ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [จำลอง] Card Kingdom อาณาจักรแห่งไพ่

    ลำดับตอนที่ #12 : ลำดับตอนที่ 12

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 57






    บันทึกลับการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่

     

    [By Prince-sera Fever I]
    [Ost.Darkland School Final Test of 
    Graduate Guru]

     

     

    “ออกเดินทางสินะ แล้วเราต้องเตรียมอะไรบ้างล่ะเนี่ย ?” เด็กสาวผมยาวสีขาวมุขบ่น เมื่อเธอรู้ว่าจะต้องออกเดินทางเพื่อแสวงหาปราชญ์ในดาร์กแลนด์

    เด็กสาวเดินกลับไปที่ห้องพักอย่างเหนื่อย ๆ ก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุคที่พกติดมาด้วย เสิร์ชหาข้อมูลจำเป็นในการออกเดินทาง เธอเหลือบมองเพื่อนร่วมหอทั้งสองคนที่หายไปไหนก็ไม่รู้ สงสัยออกเดินทางกันไปแล้ว

    “เฮ้อ...โดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเล~~~

    เมื่อเตรียมข้อมูลครบแล้วเธอจึงจัดกระเป๋าอย่างไม่เร่งรีบเท่าไหร่

    “เอาชุดไปกี่ชุดดีนะ ?” เธอพึมพำพร้อมมองชุดสองสามชุดในกระเป๋าเสื้อผ้า “เอาไปหมดนี่เลยล่ะกัน” เธอเช็คของที่จะเอาไป

    “น้ำยาบ้วนปาก...น้ำยาล้างเหล็กดัดฟันมีด้วยหรอ?...ชุดชั้นไม่นอนสี่ชุด...เสื้อเชิ้ตแขนยาวสี่ตัว...กางเกงวอร์มสามตัว...อ่า...อะไรอีกนะ ไอโฟนๆ”

    เด็กสาวเช็คของพร้อมกับยัดใส่กระเป๋าใบพอดีตัว เสื้อผ้าที่ใช้ในการอยู่รอดตลอดสามวันสองคืน เผื่อไปหนึ่งชุดกันปัญหา “อ้อ...แผนที่ !

    เธอนึกขึ้นได้ก่อนจะหยิบแผนที่ใส่กระเป๋าไปด้วย

    “เอาล่ะ พร้อมแล้วมั้ง ไปเลยดีกว่า”

    เด็กสาวสวมเสื้อแขนยาวกางเกงวอร์มขาสี่ส่วน พร้อมเฮดโฟนขนาดใหญ่ครอบหู เปิดเพลงร็อคดังลั่น กระชับสายกระเป๋าแน่น พร้อมเดินออกจากห้องพักโดยไม่เหลียวหลังกลับไปอีก

    “ไหนๆก็ไหนๆแล้วเราเริ่มที่บ้านตัวเองดีกว่า...”

     

    ----First----


    เบลเลียมมอร์ธ แคว้นแห่งสงครามและความตาย



    “คิดถึงบ้านจัง...” เด็กสาวเดินเข้ามาภายในแคว้นบ้านเกิดของตน น้ำตาแทบจะใหล แต่ต้องอดกลั้นเอาไว้ เมื่อเดินไปถึงหมู่บ้านเอสเตอร์ ในมณฑลกลาเซีย นครคาร์นิเวียน เมืองท่าโอลิเวียร์ ในฐานะอัศวินแห่งเอสเตอร์ เธอจึงเดินทักทายประชากรในหมู่บ้านที่มีไม่มากเท่าไหร่ (สองคน รวมตัวข้าด้วย ถถถว์)


    ใช้เวลาพักผ่อนในบ้านไม่นาน ก็ออกเดินทางต่อไปเรื่อยๆ แวะเข้ามาเชยชมคณะรัฐศาสตร์ของแคว้น

    “อ่านกี่ครั้งก็รู้สึกดีทุกครั้ง ดาร์กรักความสงบ ชอบการต่อสู้ แต่ไม่นิยมสงคราม

     



    ต่อด้วยการเดินทางไปที่แม่น้ำกลาเซียแสนเงียบเหงา หลากหลายอารมณ์ หลากหลายความรู้สึกถูกถ่ายทอดออกมาเป็นบทกลอนแสนไพเราะ เด็กสาวถอดเฮดโฟนขนาดใหญ่ออก แล้วลองถ่ายทอดความรู้สึกในตอนนั้นออกมาเป็นบทกลอนบ้าง

     

    “...ที่แม่น้ำกลาเซีย

    สุดแสนเงียบเหงาไร้ผู้คน

    กับเพลงแสนทุกข์ตรม...

     

    ...เดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อย

    ได้พักฟังเพลงเศร้าเคล้าทรวงใน

    เรื่องชายหน้ากากเงิน...

     

    ...ขอเวลาพักผ่อน

    ก่อนได้ฤกษ์เริ่มเดินทางต่อ

    แสวงและหาปราชญ์...”

     

    เด็กสาวใช้เวลาอยู่ที่แม่น้ำกลาเซียอยู่นาน ท้องเริ่มร้องเป็นบทเพลงบรรเลงระทึก (?) เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเธอจึงลุกและเดินทางออกจากแม่น้ำเพื่อไปหาอาหาร

     

     

    ร้านอาหาร The Magic Winter ร้านนี้ตั้งอยู่ในบริเวณเกือบหลังแคว้น มีอาหารที่รสชาติเลิศหรูระดับล้านดาว แต่ราคานั้นถูกมาก เหมาะสำหรับคนที่อยากทานแต่งบน้อย (อย่างข้าพเจ้าเป็นต้น น่อวววว์?)

    เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยได้เวลาพักผ่อนสักที เฮดโฟนถูกสวมอีกครั้งหลังจากที่ถูกถอดเก็บไว้ตั้งแต่อยู่ที่แม่น้ำกลาเซีย เพลงร็อคที่ชอบบรรเลงในทำนองหนักหน่วง ก้าวเท้าเป็นจังหวะเพื่อกลับไปพักผ่อนที่คฤหาสน์ของตนเองที่หมู่บ้านเอสเตอร์

     

    ----Second----

    ดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า พร้อมกับแสงเจิดจ้าที่ประกายออกมากระทบกับร่างของเด็กสาวที่กำลังสลบสไลอยู่บนเตียงในห้องนอนสุดหรูในคฤหาสน์

    เมื่อรู้ตัวจึงรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยด้วยการล้างหน้า อาบน้ำ บ้วนปาก และหามื้อเช้า หลังจากนั้นเด็กสาวจึงกางแผนที่ มองหาทางไปต่อที่หน้าสนใจ เมื่อพบแล้ว เด็กสาวนำเฮดโฟนมาครอบหูอีกครั้งพร้อมเปิดเพลงสบาย ๆ ก่อนจะเริ่มออกจากคฤหาสน์ในเวลาเกือบเก้าโมงเช้า

     


    หอคอยวรรณกรรมดาร์คแลนด์

    เฮดโฟนถูกถอดออกและเก็บไว้ในกระเป๋าเป้อีกครั้ง เพื่ออ่านบทกวีมากมายหลากหลายนามปากกา บทเพลงอันหลากหลายซึ่งล้วนความหมายดี และกินใจ

     

    เมื่อเดินเข้าไปในหอคอย บทเพลงแรกที่ได้ยินก็คือ เพลงใบไม้โดยกุหลาบสีน้ำเงิน แต่งขึ้นเพื่ออุทิศแก่ใบไม้ที่ร่วงโรย

    เนื้อเพลงสื่อถึงใบไม้ที่เมื่อเวลาหมดอายุขัย มันจะหลุดออกจากก้านที่เคยอาศัย หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ร่วงหล่นลงบนพื้นดิน เด็กสาวคิดว่ามันคล้ายกับชีวิตคน เกิดมามีที่อยู่อาศัย มีคนเลี้ยงดู แต่เมื่อถึงเวลา ร่างกายก็จะสลายไปกลายเป็นเถ้าถุลีย์ ปลิวว่อน และร่วงหล่นกลายเป็นปุ๋ยดิน

     

    ต่อมาเป็นบทกวีที่ลึกซึ้ง Darkโดยแคต เพื่อมอบให้แด่ความดาร์ก

    บทกวีสื่อถึงความมืด หรือในที่นี้อาจจะหมายถึงความเลวทราม ที่ค่อย ๆ กัดกินจิตใจของมนุษย์ หรือสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในขณะที่แสงสว่างก็ค่อย ๆ หายไปจากจิตใจของมนุษย์เช่นกัน

     

    อีกหนึ่งบทกวีที่โดดเด่นของกุหลาบสีน้ำเงิน (จากที่สังเกตุ บทกวีของท่านกุหลาบสีน้ำเงิน เยอะมากค่ะ) ก็คือ กุหลาบสีดำ โดยผู้ประพันธ์ตั้งใจสื่อให้เห็นถึงความรักอันเป็นนิรันดร์ เฉกเช่นกุหลาบสีดำ มิใช่กุหลาบสีแดงซึ่งเป็นเพียงความรักแรกเริ่ม ไม่นานมันก็โรยรา

     

    ใกล้กัน เป็นบทกวีที่รวบรวมนักประพันธ์มากฝีมือและมีชื่อเสียงทั้งสามท่าน โรมมี่ ,ป้าหอพีนัท และบลูโรส

    สังหารแมวริน” สมกับความเป็นดาร์ก ซึ่งนิยมรับประทานแมวเป็นที่หนึ่ง แน่นอนว่าบทกวีนี้เกี่ยวกับแมวซึ่งถูกนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารในเมนูที่มีชื่อว่า “แมวย่าง”

    และยังมีอีกมากมายหลากหลายบทกวีและบทเพลง ซึ่งข้าพเจ้าได้ทำการยกตัวอย่างไปเบื้องต้นแล้ว เวลานี้ดวงตะวันได้ลับขอบฟ้าไปแล้ว ต่อจากนี้คงต้องหาที่พักผ่อนสักที่เพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อในวันถัดไป

     

    ----Last----

    เข้าสู่วันที่สาม เด็กสาวสวมกางเกงวอร์มตัวสุดท้ายที่เตรียมมา เสื้อเชิ้ตถูกสวมโดยเด็กสาว รวมทั้งเฮดโฟนขนาดใหญ่ เพลงเบา ๆ ถูกเปิดผ่านไอโฟนที่แจ้งเตือนว่าแบตเหลืออีกไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซนต์ กางแผนที่ออกดูพร้อมโยนก้อนหินกลมเพื่อสุ่มหาที่ที่จะไปต่อ (เอิ่มส์ คือไม่มีลูกเต๋า #ผิดส์555)

     


    เทียร์ดอลล่า แคว้นแห่งน้ำตา

    เด็กสาวเดินเข้าไปได้ก้าวเดียวก็รู้สึกขนลุกทันที แต่ไม่ได้กระทบกระเทือนถึงจิตใจในขณะนั้น เธอทำใจกล้าเดินต่อไปด้านใน สถานที่โดดเด่นที่เธอพบและอยากเข้าไปสำรวจ

     


    สุสานลึกลับ’ เมื่อเดินเข้าไปเพียงไม่กี่ก้าวเธอก็รีบเปลี่ยนเพลงจากเบาๆ เป็นจังหวะหนักหน่วงตามสไตล์เพื่อกำจัดความกลัว

    “...สุสานแห่งความมืด ในหลุ่มอันเยือกเย็น เเละหนาวเหน็บ 
    ที่ซึ่งสุดท้ายเเล้ว ทุกคนล้วนต้องมาพำนัก
    เต็มไปด้วยเสียงร่ำร้อง แห่งความโศกเศร้า
    และอาลัยอาวรณ์ของเหล่าวิญญาณ...”

     

    เด็กสาวอ่านข้อความนั้นแล้วรู้สึกถึงสัจธรรมอันเที่ยงแท้ ที่สุดท้ายแล้วไม่ว่าเราจะเป็นใคร เราก็ต้องตายกลายเป็นซากศพในสุสานอยู่ดี

    เมื่อเดินเข้าไปเรื่อยๆ ก็พบกับทางลับที่ไม่น่าจะอยู่แถวนี้ได้ ด้วยความอยากรู้เธอจึงเดินเข้าไป

    เมื่อเข้าไปแล้วเธอต้องชะงักเมื่อพบว่ามันคือทางเชื่อมกับสุสานลึกลับ เบื้องหน้าเต็มไปด้วยเนื้อดินนูนพร้อมกับป้ายปักเพื่อแสดงว่าตรงนี้ที่ใคร เด็กสาวหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเดินไปทางซ้ายมือซึ่งเป็น อาคารเกียรติประวัติสุสานลึกลับแห่งดาร์คแลนด์


    “...ในหลุมศพอันเยือกเย็น  ขอเจ้าจงหลับใหล 
    ไปพร้อมความอบอุ่นจากใจเรา 
    ในค่ำคืนอันเปลี่ยวเหงา  ใจของเราส่งไปหา 
    ค่ำคืนอันมืดมิด  แสงแห่งพระเจ้าจะส่องทาง 
    โปรดจงปล่อยวาง อย่าเหนี่ยวรั้งสิ่งใด 
    ให้เป็นภาระแห่งดวงวิญญาณเลย.
    เช่นนั้น  ไม่มีสิ่งอื่นใดต้องกังวล ไม่มีสิ่งใดต้องโศกเศร้า 
    เจ้าเพียงเเต่ไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า
    พระองค์จะรับเจ้าไปอยู่ ณ ดินแดนของพระองค์
    ...”

    เด็กสาวเดินชมสถานที่นี้อยู่สักพัก จึงเร่งกลับไปทางเดิมเพื่อเดินเที่ยวในแคว้นแห่งน้ำตาต่อ โดยไม่ลืมถ่ายรูปข้อความทิ้งถ่ายไว้ด้วย

    “...สุสานลึกลับแห่งดาร์คแลนด์
    ยินดีต้อนนรับทุกท่าน
    สุดท้ายแล้ว
    ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้ใด
    เทพ ปีศาจ มนุษย์ ยิ่งใหญ่เพียงใด
    ท่านจำต้องยอมรับว่าไม่มีใครเป็นอมตะ
    ทุกคนล้วนต้องอยู่ที่นี่
    ...สถานที่พักพิงสุดท้าย....

    เหตุเช่นนี้
    จึงขอให้พวกท่านใช้ชีวิต ณ ปัจจุบันให้มีความสุข
    เห็นคุณค่าของชีวิต
    บอกรัก คนที่ตนรัก
    กอด คนที่ตนห่วง
    เพราะเมื่อถึงวันสุดท้ายของทุกท่าน
    จะได้ไม่ต้องคร่ำครวญ...”

     

    บ้านร้าง

    เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่โดดเด่นในสายของเด็กสาว เธอเดินเข้าไปภายในอย่างไร้ความเกรงกลัวแต่อย่างใด เมื่อเดินเข้าไปเธอได้ค้นพบอะไรหลายอย่างมากมาย




     

    บ่อน้ำมากมายที่ล้วนแต่ไม่ดีทั้งนั้น
     


    “...บ่อน้ำแห่งความฝัน... จะดึงความทรงจำทกคนไป... เพื่อให้ใครบางคนได้กลืนกิน... เมือกลืนกินความฝันแล้วจะกลายเป็นผู้มีอำนาจ และผู้ที่ถูกกลืนกินความฝันจะกลายเป็นบ้าชั่วนิรันดร์..."

     


    “...บ่อน้ำแห่งความงาม... กลั่นมาจาก วิญญาณ หยาดน้ำตาเเละความทุกข์ยาก จะช่วยลบเลือนิ้วรอยเเห่งวัยได้ดี...”

     

     


    “...บ่อน้ำแห่งโลหิต กลั่นจากโลหิตชายหนุ่ม ให้หญิงสาวได้ลงอาบ...เพื่อคงความงามอันเป็นนิรันดร์...”

     

    เด็กสาวเลือกที่จะไม่เผยแพร่ข้อมูลทั้งหมดเพื่อให้ผู้อื่นได้เดินทางไปเองหากได้เห็นบันทึกนี้ เธอเดินออกมาจากบ้านร้างหลังนั้นก่อนจะเดินหน้าต่อไปยังสถานที่อื่น

    “มืดแล้วหรอเนี่ย” เธอว่าหลังจากโผล่หัวออกจากบ้านร้าง
     

    เด็กสาวรีบเร่งเดินทางไปยัง ร้าน Krispy Kreamเพื่อหามื้อค่ำ (วันๆกินแค่สองมือพอ ประหยัด) และถือโอกาสขอเจ้าของร้านพักผ่อนด้วยเลย อณุญาติเอง




    ----Finish----

                เช้าอันสดใส ไร้มวลเมฆ เด็กสาวต้องรีบปฏิบัติภารกิจในช่วงเช้า ทั้งล้างหน้า บ้วนปาก อาบน้ำ อย่างรวดเร็ว พร้อมกับจ่าตังค่าที่พักในร้ายขนมที่เจ้าของร้านอุตส่าห์ใจดีเห็นแก่ตัง มอบที่พักเป็นโซฟาในร้านให้พักอย่างหรูหรา แต่ทำยังไงได้เมื่อไม่มีที่พักที่ดีกว่านี้

                เมื่อกลับถึงห้องพักในโรงเรียน เธอแทรบทรุด กระเป๋าเป้ เฮดโฟน ไอโฟน ถูกโยนอย่างไม่ใยดีลงบนที่นอน ร่างเล็กนอนหลับอย่างกุลสตรี

                เวลายี่สิบสามนาฬิกา ห้าสิบนาที เด็กสาวสะดุ้งตื่นเพราะลืมส่งข้อสอบที่ว่าให้ไปทัวร์รอบดาร์คแลนด์ โชคยังดีที่เหลือเวลาอีกสิบนาที ทำให้เธอส่งทันพอดี ก่อนเที่ยงคืน

                จบบันทึกอย่างสวยงาม (?)

















    { Winter Dark Theme }
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×