|
ที่มารูปภาพ en.wikipedia |
สำหรับนักชิมผู้หลงใหลความเหนียวนุ่มของเนื้อวัว คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าการได้ลิ้มลองเนื้อวัวระดับพรีเมี่ยมนั้นถือเป็นสวรรค์ของคนรักเนื้ออย่างแท้จริง โดยเฉพาะราชาแห่งเนื้ออย่าง "วากิว" ที่แม้จะมีราคาแพงแสนแพงขนาดไหน แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ยอมเทกระเป๋าเพื่อให้ได้ลิ้มลองรสหวานฉ่ำของมันสักครั้งในชีวิต เหตุใดเนื้อวากิวจึงมีรสชาติอร่อย ทำไมมันถึงครองใจผู้คนได้มากขนาดนี้
วากิวคือเนื้อวัวที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น เนื้อชนิดนี้มีจุดเด่นคือไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อคล้ายกับลายหินอ่อน ยิ่งมีลวดลายมากขึ้นเท่าใด รสหวานนุ่มละมุนลิ้นก็จะมากขึ้นเท่านั้น จึงทำให้วากิวกลายเป็นเนื้อชั้นเยี่ยมติดอันดับได้อย่างไม่มีข้อสงสัย ส่วนคนที่กลัวอ้วนก็ไม่ต้องกังวลใจ เพราะไขมันที่ว่านี้จัดอยู่ในประเภทให้ประโยชน์ต่อร่างกายด้วย
ในประเทศญี่ปุ่นมีวัวเพียง 4 สายพันธุ์ที่ให้เนื้อวากิวระดับ World Class และเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกดังนี้
1. Japanese Black เนื้อวากิวกว่า 90% มาจากสายพันธุ์นี้ มีความพิเศษตรงไขมันที่แทรกอยู่ทั้งตัว แม้แต่ส่วนที่เรียกว่าเนื้อไม่ติดมันก็ยังมีไขมันแทรกอยู่เช่นกัน ส่วนรสชาติก็จัดว่ายอดเยี่ยม เพราะให้รสสัมผัสนุ่มละมุนราวกับครีมที่แทบจะละลายในปากเลยก็ว่าได้
2. Japanese Brown หรือเรียกอีกอย่างว่าวัวแดง เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ให้เนื้อที่มีไขมันต่ำเพียง 12% เท่านั้น จึงเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพและผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก อร่อยได้ทุกรุ่นทุกวัยกับรสชาติที่เบาสบาย
3. Japanese Shorthorn สำหรับสายพันธุ์นี้จัดว่าเป็นเนื้อวัวไร้มัน เพราะมีลายหินอ่อนน้อย ปริมาณไขมันต่ำ รสนุ่มลิ้น ทานง่าย มีระดับกรด Isonic และ Glutamic ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นตัวช่วยทำให้เนื้อวากิวมีรสชาติดี
4. Japanese Polled เป็นวัวที่ผ่านการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง "Japanese Black" กับ "Aberdeen Angud" จากสก็อตแลนด์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่กรดอะมิโนในระดับสูงมาก ให้รสชาติความเป็นเนื้ออย่างชัดเจนแทบไม่ต้องพึ่งลายหินอ่อนมากนัก เวลาเคี้ยวจะคายความหวานของรสเนื้อแท้ๆ ให้ซึมออกมาแบบเต็มๆ คำเลยทีเดียว
กว่าจะเป็นเนื้อขั้นเทพ
โดยทั่วไปแล้วนักชิมมักให้ความสำคัญกับเนื้อวากิวที่มีลายหินอ่อนองไขมันมากเป็นพิเศษ การเลี้ยงดูวัวแต่ละสายพันธุ์ให้ได้เนื้อในปริมาณมาก มีลายหินอ่อนได้มาตรฐาน และมีรสชาติถูกปากจึงเป็นเรื่องสำคัญเอามากๆ ผู้เลี้ยงจึงใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้ได้เนื้อคุณภาพดี ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงวัวในเรือนเพาะที่เงียบสงบ อากาศถ่ายเทสะดวก บำรุงด้วยอาหารที่มีเส้นใยมากๆ เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด หญ้าแห้ง กากถั่วเหลือง ฯลฯ และอย่าให้ออกกำลังมาก ขนนาดของวัวจึงจะสมบูรณ์ ที่สำคัญควรให้วัวดื่มเบียร์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อช่วยระบบย่อยอาหารและยังสร้างความผ่อนคลายให้กับวัวอีกด้วย
วัววากิวจะถูกเชือดเมื่ออายุได้ 3 ปี ถึง 3 ปีครึ่ง ซึ่งจะต่างจากวัวเนื้อทั่วไปที่จะเชือดกันเมื่ออายุได้ 2 ปี ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้เนื้อวัวที่มีไขมันแทรกอยู่สูงที่สุด รสชาติของเนื้อก็จะนุ่มชุ่มฉ่ำกว่าเนื้อชนิดอื่น สำหรับไขมันที่แทรกซึมอยู่ทั่วชิ้นเนื้อดุจโรยด้วยหิมะที่บางคนเรียกว่า "White Beef" นั้นจะไม่ทำให้คนรักเนื้อรู้สึกเลี่ยนแต่อย่างใด เนื่องจากไขมันที่แทรกอยู่เป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวที่ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในร่างกาย อีกทั้งยังอุดมไปด้วยโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ที่ช่วยป้องกันเส้นเลือดอุดตันและโรคหัวใจอีกด้วยเรียกได้ว่าทั้งอร่อยและมีประโยชน์แบบทูอินวันเลยทีเดียว
วัดคุณภาพเนื้อวากิว
เป้นที่รู้ๆ กันว่าเนื้อวากิวเป็นที่ต้องการของคนรักเนื้อทั่วโลก ทั้งร้านค้า ร้านอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ต ต่างก็นำเนื้อวากิวมาวางขายเพื่อเอาใจผู้บริโภค แต่การรับซื้อเนื้อจากฟาร์มเลี้ยงโดยตรงก็ไม่ได้แปลว่าเราจะได้เนื้อคุณภาพดีเสมอไป การวัดคุณภาพเนื้ออย่างแม่นยำจะช่วยให้เจ้าของกิจการตัดสินใจง่ายขึ้น โดยใช้หลักเกณฑ์การวัดมาตรฐานของเนื้อวากิว 2 แบบดังนี้
Yield Grade - วัดอัตราส่วนของโครงสร้างเนื้อเทียบกับน้ำหนักมี 3 ระดับตั้งแต่ A-C
Quality Grade - วัดการแทรกตัวของไขมัน (ลายหินอ่อน) เป็นหลัก มี 5 ระดับ ตั้งแต่ 5-1
โดยรวมแล้วเนื้อวากิวมีทั้งหมด 15 เกรด ถ้าใครอยากลิ้มลองเนื้อวากิวชั้นยอดต้องอยู่ที่ระดับ A5 (Yield = A, Quality = 5) ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีราคาแพงแบบหฤโหดเอามากๆ ส่วนร้านอาหารที่ขายเนื้อวากิวก็อาจไม่ได้ขายเกรด A5 ทั้งหมด บางร้านอาจลดต้นทุนด้วยการใช้เกรด A4 และ A3 ผสมด้วย หรือไม่เช่นนั้นก็นำเกรด A5 ส่วนที่ดีน้อยหน่อยมาให้บริการ ถ้าเป็นวากิวระดับ B หรือ C ราคาก็ถูกลงแบบเอื้อมถึงได้ แต่ก็คงจะไม่ถูกใจนักชิมเท่าใดนักอย่างไรก็ตามการทานเนื้อวากิวคุณภาพดีที่สุดก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่ควรจะเช็คเงินในกระเป๋าก่อนเดินเข้าร้าน
เนื้อมัตสึซากะและเนื้อโกเบคืออะไร
มาถึงตรงนี้สาวกคนรักเนื้ออาจเกิดข้อสงสัยขึ้นมาอีกว่า ถ้าเนื้อวากิวคือสุดยอดเนื้อวัวระดับพรีเมี่ยมแล้วชื่อของ "เนื้อมัตสึซากะ" และ "เนื้อโกเบ" อันโด่งดังคืออะไร มีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วเนื้อชนิดไหนอร่อยถูกปากที่สุด จริงๆ แล้วมัตสึซากะและโกเบ จัดเป็นเนื้อวากิวประเภทหนึ่งของ Japanese Black สุดยอดสายพันธุ์วัวที่ชาวญี่ปุ่นยกให้เป็นอันดับหนึ่ง มีลักษณะรูปร่างขนาดเล็ก เส้นขนดำหยักเป็นลอน ส่วนกลางลำตัวกางออก ซี่โครงแข็งแรง ขาหลังและลำคอบาง ให้เนื้อที่มีไขมันแทรกในปริมาณสูงสุด
จึงไม่น่าแปลกใจที่เนื้อมัตสึซากะและเนื้อโกเบจะมีรสชาติใกล้เคียงกัน กล่าวคือทั้งสองชนิดจะให้เนื้อที่มีความนุ่ม ชุ่มฉ่ำ แทบไม่ต้องเคี้ยว ส่วนชื่อที่แตกต่างกันก็มาจากแหล่งที่เลี้ยง เนื้อโกเบนั้นมาจากเมืองโกเบบนเกาะฮอนชู เขตคันไซ ใกล้กับโอซาก้า ่สวนเนื้อมัตสึซากะมาจากเมืองมัตสึซากะซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเมืองโกเบนั่นเอง และด้วยพื้นที่การทำฟาร์มในประเทศญี่ปุ่นมีจำกัด ไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคของคนทั่วโลก จึงได้มีการนำวัวสายพันธุ์วากิวไปเลี้ยงในประเทศอื่นๆ ที่มีสภาพอากาศเหมาะสม จนกลายเป็นแหล่งส่งออกขนาดใหญ่และมีการจัดตั้งสมาคมผู้เลี้ยงวัววากิวทั้งในนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
ที่มา นิตยสาร LIVE
แหล่งรวมบทความสารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่ http://megatopic.blogspot.com
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น