บทสวด มงคลสูตร(มงคลปริตร)
เอวัมเม สุตัง ฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเม ฯ อะถะโข อัญญะตะรา เทวะตา อะภิกกันตายะ รัตติยา อะภิกกันตะวัณณา เกวะละกัปปัง เชตะวะนัง โอภาเสตวา เยนะ ภะคะวา เตนุปะสังกะมิ อุปะสังกะมิตวา ภะคะวันตัง อะภิวาเทตวา เอกะมันตัง อัฏฐาสิ ฯ เอกะมันตัง ฐิตา โข สา เทวะตา ภะคะวันตัง คาถายะ อัชฌะภาสิฯ
ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้เมืองสาวัตถี ครั้งนั้นแล ครั้นปฐมยามล่วงไปแล้ว เทวดาตนหนึ่งมีรัศมีงามยิ่งนัก ยังพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า
พะหู เทวา มะนุสสา จะมังคะลานิ อะจินตะยุง อากังขะมานา โสตถานังพรูหิ มังคะละมุตตะมังฯ
หมู่เทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก ผู้หวังความสวัสดี ได้คิดถึงเรื่องมงคลแล้ว ขอพระองค์ทรงตรัสบอกทางมงคลอันสูงสุดเถิด พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
อะเสวะนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา
ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
การไม่คบคนพาล การคบแต่บัณฑิต
การบูชาบุคคลผู้ควรบูชา ทั้ง ๓ ประการนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด
ปะฏิรูปะเทสะวาโส จะ ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา
อัตตะสัมมาปะณิธิ จะ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
การอยู่ในสถานที่อันสมควร ความเป็นผู้มีบุญอันได้กระทำไว้แต่กาลก่อน
การตั้งตนไว้โดยชอบตามทำนองคลองธรรม ทั้ง ๓ ประการนี้ ก็เป็นมงคลอันสูงสุด
พาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต
สุภาสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
ความเป็นผู้ได้ยินได้ฟังธรรมและปฎิบัติธรรมมาก ความเป็นผู้มีศิลปวิทยา ความเป็นผู้ได้ศึกษาเล่าเรียนและปฎิบัติในระเบียบวินัยเป็นอันดี การกล่าววาจาที่เป็นธรรมและไพเราะ แม้ทั้ง ๔ ประการนี้ก็เป็นมงคลอันสูงสุด
มาตาปิตุอุปัฏฐานัง ปุตตะทารัสสะ สังคะโห
อะนากุลา จะ กัมมันตา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
การอุปัฎฐากบำรุงบิดามารดาให้เป็นสุข การสงเคราะห์บุตรและภรรยาให้มีความสุข
การทำการงานให้เสร็จเรียบร้อยไม่คั่งค้าง ทั้ง ๓ ประการนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด
ทานัญจะ ธัมมะจะริยา จะ ญาตะกานัญจะ สังคะโห
อะนะวัชชานิ กัมมานิ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
การให้ทาน การประพฤติธรรม การสงเคราะห์ญาติและคนใกล้ชิดทั้งหลาย
การทำงานที่ไม่ประกอบด้วยโทษทั้งทางโลกและทางธรรม แม้ทั้ง ๔ ประการนี้ก็เป็นมงคลอันสูงสุด
อาระตี วิระตี ปาปา มัชชะปานา จะ สัญญะโม
อัปปะมาโท จะ ธัมเมสุ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
การงดเว้นจากการทำบาปทั้งหลาย การงดเว้นจากการดื่มน้ำเมา
ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย ทั้ง ๓ ประการนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด
คาระโว จะ นิวาโต จะ สันตุฏฐี จะ กะตัญญุตา
กาเลนะ ธัมมัสสะวะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
การเคารพต่อบุคคลและสิ่งที่ควรเคารพ ความไม่เย่อหยิ่งจองหอง ความสันโดษยินดีในสิ่งที่ตนมีอยู่และสิ่งที่ตนพึงหาได้โดยชอบธรรม ความเป็นผู้มีกตัญญญูรู้คุณที่ท่านได้ทำไว้แล้วแก่ตน การได้ฟังธรรมคำสอนของสัตบุรุษตามกาลเวลาอันสมควร แม้ทั้ง ๕ ประการนี้ก็เป็นมงคลอันสูงสุด
ขันตี จะ โสวะจัสสะตา สะมะณานัญจะ ทัสสะนัง
กาเลนะ ธัมมะสากัจฉา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
ความเป็นผู้มีขันติความอดทน ความเป็นผู้ว่านอนสอนง่าย การได้เห็นสมณพราหมณ์ผู้ทรงศีลทั้งหลาย การได้เจรจาสนทนาธรรมตามกาลเวลาอันสมควร แม้ทั้ง ๔ ประการนี้ก็เป็นมงคลอันสูงสุด
ตะโป จะ พรัหมะจะริยัญจะ อะริยะสัจจานะ ทัสสะนัง
นิพพานะสัจฉิกิริยา จะ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
การมีความเพียรเพื่อเผากิเลส การประพฤติพรหมจรรย์คือปฎิบัติตนให้เป็นผู้ประเสริฐ การมีปัญญาเห็นอริยสัจทั้งหลาย การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน แม้ทั้ง ๔ ประการนี้ก็เป็นมงคลอันสูงสุด
ผุฏฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะ นะ กัมปะติ
อะโสกัง วิระชัง เขมัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
การทำจิตไม่ให้หวั่นไหวในโลกธรรมที่มากระทบ การไม่ทำใจให้เศร้าโศก การทำจิตให้ปราศจากธุลีคือกิเลสทั้งหลาย การทำจิตให้ถึงพระนิพพาน แม้ทั้ง ๔ ประการนี้ก็เป็นมงคลอันสูงสุด
เอตาทิสานิ กัตวานะ สัพพัตถะมะปะราชิตา
สัพพัตถะ โสตถิง คัจฉันติ ตันเตสัง มังคะละมุตตะมันติ ฯ
อนึ่ง เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เมื่อได้กระทำมงคลทั้งหลายเช่นนี้แล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่พ่ายแพ้ในที่ทั้งปวง และย่อมถึงความสวัสดีในที่ทั้งปวง ทั้งหมดนั้นเป็นมงคลอันสูงสุด ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้นแล ฯ
ความคิดเห็น