คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 จันทราหวนคืน
บทที่ 2 จันทราหวนคืน
----------------------------------------------------------------------------
ตลาดยามเช้าบนถนนสายสำคัญของเมือง ' อาเบลลาชล์ ' ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่สำคัญของ ลาเพียน่า คับคั่งไปด้วยผู้คน ที่ต่างพากันมาจับจ่ายซื้อของเดิน ขวักไขว่เต็มท้องถนน ทั้งสองข้างทาง เต็มไปด้วย พ่อค้าทั้งในเมืองและนอกเมือง ตั้งแผงลอย และร้านค้าเล็กๆ จนสุดทางเดิน ทั้งพวก อาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์เครื่องใช้ อัญมณี เครื่องราง ไม้เท้า เสื้อผ้า ตลอดจนสินค้าจำพวกพลังเวทของขลังค์ ถูกวางขายเกลื่อนกลาด ชวนให้ล่อตาล่อใจผู้ที่ต้องการทั้งที่มีทรัพย์และ ทรัพย์ไม่พอเพียงเป็นอย่างยิ่ง
รวมถึงไอหมอกหนาวยามเช้าที่ปะปนกับ ไอกรุ่นควันของ เครื่องดื่มและอาหารที่ส่งกลิ่นหอมลอยโชยมาแต่ไกล เสียงผู้คนที่กำลังจับจ่ายซื้อของ หรือเสียงเด็กเล็กๆ กำลังร้องไห้โยเยเพื่อขอให้ผู้ปกครองซื้อของเล่น จากร้านของเล่นสำหรับเด็ก หรือเกวียนขนสินค้าที่ลากผ่านไป สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นบรรยากาศของตลาดยามเช้าในอาเบลลาชล์ที่มักเกิดจนชินตาแล้วทั้งสิ้น
ถัดออกไปที่มุมสุดของถนนใหญ่ ใกล้ๆกับตลาด มีโรงแรมเล็กๆ ซึ่งดูจากสภาพร้าน ทำให้รู้ได้ทันทีว่าเปิดมานานนับหลายสิบปี บริเวณกำแพงและหน้าร้านเก่าซอมซ่อ มี แผ่นป้ายเล็กๆที่แขวนไว้ข้างประตู ซึ่งเขียนด้วยลายมือหวัดๆว่า ' อาเบลลาชล์ โฮเทล ' ...
ซึ่งปกติภายในร้านพลุกพล่านไปด้วยผู้คน ซึ่งชั้นล่างเปิดเป็นร้านอาหาร ส่วนตังแต่ชั้น สอง ถึงชั้น สี่ เป็นพื้นที่ให้บริการด้านโรงแรม และที่พัก ทั้งแขกในโรงแรมและผู้คนในเมืองส่วนใหญ่มักจะแวะเวียนเข้ามาในร้านไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงตั้นปี จนถึงปลายปี ยิ่งเขาช่วงเทศกาล ยิ่งทำให้เเจ้าของร้านและพนักงานวิ่งวุ่น แต่ก็สามารถทำให้เจ้าของร้านยิ้มรับกำไรแก้มแทบปริ
แต่วันนี้คนเข้าร้านไม่แน่นเหมือนทุกวันทั้งคนพัก ชั้นสอง ถึงชั้นสี่ก็ไม่ได้มีมาก ... เทเวอรัส เจ้าของร้านที่ปีนี้อายุจะครบ 70 ปี กำลังเช็ดโต๊ะบาร์เครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์ อย่างใจลอย พนักงานในร้านแอบงีบหลับในครัวหลังจากเมื่อคืนต้องต้อนรับลูกค้ากว่า ยี่สิบคนในคราวเดียว จนไม่ได้พักผ่อน ชั้นล่างวันนี้มีคนน้อยกว่าทุกวัน อีกทั้งบรรยากาศในร้านก็เงียบเหงาและอึมครึม มีลูกค้าไม่ถึงสิบคน... และคนส่วนใหญ่ก็ เป็นคนพเนจร และไม่ใช่ขาประจำ จึงสั่งเพียงน้ำชากับอาหารว่างด้วยราคาเพียงไม่กี่เซล เทเวอรัส ต้องละจากหน้าที่คอยบริการลูกค้ามานั่งเช็ดโต๊ะบาร์อยู่ในขณะนี้แทน...
ตลอดเวลาสามสิบปีที่เขาทำกิจการโรงแรมและร้านอาหารมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้เขารู้จักผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาในร้าน มากมาย บางคนเป็นถึง คนใหญ่คนโต ถึงนักปกครองอาณาจักร หรือเป็นคนจรที่แต่งตัวสกปรกไม่น่ามอง แต่บ้างก็เป็น นักเลงอันธพาลที่มักก่อเรื่องทุกครั้งที่เข้าร้านทำให้เขาไม่อยากต้อนรับเลยสักนิด บ้างก็เป็นหญิงสาวสวยที่ชวนกันเข้าร้านเพียงเพื่อมองหาชายหนุ่ม และหัวเราะคิกคักเวลามีหนุ่มหล่อเข้าร้าน พวกนี้ทำเสียงจึ๊กจั๊กน่ารำคาญและอยู่ในร้านนานกว่าลูกค้าประเภทอื่น ....
ระหว่างที่เขากำลังคิดเรื่องพวกนี้ฆ่าเวลาอยู่นั้น ... เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งหน้าร้าน ดังขึ้น เมื่อมีบุคคลหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน เทเวอรัสสะดุ้งจากภวงค์ จนทำผ้าเช็ดโต๊ะหล่น เขารีบกระวีกระวาดควานหากระดาษและปากกาและตรงรี่เขาหาลูกค้าที่เพิ่งเขามาในร้าน ลูกค้าคนนั้นก้แต่งตัวเหมือนคนจรทั่วๆไป ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมสีดำนั้น คงจะอัปลักษณ์จนต้องซ่อนมันไว้เช่นนั้นตลอด เทเวอรัสคิด และฉีกยิ้มรับแขกเหมือนลูกค้าทุกๆคน ที่เข้ามาในร้าน
" ย...ยินดีต้อนรับครับ ไม่ทราบว่าต้องการรับอะไรดีครับ...? " เทเวอรัส จ้องมอง ลูกค้าของเขา แต่ก็ยังคงนิ่งเงียบ....หรือว่าเขาหูหนวก....?!
" เออ...ไม่ทราบว่า..."
" ........... "
เขาเริ่มรู้สึกรำคาญลูกค้าคนนี้ขึ้นมาจับจิต ถ้าหูหนวกเป็นใบ้ก็ไม่ต้องมานั่งอยู่ในร้านนี้สิวะ .... เขาสบถ
" ตกลงคุณจะมานั่งร้านของผมเพื่อสั่งอาหาร ใช่ไหมครับ ! " เขาเริ่มโมโห พลางคิดว่าถ้าลูกค้าคนนี้ยังคงนิ่งเงียบอยู่เช่นนี้ เขาอาจจะต้องสั่งให้พนักงานในร้านมาเชิญออก...
"... น้ำชาก็พอ...."
เสียงนั้นดังออกมาจากใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุม เป็นเสียงของผู้หญิง! แต่ถึงกระนั้นเทเวอรัสก็ไม่สนใจเขาโกรธจนแทบขยำกระดาษใบสั่งให้แหลกเป็นผง... ปล่อยให้เขาถามอยู่ตั้งนาน สุดท้ายก็สั่งเพียงน้ำชา ถ้วยเดียว....
เสียงกระดิ่งที่แขวนไว้หน้าประตูดังอีกครั้ง พร้อมๆกับที่มีคนกลุ่มหนึ่งกระชากประตูหน้าร้านให้เปิดออกด้วยพละกำลังที่รุนแรงจนลูกบิดประตูหัก เทเวอรัส สบถด้วยความตกใจ อาการโกรธลูกค้าที่สั่งน้ำชาถ้วยเดียวหมดไป...เมื่อเห็นหน้ากลุ่มลุกค้าที่เพิ่งเข้าร้าน...
เป็นนักเลงอันธพาลสี่ถึงห้าคนเดินเข้ามาในร้าน เจ้าพวกนี้...เขาจำหน้าได้ในทันที มันเป็นพวกเดียวกับที่เมื่ออาทิตย์ก่อนยกพวกมาตีกันในร้าน จนลูกค้าหนีกระเจิง หนำซ้ำยังพังข้าวของในร้านและ ทำร้ายพนักงานจนเจ็บปางตาย
พวกนักเลงอันธพาลนั่งลงที่โต๊ะที่ใหญ่ที่สุดในร้าน ซึ่งใช้รับรองแขกพิเศษ พวกอันธพาลเหล่านั้นระเบิดเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนานและเริ่มต้นร้องเพลงที่หยาบคาย ลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านเริ่มลุกหนี เมื่อเห็นว่าเจ้าพวกอันธพาลเหล่านี้ เริ่มต้นหาเรื่องพวกเขา
" เฮ้ย !! ไอ้แก่ ... " หนึ่งในพวกนักเลงเหล่านั้นตบโต๊ะเสียงดังปัง ก่อนที่เทเวอรัสจะ วิ่งมาที่โต๊ะของพวกเขาพร้อมกับ ปากกาและใบสั่ง
" มาช้าอย่างงี้ ...พวกฉันไม่จ่ายเงินนะโว้ยยย ! ฮ่าๆๆ " คนที่เรียกเขามาบอก แล้วเพื่อนๆในกลุ่มก็ระเบิดเสียงหัวเราะอีกหน เจ้าของร้านที่น่าสงสารกำหมัดแน่นด้วยความโกระ
" ด....ได้ครับ..." เขาตอบเสียงแผ่วเบา ก่อนจะโค้งให้พวกนักเลงตามมารยาท พวกมันระเบิดเสียงหัวเราะดังกว่าเดิม
เทเวอรัสภาวนาขอให้พวกนักเลงออกจากร้านให้เร็วที่สุด เพราะเขาไม่อยากที่จะเห็นสภาพร้านที่เละเทะ แล้ว ตัวเขาหรือแม้กระทั่งพนักงานต้องเจ็บตัว แต่วันนี้เขาก็รู้สึกว่าพวกมันคงจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะวันนี้คนในร้านกลับกันออกไปหมดแล้ว มันคงจะหาเรื่องใครไม่ได้หรอก ....เว้นแต่ว่า
โต๊ะตรงกันข้ามกับพวกนักเลงอันธพาลนั่น....
หญิงสาวในผ้าคลุมสีดำสนิท ใบหน้าของเธอยังซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุม และยังคงนั่งกินน้ำชาเงียบๆ....
เธอยังคงไม่สะทกสะท้านเมื่อพวกอันธพาลเหล่านั้นพากันชี้มาที่เธอ ส่งเสียงหัวเราะดังลั่น และพูดจาหยาบคาย
ชายชราเจ้าของร้านรีบรุดเข้ามาหาลูกค้าผู้กำลังจะเป็นผู้เคราะห์ร้าย จากเหล่าอันธพาล
" คุณครับ ผมคิดว่าคุณน่าจะรีบออกจากร้านไปดีกว่านะครับ...." เทเวอรัสเตือนเธอเบาราวกระเสียงกระซิบ เพื่อไม่ให้อันธพาลโต๊ะตรงกันข้ามได้ยิน " ผมไว้ใจว่าพวกมัน.... อาจจะทำร้ายคุณเอาก็ได้นะครับ "
" ........... " เธอยังคงนิ่งเงียบ แค่เทเวอรัสกลับคิดว่าใบหน้าที่อยู่ใต้เสื้อคลุมนั้นคง หวาดกลัวอยู่เป็นแน่
" คุณรีบออกไปก่อนเถอะครับ..." เขาพยายามพูดอย่างไม่ลดละ เจ้ากลุ่มนักเลงพวกนั้นเริ่มตะโกนโหวกเหวก และด่าว่า หญิงสาว ต่างๆนานา ก่อนจะ ตบโต๊ะ ปังๆ จนแก้วและจานหลายใบกระเด็นตกลงมา กระทบพื้นกระเบื้องแตฏเป็นเสี่ยงๆ " ไปเถอะครับ ... ผมไม่คิดค่า น้ำชาถ้วยนี้ก็ได้ ..."
เธอยังคงนิ่งเงียบ ... พวกนักเลงอันธพาลเหล่านั้นเริ่ม พูดคุยอะไรบางอย่างกัน ก่อนจะลุกขึ้นพรึ่บ พร้อมกันทั้งโต๊ะ และจ้องมองมาที่โต๊ะ ตรงกันข้าม ด้วยท่าทางเอาเรื่อง!
" ได้โปรดเถอะครับ ! "
ปัง!
ไม่ทันเสียแล้ว.... เทเวอรัสถูกผลักกระเด็นจนล้มลง เขาจุกจนลุกไม่ขึ้น พวกนักเลงเหล่านั้น ยืนล้อมโต๊ะ ของหญิงสาว เสียงกรอบแกรบที่เกิดจากการหักนิ้วมือเพื่อข่มขวัญ และจ้องมองหน้าเธอด้วยแววตาดุร้ายป่าเถื่อน นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงจะเผ่นแนบไปนานแล้ว แต่นี่...
ยังคงนิ่งเงียบ ... และจิบน้ำชาต่อไป
" เฮ้ย ! แก...."
เสียงคำรามจากในกลุ่มนั้นดังขึ้น และปัดถ้วยน้ำชาในมือของเธอตกลงพื้น...น้ำชาสีน้ำตาลใสหกเลอะ โต๊ะอาหารและเปื้อนเสื้อคลุมของเธอ
" ว่าไง พวกฉันถามแกไม่ได้ยินเหรอไง !! หา ! "
คราวนี้หนึ่งในพวกมันที่แข็งแรงและน่ากลัวที่สุด และคงจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม กระชากเสื้อคลุมของเธอ ขึ้นเหนือพื้น เทเวอรัสเจ้าของร้าน ที่บัดนี้ลุกขึ้นยืนได้แล้วก็รวบรวมความกล้าที่เหลือ ตะโกนออกไปสุดเสียง
" ช่วยด้วยครับ....ช่วยด้วย !!! นักเลงครับ !! พวกนักเลงกำลังตีกันในร้าน !! ใครก็ได้ช่วยทีครับ !!! "
เขาตะโกนเท่าที่เสียงของเขาจะทำได้ เจ้าคนที่มือข้างหนึ่งยังกระชากเสื้อคลุมของหญิงสาว หันไปบุ้ยใบ้ให้พวกเพื่อนของมันที่เหลือ และก่อนที่เทเวอรัสจะรู้ตัว เขาก็ถูก ถีบเข้าที่สีข้าง ร่างของเขากระเด็นไกลออกไปหลายเมตร ! ตามด้วย เตะ ชก กระทืบ ทุบ กลิ้งๆ ตามมาเป็นขบวน ในที่สุด เทเวอรัส เจ้าของโรงแรมและร้านอาหาร อาเบลลาชล์ โฮเทล ก็นอนแน่นิ่งกองกับพื้นและไม่ได้สติ
" เฮอะ ! สมน้ำหน้ามัน ... ไอ้แก่งี่เง่า..! "
" แล้วจะทำยังไงกับมันล่ะ " พวกที่เหลือชี้ไปที่ร่างหญิงสาวในมือ หัวหน้าของมัน
" ให้มันขอโทษฉันก่อน " หัวหน้ากลุ่มนักเลงพวกนั้นพูด " แล้วหลังจากนั้นพวกแกค่อยจัดการมัน..." มันพูด พวกลูกน้องที่เหลือหัวเราะ เสียงดัง พร้อมๆกับที่หักนิ้วเล่นเพื่อรอจัดการกับของเล่นชิ้นใหม่
" ว่าไง...คราวนี้จะยอมขอโทษฉันไหมล่ะ...ไอ้สวะ !! "
เสี้ยววินาทีนั้นเอง.... เจ้าหัวหน้าอันธพาล ก็ถูกอะไรบางอย่างซัดเข้าเต็มหน้าจนมันเซถลาไปอีกทาง และไม่รอช้ากว่านั้น หญิงสาวในชุดเสื้อคลุมบังหน้า ก็ซัดหมัดและเตะเป็นชุด และแต่ละท่วงท่านั้นรุนแรงกว่าที่พวกอันธพาลที่เหลือจะทำได้ ...การเคลื่อนไหวของเธอรวดเร็วเกินกว่าที่พวกลูกน้องงี่เง่าจะวิ่งเขามาช่วยทันด้วยซ้ำ !
ไม่นานร่างใหญ่ยักษ์ของหัวหน้าเหล่านักเลงอันธพาล ก็ล้มลงไปกองกับพื้น ไม่ต่างอะไรไปจากสภาพของ เทเวอรัสเจ้าของร้าน
" แก ... ปะ...เป็นผู้หญิง "
หนึ่งในลูกน้องของร่างใหญ่ยักษ์ที่ล้มไปเมื่อครู่ มองหน้าเธอด้วยท่าทางหวาดกลัว และพวกที่เหลือก็มีอาการเดียวกัน
" แล้วไง..."
หญิงสาวซัดหมัดอีกข้างเข้าเต็มหน้าชายร่างยักษ์ที่อยู่ใกล้ที่สุด เพียงแค่หมัดเดียว มันก็น็อกและสลบไป อีกสามคนที่เหลือยังคงอ้าปากค้างด้วยความกลัว...
" ย้ากกกกก !!! "
เจ้าอันธพาลอีกคนที่โผล่มาจากทางด้านหลังในมือถือไม้ท่อนใหญ่ก่อนจะซัดเข้าที่กลางศีรษะของหญิงสาว !!
แต่ไม่มีเลือดไหล สักหยด ! แถมเธอก็ยังไม่ล้มสลบไปด้วย !!!
" แกกล้า...."
" อ๊ากกกกกกกก !!! "
" อย่าเรียกฉันว่า สวะ !! "
สิ้นเสียงแผดร้อง ดาบยาวกว่าสองเมตรปักลงกลางหัวใจ เจ้าอันธพาลผู้เคราะห์ร้ายอย่างรวดเร็ว พอๆกับที่ อันธพาลที่เหลือแหกปากร้องด้วยความกลัว...
*************************************************
" ไม่รู้จะขอบคุณ คุณลูกค้าอย่างไรดีนะครับ ...แหะๆ ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆนะครับ..." เทอวอรัสที่บัดนี้ฟื้นขึ้นมาด้วยความช่วยเหลือจากพนักงานในร้านที่เห็นเหตุการณ์ และได้รับการทำแผลเรียบร้อยแล้ว พร่ำขอบคุณลูกค้าที่ดื่มน้ำชาถ้วยเดียว...ผู้ซึ่งทำให้ร้านและกิจการของเขา กลับเข้ามาสู่ภาวะปกติสุขอีกครั้ง
หญิงสาวในผ้าคลุมหน้ายังคงนิ่งเงียบ เธอหยิบเศษเหรียญสองสามเหรียญขึ้นมาเพื่อเป็นค่าน้ำชา วางไว้บนโต๊ะบาร์หน้าเคาน์เตอร์
" เออ...ไม่ต้องก็ได้ครับเรื่องนั้นน่ะ..."
ไม่ทันจะพูดจบหญิงสาวลึกลับก็สะบัดผ้าคลุมเดินออกจากร้าน ไปอย่างรวดเร็ว เสียงกระดิ่งหน้าร้านสั่นน้อยๆ และเงียบหายไป
พิลึกคนจริงๆ เขาคิดก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเหรียญที่จ่ายเป็นค่าน้ำชา แล้วเก็บใส่กระเป๋า ผู้หญิงอะไรแต่งตัวก็แปลกๆ แล้วยังสามารถสู้กับเจ้าอันธพาลของเมืองได้อย่างสบายๆ...
หรือว่า.. เธอจะเป็นนักเวท ?!
มีนักเวทย์น้อยคนนักที่จะปรากฎตัวในเมืองที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนเช่นนี้ ส่วนใหญ่ ผู้คนในเมือง จะเป็นพ่อค้า หรือคนจรธรรมดา เพราะนักเวทย์ส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่อย่างสันโดษและต่อสู้เพียงลำพังมากกว่า...
เฮ้อ...แต่ก็นั่นแหล่ะ ถึงเขาคิดไปก็ใช่ว่าจะหาคำตอบได้ซะที่ไหน เทเวอรัสตัดสินใจเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดโต๊ะที่เขาทำตกไว้ด้วยอารามรีบร้อนตกใจ แล้วกลับมาเช็ดโต๊ะบาร์ที่ยังไม่แล้วเสร็จเหมือนเมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมา...
*************************************************
" ทำไมช้านักล่ะ ฟีเนียร์ "
เสียงเรียบๆ ที่มีความน่ากลัวแฝงอยู่ในน้ำเสียงถามขึ้น หลังจากประตูห้องถูกเปิดอย่างช้าๆ และปิดลง
" มีเรื่องนิดหน่อยค่ะ "
เสียงของบุคคลที่สองเอ่ย น้ำเสียงยังคงราบเรียบสงบนิ่งไม่แตกต่างจากเสียงที่หนึ่งเท่าไหร่นัก แต่ให้ความรู้สึกที่จงรักภักดีและซื่อสัตย์
" งั้นเหรอ หวังว่ามันคงไม่ทำให้งานเสียหรอกนะ เจ้าคงไม่ลืม "
" แน่นอนค่ะ " หญิงสาวเอ่ยตอบ " ข้าไม่เคยทำให้ท่านผิดหวังหรอกค่ะ "
" ดี " เสียงแรกกล่างชม " ดวงตาที่สามบอกข้าว่าเหลือเวลาไม่มากแล้ว..."
ความเงียบเคลื่อนกายเขามาปกคลุมบรรยากาศ และสัมผัสอันเย็นเยือก ร่างสองร่างยังคงนิ่งเงียบไม่ขยับกาย ก่อนที่ ร่างที่ดูใหญ่โตกว่ามาก ...ขยับกายบนเก้าอี้
" เจ้าถอดผ้าคลุมนั่นออกสิ .. มันทำให้ข้าเห็นหน้าเจ้าไม่ถนัด... บางทีใบหน้าเจ้าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมอาจกำลังคิดแผนการกำจัดข้าอยู่ก็ได้..."
" ข้าไม่เคยคิดจะ ...ทรยศ ท่านแน่นอนค่ะ ไม่มีทางเลย..!! "
หญิงสาวโต้แย้ง ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและดุดัน ราวกับถูกสบประมาทอย่างแรง ! เสียงแรกหัวเราะ หึๆ
" ข้าล้อเล่นหรอกน่ะ...ข้ารู้เจ้าไม่มีทางทรยศหักหังข้า ..แต่ถ้าเจ้าคิดจะทำ..."
" ...จำไม่มีคำว่า ชีวิตต่อจากนั้น " เธอต่อประโยคจนจบ ร่างบนเก้าอี้ กระตุกรอยยิ้มบาง
" ข้ารับรองค่ะ งานนี้จะต้องสำเร็จ แน่นอน..."
สองวันต่อมา หลังจากที่ เจ้าพวกอันธพาล ไม่กล้าเข้ามาในร้านอีกทำให้ ลูกค้าเข้าร้านเพิ่มมากขึ้นและกิจการของนาย เทเวอรัสก็กลับมารุ่งเรืองเหมือนเดิม เสียงจ๊อกแจ๊กของบรรดาแขกที่มาพักในโรงแรมและมารับประทานอาหารเช้า ดังขึ้นเป็นระยะๆ
เหมือนทุกๆวัน พนักงานในร้านวิ่งเสริ์ฟอาหารกันวุ่น และ เจ้าของร้านเองก็กำลังเข้าไปสั่งงานให้คนในครัว วันนี้คงได้กำไรมากหน่อย เทเวอรัสคิด วันนี้ทั้งลูกค้าประจำ และลูกค้าที่แวะเวียนมานานๆ ครั้ง หรือ ลูกค้าที่ไม่เคยเห็นหน้าเลยก็มี เข้ามานั่งในร้านเต็มจนลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาในร้านรายต่อๆไม่มีที่นั่ง
หรือว่าเป็นช่วงเทศกาล ?!
เขาคิด ด้วยความชราทำให้ความจะอาจจะลดถอยเสื่อมไปตามสภาพ วันนี้อาจเป็นช่วงเทศกาลก็ได้ แต่ถึงไม่ใช่ เขาก็คงไม่สนใจเท่าไหร่หรอก หากในเมื่อกิจการของเขาทำกำไรได้มาก ขนาดนี้ทุกๆวัน ก็นับว่าดีมากแล้ว
" วันนี้ทำไมคนถึงได้เข้าร้านเยอะจัง..."
เทเวอรัสเปรยเบาๆ พ่อครัวคนหนึ่งที่กำลังยุ่งอยู่กับการผัดอาหารในกระทะ ด้วยใบหน้าดำคร่ำเครียด ซึ่งบังเอิญได้ยินพอดีเลยตะโกนตอบกลับมา
" ก็วันนี้มีข่าวใหญ่เรื่อง.... "
และไม่ทันที่เขาจะ ทันได้ยินคำพูดต่อไปหลังจากนั้น พนักงานคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในครัวด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ
" มีอะไรน่ะ ทำไมต้องวิ่งเข้ามาด้วยเดี๋ยวลูกค้าตกใจกันหมด " เทเวอรัส บ่นกระปอดกระแปดตามประสาคนสูงวัย แต่เขาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นใบปลิวสีฟ้าที่ พนักงานคนนั้นนำมาให้..
" ..... เวลาที่ผู้กล้าทุกท่านรอคอย .... กับ สิ่งที่เป็นปริศนาตลอดกาลแห่งลาเพียน่า....
กำลังจะหวนกลับมาอีกครั้ง !!! กลับภารกิจที่ยิ่งใหญ่
จิตใจที่กล้าหาญและ ความปรารถนาในการประกาศตัวตนให้ทุกคนรู้ !!
คุณพร้อมแล้วหรือยัง ! กับภารกิจครั้งนี้ ....?!
การคัดเลือกจะเริ่มขึ้นคืนวันเสาร์นี้ สถานที่ลานประลองเวทีกลางเมือง อาเบลลาชล์
ด้วยเงินรางวัลถึง 1000 ล้านเซล !! ..... "
" นี่มันอะไร ?" ความสงสัยของเทเวอรัสพุ่งขึ้นมาในจิตใจทำให้เขาพลั้งปากถามเจ้าพนักงานที่เพิ่งอู้งานไปเที่ยวในตลาดและกลับมาพร้อมกับใบปลิวนี่
" โธ่... นี่ก็ใบปลิวประกาศรับสมัครผู้กล่าทุกคนเข้าแข่งขัน วันเสาร์นี้ไง " พนักงานคนนั้นพูด
" แข่งอะไร แล้วแข่งไปเพื่ออะไรกัน ...? "
" โห ลุงนี่ไปอยู่ขุมนรกไหนมาล่ะ ถึงไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้...."
" เฮ้ย! แกนั่นแหล่ะ .... แอบไปอู้มาบ่อยล่ะสิ... เฮอะ! แล้วยังจะมาว่าฉันอีกไอ้..."
" เอาล่ะๆๆ พอๆ ..." พนักงานหนุ่มรีบพูดก่อนที่จะโดนเทศน์หนักกว่านี้ " ก็เมื่อเช้ามีใบปลิวนี่แจกทั่วเมืองเลย แต่ไม่ใช่แค่นี้นะ มีเครื่องบินลำใหญ่ยักษ์เล่นบินไปทั่วอาณาจักรเพื่อแจกใบปลิวนี่อีก แล้วก็ยัง..."
" ฉันไม่ถึงเรื่องไม่ใบปลิวโว้ยย!! ไม่ใช่ เรื่องเครื่องบิน...! "
" แหม...ก็กำลังเล่าอยู่นี่ไง ทำเป็นใจร้อนไปได้ ! "
" ก็เรื่อง ลูน่าลาปิส เมืองที่หายสาบสูญไปนั่นน่ะ ตอนนี้กำลังมีประกาศรับสมัครผู้กล้าตามหาเมืองนี้ยังไงล่ะ เงินรางวัล ตั้ง หนึ่งพันล้านเซลเชียวนะลุง!!! "
" ขนาดนั้นเชียวเหรอ ?! " เจ้าของร้านถลึงตาพรวด เข้ารู้แล้วว่าพวกลูกค้าที่เข้าร้านแน่นผิดปกติ ก็เป็นเพราะเรื่องที่พนักงานในร้านคนนี้กำลังพูดอยู่เป็นแน่ " เอาเงินตั้ง พันล้านมาเสียไปสูญเปล่าเพียงเพื่อ ตามหาเมืองทั้งเมืองเนี่ยนะ !! "
" ฮื่อ ..." คู่สนธนาตอบกลับมา " ฉันอยากลงแข่งมั่งง่ะ "
" หึ ยังแกน่ะ ! ต้องนั่งเฝ้าร้านต่างหาก ฝีมืออย่างงี้ พนันได้เลยว่าแกต้องตกรอบคนแรก "
" คนเค้ายังไม่ได้พิสูจน์ฝีมือเลยนะ อย่ามากล่าวหากันอย่างนี้สิ ! "
" เออ...แกเก่ง..." เทเวอรัสหัวเราะเยาะในลำคอ " แต่ยังไงฉันก็ไม่ให้แกไปอยู่ดี..."
" ทำไมล่ะ .... อย่าบอกนะว่าไม่เชื่อว่าฉันเก่งน่ะ..."
" ไม่ใช่ !! แกจะต้องทำงานชดใช้ที่แกแอบอู้ ทั้งอาทิตย์นี้ต่างหากล่ะ ..."
และเสียงของพนักงานชอบอู้ก็ โวยวายขึ้นตามด้วยเสียง ไม้กวาดที่ไล่ตีโดยเจ้าของร้าน ในโทษฐานที่ชอบอู้ ทำให้พนักงานผู้ใฝ่สูงจะริอ่านไป เข้าแข่งขันงานคืนวันพรุ่งนี้ เข็ดไปอีกนาน...
ความคิดเห็น