คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : การเดินทาง
บทที่ 7 การเดินทาง
----------------------------------------------------------------------------
ชายวัยกลางคนตวัดนัยน์ตาสีรัตติกาล ที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวไปยังนักฆ่าเงาจันทราที่ยืนตัวสั่นสะท้านไปด้วยความกลัวที่ถึงแม้จะไม่ได้รู้สึกด้วยใบหน้าภายใต้หน้ากาก แต่ความรู้สึกนั้นแม้แต่เกรย์ก็ยังสัมผัสได้ ..
ผู้ชายคนนี้น่ากลัว...
ความน่ากลัวของชายผู้ชื่อราเมียร์ สร้างความรู้สึกแปลกประหลาดให้ชายชราอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน มันช่างเป็นความรู้สึกที่คละเคล้าไปด้วย ความอึดอัดราวกับหายใจไม่ออก กับความรู้สึกอิ่มเอิบแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย รู้สึกถึงเวลาแห่งการรอคอยของเขา มาสิ้นสุดลงแล้วในครานี้
อยากสู้ด้วยเหลือเกิน..
ราเมียร์ย่างสามขุมเข้าไปหานักฆ่าที่บัดนี้ตัวสั่นกลัวราวกับลูกนกตัวน้อยในกำมือ ...ก่อนที่จะกระซิบอะไรบางอย่างที่คนอื่นๆไม่ได้ยิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านักฆ่าผู้นั้นหวาดกลัวมากเพียงใด ...หลังจากนั้นไม่นานก็หันหน้าไปทางโรอัลล์และทำสัญญาณที่ผู้รับ ทำท่าทางตกใจแต่รีบพยักหน้ารับทันที
" เนื่องจากนักฆ่าหมายเลขหนึ่งทำผิด กติกา โดยใช้ความสามารถพิเศษ เราจึงขอตัดสิทธิ์จากการแข่งขันนะครับ !! ในรอบสุดท้ายนี้ เกรย์ แมคแคนตันท์ เป็นผู้ชนะครับ !! "
เสียงอื้ออึงของผู้ชมที่แสดงความสับสนระคนตกใจ .. เหตุใดการแข่งขันจึงหยุดลงกระทันหันเล่า... หรือเพียงเพราะว่า นักฆ่าผู้นั้นใช้ความสามารถพิเศษ... แล้วชายที่ชื่อราเมียร์คนนั้น..!?
*************************************************
คลื่นน้ำระลอกแล้วระลอกเล่าที่กระทบโขดหินปะการังที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาจนเป็นละอองฟองขาวดีดตัวกลับกันไปมาจนเกินเสียงดังซ่า...ซ่า... และเมื่อกระทบกับแสงแดดยามเช้าทำให้เกิดเป็นสายรุ้งโค้งเล็กพาดผ่านบริเวณโขดหิน รวมทั้งแสงแดดซึ่งส่องผ่านผิวน้ำอันโปร่งใสจนเกิดประกายวิบวับบนผิวน้ำ นกทะเลจำนวนหลายฝูง บินพาดผ่านท้องฟ้าสีครามสดใสในยามเช้าไปทางตอนเหนือ รวมถึงปลาหลากชนิดที่เกาะกลุ่มกันแหวกว่ายอพยพไปยังน่านน้ำทะเลเขตอุ่นเพื่อดำรงชีพอยู่ที่นั่นในเขตหน้าหนาวอันหนาวเหน็บและแร้นแค้นที่ปราศจากอาหารอย่างเพียงพอ ...
ร่างหนึ่งทอดกายนิ่งสนิทบนเตียงสี่เสาปูผ้าลินินสีขาวที่ประดับด้วยลูกไม้ ร้อยเรียงรอบเตียงอย่างประณีต ลักษณะรูปร่าง ที่สูงเพรียวแต่บอบบางทำให้รู้ได้ว่าเป็นเด็กสาว...แม้ว่าใบหน้าจะมองดูไม่น่ารักแต่หล่อเหลาเหมือนเด็กหนุ่มอายุราว 14-15 ปี เด็กสาวมีผิวขาวซีด รับกับผมดำสนิทที่ยาวถึงกลางหลัง ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนปราศจากสิ่งแต่งแต้มเม้มสนิทแม้ในยามหลับ เครื่องแต่งกายที่แม้ดูไม่สวยงามแต่งก็สะอาดเรียบร้อยด้วยโทนสีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้า
" ไอริน !! "
นัยน์ตาสีดำสนิทเบิกกว้าง เด็กสาวผุดลุกขึ้นตามสัญชาตญาณ ข้อมือขาวกระตุกขึ้นเล็กน้อย ไม้เท้าเวทย์ที่พิงไว้ข้างเตียงเข้ามาอยู่ในมือเจ้านายของมันทันทีทันที
มีดสั้นที่ด้ามจับสลักลวดลายประหลาดพุ่งเฉียดปลายเส้นผมเด็กสาวไปไม่ถึง 1 เซนติเมตรอย่างเฉียดฉิว ก่อนจะปักลงบนหมอนที่เมื่อไม่ถึงสามสิบวินาทีก่อนหน้านั้น ตำแหน่งตรงนั้นเคยเป็นศีรษะของเธอ !!
น่าแปลกที่เด็กสาวนามว่า ไอรินกลับลอบถอนใจอย่างเบื่อหน่าย ไม้เท้าคู่ใจถูกย้ายตำแหน่งไปไว้ที่เดิม ก่อนที่เจ้าของจะเอื้อมมือไปหยิบมีดที่ปักบนหมอนจนทะลุมาควงเล่นอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร
เสียงหัวเราะคิกคักแสดงความพออกพอใจดังขึ้นจากบุคคลที่เจ้าของห้องไม่พึงประสงค์จะอยากพบในตอนนี้เท่าไหร่นัก หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าเสี้ยวหนึ่งของต้นเหตุที่ทำให้เด็กสาวไม่ได้นอนหลับสนิทก็โผล่ออกมาจากทางขอบประตูไม้ลวดลายเก่าแก่ตรงทางเข้า
" เห็นแก่มีดของรีนัสเถอะ ...เลิกเล่นได้แล้วน่า " ไอรินสั่งเสียงเครียด เมื่อเห็นผู้ที่ตนแกล้งทำหน้าจริงจังจนดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ทำให้คนก่อเรื่องเผยตัวออกมาอย่างสำนึกผิด แม้ว่าใบหน้าจะปิดปังรอยยิ้มไม่มิดก็ตาม
" แหม..ไอริน รู้หรอกน่าว่าเธอหลบได้สบายอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไรเลยนี่ " ฟีน่าแลบลิ้นแผลบ ขณะมองหน้าเพื่อนของตนที่ชี้ไปที่หมอนราคาแพงด้วยแววตาดุขึง แล้วหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
" ไม่ตลกนะ..." ไอรินบอกกับสีหน้าที่อารมณ์ดีผิดเวลาของฟีน่า ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด
" รีนัสล่ะ? "
ฟีน่าคลี่ยิ้มออกมาอีกรอบก่อนบุ้ยใบ้ไปทางประตูที่บัดนี้ เผยร่างเด็กสาวหน้าตาน่ารักที่ดูจะตัวเล็กร่างบางที่สุด ผมสีบลอนซ์ถูกเปียเก็บไว้กลางหลัง ผิวขาวอมชมพูเห็นเส้นเลือดฝาดแบบราชกูลขุนนางระดับสูง คิ้วโก่งโค้งได้รูปรวมถึงพวงแก้มที่ออกสีชมพูเรื่อ กับนัยน์ตาสีเขียวอ่อนกลมโตสุกใส จ้องมองไปทางไอรินอย่างหวาดๆ
" รีนัสกลัวเธอน่ะ ไอริน " ฟีน่าหัวเราะร่วน " ความจริงฉันผิดเองที่ขอยืมมีดของเธอมาใช้..."
เธอพูด ก่อนที่ไอรินจะโยนมีดสั้นคืนให้รีนัสที่รับมันและเก็บใส่กระเป๋ากางเกงอย่างคล่องแคล่วจนไม่น่าเชื่อ
" เมื่อคืนสนุกจริงๆ น่าเสียดายที่ทำเวลาได้ช้าไป 17 วินาที " ฟีน่าหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงของไอริน และตั้งต้นเล่าเรื่องของเธอพร้อมกับบ่นอุบ รีนัสหัวเราะคิกคัก ตรงกันข้ามกับไอรินที่เว็งอยู่แล้วกลับยิ่งเบื่อหน่ายสุดขีด
" ฉันยังไม่ได้ลงแข่งเลยด้วยซ้ำนะฟีน่า !! " เด็กสาวทำหน้าบึ้ง " นั่งรอเธอจนเมื่อยตัวไปหมดแล้ว "
" เอาน่า...ไอริน ครั้งหน้าฉันให้เธอลงแข่งแทนเลยเอ้า ! " ฟีน่าเอาใจเต็มที่ แต่เด็กสาวนักเวทก็ยังไม่หายเคือง ครั้งหน้ามันมีที่ไหนกันเล่า !
" แต่กรรมการที่ชื่อ ราเมียร์ นี่น่าสงสัยนะ " รีนัสเปิดปากพูดแสดงความคิดเห็นของตัวเองเป็นครั้งแรก " ฉันเหมือนคุ้นหน้าเขาจากที่ไหนสักแห่ง
"
" รามียร์น่ะเหรอ !? จะว่าไปฉันก็สงสัยหมอนั่นอยู่เหมือนกัน ดูท่าทางเป็นตัวอันตราย ..." ไอรินหยุดโมโหฟีน่า พลางนั่งลงบนเก้าอี้ไม้โยกใกล้เตียงสี่เสา บรรยากาศภายในห้องเริ่มเข้าสู่ความตึงเครียดโดยไม่รู้ตัว
"...ไม่รู้หมอนั่นเอาเงินมาจากไหนตั้ง พันล้าน..ใช้ทิ้งขว้างกับไอ้แค่การหาเมืองลึกลับที่ยังไม่รู้เลยว่าเป็นแค่เรื่องเล่าหรือนิยายหลอกเด็ก .."
ความเงียบโรยตัวเข้ามาอย่างช้าๆ ท่ามกลางบรรยากาศนอกหน้าต่างห้องที่เป็นท้องฟ้าสีครามสดใส จนแทบกลมกลืนกับท้องทะเลสีฟ้าใส สายลมพัดพากลิ่นน้ำทะเลลอยเข้ามาภายในห้อง หน้าต่างผ้าม่ายปักลายลูกไม้สีขาวพลิ้วไหวตามแรงลมนั้น ฟีน่ามองภาพเหล่านั้นตาเป็นประกาย...
" เอาเถอะน่า...เรื่องราเมียร์อะไรนั่นช่างมันเถอะ " เธอรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ความคิดของเพื่อนทั้งสองคนจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ เพราะเห็นท่าว่าจะคุยต่อไปคงคิดที่จะลักลอบเข้าไปในห้องใต้เรือซึ่งเป็นที่พักของ บุคคลลึกลับผู้นั่นและคิดหาคำตอบที่ค้างคาอยู่เป็นแน่
" ฉันหิวแล้วอ่ะ ไปห้องโถง น่าจะมีอะไรเหลืออยู่นะ "
ได้ผล...
การเปลี่ยนเรื่องพูดของเธอทำให้ ไอริน ฟอร์ส ที่นั่งขบคิดอยู่เบือนหน้าหันมามอง
" อาหารเช้าเธอก็เพิ่งจะกินไปเมื่อกี้นี้ไม่ใช่หรือ ? " เด็กสาวพูดพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้และหยิบไม้เท้าของเธอขึ้นมาไว้ในมือ
" ฉันหิวอีกไม่ได้หรือไงล่ะ " เด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนบางเบา ค้อนขวับ " เธอเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่ รีนัส "
"ไม่ล่ะ" เด็กสาวร่างบางปฏิเสธ "ฉันอยากขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือซะหน่อยดีกว่า"
"เชอะแล้วจะหาว่าฉันไม่เตือนก็ละกัน" ฟีน่าว่า "อยู่บนเรือยักษ์นี่จนถึงเย็น ถ้าไม่หาอะไรใส่ท้องเดี๋ยวจะได้ตายกลางป่าเอานะ ฮ่าๆๆ "
ไม่นานในห้องพักระดับวีไอพีของไอรินบนเรือ ลาเพียน่า707 ก็เหลือเด็กสาวเพียงผู้เดียวเหมือนสิบห้านาทีที่ผ่านมา ความคิดที่จะล้มตัวนอนเหมือนครั้งแรกไม่ได้อยู่ในความคิดอีกเมื่อมองดูหมือนสีขาวที่ทำจากเนื้อผ้าอย่างดีบุขาดจนไม่เหลือเค้าเดิม เห็นดังนั้น เธอก็ถึงกลับถอนหายใจกับความคิดบ้าพิเรนทร์ของเพื่อนที่คบกันมานาเกือบห้าปีเต็มอย่างฟีน่า...แต่เมื่อหวนกลับไปคิดถึงเวลาเกือบห้าปีเต็มที่อยู่ด้วยกันมาความคิดที่เคยโกรธทั้งหมดก็หายไปโดยสิ้นเชิง
รีนัส..ฟีน่า..
หาเพื่อนแท้แบบนี้อีกสักคนก็เห็นจะยาก...
เด็กสาวคิดพลางยืนยิ้มให้กับตนเอง สายตาทอดมองออกไปยังผืนน้ำทะเลอีกฟากหนึ่งที่ไกลแสนไกล...
*************************************************
" ขอโดนัทช็อคโกแลตหนึ่งกล่อง ขนมปังสอดใส้ครีมอีกสามก้อน เค้กผลไม้อีกปอนด์นึง อ้อ! ขอขนมปังแผ่นกับแยมรสส้มอีกหนึ่งชุด ...เออ..ถ้ายกมาเสริ์ฟไหวก็ขอนมสดอีกเต็มเหยือกนะคะ ..."
เด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนกันนัยน์ตาสีเดียวกัน ยิ้มให้กับพนักงานเสริ์ฟที่จดใบสั่งยิกๆ ..บริเวณห้องโถงกลางมีห้องอาหารขนาดใหญ่อยู่ภายในเหมาะสมสำหรับนักกินชั้นเซียนอย่างฟีน่า เด็กสาวฮัมเพลงเบาๆก่อนจะเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ
ข่าวเป็นเรื่องของการประลองเมื่อคืนนี้ ที่สร้างความสะเทือนขวัญไปแทบทุกเมืองในลาเพียน่า ...สภาพศพอันน่าสยดสยองของผู้เข้าแข่งขันที่โชคร้ายถูกตีพิมพ์ออกหนังสือจนเต็มหน้ากระดาษไปครึ่งค่อนแผ่น ข้างใต้มุมขวาเป็นกรอบสี่เหลี่ยมขนาดเล็กแสดงรายชื่อผู้ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย สิบหกคนและกรรมการการแข่งขัน
" อะไรกันสู้แทบตายได้ออกหน้าออกตาในสังคม มีข่าวแค่จึ๋งเดียวเองอ่ะ.." เด็กสาวบ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะพลิกเข้าไปอ่านบทความที่อยู่ข้างใน...
แต่ยังไม่ทันจะได้อ่านต่อ กลุ่มคนสามคนก็เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารเฉพาะแขก วีไอพีหน้าตาเฉย ท่าทางของกลุ่มคนเหล่านั้นแสดงให้เห็นถึงความกร่างที่คิดว่าตนใหญ่คับห้องอาหารนี้จนต้องมีเกียรติขนาดนั่งโต๊ะอาหารระดับพิเศษนี้ได้ แต่สำหรับฟีน่าที่มองลอดผ่านหนังสือพิมพ์อยู่นั้น กลุ่มคนพวกนี้เป็นเพียง ผู้เข้าแข่งขันที่โชคเข้าข้างให้ผ่านเข้ามาโดยเปล่าประโยชน์เท่านั้นเอง ...
ดูเหมือนว่าเรื่องจะบังเอิญเข้าไปใหญ่เมื่อหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้น หันมามองเด็กสาวที่แกล้งอ่านหนังสือพิมพ์ ก่อนจะพึมพำอะไรเบาๆ กับพวกของมันอีกสองคน ซึ่งสำหรับคนประสาทไวอย่างฟีน่า คำพูดทั้งหมดลอดผ่านเข้าหูเธออย่างรวดเร็วและแม่นยำ
" นังเด็กนั่นใช่มั้ยที่ผ่านเข้ารอบมาได้ "
"ใช่...ที่ล้มนักฆ่าหมายเลขห้าเสียราบคาบ..."
"ข้าว่าเก่งแต่ปากว่ะ..."
"ใช่...ลูกพี่ของเรานี่แหล่ะเก่งที่สุด ฮ่าๆๆๆ"
แกรบ..
มือทั้งสองข้างที่แกล้งถือหนังสือพิมพ์กางออกอ่านกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว จนกระดาษหนังสือพิมพ์ยับยู่ยี่เป็นรอยจนเจ้าตัวแทบจะฉีกนั้นเป็นชิ้นๆเคี้ยวแทนข้าว ...ไม่มีใครรู้ว่าเวลาโกรธเด็กสาวน่ากลัวขนาดไหน...เพราะเธอไม่เคยโกรธใครง่ายๆ...แต่เรื่องท่ถูกเหยียมหยามดูถูกในคุณค่าและความสามารถของตนเองนี่สิที่ยอมไม่ได้...
อย่างนี้มันต้องสั่งสอน...!!!
ปัง !
เท้าเล็กๆแต่มีน้ำหนักรุนแรง จากความโกรธที่เจ้าของกระแทกลงไปบนโต๊ะอาหารวีไอพี ที่ทำจากไม้เนื้อเนียนละเอียด ทำเอา เครื่องดื่มที่พวกมันสั่งมากินกระฉอกและหกเลอะเทอะ บุรุษทั้งสามคนมองเจ้าของเท้าที่เหยียบบนโต๊ะของพวกมันอย่างตกใจ เด็กสาวที่กำลังโกรธได้ที่ไม่รอเวลาให้พวกมันทั้งสามคนอึ้งนานเกินไป
มือทั้งสองข้างที่ว่างอยู่จัดการคว้าถ้วยชาที่มีควันลอยกรุ่นอยู่ราดใส่หน้าพวกมันเต็มแรง
เสียงหวีดร้องดังขึ้นจากพนักงานเสิร์ฟที่กำลังจะเออาหารไปเสิร์ฟ ให้ฟีน่า แต่กลับพบว่าบนโต๊ะของเธอว่างเปล่า แต่กลับพบว่า ลูกค้าของเธอกำลังหาเรื่องแขกโต๊ะพิเศษอยู่ แขกโต๊ะอื่นๆในห้องรับประทานอาหารหันไปมองการวิวาทที่เด็กสาวเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมาอย่างสนใจ
" แกว่าใครเก่งแต่ปาก...ไอ้พวกจอบที่คอยถากถางชาวบ้านอย่างพวกแกไม่สมควรพูดอย่างนี้ด้วยซ้ำ...ไอ้สวะ!!!"
คำด่าหยาบคายต่างๆพรั่งพรูออกมาจากปากเด็กสาวที่ชื่อว่าฟีน่า ราวกับน้ำในเขื่อนที่เอ่อล้นออกมาข้างนอกจนหยุดไม่ได้ แต่คราวนี้พวกชอบทำกร่างทั้งสามคนไม่ได้นั่งให้ฟีน่าต่อว่าอีกแล้ว..ไม่ถึงสิบวินาที ร่างของเด็กสาววัยสิบสามปี ก็ถูกอัดเข้ากับกำแพงอย่างไม่ใยดี ...เลือดสีแดงข้นไหลเป็นทางผ่านตาข้างซ้ายที่บัดนี้กลายเป็นสีแดงช้ำจากการโดนกระแทกเมื่อครู่ .. แขนข้างซ้ายห้อยร่องแร่งหมดแรง จนไม่เหลือสภาพของผู้ที่ชอบหาเรื่องใส่ตัว
" ฮะ..ๆๆ น่าสนุกดีนี่"
ดูเหมือนเด็กสาวที่กำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบหาได้กลัวไม่...ฟีน่ายังคงหัวเราะ ราวกับว่าเป็นเกมๆหนึ่งที่กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในไม่ช้าการต่อสู้ตะลุมบอน แบบ 3 รุม 1 ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงหวีดร้องและตื่นตระหนกของ ลูกค้าและพนักงานในร้าน พร้อมทั้งเสียงข้าวของ เครื่องใช้ต่างๆแตกกระจาย ...โดยที่ผู้ก่อเรื่องวิวาทหารู้ไม่ว่าข้าวของแต่ละชิ้นนั้นชดใช้เพียงแค่การจำคุกตลอดชีวิตยังไม่สามารถชดเชยไปกับราคาอันมีค่าของสิ่งเหล่านั้นถึงครึ่งหนึ่ง ด้วยซ้ำไป..
*************************************************
เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากบริเวณห้องโถงชั้นล่าง ตลอดระยะทางเดินบนระเบียงในเรือชั้นสี่ มีผุ้คนมากมายวิ่งผ่านไปมาจ้าละหวั่นราวกับเกิดเหตุรุนแรงขึ้นที่นั่น ...แต่ถึงกระนั้นเด็กสาวก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่หวั่นใจอยู่ก็คือ...กลัวว่าเพื่อนทั้งสองของเธอจะไปทำอะไรที่บ้าระห่ำเกินกว่าที่คนธรรมดาเขาทำกัน..โดยเฉพาะ ฟีน่า
และแล้ว..การนั่งอยู่ในห้องพักที่น่าเบื่อซ้ำซากจำเจก็ไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น ซ้ำยังมีกระเพาะที่ว่างเปล่าซึ่งไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เมื่อวาน ทำให้ไอริน จำเป็นที่จะต้องพาร่างสูงเพรียวของตนออกจากห้องมาหาอะไรใส่ท้องเสียหน่อย แต่จะคร้านให้เดินไปถึงห้องโถงใหญ่ที่ต้องเจอผู้คนมากมาย ก็คงไม่ไหว ...สิ่งที่พึ่งได้ในตอนนี้ คงเห็นจะเป็น ตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติที่ตั้งอยู่มุมสุดของระเบียงชั้นสี่
ที่นั่นไม่มีใครใช้บริการอยู่ อาจเป็นเพราะการได้กินอาหารฟรีให้ห้องอาหาร ที่มีพนักงานสาวสวยบริการอยู่ ทำให้ตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติ กลายเป็นเศษวัตถุโลหะขนาดใหญ่ที่ไร้คนสนใจ คงมีเพียงคนอย่างเธอเท่านั้นกระมังที่พอใจในความเรียบง่ายไม่หวือหวาของตู้ขายเครื่องดื่มแบบนี้
พื้นเรือสั่นไหวเล็กน้อย ... ไอรินหยิบเศษเหรียญสีเงินในกระเป๋ากางเกงสีขาวของเธอออกมาหย่อนใส่ช่องรับเงิน ก่อนจะมีหน้าจอแสดงเมนูรายการเครื่องดื่มที่ต้องการพร้อมภาพประกอบ บางชนิดมีเครื่องหมายกากบาทปิดทับ แสดงว่าสินค้าชนิดนี้ขายหมดแล้ว...
กาแฟละกัน...
มือเรียวยาวกดปุ่มเลือกสินค้าที่ต้องการ ทันใดนั้นกาแฟเย็นกระป๋องสีฟ้าก็ตกลงมายังช่องรับสินค้า ไอรินเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา พร้อมที่จะดื่มเพื่อเติมองเหลวเข้าไปในท้องที่ว่างเปล่า แต่ทว่า...
"ดื่มอะไรอยู่เหรอครับ"
เสียงหนึ่งเอ่ยถามอย่างสุภาพ แต่ทว่ากลับรู้สึกได้ถึงไอเย็นราวกับน้ำแข็งที่แม้จะบางเบาแต่ก็สัมผัสได้ มันไม่ได้มาจากเครื่องดื่มที่เธอถืออยู่ในมือ แต่มาจากบุคคลผู้หนึ่งซึ่งยืนยิ้มให้กับเธออยู่เบื้องหลัง..
เทียร์
แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในมาดของเด็กหนุ่มที่เย่อหยิ่งเหมือนเมื่อคืนก่อน แต่ก็ไม่ได้ทำให้บุคลิกภาพของเด็กหนุ่มผู้นี้น่าคบขึ้นเลยแม้แต่น้อย ....เทียร์อยู่ในชุดคลุมสีดำสนิท ยาวจนกรอมเท้า ตัดกับผิวขาวซีดพอๆกับไอริน รวมทั้งนัยน์ตาสีดำสนิทซึ่งไม่มีประกายแวววาวภายในดวงตาเลย ดูๆแล้วก็เหมือนกับ ตุ๊กตาเด็กหนุ่มที่มีผมสีเงินซึ่งสูงพอๆกับตัวเธอ
"แล้วนายเกี่ยวอะไรด้วย"
เด็กสาวสวนขวับทันทีที่ตั้งตัวได้ คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ที่คนอย่าง หมอนี่จะมาหาเครื่องดื่มจากตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติ ...ความเย็นบางอย่างแผ่พุ่งออกมาจากตัวเด็กหนุ่มเข้าไปถึงจิตใต้สำนึกของเธอ เป็นครั้งคราว
คิดจะทำอะไรกันแน่ !?
"แหม..คุณนี่ใจร้ายจังเลยนะครับ" เทียร์ส่งรอยยิ้มตรงมุมปากให้เด็กสาว ที่เธอคิดว่านั่นเป็นเพียงการแสร้งทำเป็นเล่นละครตบตาเท่านั้น
ไอรินไม่ได้ตอบกลับ ..ความรู้สึกบางอย่างที่แม้จะเป็นคนธรรมดาก็สามารถสัมผัสได้ว่าบุคคลผู้นี้ไม่ควรอยู่ใกล้... ทางที่ดีเธอควรปลีกตัวถอยห่างออกมาจะดีกว่า
ฉับพลัน...ข้อมือขาวก็ถูกรั้งไว้ด้วยฝีมือของเด็กหนุ่มที่ไม่ยอมให้เธอเดินผ่านไปง่ายๆ ... เทียร์กระตุกยิ้มเย็นที่มีรังสีอำมหิตแผ่พุ่งออกมาจากร่างกายของเขาเข้าสู่ข้อมือของเด็กสาว มันชาวาบและกระตุกอย่างรุนแรงราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ข้อมือที่ว่าขาวซีดแล้วบัดนี้กลายสภาพอย่างรวดเร็วราวกับเป็นข้อมือของซากศพซึ่งเน่าเปื่อย มือข้างขวาที่รัดข้อมือเธอแน่นกลับยิ่ง รัดแน่นเข้าไปอีกเรื่อยๆ...
ไม่ใช่เพียงแค่ข้อมือเท่านั้นที่รู้สึกเกร็งแน่นจนขยับไม่ได้ ร่างสูงเพรียวยังรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างเริ่มยืนไม่ไหว เลือดในกายสูบฉีดไปเลี้ยงส่วนต่างๆผิดปกติไปจากที่เคย ความเยือกเย็นคลอบคลุมในหัวของเด็กสาวจนรู้สึกอึดอัดและตื้อจนเริ่มคิดอะไรไม่ออก ริมฝีปากและลำคอแห้งผากจนกลายเป็นสีซีดขาวกับคนตาย หัวใจเต้นตึกตักเร็วระรัวดังก้องอยู่ในหัวเป็นจังหวะกลอง ความชาวาบและสั่นกระตุกที่ข้อมือกำลังเริ่มเคลื่อนเข้าสู่แขนข้างซ้าย...ตาเริ่มพร่ามัว ...ความเย็นเยือกบางอย่างกำลังทำหน้าที่เสมือนมีดคมกริบที่กรีดลงบนหัวใจเป็นแผลอย่างช้าๆ ไอรินไม่เหลือแรงพอที่จะกรีดร้องให้คนช่วย ...ภาพข้างหน้าเริ่มหมุนโคลงเคลงไปมาราวกับเรือที่ผจญคลื่นพายุ ก่อนที่จะสั่นกระตุกอย่างรุนแรง และ..
" ขอโทษนะครับ ไม่มีใครใช้เครื่องนี้อยู่ใช่ไหมครับ"
เสียงบุคคลที่สามดังขึ้นราวกับพระเจ้าที่เข้ามาช่วยชีวิตไอรินได้ทันท่วงที แม้จะเฉียดฉิวไปอีกไม่ถึงหนึ่งวินาทีก็ตาม มือขาวซีดที่รั้งเธอไว้เกือบเอาชีวิตไม่รอดผละออกจากข้อมือเด็กสาวทันที ทำให้ความอบอุ่นของเลือดที่ไหลเวียนเป็นปกติในร่างกายก็เข้ามาแทนที่ความเยือกเย็นแปลกประหลาดนั้นจนหมด ... แม้ว่าร่างกายจะอ่อนแอและแทบหมดแรงยืนแต่ สมองและโสตประสาทเริ่มเข้าสู่การทำงานอย่างเป็นปกติ หัวใจทางซีกซ้ายก็ไม่เต้นเร็วเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว
ผู้ที่เข้ามาช่วยเธอไว้เป็นเด็กหนุ่มร่างบางซึ่งรูปร่างไม่สูงไปจากเธอมากนัก ผมสีดำสนิทยาวระต้นคอขาว กับผิวขาวเนียนนุ่มเหมือนสตรี นัยน์ตาสีเขียวมรกตไหวระริกเป็นประกาย ราวกับนักปราชญ์ผู้รอบรู้ ขัดแต่เพียงดาบเล่มใหญ่ที่พกไว้กลางหลังกับ เครื่องแต่งกายที่บ่งบอกเลือดนักรบในตัวเด็กหนุ่มหน้าหวานคนนี้ได้อย่างแรงกล้า...
ใบหน้าของเทียร์ที่เคยยิ้มเย็น ราวกับปิศาจที่พบเหยื่อชิ้นใหญ่แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้า นิ่งสนิทไร้อารมณ์จนดูเยือกเย็นน่ากลัวที่เกิดจากความไม่พอใจเมื่อมีผู้มาขัดขวาง... เด็กหนุ่มก้าวเดินห่างออกจากไอรินที่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ก่อนจะเดินหายลับไปจากสายตาเพียงไม่กี่เสี้ยววินาที
"เอ้า ! รีบดื่มสิครับ กาแฟเย็นต้องรีบดื่มตอนออกจากตู้ใหม่ๆ ถึงจะกลมกล่อมนะครับ" เด็กหนุ่มยิ้มทัก แม้ว่าคำพูดจะสุภาพเหมือนกับเทียร์ แต่ความอ่อนโยนและรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าเด็กหนุ่มนักรบผู้นี้กับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดพรายขึ้นบนเครื่องหน้าที่ดูหล่อมากกว่าสวยของเด็กสาว นามว่า ไอริน แบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สิ่งที่เรียกว่า ความกลัว เข้าครอบงำเธออย่างทีไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบสิบปี ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนกล้าหาญแต่อย่างใด หากเป็นเพียงเพราะความรู้สึกเจ็บปวดทั้งทางกายหรือทางใจที่เคยประสบมามีมากเกินกว่าจะเสียน้ำตาเพื่อสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป ...ความรู้สึกที่เจ็บปวดนี้เองที่เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นความรู้สึกหยาบกระด้างและชินชา... ตลอดเวลาสิบปี..จนเริ่มรู้สึกว่าตนเองได้ลืมเลือนไปแล้วว่าการร้องไห้เพราะความหวาดกลัวนั้นเป็นอย่างไร
แต่ตอนนี้...
มือที่สั่นเทาไร้เรี่ยวแรงที่จะถือกระป๋องบรรจุกาแฟที่บัดนี้เย็นชืดไว้ได้ต่อไป ... มือขาวซีดปล่อยให้มันตกกระทบพื้นและกลิ้งไปชนกับเท้าของเด็กหนุ่มที่แสดงความประหลาดใจ แต่ก็ก้มเก็บเครื่องดื่มนั้นยื่นให้เธอ...
"มีอะไรหรือเปล่าครับ" น้ำเสียงที่ถามมาแฝงความจริงจัง ไอรินไม่ตอบ แต่ก็รับกระป๋องกาแฟคืนจากมือของเด็กหนุ่ม ริมฝีปากสั่นระริก จนยากที่จะเอื้อนเอ่ยคำว่า ขอบคุณ
เหมือนว่าเด็กสาวจะถูกความกลัวครอบงำโดยสมบูรณ์ เด็กหนุ่มสังเกตถึงสิ่งนี้ พลางยิ้มบางๆ และคว้ามือข้างที่ไม่ได้ถือเครื่องดื่มของเด็กสาวมากุมไว้ในมือตนอย่างอ่อนโยน
ความอบอุ่นแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนจากอุ้งมือที่อ่อนนุ่ม ถ่ายทอดเข้าสู่มือขาวซีดของเด็กสาว กระแสความอุ่นไหลเวียนเข้าสู่ในกายของเธอทีละน้อย ร่างกายที่เคยเย็นเยียบและสั่นเทาจากความกลัวเริ่มกลับเข้าสู่ความสงบเยือกเย็นแบบที่เคยเป็น เพียงแต่ครั้งนี้ความรู้สึกสบายใจอิ่มเอิบเอ่อล้นจิตใจที่เคยหวาดกลัว
ไอรินมองเด็กหนุ่มนิรนามผู้นี้ด้วยความประหลาดใจระคนทึ่ง เขายิ้มตอบใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามของเธอ ก่อนจะคลายมือของเขาออกจากมือขาวซีดของเธอ
"หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะครับ" เด็กหนุ่มโค้งตัวคำนับอย่างสุภาพ ก่อนจะหมุนตัวกลับพร้อมกับเครื่องดื่มในมือ เหลือเพียงความประหลาดใจของเด็กสาวที่ยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่จางหาย
*************************************************
แม้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะวุ่นวายและดูทุลักทุเลอยู่บ้าง... สำหรับฟีน่าที่บัดนี้สีหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลยับเยิน ด้วยเฉพาะส่วนท้องที่ถูกของมีคมขนาดใหญ่เฉือนเข้าจนเกิดแผลลึกและเลือดไหลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนับได้ว่ายังน้อยกว่า ผู้เข้าแข่งขันอีกสามคนที่ดูจากสภาพแล้ว ... เห็นว่าควรออกจากการแข่งขันถาวร เหตุการณ์ในการเดินทางหลังจากนั้นค่อนข้างราบรื่นและเป็นไปอย่างราบเรียบ..
เรือลาเพียน่า 707 ค่อยๆชะลอความเร็วลงไปเรื่อย เมื่อเข้าใกล้ชายฝั่งที่ห่างออกไปไม่ถึงห้าไมล์ กัปตันเรือซึ่งเป็นชายฉกรรณ์วัยใกล้ห้าสิบออกคำสั่งควบคุมเรือในตำแหน่งต่างๆแก่ลูกเรือที่ขะมักเขม้นกับการทำงานอย่างเต็มที่ ตั้งแต่เข้าสู่ทะเลในแถบนี้ ก็พบว่าอากาศที่เคยแจ่มใสและกระแสลมแรง แปรเปลี่ยนเป็นหมอกที่จับตัวหนาทึบจนแทบมองอะไรไม่แทบเห็น อากาศที่เคยอุ่นสบายกลายเป็นความหนาวเย็นราวกับต้องมนต์ บรรยากาศรอบตัวมีแต่ความเงียบจากธรรมชาติและเสียงหายใจเพื่อสูดเอาความหมายเข้าไปในปอดและพ่นควันซึ่งคือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซอื่นๆออกมาเป็นไอควันขาวทางจมูกและปากที่แห้งผาก
นี่ขนาดภายในเรือยังหนาวถึงขนาดนี้...ถ้าเรือจอกเทียบท่าแล้วจะเป็นเช่นไรหนอ...
กัปตันเรือถอนหายใจเสียงดังพรืดกับตนเอง...โดยไม่นึกว่าต้นเหตุเสียงนี้ทำให้สตรีผู้หนึ่งที่นั่งอ่านหนังสือเล่มหนาเบนสายตาจากแผ่นกระดาษที่เริ่มสันดาปตัวมันเอง ...หันมามองเขาด้วยสีหน้าราบเรียบราวกับรูปปั้น
"อา...เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ แหะๆ" กัปตันเรือรีบแก้ตัวพัลวัน สตรีนางนั้นมองเขาอยู่สักประเดี๋ยวก่อนจะหันกลับไปอ่านหนังสือหน้าที่ค้างไว้ต่อไป จริงอยู่ที่เขาไม่เคยพูดจาสุภาพถึงขั้นนี้กับสตรีคนไหนมาก่อน แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสีหน้าที่ก้มหน้าอ่านหนังสืออย่างตั้งใจและสงบนิ่ง แต่แฝงความหน้ากลัวโหดเหี้ยมของผู้หญิงคนนี้ เมื่อไหร่ ใจที่เข้มแข็งและผ่านร้อยผ่านหนาวมามากกว่าสาสิบปีก็พลอยใจเต้นระทึกด้วยความกลัวมากกว่าคิดพิศวาสเสน่หา
ฟีเนียร์ ลีโอเพียร์ เกิดมาเขายังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนใดสวยงามและน่ากลัวเท่าเธอมาก่อน
...แล้วยัง ชายตาเดียวที่ชื่อราเมียร์นั่นอีกเล่า..!!
ถ้าหากทั้งสองไม่ไปติดต่อเขาให้เดินเรือใหญ่ยักษ์ของทางการอย่างลาเพียน่า 707 ด้วยเงินก้อนโตจนใช้ทั้งชีวิตการเดินเรือของเขายังไม่หมดนี้แล้วล่ะก็ ...เขาจะไม่มีวันเข้าใกล้บุคคลประเภทนี้อย่างเด็ดขาด...
ไม่นาน...ท่ามกลางหมกหนาทึบ ลูกเรือคนหนึ่งที่ขึ้นไปยืนส่องกล้องทางไกล บนดาดฟ้าหัวเรือก็วิ่งกระหืดกระหอบ ลงมาที่ห้องควบคุม พร้อมกับแจ้งข่าวว่าเรือกำลังเคลื่อนเข้าจอดเทียบท่าที่ชายฝั่ง ของเกาะๆหนึ่ง ทางตอนใต้ของมหาสมุทรเรดไคส์ ...เกาะร้างผู้คนที่ไม่มีผู้ใดเฉียดกรายเข้ามา เป็นเวลาหลายร้อยปี จนเกาะนี้แทบไม่ปรากฏบนแผนที่สำคัญทางการศึกษาของนักโบราณนักคดี นักประวัติศาสตร์ นักภูมิศาสตร์ และนักวิชาการต่างๆ แต่สำหรับกัปตันเรือซึ่งมากด้วยประสบการณ์ผู้นี้แล้ว ...สถานที่ที่เป็นจุดมุ่งหมายของพวกเขาในการเดินทางครั้งนี้ เป็นเกาะที่ถูกปกคลุมด้วยป่าดิบชื้น... และถูกขนานนามในหมู่นักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ที่เอ่ยถึงสถานที่นั้นด้วยความหวาดผวาว่า...
" ป่าแห่งสายหมอก ..."
ความคิดเห็น