Just Story (ที่นี่แค่เรื่องเล่า) ตอนทะเลของผม - Just Story (ที่นี่แค่เรื่องเล่า) ตอนทะเลของผม นิยาย Just Story (ที่นี่แค่เรื่องเล่า) ตอนทะเลของผม : Dek-D.com - Writer

    Just Story (ที่นี่แค่เรื่องเล่า) ตอนทะเลของผม

    Just Story (ที่นี่แค่เรื่องเล่า) เป็นเรื่องเล่าของแต่ละแง่มุมของคนที่มาเล่าผ่านตัวอักษรว่าเรื่องราวของเขาเป็นอย่างไร และหวังว่าคนอ่านจะได้แนวคิดอะไรจากเรื่องของพวกเขา

    ผู้เข้าชมรวม

    4,208

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    4.2K

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 เม.ย. 55 / 21:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
      ที่นี่แค่เรื่องเล่า Just Story ตอนทะเลของผม
    เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความทรงจำและทะเล หลายๆคนอาจจะมีความทรงจำที่แตกต่างกันนั้นเป็นเพราะเหตุการณ์ในชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน ส่วนเรื่องตอนทะเลของผมนั้น เป็นเรื่องราวเกี่ยวชายหนุ่มซึ้งพยายามฆ่าตัวตายด้วยการมาจบชีวิตลงที่ทะเล แต่สุดท้ายแล้วก่อนที่ทุกอย่างจะหายไปนั้น หวงเวลาหนึ่งก็กลับเข้ามาในหัวสมองของเขา และมันช่างเป็นห่วงเวลาแห่งความสุขที่เขาโหยหาอยากได้กลับมาตลอดชีวิต

    ขออภัยทุกท่านถ้าเกิดอ่านแล้วไม่เข้าใจหรือมีคำผิดมากไป ยังไงผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเรื่อยๆครับ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       ทะเลของผม

      ทะเลคือน้ำเค็มกับพื้นทรายในความหมายของผม ทะเลคือที่ๆใครหลายคนรู้จักและเคยไป อีกทั้งทะเลกลับเป็นเหมือนที่พักใจไม่ว่ายามสุขหรือทุกข์ก็ตาม ผมมักจะแวะเวียนมาเยี่ยมมันอยู่บ่อยๆ หลายครั้งที่ผมพยายามตามหาที่ๆผมเรียกว่า  ทะเลของผม แต่ผมก็ไม่รู้ได้ว่ามันอยู่ตรงไหนและที่ใดในตอนนี้

      อาทิตย์สีส้มเป็นสัญญาณบอกว่าเวลายามเย็นกำลังมาถึงแล้ว ผมเดินทอดน่องอยู่ริมทะเลคนเดียวโดยไม่ได้สนใจใครหรือเสียงอะไรนอกจากเสียงลมและคลื่นทะเล เท้าของผมเดินเหยียบทรายและเปลือกหอยที่ระยิบระยับรับกับแสงแดดยามเย็น ทะเลยังคงเหมือนเดิมอยู่หรือป่าว? หรือว่าผมเองที่มองทะเลไม่เหมือนเดิมจากตอนเด็กๆ ตอนนี้ผมทิ้งทุกอย่างและคนทุกๆคนที่ผมรู้จักเพื่อที่จะมาเยี่ยมเยียนทะเล

      ผมค่อยๆเดินลุยฝ่าคลื่นลงไปในทะเลกว้างโดยลำพัง น้ำตาที่ไหลอาบแก้มแต่ไร้เสียงสะอื้นของผมกำลังหยดลงในน้ำเค็ม ผมค่อยๆเดินลงไปในทะเลที่ลึกขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดผมก็จมหายไปกับน้ำเค็มสีฟ้า ในระหว่างนั้นเองขณะที่ผมจมลงสู่พื้นน้ำจนเท้าเหยียบพื้นทรายใต้ทะเล ฟองอากาศที่ลอยออกจากปากของผมเริ่มลดลงและเหลือน้อยเต็มที ผมเหมือนกับคนที่กำลังขาดอากาศและใกล้จะตายอย่างช้าๆ

      ร่างของผมกำลังจมลงแล้วนอนราบลงพื้นทรายใต้น้ำเค็มอย่างแน่นิ่ง น้ำที่เข้ามาเต็มในรูหูผมทำให้ผมไม่ได้ยินเสียงอะไร เหมือนผมอยู่ในโลกที่ไร้กาลเวลาและตัดขาดจากสิ่งที่รบกวนจิตใจผม มัจจุราชที่ซ่อนอยู่ในน้ำเค็มคงกำลังหัวเราะอย่างสุขใจเมื่อเห็นคนสิ่งหวังอย่างผมกำลังตายลงอย่างช้าๆ แต่ทันใดนั้นเองเสียงของของผู้คนมากมายก็ดังก้องขึ้นมาในหูผม     ไม่ว่าจะเป็นเสียงนินทาของคนในที่ทำงาน เสียงเจ้านายที่วันๆเอาแต่บ่นและก็ทำบ้าอะไรไม่เป็น เสียงคนรักที่บอกตลอดว่าผมทำไมต้องทำแบบนั้น ทำไมต้องทำแบบนั้น และเสียงทุกอย่างก็ดังแทรกซอนกันจนผมทนไม่ไหว

                      วันนี้เราจะไป.........เที่ยวทะเลกันเย้...

      เสียงร้องแห่งความดีใจดังเข้ามาในหูผมและเสียงของพ่อที่กำลังบอกว่าเราจะไปเที่ยวทะเล ดูเหมือนวันเวลาเหล่านั้นกำลังกลับมาอีกครั้ง ผมดีใจมากที่ได้ยินเสียงของพี่ๆและเสียงตัวเอง ผมพยายามที่จะลืมตาขึ้นและใช้กำลังที่มีทั้งหมดว่ายน้ำเข้าไปหาแสงสีขาวตรงนั้น แสงแห่งความสุขที่อยู่ด้านบนหัวของผมและในใจก็มีแต่คำว่า

                      ว่ายไป ว่ายไป ว่ายไปให้ถึง.......

       

       

       

       

       เมื่อตอนเด็กๆหลายครั้งที่ทุกวันหยุดพ่อกับแม่จะพาผมกับพี่สาวสองคนไปเที่ยวทะเล สมัยนั้นบ้านเรามีรถที่หรูที่สุดคือรถกระบะติดหลังคาผ้าใบ พ่อก็ไม่ลืมที่จะเอาลูกจ้างคนงานในอู่ซ่อมรถไปด้วยกันเพื่อความสนุกสนานในการไปเที่ยว ระหว่างทางผมจะเป็นดีเจประจำรถเสมอและทุกเพลงที่ผมเลือกแน่นอนทุกคนบนรถก็ต้องร้องตามได้ เพราะว่าพวกเขาฟังกันมาจนชินและบ่อย ส่วนตัวผมก็กลายเป็นนักร้องประจำหลังรถขั้นกลางระหว่างพี่สาวสองคนไปโดยปริยาย

      พ่อมักจะจอดรถซื้อของในร้านชำเล็กๆก่อนที่เราจะไปถึงทะเล นั้นเพราะว่าพวกเราจะหาซื้อของทุกอย่างที่อยากกินหรืออยากใช้ได้ตามที่เราต้องการและราคาก็ถูกด้วย และเมื่อพวกเรามาถึงที่หมายในเวลาอันเหมาะ พ่อก็จะจัดแจงเรื่องที่นั่งโต๊ะและอาหารทั้งหมดร่วมกับแม่ ส่วนผมกับพี่สาวคงไม่ต้องพูดถึง แค่เห็นทะเลก็วิ่งเข้าหาเหมือนกับคนบ้าคลั่งน้ำเค็ม ส่วนพวกคนงานก็แบกของทั้งหมดลงจากรถแล้วไปยังที่นั่งและจากนั้นก็ค่อยวิ่งตามพวกผมลงทะเลไป

      คลื่นทะเลซัดเราเข้าฝั่งอยู่เรื่อยๆ หลายครั้งที่เราสวมบทบาทเป็นตะละครตัวโน้นตัวนี้ตามที่ใจเราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นนักรบบ้าพลังที่คอยสู้กับคลื่นยักษ์หรือนักล่าสมบัติใต้พื้นทรายในน้ำตื้นๆและที่สำคัญขาดไม่ได้คือการสวมวิญญาณเป็นนางเงือกใต้ท้องทะเล (อันนี้พี่สาวสองคนชอบมาก) พอเวลาไม่นานเมื่อความต้องการเราอยากจะไปให้ไกลขึ้น สิ่งเดียวที่จะนำพาเราไปไกลจากฝั่งได้ก็คือหนึ่งคนตัวสูงๆ สองคือห่วงยางวงกลมสีดำที่ทำจากยางรถยนต์และมีไว้ให้เช่านั้นเอง

      ผมวิ่งขึ้นมาจากน้ำและมุ่งเข้าหาโต๊ะที่พ่อกับแม่นั่งอยู่ด้วยความหิวซก เสียงแม่มักจะบ่นตามภาษาว่าอย่าไปเล่นน้ำไกลมากนะลูก มือขาวๆกับเล็บสีสวยๆของแม่ก็บรรจงแกะปูและกุ้งป้อนใส่ปากผมอย่างไม่ขาดสาย เสียงซ่าๆของน้ำอัดลมเมื่อเทลงกระทบกับน้ำแข็งในแก้วพลาสติก การได้ดื่มน้ำอัดลมกับอากาศลมทะเลร้อนๆมันช่างเป็นอะไรที่วิเศษเกินบรรยาย ผมพยายามรีบกินตามแรงความหิวเพราะเสียดายเวลาในการเล่นน้ำทะเล เป็นประจำที่พี่สาวของผมขึ้นมาทีหลังและบ่นว่าผมกินจนไม่เหลืออะไรให้คนอื่นเลย มือน้อยๆเปรอะด้วยน้ำมันจากกุ้งทอดและกระพุ้งแก้มที่เต็มไปด้วยอาหารและน้ำอัดลม ในขณะที่ยังไม่ได้กลื้นอาหารลงคอผมก็ยังไม่วายที่พูดกับพ่อให้ลงไปเล่นน้ำทะเลด้วยกัน

                      เสียงคลื่นที่ยังซัดเข้าหาฝั่งบวกลมที่พัดผ่านหูของเราอยู่ตลอดเวลา มันชั่งยั่วยวนให้เราทิ้งเรื่องทุกอย่างไว้ข้างหลังแล้วเพลินอยู่กับทะเลในตอนนี้ ผมกวักมือเรียกพ่อให้มาเล่นน้ำด้วยกันในขณะที่ตัวผมนั้นวิ่งเข้าหาพื้นทรายที่เปียกด้วยน้ำทะเล พ่อรีบถอดเสื้อแล้ววิ่งลงมาราวกับภาพของฮีโร่ในหนังการตูนทุกเรื่องที่ผมพอจะนึกได้ พละกำลังของพ่อแบกร่างกายเบาๆของเด็กชายอย่างผมขึ้นขี่คอได้สบายๆ และนี่คือเวลาที่พ่อลูกกำลังได้ออกไปผจญภัยในน้ำทะเลที่ลึกกว่าเดิม เมื่อพ่อเริ่มเดินย่างก้าวลงสู้ทะเลไกลออกไปจากฝั่งระดับน้ำและคลื่นก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มแสดงอาการกลัวแต่พ่อก็ยังคงเดินลงไปที่ๆลึกขึ้นเรื่อยๆ สิ่งเดียวที่ยืดผมไว้แน่นก็คือมือของพ่อที่จับผมไว้และมันแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าน้ำจะสูงแค่ไหนคลื่นจะแรงเพียงใดมือนี้ก็จะไม่ปล่อยให้ผมจมหายไปอย่างแน่นอน

                      เราสองพ่อลูกมาไกลเกินจากฝั่งและดูเหมือนว่าการที่ผมอยู่บนบ่าของพ่อนั้นจะทำให้พ่อว่ายน้ำลำบาก เป็นครั้งแรกที่ผมตัดสิ้นใจที่จะลงจากบ่าของพ่อแล้วพยายามลอยตัวตามสันชาติญาณ สองพ่อลูกจับมือกันไว้แน่นในขณะที่ลอยตัวอยู่ในท้องทะเลสีฟ้าที่กว้างไกล คำถามย้ำซ้ำๆของพ่อคือ

                      กลัวมั้ย ไหวมั้ย 

      ซึ้งผมก็จะตอบทุกครั้งว่า ไม่ แล้วพ่อก็ได้แต่ส่งยิ้มให้ผมและเราสองคนก็ช่วยกันฝ่าฟันคลื่นแล้วลอยตัวอยู่กลางทะเล

      เสียงเรียกชื่อผมเรียกชื่อพ่อดังมาจากทางด้านหลังของเราทั้งสอง ภาพของพี่สาวสองคนและคนงานของพ่อกำลังว่ายน้ำและลากห่วงยางสีดำมาด้วย

       เห็นมั้ยมีเพื่อนๆมาช่วยเราแล้ว 

      คำพูดของพ่อทำให้ผมรู้สึกว่าต่อไปนี้เราจะสนุกกันแล้ว ถึงแม้ว่าเวลาก็เลยผ่านไปนานพอดูแต่ว่าเสียงหัวเราะและเรื่องเล่าตลกๆของพวกเราก็ยังไม่หยุดเหมือนกับคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่ง พวกเราเกาะห่วงยางอันเดียวกันล้อมเป็นวงกลมเหมือนกับมดที่กำลังลอยแพในน้ำ พวกพี่ๆคนงานก็ดำผุดดำว่ายลอดเข้าห่วงยางและพ้นน้ำออกจากปากเหมือนโชว์ปลาโลมาที่เราเห็นในโทรทัศน์

      แสงแดดเริ่มอ่อนลงและกลับกลายเป็นสีส้มเข้มส่องลงมากระทบกับพื้นน้ำ นั้นคือสัญญาณที่บอกว่าเวลาเล่นน้ำกำลังใกล้หมดลงไปแล้วทุก พวกเราพยายามว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งอย่างช้าๆราวกับว่าจะถ่วงเวลาแห่งความสุขนี้ไว้นานๆ เมื่อถึงฝั่งผมก็มีอาการเหนื่อยและอยากนั่งเล่นอยู่บนหาดทราย ทุกคนจึงปล่อยผมไว้ให้เพลินอยู่กับทรายและเปลือกหอยหลายอันที่จมอยู่ในพื้นทราย ผมนั่งขุดอยู่นานบนหาดทรายจนลืมเวลา มือน้อยๆของผมบรรจงเลือกเอาเปลือกหอยที่ดีที่สุดสวยที่สุดเพื่อจะเอาเก็บไว้เป็นสมบัติของตัวเอง และเมื่อเวลาผ่านไปผมก็ได้เปลือกหอยที่สวยที่สุดของผม แต่ว่าผมไม่สามารถที่จะเอามันไปอวดใครต่อใครได้เพราะที่ๆผมอยู่นั้นมีแต่คนแปลกหน้าที่ผมไม่คุ้นเคย

      เท้าเล็กๆกับเด็กตัวน้อยๆที่กำลังเดินย่ำทรายริมชายหาดและตามหาว่าทะเลของเขาอยู่ที่ไหน ทะเลที่มีแต่คนที่เข้ารู้จักและคุณเคย บัดนี้มันไปอยู่ตรงจุดไหนของทะเลที่กว้างไกล แม้กระนั้นมือน้อยก็ยังคงกำเปลือกหอยเอาไว้อย่างแน่น ทันใดนั้นเสียงลมหายใจของใครหรืออะไรบ้างอย่างกำลังหายใจรดก้นของผม ทันทีที่ผมหันกลับไปก็คือมาสีขาวจมูกดำที่กำลังดมก้นของผมนั้นเอง

                      หลงทางหรอหนู ให้พี่ช่วยมั้ย

                      ผู้ชายผิวสีแทนที่อยู่บนหลังม้าเอ่ยถามผม แต่กระนั้นผมเองก็ไม่มีคำพูดใดๆออกจากมาจากปากของผมนอกจากน้ำตาที่เจิ่งนองออกมาโดยไร้เสียงสะอื้น คำพูดของชายคนนั้นเหมือนกับเข็มทิศนำทางให้ผมเจอสิ่งที่ต้องการ แล้วที่ผมร้องไห้ก็คงไม่ใช่ความรู้สึกอ่อนแอ แต่คงเป็นเพราะระหว่างทางที่ผมเดินมานั้นมันไกลและไม่มีใครช่วยเหลือผมเพราะผมไม่ได้ขอร้องใคร

      ชายผิวแทนคนนั้นอุ้มผมขึ้นบนหลังเจ้าม้าสีขาวและเขาก็เดินลากเจ้าม้าพาผมไปตามทางริมชายหาด ในระหว่างนั้นชายผิวแทนก็พยายามชวนผมพูดคุยแต่ผมก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง คงเป็นเพราะตอนเด็กๆพ่อแม่หรือครูอาจจะสอนว่าอย่าพูดคุยกับคนแปลกหน้า แต่ถ้าคนแปลกหน้าแล้วใจดีแบบนี้ก็คงเป็นข้อยกเว้นสำหรับคำสอนนั้น

      ถึงแม้เวลาผ่านไปไม่นานแต่สำหรับผมเหมือนนานเป็นชั่วโมงเท่าที่จำได้ ผมไม่รู้ว่าผมจะได้เจอพ่อกับแม่และพี่สาวอีกมั้ย แต่ผมกลับเชื่อว่าสิ่งที่กำลังนำทางผมไปขณะนี้มันกำลังไปในทางที่ดี

      ผมมองแสงสีส้มยามเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะตกสู้ทะเลในขณะที่อยู่บนหลังม้า นอกจากเสียงลมและคลื่นในทะเลแล้วเสียงอีกอย่างที่ผมได้ยินคือเสียงคนที่กำลังร้องเรียกชื่อของผม ทันทีที่ผมหันไปตามเสียงนั้นผมก็เห็นแม่ค่อยเดินเข้ามาหา ในนาทีนั้นผมแทบจะกระโดดลงจากหลังม้าแต่ว่าก็ทำไม่ได้เพราะมันสูงเกินไป ชายผิวแทนค่อยๆอุ้มผมลงจากหลังม้าและแม่ของผมก็เข้ามาถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนได้คำตอบว่าผมหลงทาง

      หลังจากที่แม่ขอบคุณชายคนนั้นเขาก็เดินต่อไปเรื่อยๆตามริมชายหาด ผมไม่ได้เอ่ยคำพูดขอบคุณเขาแม้สักคำ ได้แต่ยืนมองชายผิวแทนกับม้าขาวเดินไกลออกไปจนลับตา รอยยิ้มของผมคงแสดงให้ชายผิวแทนและม้าตัวนั้นเห็นแล้วว่าผมขอบคุณมากเหลือเกินกับทุกสิ่งถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้พูดออกไปหรือเขาจะไม่ทันมองเห็น

      เมื่อผมกลับมาจากการอาบน้ำล้างตัวอาหารเย็นก็กำลังจัดเตรียมขึ้นโต๊ะ ทุกๆคนกำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนานและบรรยากาศที่แสนสุขของชายหาดริมทะเลยามเย็น แต่สิ่งที่ทำให้ผมเศร้าในใจนั้นคือสมบัติล้ำค่าของผมได้หายไปตอนไหนแล้วก็ไม่รู้ เปลือกหอยที่แสนสวยของผมหายไปทั้งๆที่ยังไม่ได้มาอวดทุกคนว่ามันสวยแค่ไหน ในความเศร้าของผมมันช่างขัดกับบรรยากาศตอนนี้เหลือเกิน

                      เป็นอะไรลูก ไม่สบายหรอ

      เสียงของแม่ถามผมพร้อมกับยื่นเอากุ้งที่แกะเสร็จเรียบร้อยรอป้อนเข้าปากผม แน่นอนแม้จะเศร้าแค่ไหนความหิวมันก็มากกว่า

                      เปลือกหอยที่เก็บมาหายงะ มันสวยด้วย เสียดาย

      ผมพูดในขณะที่ปากยังเคียวกุ้งที่แม่ป้อนให้ อีกครั้งที่น้ำตาเริ่มจะไหลออกมา

                      เป็นลูกผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันนะ แค่เปลือกหอยอันเดียวนะลูก

      พ่อดูแทรกขึ้นมาด้วยคำขวัญประจำตัวที่ว่า ลูกผู้ชายไม่เสียน้ำตาง่ายๆ ลูกผู้ชายต้องไม่เรื่องมาก ลูกผู้ชายต้องยอมเสียสละ ในใจผมคิดเสมอว่าถ้าการเป็นลูกผู้ชายของบ้านนี้อะไรมันยากขนาดนี้

                      ก็มันสวย อีกอย่างมันไม่เหมือนอันอื่นๆ

      ผมยังคงพูดเถียงด้วยความเสียใจและน้ำตาที่เปื้อนแก้ม แต่ทันใดนั้นเองแม้ก็ยื่นกุ้งตัวที่สองเข้ามาในปากของผม

                      งั้นก็กินเยอะๆจะได้มีแรงไปตามหามัน แต่ถ้าไม่เจอล่ะจะทำยังไง

                      ต้องเจอซิแม่!

               แล้วถ้าเจออันที่สวยกว่าล่ะ 

                      ก็ไม่รู้...เก็บมาด้วยเผื่อไว้

      เสียงหัวเราะของแม่ดังขึ้นแต่มือก็ยังคงยื่นกุ้งตัวที่สามเข้าปากของผมอย่างไม่ขาดสาย

                      เห็นหรือยังว่าเปลือกหอยที่สวยๆมันสวยแตกต่างกันทุกอัน

      คำพูดของแม่กำลังเข้าสู่สมองของผมทำให้เกิดภาพจำลองที่เหมือนจริงมากๆ

                      ถ้าเปลือกหอยอันนั้นมันเป็นของเราสักวันเราก็ต้องเจอ แต่ถ้ามันไม่ใช่ของเราถึงมันจะสวยงานแค่ไหนเราก็ต้องปล่อยมันไปและเดินหน้าหาอันใหม่

      ผมได้แต่มองไปที่ริมหาดยามเย็น เสียงของแม่ทำให้ทำเห็นเปลือกหอยสะท้อนกับแสงตะวันระยิบระยับอยู่รางรายริมชายหาด

                      บ้างทีนะ.....ลูกอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่ามีเปลือกหอยที่สวยที่สุดในโลกกำลังรอให้ลูกไปค้นพบอยู่ก็ได้

      นั้นเป็นสิ่งที่จุดประกายให้เด็กชายอย่างผมเริ่มมองเห็นในสิ่งที่กว้างขึ้น คำพูดของแม่ยังคงกองอยู่ในหูทุกคำด้วยเสียงที่ไพเราะแล้วอบอุ่นบวกกับใบหน้าที่สวยๆ ทุกอย่างกำลังกลับสู่ภาวะปกติและตัวผมก็เริ่มจะสนุกสนานอีกครั้งกับเสียงเพลงแล้วเสียงหัวเราะของทุกๆคน

      พระอาทิตกำลังลับของฟ้าและเป็นเวลาที่พวกเราต้องโบกมือลาทะเล ทุกๆคนต่างทำหน้าที่เก็บของจัดแจงทุกอย่างขึ้นรถกระบะคู่ใจของครอบครัวเรา มีแต่ผมเท่านั่นที่ยืนอยู่ริมหาดมองดูตะวันสีแดงส้มที่กำลังโดนน้ำทะเลท่วมจนมิด หมดเวลาแล้วซินะ ทะเลของผม นี่เราคงต้องโบกมือลาสายลมและน้ำทะเลเพื่อกลับไปสู่เมืองที่เราอาศัยอยู่ แต่สัญญาอีกไม่นาน

                      เราคงได้เจอกันอีกนะ ทะเลของผม....

       

       

       

       

       

       

       

       

      พระอาทิตย์สีแดงส้มกำลังจะจมหายไปกับทะเลแล้วแต่ในที่สุดผมก็โผล่ขึ้นมาหายใจหลังจากที่จมอยู่ใต้น้ำเค็ม  ตอนนี้ผมได้ยินแต่เสียงหายใจที่หอบและดังก้องอยู่ในหู การพยายามลอยตัวเพื่อหายใจนั้นแทบจะยากเกินไปด้วยซ้ำสำหรับผมในตอนนี้ ท้องฟ้าสีแดงส้มกับกลุ่มเมฆน้อยๆกำลังลอยเคลื่อนตัวผ่านสายตาของผม แต่ทันใดนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงตะโกนของใครบางคนดังขึ้นจากริมฝั่ง

                      พี่ซี.....ลงไปทำอะไรในน้ำ ขึ้นมากได้แล้ว...พวกเรามารับแล้ว

      เสียงของรุ่นน้องแหกปากตะโดนดังไปทั่วท้องทะเลยามเย็น

                      อีมิวมานี้เร็ว พี่ซีจะฆ่าตัวตาย!!

                พี่ซีอย่าเพิ่งตายนะ คืนนี้เรามีนัดไปเที่ยวกันแล้ว...กลับมาเถอะ น้องไม่อยากไปงมศพ

      สายตาของผมมองเห็นแต่ภาพเบลอๆเพราะแสบตาไปด้วยน้ำเค็ม แต่สิ่งที่ผมแน่ใจนั้นคือรุ่นน้องสองคนของผมกำลังโวยวายอยู่ริมชายหาดเพราะคิดว่าผมจะฆ่าตัวตาย

                      เลิกแหกปากได้และ....ไม่ได้มาฆ่าตัวตายแค่อยากเล่นน้ำ

      ผมลอยตัวอยู่บนน้ำทะเลยามเย็นด้วยสีหน้าที่ยิ้มอย่างสบายใจ

                      พี่ซี....เรารีบไปเถอะ เดี๋ยวไปอาบน้ำแต่งตัวไม่ทันนะ

      สิ้นสุดเสียงของน้องๆผมก็ว่ายเข้าหาฝั่งอย่างช้าๆราวกับว่าจะถ่วงเวลาแห่งการเล่นน้ำทะเลไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้เหมือนสมัยก่อน และแน่นอนผมตัวเปียกโชกและไม่ได้รับอนุญาตให้นั่งในรถเพราะกลัวว่าเบาะจะเปียก เป็นอีกครั้งที่ยามเย็นกำลังมาเยือนทะเล สายลมพัดเส้นผมของผมจนแห้งและปลิวพลิ้วไหวไปตามแรงลมในขณะที่ผมนั่งอยู่ท้ายรถกระบะของรุ่นน้อง ภาพของต้นมะพร้าวริมทะเลค่อยเลื่อนผ่านไปทีละต้นทีละต้นประกอบกับร่มหลายกสีที่ปักอยู่ริมชายหาดพร้อมเก้าอี้นั้น

      เสียงคึกคักของรถและผู้คนที่ข้ามไปมาระหว่างถนนทำให้ผมคิดได้ว่าทุกอย่างก็ยังดำเนินไปตามปกติและวันเวลาก็ผ่านเลยไปแบบนี้ทุกๆวัน ผมเองไม่สามารถย้อนเวลากลับไปยืนยังที่ๆผมมีความสุขได้ แต่สิ่งเดียวที่ผมทำได้นั้นคือ การได้นึกถึงมันอยู่เสมอ 

      *คนเราหลายๆคนมักจมอยู่กับวันเวลาที่เศร้าหรือเสียดายกับเวลาแห่งความสุขที่ผ่านไป จนลืมไปว่าตัวเราเองอาจจะยังมีเวลาที่เหลือเพื่อแก้ไข้ในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปและทำมันให้ดีที่สุด*

      ภาพทะเลยามเย็นเริ่มลอยไกลออกไปทุกทีๆ จนบัดนี้ตัวผมเองยังตามหาทะเลของผมไม่เจอแต่สิ่งเดียวที่ผมพอจะรู้ก็คือ ทะเลของผมมันยังอยู่ในใจของผม ถึงแม้ว่าหลายๆครั้งที่ผมหลงลืมมันไปแล้วหรือเฝ้าตามหามันนานแค่ไหน แต่ตอนนี้ผมก็เข้าใจแล้วว่า ผมจะหาทะเลของผมเจอได้ทุกครั้งทันทีที่ผมหวนคิดถึงมัน เพราะมันอยู่ในความทรงจำของผมเสมอ

       

                     

                      

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×