รุ่นพี่ที่รัก
เมื่อสาวน้อยปีหนึ่งหลงรักรุ่นพี่ปีสี่สุดฮอต ผลจะออกมาเป็นยังไงนะ?
ผู้เข้าชมรวม
517
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
รุ่นพี่ที่รัก
ฉันรีบปิดหนังสือนิยายในมือเอาเก็บใส่กระเป๋าแล้วรีบเดินออกจากหอสมุด ทันทีที่เดินพ้นประตูของหอสมุด จากที่ฉันเดินแกมวิ่งก็กลายเป็นวิ่งจี๋สุดฝีเท้าจนหางม้าของฉันแกว่งไปมา ถ้าโชคดีไปถึงก่อนพี่มาฉันก็น่าจะได้เห็นพี่กรสักแว่บหนึ่ง แว่บเดียวก็ยังดี
ฉันชะลอฝีเท้าเมื่อมาถึงสนามบอลที่อยู่เกือบจะติดกับรั้วมหาวิทยาลัย ก่อนจะกระชับสายกระเป๋าสะพายแล้วดันแว่นให้เข้าที่พลางสอดส่ายสายตามองหาพี่กร ใจเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงๆขาวๆที่คุ้นเคยวิ่งอยู่ในสนาม พี่กรเปียกเหงื่อโชกอยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงบอลโชว์กล้ามแขนขาวๆน่าหนุน...
เสียงแตรรถที่ดังขึ้นด้านหลังทำเอาฉันสะดุ้งโหยง ฉันหันหลังกลับไปมองก็เห็นรถยนต์สีดำที่คุ้นตาจอดอยู่ กระจกฝั่งคนขับลดลง ก่อนชายหนุ่มผมทองหัวยุ่งเล็กน้อยจะโผล่หน้าออกมา
“มองผู้ชายตาเยิ้มอีกแล้วน้องฉัน”
“พี่บอส พูดอะไรน่าเกลียด โบว์ไม่ได้ตาเยิ้มสักหน่อย เขาเรียกว่าตาของคนช่างฝันต่างหาก”
“จ้ะ แม่คนช่างฝัน จะกลับบ้านได้ยัง พี่หิวแล้ว รีบออกมาไม่ได้กินข้าวเลยเนี่ย”
ฉันเดินมาเปิดประตูแต่อดใจไม่ได้ต้องชะเง้อมองหาพี่กรของฉันอีกครั้ง
“เอ้า ฝันไปถึงไหนแล้วล่ะ ฝันว่าแต่งงานมีลูกรึยัง ไหนบอกสิ หลานพี่ในอนาคตชื่ออะไร”
“พี่บ้า!”
วันนี้ฉันก็มายืนเมียงๆมองๆอยู่ที่ข้างสนามบอลเพื่อเฝ้ามองผู้ชายในฝันของฉันเหมือนทุกวัน เฮ้อ พี่กรช่างเพอร์เฟคอะไรอย่างนี้ คนอะไร นอกจากหล่อ หุ่นดี ฉลาดแล้วยังเล่นกีฬาเก่งอีก แค่มองก็จะละลายแล้ว...
เสียงแตรรถดังขึ้นฉุดฉันออกจากความฝัน พอหันไปมองก็แน่นอนว่าเจอพี่ชายฉันรออยู่บนรถเหมือนเคยและที่เหมือนเคยอีกอย่างก็คือปากของพี่ตัวดีนี่แหละ
“เมื่อไหร่จะไปขอเขาแต่งงานล่ะ”
“พี่พูดอะไรน่าเกลียดอีกแล้วอ่ะ”
“ชอบเขาก็บอกไปเลยสิ”
พูดไม่พูดเปล่า พี่ชายตัวแสบยังบีบแตรรถเสียงดังแล้วหันไปโบกไม้โบกมือให้พี่กรที่อยู่ในสนามบอลพร้อมโวยวาย
“น้องๆ วู้ น้องสาวพี่ชอบเราอยู่แน่ะ วู้”
“พี่! ทำอะไรน่ะ”
ฉันหันไปมองที่สนามบอล ผู้ชายหลายคนมองมาทางฉัน รวมถึงพี่กรด้วยโอ๊ยตาย ฉันรู้สึกได้เลยว่าตัวเองหน้าแดงแจ๋ ฉันรีบมุดเข้ารถแล้วปิดประตูปังพี่ชายตัวดีหัวเราะกลิ้งจนฉันต้องหันไปขู่ฟ่อ
“หยุดหัวเราะเลยนะพี่อ้ะ กลับบ้านเลย ออกรถเดี๋ยวนี้นะ ออกรถ!”
พี่บอสยอมขับรถออกจากม.โดยดีถึงจะยังหัวเราะหึๆอยู่ก็ตาม ฉันแอบหันไปมองที่สนามบอลนิดหนึ่งก็พบว่าพี่กรกำลังมองมาที่ฉัน ชั่ววินาทีก่อนพี่บอสจะออกรถ สาบานได้ว่าฉันเห็นพี่กรยิ้มให้ฉัน
รถเคลื่อนออกจากที่และพี่กรก็หายลับไปจากสายตาฉันหันกลับมาเหมือนเดิมก่อนจะเอนหัวพิงพนักพิง พร้อมความรู้สึกว่าหัวใจพองฟูขึ้นมาจนต้องเอาสองมือขึ้นมากุมอกไว้ ฉันนึกถึงภาพพี่กรส่งยิ้มมาแล้วก็ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาบ้างแล้วจากอมยิ้มก็ค่อยๆขยายเป็นรอยยิ้มกว้าง
พี่กรยิ้มให้ฉัน เขายิ้มให้ฉัน เขายิ้มให้ฉัน!
วันนี้ฉันก็มารอพี่ที่สนามบอลเหมือนเดิม ฉันว่าฉันมีความหวังมากขึ้นเยอะเลยล่ะ เรื่องของฉันกับพี่กรอาจจะเหมือนในนิยายก็ได้นะ พระเอกเป็นรุ่นพี่หนุ่มรูปหล่อเดือนมหาวิทยาลัย ส่วนนางเอกเป็นสาวแว่นรุ่นน้องหน้าตาท่าทางเรียบๆที่พอถอดแว่นออกแล้วแต่งหน้าแต่งตัวดีๆก็จะกลายเป็นสาวสุดสวยที่ทุกคนไม่คาดคิด ยกเว้นพระเอกคนเดียวที่เห็นความงามที่ซ่อนอยู่แต่แน่นอนว่ารูปร่างหน้าตาไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความดีและจิตใจที่ใสสะอาดต่างหากพล็อตนิยายตั้งหลายสิบหลายร้อยเรื่องก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น นิยายมีพื้นฐานจากความจริงไม่ใช่เหรอเรื่องของฉันกับพี่กรก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้นก็ได
ฉันยืนชะเง้อมองหาพี่กรในสนามบอลอยู่พักใหญ่แต่ไม่เจอ ก็เลยถอดแว่นออกมาเช็ดก่อนจะใส่กลับเข้าไปใหม่แล้วมองหาพระเอกของฉันอีกครั้งแต่ก็ยังไม่เจออยู่ดีฉันถอนใจเฮือกอย่างผิดหวัง วันนี้พี่เขาไม่มาเหรอนี่ แย่จริง คนอุตส่าห์มีความหวังว่าวันนี้จะมีอะไรคืบหน้าซะหน่อย
“วันนี้ก็มารอแฟนอีกแล้วเหรอ”
เสียงนุ่มๆดังขึ้นจากด้านหลังฉัน ฉันหันขวับไปมองอย่างตกใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฉันหันเร็วไปจนเซเล็กๆหรือเพราะคนพูดยืนอยู่ใกล้กว่าที่ฉันคิดแต่ผลก็คือฉันชนเขาจนขวดน้ำในมือเขากระเด็นร่วงลงไปที่พื้น ฉันรีบละล่ำละลักขอโทษ
“ขอโทษค่ะ เดี๋ยวเก็บให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวพี่เก็บเอง”
ฉันก้มลงไปเก็บขวดน้ำพร้อมๆกับเจ้าของขวดน้ำจนหัวโขกกันเบาๆ ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมาขอโทษซ้ำ
“ขอโทษค่ะๆ หนูซุ่มซ่ามเอง”
“ไม่เป็นไรจ้า พี่ก็ซุ่มซ่ามเหมือนกันนั่นแหละ”
แต่ฉันไม่รับรู้แล้วว่าเขาพูดอะไรต่อ ฉันอ้าปากค้างน้อยๆเพราะเจ้าของขวดน้ำไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพี่กร พระเอกในใจฉันนั่นเอง คุณพระคุณเจ้าช่วย ฉันกำลังคุยกับพี่กร ฉันไม่เคยได้คุยกับเขามาก่อนเลย ทุกทีฉันจะทำได้เพียงแค่แอบมองเขาอย่างชื่นชมเวลาบังเอิญเจอเขาที่ตึกเรียนหรือไม่ก็ได้แค่แอบเข้าไปดูๆเฟซบุ๊คพี่เขาเท่านั้น พี่กรไม่รู้ด้วยซ้ำไปมั้งว่าฉันมีตัวตนอยู่ แต่ตอนนี้ฉันกำลังคุยกับเขา กำลังคุยกับเขา...
“พี่เห็นเรามาที่นี่แทบทุกวันเลย รอแฟนมารับเหรอ”
คำถามของพี่กรดึงสติที่หลุดลอยของฉันให้กลับมา ฉันรีบปฏิเสธทันทีเกิดเขาคิดว่าฉันมีแฟนแล้วไม่ยอมจีบฉันขึ้นมาก็แย่สิ
“อ๋อ นั่นพี่ชายหนูน่ะค่ะ ไม่ใช่แฟนหรอก หนูยังไม่มีแฟนค่ะ”
พี่กรร้องอ๋อเบาๆแล้วยิ้มให้ฉัน ฉันว่าฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ แต่สีหน้าพี่กรดูค่อนข้างจะโล่งใจล่ะ
“ชื่ออะไรเหรอเรา”
“โบว์ค่ะ หนูชื่อโบว์”
“ชื่อน่ารักจัง”
ฉันว่าฉันกำลังจะเป็นลมด้วยความปลื้มแล้วล่ะ
เพื่อนพี่กรที่ลงไปเล่นในสนามแล้วคงจะเห็นว่าพี่กรมาถึงแล้วจึงตะโกนเรียก พี่กรหันไปแล้วโบกมือให้เป็นเชิงรับรู้แล้วจึงหันมายิ้มให้ฉัน
“เพื่อนเรียกแล้ว พี่ไปก่อนนะ นั่งรอพี่ชายอยู่แถวนี้ก็ดี คนเยอะปลอดภัยดี”
“ค่ะพี่”
แล้วพี่กรก็เดินไปหาเพื่อน ปล่อยให้ฉันยืนเพ้ออยู่คนเดียว
“ฮัลโหล โบว์เหรอ วันนี้พี่ไปรับช้าหน่อยนะ มีงานด่วน”
“ให้โบว์นั่งรถกลับเองมั้ยล่ะคะ พี่จะได้ทำงาน”
“อย่าเลย วันนี้เราเลิกเรียนตั้งหกโมงไม่ใช่เหรอ กลับเองกว่าจะถึงค่ำพอดี อันตราย รอพี่ไปรับนั่นแหละ งานคงไม่นานมากหรอก พี่คงไปถึงซักหกโมงครึ่ง หาอะไรกินรอก็ได้”
เลิกเรียนแล้วฉันยังไม่รู้สึกหิวเท่าไหร่ ก็เลยตัดสินใจมาเดินเตร่แถวสนามบอลเหมือนเคย พี่กรลงสนามไปแล้ว ฉันนั่งที่เก้าอี้แถวนั้นแล้วนั่งมองเขาเตะบอลอยู่สักพักก่อนจะเปลี่ยนมารื้อกระเป๋าหาหนังสือนิยายเล่มใหม่ที่เพิ่งยืมมาจากหอสมุด เรื่องนี้ก็เป็นแนวพระเอกหล่อกับนางเอกหน้าตาเรียบร้อยเหมือนเดิม ฉันเริ่มก้มหน้าก้มตาอ่านเงียบๆอย่างมีความสุข ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ฉันเงยหน้าขึ้นมาอีกทีตอนมีเสียงคนทัก
“พี่ยังไม่มารับอีกเหรอ”
พี่กรที่ผมเปียกเหงื่อชุ่มยืนยิ้มอยู่ข้างหน้าฉัน วันนี้พี่เขาคงจะเตะบอลเสร็จแล้วเพราะพอฉันมองไปที่สนามบอลก็พบว่าแทบจะไม่มีคนอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่พากันแยกย้ายเก็บข้าวเก็บของเตรียมตัวกลับกันทั้งนั้น
“ตอนแรกไม่เห็นเราเลย พี่ก็เลยนึกว่าเรากลับไปแล้วซะอีก”
“วันนี้หนูมีเรียนถึงหกโมงน่ะค่ะก็เลยเพิ่งมา”
ฉันพยายามตอบด้วยความสงบแม้ว่าในใจจริงๆแทบจะลุกขึ้นมากรี๊ดด้วยความปลาบปลื้ม พี่กรพูดอย่างนี้แปลว่าเขาก็มองหาฉันอยู่เหมือนกันสินะ เขามองหาฉันเหมือนที่ฉันมองหาเขา แปลว่าเขาก็ชักจะมีใจให้ฉันเหมือนกันใช่มั้ยนี่ โอ๊ยตาย ฉันอยากจะเป็นลมจริงๆ
“ปีหนึ่งมีเรียนถึงหกโมงเชียว”
“ก็เฉพาะวันพฤหัสแหละค่ะ แล้วพี่กรรู้ได้ไงคะว่าหนูอยู่ปีหนึ่ง”
“ก็เราใส่ผ้าใบขาวนี่”
ฉันกรี๊ดในใจด้วยความปลาบปลื้มที่เขาสังเกตเห็นขณะที่พี่กรหันซ้ายหันขวาก่อนจะถามฉันว่า
“พี่โบว์ยังไม่มาอีกเหรอ มันเริ่มจะมืดแล้วนะ”
“วันนี้พี่มารับช้าหน่อยน่ะค่ะ ติดงาน แต่ก็คงใกล้มาแล้วแหละค่ะ”
พี่กรมีท่าทีลังเลแต่สุดท้ายก็นั่งลงข้างฉันแล้วบอกว่า
“งั้นพี่นั่งรอเป็นเพื่อนแล้วกัน ให้เราอยู่คนเดียวค่ำๆอย่างนี้อันตราย”
พี่กรเป็นห่วงฉันด้วย พี่กรเป็นห่วงฉันด้วย พี่กรเป็นห่วงฉันด้วย ฉันกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจแม้ปากจะปฏิเสธตามมารยาทว่า
“อย่าเลยค่ะหนู...โบว์ไม่อยากรบกวน”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่เต็มใจ”
ฉันยังไม่ทันจะขอบคุณพี่กร มารผจญหัวทองก็มาซะก่อน
“โบว์ กลับบ้านกัน พี่หิวข้าวจะตายอยู่แล้ว”
พี่นะพี่ มาไม่รู้จักเวล่ำเวลาเอาซะเลย พี่กรหันมายิ้มให้ฉันก่อนจะพูดว่า
“พี่เรามาแล้ว งั้นพี่ไปก่อนนะ”
สา...ธุ วันหลังเวลามารับฉันขอให้พี่เจอแต่รถติดตลอดทางทีเถอะ!
ฉันแวะเข้าห้องน้ำหลังเลิกเรียนเพื่อจะหวีผมมัดผมใหม่ให้เรียบร้อย จากนั้นก็บรรจงทาลิปกลอสสีชมพูอ่อนที่เมื่อวานอุตส่าห์ไปหาซื้อมา เช็คความเรียบร้อยตัวเองเสร็จก็รื้อกระเป๋าตรวจดูให้แน่ใจว่าช็อคโกแลตที่เตรียมมายังอยู่ สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเริ่มเดินตรงไปยังสนามบอลที่พี่กรรออยู่
ที่เขาพูดกันว่าเวลามีความสุข เวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนฝันนี่ไม่ผิดเลยจริงๆ เผลอแป๊บเดียวฉันก็มีโอกาสได้คุยได้รู้จักพี่กรมาสองอาทิตย์กว่าแล้ว เดี๋ยวนี้เขามานั่งกับฉันทุกวันเลยแหละ รอจนพี่มารับฉันแล้วถึงจะไปเล่นบอลกับเพื่อน ฉันล่ะปลื้มจริงๆเลย
ปกติเวลาพี่กรมานั่งกับฉัน เราก็คุยนู่นนี่กันไปเรื่อยเปื่อย พี่เขาไม่ได้มีท่าทางจะบอกรักหรือขอคบกับฉันเลยนะ แต่อยู่ดีๆเมื่อวานก่อนพี่จะมารับฉัน พี่กรก็บอกฉันว่า ”พรุ่งนี้เป็นวันวาเลนไทน์ แต่พี่มีแข่งบอลเลิกเย็นหน่อย โบว์รอพี่หน่อยได้มั้ยคะ พี่เรื่องจะบอก”
กรี๊ดดดดดดดด... สาบานได้ว่าพี่เขาพูดตามนี้เป๊ะๆเลย พูดคะกับฉันด้วย เขาไม่เคยพูดคะกับฉันมาก่อน น่ารักมากกกก... แล้วเขานัดฉันวันวาเลนไทน์นะ วันวาเลนไทน์นะ วาเลนไทน์จะมีอะไรนอกจากการบอกรักล่ะ! นี่ฉันก็เลยเตรียมช็อคโกแลตไว้แล้ว กะว่าจะให้พี่เขาวันนี้ โอ๊ย ตื่นเต้นจังเลย
ฉันมาถึงตอนพี่กรลงสนามไปแล้ว ฉันดูเขาแข่งด้วยใจระทึก ทั้งเชียร์ให้เขาชนะและลุ้นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากเขาแข่งเสร็จ
เวลาที่เรารอคอยอะไร เวลามักจะผ่านไปช้าเสมอ ฉันรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ตรงนั้นมาเป็นชั่วโมงๆแล้วกว่าพี่กรจะแข่งเสร็จ แต่ทันทีที่เขาแข่งเสร็จ พี่กรก็วิ่งเหยาะๆมาหาฉันพร้อมรอยยิ้มทันที ฉันยิ้มตอบด้วยใจที่เต้นแรงกว่าครั้งไหนๆ พี่กรแวะหยิบของบางอย่างจากกระเป๋าเขาแล้วเอาแอบไว้ด้านหลัง เขายิ้มกว้าง หน้าแดงระเรื่อไม่รู้เพราะเพิ่งออกกำลังมาหรือเพราะเขินกันแน่ ฉันเองก็ล้วงมือเข้าไปแตะช็อคโกแลตในกระเป๋าด้วยหัวใจที่เต้นโครมๆจนกลัวเขาจะได้ยิน ฉันสบตากับพี่กรด้วยความตื่นเต้น ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่ฉันว่าฉันก็เห็นความตื่นเต้นและความคาดหวังในสายตาพี่กรเหมือนกัน ชั่วเวลาไม่กี่วินาทีที่พี่เขาเดินเข้ามาหาฉันพร้อมของในมือที่ซ่อนเอาไว้ข้างหลังดูเนิ่นนานเป็นชั่วโมง ทั้งๆที่รอบตัวเราสองคนยังมีคนอยู่มากมายแต่ฉันกลับรู้สึกว่า ณ ที่นี้มีแค่ฉันกับพี่กรสองคนเท่านั้น
เสียงแตรรถดังขึ้น ฉันหันไปมองก็ปรากฏว่าพี่ฉันมารับแล้ว
บ้าจัง ฉันอุตส่าห์บอกพี่ให้มารับช้าหน่อยแล้วแท้ๆ ฉันหันกลับมาหาพี่กร ปรากฏว่าเขาเดินมาถึงตัวฉันแล้ว พี่กรยิ้มให้ฉันอีกครั้ง ฉันยิ้มตอบอย่างเคลิบเคลิ้ม เหมือนทุกอย่างกลายภาพสโลว์โมชั่นในที่สุดพี่กรก็ยื่นของที่อยู่ในมือออกมาให้ฉัน มันคือดอกกุหลาบเดี่ยวสีแดงสดดอกหนึ่งที่กลีบซ้อนกันหลายชั้นสวยงาม ซ้ำยังผูกโบว์สีขาวไว้ที่ก้านของมันอีกด้วย
ฉันเอื้อมมือออกไปรับไว้และมองมันอย่างชื่นชม ดอกกุหลาบส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ โบว์สีขาวคงจะหมายถึงตัวฉัน...โบว์ รุ่นน้องที่ใสซื่อบริสุทธิ์กับดอกกุหลาบแทนคำว่ารัก พี่กรช่างคิดอะไรอย่างนี้ ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างชื่นชม สายตาพี่กรมีแววภาคภูมิและพอใจ เขาก้มลงมาที่ข้างหูฉัน ฉันนั่งตัวแข็งด้วยความเขินอายและความคาดหวัง โลกรอบตัวราวกับจะหยุดหมุนเมื่อพี่กรกระซิบบอกฉันอย่างอ่อนหวานว่า
“ฝากดอกกุหลาบให้พี่ชายโบว์หน่อยนะคะ พี่โบว์น่ะสเป็คพี่เลย”
ผลงานอื่นๆ ของ กรัณฑา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ กรัณฑา
ความคิดเห็น