ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชิดกลางใจ

    ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 19

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 360
      6
      10 มิ.ย. 52

                  
                             
    มุรียังคงนอนอยู่บนเตียง แม้ว่าจะเลยเวลาเข้างานแล้ว ใบหน้าเรียวหม่นหมอง นัยน์ตาบวมช้ำจากการนอนร้องไห้แทบทั้งคืน เหตุเกิดจากเมื่อวานหลังเลิกงาน ธีมปทินท์ชวนหล่อนไปทานข้าวเย็นกัน 2 คน  ตอนนั้นหัวใจแทบกระโดดออกมา นอก อกด้วยความดีใจ (เว้นวรรคให้คนอ่านหน้าเก่าหน้าแก่ตาฟางไม่ต้องงงมาก)     หล่อนมีความสุขเล็กๆอยู่ได้ไม่นาน อยู่ๆชายหนุ่มก็เปรยเรื่องคนรักของเขาขึ้นมา เสียงนุ่มสุภาพยังคงสะท้อนก้องอยู่ในหัว

                             บอกมุรีเป็นคนแรกเลยนะ ยังไม่ได้บอกใคร กับศิลป์ก็ยังไม่ได้บอก

                             หล่อนตั้งใจฟังว่าชายหนุ่มจะพูดอะไร  แล้วสิ่งที่ธีมปทินท์พูดทำให้หล่อนแทบอยากลุกขึ้นเดินหนีไป เพื่อที่จะไม่ต้องได้ยิน    

                          เราขอฟางแต่งงานแล้ว มุรีดีใจกับเราหน่อยสิ เพราะฟางตอบตกลงด้วย

                          พอนึกถึงตรงนี้ น้ำตาก็ไหลออกมาอีก แต่ที่ทำให้หัวใจหล่อนเจ็บจนเกือบหายใจไม่ออก นั้น เป็นตอนที่อีกฝ่ายพูดคล้ายจะรู้ว่าใครเป็นคนโทรไปแกล้งพนิตา

                                 เรื่องเข้าใจผิดระหว่างเรากับฟาง ไม่มีอะไรแล้ว เพราะคนที่คอยโทรไปแกล้งฟาง โทรไปอ้างว่าเป็นแฟนของเรา เค้าคงจะไม่ทำอีก  เราคิดว่า เขาต้องรู้ว่าเราไม่มีวันเปลี่ยนใจไปรักคนอื่น ในเมื่อเราตัดสินใจขอฟางแต่งงาน

                                 ตอนนั้นเสียงของชายหนุ่มนิ่งขรึมชัดเจน  ลักษณะท่าทางก็ไม่ได้เป็นกันเอง ไม่เหมือนการคุยเล่นๆกับหล่อนจนหล่อนเริ่มเอะใจ  คำพูดต่อมายิ่งทำให้ใจสั่นจนแทบคุมมือตัวเองที่ถือช้อนอยู่ไม่ให้สั่นด้วยไม่ได้

                               เราเองดีใจที่มีมุรีเป็นเพื่อน  มุรีล่ะดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับเราหรือเปล่า เสียงทุ้มหัวเราะแปร่งๆ ก่อนพูดต่อ เพื่อนต้องหวังดีต่อกัน เข้าใจกันถึงจะเรียกว่าเพื่อนนะมุรี

     

                          เพราะหล่อนมีความผิดปกปิดอยู่เป็นวัวสันหลังขาด ตอนนี้หล่อนจึงกังวลว่าอีกฝ่ายสงสัยหล่อนหรือรู้ว่าหล่อนเป็นคนทำจากคำพูดและการกระทำของชายหนุ่ม ใครจะมองหล่อนไม่ดี มองหล่อนเลวร้ายยังไง หล่อนไม่สนใจ แต่ผู้ชายคนที่หล่อนรัก หล่อนไม่อยากให้เขามองหล่อนเป็นคนไม่ดี  เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาจากลำคอ ก่อนที่ร่างบางจะคว่ำหน้าลงกับหมอนร้องไห้โฮออกมาอีก

     

                                ธีมปทินท์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน สีหน้าก็ยังคงไม่ดีขึ้นจากเมื่อวานเท่าใด แต่ชายหนุ่มก็ยังมีใจทำงานมากขึ้น เขาไม่รู้ว่ามุรีเข้าใจมากน้อยแค่ไหน เขาคิดว่าเขาพูดดีที่สุดแล้วเพื่อรักษามิตรภาพความเป็นเพื่อนร่วมงาน ใบหน้าซีดๆกับท่าทีที่หงอยลงไปถนัดหลังจากเขาบอกมุรีว่า เขาขอพนิตาแต่งงานแล้ว ทำให้เขาคิดว่าหญิงสาวคงเข้าใจและไม่ทำอีก พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า ควรบอกนฌิชร์  จึงรีบหาเบอร์ของหญิงสาว

     

                                สวัสดีครับคุณลูกชิด ผมธีมครับ

                         ค่ะ   เสียงใสตอบสั้นๆเพราะก่อนรับก็เห็นเบอร์ที่โชว์ขึ้นหน้าจอ

                            ผมคุยกับมุรีแล้ว คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้วครับ

                                ขอบคุณนะคะ ที่โทรมาบอกลูกชิด ความจริงลูกชิดรู้ว่าไม่เกี่ยวแต่ขืนปล่อยไป พี่ฟางคงเป็นคนเจ็บอยู่เรื่อยๆ

                                  ผมก็ขอบคุณครับที่คุณลูกชิดมาบอกผม ...ผมไม่รบกวนแล้วครับ

                          สวัสดีค่ะ  นฌิชร์วางโทรศัพท์   เมื่อวานหล่อนบอกพี่ฟางไปว่าหล่อนรู้อะไร ทำอะไรลงไปบ้าง พี่ฟางเงียบไปจนหล่อนใจเสียว่าอีกฝ่ายจะโกรธที่หล่อนไม่บอกก่อน  แล้วพี่ฟางก็พูดมาว่า วันหน้ารู้อะไรทำอะไรแล้วเกี่ยวข้องกับพี่ ลูกชิดต้องบอกพี่ก่อนนะคะ  ฟังๆเสียงของพี่ฟางก็ไม่โกรธอะไร  แต่หล่อนฟังแล้วใจแป้วไปนานกับน้ำเสียงเรื่อยๆเนือยๆ   หล่อนไม่รู้ว่าพนิตาคิดว่าตัวพนิตาเองควรจะเป็นคนจัดการปัญหา พูดกับธีมปทินท์เองไม่ใช่นฌิชร์ ถึงพนิตาจะอ่อนแอไม่กล้าเหมือนนฌิชร์ แต่พนิตาก็คิดว่าตัวเอง เข้มแข็งพอที่จะรับรู้และจัดการปัญหานี้ได้   หล่อนเอ่ยขอโทษพี่ฟางไป แล้วก็ถามว่า จะทำยังไงต่อในเมื่อคนใกล้ตัวธีมปทินท์อิจฉาพี่ฟางแบบนี้  พี่ฟางก็ตอบกลับมาว่า คอยฟังจากธีมปทินท์ 

       

                                  หลังจากวันนั้น  2วัน พี่ฟางก็โทรมาหาหล่อน ด้วยน้ำเสียงสดใส

                                 ลูกชิด เป็นไงบ้างคะ ไปเที่ยวไหนมาบ้างแล้ว

                          อยู่กับบ้านค่ะ ไปวัดเป็นเพื่อนตากับยายเท่านั้นเองค่ะ พี่ฟาง

                          พี่โทรมาบอกว่าพี่เลิกงานเร็ว วันนี้กับพรุ่งนี้ 2 วันค่ะ นฌิชร์เคยบอกไว้ว่าอยากนัดเจอกันสักวันก่อนที่หญิงสาวจะกลับตราด

                                 อ๊ะ ดีจังพี่ฟาง งั้นลูกชิดจะรีบโทรนัดสาว่าเอาวันไหนดี  พี่ฟางสะดวกทั้ง 2 เลยหรือเปล่าคะ   

                         ได้ค่ะ วันไหนก็ได้ แต่มาคุยกันที่ห้องพี่นะคะ มาทำอาหารทานกันบ้างดีกว่า

                         ยังไงก็ได้ค่ะ แล้วแต่พี่ฟาง เดี๋ยวลูกชิดโทรบอกนะว่าจะไปกวนพี่ฟางวันไหน ลูกชิดโทรถามสาก่อน นฌิชร์กระตือรือร้นเพราะจะได้เจอทั้งเพื่อนสนิทและเพื่อนรุ่นพี่ที่หล่อนรัก 

     

                                พนิตาไม่ได้บอกนฌิชร์ว่า บางทีอาจมีธีมปทินท์ไปด้วย  เรื่องเลวร้ายและที่เป็นปัญหาให้หล่อนต้องทุกข์ใจจนร้องไห้ได้ผ่านไปแล้ว  ธีมปทินท์เล่าให้หล่อนฟังเหมือนที่นฌิชร์เล่า มีเพิ่มมาก็ตอนที่ชายหนุ่มไปคุยกับมุรี ธีมปทินท์เอ่ยขอโทษหล่อนหลายครั้งที่เขาไม่นึกสักนิดว่าอาจจะเป็นคนใกล้ตัวของเขาเอง ธีมปทินท์สารภาพว่าเคยคิดว่าอาจเป็นเพื่อนของพนิตา ที่หล่อนไม่รู้และเผลอพูดคุยเล่าเรื่องอะไรไปตามประสาผู้หญิง  แต่เพื่อนของหล่อนคงไม่รู้ว่าชายหนุ่มไปไหน กลับดึกวันไหน คนที่รู้ต้องเป็นเพื่อนชายหนุ่ม หล่อนเอ่ยขอโทษแทนนฌิชร์ที่ผลีผลามเกินไป  แต่ชายหนุ่มก็บอกว่า เพราะนฌิชร์ทำให้เขารู้สาเหตุที่หล่อนอยากเลิก แล้วก็นฌิชร์ทำให้เขารู้ว่าใครเป็นคนที่จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหล่อน ถึงนฌิชร์จะทำอะไรไม่ถูกกาลเทศะ หรือวู่วามไปบ้างก็ไม่มีอะไรที่เลวร้ายเสียหาย 

      

                           เพราะนฌิชร์โทรมาบอกนัดเรียบร้อย หลังเลิกงานพนิตาจึงโทรหาธีมปทินท์เพื่อนัดไปทานอาหารพร้อมๆกันกับ นฌิชร์และสลิสา

                                  ธีมคะ เย็นนี้ว่างมั๊ย มาทานข้าวที่ห้องฟางกัน มีลูกชิดกับสาด้วยนะ

                                 หลังทุ่มนึงคงได้ ฟางรอผมหน่อยได้มั้ยล่ะครับ

                                ได้สิค่ะ

                         แล้วเจอกันครับ ที่รัก

                                พนิตาอมยิ้มกับน้ำเสียงและคำพูดของอีกฝ่าย ค่ะพนิตากดวางสาย แล้วยิ้มเขินอีกครั้ง หัวใจของหล่อนช่วงนี้พองโต เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ร่างบางรีบเก็บของบนโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย ก่อนจะสะพายกระเป๋าเดินออกจากที่ทำงาน ระหว่างทาง แวะซื้อของเพื่อเตรียมทำอาหาร นฌิชร์บอกหล่อนไว้ว่าจะเอาอะไรมาสมทบบ้าง หล่อนจึงคิดเมนูที่ทานร่วมกันได้ไว้ รวมถึงขนม ขณะที่กำลังเลือกซื้อเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น  คิ้วเรียวบางขมวดเมื่อเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก

                                  สวัสดีค่ะคุณฟาง

                           หัวใจพนิตากระตุก ก่อนจะพูดตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจ คุณมุรี

                                  พอได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อตนเอง มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ กำแน่นเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว ถ้าปลายสายรู้ชื่อหล่อน ธีมปทินท์ก็ต้องรู้ มุรีกัดริมฝีปากตนเอง สบายดีเหรอคะ

                                  ค่ะ

                                  กำลังจะแต่งงงานสินะคะ มุรีกลืนก้อนแข็งๆลงคอ กลั้นใจฟังคำตอบที่รู้อยู่เต็มอก

                                   พนิตาไม่ได้คิดถึงเรื่องแต่งงาน จึงอึกอักอยู่ครู่นึงเพราะไม่รู้ว่าที่อีกฝ่ายโทรมาต้องการอะไร ก่อนจะถามกลับ โทรมามีอะไรหรือเปล่าคะ

                           คุณเชื่อธีมเหรอคะ

                                   พนิตาสูดหายใจเข้า แล้วตอบชัด ค่ะ ฉันเชื่อเขา ก่อนจะแปลกใจกับเสียงหัวเราะที่ดังมาจากอีกฝ่าย

                                    มุรีหัวเราะสมเพชตัวเอง หัวเราะเพราะไม่รู้จะทำอะไรที่ดีกว่านี้ หัวเราะพร้อมๆกับน้ำตาที่เริ่มไหล ขอให้มีความสุข พูดได้เท่านี้ก็รีบตัดสายทิ้งเพราะหล่อนเริ่มร้องไห้หนักขึ้น  หล่อนลาป่วยมา  3 วันแล้ว คิดอยู่คนเดียวว่าชายหนุ่มจะรู้ความจริงมั้ย จะเป็นดั่งที่หล่อนกังวลหรือเปล่า และแล้วทุกอย่างก็กระจ่างเมื่อหล่อนตัดสินใจโทรหาหญิงสาวคนที่หล่อนทั้งอิจฉาและริษยา มุรีพยายามหยุดร้องไห้ เมื่อตัดสินใจที่จะลาออกจากบริษัท  

     

                              ความสดชื่นของพนิตาหายไปเมื่อรับโทรศัพท์ หล่อนไม่สบายใจกับน้ำเสียงที่ได้ยิน น้ำเสียงค่อนข้างเศร้าที่สามารถฟังออกได้อย่างชัดเจนแบบนั้น แสดงว่าคนพูดคงกำลังเสียใจมากจนปิดไม่มิด ตอนแรกหล่อนโกรธมุรีที่ทำให้หล่อนเข้าใจผิดธีมปทินท์ แต่พอได้ยินเสียงเศร้าๆของอีกฝ่าย หล่อนก็หายโกรธเหลือเพียงความสงสาร

          

                                   พี่ฟาง พี่ฟางสงสารคนแบบนั้นทำไมคะ เขาคิดร้ายกับพี่ฟางนะนฌิชร์โวยวายเมื่อได้ยินพี่ฟางบอกว่าสงสารมุรี  พนิตาเล่าให้หล่อนและสลิสาฟังหลังจากเตรียมอาหารเสร็จว่า ผู้หญิงคนเดิมหรือมุรีโทรมา

                                     พนิตามองใบหน้าน่ารักที่ทำหน้าไม่เข้าใจและยังดูคล้ายจะไม่ยอม ก่อนถอนหายใจ พี่เล่าให้ฟังเพราะลูกชิดกับสลิสารู้เรื่องมาตลอด และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรที่ไม่ดีแล้ว  พี่เลยคิดว่า พี่จะอภัยให้เขานะคะ               

                                      นฌิชร์อ้าปากค้าง เขาอาจจะเล่นละครอีกก็ได้

                                      พี่คิดว่า พี่ฟังน้ำเสียงเขาไม่ผิด ผู้หญิงกำลังเสียใจจริงๆ ยิ่งตอนสุดท้าย ...

                                      สลิสา ยกมือแตะไหล่เพื่อนเพื่อปราม เมื่อเห็นนฌิชร์ทำท่าจะเถียง พี่ฟางอภัยให้เขาแล้ว  แล้วมองเพื่อนด้วยสายตาที่บอกว่า ให้เงียบๆไปเหอะ

                                       นฌิชร์เม้มปาก แล้วถาม พี่ฟางจะบอกคุณธีมมั้ยคะ

                                       พนิตาส่ายหน้า ไม่ค่ะ แค่นี้พี่ก็ว่า มุรีคงลำบากใจมากพอแล้ว ให้เรื่องจบไปเลยดีกว่าค่ะ

                              นฌิชร์ลอบถอนหายใจ  หล่อนรู้ว่า พนิตาเป็นคนเรียบร้อย อ่อนโยน แต่มาวันนี้ หล่อนรู้ขึ้นมาอีกหน่อยว่า พนิตามีนิสัยใจคอที่เป็นนางเอกแสนดีเหมือนในละครไม่มีผิด ร้ายสักนิดก็ไม่มี เฮ่อ.. พี่เรา  พี่ฟางดีจังเลยนะคะ ใจดีมาก

                              พนิตายิ้มอ่อนโยน พออภัยให้เขา เราก็จะได้ไม่ทุกข์ด้วยไงคะ

                              เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น นฌิชร์หันไปมอง ขณะที่พนิตาก็ลุกขึ้นเดินไปรับ  หล่อนเดาว่า ธีมปทินท์คงมาแล้วจึงมีโทรศัพท์จาก ร.ป.ภขึ้นมาเพื่อถามว่าจะเปิดให้คนนี้ขึ้นมาหาได้หรือไม่  ตอนแรกหล่อนไม่รู้ว่าธีมปทินท์จะมาด้วย พอมาถึงพี่ฟางจึงบอกหล่อนว่าชายหนุ่มจะมา

     

                                      เมื่อพี่ฟางเดินไปเปิดประตู สลิสาจึงหันไปกระซิบเพื่อนเบาๆ พี่ฟางสุดดีเลย

                                      อืมม์ ใช่ เราเลยเป็นฝ่ายสุดมารร้าย นฌิชร์พูดเสียงจริงจัง

                              บ้า  สลิสากลั้นหัวเราะ 

                                       นัยน์ตาโตมองร่างสูงของธีมปทินท์ขวางๆ เพราะคิดว่า ชายหนุ่มไม่รู้จักปกป้องคนรัก เพื่อนตัวเองแท้ๆแต่ไม่รู้จักเฉลียวใจคิด และไม่รู้ว่าธีมปทินท์จะรู้บ้างมั๊ยว่าแฟนของตน แสนดีขนาดไหน  แล้วนฌิชร์ก็ยิ่งขัดใจเมื่อ พี่ฟางและธีมปทินท์เหมือนจะอยู่กันแค่ 2 คน 

                                        ตอนทานข้าวก็มองหน้ากัน คุยกัน  ทานเสร็จก็ชวนกันไปล้างจาน คุยกันกะหนุงกะหนิงอีก นฌิชร์ป้องปากบ่นกับเพื่อนเบาๆ สายตาก็มองไปทางคนทั้ง 2 ที่ช่วยกันเก็บ ล้างจานชาม

                                        อิจฉาเขาหรือไง

                               หวานจนเลี่ยนเลย

                                        สลิสาหัวเราะ อิจฉาเพราะไม่มีใครเขาสนใจตัวแล้วรีบเอายกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ เมื่อนฌิชร์ ค่อยๆเหล่มามองตาขวาง คนกำลังอินเลิฟ มีความสุข แกนี่ยังไง

                                          กะจะคุยกันให้สนุก 3 คน ที่ไหนได้ ...

                                   พี่ฟางมีความสุขก็ดีแล้ว

                                   ก็จริง นฌิชร์ลากเสียง สาว่า มุรีเสียใจจริงเปล่า

                                  ไม่รู้สิ สลิสายักไหล่ แต่จับได้แบบนี้  มุรีทำไรพี่ฟางไม่ได้แล้วละ

                                          นฌิชร์พยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อน

     

                                           วันต่อมาศิศิลป์ให้พนักงานเอาประกาศผลการรับสมัครคนไปทำงานที่สาขา ไปติดที่บอร์ดประกาศของบริษัท  มีชื่อของพนักงานที่สาขาทั้งหมดแสดงเอาไว้ ทั้งคนที่รับใหม่และคนเก่าที่ขอย้ายตัวเองไป ในประกาศไม่มีชื่อของมุรี  

                                   ตำแหน่งนั้น ขอคนในพื้นที่หรือเป็นผู้ชายดีกว่า ศิศิลป์บอกกับธีมปทินท์ที่มานั่งคุยด้วย  แล้วมองอย่างเป็นคำถามกลับไปพร้อมพูด อยากให้มุรีไปด้วย?

                                  เปล่า แค่ถามดู ก็ตำแหน่งนั้นมีมุรีสมัครคนเดียว เลยสงสัยว่าทำไมนายไม่รับ

                                            ไปทำงานที่นั่น เป็นผู้หญิงจะกินอยู่กับพวกเรายังไง  ลำบากเปล่าๆ ไม่คิดจะรับผู้หญิงไปอยู่แล้ว แต่จะให้ตั้งข้อกำหนดตั้งแต่แรกก็เป็นการกีดกันทางเพศเกินไป นัยน์ตาคมมองเพื่อนที่หน้าตาสดชื่น อารมณ์ดี ไม่เหมือนวันก่อนนั้น อารมณ์เข้าที่เข้าทางแล้วเหรอ

                                           ธีมปทินท์ยิ้มกว้าง  ก็ดีมาก หัวแล่น งานไม่มีสะดุด พอใจมั้ยครับท่านเจ้านาย

                                 ดีแล้วก็ดี  ขี้เกียจมองคนทำหน้าซังกะตาย อยากลาโลก

                                        จำเรื่องที่ถามวันก่อนนั้นได้มั๊ย เรื่องคนหักหลังเพื่อนด้วยกัน พออีกฝ่ายพยักหน้า เขาก็พูดต่อ เราพยายามหาคำพูด แล้วก็ตัดสินใจพูดไปแล้ว พอมาทบทวนดูที่พูดไปอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่มันคง ทำให้อะไรๆดีขึ้นได้ ทุกอย่างเลยเรียบร้อย ...เออ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับคุณลูกชิดหรอกนะ บางทีต้องขอบคุณเธอด้วยซ้ำไปเขาคิดว่า เพื่อนอาจเข้าใจผิดหญิงสาว

                                 ศิศิลป์ทำเสียงหัวเราะในลำคอ ขอบคุณที่แกล้งทั้งมึง ทั้งกู  แล้วก็มาพูดอะไรให้มึงหน้าตาดูไม่ได้เนี่ยเหรอ  เห็นพอคุณหนูตัวแสบคุยกับมึงทีไร วันต่อมามึงก็ทำท่าจะผูกคอตายให้รู้แล้วรู้รอดไปทุกที

                                           ธีมปทินท์อมยิ้มกับคำพูดและน้ำเสียงของเพื่อนที่คล้ายจะมีอารมณ์  เป็นเรื่องเข้าใจผิด ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว

                                         เข้าใจผิด ศิศิลป์ทวน คุณลูกชิดก็เคยบอกเหมือนกัน เข้าใจผิด ชายหนุ่มถอนหายใจออกแรง กูก็ยังเข้าใจไม่ถูกอยู่ดี

                                   ธีมปทินท์หัวเราะเบาๆพลางส่ายหน้า เขาก็ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าอย่างไรดี ฟางรักคุณลูกชิดเหมือนน้องสาวแท้ๆ เขาก็สนิทกันนั่นแหละ คุณลูกชิดเธอห่วงพี่สาว เลยต้องสกรีนคนที่จะมาเป็นพี่เขยอย่างเราหนักหน่อย ไอ้เราก็ต้องพิสูจน์ตัวจากการโดนเข้าใจผิดว่าไปหลอกลวงฟางเห็นเพื่อนฟังเงียบๆแถมสีหน้าเหมือนจะรับรู้ดี เขาเองก็ไม่คิดจะเล่ารายละเอียดลึกๆ เลยพูดเรื่องอื่นต่อ ตกลงจะไปตราดอีกเมื่อไหร่

                                            ไม่แน่ อาจจะไปเย็นวันศุกร์ หรือเสาร์เช้า ศิศิปล์พูดเสียงเหนื่อยๆ ไหมแก้วมารอทานข้าวเย็นด้วยทุกวันนับ ตั้งแต่เขากลับเข้ากรุงเทพฯมา  มารดาก็ขอให้เขากลับเร็วๆเพื่อจะได้ทานข้าวพร้อมกัน พอเขาบอกว่า มีงานต้องทำ มารดาก็พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ตัดพ้อที่เขาไม่มีเวลาให้เหมือนเดิม ทั้งๆที่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด ไปๆมาๆ เลยกลายเป็นว่า ถ้าเขาไปตราดคราวนี้ ทั้งมารดาและไหมแก้วจะไปด้วย         


                            นภัสวริน          จำวันได้แล้วทีนี้ ไม่มีพลาดเช่นกันค่ะ จะมาก่อนบ้าง แต่จะไม่มาหลัง  ไม่เอาแล้ว อัลไซเมอร์   ว่าแต่ท่านเจ้าป้าคะ ไปอ่านนิยายอีกเรื่องด้วย หุหุ   อันนั้น ต่อให้ท่านเจ้าป้าเก่งกล้าสามารถในการทวงเท่าไหร่ ก็มิอาจสู้คนไม่ยอมอัพเช่น ข้าพเจ้าได้หรอกค่ะ   มาทัก t-rex บ่อยด้วย ดีใจมากเลยที่เห็นชื่อ  นภัสวริน  มาทักทายทั้งที่ไม่ได้อัพนิยาย 

                   Oss-spy        รู้มุขเรานี่หน่า  555+  เฮ่อ ไม่ได้แวะไปเยี่ยมเลย เพิ่งว่าง แล้วจะโผล่ไปทักทาย                

                   September    โหยๆๆ ไม่นึกว่าจะเจอกันอีก ยังจำกันได้ ใช่แล้วนานมาก และแล้วก็กลับมาอัพจ้า

                        ต้นหอม         คิดถึงใครเอ่ย  ถ้าคิดถึงคนแต่งขอธูปกลิ่นมะลินะ   ส่วนอีกเรื่อง ขอบคุณที่แวะไปอ่านนะคะ

                   Peem's sister        ถึงไม่โผล่มาก็จะทัก เรางานเยอะมากๆที่ผ่านมา   ตัวเองล่ะ

                   Lala   เนี่ยพอโผล่มาอัพนิยายยังคิดอยู่เลยว่า ทำไมเดือนที่แล้ว ตัวเราถึงได้ลืมวันได้  คิดแล้วไม่น่าเชื่อ  สงสัย เข้าวัยทอง ว๊ากกก..    

                  Nekojung   คิดถึงอยากคุยเหมือนกัน แต่เกือบไม่รอดชีวา ยิ่งเดือนที่ผ่านมา งานเยอะอิบเลย นอนเที่ยงคืนอยู่ 2 วันเพราะงานไม่เสร็จ มีคนมาเร่งๆ แถมพอเสร็จ มัน ดันบอกไม่เอา เซ็งๆๆ เหนื่อยแทบตาย  เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วชีวิตฉัน แล้วจะโผล่ไปคุยกะน้องสาวของตัวเองด้วยนะ ที่รัก  

     

                      จ๋อมจ๋า         ....ขายดี แบบว่า ดีที่ขายได้สิไม่ว่า.... ดอกหญ้าไม่กระจายหนังสือแหง๋ ไม่ใช่ของเราที่ไม่ค่อยเห็น ของอัคนี กะม่านเราก็ไม่ค่อยเห็น จะเห็นส่วนมากก็ของ แมกไม้   ส่วนเจ้าคำนำเนี่ย รู้เปล่า เราโดนให้เขียน 2 หน้า a 4  แล้วใครมันจะไปโม้ได้ขนาด ไอ้เราก็วกไปวนมาหาเรื่องอู้ได้ 1 หน้าครึ่ง นึกว่าจะโดนว่า ที่ไหนได้ ดอกหญ้ายอม แถมไปจัดหน้าได้เพิ่มเป็น 2 เท่าได้     ดีน่ะ ถ้าเขียน 2 หน้า เอ 4 จริงๆ สงสัย คำนำนักเขียนปาไป 5 หน้า


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×