ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TOPBOM] : The Novel

    ลำดับตอนที่ #10 : The Novel [10/10]

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 58













    [Fic] : The Novel [10/10]

     

    Paring : T.O.P - BIGBANG x Park Bom - 2NE1

     

    Genre : AU

     

    A/N : Fiction is fiction.

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              “หน้าตาอิ่มเอมเหมือนไปทัวร์แสวงบุญมาเลยเนอะ”

     

     

              ซงเบคคยองแอบเคาะรุ่นน้องที่เดินหน้าระรื่นเข้าออฟฟิศมาแต่เช้า แต่ดูเหมือนคนโดนเคาะจะไม่รู้สึกโกรธ เพราะชเวซึงฮยอนยิ้มสดใสก่อนจะวางแก้วกาแฟร้อนที่ซื้อมาฝากบนโต๊ะรุ่นพี่

     

     

              “ไม่ต้องไปทัวร์แสวงบุญก็มีความสุขได้นะครับพี่”

     

              “วินาทีนี้ใครจะมีความสุขกว่าพี่ซึงฮยอนล่ะ” ควอนจียงรีบพูดก่อนจะรับถุงโดนัทจากมือรุ่นพี่ “หนังสือเรื่อง โมรัน ของพี่บมขายดีขนาดนี้ ทั้งแบบที่เป็นเล่มแล้วก็ E-book ด้วย เห็นว่าต้องพิมพ์ครั้งที่ 2 แล้วใช่ไหมฮะ”

     

              “อะไร เพิ่งเปิดตัวไปไม่ถึงเดือนเอง พิมพ์ครั้งที่ 2 แล้วเหรอ” ซงเบคคยองถามด้วยความสงสัย

     

              “ครับ” ซึงฮยอนตอบและยิ้มกว้าง  “แฟนหนังสือบมมี่เยอะ เธอไม่ได้ออกหนังสือใหม่มานานพอดู พอออกมา แฟนๆ เลยตื่นเต้น แถมเรื่องโมรันสนุกด้วย คนเลยอ่านกันเยอะ”

     

              “เดี๋ยวนะ บมมี่เหรอ”

     

     

              ซงเบคคยองหรี่ตาอย่างสงสัย แต่ซึงฮยอนกลับยิ้มเฉยๆ และเลี่ยงไปนั่งทำงานที่โต๊ะตัวเอง บรรณธิการรุ่นพี่จึงหันไปมองจียงแทน แต่หนุ่มรุ่นน้องกลับรีบส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้เรื่องด้วยเหมือนกัน สุดท้ายเบคคยองเลยต้องเก็บความสงสัยไว้

     

     

              มือแข็งแรงของบรรณาธิการอาวุโสคว้าต้นฉบับที่ตัวเองไว้เสร็จแล้วเดินดุ่มๆ ไปที่ห้องทำงานของปาร์คฮงจุน และไม่เสียเวลาเคาะประตูด้วยซ้ำ เจ้าของห้องจึงมองมาด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่ได้หงุดหงิด แม้กระทั่งตอนที่เบคคยอง

     

             

              “แกๆ ซึงฮยอนคบกับบมมี่เหรอ”

     

              “อ๋อ! เรื่องนี้เอง” สีหน้าของหัวหน้ากองบรรณาธิการมีแววขบขันเพื่อนที่รู้จักกันมาหลายปีตั้งแต่เรียนหนังสือ “ใช่ เพิ่งรู้ว่าคบกันก็หลังเปิดตัวหนังสือนี่แหละ”

     

              “อย่างนี้นี่เอง”

     

     

              เบคคยองทำเสียงจิ๊กจั๊กเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจก่อนจะยื่นต้นฉบับให้อีกฝ่าย และนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานของปาร์คฮงจุน

     

     

              “แก แล้วแกว่าจะโอเคไหม”

     

              “อะไร ต้นฉบับนี่น่ะเหรอ ขออ่านก่อนได้ไหม เดี๋ยวบอกอีกทีว่าจะให้แก้เพิ่มหรือส่งพิสูจน์อักษรต่อได้เลย”

     

              “โว้ย! มันใช่เรื่องงานมั้ย พูดถึงเรื่องบมมี่กับซึงฮยอน”

     

              “ก็ไม่บอกนี่หว่า” ปาร์คฮงจุนพูดพลางหัวเราะไปพลาง “โอ้ย! ไม่ต้องห่วงหรอก เห็นตั้งแต่เปิดตัวหนังสือเสร็จนี่ก็ควงกันไปเที่ยวจี๋จ๋าจะตาย”

     

              “แล้วบมมี่หายติสต์แล้วเหรอ ไม่ใช่คบๆ กันไป ติสต์แตกขึ้นมา ทิ้งซึงฮยอนอีกนา”

     

              “ไม่น่าหรอกมั้ง ดูๆ ไปบมมี่ติดซึงฮยอนจะตาย”

     

              “งั้นก็ดีแล้ว น้องสาวจะได้เป็นฝั่งเป็นฝา”

     

              “นี่ไม่ห่วงว่าซึงฮยอนจะทิ้งน้องสาวฉันบ้างหรือไง”

     

              “โอ้ย! รายนั้นน่ะเหรอ ตอนบมมี่ไม่ยอมตกลงเออออด้วย ทำหน้าเหมือนจะคุ้มคลั่งโดดตึกง่ายๆ ถ้ามันทิ้งบมมี่นะ ให้แกเตะมันได้เลย ฉันไม่ห้าม”

     

              “แกนี่นะ รักน้องจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย”

     

     

              ปาร์คฮงจุนพูดพลางหัวเราะจนเสียงดังออกมานอกห้องทำงาน ซึงฮยอนกับจียงถึงขั้นวางมือจากงานที่ตรวจอยู่และชะโงกหน้าไปดูตรงทางเดิน แต่เสียงหัวเราะยังคงดังมาสม่ำเสมอ และคราวนี้มีเสียงหัวเราะของเบคคยองผสมมาด้วย ควอนจียงถึงกับทำคิ้วขมวด

     

     

              “ต้นฉบับพี่เบคคยองมันตลกขนาดนั้นเลยเหรอพี่”

     

              “ไม่รู้สิ” ซึงฮยอนยักไหล่ “แต่ต้นฉบับพี่เบคคยองมันเป็นนิยายแปลเรื่องแนวการเมืองหน่อยๆ ไม่ใช่เหรอ”

     

              “นั่นสิฮะ แต่ทำไมพี่เขาถึงได้หัวเราะกันขนาดนี้”

     

     

              ซึงฮยอนกำลังจะพูดต่อแต่มือถือสั่นว่ามีข้อความในโปรแกรมแชทส่งเข้ามา เจ้าของเครื่องรีบกดเปิดอ่านและเห็นว่า ปาร์คบมส่งภาพวัตถุดิบปรุงอาหารบางมาให้ดูพร้อมข้อความ

     

     

              เด็กน้อยชเวซึงฮยอน รอก่อนนะจ๊ะ นูน่าจะทำคิมบับไปให้กินตามสัญญานะ

     

             

              บรรณาธิการหนุ่มหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อเห็นอีกฝ่ายเรียกตัวเองว่านูน่า และให้เขาเป็นเด็กน้อย ที่จริงแล้วคุณนักเขียนของเขาต่างหากที่เอาแต่ใจเป็นเด็กน้อยแบบนี้

     

     

              โอเคครับ จะรอชิมนะ

     

     

              ทั้งที่ส่งข้อความไปหาซึงฮยอนอย่างดิบดี แต่หลังจากนั้นปาร์คบมก็ต้องรอซานดาร่ามาหาตอนบ่าย และสุดท้ายก็ยืนทำหน้างอแงใส่เพื่อนสนิทอยู่ในครัว ส่วนซานดาร่าที่เพิ่งปิดร้านมาหาก็ได้แต่อมยิ้มเมื่อบมบ่นขึ้นมาอย่างหมดหวัง

     

     

              “จะทำยังไงดีละเนี่ย เธอก็รู้ว่าฉันทำกับข้าวไม่เก่ง”

     

              “เอาน่า เดี๋ยวฉันช่วย ไม่ยากหรอกนะ”

     

              “แล้วถ้าไม่อร่อยล่ะ ดาร่า”

     

              “ถ้าซึงฮยอนบ่น เธอก็ดุไปเลย” ซานดาร่าพูดแล้วหัวเราะคิกคัก “เอาน่า ไม่ยากหรอก มาๆ ลงมือกันดีกว่านะ เดี๋ยวไม่ทันคุณซึงฮยอนเลิกงานนะ”

     

     

              บมยอมเลิกงอแงเพราะเห็นว่าบ่ายกว่าและใกล้เวลาที่ซึงฮยอนจะเลิกงานแล้ว ที่จริงเธอเตรียมของที่จะต้องใช้ไว้หมดแล้ว ทั้งหุงข้าว หั่นแตงกวา แครอท ผักโขมผัดน้ำมันงา ไข่หวาน ทูน่า และไชเท้าดองไว้แล้ว

     

             

              ที่บมยังกังวลอยู่ เพราะว่าทุกครั้งที่เธอห่อคิมบับก็มักจะออกไม่สวยทุกที ทุกครั้งกินคนเดียว บมก็ทำเป็นมองข้ามหน้าตาของคิมบับไปได้ แต่ครั้งนี้จะห่อไปให้ซึงฮยอนด้วย เธอเลยยิ่งกังวล

     

     

              “บมมี่กดให้แน่นๆ กว่านี้อีกสิ”

     

     

              ซานดาร่าดุเสียงดังเมื่อบมกดไม่แรงนัก อาจจะทำให้คิมบับไม่เป็นทรงสวยอย่างที่ต้องการ

     

     

              “ทำแล้วๆ อย่าดุสิ”

     

     

              พอบมทำเสียงอ้อนซานดาร่าก็ดุไม่ลง เลยช่วยห่อคิมบับไส้ทูน่าไปพลางๆ คิมบับของซานดาร่าออกมาสวยงามสมใจ ในขณะที่บมยังดูเก้ๆ กังๆ ซานดาร่าจัดการหั่นของคิมบับเรียงใส่กล่องอย่างสวยงาม และส่งมีดให้บมหั่นคิมบับของตัวเอง

     

     

              “โอย ตายจริง ทำไมฉันต้องมาทำอะไรอย่างนี้ด้วยนี่ ชเวซึงฮยอนนี่ก็ไม่รู้จักอยากกินอย่างอื่นที่ฉันทำได้เลย ทำไมต้องมาอยากกินคิมบับด้วย แล้วทำไมฉันต้องไปรับปากว่าจะทำด้วยเนี่ย”

     

     

              ปาร์คบมบ่นตัวเองยาวเหยียดจนซานดาร่าหัวเราะออกมา สุดท้ายเจ้าของบ้านเลยพลอยขำไปด้วย เพื่อนสนิทของบมส่งชามใส่ข้าวให้ และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

     

              “เธอทำคิมบับไป เดี๋ยวฉันไปปอกผลไม้ให้พลางๆ”

     

              “ดาร่าอา ... เปลี่ยนกันไหม”

     

              “ไม่ได้นะ” ซานดาร่าทำเสียงเข้ม “เธอต้องทำให้เองสิ เวลาซึงฮยอนกิน เธอจะได้มีความสุขไปด้วยไง”

     

              “ก็ได้ๆ”

     

     

              สุดท้ายนักเขียนสาวก็ยอมแพ้และลงมือห่อคิมบับต่อ ชิ้นที่สองมักจะง่ายกว่าชิ้นแรกเสมอ เพราะบมทำเสร็จในเวลารวดเร็วกว่าเดิม และเรียงใส่กล่องข้าวอย่างสวยงาม เจ้าของบ้านรีบล้างมือและวิ่งหายไปข้างบนห้องนอน ก่อนจะกลับลงมาพร้อมกล้องโพลารอยด์สีชมพูหวานในมือ

     

     

              “ถึงกับต้องถ่ายรูปไว้เลยเหรอเนี่ย”

     

              “ไม่ได้หรอก นี่อาหารมื้อแรกที่ฉันทำให้ซึงฮยอน วันครบรอบที่คบกัน 1 เดือนนี่นา”

     

              “อย่างนี้เอาไว้เป็นพลอตนิยายเรื่องใหม่ได้นะเนี่ย สาววางยาพิษในคิมบับเพื่อหวังเงินประกันชีวิตของแฟนหนุ่ม อะไรทำนองนี้”

     

              “จะบ้าเหรอ” บมทำเสียงแหลม ก่อนจะหัวเราะคิกคัก “แต่ว่าไปก็น่าสนใจนะเนี่ย”

     

              “ใช่มั้ยละ”

     

     

              ซานดาร่าหัวเราะเบาๆ และจัดผลไม้ลงกล่อง ส่วนปาร์คบมก็จัดการแปะรูปที่ถ่ายไว้ที่บอร์ดเล็กๆ ตรงผนัง เพื่อนสนิทของบมใช้ฝีมือเจ้าของร้านเสื้อผ้าจัดการห่อกล่องข้าวด้วยผ้าลายสีนวลๆ ประดับลายดอกไม้เล็กๆ จนกล่องข้าวเย็นที่บมตั้งใจจะทำไปให้ซึงฮยอนดูสวยน่ารัก

     

     

              “ขอบใจมากนะดาร่า เดี๋ยววันหลังจะพาไปเลี้ยงเนื้อย่าง”

     

              “ไม่เป็นไรจ้ะ ถือว่าฉันมาช่วย ฉลองที่หนังสือเธอพิมพ์ครั้งที่ 2 ไง”

     

              “นี่แหละ ยิ่งต้องไปกินเนื้อย่างฉลองใหญ่เลย”

     

     

              บมว่าพลางทำตาวิบวับเมื่อนึกถึงเนื้อย่างร้านโปรด สุดท้ายซานดาร่าก็ได้แต่หัวเราะและรีบดันเพื่อนสนิทไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะเวลานัดใกล้เข้ามาทุกที

     

     

              ซึงฮยอนมานั่งรอปาร์คบมที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำฮันตามที่อีกฝ่ายนัดไว้ ช่วงเย็นมีคนมาออกกำลังกายกันหนาตา และบางครอบครัวก็พากันมากินข้าวเย็นง่ายๆ ริมแม่น้ำ ซึงฮยอนเลือกนั่งรอที่ม้านั่งตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ ไกลออกมาจากผู้คนนิดหน่อย แต่ไม่ห่างจนถึงกับลับตาคน

     

     

              ก่อนจะออกมาจากออฟฟิศ เขาต้องทำหน้านิ่งแทบแย่ เมื่อพี่เบคคยองส่งเสียงแซวว่า รุ่นพี่ยังไม่ออกจากออฟฟิศ ทำไมรุ่นน้องถึงได้รีบออกไปนัก เขาได้ยินเสียงจียงตอบพี่เบคคยองว่าเขามีนัดวันนี้ และรุ่นพี่ก็หัวเราะชอบใจ

     

     

              ตาคมมองนาฬิกาข้อมือ และเห็นว่าเลยเวลานัดมา 5 นาทีแล้ว เขานัดกับนักเขียนสาวเอาไว้ตอน 5 โมงครึ่ง แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของปาร์คบม ซึงฮยอนเลยตัดสินใจโทรหา เผื่อว่าเธอจะหาไม่เจอ

     

     

              มือถือมีแต่เสียงรอสาย ไม่มีคนรับ

     

     

              มือแข็งแรงกดส่งข้อความหาในห้องแชท แต่ปาร์คบมที่อ่านแชทไวเสมอกลับยังไม่ได้อ่าน ทำให้เขาเริ่มร้อนใจ และตัดสินใจโทรหาอีกครั้ง

     

     

              “ไม่ต้องโทรแล้ว มาแล้วๆ”

     

     

              เสียงหวานๆ ดังมาจากด้านหลัง ทำให้ต้องหันไปมอง และเห็นว่านักเขียนสาววิ่งตรงมาหาพร้อมห่อของในมือ ซึงฮยอนเลยเดินไปหาและพาบมที่เริ่มหอบมานั่งพัก

     

     

              “ขอโทษทีค่ะที่มาช้า ฉันแวะไปซื้อน้ำมาด้วย เพราะคิดว่ากินข้าวไปคงฝืดคอแน่ๆ”

     

              “โธ่ ที่จริงมาก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมเดินไปซื้อให้ก็ได้”

     

              “ไม่เป็นไรหรอกน่า” บมพูดและทำหน้าเหมือนเด็กเกเร แต่มือแกะห่อผ้าที่หิ้วมาด้วย “มารอนานแล้วโมโหหิวล่ะสิ”

     

             

              ซึงฮยอนไม่ตอบแต่ทำตาโตเมื่อเห็นบมเปิดกล่องใส่คิมบับ และผลไม้เป็นกีวีกับแอปเปิ้ล หั่นมาเป็นชิ้นพอดีคำ พอบมยื่นตะเกียบไม้ให้ก็จัดการคีบคิมบับเข้าปากก่อนจะเคี้ยวและทำหน้านิ่งเสียจนคนทำมาให้ใจเสีย

     

     

              “ทำไม ไม่อร่อยเหรอคะ” บมถามอย่างกังวล “ฉันชิมมาหมดทุกอย่างแล้วนะ อร่อยดีนี่นา”

     

              “อร่อยครับ อร่อยมาก เหมือนที่แม่ทำเลย”

     

              “พูดจริงหรือเปล่าเนี่ย”

     

              “จริงสิครับ” ซึงฮยอนพูดแล้วคีบคิมบับอีกชิ้นเข้าปาก “ทำกับข้าวอร่อยขนาดนี้ต้องแต่งงานด้วยแล้วเนี่ย”

     

              “บ้าเหรอ”

     

     

              มือบางฟาดที่ไหล่ของซึงฮยอนไม่แรงนัก แต่คนโดนตีกลับทำท่าโอดโอยเหมือนเจ็บมากเสียจนบมอดหัวเราะไม่ได้ แถมสุดท้ายก็ต้องยอมกินคิมบับที่ซึงฮยอนป้อนให้ด้วย แต่เพราะมัวหยิบขวดน้ำมาเปิดดื่ม นักเขียนสาวจึงไม่ทันได้สังเกต มารู้ตัวอีกทีก็มีดอกโมรันสีชมพูสดยื่นมาตรงหน้า

     

     

              “อะไรคะ”

     

              “ดอกโมรันไงครับ เขียนหนังสือเป็นเล่มๆ ยังไม่รู้จักดอกไม้จริงๆ เหรอ”

     

              “รู้แล้ว” มือบางฟาดลงที่ไหล่ของอีกฝ่ายอีกที “แต่ที่ถามคือเอาดอกไม้มาให้ทำไมคะ”

     

              “แค่อยากซื้อมาให้ครับ เพราะว่าดอกโมรัน ทำให้คุณเขียนหนังสือ แล้วก็ทำให้เรามาเจอกัน แถมมารักกันด้วย ถือว่าเป็นดอกไม้พิเศษของเรานะ”

     

     

              คำพูดของชเวซึงฮยอนทำให้บรรยากาศรอบตัวดูอบอุ่นยิ่งกว่าเก่า แสงอาทิตย์สีส้มเพราะใกล้จะถึงเวลาพระอาทิตย์ตก และเสียงหัวเราะของเด็กๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ไม่ไกล ดูงดงามกว่าที่มันเคยเป็น

     

     

              “ขอบคุณนะคะ” บมรับดอกไม้สีหวานมาถือไว้ แต่ไม่วายแกล้งหยอก “ปีหน้าอย่าลืมซื้อให้อีกนะคะ”

     

              “อีก 10 ปีก็ยังซื้อให้ครับ สัญญาเลย”

     

     

              นิ้วก้อยเล็กๆ ของบมเกี่ยวไว้กับนิ้วแข็งแรงของอีกฝ่ายแทนคำสัญญา กลิ่นหอมหวานของดอกไม้ในมือกระจายอยู่รอบตัว บมคิดว่าเธอโชคดีที่ตัดสินใจตีพิมพ์หนังสือที่เธอรัก และมีกระแสตอบรับกลับมาอย่างดี ที่สำคัญที่สุดคือการที่ได้มาเจอกับคนที่ทำให้เธอเปิดใจอีกครั้ง และเป็นคนสำคัญในใจของเธออย่างชเวซึงฮยอน ถือว่าเป็นส่วนที่ดีที่สุดของวันนี้ ตอนนี้

     

     

              พรุ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร คงเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ แต่บมเชื่อว่า ถึงเวลาผ่านไปอีกหลายปีข้างหน้า เธอก็ยังจะได้รับดอกโมรัน จากคนพิเศษอย่างชเวซึงฮยอน ในวันพิเศษแบบนี้ทุกปี

     

     

     

     

    END

     

     

     

     

     

     

    Talk …… จบแล้วค่าสำหรับเรื่องนี้ ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะที่ติดตามอ่านมาตลอด ทั้งที่พลอยดองไว้นานมาก T_T หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ และสุดท้าย ฝากเพจ Ployniez’s fiction ด้วยนะคะ ทักทายกันได้น้า ขอบคุณค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×