ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LEA - Project

    ลำดับตอนที่ #2 : Naturalist Evolution Guardian (NEG)

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 47


    ‘ เมื่อแสงสว่างกลับคืนมา

    ฉันหลับตา . . และฝันถึงอิสระภาพชั่วข้ามคืน ‘



    ---------------------------------------------------------------



    เมื่อลืมตาขึ้นเขาก็พบตัวเองยืนอยู่เพียงลำพังในความมืด  ชายหนุ่มถอนหายใจออกแรงขณะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ที่ยังคงไม่มีสิ่งใดปรากฏให้เห็น  เป็นความฝันซ้ำ ๆ ซาก ๆ ที่เขาฝันติดต่อกันมาตลอดในช่วงหลายสัปดาห์มานี่



    แต่คราวนี้แตกต่างออกไป  เขาได้ยินเสียงเล็ก ๆ เหมือนเสียงเด็กที่กำลังหัวเราะอย่างร่าเริงดังแว่วมาจากด้านหลังจึงหันกลับไปมอง



    เด็ก 3 คนกำลังวิ่งตรงมาทางเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม  เป็นเด็กผู้หญิงผมแดงคนหนึ่งและผมสีทองอีกคนขณะเด็กชายคนสุดท้ายมีผมสีน้ำเงินเข้ม  ทั้ง 3 สวมเสื้อขาวตัวเพียงเดียวที่ยาวลงไปจนเกือบถึงหัวเข่าและมีปลอกโลหะคล้ายกำไลแต่เป็นแถบกว้างกว่าอยู่ที่ข้อมือทั้งสองข้างเหมือน ๆ กัน



    ลูกบอลขนาดเล็กสีขาวสะอาดกระเด็นหลุดออกจากมือเด็กหญิงผมแดงนำทั้ง 3 ตรงมาทางเขา  แต่วินาทีที่บอลกำลังจะเข้ามือซึ่งรอรับอยู่แล้วมันกลับทะลุผ่านตัวเขาไปเฉย ๆ  เช่นเดียวกับเด็กทั้ง 3 ที่วิ่งผ่านเขาไปโดยไม่รับรู้ตัวตนของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนั้น



    จู่ ๆ ก็เกิดเสียงคำรามกึกก้องทันทีที่เด็กทั้ง 3 วิ่งหายไป  ความมืดรอบตัวถูกแทนที่ด้วยทางเดินแคบยาวสีขาวที่มีกระจกหน้าต่างอยู่ด้านหนึ่งตลอดทาง  ผู้คนวิ่งสวนกันขวักไขว่ด้วยท่าทีรีบร้อนหวาดกลัวอะไรบางอย่าง  สัญญาณไฟสีแดงกระพริบและเสียงเตือนดังถี่ตลอดทางเดินยาวโดนเสียงกรีดร้องของผู้คนที่สับสนดังกลบจนแทบไม่ได้ยิน  เมื่อมองออกไปทางหน้าต่างกระจกจึงมองเห็นลูกไฟแดงโชติช่วงจำนวนมากกำลังพุ่งปะทะกับกำแพงแสงสีขาวเรืองรองอย่างหนักหน่วง  กระแสไฟฟ้าสีน้ำเงินแล่นเป็นประกายแปลบปลาบไปทั่วทุกจุดที่มีการตกกระทบ



    เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเมื่อลูกไฟบางส่วนทะลุผ่านกำแพงแสงลงมาได้สำเร็จ  ผนังอาคารแตกร้าวจากแรงสั่นสะเทือนทั้งที่ไม่ได้ถูกกระทบโดยตรง  กระจกทั้งหมดแตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ พร้อมกับที่แสงสว่างส่องกราดจนต้องยกมือขึ้นกัน  แรงอัดลมปะทะกระแทกทั่วร่างจนยืนไม่อยู่ขณะเสียงระเบิดดังก้องกัมปนาทขึ้นรอบตัว



    ---------------------------------------------------------------



    ชายหนุ่มลืมตาขึ้นทันทีพร้อมกับเสียงสัญญาณนาฬิกาปลุกที่ดังจากกำแพงเหนือศีรษะ  เขาผ่อนลมหายใจออกแรงแล้วหลับตาลงเรียกสติให้กลับมาก่อนขยับลุกขึ้นนั่ง  มือข้างหนึ่งเสยผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยุ่งเหยิงขึ้นขณะมืออีกข้างยื่นไปกดปิดสัญญาณนาฬิกาปลุกจากแผงควบคุมเล็ก ๆ บนกำแพงหัวเตียง  แต่สัญญาณก็ยังคงดังอยู่จนต้องขมวดคิ้ว



    ดวงตาสีเขียวเข้มเหลือบมองไฟกระพริบที่แผงควบคุมบนโต๊ะสีขาวอีกด้านของห้องอย่างง่วงงุน  เมื่อรู้แน่แล้วว่าเสียงสัญญาณที่ยังคงดังไม่เลิกนั่นมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นผิวเดียวกันกับพื้นโต๊ะทำงานนั่น  ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกแรงก่อนก้าวลุกจากเตียงไปกดปุ่มรับสัญญาณการติดต่ออย่างใจเย็น



    มอนิเตอร์ลอยที่มีภาพใบหน้าของหญิงสาวผมดำคนหนึ่ง  ปรากฏขึ้นเหนือพื้นโต๊ะโดยปรับให้พอดีกับระดับสายตาของผู้ยืนอยู่  ‘ อรุณสวัสดิ์ค่ะ  ท่านรองผู้บัญชาการกองพลสังกัด White Wolf ‘  



    “อรุณสวัสดิ์  แม่เลขาฯประจำกอง  วันนี้มีเรื่องอะไรถึงเรียกมาแต่เช้าอีกล่ะ ?  คงไม่ใช่ว่าพวกหัวโบราณใน NEL เรียกตรวจสุขภาพด่วนอีกหรอกนะ”  ชายหนุ่มถามกลับพร้อมกับท้าวแขนลงบนโต๊ะและจ้องมองอีกฝ่ายอย่างออกอาการเซ็งเต็มที



    หญิงสาวในมอนิเตอร์ส่ายศีรษะรวดเร็ว  ‘ ไม่ใช่ค่ะ  ท่านรองอาร์ค  ดิฉันแค่ติดต่อมาเพื่อเตือนท่านว่าวันนี้จะมีกองกำลังชุดใหม่จากทางศูนย์ NEL มาค่ะ  และกำลังจะเริ่มพิธีปฐมนิเทศน์ในอีก 30 นาทีนี้ ‘  เลขาฯสาวแอบซ่อนยิ้มเมื่อชายหนุ่มกระโจนเข้าไปในห้องอาบน้ำแทบจะทันทีโดยไม่รอฟังจนจบ  ‘ อ้อ !  และท่านเฟิร์สฝากกำชับเรื่องเครื่องแต่งกายวันนี้ต้องครบเต็มยศนะคะ  ส่วนสถานที่จัดปฐมนิเทศน์คือห้องโถง N / W  ชั้น 8 ของอาคาร A ค่ะ  เหลือเวลาอีก 25 นาที  กรุณารีบมาให้ตรงเวลาด้วยนะคะ  ไม่เช่นนั้นท่านจะถูกลงโทษตามกฏประเดิมให้พวกเด็กใหม่ได้ชมแน่นอน  เท่านี้แหละค่ะ ‘



    มอนิเตอร์ลอยหายวับไปพอดีกับที่อาร์คก้าวออกจากห้องอาบน้ำในชุดกางเกงขายาวสีขาว  รองเท้าบูทขาวสูงขึ้นมาถึงครึ่งหน้าแข้ง  เสื้อแขนยาวสีขาวมีปกข้อมือแข็งกลัดกระดุมรูปข้าวหลามตัดโลหะสีทองที่มีตราสุนัขป่าแยกเขี้ยวอยู่ตรงกลาง  ผูกเนคไทด์สีดำที่คอและทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำตัวเล็กสั้นพอดีตัวที่มีกลัดโลหะแบบเดียวกันบนอกซ้าย  “ยัยเลขาฯตัวแสบ  แทนที่จะปลุกเข้ามาสักชั่วโมงก่อนดันมาปลุกเอาตอนนี้  ยังดีนะที่เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงไม่งั้นเป็นเรื่องแน่ ! “  ชายหนุ่มคว้าเสื้อโค้ทยาวสีขาวขอบดำประดับเครื่องหมายบนบ่าทั้งสองข้างขึ้นสวมลวก ๆ  แล้วจึงคว้าหมวกปีกกว้างสีขาวอีกเช่นกันมาพร้อมกับก้าวออกจากห้องทันทีทั้งที่ยังบ่นอุบไม่เลิก



    ---------------------------------------------------------------



    กองบัญชาการ Naturalist Evolution Guardian หรือที่ถูกเรียกว่า NEG ประกอบด้วยอาคารรูปวงแหวน 2 วงเชื่อมต่อกันโดยมีอาคารศูนย์วิจัย NEL อยู่ตรงกลาง  อาคารวงแหวนชั้นในคืออาคาร B เป็นอาคารหอพักมีความสูง 50 ชั้น  แบ่งเป็นห้องพักสำหรับ 3 กองพลกองละ 15 ชั้น  รวม 45 ชั้น  ที่เหลือเป็นแหล่งให้ความบันเทิง  สถานที่ออกกำลังกาย  สวนสาธารณะและอื่น ๆ  เปรียบได้กับเมืองแห่งหนึ่งที่มีความสมบูรณ์พร้อมในทุกด้าน



    อาคารวงแหวนชั้นนอกคืออาคาร A มีลักษณะคล้ายมงกุฏ  คือมียอดหอสูงทั้งหมด 6 แห่งวางเรียงเว้นระยะห่างเท่า ๆ กันและที่ปลายยอดจะมีทางเชื่อมเข้ากับอาคารศูนย์วิจัย NEL ได้โดยตรง  อาคาร A ประกอบด้วยหอส่งสัญญาณ  หอสังเกตการณ์  ห้องเรียนและห้องสมุดจำนวนมาก  ห้องฝึกซ้อมตลอดจนถึงคลังอาวุธหนักและอื่น ๆ อีกมากมาย  ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยแก่ศูนย์วิจัยและเขตเมืองโดยรอบ



    กองกำลังถูกแบ่งออกเป็น 3 กองตามเขตรับผิดชอบ  โดยมีผู้นำ 3 คนซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถระดับสูงสุดของกองกำลังคอยควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างโดยอยู่ใต้อำนาจของศูนย์วิจัยแต่เพียงอย่างเดียว  เนื่องจากจุดประสงค์แรกเริ่มของการก่อตั้งคือให้ความคุ้มครองดูแลศูนย์วิจัย  และอีกทั้งบุคลากรทั้งหมดของกองกำลังนั้นได้มาจากศูนย์วิจัย NEL ทั้งสิ้น  โดยจะมีการเปิดรับอาสาสมัครหนุ่มสาวจากในเมืองและเมืองใกล้เคียง 2 ปีต่อครั้ง  ผ่านการทดสอบมากมายและมีไม่น้อยที่ถูกคัดออกก่อนจะผ่านการทดสอบและส่งเข้าสู่กองบัญชาการ NEG เพื่อเป็นหน่วยคุ้มครองที่สมบูรณ์แบบในที่สุด



    จุดเด่นของกองกำลัง NEG ที่เป็นลักษณะพิเศษเฉพาะตัวต่างจากกองกำลังอื่น ๆ  มาจากการที่เจ้าหน้าที่หนุ่มสาวทุกคนมีพลังพิเศษซึ่งเกิดจากผลการวิจัยทดลองพลังงานที่ชื่อ LEA – Project  จากจำนวนอาสาสมัครทั้งหมดโดยเฉลี่ยมีเพียงไม่ถึงครึ่งที่สามารถผ่านการทดสอบเข้าร่วมในกองบัญชาการที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์มนุษย์



    ชายผมสีน้ำตาลอ่อนวิ่งตรงมาจนถึงระเบียง  ซึ่งมองลงไปจะพบโถงเปิดที่มองเห็นระเบียงทางเดินชั้นอื่น ๆ ขึ้นไปด้านบนอีกถึง 5 ชั้น  ชายหญิงกว่า 300 คนยืนเรียงแถวกันอยู่ด้านหน้าเวทียกพื้นอย่างเป็นระเบียบ  มองจากด้านบนที่เขายืนอยู่สามารถมองเห็นการแบ่งแยกกองพลอย่างชัดเจนจากเครื่องแบบที่มีสีต่างกัน 3 สี  เครื่องแบบสีแดงอยู่ทางริมด้านซ้ายขณะสีดำอยู่ด้านขวา  และชุดขาวสะอาดที่มีเสื้อกั๊กไม่มีไหล่พอดีตัวสีดำสนิทตัดกันอยู่ตรงกลาง  แต่ที่เห็นได้ชัดคือ 2 แถวหน้ากระดานที่อยู่ด้านหน้าสุดนั้นอยู่ในชุดสีเทาหม่นซึ่งเป็นเครื่องแบบของกลุ่มอาสาสมัครรุ่นใหม่ที่ถูกส่งมาจากศูนย์วิจัย



    ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเมื่อสังเกตเห็นเลขาฯสาวผมดำโบกมือให้จากด้านข้างเวทีด้านตรงข้ามระเบียงฝั่งที่ตนยืนอยู่  จึงรีบวิ่งตรงไปตามระเบียงโค้งถึงอีกด้านแล้วกระโดดข้ามราวระเบียงเหนือโถง 2 ชั้นลงมายืนอยู่ข้างสาวผมดำด้วยท่าทีสบาย ๆ



    “มาทันพอดี  อีก 3 นาทีก็จะเริ่มแล้วค่ะ  ท่านรอง”  หญิงสาวคลี่ยิ้มนิด ๆ ขณะหันหน้ากลับไปพิจารณาแถวคนในชุดสีเทาหม่นอย่างละเอียด  “ปีนี้คนเข้าใหม่มาก  คงเพราะเราเพิ่งเสียกำลังคนไปหน่วยหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว  กำหนดการรับอาสาสมัครใหม่จึงเปิดเร็วและนานกว่าปกติ”



    เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนขยับตัวไปเหลือบมองบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ในมืออีกฝ่าย  “แล้วไง  สถิติคนใหม่คราวนี้เป็นยังไงบ้าง ? “



    “มีมาทั้งหมด 50 คน  จากการทดสอบเบื้องต้นแล้วต้องขอบอกว่าพลังแฝงของพวกนี้ค่อนข้างสูงเข้าขั้น  แต่เสียที่ความสามารถในการบังคับควบคุมยังไม่ดีนัก  ลำบากท่านแล้วล่ะค่ะ  ท่านรองผู้บัญชาการ  เพราะท่านเฟิร์สสั่งให้ท่านเป็นผู้ดูแลฝึกสอนพวกเด็กใหม่ทั้งหมดที่จะเข้าสังกัดเรา  12 คนนี้ค่ะ”  หญิงสาวเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะขณะยื่นบอร์ดที่มีประวัติส่วนบุคคลปรากฏอยู่บนหน้าจอส่งให้



    “โดนพี่สาวคนสวยเล่นเข้าให้แล้วสิเรา”  ว่าพร้อมกับคลิกเลื่อนข้อมูลจากบอร์ดในมือขึ้นดูผ่าน ๆ  อย่างไม่ให้ความสนใจเท่าใดนัก  แล้วจึงเงยหน้าเมื่อเสียงเชียร์ดังกระหึ่มขึ้นมากะทันหันจากคนกว่า 300 คนในห้องโถงเปิด



    จอภาพขนาดใหญ่ปรากฏเป็นตรารูปหัวสุนัขป่ากำลังแยกเขี้ยวขู่คำรามน่าเกรงขาม  ขณะตัวหนังสือข้างใต้ปรากฏเป็นชื่อกองบัญชาการสีน้ำเงินเข้ม  และบนเวทีทีร่างของหญิงหนึ่งชายสองสวมโค้ทเครื่องแบบเต็มยศที่ดูคล้ายกันแต่ต่างสีปรากฏขึ้น



    หญิงสาวผมสีทองยาวอยู่ในชุดเครื่องแบบกระโปรงแคบสั้นปกเสื้อกว้าง  สวมหมวกปีกตั้งทรงกลมสูงและรองเท้าบูทสูงถึงหัวเข่าส้นเข็ม  สวมเสื้อโค้ทตัวใหญ่ยาวที่เป็นทั้งโค้ทและเสื้อคลุมในตัวเดียวกันทั้งหมดเป็นสีขาวล้วนรับกันดีกับสีผิวโดยมีผ้าพันคอผืนกว้างยาวสีขาวขอบสีดำสนิทพาดอยู่บนบ่า  ยืนเด่นอยู่ตรงกลางระหว่างชายสองคน



    คนหนึ่งเสยผมดำขลับขึ้นเปิดหน้าผากสวมทับด้วยหมวกทรงกลมแบนปีกกว้างสีแดงสด  เครื่องแบบคล้ายชุดสูททักซิโด้ที่ชายเสื้อด้านหลังยาวเป็นพิเศษ  รองเท้าบูทคู่ใหญ่ดูหนาหนัก  สวมทับด้วยเสื้อโค้ทยาวใหญ่สีแดงที่มีปกเสื้อและแขนเสื้อบริเวณข้อมือเป็นสีดำสนิท  มีผ้าพันคอสีดำขอบแดงผืนยาวพาดทบกันอยู่บนบ่า



    ขณะชายอีกคนมีผมสีออกเทาอ่อนทรงรากไทรยาวระต้นคอสวมหมวกกลมไม่มีปีกหมวก  เครื่องแบบชั้นในเป็นเสื้อคอเต่าทับด้วยเสื้อนอกแขนยาวชายเสื้อคล้ายเสื้อโค้ทปิดลงมาถึงครึ่งหน้าแข้ง  กางเกงขายาวเนื้อเรียบลื่นเป็นมันเงา  สวมรองเท้าหนังขัดมัน  คลุมทับด้วยเสื้อคลุมด้านหน้ายาวแค่ข้อศอกขณะด้านหลังเป็นชายสามเหลี่ยมยาวเกือบถึงข้อเท้า  ทั้งหมดเป็นสีดำล้วนที่ทำให้มองเห็นกลัดประจำตำแหน่งและสังกัดกองพลรวมทั้งกระดุมต่าง ๆ ได้ชัดเจน



    ทั้ง 3 คนยืนอยู่ตรงกลางเวทีต่างเป็นชายหนุ่มหญิงสาววัยรุ่นใบหน้ารูปร่างจัดว่าดูดีมาก  และจุดที่หากสังเกตทันจะรู้ว่าทั้งสามมีอีกสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือดวงตาข้างหนึ่งเป็นสีเขียวใสและมีแสงเรืองอ่อน ๆ แบบเดียวกันไม่มีผิดไม่ข้างใดก็ข้างหนึ่ง



    เสียงที่ดังกระหึ่มเริ่มเบาลงจนเงียบกริบเมื่อหญิงสาวผมทองก้าวเท้าล้ำออกมาจากตำแหน่งเดิม  และยืนท้าวสะเอวไว้ข้างหนึ่งก่อนกวาดดวงตามองไปรอบ ๆ โถงกว้างใหญ่  “ก่อนอื่นขอต้อนรับเจ้าหน้าที่หนุ่มสาวที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในวันนี้ทุกคน”  ริมฝีปากแต้มสีแดงระเรื่อยิ้มกว้างขับให้ใบหน้างามยิ่งดูเด่นชัดดึงดูดสายตาผู้คนไม่เว้นแม้แต่จะเป็นกับผู้หญิงด้วยกัน  



    “ฉันคือเฟิร์ส !  ผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังคุ้มครองตนเอง NEG  และเป็นผู้บัญชาการกองพลสังกัด White Wolf  รับผิดชอบถ่ายทอดคำสั่งต่าง ๆ โดยตรงจากภายนอกและเป็นผู้มีอำนาจสั่งการกับพวกเธอในกองกำลังแห่งนี้ทุกคนโดยสิทธิ์ขาดไม่มีข้อยกเว้น  ขอบอกไว้ก่อนว่าอย่าคิดว่าอยู่ที่นี่แล้วจะทำอะไรก็ได้  เรามีกฏเกณฑ์ที่ทุกคนต้องจำให้ขึ้นใจและการฝ่าฝืนกฏไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามย่อมต้องรับการลงโทษ  นอกเหนือจากการปฏิบัติภารกิจนอกสถานที่แล้ว  ทุกคนยังต้องเรียนรู้วิชาสามัญเพราะที่นี่เราไม่ต้องการแค่คนที่มีพลังแฝงหรือจับอาวุธเท่านั้น  แต่เราต้องการคนฉลาดมีความรู้ด้วย  จากนี้จะเป็นการอธิบายกฏเกณฑ์และสิ่งพื้นฐานต่าง ๆ ที่พวกเด็กใหม่ทุกคนต้องรู้  ขอให้รับฟังไว้ดี ๆ ! “



    ชายชุดเครื่องแบบสีแดงสดก้าวออกมาในระดับเดียวกันพร้อมรอยยิ้มที่ดูออกจะกวนอารมณ์นิด ๆ บนริมฝีปาก  “ฟังให้ดีเจ้าพวกหน้าใหม่ทั้งหลาย ! “  เขาเริ่มต้นพูดด้วยเสียงดังที่ทำให้ผู้ฟังสะดุ้งเฮือก  “ฉันคือ เซคันด์  รองผู้บัญชาการสูงสุดและเป็นผู้บัญชาการกองพลสังกัด Red Wolf  หน้าที่ของฉันคือผู้คุมกฏ  NEG มีกฏมากมายตั้งแต่ความผิดระดับแค่การเข้าเรียนสายไปจนถึงการทำร้ายร่างกายหรือร้ายแรงกว่านั้น  รายละเอียดไปอ่านในคู่มือที่อยู่ในห้องพักของแต่ละคนเอาเองฉันขี้เกียจพูดมาก  แต่จงรู้ไว้ซะ !  กฏหยุมหยิมพวกนั้นมีไว้เพื่อคุ้มครองพวกนายเอง  ใครไม่ทำตามจับไม่ได้ก็แล้วไปแต่ถ้าจับได้เมื่อไหร่ก็เตรียมตัวยืดอกรับผลของตัวเองได้ ! \"



    \"มีกฏมารยาทที่ไม่อยู่ในคู่มือ 2 – 3 ข้อที่ต้องเตือนกันไว้ก่อน  ข้อแรก !  ระหว่างการเรียนการสอนหรือนอกเหนือจากการปฏิบัติภาระกิจใครจะคุยกันยังไงก็แล้วแต่  แต่เมื่อถึงเวลาต้องออกปฏิบัติงานขอให้ระมัดระวังการพูดคุยให้ดีเพราะเพื่อนในห้องเรียนอาจมีตำแหน่งในการรบไม่เท่ากัน  เราต้องเคารพตำแหน่งชนชั้นด้วยไม่อย่างนั้นการสื่อสารอาจเกิดการสับสนได้  ข้อสอง ! ในยุคสมัยนี้เราไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่  ดังนั้นเวลาไหนที่เราสนุกได้ก็จงสนุกกับมันให้เต็มที่ไม่อย่างนั้นพวกนายจะเสียใจภายหลัง  สุดท้าย !  พวกนายทุกคนที่มาอยู่ที่นี่ได้ขายร่างกายตัวเองให้กับ NEL และ NEG แล้ว  ไม่ว่าพวกนายจะมีญาติหรือครอบครัวอยู่ภายนอกหรือไม่แต่เมื่อเข้ามาที่นี่ขอให้จำไว้  พวกนายไม่มีครอบครัวไหนอีกนอกจากพวกเรา  ไม่มีการติดต่อออกไปภายนอกทั้งสิ้นไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตามนอกเหนือไปจากการปฏิบัติหน้าที่  จำไว้ให้ดี !  ของฉันก็มีแค่นี้ล่ะ”



    ชายคนสุดท้ายระบายลมหายใจออกแผ่วก่อนก้าวออกมา  “ฉันคือ เธิร์ด  รองผู้บัญชาการสูงสุด  บัญชาการกองพลสังกัด Black Wolf  หน้าที่คือการรับผิดชอบดูแลระบบต่าง ๆ ทั้งอาคารหอพักและอาคารศูนย์บัญชาการรวมไปถึงคลังอาวุธ  หลักสูตรการเรียนการสอนและการจัดงานต่าง ๆ ทั้งหมด  ใครมีปัญหาอะไรขัดข้องด้านสถานที่หรืออยากจัดงานอะไรเมื่อไหร่สามารถเสนอมาให้ฉันตัดสินใจได้  แต่ขอทีว่างานสังสรรค์ไร้สาระอย่ามีให้บ่อยนัก  แค่ปัจจุบันเราก็มีเทศกาลงานต่าง ๆ เกือบจะเดือนละครั้งแล้ว  อย่าลืมว่าพวกเธอส่วนมากยังอายุไม่ถึง 18  เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จึงยังเป็นข้อห้ามสำหรับที่นี่  อย่าหวังว่าฉันจะอนุญาตให้มีวางขายกันตามร้านสะดวกซื้อในหอพักได้ง่าย ๆ \"



    \"เรื่องที่จะแจ้งให้คนใหม่รู้คือระบบเงินเดือน  พวกเธอทุกคนถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งดังนั้นเรามีค่าใช้จ่ายให้ทุกเดือน  อัตรามากน้อยขึ้นอยู่กับระดับความสามารถทั้งทางการเรียนและการปฏิบัติภาระกิจรวมถึงตำแหน่งที่เธอเป็นด้วย  ส่วนรายละเอียดทั้งอัตราค่าใช้จ่ายและสถานที่ต่าง ๆ ที่จัดบริการทั้งสองอาคารให้หาอ่านเองจากคู่มือ  มีคำแนะนำเดียวสำหรับคนที่อยากรวยคือขยันเข้าไว้แล้วจะดีเอง”  ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบางทำให้ใบหน้าเรียบเฉยคล้ายสวมหน้ากากเมื่อครู่ดูอ่อนโยนลงในพริบตา



    “ขอให้ทุกคนจำเอาไว้ !  หน้าที่ของเราคือการปกป้องคุ้มครองศูนย์วิจัยและเมืองนี้  พลังอำนาจที่เรามีนั้นเราได้รับมา  เราผ่านการคัดเลือก !  ผ่านการทดสอบหนักหน่วงครั้งแล้วครั้งเล่า  เรา ! คือผลผลิตที่ดีที่สุดและยอดเยี่ยมที่สุด !  ดังนั้นสิ่งที่เราเชื่อใจได้ไม่ใช่เครื่องมือทันสมัยที่เรามี  ไม่ใช่อาวุธอานุภาพสูงไร้สาระที่วางขายเกลื่อนทั่วเมือง  แต่เป็นตัวเราเอง !  ตัวเราเองเท่านั้นที่เราไว้ใจได้มากที่สุด !  จงเชื่อในพลังความสามารถของตัวเองและใช้สิ่งที่เรามีให้เป็นประโยชน์สูงสุด  เรา ! . . . กองกำลัง NEG  คือผู้คุ้มครองที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมาของมนุษย์ !! “  หญิงสาวคนเดียวบนเวทียกพื้นยกมือขึ้นรับเสียงตอบรับที่ดังกระหึ่มขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันจนรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือนพร้อมกับคลี่รอยยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ  



    “เอาล่ะ . . ทีนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว  ทุกคนแยกย้ายกันเข้าเรียนตามปกติได้  ส่วนพวกเด็กใหม่วันแรกจะเป็นการเดินชมสถานที่  พวกเธอจะถูกแบ่งออกเป็น 3 กองตามสังกัดและจากนั้นจะมีคนนำไปห้องพัก  เขาจะเป็นผู้รับผิดชอบพวกเธอต่อไป  ขอให้ปีหน้าฉันยังเห็นพวกเธออยู่กันครบทุกคนนะ”



    แวบหนึ่งที่บางคนทันสังเกตเห็นดวงตาข้างที่เป็นสีเขียวใสนั่นสะท้อนประกายอะไรบางอย่างออกมา  แต่ไม่ทันได้พิจารณาร่างของทั้ง 3 ก็ก้าวกลับหายเข้าไปด้านหลังม่านข้างเวทีเรียบร้อยแล้ว



    เฟิร์สก้าวลงจากแท่นลิฟท์เวทีเป็นคนแรกก่อนก้าวมาหยุดลงตรงหน้า  “อ้าว  มาแล้วเหรอจ้ะ  อาร์ค  ตื่นสายล่ะสิวันนี้ฉันถึงไม่ได้เห็นเธอด้านหลังก่อนเริ่มปฐมนิเทศน์”  ริมฝีปากเคลือบสีแดงคลี่ยิ้มบางแทนคำทักทายที่ไม่ได้เอ่ยออกมา



    “ขอโทษครับ เฟิร์ส  แต่ผมก็มาถึงก่อนเริ่มปฐมนิเทศน์แล้วนะครับไม่ได้มาสาย  แต่คุณก็เล่นงานผมกลับแล้วนี่ครับ  ถึงได้โยนงานดูแลเด็กใหม่ที่ปกติต้องให้พวกหัวหน้าหน่วยทำมาให้ผมแบบนี้”  ชายหนุ่มเอามือลวงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างพร้อมกับผ่อนลมหายใจออกแรงอย่างออกอาการเซ็งทำให้อีกฝ่ายหัวเราะคิก



    “ก็นายเข้าประชุมสายตั้ง 3 ครั้งแล้วเฉพาะเดือนนี้นี่”  ชายในชุดเครื่องแบบสีแดงสดเดินเข้ามาสมทบพร้อมกับท้าวแขนวางลงบนบ่าอาร์คอย่างถือสิทธิ์ที่ตัวเองสูงกว่า  “ตามกฏจริง ๆ แล้วนายควรโดนหักเงินเดือนนะ  แต่นายก็โดนหักไปหลายรอบแล้วขืนหักมากกว่านี้นายได้กินแกลบแน่  ก็เลยตัดสินใจให้นายรับงานนี้ไปทำไงล่ะเจ้าหนู”  เอ่ยจบก็เปล่งเสียงหัวเราะใบหน้าบอกบุญไม่รับของอีกฝ่ายดังลั่น



    “พักนี้เห็นว่าตื่นสายอยู่เรื่อยไม่ใช่หรือไง ?  อาร์ค”  ชายชุดดำเดินเข้ามาถามเรียบ ๆ อีกข้างแทนที่เลขาฯสาวผมดำซึ่งถอยไปจัดการเรียกรวมตัวเด็กใหม่ก่อนหน้านี้  “เป็นอะไรไป ?  เมื่อก่อนต่อให้นายเถลไถลเที่ยวดึกถึงเช้ายังไงนายก็ไม่เคยเข้าประชุมสายเลยสักครั้ง  มีอะไรให้กังวลหรือเปล่า ? “



    ชายหนุ่มนิ่งเงียบชั่วครู่ก่อนส่ายศีรษะด้วยท่าทีอ่อนลง  “แค่ฝันไร้สาระเท่านั้นล่ะครับ  แล้วยัยทริเซียตัวดีก็ดันเรียกมาตอนอีกครึ่งชั่วโมงเริ่มพิธีแทนที่จะปลุกผมก่อนล่วงหน้าสักชั่วโมง”  เขาโคลงศีรษะเล็กน้อย  “เอาเถอะครับ  ถือว่าผมผิดเองก็ได้  ขอตัวไปทำงานตามบทลงโทษก่อนนะครับท่านผู้นำ”  ก้มศีรษะลงแค่พอเป็นพิธีแล้วจึงแยกผละมาหาสาวผมดำที่ยืนรออยู่หน้าแถวคนเข้าใหม่อยู่ก่อนแล้ว



    หญิงสาวมองตามหลังคนทั้ง 3 ที่ก้าวหายไปจากสายตาก่อนตวัดมองชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามาหยุดลงข้างตัว  “ยังเป็นที่รักที่เอ็นดูของเหล่าผู้นำสูงสุดเหมือนเคยนะคะ  ท่านรองอาร์ค”



    “พูดมากน่า ทริเซีย  เธอน่ะตัวดีต้องอยู่ช่วยฉันด้วยล่ะ  เคยรับหน้าที่ดูแลเด็กใหม่เสียกับใครเขาที่ไหนกัน”  ว่าพร้อมกับดึงคลายเนคไทด์ออกจากคอให้หลวมด้วยความอึดอัดไม่เคยชิน



    เลขาฯสาวถอนหายใจแรงขณะยกบอร์ดในมือขึ้น  “ทราบดีอยู่แล้วค่ะ  ท่านอาร์ค  อันดับแรกเราจะพาพวกเขาไปแนะนำอาคาร B ก่อน  เริ่มจากหอพักและให้พวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเครื่องแบบของเราให้เรียบร้อย  จากนั้นการแนะนำสถานที่ถึงเริ่มต้นขึ้นค่ะ”



    เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนพยักหน้ารับรู้  “เอาล่ะ !  เด็กใหม่ทั้งหลาย  พวกนายโชคดีนะที่ฉันต้องมาเป็นคนดูแลพวกนายตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงปีหน้า  ฉันคือ อาร์ค พรีเวลส์  รองผู้บัญชาการกองพลสังกัด White Wolf “  ชายหนุ่มกวาดสายตามองเด็กรุ่น ๆ กว่า 10 คนตรงหน้าผ่าน ๆ พร้อมกับนึกปรามาสในใจว่าน่าจะเหลือไม่ถึง 10 คนเมื่อครบปีที่จะได้กลับมายืนอยู่ตรงนี้ที่เดิม  น่าเสียดายกำลังคนจริง ๆ  “ก่อนอื่นพวกนายต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องพักของแต่ละคนจากนั้นเราจะเริ่มชมสถานที่กัน  นี่ไม่ใช่ทัวร์ท่องเที่ยวดังนั้นขอร้องล่ะว่าเดินตามมากดี ๆ อย่าวอกแวกเพราะฉันไม่คิดจะมานั่งตามหาเด็กหลงทางในอาคารใหญ่ขนาดนี้ให้เสียเวลาหรอกนะ  ตามมา !  ฉันจะพาไปหอพักของพวกนายก่อน”



    ---------------------------------------------------------------



    ชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังก้มเก็บถุงข้าวของที่เพิ่งทำหล่นอยู่บนพื้น  จึงเหลือบไปเห็นเงาคนท่ามกลางฝุ่นที่เกิดจากลมกลางคืนนอกประตูรั้วลวดโลหะโดยบังเอิญ  มองจากจากภายนอกแล้วพอจะประมาณได้ว่าคนทั้งคู่ที่กำลังเดินตรงมาเรื่อย ๆ น่าจะเป็นวัยรุ่นอายุไม่ถึง 20ปี  สภาพผ้าคลุมที่สวมปิดมิดชิดตั้งแต่ศีรษะลงมาจนถึงข้อเท้าเต็มไปด้วยฝุ่นผงสกปรกซึ่งคาดว่าเกิดจากการเดินทางไกล  เพราะในปัจจุบันแต่ละเมืองนั้นอยู่ห่างจากกันมาก  เมืองที่ใกล้ที่สุดก็ใช้เวลาเดินทางไม่ต่ำกว่า 2 วัน  และไหนจะอุปสรรคต่าง ๆ ที่อยู่ภายนอกรั้วนั่นอีก  ถ้าไม่ได้รับการส่งไปจากพวกผู้ปกครองเมืองก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เดินทางกันอย่างปลอดภัย  2 คนที่กำลังมานี่อาจจะเป็นผู้รอดชีวิตจากขบวนนักเดินทางกลุ่มไหนสักกลุ่มแน่ ๆ



    ชายคนนั้นรีบวางถุงข้าวของที่ถือเต็มอ้อมแขนลงบนโต๊ะใกล้ประตูบ้านเก่า ๆ หลังหนึ่ง  แล้วรีบพาร่างผอมแห้งไปยังประตูรั้วเร็วที่สุดเท่าที่สังขารจะอำนวย  มือที่แทบจะมีแต่กระดูกเอื้อมดึงสลักหนาหนักออกแล้วผลักให้ประตูโลหะแง้มเปิดออกกว้างพอให้คนรูปร่างบาง ๆ เดินผ่านได้  “นี่พวกเธอ !  เข้ามาเร็ว ๆ เข้า  อีกไม่กี่นาทีเขาจะเปิดเกราะถึงตอนนั้นก็เข้ามาไม่ได้แล้วนะ !  “  เขาตะโกนลั่นแล้วต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินสัญญาณและไฟบนยอดเสาข้างประตูกำลังกระพริบจึงหันมาตะโกนะเร่งอีกครั้ง  “เร็วเข้า !   วิ่งมาเร็ว ๆ !  เกราะกำลังจะเปิดแล้ว !! “



    กระทั่งร่างในผ้าคลุมเปรอะเปื้อนวิ่งเข้ามาจึงรีบดึงประตูและลงสลักเรียบร้อย  ทันพอดีกับไฟกระพริบนั่นสว่างจ้าและสัญญาณเสียงเงียบหายไป  กำแพงสีฟ้าอ่อนโปร่งก็ใสปรากฏขึ้นจากฐานโลหะของกำแพงรั้วคลุมเป็นรูปโดมโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ยอดอาคารสูงกลางเมือง  “พวกเธอโชคดีนะที่บ้านฉันอยู่ตรงนี้เลยเห็นเข้าไม่อย่างนั้นคืนนี้พวกเธออาจเอาชีวิตไม่รอดข้างนอกนั่นก็ได้  เฮ้อ . . เมื่อก่อนสมัยฉันยังเด็กไม่เคยต้องมีอะไรแบบนี้เลยแท้ ๆ  แต่มาเดี๋ยวนี้คนอ่อนแออย่างเราก็ต้องอาศัยอยู่แบบนี้ล่ะนะ”  



    ชายร่างผอมละสายตาจากกำแพงแสงสีฟ้าอ่อนนั่นมาหาร่างในผ้าคลุมสกปรกทั้งสอง  “มีญาติอยู่ที่นี่รึเปล่า ?  ถ้าไม่มีพวกเธอจะอาศัยบ้านตรงข้ามนั่นก็ได้นะ  บ้านนั้นร้างคนแต่ยังมีข้าวของเครื่องใช้อยู่ครบ  น้ำท่าไฟฟ้าก็ยังดีอยู่ขาดก็แต่อาหารเท่านั้น  ถ้ายังไงมากินด้วยกันมั้ยล่ะ ?  หรือจะเอาไปกินกันเองก็ได้นะฉันจะแบ่งให้”



    “ไม่เป็นไรค่ะ  ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเหลือ”  เสียงที่ตอบกลับมาของหนึ่งในสองคนนั้นเป็นเสียงของหญิงสาววัยรุ่นที่ดูจะร่าเริงสดใสดี  ขณะที่อีกคนไม่เอ่ยอะไรเพียงแต่ก้มศีรษะเล็กน้อยให้แทนคำขอบคุณแล้วก้าวผละไปเท่านั้น



    ชายร่างผอมถือถุงค้างหน้าประตูบ้านมองจนทั้งคู่ก้าวหายเข้าไปในบ้านหลังตรงข้ามที่ว่า  แล้วจึงส่ายศีรษะเล็กน้อยก่อนเปิดประตูเข้าบ้านไปอย่างไม่คิดอะไร



    ---------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×