ตอนที่ 1 : Chapter 1 : วันแรก
เช้าวันจันทร์ที่แสนสยดสยองย่างกรายมาถึง เบลล่านั่งแช่อยู่บนรถได้ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอพยายามสงบจิตสงบใจและบอกตัวเองว่าเธอไม่ได้กำลังไปออกรบหรือฆ่าทหารฝ่ายศัตรูแต่อย่างใด เธอเพียงแค่ต้องลงจากรถและไปเรียนเท่านั้น
เบลล่า สวอน สาวผู้ซึ่งเนรเทศตัวเองจากเมืองที่ขึ้นชื่อได้ว่าแดดจ้าที่สุดอย่างฟินิกซ์ มายังเมืองที่อึมครึมและฝนตกเกือบตลอดทั้งปีอย่างฟอร์คส์ เมืองที่ครั้งหนึ่งเธอสาบานไว้กับตัวเองเลยว่าจะไม่มีทางมาเหยียบที่นี่เด็ดขาด
เบลล่าอยู่กับเรเน่ตั้งแต่เธอจำความได้ แม่ทิ้งชาร์ลีตั้งแต่เธออายุประมาณ 2 ขวบ เธอจึงอยู่กับแม่นับตั้งแต่ตอนนั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าแม่จะกีดกันไม่ให้เธอเจอชาร์ลีหรอกนะ เพราะเธอยังคงมาเยี่ยมชาร์ลีทุกปิดเทอม แม้เธอจะไม่ค่อยอยากย่างท้าวมายังเมืองอันแสนไม่สลักสำคัญนี้สักเท่าไรนัก แต่ด้วยความที่เบลล่ารักแม่ของเธอมาก มากเสียจนเธอยอมเสียสละมาอยู่กับชาร์ลีเสีย เพราะนั่นคงทำให้แม่และฟิลด์ สามีใหม่ของแม่ได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น ฟิลด์เป็นนักเบสบอลมืออาชีพในลีคส์เล็ก ๆ ลีคส์หนึ่ง ซึ่งนั่นออกจะทำให้เขาไม่ได้อยู่ที่ไหนเป็นหลักเป็นแหล่ง เรเน่จึงต้องไปทางนู้นทีทางนี้ที จิตใจพะวักพะวนไม่อยู่กับร่องกับรอยเพราะเธอเองก็เพิ่งแต่งงานกับฟิลด์ได้ไม่นาน แถมเธอยังมีลูกติดอย่างเบลล่าที่ต้องเป็นห่วงอีก เบลล่าเห็นว่าแม่คงไม่มีความสุขนัก จึงคิดหาทางออกด้วยการมาอยู่กับชาร์ลีผู้เป็นพ่อที่ฟอร์คส์เสีย เพื่อให้เรเน่ได้ใช้ชีวิตแต่งงานกับฟิลด์ให้มีความสุข แม้นี่จะดูเหมือนเป็นการทนมานตัวเองก็ตาม
เบลล่าถอนหายใจออกมาหนึ่งทีอย่างระบายอารมณ์ ถึงเวลาที่เธอจะต้องก้าวไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงเสียที หลังจากนั่งระลึกถึงความขมขื่นมาเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
เธอผลักประตูรถ ก้าวเท้าลงจากรถอย่างมั่นคงก่อนจะกระแทกประตูรถปิด มือหนึ่งจับสายสะพายกระเป๋าพาดติดไว้บนไหล่ ไม่ว่าการมาเรียนวันแรกของเธอนั้นจะเป็นอย่างไรก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะเธอตัดสินใจแล้วว่าจะมาอยู่ที่นี่ ซึ่งเธอจะต้องยอมรับมันให้ได้ เธอเดินไปตามทางที่คิดว่าน่าจะนำเธอไปยังตึกเรียนโดยที่ไม่มีเป้าหมายเลยว่าจะไปที่ใด ขณะเดินก็สังเกตเห็นว่านักเรียนที่นี่มีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับโรงเรียนในฟินิกซ์ที่เธอเคยอยู่ เห็นทีว่าเข้าเรียนแค่วันสองวันก็คงจะจำหน้านักเรียนเหล่านี้ได้หมดทั้งโรงเรียน
โอ๊ย!
ก่อนที่ฉันจะได้เงยหน้าขึ้นไปมอง เสียงนั้นก็ดังขึ้น
”ฝันกลางวันอยู่หรือไงแม่สาวน้อย“ ชายร่างกำยำแค่นหัวเราะอย่างขบขัน ลักยิ้มข้างหนึ่งปรากฏขึ้นบนแก้ม
เขาหน้าตาดีอย่างน่าประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าจะเจอผู้ชายหน้าตาดีในโรงเรียนที่แสนธรรมดาแห่งนี้ รูปร่างบึกบึนแข็งแรงของเขาทำให้ฉันนึกถึงนักแสดงฮอลลีวูดสายบู๊ แต่ถ้าให้ประเมินจากสายตาแล้วฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเขาจะเรียนที่นี่ เพราะเขาดูเหมือนชายอายุ 25 หรือราว ๆ นั้น เขาดูแก่เกินกว่าจะเรียนมัธยมปลาย
แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มีท่าทีขอโทษฉันแต่อย่างใด แต่กลับยิ้มระรื่นใส่ฉันที่ยืนงงเหมือนคนเป็นโรคทางสมอง
“เอ็มเม็ต พอได้แล้ว” เสียงใสราวกับแก้วดังขึ้นจากด้านหลัง
ไพเราะเหลือเกิน
ฉันหันขวับไปยังเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่ แล้วก็ต้องตกตะลึง ชายหนุ่มรูปงามที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นในโลกนี้ปรากฏตัวขึ้น ฉันไม่อาจพูดได้เลยว่าเขาหล่อเหลากว่าเอ็มเม็ต ชายร่างกำยำที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันเสียอีก รูปร่างเขาดูกำยำน้อยกว่าแต่ทว่าดูแข็งแรง ใบหน้าคมคายไม่สื่ออารมณ์เท่าไรนัก เริ่มด้วยคิ้วเข้มหนาที่ทำให้เขาดูน่าดึงดูดอย่างประหลาด ขนตางอนยาวเป็นแพ ดวงตาสีน้ำตาลทองหวานหยดราวกับน้ำผึ้ง กับริมฝีปากหยักได้รูปนั่น ฉันรู้สึกได้ว่าเสียงหัวใจฉันเต้นอย่างบ้าระห่ำราวกับจะทะลุออกมานอกอกเลยทีเดียว
เขาเลื่อนสายตากลับมามองฉันที่ยืนตะลึงอยู่ แต่แล้วเขาก็มีทีท่าประหลาดใจขึ้นมา
เขาสงสัยอะไรนะ?
ฉันทำสายตาล่อกแล่ก ไม่ได้เตรียมใจว่าเขาจะมองตอบกลับมา แถมตอนนี้เขากำลังจ้องฉันอย่างสงสัยอะไรบางอย่างอยู่ แต่ฉันไม่ได้มีสมาธิสนใจในสิ่งที่เขากำลังสงสัยเท่าไร เพราะที่ฉันสนใจคือเขากำลังจ้องอยู่น่ะสิ
เสียงหัวใจฉันเต้นดังกว่าเดิมอีกคราวนี้ ฉันหน้าแดงด้วยความเขินอาย ทำตัวไม่ถูก
เอ็มเม็ตส่งเสียงกระแอมหนึ่งที ฉันสะดุ้งหันกลับไปมองเขา ลืมไปเลยว่าเขาอยู่ที่นี่ด้วย แต่แล้วชายคนที่ดูบอบบางกว่าก็พยักเพยิดหน้าไปที่ตึกเรียนแถวนั้น ซึ่งฉันคิดว่าน่าจะเป็นตึกเรียนของเอ็มเม็ต เขายิ้มรับอย่างขบขันกับสีหน้าของฉันครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินตรงไปที่ตึกนั้น โดยที่ชายอีกคนไม่ได้หันกลับมามองฉันอีก เขาเดินแยกกับเอ็มเม็ตไปอีกทาง
”เฮ้ เบลล่า!”
จู่ ๆ ชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น เขาทักฉันเหมือนเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่ไม่ได้เจอกันนาน สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างที่สุด ฉันคงไม่รู้จักเขาหรอกใช่ไหม เอ.. หรือฉันรู้จักเขาล่ะเนี่ย ฉันชักเริ่มไม่แน่ใจ
”ผมชื่อไมค์ นิวตัน” เขายื่นมือออกมา ฉันจับมือเขาตอบอย่างมีมารยาท
“คุณคืออิซาเบลล่า สวอนใช่ไหม”
“เบลล่า” ฉันรีบแก้ รู้สึกอายที่เขาเรียกชื่อเต็มอย่างนั้น ”แค่เบลล่า”
”โอเค เบลล่า ไหนบอกหน่อยสิว่าคุณกำลังเล่นเกมทายปริศนากับเอ็ดเวิร์ดอยู่หรือ”
ฉันขมวดคิ้วเป็นปมเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ เขาพูดถึงอะไรกันนะ
”ก็คนที่มองคุณเหมือนว่ากำลังคิดหาคำตอบอะไรอยู่ไง น้องชายไอเอ็มเม็ตตัวยักษ์นั่น”
ผู้ชายคนนั้นชื่อเอ็ดเวิร์ดนี่เอง
“อ๋อ ผู้ชายเมื่อสักครู่ใช่ไหม ว่าแต่...นายบอกว่าเขาเป็นพี่น้องกันหรือ?” ฉันถามด้วยความอยากรู้
”ใช่ แต่ไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดอะไรทำนองนั้นนะ เขาเป็นลูกที่หมอคาไลล์กับคุณนายเอสเม่รับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมน่ะ”
อืม...
”แต่พวกเขามีผิวขาวซีดเหมือนกันเลยนะ ฉันคิดว่าเขาเป็นพี่น้องกันจริง ๆ เสียอีก” ฉันพูดพลางคิดถึงความคล้ายคลึงกันแปลก ๆ ของสีผิวเอ็มเม็ตและเอ็ดเวิร์ด ทั้งที่ทั้งคู่ไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดกันเสียหน่อย
“อันนั้นฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอก พวกเขาอาจจะไปฉีดกลูต้ามาก็ได้มั้ง ใครจะรู้” เขาหัวเราะอย่างพอใจกับมุขของตัวเอง ฉันยิ้มน้อย ๆ ไปกับเขา ในใจนึกอยากฟังเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวนี้ให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย
”เธอมีเพื่อนหรือยัง?” เขาถาม
“เอ่อ — ฉันเพิ่งมาโรงเรียนวันแรก ฉันยังไม่มีเพื่อนหรอก” ฉันตอบด้วยความเขินอาย รู้สึกอึดอัดชะมัด
”งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันดีไหม พักเที่ยงเธอก็มานั่งกับฉันและเพื่อนคนอื่น ๆ ในกลุ่ม” แววตามีความหวังอย่างแรงกล้าของไมค์ปรากฏขึ้น ซึ่งฉันไม่อาจปฏิเสธ อีกอย่างฉันจะปฏิเสธความเมตตาของไมค์ได้ยังไงกันล่ะ เพราะฉันไม่มีเพื่อนจริง ๆ อย่างที่พูดนั่นล่ะ
”ดีเลย ขอบใจจ้ะ” ฉันยิ้มขอบคุณ
”ไหน ชั่วโมงแรกคุณเรียนอะไร เบลล่า?”
ตายล่ะ ฉันลืมไปแล้วว่าตัวเองมาโรงเรียนทำไม มัวแต่สนใจเรื่องของคนอื่น
”ฉันมีเรียนชีวะ แต่ฉันไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหน”
“ผมรู้! ผมจะพาคุณไปเอง” ไมค์ยิ้มออกมาอีกครั้ง ราวกับว่าการที่เขาเสนอให้ความช่วยเหลือฉันคืองานที่เขาแสนจะเต็มใจและภาคภูมิใจที่ได้ทำเหลือเกิน “ผมก็เรียนกับคุณเหมือนกัน รู้มั้ย”
โอ... ดีจริง มีเพื่อนที่เรียนด้วยกันวิชานึงแล้ว ชีวิตฉันในวันนี้คงจะลำบากน้อยลงหน่อย
”เอ็ดเวิร์ดก็เรียนที่นั่นเหมือนกันนะ และเขาขี้อวดเหลือเกินว่าเขาเก่งกว่าใครทุกคน” ไมค์พ่นลมอย่างรำคาญใจ
ส่วนฉัน...
เสียงหัวใจเต้นแรงเสียจนจะทะลุออกมานอกอกอีกแล้ว
ฉันกับพ่อเทพบุตรคนนั้นเรียนด้วยกันหรือ?
ไม่จริงน่า!
————————————————
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
