ของนัทหรอก!...นัทจะเจ็บปวดมากมายเพราะเค้า ผู้ชายคนนี้จะทำให้นัทต้องเสียน้ำตา” พูดไปแล้วเธอพูดมันออกไปแล้ว ประโยคที่พยายามอดกลั้นมานานเกือบครึ่งชั่วโมง ทำไมนะทำไมเธอถึงไม่อดกลั้นมันอีกซักนิด ก็ดูตอนนี้สิรอยยิ้มสดใสของอนัญญาหายไปจากใบหน้าหวานๆแล้ว สิ่งที่มาแทนที่คือความตระหนกหวั่นเกรงที่กันยุตาไม่อยากเห็นมันเลย
“หมาย....หมายความว่าไงน่ะกัน” อนัญญาถามเสียงสั่นน้ำตาพาลจะไหลออกมาดื้อๆ
“เรารู้มานานแล้วว่าเค้าคนนั้นจะเข้ามาในชีวิตของนัท เรารู้ว่านัทจะมาบอกเราในวันนี้ว่ารักเค้า และเราก็รู้ว่าต่อไปมันจะเป็นยังไง นัทจะเจ็บปวด เสียใจเพราะว่านัทจะรักเค้ามากมายเหลือเกินแต่เค้าจะไม่รักนัท เค้าเห็นนัทเป็นของเล่นเห็นนัทเป็นแค่เพียงผู้หญิงคนนึงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเค้า” ทุกถ้อยคำที่พรั่งพรูออกจากปากกันยุตาเหมือนมีดที่กรีดไปที่เนื้อของอนัญญาซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้ำตาหยาดหยดลงมาเป็นสาย ริมฝีปากบางสั่นระริก หญิงสาวอยากจะโกรธเพื่อนรักที่พูดออกมาแบบนั้น แต่เธอก็ทำไม่ได้ อนัญญา รู้ดีว่าที่กันยุตาพูดมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่หญิงสาวก็อยากเหลือเกินที่จะทำใจยอมรับมัน ความรักของเธอยังไม่ทันจะเริ่มต้น แต่มันก็กำลังจะพังครืนลงซะแล้ว กันยุตาบีบมือบางของเพื่อนด้วยความเห็นใจ และเสียใจกับชะตากรรมของอนัญญาและรวมถึงตัวเธอเองด้วย หญิงสาวตัดสินใจแล้วว่าจะไม่บอก อนัญญา ว่าเธอเองก็จะต้องเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ด้วย อย่างน้อยมันก็น่าจะช่วยให้เพื่อนรักของเธอเสียใจน้อยลงบ้าง กันยุตาหวังไว้อย่างนั้น
“ตัดใจซะเถอะนัท มันยังไม่สายเกินไป อย่าปล่อยให้เรื่องราวมันถลำลึกลงไปมากกว่านี้เลย”
“เราทำได้ด้วยเหรอ กัน เราสามารถแก้ไขมันได้ด้วยเหรอ” คำถามที่หลุดลอดออกมาจากริมฝีปากบางที่กำลังกลั้นก้อนสะอื้นกลับลงไปกลางอก ทำเอากันยุตาต้องอึ้ง ....นั่นสิ มันแก้ไม่ได้ เรื่องนี้หญิงสาวรู้ดีเพราะเธอเองก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงและแก้ไขไม่ให้มันเกิดขึ้นตลอดมาแต่ทุกอย่างก็ยังเกิดจนได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้วนั่นเอง
“อย่างน้อยถึงมันจะแก้ไขไม่ได้ทั้งหมด แต่มันก็จะช่วยไม่ให้นัทต้องทรมานมากไปกว่าที่มันต้องเป็น อย่างน้อยที่สุดการอยู่ให้ห่างเค้าเอาไว้มันก็จะเป็นการป้องกันตัวและใจของนัทเองได้บ้าง”
“เราจะพยายามนะกัน แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน เพราะ การที่ต้องเห็นหน้าเค้าทุกวันในขณะที่เราเริ่มรู้ตัวว่าเรารักเค้าเข้าแล้วมันเป็นอะไรที่ทรมานเหลือเกิน” น้ำตา หลั่งรินอาบแก้มใสเป็นทางไม่ยอมหยุด ความรู้สึกของ อนัญญา ตอนนี้เหมือนมีเข็มนับร้อยนับพันดวงกำลังรุมทิ่มแทงที่หัวใจของเธอพร้อมๆกัน แต่อย่างน้อย กันยุตาก็พูดถูก การตัดไฟตั้งแต่ต้นลมอาจจะเป็นทางออกเดียวที่จะทำให้เรื่องราวต่างๆดำเนินมาถึงจุดจบตั้งแต่ที่มันยังไม่ทันจะเริ่ม ถอนหายใจขับไล่ความหนักที่มาจุกกลางอกแรงๆหนึ่งที ตัดใจ ใช่เธอต้องตัดใจ ตัดใจในสิ่งที่เพิ่งเริ่มให้มันถึงจุดสิ้นสุดโดยเร็วที่สุด......
“นัทจะเริ่มต้นยังไงดี กัน เพราะพอกลับบ้านไปนัทก็ต้องเจอเค้าแล้ว” หญิงสาวเอ่ยถามกันยุตาเสียงอ่อย
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่ทำใจให้แข็ง อย่าอ่อนไหวไปกับเค้า ไม่ว่าเค้าจะทำอะไร พูดอะไร ให้ทำเหมือนเค้าเป็นอากาศ ไม่มีตัวตน ถอยห่างจากเค้าอย่างน้อยสามก้าวเสมอ”
กันยุตารู้ดีว่าสิ่งที่เธอบอกให้อนัญญาทำนั้น แม้แต่ตัวเธอเองก็ช่างทำได้ยากเหลือเกิน........
“นัทหลบหน้าพี่!” อนัญญาตกใจแทบช็อคเมื่อหันหลังกลับไปเจอเจ้าของประโยคนั้น ยืนขมึงทึงปั้นหน้าเหมือนยักษ์ปักหลั่นวัดโพธิ์อยู่ข้างหลังเธอ ใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะอย่างระงับไม่อยู่ ใบหน้านวลแดงก่ำขึ้นมาอย่างห้ามไม่ทัน ‘ดูสิเพียงแค่เห็นหน้าพี่เต นัทก็เหมือนคนบ้าเสียสติทำอะไรไม่ถูกอย่างนี้ แล้วกี่วี่จะให้นัทตัดใจมองเค้าเป็นอากาศธาตุได้ยังไง’อนัญญาร่ำร้องถามเพื่อนรักอยู่ในใจ ก่อนตั้งสติและพยายามสบตากับสายตาคมของคนตัวสูงตรงหน้า
“นัทไม่ได้หลบ” หญิงสาวคิดว่ามันเป็นประโยคที่ชัดถ้อยชัดคำ แต่สำหรับคนฟังอย่าง ตติพัฒน์แล้วมันสามารถเรียกรอยยิ้มที่สั่นหัวใจของ อนัญญาให้วับหวิวคล้ายจะเป็นลมมากยิ่งขึ้น
“ไม่ได้หลบแต่นัทไม่ยอมมองหน้าพี่ ไม่แม้แต่พยายามที่จะคุยกับพี่ อยู่บนโต๊ะอาหารนัทก็ไม่มองพี่เลย ก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเดียว...ไม่เหมือนเมื่อวาน” ชายหนุ่มจงใจเว้นวรรคนิดหนึ่งเพื่อรอดู ปฎิกิริยาจากดวงตากลมโตสดใส และเค้าก็ได้เห็น มันคือแววหวั่นไหวอะไรบางอย่างที่ตัวเค้าเองไม่สามารถอ่านออก ตติพัฒน์ ขยับตัวเข้าไปใกล้สาวน้อยตรงหน้ามากขึ้นก่อนพูดต่อ
“ ...ที่นัทกับพี่ เราสองคนคุยกันถูกคอ และพี่ก็รู้ว่านัทเองก็รู้สึกดีเหมือนที่พี่ก็รู้สึก” แก้มของ อนัญญา แดงก่ำ ใจวับหวิวคล้ายจะเป็นลมมากยิ่งขึ้นเมื่อมือบางของเจ้าตัวถูกกุมอยู่อย่างอ่อนโยนจากเจ้าของฝ่ามือหนาที่ยืนประจันหน้าและห่างกันเพียงไม่กี่คืบ
“ปละ!....ปล่อยมือนัทเถอะค่ะพี่เต เดี๋ยวมีใครเข้ามาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี” หญิงสาวระร่ำระลักบอกเสียงสั่นพร่า แต่แทนที่ตติพัฒน์จะปล่อยชายหนุ่มกลับดึงร่างบางมาโอบเอาไว้หลวมๆ ริมฝีปากหยักบางคลอเคลียเบาๆที่ข้างแก้ม เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ริมหู ก่อความรู้สึกสั่นสะท้านหัวใจแปลกๆครั้งแล้วครั้งเล่าจนอนัญญาต้องลอบถอนใจ
“พี่ไม่ปล่อย .... แล้วพี่ก็ไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น พี่เป็นคนตรงไปตรงมารู้สึกอย่างไรก็พูดและทำอย่างนั้น อย่างตอนนี้ ที่พี่รู้สึกอยากกอดน้องนัทพี่ก็กอด” พูดไม่พูดเปล่าริมฝีปากช่างจำนรรจานั้นยังกดหนักๆลงที่แก้มนวลปลั่งที่แดงระเรื่อครั้งแล้วครั้งเล่า เล่นเอาหญิงสาวตกใจ รู้สึกร้อนสลับหนาวไปหมด อนัญญาพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดของ ตติพัฒน์ เต็มที่ แต่อนิจจา ยิ่งดิ้นเท่าไหร่หญิงสาวยิ่งรู้สึกถึงอ้อมกอดที่แน่นหนายิ่งขึ้นไปอีกเป็นสองเท่า...
“พี่เต ทำอะไรน่ะ...ปล่อยนัทเถอะค่ะ”
“ไม่ปล่อย! ก็พี่บอกแล้วไงล่ะพี่เป็นคนตรงไปตรงมาอยากทำอะไรพี่ก็ทำอย่างเช่นอยากหอมแก้มน้องนัทพี่ก็หอม” ตติพัฒน์อมยิ้มพราย สบตากับดวงตากลมโตดำขลับของคนตัวเล็กตรงหน้าก่อนกระซิบเสียงแผ่ว
“พี่ชอบน้องนัท ชอบตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรก อยากรู้จักและเรียนรู้นิสัยใจคอของน้องนัทให้มากยิ่งขึ้น แต่น้องนัทกลับหลบหน้าหลบตาพี่ ทำเหมือนรังเกียจพี่ ทั้งๆที่เราสองคนก็รู้อยู่แก่ใจทั้งคู่ ว่าเรารู้สึกต่อกันอย่างไร” ตติพัฒน์ เชยคางมนของหญิงสาวขึ้น ก่อนจ้องลึกลงไปในดวงตาโตดำขลับ
“บอกพี่สิน้องนัท บอกพี่ว่าน้องนัทก็รู้สึกอย่างเดียวกับที่พี่รู้สึก” อนัญญากล้ำกลืนก้อนสะอื้นที่วิ่งมาจุกที่ลำคอให้กลับลงไปกลางอกอย่างอยากเย็น หญิงสาวบอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกันแน่ มันก้ำกึ่งระหว่างเสียใจและดีใจ ดีใจที่ได้ยินคำพูดที่อนัญญาขอคิดเข้าข้างตัวเองว่าตติพัฒน์กลั่นมันออกมาจากใจ คำพูดที่ทำให้หัวใจของหญิงสาวพองโตคับอก กับ เสียใจที่อีกในไม่กี่วินาทีถัดมาความจริงที่ได้รับรู้จากกันยุตาก็เป็นเหมือนเข็มที่คอยทิ่มตำหัวใจที่พองโตนั่นให้เหี่ยวแฟบลงอีกครั้งอย่างรวดเร็วและรุนแรง....อนัญญาเบือนหน้าไปอีกทางพร้อมขืนตัวออกจากอ้อมกอดแข็งแกร่งของชายหนุ่มอย่างอยากเย็นก่อนที่น้ำตาที่ฝืนกลั้นเอาไว้จนสุดกำลังจะไหลรินออกมา อนัญญาก็ตัดสินใจโพร่งออกไปว่า
“ไม่ค่ะ! นัทไม่มีวันรู้สึกอะไรกับพี่เตได้หรอก เพราะพี่เตเองก็ไม่ได้รู้สึกอย่างที่พี่พูดออกมาสักนิด” พูดประโยคที่เชือดเฉือนหัวใจตัวเองจบแล้วก็ก้าวยาวๆ จากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับ แม้ว่าสองหูจะได้ยินเสียงเรียกสั่นระรัวของ ตติพัฒน์
“นัท! .... นัทหมายความว่ายังไง พี่ไม่เข้าใจกลับมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อนนัท!” แต่มันก็ไร้ผล อนัญญาไปแล้ว ไปโดยไม่ยอมหันหลังกลับมาอธิบายเรื่องราวใดๆให้เขารับรู้ ชายหนุ่ม ขมวดคิ้วเข้ม ด้วยความสงสัยและคลางแครงใจอย่างหนักหมายความว่าไงกันนะ อนัญญา พูดเหมือนไม่เชื่อว่าเขาพูดสิ่งเหล่านั้นออกมาจากใจอย่างนั้นหรือ ตติพัฒน์สาบานได้ว่าที่เขาพูดมาทั้งหมดเมื่อครู่มันคือความจริงจากหัวใจของเขาอย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยตอนนี้เค้าก็รู้สึกอย่างนั้นกับหญิงสาวจริงๆ แม้ว่าวันข้างหน้ามันอาจจะไม่ใช่แล้วก็ตาม....
ความคิดเห็น