คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เมื่อไหร่ที่ชั้นจะหนีคุณพ้นซะทีนะเนี่ย!!!!
+++++++++++++++++++++++++++++++++
“ค่ะ วันนี้แพรจะไปรับน้องจ้าเองค่ะ อีกอย่างนับตั้งแต่วันนี้แพรจะได้ทำหน้าที่แม่ให้กับแกจริงๆเสียที ขอบคุณมากนะคะพี่มด ที่เลี้ยงดูน้องจ้าให้กับแพรอย่างดี เราสองคนเป็นหนี้บุญคุณพี่เรียกได้ว่าเอาสิ่งไหนมาทดแทนไม่ได้เลยค่ะ”
เสียงคุยโทรศัพท์ที่พรั่งพรูออกมาจากปากหญิงสาวนั้นแสดงถึงความตื้นตันและจริงใจ เสียงที่เจือไปด้วยความสุขระคนดีใจนั้นบ่งบอกถึงความตื่นเต้นที่จะได้เจอลูกชายของเธอ ที่เธอรักและรอคอยวันนี้ที่จะได้อยู่ด้วยกันแม่ลูก
“แพรกานต์” หรือ “แพร” หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปี แต่ดวงหน้าและรูปร่างที่เล็กบอบบางนั้น จึงทำให้ใครหลายคนมักเข้าใจว่าเธออายุเพียงสิบเก้าเท่านั้น อีกทั้งใบหน้าที่หมดจด บ่งบอกได้ดีทีเดียวว่าเธอนั้นดูแลเป็นอย่างดี หากมองเพียงผ่านๆ ดวงตาคู่นั้นดูสวยคมสำหรับผู้พบทีเดียว แต่หากมองลึกเข้าไปแล้วดวงตาของเธอนั้นกลับเป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกได้มาก ว่าเธอต้องผ่านเรื่องที่หนักหนาและเธอต้องต่อสู้อย่างหนักหน่วงทีเดียว สายตาที่เคยอ่อนหวาน แต่ในตอนนี้ตาสวยคู่นั้นกลับดูแกร่งกล้าและเข้มแข็ง แต่ก็ยังมีประกายของความอ่อนโยนซ่อนอยู่ ทำให้ดวงตานั้นสวยคมไปอีกแบบ
ภายในรถยนต์คันสวยสีแดงที่เหมาะสำหรับนั่งเพียง4-5คน มีหญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมไปด้วยความสุขที่จะได้เจอหน้าลูกชายคนเดียวของเธอยิ่งนัก ยิ่งคิดว่าถ้าได้อยู่กับลูกชายวัย 5 ขวบ ที่ชื่อ "วัฒยา" หรือ "น้องจ้า" นั้น มันยิ่งทำให้ใจของเธอโลดแล่นอย่างบอกไม่ถูกทีเดียว แต่อากาศในเย็นวันนั้นสิ ช่างไม่เป็นใจเสียเลย อยู่ๆฝนก็ตกลงมาหนัก จนรถบนถนนนั้นต้องติดกันอยู่อย่างนั้น
“เฮ้อๆๆ ทำไมฝนถึงได้ตกมากมาย ไม่เป็นใจกับเราอย่างนี้นะเนี่ย คอยก่อนนะจ๊ะน้องจ้า เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันแล้วนะลูก” พูดพลางก็ร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีไปพลาง แต่สายตานั้นกลับมองไปที่รูปเด็กผู้ชายหรือน้องจ้า ที่แพรนำมาใส่กรอบรูปเล็กๆติดไว้หน้ารถ ซึ่งก็ทำให้ใจหญิงสาวเย็นลงบ้างในทุกๆครั้งที่เธอรู้สึกท้อแท้หรือเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่เธอต้องเผชิญนั้นได้ดีทีเดียว
+++++++++++++++++++++++++++++++++
“ออด ๆๆๆๆ ” เสียงกริ่งโรงเรียนอนุบาลดังขึ้นเพื่อบ่งบอกว่า นักเรียนจะได้กลับบ้านดังขึ้นพร้อมเสียงดังจ๊อกแจ๊กปะปนกันไป ทำให้ได้ยินเสียงดังมากพอดู อีกทั้งยังผสมกับเสียงฝนที่ตกลงมาหนักเช่นนี้ด้วยแล้ว ทำให้เสียงดังจากเด็กๆที่กำลังพูดคุยและ เล่นกันนั้นดูเบาไปไม่น้อย
“จ้า วันนี้เธอจะกลับบ้านยังไงเหรอ ฝนตกหนักจัง” เสียงเด็กหญิง ชื่อ จีน เพื่อนวัยเดียวกันกับเด็กชายจ้า ถามขึ้นมาปนกังวลกับสภาพอากาศอย่างนี้ไม่น้อย
“วันนี้ป้ามดบอกว่าคุณแม่เราจะมารับเราไปล่ะ ป้าบอกแม่มีรถยนต์ ด้วยนะ วันนี้เราคงได้นั่งรถยนต์แม่ล่ะ”
น้ำเสียงเด็กชายดูตื่นเต้นและภูมิใจกับแม่ตัวเองไม่น้อยทีเดียว
“ดีจังเลยนะ ที่วันนี้แม่เธอมารับน่ะ แต่ตอนนี้ฝนตกหนักจัง ออกไปเล่นข้างนอกไม่ได้เลยเนอะ”
เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงเสียดายที่ต้องอดไปเล่นที่สนามเด็กเล่นเช่นทุกๆวัน
เด็กชายจึงเสนอความคิดว่า “งั้นเรา มานั่งเล่นรอแม่มารับกันดีกว่าเนอะ”
เด็กสองคนเล่นกันจนทำให้รู้สึกว่าเวลา 1 ชั่วโมงนั้นดูเหมือนจะไม่นานเลยทีเดียว เพราะในตอนนี้ฝนเริ่มซาลงแล้ว เหลือเพียงละอองฝนที่ยังพอมีอยู่ให้รู้สึกเย็นๆตามผิวเท่านั้น
“ฝนหยุดตกแล้วล่ะ แต่เมื่อไหร่แม่จะมารับพวกเรากันซักทีนะ”
เด็กชายจ้าพูดพลางชะเง้อไปยังประตูโรงเรียน
“จ้า!!! น้าเรามารับแล้วล่ะ วันนี้สงสัยแม่มีประชุม น้าเลยมารับเราแทน”
เสียงตื่นเต้นของเด็กหญิงนั้นบ่งบอกว่าดีใจที่ตนเองนั้นจะได้กลับบ้าน เมื่อหันไปเห็นน้าชายของเด็กน้อยเดินมา
“แต่แม่เธอยังไม่มารับเลย งั้นเอาอย่างนี้นะ เราจะคอยจนกว่าแม่เธอมานะ เดี๋ยวเราบอกน้าวัฒน์ให้อยู่คอยเป็นเพื่อนด้วย”
“อ้าว ว่าไง สาวน้อย รอนานมั้ย วันนี้น้ามารับช้าไปหน่อย ”
ชายหนุ่มพูดพลางอุ้มเด็กหญิงไว้แล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“น้าวัฒน์ขา เราอยู่รอเป็นเพื่อนจ้าหน่อยได้มั้ยคะ วันนี้แม่จ้าจะมารับ แต่แม่เค้ายังไม่มาเลยค่ะ ” พอชายหนุ่มวางเด็กหญิงลง เด็กหญิงกล่าวออกมาด้วยเสียงใสๆแกมขอร้องในที
“ได้สิครับ ”
แล้วรับไหว้เด็กชายจ้า ที่กำลังพูดถึง พอเด็กชายเงยหน้าขึ้นจากการกระพุ่มมือไหว้น้าชายของเพื่อนแล้วนั้น ชายหนุ่มนึกในทีว่า สงสัยจะเป็นเด็กคนนี้แน่ล่ะ ที่หลานสาวตัวน้อยของเค้าที่เคยพูดถึงว่าหน้าคล้ายตนเองในวัยเด็กเนื่องจากชายหนุ่มเคยนำอัลบั้มรูปเก่าๆของ ตนเองมาดูซึ่งในนั้นมีทั้งรูปชายหนุ่ม พี่สาวหรือแม่ของเด็กหญิงจีน ในวัยเยาว์ พอได้เห็นตัวจริงวันนี้ ก็ทำให้เค้าแปลกใจได้ทีเดียวว่าทำไมช่างบังเอิญคล้ายตนเองขนาดนั้น และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกถูกชะตาเด็กชายคนนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ชื่อน้องจ้าเหรอครับ เห็นน้องจีนพูดถึงบ่อยๆ แล้วปกติแม่มารับช้าอย่างนี้บ่อยมั้ยครับเนี่ย”
เสียงชายหนุ่มปนเอ็นดูในมารยาทและหน้าตาเด็กชายยิ่งนัก และเผลอเหลือบมองไปยังชื่อที่ปักไว้ที่เสื้อของเด็กชาย
“วัฒยา อังกูรนราธิป”
ชื่อและนามสกุลนี้ทำให้เค้าสะดุดใจยิ่งนัก เพราะเหมือนเคยผ่านหูเค้ามาในเหตุการณ์เหตุการณ์หนึ่ง แต่เค้าก็ไม่อยากสงสัยอะไรมาก คิดว่าอาจจะบังเอิญก็ได้
“แม่ไม่เคยมารับครับ ปกติป้ามดจะมารับผมครับ แม่ไม่เคยมารับแต่วันนี้แม่จะมารับผมด้วยล่ะ”
พูดอธิบายแล้วยิ้มอย่างดีใจ แล้วหันไปมองที่ประตูโรงเรียนซึ่งเป็นเวลาเดียวกับรถยนต์สีแดงที่เคลื่อนเข้ามาจอด
“เย้ๆๆ จีน !! แม่มารับเราแล้ว จีนดูแม่เรานะ แม่เรามารับเราล่ะวันนี้ ”
เด็กชายพูดอย่างตื่นเต้น ดีใจ แกมอวดที่ตนเองมีแม่มารับ เพราะครูและเพื่อนๆของเด็กทั้งสองต่างรู้ดีว่า วันแม่หรือเวลามีกิจกรรมที่โรงเรียนนั้น ผู้ที่จะมาเป็นผู้ปกครองหรือคนร่วมกิจกรรมนั้น จะเป็นป้ามดของเด็กชายเพียงเท่านั้น
“แม่แพรๆๆ จ้าอยู่นี่ครับ”
พูดไปแล้ววิ่งอ้าแขนไปด้วย ซึ่งหญิงสาวนั้นก็กางแขนพร้อมรับลูกชายของเธอเช่นกัน
“ว่าไง รอนานมั้ย เดี๋ยวเราก็ไปอยู่บ้านเดียวกันแล้วนะ ป่ะ เดี๋ยวแวะทานไอติมกันก่อนดีมั้ยครับ แก้ตัวที่มารับหนูช้า”
บอกลูกชายคนเดียวด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมกอดกันอยู่อย่างนั้นแม่ลูก
“ครับ ดีใจที่สุดเลย เย้ๆๆ แม่ครับงั้นผมพาเพื่อนไปด้วยได้มั้ย น้องจีนเค้าอยู่รอเป็นเพื่อนผมตั้งนาน นะครับ” พูดอ้อนเอาใจพลางขอร้องแม่
“ได้สิครับ “ พอหญิงสาวพูดจบ เด็กชายก็วิ่งไปหาน้องจีนทันที โดยที่หญิงสาวยังยืนอยู่กับที่ เด็กชายรีบชวนน้าชายน้องจีนและน้องจีนไปทานไอศครีมกัน ชายหนุ่มเห็นว่าวันนี้ไม่มีงานอะไรค้างไว้ ก็ไปเป็นเพื่อนหลานสาวซักหน่อยคงไม่เป็นไร จึงตอบตกลง โดยที่ยังไม่ทันได้เห็นหน้าแม่ของเด็กชายเลย ซึ่งชายหนุ่มและหญิงสาวต่างคนต่างไม่รู้กับโชคชะตาที่กำลังเล่นตลกกับเขาทั้งสองอย่างที่กำลังจะเกิดอย่างไม่คาดคิดเช่นกันว่าทำไมโลกถึงได้กลมเช่นนี้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อลูกชายวิ่งมาบอกแม่ของตนที่กำลังเดินมาหานั้น หญิงสาวมัวแต่มองลูกชายจนไม่ทันได้มองว่าเพื่อนของลูกชายและน้าของเพื่อนลูกชายนั้นคือใคร
เด็กชายวิ่งเข้ามากอดที่เอวหญิงสาว แล้วเงยหน้า พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “แม่ครับ ผมบอกน้องจีนแล้ว น้าวัฒน์เค้าอนุญาตให้เราไปกินไอศครีมกับเราด้วยครับ”
“แล้วไหนน้องจีนของลูกล่ะครับ” หญิงสาวถามลูกชาย พร้อมเงยหน้าเมื่อพบว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้ๆ แต่เมื่อเงยหน้าพบคนที่อยู่ข้างหน้าแล้วนั้น มันทำให้หญิงสาว และ ชายหนุ่มต่างชะงักไปทั้งคู่ หญิงสาวมีแววตาตระหนกตกใจอย่างไม่คาดคิดมาก่อน ปากก็พึมพัมออกมาเบาๆจนแทบไม่ได้ยิน
“พี่วัฒน์ !!!!!!!!”
ในใจของแพรตอนนี้ มันเคว้ง มึนเหมือนถูกชกหน้า มือสั่นจนเกือบควบคุมไม่ได้ ซึ่งก็ไม่ต่างไปกับชายหนุ่มที่ชื่อ "วัฒน์" หรือ "อภิวัฒน์" ที่มีอาการเช่นเดียวกัน คำถามต่างๆผุดขึ้นมา อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ทันที่ทั้งคู่จะทันได้นึกอะไรไปมากกว่านี้ หากไม่มีเสียงเด็กชายจ้า เอ่ยขึ้นมา
“แม่ครับ นี่ไงน้องจีน กับน้าของน้องจีน ชื่อน้าวัฒน์ครับ” เด็กทั้งสองยังไม่รับรู้ถึงอารมณ์และสีหน้าที่เปลี่ยนไปของผู้ใหญ่ทั้งสอง ซึ่งตอนนี้ต่างมองกันไม่วางตา หากหญิงสาวไม่พูดขึ้นมาก่อน
“เอ่อ น้องจ้า แม่ว่า วันนี้เราอย่าเพิ่งไปทานกันเลยนะลูก เผื่อน้าของน้องจีนจะมีธุระอะไร” พูดพลางจับมือลูกชายไว้แน่น
“อ้าว..ทำไมเหรอครับ ไหนคุณแม่บอกจะพาไปกินล่ะครับ ”น้ำเสียงเด็กชายดูเสียดายยิ่งนักที่จะอดไปกินไอศครีมกัน และหน้าตาเด็กหญิงก็ดูผิดหวังเช่นกัน
“คุณแพรกานต์ คุณอึดอัดใจอะไรเหรอครับ ถึงขนาดไม่อยากไปขึ้นมากระทันหัน นิสัยไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะครับ” น้ำเสียงนั้นฟังดูเรียบเฉย แต่กระนั้นก็ไม่เชิงว่าจะกระทบเธอเช่นกัน
“ขอโทษค่ะ ดิชั้นจำไม่ได้ว่า ดิชั้นเคยรู้จักกับคุณมาก่อน และตอนนี้ ดิชั้นคิดว่าเย็นมากแล้ว และที่สำคัญเกรงว่าฝนจะตกลงมาอีก คงต้องขอตัวกลับก่อน” หญิงสาวตอกกลับชายหนุ่มอย่างไม่ยอมกันพร้อมทั้งหาวิธีเลี่ยงการไปด้วยกันทันที
“แต่ผมว่าเราคงต้องมีเรื่องคุยกันนะ”ชายหนุ่มโพล่งมา น้ำเสียงเจือไปด้วยอารมณ์ที่เริ่มเสียและสงสัยอะไรบางอย่างขึ้นมา
“ไม่ค่ะ ดิชั้นไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกต่อไป และไม่มีอะไรจะพูดกับคุณมานานแล้วด้วย ขอตัวค่ะ น้องจ้า กลับบ้านกับแม่ ลูก เอ่อ..ขอบคุณนะคะน้องจีนที่อยู่เป็นเพื่อนน้องจ้า” พูดตัดบทพร้อมทั้งจับมือลูกชายไว้ พร้อมทั้งเอ่ยขอบคุณน้องจีน และรีบจูงลูกชายของตนไปยังรถโดยเร็ว แต่ก็ยังช้ากว่าข้อมือของชายหนุ่ม
“แพร คุณบอกผมมาเดี๋ยวนี้ เด็กคนนี้ใช่เด็กเมื่อตอนนั้นที่คุณพูดใช่มั้ย ครั้งนั้นคุณพูดจริงเหรอเนี่ย” คำถามต่างๆนั้นพรั่งพรูออกจากปากชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวตกใจกับสัมผัสที่รุนแรงเช่นนั้น รีบสะบัดมือด้วยเกรงว่าจะเป็นการไม่เหมาะสมหากมีใครเดินผ่านเข้ามา“ปล่อย เด็กๆจะตกใจกันหมด คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับชั้นอย่างนี้นะ เค้าเป็นลูกของชั้นคนเดียวเท่านั้น ” พูดจบก็อุ้มเด็กชายวิ่งไปที่รถทันที ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนตะลึงงันกับคำพูดที่เหมือนจะตวาดของเธอ ทำให้หญิงสาวอาศัยจังหวะนั้นขึ้นรถและออกรถไปโดยเร็ว
เด็กหญิงจีนจับมือน้าชาย พร้อมกับถามอย่างสงสัย “ทำไมน้าวัฒน์ถึงยืนนิ่งอย่างนั้นล่ะคะ เมื่อกี้ แม่จ้าดุจังเลยนะคะ เฮ้อ อดไปกินไอศครีมเลย”
คนทั้งสองคนรู้สึกเสียดายกันทั้งคู่ แต่เป็นการเสียดายคนละแบบ เด็กหญิงเสียดายที่อดทานไอศครีม แต่ชายหนุ่ม เสียดายที่ไม่ทันได้คำตอบจากหญิงสาว แต่แล้วชายหนุ่มก็จูงมือเด็กหญิงขึ้นรถไป แต่ในใจนั้นคิดถึงแต่หญิงสาวคนนั้น “แพร คุณเปลี่ยนไปมาก ทั้งคำพูด แววตา แต่คุณก็ยังดูสวยไม่เปลี่ยนไปเลย ไม่สิ สวยขึ้นกว่าเดิม ดูไม่อ่อนแออ่อนไหวเหมือนแต่ก่อน แพรกานต์ ผู้หญิงอ่อนหวานคนนั้นหายไปไหนนะ ทำไมผมถึงรับรู้ได้แต่เพียงว่าคุณคือแพรกานต์ที่ดูเข้มแข็งอย่างนี้ หรือการที่คุณเป็นอย่างนี้เพราะผม เพราะเหตุการณ์เหล่านั้น ”
จากความคิดนั้น ทำให้เค้านึกถึงเรื่องต่างๆได้เป็นอย่างดีเมื่อ 5 ปีก่อนหน้านี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น