ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Relation
เมื่อตะวันลับ  ฉันลืมตาตื่นขึ้นจากความฝัน
ดวงจันทร์กำลังขึ้น . . . ณ อีกฟากฝั่งทะเลคราม
ความมืดโรยตัวลงมา . . . และฉันทำได้เพียงเฝ้ามอง
ดวงดาวทอแสง  สะท้อนผิวน้ำพร่างพรายดังกระจกเงิน
ฉันรู้สึก . . ถึงกลิ่นอายแห่งอิสรภาพ
ชักชวนให้ลุกขึ้น . . และก้าวเดินไป
กาลเวลากำลังพัดผ่าน  สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังมา
ดวงอาทิตย์กำลังทอแสง  ณ เส้นขอบฟ้าอันห่างไกล
เมื่อแสงสว่างคืนกลับมา
ฉันหลับตา . . และฝันถึงอิสรภาพชั่วข้ามคืน
---------------------------------------------------------------
“ลีอา ?! “
ชายหนุ่มเบือนหน้ากลับมาหาเจ้าของเสียงเพียงเล็กน้อย  ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มก่อนหันกลับไปให้ความสนใจกับร่างในปริมาตรเรืองแสงซึ่งเริ่มสงบลง  ฝ่ามือใหญ่สะบัดคลายออกปล่อยให้ปริมาตรทรงลูกบาศก์ค่อย ๆ เลือนหายและร่างสูงเพรียวค่อยลอยลงมายืนนิ่งอยู่ต่อหน้า
ดวงตาสีเทาเย็นลืมขึ้นมองอีกฝ่าย  ครู่หนึ่งเห็นเป็นร่างของเด็กสาวผมทองคุ้นตาก่อนจะมองเห็นเป็นชายร่างสูงผมสีน้ำตาลอ่อนคนเดิมหลังกระพริบตาไปครั้งหนึ่ง  โนอาห์ก้มมองมือตนเองที่สั่นเล็กน้อยดูอ่อนล้าก่อนเงยหน้ามองร่างตรงหน้าอีกครั้งพร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ  “นาย . . เป็นใครกันแน่ ? “
ริมฝีปากเรียวยิ้มกว้างขึ้นก่อนดวงตาจะหรี่ปรือลง  “เธอรู้ . . ไลอารู้  รีบมาเร็ว . . ฉันเหนื่อย  มากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว . . . “  กระแสเสียงแผ่วลอยค่อย ๆ เงียบลงและร่างสูงล้มทรุดลงโดยเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มคว้าเอาไว้ได้ทันก่อนจะล้มลงกับพื้น
---------------------------------------------------------------
โนอาห์เลื่อนมือเสยเส้นผมสีน้ำเงินเข้มขึ้นแล้ววางค้างไว้บนศีรษะอย่างนั้น  “ไลอา  ฉันขอโทษ  โมโหพวกมันมากไปจนโอเวอร์ฮีทจนได้”  ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกแรงขณะเหลือบสายตามองหญิงสาวผมแดงข้างกาย
“ไม่เป็นไร  เพราะฉันเองก็เกือบเป็นเหมือนนายเพียงแต่บาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วเลยรู้สึกตัวได้ดีกว่า”  ไลอาคลี่ยิ้มบางก่อนยืดตัวขึ้นพิงหลังกับพนักเก้าอี้เต็มแผ่นหลัง  “นายคิดว่าไง ?  เรื่องของอาร์คตอนนั้น . . หลังจากหยุดนายกับพวกอะไรนะ . . Body Creature  นั่น . . ไม่ใช่อาร์ค”  กระแสเสียงในช่วงประโยคหลังเอ่ยเบาเป็นกระซิบ
เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่  คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน  “ถ้านั่นไม่ใช่เพราะตาฝาด  ไลอา . . . บางทีหมอนั่นอาจจะเป็น . . ไม่สิ  น่าจะเรียกว่าอยู่ในตัวหมอนั่นมากกว่า  ลีอาน่ะ . . ฉันเห็นลีอาซ้อนอยู่กับหมอนั่นพริบตาหนึ่ง”  นั่นทำให้หญิงสาวหันกลับมาสบสายตาด้วยทันที
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันชั่วครู่ก่อนคลายลง  “ฉันก็คิดอย่างนั้น  คนที่สามารถควบคุมเราสองคนทุกครั้งที่ใช้พลังมากจนเกินขอบเขตได้มีแต่ลีอาคนเดียว  เรา 3 คนขาดคนใดคนหนึ่งไปสมดุลระหว่างกันก็จะหายไปด้วย  ตอนนี้เราขาดลีอา  การใช้พลังมากเกินไปจะเป็นอันตรายกับทั้งตัวเองและทุกสิ่งรอบตัว  พวกเราเคยเกือบตายเพราะอย่างนี้มาแล้วครั้งหนึ่งนี่นะ”  ริมฝีปากเรียวแค่นหัวเราะแผ่วเบา 
“ที่สำคัญคืออาร์คร้องเพลงนั้น . . เพลงที่ลีอาเป็นคนแต่งขึ้นและเขาชอบร้องที่สุดในสมัยก่อน  เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครรู้จักเพลงนี้นอกจากพวกเรา”
ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกแรง  “หมอนั่น . . อาร์คล้ม  ฉันหวังว่าเขาจะไม่เป็นไร”
“เป็นห่วงงั้นรึ ?  แปลกนะที่นายเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน  ชอบเขามากรึไง ?  โนอาห์”  หญิงสาวผมแดงถามกลับกลั้วเสียงหัวเราะระรื่น
ดวงตาสีเทาเย็นหรี่ลง  “เขาช่วยหยุดฉันไว้ . . . แค่นั้น”  ร่างสูงผุดลุกขึ้นเดินผละไปรวดเร็ว  ทิ้งหญิงสาวให้นั่งหัวเราะอยู่ตามลำพัง
---------------------------------------------------------------
“รายงานจากศูนย์พยาบาลได้แล้วครับ”  ราซาร์ล  เจ้าของเรือนผมสีเทาอมน้ำเงินเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ หลังจากก้มดูข้อมูลบนบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์คู่ใจในมือ  “ผู้เข้ารอบในลานทั้ง 20 คนบาดเจ็บสาหัส 9 คนต้องใช้เวลารักษาตัวไม่ต่ำกว่า 3 วันและพักฟื้นอีกกว่า 4 วันคงไม่สามารถแข่งขันต่อได้  ที่เหลือบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยพักไม่นานก็กลับเป็นปกติ  ส่วนพิธีกรตกจากแท่นลอยอาการหนักแต่ไม่ถึงกับน่าเป็นห่วง  พักสัก 4 วันก็กลับมาทำงานไดตามปกติครับ”
“แล้วอาร์คล่ะ ? “  เธิร์ดในชุดเครื่องแบบดำสนิทเอ่ยถามขึ้นเรียบ ๆ
“แค่สลบไปน่ะครับ  ตรวจร่างกายแล้วไม่มีอะไรผิดปกติคาดว่าอีกสักครู่คงฟื้นและเดินกลับห้องพักเองได้ไม่มีอะไรต้องกังวลครับ  ท่านเธิร์ด”  ชายร่างสูงโปร่งกล่าวตอบเรียบ ๆ ด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกันไม่เปลี่ยน
เจ้าของคำถามระบายลมหายใจออกอย่างโล่งอก  ก่อนหันมองยังหญิงสาวผมทองซึ่งนั่งอยู่กับโต๊ะทำงานโดยหันด้านหลังของพนักเก้าอี้นวมมา  “ดีนะที่อาร์คไม่เป็นไร  แต่บาดเจ็บสาหัสกันมากขนาดนี้แล้วยังจะจำนวน Body Creture นั่น . . มากหลายตัวอย่างนั้นเธอปล่อยออกมาได้ยังไง ?  เฟิร์ส  เรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่มีทางที่พวก NEL จะไม่รู้  เธอไม่มีทางปิดเรื่องนี้เงียบได้นานนักหรอก  แล้วบางคนในนี้ยังรู้แล้วด้วยว่า Body Creture ไม่ได้สร้างจากคนตายอย่างที่อ้างไว้แต่เป็นคนจริง ๆ  พวกที่รู้ไม่อยู่เฉย ๆ แน่เธอคิดเรื่องนี้เผื่อเอาไว้ด้วยรึเปล่า ?! “  ดวงตาดำขลับจ้องเขม็งไปยังเบื้องหลังพนักเก้าอี้นวมของหญิงสาว  เช่นเดียวกับสายตาของชายผมดำซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาด้านตรงข้าม
หญิงสาวผมทองหันเก้าอี้กลับมาหาคนในห้อง  “แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าไลอากับโนอาห์ใช่ 2 ใน 3 ของโนร์นรุ่นแรกจริง ๆ  ปฏิกิริยาที่เกิดในตัวอาร์คเป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างดี”  ริมฝีปากเรียวเคลือบสีแดงสดกรีดรอยยิ้มกว้างขณะดวงตาเรียวสวยสีฟ้าจางหรี่ลง  “รู้มั้ยว่านั่นหมายความว่ายังไง ?  เซคันด์  เธิร์ด  เขา . . . อาจจะกลับมาได้อีกครั้ง”
ดวงตาสีแดงสดเบิกกว้างขึ้นทันที  “เฟิร์ส !  เธอคิดจะแก้ผนึกจริง ๆ รึ ?! “
“แต่ขืนยังใช้วิธีรุนแรงไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้ต่อไปทาง NEL คงรู้ว่าเกิดปัญหาในหมู่พวกเรา”  ชายหนุ่มในเครื่องแบบดำสนิทเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ เก็บอาการได้ดีกว่า  “ต่อให้สำเร็จแล้วจะเป็นยังไง ?  ฉันชอบอาร์คเหมือนกัน . . บางทีนึกแล้วก็น่าสงสารอยู่”
“อาร์คไม่เป็นไรหรอก  พวกเขาเหมือนกันไม่เปลี่ยนไปเลยไม่อย่างนั้นพวกเราจะชอบเขาขนาดนี้รึ ? “  หญิงสาวตอบกลับกลั้วเสียงหัวเราะกังวานก่อนยันกายผุดลุกขึ้นกะทันหัน 
มือเรียวยกขึ้นปิดดวงตาข้างซ้ายแล้วรีบหันหลังทำให้คนอื่นทันได้สังเกตเห็นดวงตาข้างนั้นกลายเป็นสีเขียวอ่อนเรืองแสงขึ้นมาวูบหนึ่ง  “ฉันต้องขอตัวล่ะ  น่าเสียดายจริง . . ตั้งใจจะไปเยี่ยมอาร์คเสียหน่อย  ถ้าพวกนายจะไปฉันก็ฝากเยี่ยมด้วยก็แล้วกัน”
เธิร์ดระบายลมหายใจออกแผ่วก่อนยันกายลุกขึ้น  “ฉันว่าปล่อยให้เขาพักสบาย ๆ ดีกว่า  ตอนนั้นเขาก็ใช้พลังไปน่าจะมากอยู่คงเพลีย  ฉันไม่อยากรบกวน”  ว่าแล้วจึงหมุนกายก้าวออกไปจากห้องโดยมีชายอีกสองคนก้าวตามออกไปภายหลัง
ริมฝีปากเรียวเคลือบสีแดงสดระบายลมหายใจออกขณะคลายมือออกจากใบหน้า  “ทราบแล้วค่ะ  ท่านศาสตราจารย์  ดิฉันจะไปรายงานเดี๋ยวนี้”  หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่วก่อนหยิบเสื้อนอกขึ้นคลุมบนบ่าแล้วจึงหมุนกายก้าวออกจากห้องไปเป็นคนสุดท้าย
---------------------------------------------------------------
ชายร่างเพรียวทอดสายตามองเจ้าของเรือนผมดำขลับซึ่งทิ้งตัวลงนอนแผ่เต็มโซฟาบุนวมตัวใหญ่ในห้อง  “ท่านฮีท  ผมขอถามได้มั้ยครับว่า ‘เขา’ ที่ท่านทั้ง 3 กล่าวถึงเป็นใคร ? “
“แล้ว . . นายคิดว่ายังไงล่ะ ? “  ชายหนุ่มถามกลับโดยไม่แม้แต่เหลือบสายตาขึ้นมองสบร่างโปร่งที่เดินเข้ามาหยุดลงข้างโซฟา
“ผม . . . คิดว่าคงเป็นคนสำคัญมากสำหรับพวกท่าน  แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือที่ท่านกล่าวถึง ‘ผนึก’  มีอะไรเกิดขึ้นกับ ‘เขา’ ที่ว่าหรือครับ ? “  ชายหนุ่มทรุดกายลงคุกเข่าตรงข้างโซฟาเพื่อให้ระดับสายตาตรงกับใบหน้าที่คว่ำซบเบาะนวมของอีกฝ่าย
เซคันด์เปล่งเสียงหัวเราะแผ่วก่อนท้าวศอกเงยหน้าขึ้นสบสายตากันตรง ๆ  “ฉันบอกให้นายรู้ทั้งหมดไม่ได้หรอก  ราซาร์ล  เพราะมันเป็นความลับสุดยอดในศูนย์วิจัย NEL  ถ้านายรู้นายจะเป็นอันตราย  ฉันไม่อยากเสียนายไปเพราะเรื่องไร้สาระพรรค์นี้หรอกนะ” 
ฝ่ามือใหญ่ขยับเลื่อนเข้าประคองข้างใบหน้าอีกฝ่ายแผ่ว ๆ  “เอาเป็นว่า ‘เขา’ เป็นคนสำคัญของพวกเราจริง ๆ อย่างที่นายคิด  เป็นคนเลี้ยงดูพวกเรามาใกล้ชิดที่สุด . . เหมือนพี่ชายคนโตอะไรทำนองนั้น  แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้วล่ะ”  ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มบางขณะปลายนิ้วเกี่ยวปอยผมสีเทาอมน้ำเงินขึ้นชิดริมฝีปาก
“ท่านเฟิร์สคงกำลังพยายามตามหาอยู่สินะครับ  ผมคงช่วยอะไรไม่ได้เพราะเป็นคนนอกที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรและไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้  แต่ยังไงก็ขอให้ตามหาและพากลับมาได้นะครับ  ท่านฮีท”  ริมฝีปากเรียวยิ้มกว้างก่อนยันกายลุกขึ้นและก้าวผละไปอีกด้านของห้องเพื่อเก็บเสื้อนอกและทำงานอื่น ๆ ต่อให้เรียบร้อย
---------------------------------------------------------------
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนลืมตาตื่นขึ้นพบเพดานสีขาวสะอาดก่อนขยับยันร่างลุกขึ้นนั่งช้า ๆ  สะบัดศีรษะไล่ความมึนงง 2 3 ครั้งแล้วจึงกวาดตาสำรวจไปรอบ ๆ ห้องขนาดเล็กที่มีสีขาวสะอาด  และไม่มีอะไรอยู่นอกจากเตียงที่เป็นเหมือนแท่นโลหะเลื่อนออกจากกำแพงห้องด้านหนึ่ง  เก้าอี้โลหะทรงกระบอกที่ยืดหดจากพื้นห้องและโต๊ะที่เป็นแท่นโลหะสีเงินด้านแบบเดียวกันบริเวณใกล้หัวเตียงเท่านั้น
“ท่านรอง  ฟื้นแล้วหรือคะ ? “  หญิงสาวผมดำประบ่าก้าวเข้ามาในห้องโดยมีเจ้าหน้าที่ศูนย์พยาบาลสาวอีกคนเดินตามเข้ามา  และก้าวปราดเข้าหาชายหนุ่มบนเตียงที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเหตุการณ์นักรวดเร็ว 
“จำได้หรือเปล่าคะว่าเกิดอะไรขึ้น ?  ท่านอาร์ค\" 
ชายหนุ่มกลอกตาไปมาทบทวนความทรงจำ  ขณะแขนซ้ายถูกจับยกขึ้นให้เจ้าหน้าที่พยาบาลสวมเครื่องตรวจที่มีลักษณะเป็นเหมือนปลอกโลหะที่มีปุ่มกดมากมายลงบนท่อนแขน  ทันทีที่กดล๊อกเรียบร้อยหน้าจอมอนิเตอร์ลอยก็ปรากฏขึ้น  แสดงกราฟและค่าตัวเลขต่าง ๆ ตามสภาพร่างกายให้เจ้าหน้าที่ทำการวิเคราะห์ง่ายดาย
“ฉันจำได้ว่าพวก Body Creature หลุดเข้ามาในสนามแข่งขัน  มีการตะลุมบอนจนวุ่นวายและบาดเจ็บไปหลายคน  ฉันไปช่วยไลอาที่ถูกล้อมแล้วโนอาห์ก็ . . . เกิดคุมพลังไม่อยู่แล้วหลังจากนั้น . . . จำไม่ได้แล้วสิ”  ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกแรงขณะมือยังคงกุมอยู่บนขมับ
“ใช่ค่ะ  ท่านกระโดดลงไปช่วย  ต้องให้ดิฉันย้ำหรือเปล่าคะว่าท่านทำลายกระจกห้อง VIP และกระโดดลงไปจากอัฒจันทน์ชั้นสอง  ถึงท่านจะสามารถบังคับการลอยขึ้นลงในอากาศได้อย่างสบายแต่จากระดับความสูงขนาดนี้และความตั้งใจอย่างขาดการยั้งคิดของท่านจะเป็นอันตรายขนาดไหน”  เลขาฯสาวหันไปหาเจ้าหน้าที่ศูนย์พยาบาลซึ่งถอดเครื่องตรวจออกและก้าวมารายงานผล
“ไม่มีอะไรผิดปกติค่ะ  ท่านอาร์คสามารถกลับห้องได้แล้ว”
หญิงสาวพยักหน้ารับ  “ขอบใจที่สละเวลา  ทีน่า”
“ไม่มีปัญหาค่ะ”  เจ้าหน้าที่สาวตอบรับขณะโคลงศีรษะเล็กน้อยและคลี่ยิ้มกว้าง  ดวงตาที่เขียนขอบตาบาง ๆ เน้นให้สวยคมเหล่มองชายหนุ่มคนเดียวในห้องเล็กน้อย  “เพื่อท่านอาร์คแล้ว . . จะตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น”  ร่างเพรียวหลิ่วตาให้เล็กน้อยแล้วจึงก้าวผละออกไป
“ขนาดท่านไม่ได้ทำอะไรนอกจากนอนหลับแท้ ๆ เจ้าหน้าที่ของเรายังเป็นไปได้ขนาดนี้”  กระแสเสียงเอ่ยกลั้วหัวเราะเล็กน้อยแล้วจึงเงียบลง  “จำได้เท่าที่พูดจริงหรือคะ ?  ท่านรอง”
ดวงตาสีเขียวเข้มจ้องมองหญิงสาวนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง  “มีอะไรมากกว่านั้นงั้นสิ . . . เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นรึ ?  ทริเซีย”
“ดิฉันอธิบายไม่ถูกค่ะ  แต่นี่คงช่วยท่านได้”  ว่าพร้อมกับยื่นแผ่นบันทึกข้อมูลซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นพลาสติกสีเขียวใสสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างยาวประมาณฝ่ามือส่งให้ 
“ภาพการแข่งขันตั้งแต่ต้นจนจบของวันนี้รวมถึงเหตุการณ์วุ่นวายต่าง ๆ ของพวก Body Creature ถูกบันทึกอยู่ในนี้ค่ะ  ถ้าดูแล้วเกิดนึกอะไรขึ้นมาได้ก็กรุณาอธิบายให้ดิฉันทราบด้วย  เพราะดิฉันเองก็ข้องใจเช่นเดียวกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ชายหนุ่มกระเดาะน้ำหนักของแผ่นบันทึกในมือเล่นก่อนยันกายลุกขึ้นยืน  “ขอบใจ  ถ้านึกอะไรได้แล้วจะบอกแต่ตอนนี้ขอกลับก่อนแล้วกัน  เดี๋ยวทางศูนย์จะมาโวยวายเอาว่าฉันทำให้พวกจ้าหน้าที่เสียเวลาทำงานทำการ”  ริมฝีปากเรียวยิ้มกว้างก่อนร่างสูงจะก้าวเท้าออกไปจากห้องโดยมีเลขาฯสาวผมดำก้าวตามไม่ทิ้งระยะ
---------------------------------------------------------------
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้อาร์คละสายตาจากมอนิเตอร์ตรงหน้าพร้อมกับหยุดภาพที่กำลังฉายอยู่ไว้  “ใครน่ะ ? “
“ฉันเอง  ไลอา  เข้าไปได้รึเปล่า ? “
ชายหนุ่มโคลงศีรษะก่อนกดปุ่มหนึ่งบนแผงควบคุมที่เลื่อนออกมาจากที่ท้าวแขนของเก้าอี้นวมหนานุ่ม  จากนั้นจึงได้ยินเสียงบานประตูห้องพักเลื่อนเปิดออกและชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามา
“กำลังอยากพบพวกนายอยู่พอดี  ใครก็ได้ช่วยอธิบายเรื่องนี้ทีเถอะ  ฉันจำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่ตรงนี้”  ฝ่ามือใหญ่ผายออกให้คนทั้งคู่มองเห็นภาพในมอนิเตอร์ติดผนังด้านตรงข้าม  ซึ่งเป็นภาพตัวเขาเองกำลังวางมือลงบนร่างกึ่งมนุษย์ที่ดูเหมือนร่างกายบางส่วนกำลังสลายเป็นฝุ่น
หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแดงสดหรี่ดวงตาลงจ้องมองอีกฝ่าย  “จำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้รึ ? อาร์ค”  ร่างเพรียวหันกลับไปสบสายตาชายผมสีน้ำเงินเข้มข้างตัว
โนอาห์เดินผละมายังบริเวณชุดโซฟารับแขกอีกด้านหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ประตูห้องพักกว่า  “นั่งสิ  เรามีเรื่องต้องคุยกัน”  เขารอจนคนทั้งสองมานั่งลงเรียบร้อยตามคำอนุญาตของเจ้าของห้องแล้วจึงนั่งลงบ้างเป็นคนสุดท้ายข้างตัวหญิงสาวก่อนพยักหน้าให้
“พวกเราพี่น้องเดิมมีกันอยู่ 3 คน  ฉันพี่สาวคนโต  โนอาห์น้องชายคนเล็กและลีอาน้องสาวคนรอง”  หญิงสาวผมแดงเริ่มต้นบอกเล่าเรื่องราวด้วยเสียงที่สงบราบเรียบผิดปกติ  “พวกเราทั้ง 3 คนเกิดในปี คศ. 2608  ก่อนกลุ่มอุกกาบาตอาเรสจะพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก 13 ปี”  ริมฝีปากเรียวแย้มรอยยิ้มนิด ๆ ด้วยความขบขันดวงตาที่เบิกกว้างของเจ้าของห้องซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาด้านตรงข้าม
“ก่อน Grand Impact 13 ปี ?  เป็นไปไม่ได้ . . . นั่นมันผ่านมาร่วมกว่า 70 ปีเข้าไปแล้ว !  แต่พวกนายยังดู . . ยังไงก็แค่ 18 19 ปี  พวกนายเป็นใคร ?! “
ดวงตาสีเทาเรียบเย็นหรี่ลงเล็กน้อย  “เรา 3 คนถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยพลังงานทางธรรมชาติ  เกิดจากการค้นคว้าพลังงานรูปแบบใหม่ซึ่งค้นพบภายหลัง First Impact ผสมเข้ากับเซลล์ของมนุษย์  เรา 3 คนเป็นผลงานสำเร็จรุ่นแรกและรุ่นเดียวก่อนสถาบันวิจัยจะถูกอาเรสทำงาย  พวกนักวิทยาศาสตร์ให้ชื่อพวกเราว่าโนร์น  คือชื่อของเทพธิดาผู้กุมชะตากรรมในตำนานยุโรปเหนือโบราณ”
คิ้วเรียวสีเดียวกันกับเรือนผมขมวดเข้าหากันขณะท้าวศอกวางบนเข่าและผสานมือยกค้างไว้ระดับริมฝีปาก  “โนร์น . . . สถาบันวิจัยพลังงานทางธรรมชาติ  สถาบันวิจัย . . . “  ถ้อยคำบอกเล่าซึมซับเข้ามาในการรับรู้ช้า ๆ หากชัดเจนทุกถ้อยคำและทำให้เขานึกไปถึงความฝันครั้งหนึ่งในหลาย ๆ ครั้งที่เขาพบเจอมา 
ภาพฝันของระเบียงทางเดินสีขาว  ผู้คนในชุดนักวิจัยวิ่งพลุกพล่าน  ลูกไฟจากท้องฟ้าและการระเบิดรุนแรง  กับภาพของเด็ก 3 คนที่ตนมองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจนนัก
“เราเป็นผลจากการทดลองของโครงการอาวุธชีวภาพในสมัยนั้น  แต่ก่อนจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการก็เกิดเรื่องของการค้นพบอาเรสเสียก่อน”  ชายร่างสูงโปร่งยังคงบอกเล่าเรื่องราวต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบสงบนิ่งเหมือนเคยไม่เปลี่นแปลง
“พวกเราถูกใช้เพื่อปกป้องศูนย์วิจัยจากกลุ่มอุกกาบาตนั่น  แต่พวกเรายังเด็กเกินกว่าจะสามารถควบคุมพลังได้เต็มที่”  หญิงสาวเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะเย้ยหยันที่ฟังดูขมขื่น  “สุดท้ายศูนย์วิจัยก็ถูกทำลาย  แต่เพราะพวกเรามันถึงได้ยังคงมีซากเหลือเป็นเมืองร้างที่เห็นอยู่ทางตะวันตกของที่นี่อยู่แบบนี้” 
ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มบางขณะประกายกล้าในดวงตาอ่อนลงเล็กน้อย  “การใช้พลังมากเกินไปทำให้ร่างกายพวกเราที่ยังเด็กรับไม่ไหว  โชคดีที่พวกเรามีนักวิจัยพี่เลี้ยงคนหนึ่งซึ่งเอ็นดูเราเหมือนลูก  เธอช่วยพากพวกเราที่แทบขยับไม่ได้หลบหนีออกจากสถาบันวิจัยด้วยแคปซูลนิรภัยก่อนจะเกิดการระเบิด  และนั่นทำให้ระบบสำรวจเส้นทางผิดพลาด  เรา 3 คนผลัดกันไปคนละทาง”
“แคปซูลนิรภัยมีระบบโคลด์สลีปแบบพิเศษ  ทำให้พวกเราหลับอยู่ในนั่นมาตลอดโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย  ฉันตื่นเพราะระบบมีการตั้งเวลาให้ระบบหยุดการทำงานและปลุกฉันนั่นก็ผ่านมากว่า 60 ปีแล้ว  หลังจากนั้นฉันจึงตามหาไลอาโดยใช้เครื่องมือรับสัญญาณจากแคปซูลนิรภัยและปลุกเธอด้วยตัวเอง”
“แต่เราตามหาลีอาไม่พบ”  หญิงสาวเอ่ยแทรกขึ้นรวดเร็ว  “เราพบแค่ . . . แคปซูลที่ถูกแยกชิ้นส่วนขายในร้านเศษเหล็ก  พอลองใช้สมดุลที่เรา 3 คนเชื่อมโยงพลังถึงกันกลับไม่พบอะไรเลย  ทั้ง ๆ ที่เราจะรู้สึกถึงกันและกันอยู่เสมอแต่ลีอากลับหายไปเฉย ๆ จับความรู้สึกไม่ได้เลยสักนิดเดียว”
“ . . เป็นไปไม่ได้ . . . ฝันนั่น”  ชายหนุ่มรำพึงเสียงแผ่วก่อนตวัดดวงตาที่ได้แต่มองโต๊ะกระจกตรงหน้าขึ้นสบสายตาอีกฝ่าย  “ลีอาที่ว่า . . เป็นเด็กผู้หญิงผมสีทองยาวใช่รึเปล่า ? “
คำถามทำให้คนทั้งสองชะงักในทันที  “นายรู้จักเธองั้นรึ ?!  นายได้เจอเธอที่ไหนเมื่อไหร่ ?! “  สาวผมแดงถามกลับรวดเร็วเสียงดังขึ้นกะทันหันด้วยความลืมตัว
“ไม่รู้ . . ฉันแค่ฝันถึงเรื่องราวหลาย ๆ อย่างอยู่บ่อย ๆ  คิดว่าแค่ฝันไร้สาระแต่ตั้งแต่ได้พบพวกนายมันก็ดูจะถี่ขึ้นทุกที  หลายครั้งที่มันเห็นภาพตรงกับที่พวกนายเล่ามาจนฉันพูดไม่ออก  ฉันฝันเห็นเด็ก 3 คน . . เพิ่งสังเกตนี่ล่ะว่าเป็นผมสีเดียวกันกับพวกนาย  เห็นศูนย์วิจัยอะไรสักอย่างถูกลูกไฟที่พุ่งลงมาจากฟ้าระเบิด  ฉัน . . ฝันถึงเด็กสาวอายุราวสิบกว่าปีผมทองยาวนั่งร้องไห้ข้าง ๆ แคปซูลหนีภัยและถูกกลุ่มนักสำรวจพาตัวไป  มันตรงกับที่พวกนายเล่ามาทุกอย่าง  ทำไม . . ?  เกิดอะไรขึ้นกับสมองฉัน ? “
คิ้วเรียวสีเดียวกันกับเรือนผมแดงสดขมวดชิด  “ฉันต่างหากที่อยากถาม  ตอนที่นายบอกว่าจำไม่ได้นั่นรู้มั้ยว่านายทำอะไร  นายร้องเพลงที่ลีอาแต่ง . . เพลงที่มีแต่พวกเราเท่านั้นที่รู้จักดี  นาย ! หยุดโนอาห์ที่กำลังโอเว่อร์ฮีทให้กลับสงบลง  คนที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้มีแต่ลีอาซึ่งเป็นแกนกลางของสมดุลพลังในพวกเรา 3 คนเท่านั้นที่จะทำได้  นายเป็นใครกันแน่ ?! “
“ฉัน . . ไม่รู้ . . . ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ?!  ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่ ! “
“นายว่าสูญเสียความทรงจำก่อนหน้า 2 ปีที่แล้วไปหมด”  โนอาห์เอ่ยแทรกขึ้นเรียบ ๆ และเริ่มตั้งข้อสังเกต  “บางทีก่อนหน้านั้นนายอาจรู้อะไรบางอย่างก็ได้  นายว่าลีอาถูกจับ  พวกเราคิดกันว่าเธออยู่ที่นี่บางทีคงเป็นตอนนั้นล่ะที่พวก NEL ที่ว่าพาตัวเธอไป  เพราะมีแต่พวกนี้เท่านั้นที่รู้เรื่องการวิจัยโครงการอาวุธชีวภาพของสถาบันวิจัยนั่น  แคปซูลของลีอาขัดข้อง  พวกนั้นอาจตามเจอขณะที่พวกเรายังคงหลับกันอยู่และพาตัวมาที่นี่ . . . การเสียความทรงจำของนายอาจไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ”
หญิงสาวจ้องมองปฏิกิริยาตื่นตะลึงของอีกฝ่ายเงียบ ๆ  “ตัวนายทำให้พวกเราข้องใจ . . อาร์ค  แต่ยังไงเสียพวกเราก็จะยังเดินหน้าต่อไป”  ริมฝีปากเรียวกรีดรอยยิ้มกว้างก่อนยันกายลุกขึ้นยืน  “พวกเราจะใช้รางวัลชนะเลิศเพื่อเข้าไปใน NEL  พวกเราจะต้องหาลีอาให้พบและพาเธอกลับมา ! “
เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มระบายลมหายใจออกแผ่วก่อนยันกายลุกขึ้นตาม  “วันนี้ขอตัวก่อน  ถ้านายฝันอะไรแบบนี้อีกนายต้องเล่าให้เราฟัง  บางทีนายอาจช่วยเราไขเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลีอาในระหว่างที่พวกเรายังหลับอยู่ได้  เอาล่ะ . . พักผ่อนให้สบาย  นายเพิ่งออกจากศูนย์พยาบาลมาอาจยังไม่ปกตินัก”
ชายหนุ่มเจ้าของห้องเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย  “แปลกนะที่วันนี้นายพูดเก่งกว่าปกติ  ยังไงก็ . . . ขอบคุณที่เป็นห่วง”  ร่างสูงเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะแผ่วก่อนลุกขึ้นก้าวเท้าตามคนทั้งสองไปจนถึงประตู  ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มบาง  “ถ้าฝันอะไรอีกแล้วจะบอก  ฉันยังเห็นหน้าพวกนายในฝันไม่ชัดนักเลยยังไม่มั่นใจอะไร  อย่างไรก็ตามขอให้พวกนายโชคดีในการค้นหาและการแข่งขัน”  ฝ่ามือใหญ่โบกลาคนทั้งคู่ก่อนบานประตูจะเลื่อนปิดลง
---------------------------------------------------------------
When the light has come.
I close my eyes and dream for freedom one more time.
---------------------------------------------------------------
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนระบายลมหายใจออกแรงหลังจากลืมตาขึ้นมาพบกับความมืดรอบตัวที่คุ้นเคยอีกครั้ง 
“อืม . . ฝันอีกแล้วสิ  ลีอา . . . เธออยากบอกอะไรฉันคราวนี้ล่ะ ?  โอเค  เริ่มได้เลยฉันพร้อมแล้ว” 
ทันทีที่เอ่ยจบเสียงเด็กหัวเราะสดใสก็ดังขึ้นจากมุมมืดด้านหลังทำให้ร่างสูงหันหลังกลับ  พบเด็ก 3 คนนั่งอยู่กับโต๊ะตัวเล็ก ๆ โดยมีของเล่นพัฒนาไหวพริบและความสามารถหลากชนิดหลากสีสันวางเกลื่อน  เห็นเด็กหญิงผมทองที่ดูเหมือนเด็กหญิงที่ตนฝันเห็นก่อนหน้านี้  แต่ครั้งนี้อีกสองคนที่เหลือกลับเป็นเด็กชายทั้งคู่  คนหนึ่งผมสีดำขลับสั้นขณะอีกคนมีสีเทาอ่อน ๆ ทรงเดียวกัน
เด็กหญิงผมทองหันกลับมาพร้อมกับรูบิกที่หมุนเรียงสีเรียบร้อยครบทุกด้านในมือ  ชั่วขณะหนึ่งที่เห็นดวงตาสีฟ้าจางนั่นมีสีเขียวอ่อนเรืองแสงขึ้นจากดวงตากลมโตด้านซ้ายของร่างเล็ก
ริมฝีปากเรียวบางยิ้มกว้าง  ‘อาร์ค !  ดูนี่สิคะ  ฉันทำได้แล้ว’  เด็กหญิงคาดวัยไม่ถึง 10 ปีวิ่งผละตรงเข้ามาหาหากทะลุร่างเขาผ่านไปดื้อ ๆ โดยไม่รับรู้ตัวตนเช่นเดียวกับความฝันเกือบทุกครั้งที่เคยเป็นมา 
ชายหนุ่มหันมองตามเด็กหญิงที่ปราดเข้าหาเด็กหนุ่มคาดวัยประมาณ 13 14 ปีแล้วต้องเบิกดวงตากว้าง  เมื่อเด็กหนุ่มตรงนั้นดูเหมือนกับเขาทุกอย่างยกเว้นเพียงแต่วัยที่น้อยกว่ามาก
‘อาร์ค !  ฉันเก่งมั้ย ?  ชมฉันหน่อย !  นะคะ  อาร์ค  นะ’
เด็กหนุ่มเปล่งเสียงหัวเราะขณะก้มตัวลงเล็กน้อย  ทาบริมฝีปากบนผิวหน้าผากเด็กหญิงที่ตัวสูงแค่ระดับเกือบถึงอกตนเท่านั้น  ‘เก่งมากจ๊ะ  เอเธน่า  คราวหลังลองทำให้ได้เร็ว ๆ นะ’
‘อาร์ค !  ชมพวกผมด้วยสิฮะ’  เด็กชายผมสีดำขลับปราดเข้ามาหารวดเร็วโดยในมือถือของเล่นฝึกไหวพริบอีกอย่างหนึ่งติดมาด้วย  ขณะด้านหลังมีเด็กชายคนสุดท้ายเดินตามมาโดยมีหนังสือเล่มหนาอยู่ในมือ
‘สวัสดีฮะ  อาร์ค  วันนี้พวกผมต้องฝึกอะไรบ้างเหรอฮะ ? ‘
เด็กหนุ่มก้มตัวลงคุกเข่ากับพื้น  จังหวะเดียวกับที่ความมืดโดยรอบคลายออกให้เห็นสภาพแวดล้อมที่ดูเหมือนกับอยู่ในห้องกว้าง ๆ ห้องหนึ่ง  ประตูโลหะมีไฟสีแดงด้านบนอยู่ด้านหลังเด็กหนุ่มขณะด้านอื่นเป็นกำแพงเรียบสีขาวสะอาดไม่มีกระจกหรือรอยต่อใด ๆ ทั้งสิ้น
‘ทุกคนเก่งมาก  ทั้งเอเธน่า  ทั้งฮีท  อ้อแล้วก็คลาวด์ด้วยนะ  เป็นยังไงเช้านี้อ่านจบไปกี่เล่มแล้วล่ะ ? ‘  เด็กหนุ่มเอ่ยถามกลั้วเสียงหัวเราะขณะลูบศีรษะเด็กชายผมสีเทาอ่อนเบา ๆ
มือเล็ก ๆ ของเด็กชายผมดำแตะลงข้างแก้มเด็กหนุ่มใกล้กับที่มีรอยแผลกรีดบาง ๆ ซึ่งเลือดหยุดแล้วและมีรอยช้ำสีม่วงคล้ำเป็นจ้ำอยู่ใกล้ ๆ กัน  ‘บาดเจ็บอีกแล้วเหรอฮะ ?  ทำไมพวกตาแก่นั่นถึงโหดกับอาร์คนักนะ  ผมเห็นมีแผลเพิ่มขึ้นทุกวันเลยเจ็บมากมั้ยฮะ ? ‘
เด็กหนุ่มยิ้มกว้างพร้อมกับเปล่งเสียงหัวเราะแผ่ว  ‘ไม่เป็นไรหรอก  แผลแค่นี้มันเล็กน้อยมาก  วันนี้กองกำลังเราค่อนข้างจะเสียเปรียบ  พวกคิเมร่ามันพัฒนาตัวเองไปอีกขั้นแล้วพวกเราก็ยิ่งรับมือมันลำบากยิ่งขึ้น  พวกพลเมืองเองก็หวังพึ่งพวกเราเต็มที่ทั้ง ๆ ที่เรามีกำลังคนจำกัด  ลำพังแค่ปกป้องศูนย์วิจัย NEL ได้นี่ก็เต็มกลืนแล้วแท้ ๆ ‘ 
ร่างเล็กระบายลมหายใจออกแรงก่อนยกแขนข้างที่มีปลอกโลหะยาวจากข้อมือจนเกือบถึงข้อศอกขึ้นเมื่อมีสัญญาณเรียกดังให้ได้ยิน
‘มาตรวจได้แล้วซีโร่ !  จะมัวโอ้เอ้อยู่กับพวกเฟิร์สไปถึงไหน  รีบมาที่ห้องตรวจเดี๋ยวนี้ ! ‘
เสียงผู้ชายคาดวัยกลางคนดังเป็นตะโกนผ่านเครื่องสื่อสารทำให้เด็กทั้งสามคนต้องนิ่วหน้าไปตาม ๆ กัน  ยกเว้นเพียงเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยังคงสีหน้าเดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง  ครู่ต่อมาจึงระบายลมหายใจออกผ่านริมฝีปากแรง 
‘ได้เวลาหลับแล้วสินะ  น่าเบื่อจริง ๆ แต่อาจจะดีก็ได้  ฉันจะได้พบเธอคนนั้นอีก’  เด็กหนุ่มขยับลุกขึ้นยืนขณะแขนเสื้อยาวที่ขาดรุ่ยมอมแมมถูกเด็กหญิงผมทองดึงรั้งเอาไว้แรง  จึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม
‘ทำไมคนพวกนั้นถึงไม่เรียกชื่ออาร์คเหมือนพวกเราล่ะคะ ?  แล้วทำไมพวกตาแก่นั่นไม่เรียกชื่อพวกเราอย่างที่อาร์คเรียกคะ ?  แล้วเธอคนนั้นของอาร์คเป็นใครคะ ? ‘  ดวงตากลมโตสีฟ้าจางตวัดมองขึ้นมาใสซื่อเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเด็กไร้เดียงสา  แฝงแววไหวพริบความฉลาดของผู้ใหญ่ให้เห็นเพียงบางเบา
ดวงตาสีเขียวเข้มหรี่ลงเล็กน้อย  ‘เพราะชื่ออาร์คไม่ใช่ชื่อที่พวกเขาตั้งให้  ส่วนชื่อของพวกเธอคนที่ตั้งให้คือฉัน  สำหรับคนพวกนั้นแล้วพวกเราคือซีโร่ เฟิร์ส เซคันด์และเธิร์ด  ที่เป็นแบบนี้พวกเธอย่อมรู้เหตุผล็อยู่แล้วว่าทำไมนะ  เอเธน่า’  เด็กหนุ่มกระชับร่างเล็กกว่าขึ้นอุ้มลอยจากพื้นขณะจ้องมองใบหน้าน่ารักที่หันสบสายตาด้วยซึ่งดูสงบนิ่งผิดวัย 
‘ส่วนเธอคนนั้นน่ะ . . จะเรียกยังไงดีนะ . . หล่อนคือพวกเธออีกคน  จริงสิ . . หน้าตาหล่อนเหมือนเธอมากล่ะ เอเธน่า  เหมือนเธอตอนอายุมากกว่านี้อีกสัก4 5 ปี  โตเป็นผู้ใหญ่แล้วรับรองว่าเธอต้องสวยแน่’  ระบายยิ้มบางเมื่อเด็กหญิงยิ้มร่าสดใสให้ก่อนหอมแก้มนุ่ม ๆ เสียทีหนึ่ง
‘อาร์คชมแต่เอเธน่าแล้วพวกผมล่ะฮะ ?! ‘  เด็กชายผมดำเกาะเอวอีกฝ่ายเอาไว้แน่นขณะเปล่งเสียงโวยวายดังอย่างนึกน้อยใจ  ขณะเด็กหนุ่มอีกคนก้าวเท้าเข้าขนาบอีกด้านใกล้ขึ้น  ทั้งที่ยังไม่ยอมปล่อยหนังสือเล่มใหญ่หนาในมือลง
เด็กหนุ่มเปล่งเสียงหัวเราะระรื่น  ‘โอเค ๆ  ฮีท  เธอโตขึ้นคงเท่ห์มาก  ส่วนคลาวด์ก็คงทำให้สาว ๆ ชะเง้อคอตามตลอดเวลาที่เดินผ่านได้  ทีนี้พอใจกันหรือยัง ? ‘  ถามกลับพร้อมกับปล่อยร่างเล็กที่อุ้มอยู่ลงยืนกับพื้นและหอมแก้มเด็กอีกสองคนไปคนละที  เรียกรอยยิ้มใสให้ปรากฏขึ้นง่ายดาย
แต่สัญญาณเสียงที่แผดลั่นยาวเหยียดจากปลอกโลหะบนท่อนแขนทำให้เด็กหนุ่มต้องส่ายศีรษะ  พร้อมด้วยรอยยิ้มอ่อนอกอ่อนใจอย่างบอกไม่ถูก  ‘วันนี้เป็นเด็กดีนะ  ไว้พอตกเย็นฉันตื่นแล้วจะมาหาอีก’  เด็กหนุ่มหมุนกายพอดีกับที่ประตูโลหะด้านหลังเลื่อนเปิดออกและกลุ่มคนในชุดวิจัยสีขาวเดินเข้ามา
‘เฟิร์ส  เซคันด์  เธิร์ด  ได้เวลาทดสอบพวกเธอแล้ว’
ใบหน้าสดใสรื่นเริงของเด็กหญิงผมทองกลับเรียบเฉยนิ่งสนิทลงทันทีเช่นเดียวกับเด็กชายผมสีเทาอ่อน  ในขณะที่เด็กชายผมดำขลับอีกคนกลับทำแก้มป่องด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดจนเด็กหนุ่มสังเกตได้และเปล่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขบขำ
‘มา . . ฉันจะไปส่งที่ห้องทดสอบ  ยังไงก็เป็นทางผ่านอยู่แล้วนี่’  ฝ่ามือเรียวฉวยมือเล็ก ๆ ของเด็กชายผมดำขึ้นจูงและเดินนำเด็กทั้งสามออกจากห้อง 
เมื่อบานประตูเลื่อนปิดลงทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง  และได้ยินเสียงลำนำบทเพลงที่บัดนี้เริ่มคุ้นเคยและจดจำได้ดังก้องกังวานลอยมารอบทิศทาง  ทำให้ชายหนุ่มตวัดดวงตามองหาที่มาหากยังคงไม่พบสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่ามืดดำรอบตัว
“ลีอา !  เมื่อกี้มันอะไร ?!  เธอให้ฉันเห็นอะไรกันแน่ ?!  เด็กหนุ่มคนนั้น . . ไม่มีทางเป็นไปได้  เด็กหนุ่มนั่นไม่ใช่ฉัน !  ฉันอายุน้อยกว่าท่านเฟิร์ส  ถ้าเด็ก 3 คนนั้นคือท่านผู้นำกองพลทั้ง 3 และเด็กหนุ่มนั่นคือฉันเท่ากับว่าฉันต้องอายุมากกว่าที่เห็นตอนนี้เกือบ 6 7 ปี !  มันเป็นไปไม่ได้ !!  ออกมาพบฉันสิ !  ลีอา  ออกมาพบฉัน ! “ 
ชายหนุ่มเปล่งเสียงเรียกดังลั่นขณะความกังวลและความสับสนเริ่มก่อตัวมากขึ้นทุกทีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ลำนำบทเพลงก้องกังวานเงียบหายไป  แล้วจู่ ๆ ความมืดว่างเปล่าก็ถูกแทนที่ด้วยน้ำสีฟ้าอมเขียวใสรวดเร็วจนเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนตั้งตัวไม่ทัน  ทั้งร่างถูกฝังอยู่ใต้น้ำที่เต็มไปด้วยฟองอากาศผุดขึ้นจากด้านล่างสู่ด้านบนจนอึดอัดหายใจไม่ออก
ขณะที่ดวงตาเริ่มพร่าเลือน  สิ่งสุดท้ายที่ได้เห็นได้รับรู้คือเส้นผมยาวพลิ้วไหวสีทองที่ซีดลงเนื่องจากแสงในน้ำสีเขียวอมฟ้า  และเสียงกรีดร้องที่ดังเสียดเข้ามาในประสาทรับฟัง
‘ช่วยด้วย !! ‘
---------------------------------------------------------------
“ลีอา ?! “
ชายหนุ่มเปล่งเสียงเรียกดังลั่นพร้อมกับดวงตาสีเขียวเข้มที่เบิกโพลงขึ้น  มองสบเพดานห้องที่คุ้นตาขณะลมหายใจยังคงหอบแรงและหัวใจเต้นระรัวหนักหน่วงจนรับรู้ได้ในอก  ฝ่ามือใหญ่เลื่อนยกขึ้นปิดหน้าแล้วคางไว้อย่างนั้นจนแม้กระทั่งขยับลุกขึ้นนั่งแล้วก็ยังไม่ปล่อยมือออก
“ . . . เธอต้องการบอกอะไรกับฉัน ?  อดีต . . ปัจจุบัน . . หรืออนาคต  เธอต้องการอะไร ? “  เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเริ่มต้นรำพึงกับตนเองเสียงแผ่ว  “ต้องการให้ฉันช่วยหรือ ?  . . แล้วที่ไหนล่ะ . . เธออยู่ที่ไหน ?  ฉันอยากพบเธอสักครั้ง . . ลีอา . . ฉันอยากพบเธอ”
---------------------------------------------------------------
มือเรียวของหญิงสาวผมทองวางทาบลงบนแผ่นกระจกข้างประตูโลหะบานหนึ่ง  “มารายงานแล้วค่ะ  ท่านศาสตราจารย์”  กระแสเสียงที่เปล่งออกจากริมฝีปากเคลือบสีแดงสดนั่นสงบราบเรียบพอกันกับใบหน้างามที่เรียบเย็นเฉยชาราวสวมหน้ากากและดวงตาสีฟ้าจางที่เย็นเยียบยิ่งกว่าน้ำแข็ง
‘เข้ามาได้  ฉันรออยู่แล้ว . . . เฟิร์ส’
เสียงชายหนุ่มดังผ่านแผงกระจกข้างประตูออกมา  เพียงครู่เดียวบานประตูก็เลื่อนเปิดออกสู่ห้องขนาดเล็กที่มีประตูกระจกกั้นขวางอีกชั้น  เมื่อประตูโลหะชั้นนอกปิดลงตามหลังประตูกระจกสีน้ำเงินเข้มใสจึงเลื่อนออกให้ร่างเพรียวในเครื่องแบบสีขาวก้าวเข้าไปในห้องสีเดียวกันและเลื่อนปิดไล่หลังในทันที
---------------------------------------------------------------
ดวงจันทร์กำลังขึ้น . . . ณ อีกฟากฝั่งทะเลคราม
ความมืดโรยตัวลงมา . . . และฉันทำได้เพียงเฝ้ามอง
ดวงดาวทอแสง  สะท้อนผิวน้ำพร่างพรายดังกระจกเงิน
ฉันรู้สึก . . ถึงกลิ่นอายแห่งอิสรภาพ
ชักชวนให้ลุกขึ้น . . และก้าวเดินไป
กาลเวลากำลังพัดผ่าน  สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังมา
ดวงอาทิตย์กำลังทอแสง  ณ เส้นขอบฟ้าอันห่างไกล
เมื่อแสงสว่างคืนกลับมา
ฉันหลับตา . . และฝันถึงอิสรภาพชั่วข้ามคืน
---------------------------------------------------------------
“ลีอา ?! “
ชายหนุ่มเบือนหน้ากลับมาหาเจ้าของเสียงเพียงเล็กน้อย  ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มก่อนหันกลับไปให้ความสนใจกับร่างในปริมาตรเรืองแสงซึ่งเริ่มสงบลง  ฝ่ามือใหญ่สะบัดคลายออกปล่อยให้ปริมาตรทรงลูกบาศก์ค่อย ๆ เลือนหายและร่างสูงเพรียวค่อยลอยลงมายืนนิ่งอยู่ต่อหน้า
ดวงตาสีเทาเย็นลืมขึ้นมองอีกฝ่าย  ครู่หนึ่งเห็นเป็นร่างของเด็กสาวผมทองคุ้นตาก่อนจะมองเห็นเป็นชายร่างสูงผมสีน้ำตาลอ่อนคนเดิมหลังกระพริบตาไปครั้งหนึ่ง  โนอาห์ก้มมองมือตนเองที่สั่นเล็กน้อยดูอ่อนล้าก่อนเงยหน้ามองร่างตรงหน้าอีกครั้งพร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ  “นาย . . เป็นใครกันแน่ ? “
ริมฝีปากเรียวยิ้มกว้างขึ้นก่อนดวงตาจะหรี่ปรือลง  “เธอรู้ . . ไลอารู้  รีบมาเร็ว . . ฉันเหนื่อย  มากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว . . . “  กระแสเสียงแผ่วลอยค่อย ๆ เงียบลงและร่างสูงล้มทรุดลงโดยเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มคว้าเอาไว้ได้ทันก่อนจะล้มลงกับพื้น
---------------------------------------------------------------
โนอาห์เลื่อนมือเสยเส้นผมสีน้ำเงินเข้มขึ้นแล้ววางค้างไว้บนศีรษะอย่างนั้น  “ไลอา  ฉันขอโทษ  โมโหพวกมันมากไปจนโอเวอร์ฮีทจนได้”  ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกแรงขณะเหลือบสายตามองหญิงสาวผมแดงข้างกาย
“ไม่เป็นไร  เพราะฉันเองก็เกือบเป็นเหมือนนายเพียงแต่บาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วเลยรู้สึกตัวได้ดีกว่า”  ไลอาคลี่ยิ้มบางก่อนยืดตัวขึ้นพิงหลังกับพนักเก้าอี้เต็มแผ่นหลัง  “นายคิดว่าไง ?  เรื่องของอาร์คตอนนั้น . . หลังจากหยุดนายกับพวกอะไรนะ . . Body Creature  นั่น . . ไม่ใช่อาร์ค”  กระแสเสียงในช่วงประโยคหลังเอ่ยเบาเป็นกระซิบ
เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่  คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน  “ถ้านั่นไม่ใช่เพราะตาฝาด  ไลอา . . . บางทีหมอนั่นอาจจะเป็น . . ไม่สิ  น่าจะเรียกว่าอยู่ในตัวหมอนั่นมากกว่า  ลีอาน่ะ . . ฉันเห็นลีอาซ้อนอยู่กับหมอนั่นพริบตาหนึ่ง”  นั่นทำให้หญิงสาวหันกลับมาสบสายตาด้วยทันที
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันชั่วครู่ก่อนคลายลง  “ฉันก็คิดอย่างนั้น  คนที่สามารถควบคุมเราสองคนทุกครั้งที่ใช้พลังมากจนเกินขอบเขตได้มีแต่ลีอาคนเดียว  เรา 3 คนขาดคนใดคนหนึ่งไปสมดุลระหว่างกันก็จะหายไปด้วย  ตอนนี้เราขาดลีอา  การใช้พลังมากเกินไปจะเป็นอันตรายกับทั้งตัวเองและทุกสิ่งรอบตัว  พวกเราเคยเกือบตายเพราะอย่างนี้มาแล้วครั้งหนึ่งนี่นะ”  ริมฝีปากเรียวแค่นหัวเราะแผ่วเบา 
“ที่สำคัญคืออาร์คร้องเพลงนั้น . . เพลงที่ลีอาเป็นคนแต่งขึ้นและเขาชอบร้องที่สุดในสมัยก่อน  เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครรู้จักเพลงนี้นอกจากพวกเรา”
ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกแรง  “หมอนั่น . . อาร์คล้ม  ฉันหวังว่าเขาจะไม่เป็นไร”
“เป็นห่วงงั้นรึ ?  แปลกนะที่นายเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน  ชอบเขามากรึไง ?  โนอาห์”  หญิงสาวผมแดงถามกลับกลั้วเสียงหัวเราะระรื่น
ดวงตาสีเทาเย็นหรี่ลง  “เขาช่วยหยุดฉันไว้ . . . แค่นั้น”  ร่างสูงผุดลุกขึ้นเดินผละไปรวดเร็ว  ทิ้งหญิงสาวให้นั่งหัวเราะอยู่ตามลำพัง
---------------------------------------------------------------
“รายงานจากศูนย์พยาบาลได้แล้วครับ”  ราซาร์ล  เจ้าของเรือนผมสีเทาอมน้ำเงินเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ หลังจากก้มดูข้อมูลบนบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์คู่ใจในมือ  “ผู้เข้ารอบในลานทั้ง 20 คนบาดเจ็บสาหัส 9 คนต้องใช้เวลารักษาตัวไม่ต่ำกว่า 3 วันและพักฟื้นอีกกว่า 4 วันคงไม่สามารถแข่งขันต่อได้  ที่เหลือบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยพักไม่นานก็กลับเป็นปกติ  ส่วนพิธีกรตกจากแท่นลอยอาการหนักแต่ไม่ถึงกับน่าเป็นห่วง  พักสัก 4 วันก็กลับมาทำงานไดตามปกติครับ”
“แล้วอาร์คล่ะ ? “  เธิร์ดในชุดเครื่องแบบดำสนิทเอ่ยถามขึ้นเรียบ ๆ
“แค่สลบไปน่ะครับ  ตรวจร่างกายแล้วไม่มีอะไรผิดปกติคาดว่าอีกสักครู่คงฟื้นและเดินกลับห้องพักเองได้ไม่มีอะไรต้องกังวลครับ  ท่านเธิร์ด”  ชายร่างสูงโปร่งกล่าวตอบเรียบ ๆ ด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกันไม่เปลี่ยน
เจ้าของคำถามระบายลมหายใจออกอย่างโล่งอก  ก่อนหันมองยังหญิงสาวผมทองซึ่งนั่งอยู่กับโต๊ะทำงานโดยหันด้านหลังของพนักเก้าอี้นวมมา  “ดีนะที่อาร์คไม่เป็นไร  แต่บาดเจ็บสาหัสกันมากขนาดนี้แล้วยังจะจำนวน Body Creture นั่น . . มากหลายตัวอย่างนั้นเธอปล่อยออกมาได้ยังไง ?  เฟิร์ส  เรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่มีทางที่พวก NEL จะไม่รู้  เธอไม่มีทางปิดเรื่องนี้เงียบได้นานนักหรอก  แล้วบางคนในนี้ยังรู้แล้วด้วยว่า Body Creture ไม่ได้สร้างจากคนตายอย่างที่อ้างไว้แต่เป็นคนจริง ๆ  พวกที่รู้ไม่อยู่เฉย ๆ แน่เธอคิดเรื่องนี้เผื่อเอาไว้ด้วยรึเปล่า ?! “  ดวงตาดำขลับจ้องเขม็งไปยังเบื้องหลังพนักเก้าอี้นวมของหญิงสาว  เช่นเดียวกับสายตาของชายผมดำซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาด้านตรงข้าม
หญิงสาวผมทองหันเก้าอี้กลับมาหาคนในห้อง  “แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าไลอากับโนอาห์ใช่ 2 ใน 3 ของโนร์นรุ่นแรกจริง ๆ  ปฏิกิริยาที่เกิดในตัวอาร์คเป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างดี”  ริมฝีปากเรียวเคลือบสีแดงสดกรีดรอยยิ้มกว้างขณะดวงตาเรียวสวยสีฟ้าจางหรี่ลง  “รู้มั้ยว่านั่นหมายความว่ายังไง ?  เซคันด์  เธิร์ด  เขา . . . อาจจะกลับมาได้อีกครั้ง”
ดวงตาสีแดงสดเบิกกว้างขึ้นทันที  “เฟิร์ส !  เธอคิดจะแก้ผนึกจริง ๆ รึ ?! “
“แต่ขืนยังใช้วิธีรุนแรงไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้ต่อไปทาง NEL คงรู้ว่าเกิดปัญหาในหมู่พวกเรา”  ชายหนุ่มในเครื่องแบบดำสนิทเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ เก็บอาการได้ดีกว่า  “ต่อให้สำเร็จแล้วจะเป็นยังไง ?  ฉันชอบอาร์คเหมือนกัน . . บางทีนึกแล้วก็น่าสงสารอยู่”
“อาร์คไม่เป็นไรหรอก  พวกเขาเหมือนกันไม่เปลี่ยนไปเลยไม่อย่างนั้นพวกเราจะชอบเขาขนาดนี้รึ ? “  หญิงสาวตอบกลับกลั้วเสียงหัวเราะกังวานก่อนยันกายผุดลุกขึ้นกะทันหัน 
มือเรียวยกขึ้นปิดดวงตาข้างซ้ายแล้วรีบหันหลังทำให้คนอื่นทันได้สังเกตเห็นดวงตาข้างนั้นกลายเป็นสีเขียวอ่อนเรืองแสงขึ้นมาวูบหนึ่ง  “ฉันต้องขอตัวล่ะ  น่าเสียดายจริง . . ตั้งใจจะไปเยี่ยมอาร์คเสียหน่อย  ถ้าพวกนายจะไปฉันก็ฝากเยี่ยมด้วยก็แล้วกัน”
เธิร์ดระบายลมหายใจออกแผ่วก่อนยันกายลุกขึ้น  “ฉันว่าปล่อยให้เขาพักสบาย ๆ ดีกว่า  ตอนนั้นเขาก็ใช้พลังไปน่าจะมากอยู่คงเพลีย  ฉันไม่อยากรบกวน”  ว่าแล้วจึงหมุนกายก้าวออกไปจากห้องโดยมีชายอีกสองคนก้าวตามออกไปภายหลัง
ริมฝีปากเรียวเคลือบสีแดงสดระบายลมหายใจออกขณะคลายมือออกจากใบหน้า  “ทราบแล้วค่ะ  ท่านศาสตราจารย์  ดิฉันจะไปรายงานเดี๋ยวนี้”  หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่วก่อนหยิบเสื้อนอกขึ้นคลุมบนบ่าแล้วจึงหมุนกายก้าวออกจากห้องไปเป็นคนสุดท้าย
---------------------------------------------------------------
ชายร่างเพรียวทอดสายตามองเจ้าของเรือนผมดำขลับซึ่งทิ้งตัวลงนอนแผ่เต็มโซฟาบุนวมตัวใหญ่ในห้อง  “ท่านฮีท  ผมขอถามได้มั้ยครับว่า ‘เขา’ ที่ท่านทั้ง 3 กล่าวถึงเป็นใคร ? “
“แล้ว . . นายคิดว่ายังไงล่ะ ? “  ชายหนุ่มถามกลับโดยไม่แม้แต่เหลือบสายตาขึ้นมองสบร่างโปร่งที่เดินเข้ามาหยุดลงข้างโซฟา
“ผม . . . คิดว่าคงเป็นคนสำคัญมากสำหรับพวกท่าน  แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือที่ท่านกล่าวถึง ‘ผนึก’  มีอะไรเกิดขึ้นกับ ‘เขา’ ที่ว่าหรือครับ ? “  ชายหนุ่มทรุดกายลงคุกเข่าตรงข้างโซฟาเพื่อให้ระดับสายตาตรงกับใบหน้าที่คว่ำซบเบาะนวมของอีกฝ่าย
เซคันด์เปล่งเสียงหัวเราะแผ่วก่อนท้าวศอกเงยหน้าขึ้นสบสายตากันตรง ๆ  “ฉันบอกให้นายรู้ทั้งหมดไม่ได้หรอก  ราซาร์ล  เพราะมันเป็นความลับสุดยอดในศูนย์วิจัย NEL  ถ้านายรู้นายจะเป็นอันตราย  ฉันไม่อยากเสียนายไปเพราะเรื่องไร้สาระพรรค์นี้หรอกนะ” 
ฝ่ามือใหญ่ขยับเลื่อนเข้าประคองข้างใบหน้าอีกฝ่ายแผ่ว ๆ  “เอาเป็นว่า ‘เขา’ เป็นคนสำคัญของพวกเราจริง ๆ อย่างที่นายคิด  เป็นคนเลี้ยงดูพวกเรามาใกล้ชิดที่สุด . . เหมือนพี่ชายคนโตอะไรทำนองนั้น  แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้วล่ะ”  ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มบางขณะปลายนิ้วเกี่ยวปอยผมสีเทาอมน้ำเงินขึ้นชิดริมฝีปาก
“ท่านเฟิร์สคงกำลังพยายามตามหาอยู่สินะครับ  ผมคงช่วยอะไรไม่ได้เพราะเป็นคนนอกที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรและไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้  แต่ยังไงก็ขอให้ตามหาและพากลับมาได้นะครับ  ท่านฮีท”  ริมฝีปากเรียวยิ้มกว้างก่อนยันกายลุกขึ้นและก้าวผละไปอีกด้านของห้องเพื่อเก็บเสื้อนอกและทำงานอื่น ๆ ต่อให้เรียบร้อย
---------------------------------------------------------------
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนลืมตาตื่นขึ้นพบเพดานสีขาวสะอาดก่อนขยับยันร่างลุกขึ้นนั่งช้า ๆ  สะบัดศีรษะไล่ความมึนงง 2 3 ครั้งแล้วจึงกวาดตาสำรวจไปรอบ ๆ ห้องขนาดเล็กที่มีสีขาวสะอาด  และไม่มีอะไรอยู่นอกจากเตียงที่เป็นเหมือนแท่นโลหะเลื่อนออกจากกำแพงห้องด้านหนึ่ง  เก้าอี้โลหะทรงกระบอกที่ยืดหดจากพื้นห้องและโต๊ะที่เป็นแท่นโลหะสีเงินด้านแบบเดียวกันบริเวณใกล้หัวเตียงเท่านั้น
“ท่านรอง  ฟื้นแล้วหรือคะ ? “  หญิงสาวผมดำประบ่าก้าวเข้ามาในห้องโดยมีเจ้าหน้าที่ศูนย์พยาบาลสาวอีกคนเดินตามเข้ามา  และก้าวปราดเข้าหาชายหนุ่มบนเตียงที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเหตุการณ์นักรวดเร็ว 
“จำได้หรือเปล่าคะว่าเกิดอะไรขึ้น ?  ท่านอาร์ค\" 
ชายหนุ่มกลอกตาไปมาทบทวนความทรงจำ  ขณะแขนซ้ายถูกจับยกขึ้นให้เจ้าหน้าที่พยาบาลสวมเครื่องตรวจที่มีลักษณะเป็นเหมือนปลอกโลหะที่มีปุ่มกดมากมายลงบนท่อนแขน  ทันทีที่กดล๊อกเรียบร้อยหน้าจอมอนิเตอร์ลอยก็ปรากฏขึ้น  แสดงกราฟและค่าตัวเลขต่าง ๆ ตามสภาพร่างกายให้เจ้าหน้าที่ทำการวิเคราะห์ง่ายดาย
“ฉันจำได้ว่าพวก Body Creature หลุดเข้ามาในสนามแข่งขัน  มีการตะลุมบอนจนวุ่นวายและบาดเจ็บไปหลายคน  ฉันไปช่วยไลอาที่ถูกล้อมแล้วโนอาห์ก็ . . . เกิดคุมพลังไม่อยู่แล้วหลังจากนั้น . . . จำไม่ได้แล้วสิ”  ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกแรงขณะมือยังคงกุมอยู่บนขมับ
“ใช่ค่ะ  ท่านกระโดดลงไปช่วย  ต้องให้ดิฉันย้ำหรือเปล่าคะว่าท่านทำลายกระจกห้อง VIP และกระโดดลงไปจากอัฒจันทน์ชั้นสอง  ถึงท่านจะสามารถบังคับการลอยขึ้นลงในอากาศได้อย่างสบายแต่จากระดับความสูงขนาดนี้และความตั้งใจอย่างขาดการยั้งคิดของท่านจะเป็นอันตรายขนาดไหน”  เลขาฯสาวหันไปหาเจ้าหน้าที่ศูนย์พยาบาลซึ่งถอดเครื่องตรวจออกและก้าวมารายงานผล
“ไม่มีอะไรผิดปกติค่ะ  ท่านอาร์คสามารถกลับห้องได้แล้ว”
หญิงสาวพยักหน้ารับ  “ขอบใจที่สละเวลา  ทีน่า”
“ไม่มีปัญหาค่ะ”  เจ้าหน้าที่สาวตอบรับขณะโคลงศีรษะเล็กน้อยและคลี่ยิ้มกว้าง  ดวงตาที่เขียนขอบตาบาง ๆ เน้นให้สวยคมเหล่มองชายหนุ่มคนเดียวในห้องเล็กน้อย  “เพื่อท่านอาร์คแล้ว . . จะตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น”  ร่างเพรียวหลิ่วตาให้เล็กน้อยแล้วจึงก้าวผละออกไป
“ขนาดท่านไม่ได้ทำอะไรนอกจากนอนหลับแท้ ๆ เจ้าหน้าที่ของเรายังเป็นไปได้ขนาดนี้”  กระแสเสียงเอ่ยกลั้วหัวเราะเล็กน้อยแล้วจึงเงียบลง  “จำได้เท่าที่พูดจริงหรือคะ ?  ท่านรอง”
ดวงตาสีเขียวเข้มจ้องมองหญิงสาวนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง  “มีอะไรมากกว่านั้นงั้นสิ . . . เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นรึ ?  ทริเซีย”
“ดิฉันอธิบายไม่ถูกค่ะ  แต่นี่คงช่วยท่านได้”  ว่าพร้อมกับยื่นแผ่นบันทึกข้อมูลซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นพลาสติกสีเขียวใสสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างยาวประมาณฝ่ามือส่งให้ 
“ภาพการแข่งขันตั้งแต่ต้นจนจบของวันนี้รวมถึงเหตุการณ์วุ่นวายต่าง ๆ ของพวก Body Creature ถูกบันทึกอยู่ในนี้ค่ะ  ถ้าดูแล้วเกิดนึกอะไรขึ้นมาได้ก็กรุณาอธิบายให้ดิฉันทราบด้วย  เพราะดิฉันเองก็ข้องใจเช่นเดียวกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ชายหนุ่มกระเดาะน้ำหนักของแผ่นบันทึกในมือเล่นก่อนยันกายลุกขึ้นยืน  “ขอบใจ  ถ้านึกอะไรได้แล้วจะบอกแต่ตอนนี้ขอกลับก่อนแล้วกัน  เดี๋ยวทางศูนย์จะมาโวยวายเอาว่าฉันทำให้พวกจ้าหน้าที่เสียเวลาทำงานทำการ”  ริมฝีปากเรียวยิ้มกว้างก่อนร่างสูงจะก้าวเท้าออกไปจากห้องโดยมีเลขาฯสาวผมดำก้าวตามไม่ทิ้งระยะ
---------------------------------------------------------------
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้อาร์คละสายตาจากมอนิเตอร์ตรงหน้าพร้อมกับหยุดภาพที่กำลังฉายอยู่ไว้  “ใครน่ะ ? “
“ฉันเอง  ไลอา  เข้าไปได้รึเปล่า ? “
ชายหนุ่มโคลงศีรษะก่อนกดปุ่มหนึ่งบนแผงควบคุมที่เลื่อนออกมาจากที่ท้าวแขนของเก้าอี้นวมหนานุ่ม  จากนั้นจึงได้ยินเสียงบานประตูห้องพักเลื่อนเปิดออกและชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามา
“กำลังอยากพบพวกนายอยู่พอดี  ใครก็ได้ช่วยอธิบายเรื่องนี้ทีเถอะ  ฉันจำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่ตรงนี้”  ฝ่ามือใหญ่ผายออกให้คนทั้งคู่มองเห็นภาพในมอนิเตอร์ติดผนังด้านตรงข้าม  ซึ่งเป็นภาพตัวเขาเองกำลังวางมือลงบนร่างกึ่งมนุษย์ที่ดูเหมือนร่างกายบางส่วนกำลังสลายเป็นฝุ่น
หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแดงสดหรี่ดวงตาลงจ้องมองอีกฝ่าย  “จำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้รึ ? อาร์ค”  ร่างเพรียวหันกลับไปสบสายตาชายผมสีน้ำเงินเข้มข้างตัว
โนอาห์เดินผละมายังบริเวณชุดโซฟารับแขกอีกด้านหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ประตูห้องพักกว่า  “นั่งสิ  เรามีเรื่องต้องคุยกัน”  เขารอจนคนทั้งสองมานั่งลงเรียบร้อยตามคำอนุญาตของเจ้าของห้องแล้วจึงนั่งลงบ้างเป็นคนสุดท้ายข้างตัวหญิงสาวก่อนพยักหน้าให้
“พวกเราพี่น้องเดิมมีกันอยู่ 3 คน  ฉันพี่สาวคนโต  โนอาห์น้องชายคนเล็กและลีอาน้องสาวคนรอง”  หญิงสาวผมแดงเริ่มต้นบอกเล่าเรื่องราวด้วยเสียงที่สงบราบเรียบผิดปกติ  “พวกเราทั้ง 3 คนเกิดในปี คศ. 2608  ก่อนกลุ่มอุกกาบาตอาเรสจะพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก 13 ปี”  ริมฝีปากเรียวแย้มรอยยิ้มนิด ๆ ด้วยความขบขันดวงตาที่เบิกกว้างของเจ้าของห้องซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาด้านตรงข้าม
“ก่อน Grand Impact 13 ปี ?  เป็นไปไม่ได้ . . . นั่นมันผ่านมาร่วมกว่า 70 ปีเข้าไปแล้ว !  แต่พวกนายยังดู . . ยังไงก็แค่ 18 19 ปี  พวกนายเป็นใคร ?! “
ดวงตาสีเทาเรียบเย็นหรี่ลงเล็กน้อย  “เรา 3 คนถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยพลังงานทางธรรมชาติ  เกิดจากการค้นคว้าพลังงานรูปแบบใหม่ซึ่งค้นพบภายหลัง First Impact ผสมเข้ากับเซลล์ของมนุษย์  เรา 3 คนเป็นผลงานสำเร็จรุ่นแรกและรุ่นเดียวก่อนสถาบันวิจัยจะถูกอาเรสทำงาย  พวกนักวิทยาศาสตร์ให้ชื่อพวกเราว่าโนร์น  คือชื่อของเทพธิดาผู้กุมชะตากรรมในตำนานยุโรปเหนือโบราณ”
คิ้วเรียวสีเดียวกันกับเรือนผมขมวดเข้าหากันขณะท้าวศอกวางบนเข่าและผสานมือยกค้างไว้ระดับริมฝีปาก  “โนร์น . . . สถาบันวิจัยพลังงานทางธรรมชาติ  สถาบันวิจัย . . . “  ถ้อยคำบอกเล่าซึมซับเข้ามาในการรับรู้ช้า ๆ หากชัดเจนทุกถ้อยคำและทำให้เขานึกไปถึงความฝันครั้งหนึ่งในหลาย ๆ ครั้งที่เขาพบเจอมา 
ภาพฝันของระเบียงทางเดินสีขาว  ผู้คนในชุดนักวิจัยวิ่งพลุกพล่าน  ลูกไฟจากท้องฟ้าและการระเบิดรุนแรง  กับภาพของเด็ก 3 คนที่ตนมองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจนนัก
“เราเป็นผลจากการทดลองของโครงการอาวุธชีวภาพในสมัยนั้น  แต่ก่อนจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการก็เกิดเรื่องของการค้นพบอาเรสเสียก่อน”  ชายร่างสูงโปร่งยังคงบอกเล่าเรื่องราวต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบสงบนิ่งเหมือนเคยไม่เปลี่นแปลง
“พวกเราถูกใช้เพื่อปกป้องศูนย์วิจัยจากกลุ่มอุกกาบาตนั่น  แต่พวกเรายังเด็กเกินกว่าจะสามารถควบคุมพลังได้เต็มที่”  หญิงสาวเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะเย้ยหยันที่ฟังดูขมขื่น  “สุดท้ายศูนย์วิจัยก็ถูกทำลาย  แต่เพราะพวกเรามันถึงได้ยังคงมีซากเหลือเป็นเมืองร้างที่เห็นอยู่ทางตะวันตกของที่นี่อยู่แบบนี้” 
ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มบางขณะประกายกล้าในดวงตาอ่อนลงเล็กน้อย  “การใช้พลังมากเกินไปทำให้ร่างกายพวกเราที่ยังเด็กรับไม่ไหว  โชคดีที่พวกเรามีนักวิจัยพี่เลี้ยงคนหนึ่งซึ่งเอ็นดูเราเหมือนลูก  เธอช่วยพากพวกเราที่แทบขยับไม่ได้หลบหนีออกจากสถาบันวิจัยด้วยแคปซูลนิรภัยก่อนจะเกิดการระเบิด  และนั่นทำให้ระบบสำรวจเส้นทางผิดพลาด  เรา 3 คนผลัดกันไปคนละทาง”
“แคปซูลนิรภัยมีระบบโคลด์สลีปแบบพิเศษ  ทำให้พวกเราหลับอยู่ในนั่นมาตลอดโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย  ฉันตื่นเพราะระบบมีการตั้งเวลาให้ระบบหยุดการทำงานและปลุกฉันนั่นก็ผ่านมากว่า 60 ปีแล้ว  หลังจากนั้นฉันจึงตามหาไลอาโดยใช้เครื่องมือรับสัญญาณจากแคปซูลนิรภัยและปลุกเธอด้วยตัวเอง”
“แต่เราตามหาลีอาไม่พบ”  หญิงสาวเอ่ยแทรกขึ้นรวดเร็ว  “เราพบแค่ . . . แคปซูลที่ถูกแยกชิ้นส่วนขายในร้านเศษเหล็ก  พอลองใช้สมดุลที่เรา 3 คนเชื่อมโยงพลังถึงกันกลับไม่พบอะไรเลย  ทั้ง ๆ ที่เราจะรู้สึกถึงกันและกันอยู่เสมอแต่ลีอากลับหายไปเฉย ๆ จับความรู้สึกไม่ได้เลยสักนิดเดียว”
“ . . เป็นไปไม่ได้ . . . ฝันนั่น”  ชายหนุ่มรำพึงเสียงแผ่วก่อนตวัดดวงตาที่ได้แต่มองโต๊ะกระจกตรงหน้าขึ้นสบสายตาอีกฝ่าย  “ลีอาที่ว่า . . เป็นเด็กผู้หญิงผมสีทองยาวใช่รึเปล่า ? “
คำถามทำให้คนทั้งสองชะงักในทันที  “นายรู้จักเธองั้นรึ ?!  นายได้เจอเธอที่ไหนเมื่อไหร่ ?! “  สาวผมแดงถามกลับรวดเร็วเสียงดังขึ้นกะทันหันด้วยความลืมตัว
“ไม่รู้ . . ฉันแค่ฝันถึงเรื่องราวหลาย ๆ อย่างอยู่บ่อย ๆ  คิดว่าแค่ฝันไร้สาระแต่ตั้งแต่ได้พบพวกนายมันก็ดูจะถี่ขึ้นทุกที  หลายครั้งที่มันเห็นภาพตรงกับที่พวกนายเล่ามาจนฉันพูดไม่ออก  ฉันฝันเห็นเด็ก 3 คน . . เพิ่งสังเกตนี่ล่ะว่าเป็นผมสีเดียวกันกับพวกนาย  เห็นศูนย์วิจัยอะไรสักอย่างถูกลูกไฟที่พุ่งลงมาจากฟ้าระเบิด  ฉัน . . ฝันถึงเด็กสาวอายุราวสิบกว่าปีผมทองยาวนั่งร้องไห้ข้าง ๆ แคปซูลหนีภัยและถูกกลุ่มนักสำรวจพาตัวไป  มันตรงกับที่พวกนายเล่ามาทุกอย่าง  ทำไม . . ?  เกิดอะไรขึ้นกับสมองฉัน ? “
คิ้วเรียวสีเดียวกันกับเรือนผมแดงสดขมวดชิด  “ฉันต่างหากที่อยากถาม  ตอนที่นายบอกว่าจำไม่ได้นั่นรู้มั้ยว่านายทำอะไร  นายร้องเพลงที่ลีอาแต่ง . . เพลงที่มีแต่พวกเราเท่านั้นที่รู้จักดี  นาย ! หยุดโนอาห์ที่กำลังโอเว่อร์ฮีทให้กลับสงบลง  คนที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้มีแต่ลีอาซึ่งเป็นแกนกลางของสมดุลพลังในพวกเรา 3 คนเท่านั้นที่จะทำได้  นายเป็นใครกันแน่ ?! “
“ฉัน . . ไม่รู้ . . . ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ?!  ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่ ! “
“นายว่าสูญเสียความทรงจำก่อนหน้า 2 ปีที่แล้วไปหมด”  โนอาห์เอ่ยแทรกขึ้นเรียบ ๆ และเริ่มตั้งข้อสังเกต  “บางทีก่อนหน้านั้นนายอาจรู้อะไรบางอย่างก็ได้  นายว่าลีอาถูกจับ  พวกเราคิดกันว่าเธออยู่ที่นี่บางทีคงเป็นตอนนั้นล่ะที่พวก NEL ที่ว่าพาตัวเธอไป  เพราะมีแต่พวกนี้เท่านั้นที่รู้เรื่องการวิจัยโครงการอาวุธชีวภาพของสถาบันวิจัยนั่น  แคปซูลของลีอาขัดข้อง  พวกนั้นอาจตามเจอขณะที่พวกเรายังคงหลับกันอยู่และพาตัวมาที่นี่ . . . การเสียความทรงจำของนายอาจไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ”
หญิงสาวจ้องมองปฏิกิริยาตื่นตะลึงของอีกฝ่ายเงียบ ๆ  “ตัวนายทำให้พวกเราข้องใจ . . อาร์ค  แต่ยังไงเสียพวกเราก็จะยังเดินหน้าต่อไป”  ริมฝีปากเรียวกรีดรอยยิ้มกว้างก่อนยันกายลุกขึ้นยืน  “พวกเราจะใช้รางวัลชนะเลิศเพื่อเข้าไปใน NEL  พวกเราจะต้องหาลีอาให้พบและพาเธอกลับมา ! “
เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มระบายลมหายใจออกแผ่วก่อนยันกายลุกขึ้นตาม  “วันนี้ขอตัวก่อน  ถ้านายฝันอะไรแบบนี้อีกนายต้องเล่าให้เราฟัง  บางทีนายอาจช่วยเราไขเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลีอาในระหว่างที่พวกเรายังหลับอยู่ได้  เอาล่ะ . . พักผ่อนให้สบาย  นายเพิ่งออกจากศูนย์พยาบาลมาอาจยังไม่ปกตินัก”
ชายหนุ่มเจ้าของห้องเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย  “แปลกนะที่วันนี้นายพูดเก่งกว่าปกติ  ยังไงก็ . . . ขอบคุณที่เป็นห่วง”  ร่างสูงเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะแผ่วก่อนลุกขึ้นก้าวเท้าตามคนทั้งสองไปจนถึงประตู  ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มบาง  “ถ้าฝันอะไรอีกแล้วจะบอก  ฉันยังเห็นหน้าพวกนายในฝันไม่ชัดนักเลยยังไม่มั่นใจอะไร  อย่างไรก็ตามขอให้พวกนายโชคดีในการค้นหาและการแข่งขัน”  ฝ่ามือใหญ่โบกลาคนทั้งคู่ก่อนบานประตูจะเลื่อนปิดลง
---------------------------------------------------------------
When the light has come.
I close my eyes and dream for freedom one more time.
---------------------------------------------------------------
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนระบายลมหายใจออกแรงหลังจากลืมตาขึ้นมาพบกับความมืดรอบตัวที่คุ้นเคยอีกครั้ง 
“อืม . . ฝันอีกแล้วสิ  ลีอา . . . เธออยากบอกอะไรฉันคราวนี้ล่ะ ?  โอเค  เริ่มได้เลยฉันพร้อมแล้ว” 
ทันทีที่เอ่ยจบเสียงเด็กหัวเราะสดใสก็ดังขึ้นจากมุมมืดด้านหลังทำให้ร่างสูงหันหลังกลับ  พบเด็ก 3 คนนั่งอยู่กับโต๊ะตัวเล็ก ๆ โดยมีของเล่นพัฒนาไหวพริบและความสามารถหลากชนิดหลากสีสันวางเกลื่อน  เห็นเด็กหญิงผมทองที่ดูเหมือนเด็กหญิงที่ตนฝันเห็นก่อนหน้านี้  แต่ครั้งนี้อีกสองคนที่เหลือกลับเป็นเด็กชายทั้งคู่  คนหนึ่งผมสีดำขลับสั้นขณะอีกคนมีสีเทาอ่อน ๆ ทรงเดียวกัน
เด็กหญิงผมทองหันกลับมาพร้อมกับรูบิกที่หมุนเรียงสีเรียบร้อยครบทุกด้านในมือ  ชั่วขณะหนึ่งที่เห็นดวงตาสีฟ้าจางนั่นมีสีเขียวอ่อนเรืองแสงขึ้นจากดวงตากลมโตด้านซ้ายของร่างเล็ก
ริมฝีปากเรียวบางยิ้มกว้าง  ‘อาร์ค !  ดูนี่สิคะ  ฉันทำได้แล้ว’  เด็กหญิงคาดวัยไม่ถึง 10 ปีวิ่งผละตรงเข้ามาหาหากทะลุร่างเขาผ่านไปดื้อ ๆ โดยไม่รับรู้ตัวตนเช่นเดียวกับความฝันเกือบทุกครั้งที่เคยเป็นมา 
ชายหนุ่มหันมองตามเด็กหญิงที่ปราดเข้าหาเด็กหนุ่มคาดวัยประมาณ 13 14 ปีแล้วต้องเบิกดวงตากว้าง  เมื่อเด็กหนุ่มตรงนั้นดูเหมือนกับเขาทุกอย่างยกเว้นเพียงแต่วัยที่น้อยกว่ามาก
‘อาร์ค !  ฉันเก่งมั้ย ?  ชมฉันหน่อย !  นะคะ  อาร์ค  นะ’
เด็กหนุ่มเปล่งเสียงหัวเราะขณะก้มตัวลงเล็กน้อย  ทาบริมฝีปากบนผิวหน้าผากเด็กหญิงที่ตัวสูงแค่ระดับเกือบถึงอกตนเท่านั้น  ‘เก่งมากจ๊ะ  เอเธน่า  คราวหลังลองทำให้ได้เร็ว ๆ นะ’
‘อาร์ค !  ชมพวกผมด้วยสิฮะ’  เด็กชายผมสีดำขลับปราดเข้ามาหารวดเร็วโดยในมือถือของเล่นฝึกไหวพริบอีกอย่างหนึ่งติดมาด้วย  ขณะด้านหลังมีเด็กชายคนสุดท้ายเดินตามมาโดยมีหนังสือเล่มหนาอยู่ในมือ
‘สวัสดีฮะ  อาร์ค  วันนี้พวกผมต้องฝึกอะไรบ้างเหรอฮะ ? ‘
เด็กหนุ่มก้มตัวลงคุกเข่ากับพื้น  จังหวะเดียวกับที่ความมืดโดยรอบคลายออกให้เห็นสภาพแวดล้อมที่ดูเหมือนกับอยู่ในห้องกว้าง ๆ ห้องหนึ่ง  ประตูโลหะมีไฟสีแดงด้านบนอยู่ด้านหลังเด็กหนุ่มขณะด้านอื่นเป็นกำแพงเรียบสีขาวสะอาดไม่มีกระจกหรือรอยต่อใด ๆ ทั้งสิ้น
‘ทุกคนเก่งมาก  ทั้งเอเธน่า  ทั้งฮีท  อ้อแล้วก็คลาวด์ด้วยนะ  เป็นยังไงเช้านี้อ่านจบไปกี่เล่มแล้วล่ะ ? ‘  เด็กหนุ่มเอ่ยถามกลั้วเสียงหัวเราะขณะลูบศีรษะเด็กชายผมสีเทาอ่อนเบา ๆ
มือเล็ก ๆ ของเด็กชายผมดำแตะลงข้างแก้มเด็กหนุ่มใกล้กับที่มีรอยแผลกรีดบาง ๆ ซึ่งเลือดหยุดแล้วและมีรอยช้ำสีม่วงคล้ำเป็นจ้ำอยู่ใกล้ ๆ กัน  ‘บาดเจ็บอีกแล้วเหรอฮะ ?  ทำไมพวกตาแก่นั่นถึงโหดกับอาร์คนักนะ  ผมเห็นมีแผลเพิ่มขึ้นทุกวันเลยเจ็บมากมั้ยฮะ ? ‘
เด็กหนุ่มยิ้มกว้างพร้อมกับเปล่งเสียงหัวเราะแผ่ว  ‘ไม่เป็นไรหรอก  แผลแค่นี้มันเล็กน้อยมาก  วันนี้กองกำลังเราค่อนข้างจะเสียเปรียบ  พวกคิเมร่ามันพัฒนาตัวเองไปอีกขั้นแล้วพวกเราก็ยิ่งรับมือมันลำบากยิ่งขึ้น  พวกพลเมืองเองก็หวังพึ่งพวกเราเต็มที่ทั้ง ๆ ที่เรามีกำลังคนจำกัด  ลำพังแค่ปกป้องศูนย์วิจัย NEL ได้นี่ก็เต็มกลืนแล้วแท้ ๆ ‘ 
ร่างเล็กระบายลมหายใจออกแรงก่อนยกแขนข้างที่มีปลอกโลหะยาวจากข้อมือจนเกือบถึงข้อศอกขึ้นเมื่อมีสัญญาณเรียกดังให้ได้ยิน
‘มาตรวจได้แล้วซีโร่ !  จะมัวโอ้เอ้อยู่กับพวกเฟิร์สไปถึงไหน  รีบมาที่ห้องตรวจเดี๋ยวนี้ ! ‘
เสียงผู้ชายคาดวัยกลางคนดังเป็นตะโกนผ่านเครื่องสื่อสารทำให้เด็กทั้งสามคนต้องนิ่วหน้าไปตาม ๆ กัน  ยกเว้นเพียงเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยังคงสีหน้าเดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง  ครู่ต่อมาจึงระบายลมหายใจออกผ่านริมฝีปากแรง 
‘ได้เวลาหลับแล้วสินะ  น่าเบื่อจริง ๆ แต่อาจจะดีก็ได้  ฉันจะได้พบเธอคนนั้นอีก’  เด็กหนุ่มขยับลุกขึ้นยืนขณะแขนเสื้อยาวที่ขาดรุ่ยมอมแมมถูกเด็กหญิงผมทองดึงรั้งเอาไว้แรง  จึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม
‘ทำไมคนพวกนั้นถึงไม่เรียกชื่ออาร์คเหมือนพวกเราล่ะคะ ?  แล้วทำไมพวกตาแก่นั่นไม่เรียกชื่อพวกเราอย่างที่อาร์คเรียกคะ ?  แล้วเธอคนนั้นของอาร์คเป็นใครคะ ? ‘  ดวงตากลมโตสีฟ้าจางตวัดมองขึ้นมาใสซื่อเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเด็กไร้เดียงสา  แฝงแววไหวพริบความฉลาดของผู้ใหญ่ให้เห็นเพียงบางเบา
ดวงตาสีเขียวเข้มหรี่ลงเล็กน้อย  ‘เพราะชื่ออาร์คไม่ใช่ชื่อที่พวกเขาตั้งให้  ส่วนชื่อของพวกเธอคนที่ตั้งให้คือฉัน  สำหรับคนพวกนั้นแล้วพวกเราคือซีโร่ เฟิร์ส เซคันด์และเธิร์ด  ที่เป็นแบบนี้พวกเธอย่อมรู้เหตุผล็อยู่แล้วว่าทำไมนะ  เอเธน่า’  เด็กหนุ่มกระชับร่างเล็กกว่าขึ้นอุ้มลอยจากพื้นขณะจ้องมองใบหน้าน่ารักที่หันสบสายตาด้วยซึ่งดูสงบนิ่งผิดวัย 
‘ส่วนเธอคนนั้นน่ะ . . จะเรียกยังไงดีนะ . . หล่อนคือพวกเธออีกคน  จริงสิ . . หน้าตาหล่อนเหมือนเธอมากล่ะ เอเธน่า  เหมือนเธอตอนอายุมากกว่านี้อีกสัก4 5 ปี  โตเป็นผู้ใหญ่แล้วรับรองว่าเธอต้องสวยแน่’  ระบายยิ้มบางเมื่อเด็กหญิงยิ้มร่าสดใสให้ก่อนหอมแก้มนุ่ม ๆ เสียทีหนึ่ง
‘อาร์คชมแต่เอเธน่าแล้วพวกผมล่ะฮะ ?! ‘  เด็กชายผมดำเกาะเอวอีกฝ่ายเอาไว้แน่นขณะเปล่งเสียงโวยวายดังอย่างนึกน้อยใจ  ขณะเด็กหนุ่มอีกคนก้าวเท้าเข้าขนาบอีกด้านใกล้ขึ้น  ทั้งที่ยังไม่ยอมปล่อยหนังสือเล่มใหญ่หนาในมือลง
เด็กหนุ่มเปล่งเสียงหัวเราะระรื่น  ‘โอเค ๆ  ฮีท  เธอโตขึ้นคงเท่ห์มาก  ส่วนคลาวด์ก็คงทำให้สาว ๆ ชะเง้อคอตามตลอดเวลาที่เดินผ่านได้  ทีนี้พอใจกันหรือยัง ? ‘  ถามกลับพร้อมกับปล่อยร่างเล็กที่อุ้มอยู่ลงยืนกับพื้นและหอมแก้มเด็กอีกสองคนไปคนละที  เรียกรอยยิ้มใสให้ปรากฏขึ้นง่ายดาย
แต่สัญญาณเสียงที่แผดลั่นยาวเหยียดจากปลอกโลหะบนท่อนแขนทำให้เด็กหนุ่มต้องส่ายศีรษะ  พร้อมด้วยรอยยิ้มอ่อนอกอ่อนใจอย่างบอกไม่ถูก  ‘วันนี้เป็นเด็กดีนะ  ไว้พอตกเย็นฉันตื่นแล้วจะมาหาอีก’  เด็กหนุ่มหมุนกายพอดีกับที่ประตูโลหะด้านหลังเลื่อนเปิดออกและกลุ่มคนในชุดวิจัยสีขาวเดินเข้ามา
‘เฟิร์ส  เซคันด์  เธิร์ด  ได้เวลาทดสอบพวกเธอแล้ว’
ใบหน้าสดใสรื่นเริงของเด็กหญิงผมทองกลับเรียบเฉยนิ่งสนิทลงทันทีเช่นเดียวกับเด็กชายผมสีเทาอ่อน  ในขณะที่เด็กชายผมดำขลับอีกคนกลับทำแก้มป่องด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดจนเด็กหนุ่มสังเกตได้และเปล่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขบขำ
‘มา . . ฉันจะไปส่งที่ห้องทดสอบ  ยังไงก็เป็นทางผ่านอยู่แล้วนี่’  ฝ่ามือเรียวฉวยมือเล็ก ๆ ของเด็กชายผมดำขึ้นจูงและเดินนำเด็กทั้งสามออกจากห้อง 
เมื่อบานประตูเลื่อนปิดลงทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง  และได้ยินเสียงลำนำบทเพลงที่บัดนี้เริ่มคุ้นเคยและจดจำได้ดังก้องกังวานลอยมารอบทิศทาง  ทำให้ชายหนุ่มตวัดดวงตามองหาที่มาหากยังคงไม่พบสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่ามืดดำรอบตัว
“ลีอา !  เมื่อกี้มันอะไร ?!  เธอให้ฉันเห็นอะไรกันแน่ ?!  เด็กหนุ่มคนนั้น . . ไม่มีทางเป็นไปได้  เด็กหนุ่มนั่นไม่ใช่ฉัน !  ฉันอายุน้อยกว่าท่านเฟิร์ส  ถ้าเด็ก 3 คนนั้นคือท่านผู้นำกองพลทั้ง 3 และเด็กหนุ่มนั่นคือฉันเท่ากับว่าฉันต้องอายุมากกว่าที่เห็นตอนนี้เกือบ 6 7 ปี !  มันเป็นไปไม่ได้ !!  ออกมาพบฉันสิ !  ลีอา  ออกมาพบฉัน ! “ 
ชายหนุ่มเปล่งเสียงเรียกดังลั่นขณะความกังวลและความสับสนเริ่มก่อตัวมากขึ้นทุกทีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ลำนำบทเพลงก้องกังวานเงียบหายไป  แล้วจู่ ๆ ความมืดว่างเปล่าก็ถูกแทนที่ด้วยน้ำสีฟ้าอมเขียวใสรวดเร็วจนเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนตั้งตัวไม่ทัน  ทั้งร่างถูกฝังอยู่ใต้น้ำที่เต็มไปด้วยฟองอากาศผุดขึ้นจากด้านล่างสู่ด้านบนจนอึดอัดหายใจไม่ออก
ขณะที่ดวงตาเริ่มพร่าเลือน  สิ่งสุดท้ายที่ได้เห็นได้รับรู้คือเส้นผมยาวพลิ้วไหวสีทองที่ซีดลงเนื่องจากแสงในน้ำสีเขียวอมฟ้า  และเสียงกรีดร้องที่ดังเสียดเข้ามาในประสาทรับฟัง
‘ช่วยด้วย !! ‘
---------------------------------------------------------------
“ลีอา ?! “
ชายหนุ่มเปล่งเสียงเรียกดังลั่นพร้อมกับดวงตาสีเขียวเข้มที่เบิกโพลงขึ้น  มองสบเพดานห้องที่คุ้นตาขณะลมหายใจยังคงหอบแรงและหัวใจเต้นระรัวหนักหน่วงจนรับรู้ได้ในอก  ฝ่ามือใหญ่เลื่อนยกขึ้นปิดหน้าแล้วคางไว้อย่างนั้นจนแม้กระทั่งขยับลุกขึ้นนั่งแล้วก็ยังไม่ปล่อยมือออก
“ . . . เธอต้องการบอกอะไรกับฉัน ?  อดีต . . ปัจจุบัน . . หรืออนาคต  เธอต้องการอะไร ? “  เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเริ่มต้นรำพึงกับตนเองเสียงแผ่ว  “ต้องการให้ฉันช่วยหรือ ?  . . แล้วที่ไหนล่ะ . . เธออยู่ที่ไหน ?  ฉันอยากพบเธอสักครั้ง . . ลีอา . . ฉันอยากพบเธอ”
---------------------------------------------------------------
มือเรียวของหญิงสาวผมทองวางทาบลงบนแผ่นกระจกข้างประตูโลหะบานหนึ่ง  “มารายงานแล้วค่ะ  ท่านศาสตราจารย์”  กระแสเสียงที่เปล่งออกจากริมฝีปากเคลือบสีแดงสดนั่นสงบราบเรียบพอกันกับใบหน้างามที่เรียบเย็นเฉยชาราวสวมหน้ากากและดวงตาสีฟ้าจางที่เย็นเยียบยิ่งกว่าน้ำแข็ง
‘เข้ามาได้  ฉันรออยู่แล้ว . . . เฟิร์ส’
เสียงชายหนุ่มดังผ่านแผงกระจกข้างประตูออกมา  เพียงครู่เดียวบานประตูก็เลื่อนเปิดออกสู่ห้องขนาดเล็กที่มีประตูกระจกกั้นขวางอีกชั้น  เมื่อประตูโลหะชั้นนอกปิดลงตามหลังประตูกระจกสีน้ำเงินเข้มใสจึงเลื่อนออกให้ร่างเพรียวในเครื่องแบบสีขาวก้าวเข้าไปในห้องสีเดียวกันและเลื่อนปิดไล่หลังในทันที
---------------------------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น