ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Dreamer
ดวงตาสีฟ้าจางหรี่ลงเล็กน้อยขณะทอดมองเงาร่างบุคคลผู้หนึ่งซึ่งปรากฏอยู่บนหน้าจอมอนิเตอร์ลอยตรงหน้า  “รับทราบค่ะ  ท่านศาสตราจารย์”  หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีทองสว่างกล่าวตอบเสียงเรียบก่อนปิดหน้าจอลงแล้วระบายลมหายใจออกแผ่ว
ร่างเพรียวลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมตัวเดิมของตน  แล้วก้าวไปยังกำแพงกระจกใสเบื้องหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่  ริมฝีปากเรียวเคลือบสีแดงระเรื่อกรีดรอยยิ้มบาง  “เอาล่ะ . . ดูสิว่าโนร์นต้นแบบทั้งสองคนจะทำยังไงต่อไปเมื่อก้าวเข้าไปใน NEL ได้ ฉันถือว่าฉันช่วยแล้วนะ”  กระแสเสียงเอ่ยกลั้วหัวเราะเพียงแผ่วเบาขณะดวงไฟภายในห้องที่เมื่อครู่สว่างจ้าเริ่มหรี่ลงจนเหลือเพียงแสงสลัว  และมีร่างเพรียวระหงของหญิงสาวยืนอยู่ตามลำพังในห้องส่วนตัวของตน
---------------------------------------------------------------
“พวกเธอคิดว่าจะได้เข้าไปงั้นรึ ?  ไลอา  โนอาห์”  หญิงสาวผมสีน้ำตาลดำเอ่ยปากถามเรียบ ๆ ขณะนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหยิบแก้วน้ำที่วางบนโต๊ะตรงหน้าขึ้นดื่ม
“ได้สิ  แน่นอนเลยล่ะ”  สาวผมแดงที่นั่งร่วมโต๊ะอีกคนตอบกลับกลั้วเสียงหัวเราะระรื่น  “ผู้หญิงคนนั้น . . ผู้บัญชาการสูงสุดคงรู้สึกถึงตัวตนของพวกเรา  ถ้าที่อาร์คพูดว่าเธอสามารถเข้าออก NEL ได้อย่างอิสระเป็นความจริงเธอย่อมรู้ว่าพวกเราเป็นใคร  ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกนักวิจัยจะต้องการตัวเรา . . พวกเขาต้องเปิดแขนรับแน่”  ดวงตาสวยคมหรี่ลงเล็กน้อยซ่อนประกายวาววับเอาไว้ขณะจิบของเครื่องดื่มที่อยู่ในมือ
ดวงตาสีเทาเรียบเย็นเหลือบเห็นชายผมสีน้ำตาลอ่อนกำลังเดินเข้ามาจากบริเวณทางเข้าของสวนอาหาร  “ข่าวมาแล้ว  ไลอา”  โนอาห์เอ่ยขึ้นเรียบ ๆ พร้อมกับยืดกายขึ้นนั่งตัวตรงพอดีกับที่อาร์คก้าวมาถึงโต๊ะที่ทั้งสามคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“ฉันมีข่าวมาส่งให้พวกนาย”  ริมฝีปากเรียวกรีดรอยยิ้มบางก่อนวางซองสีขาวเรียบสามซองลงบนโต๊ะกระจกกลม  “ของขวัญสำหรับพวกนายสามคนรวมทั้งฉันด้วย  นี่เป็นบัตรผ่านเข้าสู่ศูนย์วิจัย NEL  กำหนดวันคือวันมะรืนนี้จะเป็นวันทัศนศึกษาของพวกเราสี่คน  ท่านเฟิร์สจะเป็นผู้นำทางพวกเราด้วยตัวเอง  เอาล่ะเป็นไง  ที่นี้พอใจกันรึยัง ? “
เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มหยิบซองขาวขึ้นมาฉีกออกตรง ๆ ต่อหน้าจนเห็นถึงเนื้อในซึ่งบรรจุแผ่นกระจกสีฟ้าใสที่มีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของแผ่นบันทึกข้อมูลและบางกว่า  เจาะรูที่มุมด้านหนึ่งคล้องติดกับสายห้อยคอเอาไว้พร้อมสรรพ  ชายหนุ่มระบายยิ้มพึงพอใจขึ้นจาง ๆ บนเรียวปากชั่วพริบตา  ก่อนเก็บแผ่นกระจกลงในกระเป๋าเสื้อของตนเรียบร้อยมิดชิด
---------------------------------------------------------------
เมื่อตะวันลาลับ  ฉันลืมตาตื่นขึ้นจากความฝัน
ดวงจันทร์กำลังขึ้น . . . ณ อีกฟากฝั่งทะเลคราม
ความมืดโรยตัวลงมา . . . และฉันทำได้เพียงเฝ้ามอง
---------------------------------------------------------------
อาร์คเปิดเปลือกตาขึ้นมองสบความมืดรอบกาย  ริมฝีปากเรียวระบายยิ้มบางเบาก่อนผ่อนลมหายใจออกแผ่ว  “คงรู้เรื่องที่พวกเราจะเข้าไปหาเธอใน NEL แล้วสินะ  ลีอา”  ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ เป็นการเริ่มต้นบทสนทนาท่านกลางความเงียบ  “เรามีเวลากันแค่วันเดียวแต่ศูนย์วิจัยกว้างขวางใหญ่โตขนาดนั้นไม่รู้จะหาเธอเจอหรือเปล่า  ไม่คิดจะช่วยพวกเราหน่อยรึไง  เธอต้องการให้เราช่วยไม่ใช่หรือ  ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยทำเรื่องให้มันง่ายเข้าหน่อยสิ”
‘ . . . นี้  ตามมา . . ทางนี้’
เสียงแผ่ว ๆ ที่ได้ยินจากเบื้องหลังทำให้ชายหนุ่มหันกลับรวดเร็ว  จึงมองสบเข้ากับร่างเล็ก ๆ เรืองแสงลางเลือนทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจนนัก  “นั่นเธอหรือเปล่า ?  ลีอา”
ร่างของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นั่นหันกลับและเริ่มกระโดดไปมานุ่มนวลคล้ายอยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก  ทุกครั้งที่เท้าสัมผัสพื้นที่มืดดำจนมองไม่เห็นจะปรากฏวงแสงเหมือนระลอกน้ำสีฟ้าเขียวสว่างกระจายออก  และจากปลายระลอกคลื่นกลับแผ่ออกกลายเป็นแผ่นกระจกซึ่งมีภาพต่าง ๆ ปรากฏให้เห็นลอยผ่านตัวเขาไป
ชายหนุ่มตวัดดวงตามองตามแผ่นกระจกที่ลอยผ่านมาเรื่อย ๆ  บางภาพเป็นทางเดินสีขาวเรียบ ๆ  ภาพของส่วนกลางอาคารอะไรสักแห่งซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องจักรกลและผู้คนสวมชุดขาวยาวมากมาย  ภาพที่มีลิฟท์ซึ่งเขียนหมายเลขสี่สีแดงขนาดใหญ่บนประตูโลหะสุดทางเดินตรงหน้า  ทางเดินที่มีพื้นสีเขียวซึ่งผิดจากทางเดินทั่วไปที่เห็นเป็นพื้นโลหะสีเทาธรรมดาและกำแพงสีขาวที่มีตัวอักษรสีแดงรวมกันว่า ZONE Z ตัวใหญ่ประทับอยู่ 
และภาพสุดท้ายที่ปรากฏบนแผ่นกระจกซึ่งลอยมาหยุดลงต่อหน้า  คือภาพของประตูโลหะดูหนาทึบมีตัวอักษรเป็นรหัส A Z : 00 อยู่บนบานประตู  ก่อนภาพซึ่งเคยเป็นแค่ภาพนิ่งมาตลอดจะเคลื่อนไหว  บานประตูโลหะเลื่อนเปิดออกไปทางด้านข้างปล่อยแสงสีขาวสว่างจ้าส่องกราดออกมา  รุนแรงจนชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นกันด้วยไม่สามารถทนสู้สายตาได้ไหว
---------------------------------------------------------------
ฝ่ามือใหญ่เลื่อนขึ้นปิดสัญญาณนาฬิกาปลุกที่ดังออกมาจากแผงควบคุมเล็ก ๆ บนกำแพงเหนือศีรษะก่อนชายหนุ่มจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง  ดวงตาสีเขียวเข้มเหลือบมองตัวเลขดิจิตอลบอกวันเวลาที่ปรากฏให้เห็นเล็กน้อยก่อนระบายลมหายใจออกแผ่ว
“วันนี้แล้วสินะ  ลีอา . . ถ้าฉันได้พบเธอคราวนี้ฉันคงได้รู้เสียทีว่าฉันเป็นใคร . . . “
---------------------------------------------------------------
ภายในห้องโถงชั้นบนสุดของหอคอยทั้งหกแห่งคือที่ตั้งของทางเชื่อมพิเศษซึ่งเชื่อมต่อเข้าสู่อาคารศูนย์วิจัย NEL โดยตรง  ซึ่งปกติแล้วจะปิดเอาไว้ไม่ให้ผู้คนจาก NEG ใช้งานโดยพลการ  และมักใช้เป็นการออกจาก NEL สู่อาคารกองกำลังมากกว่า  หากครั้งนี้ถือเป็นกรณีพิเศษซึ่งมีไม่กี่ครั้งที่จะมีการใช้งานจากทาง NEG
หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีทองสว่างในชุดเครื่องแบบสีขาวเต็มยศยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว  โดยมีชายสองคนผู้รั้งตำแหน่งรองผู้บัญชาการสูงสุดซึ่งก็อยู่ในเครื่องแบบเต็มยศของตนเองยืนขนาบอยู่ใกล้ ๆ
“ถึงขนาดต้องรบกวนเหล่าผู้นำสูงสุดทั้งสามคนมาเป็นผู้นำทางให้เลยหรือครับนี่”  อาร์คเอ่ยขึ้นกลั้วเสียงหัวเราะทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องโถงและเห็นคนทั้งสามยืนอยู่กลางโถงกว้าง
ริมฝีปากเรียวเคลือบสีแดงระเรื่อกรีดรอยยิ้มบาง  “แค่บังเอิญมีธุระใน NEL พร้อมกันต่างหากล่ะจ๊ะ  อาร์ค”  เฟิร์สเอ่ยเสียงใสขณะดวงตาเรียวสวยสีฟ้าจางเหลือบมองชายหญิงอีกสามคนที่เดินตามร่างสูงมาติด ๆ เบื้องหลัง  “พร้อมกันทุกคนแล้วใช่มั้ย  เอาล่ะ  จะเปิดประตูทางเชื่อมล่ะนะ  เตรียมบัตรผ่านให้เรียบร้อยด้วยเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”  ว่าพร้อมกับก้าวนำขึ้นไปยืนบนแท่นโลหะที่ลอยอยู่เหนือพื้นเล็กน้อยแล้วเหยียบเท้าลงบนแถบกระจกสีแดงขนาดกว้างยาวพอดีฝ่าเท้า  ไฟสีแดงสว่างขึ้นและแท่นโลหะถูกแก้วใสหนาเลื่อนครอบลงจากเพดานเรียบ
หญิงสาวผมทองเปลี่ยนเท้ามาเหยียบลงยังแทบกระจกสีเขียวข้าง ๆ ซึ่งก็ติดไฟสีเขียวขึ้นตอบรับ  ราวจับโลหะจึงเลื่อนขึ้นจากขอบแท่นล้อมกรอบโดยรอบสำหรับกันตก  ก่อนแท่นโลหะจะลอยขึ้นผ่านเพดานที่เลื่อนเปิดเป็นช่องวงกลมขึ้นไปตามท่อมืดที่มีดวงไฟเล็ก ๆ เรียงเป็นทาง  ใช้เวลาครู่ใหญ่ความมืดของท่อจึงหายไปและแท่นโลหะเคลื่อนเข้าสู่ส่วนทางเชื่อมที่มีลักษณะคล้ายท่อพลาสติกใส  สามารถมองออกไปเห็นสภาพแวดล้อมภายนอกได้ชัดเจน
“ว้าว . . . มองจากด้านบนแล้วอาคารกองกำลังเป็นแบบนี้นี่เอง”  หญิงสาวผมแดงท้าวแขนลงบนราวขณะชะโงกออกไปมองผ่านผนังทางเชื่อมสู่กลุ่มอาคารสองหลังรูปวงกลมที่วางซ้อนกันสองชั้น  โดยที่หลังคาของหอคอนที่ตนยังยืนอยู่เมื่อครู่นั่นกำลังห่างออกไปทุกที  ขณะเดียวกันอาคารทรงกระบอกสูงที่อยู่บริเวณกึ่งกลางอาคารวงแหวนทั้งสองก็กำลังใกล้เข้ามาทีละนิด
เซเรนีต้ายิ้มอย่างนึกเอ็นดูท่าทางนั้นก่อนหันกลับไปหาชายผมสีน้ำเงินเข้ม  “เธอกับไลอาไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลยนะ  โนอาห์  ฉันเสียอีกที่เครียดจะแย่อยู่แล้ว  ยิ่งนึกถึงเรื่องที่พวกนักวิจัยนั่นทำกับเรย์แล้ว . . ฉันก็ . . ฉัน . . “
ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกเล็กน้อย  ฝ่ามือตบลงเบา ๆ บนบ่าลาดของร่างเพรียวโดยไม่พูดอะไร
มือเรียวเลื่อนขึ้นบีบกระชับมือที่วางนิ่งบนบ่าตนชั่วครู่  “ขอบใจ  โนอาห์  เธอนี่ก็อ่อนโยนเหมือนกันนะ”  เอ่ยจบจึงเปล่งเสียงหัวเราะแผ่วเมื่อเห็นสีหน้าพิกลของอีกฝ่ายที่ปรากฏขึ้นเพียงชั่วขณะก่อนจะกลับเป็นใบหน้าเรียบนิ่งดังเดิม  แล้วจึงสังเกตเห็นอาการคล้ายกำลังงุนงงกับบางสิ่งบางอย่างของชายผมสีน้ำตาลอ่อนที่อยู่อีกด้านไม่ไกลจากตนนัก  “เป็นอะไรไปคะ ?  ท่านรองอาร์ค”
“เปล่า  ไม่มีอะไร  แค่รู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อยน่ะ”  ชายหนุ่มเอ่ยตอบทั้งที่ยังไม่ละสายตาไปจากอาคารทรงกระบอกสูงซึ่งกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที  ร่างกายดูเหมือนจะสั่นไหวตื่นตัวจนแม้แต่ตัวเองยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ดวงตาสีแดงสดของชายในเครื่องแบบสีแดงเต็มยศจ้องมองชายผมสีน้ำตาลมาตลอดจึงสังเกตเห็นอาการนั้นมาตั้งแต่ต้น  หากเมื่อกำลังจะก้าวเข้าใกล้กลับถูกชายผมสีเทาอ่อนในเครื่องแบบสีดำสนิทรั้งบ่าเอาไว้  “เธิร์ด ? “  คิ้วเรียวขมวดชิดจนกระทั่งเห็นอีกฝ่ายส่ายศีรษะแล้วเหลือบสายตาไปทางหญิงสาวผมทองซึ่งยืนกอดอกพิงราวโลหะหลับตานิ่งมาแต่แรก 
ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกแรงแล้วหันหลับมารวมกลุ่มหากยังคงเหลือบมองเป็นระยะ  “เฟิร์ส  เธอคิดจะทำอะไร ?  คนอื่นน่ะช่างมันแต่อาร์คน่ะ  สำหรับเขาแล้วมันอันตรายเกินไปเธอก็น่าจะรู้ดี”  เซคันด์เอ่ยเสียงแผ่วเกือบเป็นกระซิบแค่ให้พอได้ยินระหว่างกัน
ดวงตาสีฟ้าจางเปิดเปลือกตาขึ้นเหลือบมองผู้พูดเล็กน้อย  นิ้วเรียวยกขึ้นปิดริมฝีปากให้สัญญาณเงียบเสียงลงก่อนเหลียวดวงตากวาดมองผู้ที่อยู่ในลิฟท์ตัวเดียวกันพิจารณาเป็นรายบุคคล  โดยหยุดสายตาลงที่ชายผมสีน้ำตาลอ่อนนิ่งนานเป็นพิเศษแล้วจึงเบือนหน้ากลับไปยังอาคารทรงกระบอกสูง  มองเห็นปากทางเข้าเป็นอุโมงค์ท่อขนาดใหญ่กว่าท่อทางเชื่อเล็กน้อยซึ่งมืดสนิท  มีดวงไฟเล็ก ๆ กระพริบนำอยู่เป็นทางสองด้าน
แท่นโลหะถูกแขนกลขนาดเล็กจับยึดไว้ทันทีที่ออกจากอุโมงค์ทางเชื่อมโปร่งแสง  เพื่อย้ายเข้าสู่ท่อโลหะทึบแนวดิ่ง  แท่นโลหะลดความสูงลงตามท่อจนหลุดออกมาสู่ห้องโถงซึ่งมีขนาดไม่กว้างนักแห่งหนึ่งเมื่อเทียบกับโถงในหอคอยอาคารกองกำลังโดยยังมีครอบแก้วอยู่อีกชั้นหนึ่ง  มองไปโดยรอบก็มีครอบแก้วลักษณะเดียวกันอีกห้าแห่ง  คาดว่าน่าจะเป็นทางเข้าออกของทางเชื่อมจากหอคอยที่เหลือในอาคาร NEG
บานประตูของครอบแก้วเลื่อนเปิดออก  พอดีกับร่างเจ้าหน้าที่ในชุดยาวสีขาวสะอาดผู้หนึ่งก้าวเข้ามา  “สวัสดีเฟิร์ส  เซคันด์  เธิร์ดและเจ้าหน้าที่ทัศนศึกษาทั้งสี่คน  ฉันเป็นคนที่จะมาให้คำแนะนำและเป็นไกด์พาพวกเธอทัวร์ในศูนย์วิจัยแห่งนี้”  ชายในชุดนักวิจัยผมสีเทาเข้มก้าวเข้ามาใกล้และเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร  “ตามมาทางนี้  ฉันจะเป็นคนแนะนำสถานที่ให้เองอย่างที่บอก  อ้อ . . เฟิร์ส  พวกเธอก็มาด้วยกันสิ  พวกเจ้าหน้าที่ทัศนศึกษาจะได้ไม่รู้สึกเกร็งเพราะแปลกที่มากนักเพราะอย่างน้อยก็ยังมีพวกเธอที่เขารู้จักอยู่ด้วย  แล้วก็ . . ฉันชื่อ ไวล์  แฮคการ์ธ  ยินดีที่ได้รู้จัก”
---------------------------------------------------------------
เจ้าของเรือนผมสีแดงสดก้าวเข้ามาแตะสะกิดเบา ๆ ที่ศอกของชายร่างสูงเรียกให้อีกฝ่ายหันกลับมา  “สังเกตมั้ยว่าอาร์คดูลุกลี้ลุกลนแปลก ๆ “  ว่าพร้อมกับที่ดวงตาสีเข้มจับจ้องยังชายผมสีน้ำตาลอ่อนซึ่งหันมองซ้ายทีขวาทีด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น  คล้ายกับกำลังเครียดหรือครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา  ขณะหยุดเดินเป็นระยะตามการนำของไกด์นักวิทยาศาสตร์คนเดิม
ดวงตาสีเทาเรียบเย็นหรี่ลงขณะพยักหน้ารับก่อนหันไปก้าวเข้าใกล้บุคคลในข้อสนทนา  “เป็นอะไร ? “
คำกระซิบถามสั้นง่ายทำเอาชายหนุ่มถึงกับสะดุ้ง  “ขอโทษ . . กำลังคิดเรื่อยเปื่อยน่ะ  ห้องที่ผ่านมาเมื่อครู่น่าสนใจดีนะ  ฉันอยากลองให้พวกนักวิจัยตรวจสอบโมเดลอาวุธต้นแบบที่ฉันทำเองดูบ้าง  ลองดูว่าระหว่างมันสมองของฉันกับกลุ่มนักวิจัยใครเด็ดกว่ากัน” 
ชายหนุ่มเงียบเสียงลงชั่วขณะเมื่อมองสบสายตาอีกฝ่ายที่จ้องตรงมานิ่งจึงยกมือขึ้นข้างหนึ่งอย่างยอมแพ้  “โอเค  ฉันฝันถึงลีอาเมื่อคืนแล้วต้องสะดุ้ง  เธอ . . . บอกให้ตามมาแล้วตอนนี้เรากำลังเดินตามเส้นทางที่หล่อนชี้นำอยู่ในฝัน . . ใกล้แล้ว”
คิ้วเรียวกระตุกชั่วขณะก่อนตวัดสายตามองหญิงสาวผมแดงแล้วค่อยชะลอฝีเท้าลงมาเดินในตำแหน่งเดิม  “เตรียมตัว”  กระซิบแผ่ว ๆ โดยยังคงทีท่าคล้ายสนใจคำพูดของไกด์นำทางที่พล่ามไม่หยุดมาตลอดทาง  แม้จะเป็นการพูดถึงความน่าสนใจและกระบวนการต่าง ๆ ของแต่ละแผนกที่ได้เดินผ่านมา
“และนี่คือห้องที่สำคัญต่อกองกำลัง NEG ของพวกเธอมากที่สุด”  ชายผมสีเทาเข้มในชุดกาวน์ขาวยาวเอ่ยเมื่อหยุดเท้าลงหน้าบานประตูโลหะทึบซึ่งมีตัวอักษรขนาดใหญ่สีเหลืองเป็นรหัส A Z : 00 อยู่บนบานเลื่อนโลหะนั่นด้วยรอยยิ้ม 
“พวกเธอเคยสงสัยกันมั้ยว่าพลังเหนือมนุษย์ที่พวกเราปลูกฝังให้มีที่มาอย่างไร  นี่ไง . . ความลับอยู่หลังประตูบานนี้  อืม . . เราเข้าไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า  สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น  พร้อมแล้วก็เข้าไปเลย”  ว่าพร้อมกับหยิบการ์ดแข็งใบหนึ่งออกจากกระเป๋าเสื้อ  รูดผ่านเครื่องรูดบัตรสีขาวที่มีแป้นหมายเลขข้างประตู  กดรหัสบนแป้นก่อนตามด้วยทาบฝ่ามือที่แถบกระจกสีดำใกล้ ๆ  ครู่หนึ่งบานประตูจึงเลื่อนเปิดออกและไอเย็นลอยฟุ้งออกมากระทบใบหน้าในทันที
เบื้องหลังบานประตูที่เลื่อนเปิดออกเป็นห้องทรงกลมขนาดใหญ่  รายล้อมด้วยผนังทึบ เครื่องจักรกลและแผงควบคุมที่โค้งไปตามผนังห้อง  แบ่งออกเป็นสองส่วนคือชั้นบนซึ่งเป็นชั้นลอยทางเข้าจากประตูเปิดช่องว่างวงกลมส่วนกลางให้มองเห็นชั้นล่าง  ซึ่งเต็มไปด้วยนักวิจัยชุดขาวพลุกพล่านบนพื้นโลหะเรียบสีเทาออกเขียว  โดยบริเวณจุดกึ่งกลางห้องชั้นล่างนั่นเป็นเหมือนเครื่องจักรโลหะทรงกระบอกขนาดใหญ่พอสมควร  เชื่อมสายไฟเส้นหนาหลายสิบเส้นทั้งจากฐานด้านล่างวิ่งไปตามพื้นโลหะระเกะระกะ  และจากด้านบนเชื่อมไปยังเพดานที่อยู่สูงขึ้นไปเหนือชั้นลอยของห้องกว้าง  มีกำแพงกระจกใสกั้นอยู่อีกชั้นหนึ่งก่อนจะเป็นแผงควบคุมและแคปซูลที่วางนอนเรียงรายโดยรอบอีกหกเครื่อง
“นั่นมันเครื่องอะไรน่ะ ?  มีป้ายเขียนอะไรอยู่ด้านบนแต่เล็กจนมองจากตรงนี้ไม่ถนัดเลย”  เซเรนีต้าขยับยืนชิดขอบราวโลหะกันตกของบริเวณชั้นลอย  พยายามเพ่งมองผ่านกระจกใสเข้าไปหากไม่ชัดเจนนักเนื่องจากระยะห่างมีมากเกินไป  ไม่ทันสังเกตกิริยาที่เงียบสงบลงอย่างผิดปกติของกลุ่มคนรอบตัว
ชายผู้นำทางคลี่ยิ้มบางบนริมฝีปาก  “พวกเธอคงจำที่นี่ไม่ได้เพราะหลับอยู่ตลอดตั้งแต่ถูกส่งเข้ามา  แคปซูลนั่นคือเครื่องมือสำหรับปลูกถ่ายพลังงานธรรมชาติลงในตัวเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเองอย่างพวกเธอไงล่ะ  ตามลงมาดูใกล้ ๆ กันเลย  มาสิ  ตามฉันมา”  ว่าพร้อมกับก้าวนำลงบันไดด้านหนึ่งจากบันไดหลาย ๆ จุดที่มีกระจายอยู่ทั่ว
ดวงตาสีเขียวเข้มตวัดมองเครื่องโลหะในกำแพงกระจกไม่วางตา  ขณะรับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่ดูจะหนักหน่วงรุนแรงขึ้นทุกที  “ป้ายนั่นมีตัวอักษร . . อะไรน่ะ  L . E . A . . อืม . . ไอน้ำเกาะมากขนาดนั้นด้านในคงเย็นน่าดู”
“พวกเธอทุกคนเป็นผลผลิตที่ยังไม่สมบูรณ์แบบตามอุดมคติของฉันเท่าไหร่นัก  แต่ก็ถือว่ามีคุณภาพมากสำหรับผลผลิตของโปรเจ็คนี้  ยินดีต้อนรับสู่สถานที่ผลิตบุคลากรในอนาคตภายใต้โครงงาน LEA Project โครงงานเพื่อการบุกเบิกมนุษย์ยุคใหม่  และนี่คือวัตกรรมทางชีววิทยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเรา”  ชายผมสีเทาเข้มเอ่ยด้วยเสียงที่บ่งบอกความตื่นเต้นและความภาคภูมิใจขณะทาบมือลงบนแท่นโลหะที่มีผิวด้านบนหน้าตัดเป็นมอนิเตอร์ระบบสัมผัส  ป้อนคำสั่งลงไปสั้น ๆ ครอบโลหะของเครื่องจึงถูกปลดสลักและค่อย ๆ เลื่อนเปิดออก 
“ผลผลิตรุ่นแรกที่สมบูรณ์แบบที่สุด  เชิญพบกับ 1 ใน 3 โนร์นรุ่นแรกซึ่งเป็นเจ้าของเซลล์ที่ถูกปลูกถ่ายสร้างพลังให้กับเหล่าเจ้าหน้าที่ชั้นยอดทั้งหลาย . . ลีอา”  ประโยคสุดท้ายจบลงพร้อมกับที่ส่วนซึ่งเป็นโลหะเลื่อนเปิดออกจนหมด  เปิดให้เห็นแท็งก์แก้วสว่างไสวได้อย่างชัดเจนต่อทุกสายตาซึ่งจ้องมองด้วยความตกตะลึง
หญิงสาวผมสีน้ำตาลดำยกมือขึ้นปิดปากอย่างไม่รู้ตัว  ขณะดวงตาของคนทั้งสี่นั้นเบิกกว้างเหมือน ๆ กัน  “อะ . . อะไร ?  นั่น . . นั่นน่ะเหรอ . . ต้นกำเนิดพลังในร่างกายของพวกเรา  นั่น . . นั่นมัน . . มนุษย์  นั่นเป็นมนุษย์ !! “
ครอบโลหะนั่นเปิดให้เห็นแท็งก์แก้วที่บรรจุน้ำสีฟ้าใสเต็มเปี่ยม  ฟองอากาศขนาดเล็กผุดขึ้นจากพื้นด้านล่างลอยขึ้นด้านบนเป็นสาย  สายไฟหรือสายยางต่าง ๆ ถูกเชื่อมทั้งจากบริเวณส่วนฐานและฝาครอบตรงเข้าสู่ร่างของเด็กสาวผมสีทองสว่างที่ดูซีดลงจากสีของน้ำและแสงไฟที่ส่องสว่างจ้า  ซึ่งถูกรั้งด้วยสายและท่อต่าง ๆ ให้ลอยอยู่กึ่งกลางแท็งก์โดยมีเพียงครึ่งร่างตั้งแต่ส่วนเอวขึ้นไป  แขนซ้ายถูกตัดเหลือเพียงข้อศอกขณะแขนขวากลับขาดไปตั้งแต่หัวไหล่  เปลือกตาปิดสนิทและใบหน้าสงบนิ่งทำให้ไม่สามารถระบุได้จากการมองว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
“LEA Project  LEA . . ลีอา  ลีอา !? “  โนอาห์เปล่งเสียงดังขณะปราดเข้าไปยังด้านในกำแพงกระจกโดยมีไลอาและเซเรนีต้าวิ่งตามมาติด ๆ  ทำให้ทั้งชายผมสีน้ำตาลอ่อนยืนนิ่งอยู่กับที่ตรงนั้น
ดวงตาสีเขียวเข้มเบิกกว้างจ้องมองใบหน้าของร่างที่เต็มไปด้วยสายระโยงรยางค์ในแท็งก์แก้วนิ่ง  “ลีอา . . ที่ว่าให้ช่วยนั่น . . เพราะอยู่ในสภาพนี้งั้นรึ ? . . “  กระแสเสียงพึมพำแผ่วลอย  มีเพียงหญิงสาวผมทองในชุดเครื่องแบบขาวและชายอีกสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เท่านั้นที่สังเกตเห็นและได้ยิน
ไวล์เปล่งเสียงหัวเราะระรื่น  “อา . . . การพบกันของโนร์นรุ่นแรกทั้งสามน่าประทับใจจริง ๆ “
หญิงสาวผมแดงหันกลับมารวดเร็ว  “แกรู้แต่แรก ?!  ปล่อยลีอาออกมาเดี๋ยวนี้ !! “  ฝ่ามือเรียวตบลงบนผิวกระจกเต็มแรงเสียงดังขณะตวาดกร้าวจนตัวสั่น
คิ้วเรียวเลิกขึ้นทั้งสองข้างก่อนชายหนุ่มจะเปล่งเสียงหัวเราะร่วนด้วยความขบขัน  “ทำไม่ได้หรอก  ไลอา  ถ้าพาหล่อนออกมาจากแท็งก์เมื่อไหร่หล่อนก็อยู่ได้ไม่ถึงห้านาที  หล่อนตายไปแล้วครั้งหนึ่งเพื่อหนีไปจากฉันแต่คิดรึว่าฉันจะย่อมให้หล่อนไปง่าย ๆ  ในแท็งก์นี้ช่วยยืดชีวิตหล่อนไว้แต่จนแล้วจนรอดหล่อนกลับไม่ยอมลืมตา  ทั้ง ๆ ที่คลื่นสมองก็ระบุว่าหล่อนรู้สึกตัวเป็นปกติดี  อยากรู้จริง ๆ ว่าหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่ . . จะคิดถึงฉันบ้างรึเปล่านะ ? “  ท้ายประโยคเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะคล้ายรำพึงขึ้นกับตนเองเพียงลำพังโดยไม่สนใจผู้คนรอบตัวที่มองมาเป็นจุดเดียว 
ชายหนุ่มหยุดเสียงหัวเราะลงขณะหันมองอาร์คที่ยังคงยืนนิ่งจ้องมองครึ่งร่างของเด็กสาวในแท็งก์มาตั้งแต่ต้นก่อนระบายลมหายใจออกแรง  “พวกเธอนี่ก็เหลือเกินเลยนะ  เฟิร์ส  ฉันอุตส่าห์อนุญาตให้พาเขาออกมาได้  ทั้ง ๆ ที่รับปากเอาไว้แล้วไม่ใช่รึว่าจะดูแลควบคุมให้ดี  ดูสิ . . เขามาที่นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะ  แบบนี้จะเสียเวลาผนึกไว้ทำไมให้ยุ่งยาก”
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนหันขวับมาในทันที  “อ . . อะไรนะ ?!  ครั้งที่สอง !  นี่มันหมายความว่ายังไงครับ ?!  ท่านเฟิร์ส ! “
หญิงสาวผมทองก้มศีรษะลงต่ำ  “ต้องขออภัยด้วยค่ะ  ท่านศาสตราจารย์”
“ต้องให้ถึงมือฉันทุกที”  ชายหนุ่มระบายลมหายใจทั้งที่ยังยิ้มอยู่ก่อนหันกลับมากวาดตามองคนทั้งสี่อีกครั้ง  แล้วตวัดมองยังชายผมสีน้ำตาลอ่อนนิ่งนาน  “ทำเรื่องไร้สาระจริง ๆ นะ  ถ้ายอมว่าง่าย ๆ ตั้งแต่แรกจะดีกว่านี้แท้ ๆ “
“ว่า . . !? “  ชายหนุ่มผงะสะดุ้งแล้วต้องเปล่งเสียงร้องลั่นเช่นเดียวกับคนทั้งสามที่ยืนอยู่ด้านในกำแพงกระจก  เมื่อรู้สึกถูกช็อตอย่างแรงจากบัตรผ่านที่คล้องอยู่รอบคอ
ลำแขนเรียวตวัดยกขึ้นกันชายผมดำในเครื่องแบบแดงสดที่ผลุนผลันทำท่าจะเข้าไปช่วย  ก่อนส่ายศีรษะเป็นเชิงห้ามเอาไว้ด้วยสายตาจนกระทั่งทั้งสี่ค่อย ๆ ล้มฟุบลงกับพื้นไปทีละคน
“เอาตัวพวกโนร์นไปขังไว้ก่อน”  ชายผมสีเทาเข้มออกคำสั่งกับกลุ่มนักวิจัยที่เดินเข้ามาหา  “เตรียมห้อง Seal ไว้ด้วย  ทำตัววุ่นวายแบบนี้ก็หลับไปอีกสักสิบปีก็แล้วกันนะ . . ซีโร่  ตื่นขึ้นมาคราวหน้าหัดทำตัวให้อยู่ในกฎระเบียบกันหน่อยก็แล้วกัน”  ดวงตาเรียบเย็นเพียงเหลือบมองร่างที่สลบไสลถูกลากกึ่งอุ้มออกไป  ขณะก้าวสวนไปยืนสงบหน้าแท็งก์ซึ่งบรรจุร่างครึ่งตัวของเด็กสาวผมทองไว้  “หมดหน้าที่พวกเธอแล้ว . . โนร์นรุ่นที่สอง  นึกว่าจะวุ่นวายกว่านี้ถึงเรียกพวกเธอมาด้วยแต่ดันติดกับง่าย ๆ ไม่สนุกเลย  ไปได้แล้ว”
“ค่ะ  ท่านศาสตราจขารย์  พวกเราขอตัวเท่านี้ค่ะ”  เอ่ยจบจึงทำความเคารพอีกครั้งแล้วหันหลังก้าวเดินผละไป
ชายหนุ่มยืนเอามือไพล่หลังขณะใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี  “อืม . . ถึงหัวใจจะหยุดทำงานแต่จากน้ำยาเลี้ยงเซลล์เธอก็ยังมีชีวิตอยู่  ลีอา . . . สมองเธอยังทำงานดีดีแต่กลับไม่ยอมลืมตาตื่น  ฉันคนนี้อุตส่าห์ทุ่มเทเพื่อเธออย่างเต็มที่แท้ ๆ  ฝันอะไรอยู่กันแน่ถึงได้เอาแต่หลับอยู่แบบนี้นะ . . โนร์นของฉัน”
---------------------------------------------------------------
“เฟิร์ส !  ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอเชื่อฟังศาสตราจารย์นั่นมากถึงขนาดทรยศอาร์คได้ !! “  ชายเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทเปล่งสียงดังอย่างคนหัวเสียเต็มที  ดวงตาสีแดงสดตวัดมองหญิงสาวที่เดินนำอยู่เบื้องหน้าตนเต็มไปด้วยประกายวาวโรจน์ไม่พอใจ  “ไหนบอกว่าอยากช่วยเขาไงล่ะ  ทำไมถึงปล่อยให้พวกนั้นถูกจับไปง่าย ๆ แบบนี้ ?  อาร์คจะถูกผนึกอีกครั้งเหมือนเมื่อแปดปีที่แล้ว !  ฉันไม่อยากเห็นภาพแบบนั้นอีกแล้วนะ !! “
ดวงตาสีดำสนิทสวยคมเหลือบมองร่างข้างกายเล็กน้อย  “อย่าคิดอะไรตื้น ๆ อย่างนั้น  เซคันด์  นายก็รู้ว่าเราทั้งสามคนรักอาร์คมากพอ ๆ กัน  ถ้าเฟิร์สทำแบบนั้นก็ย่อมมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ต้องปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น  ฉันหวังว่าอย่างนั้นนะ . . เฟิร์ส”
ริมฝีปากเคลือบสีแดงระเรื่อกรีดรอยยิ้มบางขณะก้าวเลี้ยวซ้ายที่ทางแยกหนึ่ง  บานประตูโลหะที่มีเป็นระยะเลื่อนเปิดออกให้คนทั้งสามก้าวไปตามทางเดินยาวสีขาวสองฝั่งผนังและพื้นโลหะสีออกเขียวด้าน
คิ้วเรียวสีเทาเข้มแบบเดียวกับเรือนผมทรงรากไทรบนศีรษะขมวดเข้าหากันเล็กน้อย  เมื่อสังเกตถึงเส้นทางที่ออกจะคุ้นตา  “เฟิร์ส . . นี่เธอคิดจะ . . . “
ดวงตาเรียวสวยสีฟ้าจางเหลือบกลับมามองเบื้องหลังขณะทั้งสามก้าวเข้าใกล้หระตูโลหะบานหนึ่ง  ซึ่งมีลักษณะต่างจากบานประตูต่าง ๆ ก่อนหน้าตรงที่เป็นประตูสีเทาเข้มกึ่งดำ  ไม่มีรหัสหมายเลขติดอยู่นอกจากแถบสีเหลืองสลับดำที่คาดแนวตั้งจากพื้นถึงเพดานตรงบริเวณใกล้ผนังทั้งสองด้าน 
“ก็รู้กันดีอยู่แล้วไม่ใช่รึ ?  เซคันด์  เธิร์ด”  มือเรียวหยิบคีย์การ์ดสีขาวขึ้นมารูดแล้วกดรหัสลงบนแผงควบคุม  คิ้วเรียวหยักยกขึ้นข้างหนึ่งขณะรอยยิ้มบนเรียวปากสีออกแดงเรื่อกรีดรอยยิ้มกว้างขึ้นเมื่อบานประตูทึบตันทั้งหนาหนักเลื่อนเปิดออกช้า ๆ  “เราสามคนต่างก็รักอาร์คมากพอ ๆ กัน  แค่นี้พวกนายยังจะทนไม่ไหวจนเกือบออกหน้าแล้วคิดรึว่าฉันจะทนอยู่เฉย ๆ ได้  หุบปากแล้วตามฉันมาถ้าพวกนายยังอยากช่วยอาร์คเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
ชายผมดำขลับยิ้มกว้างดวงตาที่หรี่ลงเป็นประกายวาววับ  “แน่นอนสิ  พวกเราถูกกำหนดให้ต้องเชื่อฟังคำสั่งของท่านศาสตราจารย์ก็จริง  แต่อาร์คเท่านั้นที่จะไม่มีวันทรยศเด็ดขาด”  ชายหนุ่มก้าวตามร่างระหงเข้าไปในห้องที่มีเพียงแสงสลัวอย่างไม่ลังเล  โดยมีชายในชุดเครื่องแบบสีดำสนิทอีกคนก้าวตามเบื้องหลังพร้อมด้วยเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ในลำคอ
---------------------------------------------------------------
“ในที่สุดก็ต้องกลับมาที่นี่จนได้นะ  ซีโร่”  ชายในชุดเครื่องแบบนักวิจัยสีขาวยาวเจ้าของเรือนผมสีเทาเข้มเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ  ขณะก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างเตียงโลหะที่มีร่างชายผมสีน้ำตาลอ่อนนอนราบอยู่  ดวงตาเรียวเบื้องหลังเลนส์แว่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กกวาดมองร่างที่นอนสงบนิ่งไม่รู้สึกตัวชั่วครู่  ก่อนหันไปยังแท่นแผงควบคุมที่ยื่นขึ้นมาจากพื้น  กดปุ่มคำสั่ง 2 3 ครั้ง  แขนกลจำนวนหนึ่งจึงยืดออกจากเพดานซึ่งลดระดับต่ำลงมาเหนือเตียงแท่นพอดี
“ศาสตราจารย์ครับ”  นักวิจัยคนหนึ่งก้าวเข้ามาหา  “เดี๋ยวตรงนี้พวกเราจัดการได้ครับ  ศาสตราจารย์กรุณาพักผ่อนก่อนเถอะครับ  คุณเพิ่งผ่านการผ่าตัดมาคงยังไม่สะดวกนักที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง  ต้องให้เวลากับร่างกายสักระยะนะครับจึงจะคล่องตัวเป็นปกติ”
ไวล์ระบายลมหายใจออกเล็กน้อยขณะพยักหน้ารับ  “จริงสินะ  ช่วยไม่ได้ถ้าอย่างนั้นฝากซีโร่ด้วยก็แล้วกัน  อ้อ . . อย่าลืมผนึกความทรงจำทั้งหมดที่ผ่านมา 2 ปีนี้ไว้ด้วยล่ะ  ตื่นมาอีกสิบปีข้างหน้าจะได้ไม่มีเรื่องวุ่นวายอีก  เจ้าเด็กซนนี่ยังมีประโยชน์อีกมากสำหรับการวิจัยของเรา”
“แบบนี้อนาคตอาจจะมี ZERO Project ก็ได้สินะครับ  ศาสตราจารย์”  ชายคนเดิมที่ก้าวเข้ามาแทนที่ตรงหน้าแผงควบคุมเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะทีเล่นทีจริงก่อนต้องชะงักเมื่อมองสบดวงตาที่มองผ่านเลนส์แว่นออกมา
ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าที่ซีดเผือดของอีกฝ่ายชั่วครู่ก่อนระบายยิ้มกว้างบนริมฝีปาก  “อย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลนักสิ  อนาคตสำหรับมนุษย์มันเอาแน่อะไรได้เสียที่ไหนกัน  เอาล่ะ . . ทำงานของนายเสียให้เรียบร้อยอย่าให้มีอะไรผิดพลาดก็แล้วกัน  เพราะนายเองก็ใช่ว่าจะมีโอกาสแก้ตัวได้บ่อยนัก”  ว่าจบจึงยืนบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กในมือส่งให้อีกฝ่าย  ตบลงบนบ่าร่างที่สูงกว่า 2 3 ครั้งแล้วจึงก้าวผละออกไปพร้อมเสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
ชายวัยกลางคนระบายลมหายใจออกอย่างแทบหมดแรง  “เกือบไป . . . ต้องระวังตัวให้มากกว่านี้  คนอะไร . . . น่ากลัวจริง ๆ “  ร่างสูงส่ายศีรษะไปมาแรงก่อนยกบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กในมือขึ้นมอง  “ก่อนอื่นต้องตรวจสอบสภาพความเหมาะสมของร่างกายในการเข้า Seal สินะ  ทำคนเดียวกว่าจะผนึกเสร็จก็เสียเวลาไปเป็นชั่วโมง  รีบทำดีกว่า”
---------------------------------------------------------------
เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาจากเบื้องหลังท่ามกลางความเงียบทำให้ชายหนุ่มลืมตาขึ้น  โดยยังคงอยู่ในอิริยาบถนั่งคุกเข่าเอามือกุมศีรษะอย่างคนหมดอาลัยตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  “ . . . เธอเหรอ ?  ลีอา  จะให้ฉันทำอะไรอีกล่ะ ?  ฉันคิดอะไรไม่ออกแล้ว  ไม่รู้ทั้งนั้นทั้งเรื่องของพวกเธอหรือแม้แต่ตัวเอง . . ฉันควรจะคิดอะไร ?  ควรจะทำอะไรต่อไปยังไงดี ? “
‘แต่อยู่แบบนี้เธอก็คิดอะไรไม่ออกอยู่ดีไม่ใช่รึ ?  อาร์ค ‘
กระแสเสียงอ่อนหวานที่ดังมาทำให้เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนสะดุ้ง  เงยหน้าหันมามองผู้ที่มาหยุดยืนอยู่เบื้องหลังรวดเร็ว  จึงสบร่างของเด็กสาวที่อยู่ในวัย 15 16 ปี  เรือนผมสีทองสว่างไสวเป็นลอนอ่อน ๆ ยาว  ใบหน้าเดียวกันกับที่เห็นภายในแท็งก์บรรจุน้ำสีฟ้าใสก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน  ยกเว้นเพียงเป็นร่างของเด็กสาวที่มีร่างกายสมบูรณ์อยู่ในชุดกระโปรงบานสีขาวสะอาดรับกับสีผิว  แต่ส่วนปลายเท้าที่ควรจะวางราบติดพื้นเหมือนเขากลับลอยอยู่และเวลาแตะขยับจะเกิดระลอกวงแสงสีฟ้าสว่างคล้ายกำลังเดินอยู่บนผิวน้ำอย่างนั้น
ริมฝีปากเรียวสีชมพูระเรื่อกรีดรอยยิ้มอ่อนโยนขึ้นจาง ๆ  ‘ในที่สุดก็ได้เจอกันเสียทีนะ  อาร์ค  ดีใจจริง ๆ ที่เธอตามหาฉันพบได้สำเร็จอีกครั้ง’
คิ้วเรียวสีเดียวกันกับเส้นผมขมวดกระตุก  “อีกครั้ง ?  จริงสิ . . ตอนนั้นนักวิจัยนั่นก็พูดออกมาว่าฉันอยู่ที่ห้องนั่นเป็นครั้งที่สอง  หมายความว่าก่อนหน้านี้ฉันเคยเห็นร่างของเธอในแท็งก์นั่นมาแล้วครั้งหนึ่ง”
รอยยิ้มบนเรียวปากสีอ่อนยิ่งกว้างขึ้น  ‘เธอเข้าใจถูกต้องแล้วจ๊ะ  สมัยก่อนนี้เธอเคยหาฉันพบมาแล้วครั้งหนึ่ง’  ใบหน้าอ่อนวัยค่อย ๆ หม่นเศร้าลงทีละน้อยขณะดวงตายังคงจ้องสบสายตาชายหนุ่มตรงหน้านิ่ง  ‘ฉันตายไปแล้ว . . อาร์ค  ที่เธอเห็นอยู่นี่เป็นเพียงแค่พลังความคิดที่หลงเหลืออยู่ของฉันเท่านั้น  อย่างที่ผู้ชายคนนั้นพูด  ฉันถูกชุบชีวิตขึ้นมาแต่ก็ไม่สมบูรณ์  เซลล์ร่างกายยังไม่ตาย . . สมองยังทำงานยังคิดได้แต่หัวใจหยุดเต้นโดยสิ้นเชิง’
“หมายความว่าฉันมาช้าเกินไป ? “
เด็กสาวส่ายศีรษะปฏิเสธ  ‘เปล่าจ๊ะ  ช้าจริงแต่ไม่ได้หมายความว่าช้าขนาดนั้น  เพราะฉันตายไปแล้วก่อนที่เธอจะเกิดมา  พ่อหนูน้อย  ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือว่าโนร์นรุ่นแรกอย่างพวกเราเกิดมาเมื่อกว่า 70 ปีก่อน  ร่างกายฉันอยู่ที่อายุ 15  ดังนั้นฉันตายไปกว่า 50 ปีมาแล้ว’
ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดปากด้วยความเผลอไผล  ดวงตาที่จ้องมองเด็กสาวตรงหน้าเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง  “50 ปี . . อยู่ในสภาพนี้มากว่า 50 ปี”  กระแสเสียงที่เปล่งลอดแผ่วเบาแทบกลายเป็นเสียงกระซิบ
ไหล่เล็กบางสั่นไหวเล็กน้อยขณะเรียวปากยังพยายามยิ้ม  ‘ใช่จ๊ะ  ฉันขยับไม่ได้  ส่วนที่ทำได้คือการส่งคลื่นสมองออกไป  ร่างกายฉันถูกขังแต่เมื่อกลางคืนมาเยือนความฝันของทุกคนจะเป็นดินแดนที่ฉันสามารถไปไหนมาไหนได้ตามใจ  ฉันเป็นอิสระในความฝัน  เห็นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนโดยไม่มีใครเห็นฉันหรือแม้แต่ได้ยินเสียง’  ดวงตาสีฟ้าจางที่ตวัดมองความมืดโดยรอบตวัดกลับมายังชายหนุ่มอีกครั้ง  ‘ยกเว้นแค่เธอ . . . อาร์ค’
“ทำไม . . ? “
ริมฝีปากเรียวบางกรีดรอยยิ้มกว้างขึ้นขณะก้าวเดินเป็นวงกลมรอบตัวชายหนุ่ม  ‘มีหลายเหตุผล  แต่สรุปง่าย ๆ คือคลื่นสมองของเราตรงกันพอดี  เธอเป็นคนทักฉันก่อนและฉันก็ดีใจมากเสียด้วย’  เด็กสาวก้าวเข้าใกล้ก่อนทาบมือวัดความสูงแค่เพียงระดับเอวของตน  ‘ตอนนั้นเธอยังเด็ก  เพิ่งจะตัวเท่านี้เอง’
“ขอโทษเถอะ  ถึงเธอเล่าไปฉันก็จำอะไรไม่ได้”  เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเอ่ยตอบกลั้วเสียงหัวเราะที่ฟังดูก็รู้ว่าเป็นเสียงหัวเราะฝืน ๆ ด้วยความเครียด
ลีอาเปล่งเสียงหัวเราะกังวานใส  ‘จริงด้วยสินะ  เธอมาที่นี่เพื่อหาคำตอบนั้นใช่มั้ย ?  หาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครกันแน่’  เด็กสาวร่างเพรียวบางกระโดดถอยห่างออกไประยะหนึ่ง  รอยยิ้มอ่อนโยนบนริมฝีปากสีอ่อนระเรื่อค่อยลบเลือนไปจนเหลือแต่ใบหน้าสงบนิ่ง
“ใช่  ฉันอยากรู้ว่าตัวเองเป็นใคร  ถ้าเธอเคยพบตัวฉันเมื่อก่อนตั้งแต่ยังเด็กแบบนั้นจริงเธอต้องรู้แน่  และต้องรู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น  ลีอา”
‘อยากรู้จริง ๆ งั้นหรือ ?  จะดีเหรอ ?  เธอแน่ใจระว่าต้องการอย่างนั้น ? ‘
“ฉันแน่ใจ”
ริมฝีปากเรียวสีอ่อนระบายยิ้มบางเบา  ‘จุดนี้เธอไม่เคยเปลี่ยนไปเลย  อาร์ค  ถ้าอย่างนั้นฉันจะเล่าเรื่องของพวกเราให้ฟัง . . อีกครั้ง . . . ‘  มือเรียวเล็กยกขึ้นไปด้านหลังแล้วกวักเรียกกระจกบานหนึ่งให้ลอยมาหยุดลงตรงหน้าอย่างนุ่มนวล  เงาสะท้อนที่ปรากฏบนแผ่นกระจกคือบานประตูโลหะที่มีหมายเลขรหัสบานเดียวกับประตูห้องต้นกำเนิด LEA - Project  ‘ตั้งใจดูให้ดี ๆ ไว้  บางทีมันอาจมีสิ่งใดที่บอกใบ้ถึงคำตอบที่เธอกำลังค้นหาอยู่ก็เป็นได้’
ชายหนุ่มขยับกายลุกขึ้นยืน  “ความทรงจำที่หายไปของฉัน”  ดวงตาสีเขียวกวาดไปทั่วแผ่นกระจกที่สะท้อนภาพตรงหน้าก่อนหันกลับมาสบสายตาร่างเล็กบางข้างกาย  “ฉันพร้อมแล้ว”
เจ้าของเรือนผมสีทองสว่างพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มบางบนริมฝีปากสีอมชมพูระเรื่อ  มือเรียวขาวที่ยกค้างอยู่โบกเบา ๆ บานกระจกจึงเกิดแสงลอดออกมาตามรอยประกบของภาพบานประตูแล้วแยกเปิดออก  ปล่อยให้ลำแสงสีขาวสว่างจ้าส่องกราดออกมาบดบังความมืดรอบตัวจนตาพร่าเลือน  ได้ยินเสียงกังวานใสของหญิงสาวผู้หนึ่งดังแผ่ว ๆ มาแต่ไกล
‘สวัสดีจ๊ะ’
---------------------------------------------------------------
ร่างเพรียวลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมตัวเดิมของตน  แล้วก้าวไปยังกำแพงกระจกใสเบื้องหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่  ริมฝีปากเรียวเคลือบสีแดงระเรื่อกรีดรอยยิ้มบาง  “เอาล่ะ . . ดูสิว่าโนร์นต้นแบบทั้งสองคนจะทำยังไงต่อไปเมื่อก้าวเข้าไปใน NEL ได้ ฉันถือว่าฉันช่วยแล้วนะ”  กระแสเสียงเอ่ยกลั้วหัวเราะเพียงแผ่วเบาขณะดวงไฟภายในห้องที่เมื่อครู่สว่างจ้าเริ่มหรี่ลงจนเหลือเพียงแสงสลัว  และมีร่างเพรียวระหงของหญิงสาวยืนอยู่ตามลำพังในห้องส่วนตัวของตน
---------------------------------------------------------------
“พวกเธอคิดว่าจะได้เข้าไปงั้นรึ ?  ไลอา  โนอาห์”  หญิงสาวผมสีน้ำตาลดำเอ่ยปากถามเรียบ ๆ ขณะนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหยิบแก้วน้ำที่วางบนโต๊ะตรงหน้าขึ้นดื่ม
“ได้สิ  แน่นอนเลยล่ะ”  สาวผมแดงที่นั่งร่วมโต๊ะอีกคนตอบกลับกลั้วเสียงหัวเราะระรื่น  “ผู้หญิงคนนั้น . . ผู้บัญชาการสูงสุดคงรู้สึกถึงตัวตนของพวกเรา  ถ้าที่อาร์คพูดว่าเธอสามารถเข้าออก NEL ได้อย่างอิสระเป็นความจริงเธอย่อมรู้ว่าพวกเราเป็นใคร  ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกนักวิจัยจะต้องการตัวเรา . . พวกเขาต้องเปิดแขนรับแน่”  ดวงตาสวยคมหรี่ลงเล็กน้อยซ่อนประกายวาววับเอาไว้ขณะจิบของเครื่องดื่มที่อยู่ในมือ
ดวงตาสีเทาเรียบเย็นเหลือบเห็นชายผมสีน้ำตาลอ่อนกำลังเดินเข้ามาจากบริเวณทางเข้าของสวนอาหาร  “ข่าวมาแล้ว  ไลอา”  โนอาห์เอ่ยขึ้นเรียบ ๆ พร้อมกับยืดกายขึ้นนั่งตัวตรงพอดีกับที่อาร์คก้าวมาถึงโต๊ะที่ทั้งสามคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“ฉันมีข่าวมาส่งให้พวกนาย”  ริมฝีปากเรียวกรีดรอยยิ้มบางก่อนวางซองสีขาวเรียบสามซองลงบนโต๊ะกระจกกลม  “ของขวัญสำหรับพวกนายสามคนรวมทั้งฉันด้วย  นี่เป็นบัตรผ่านเข้าสู่ศูนย์วิจัย NEL  กำหนดวันคือวันมะรืนนี้จะเป็นวันทัศนศึกษาของพวกเราสี่คน  ท่านเฟิร์สจะเป็นผู้นำทางพวกเราด้วยตัวเอง  เอาล่ะเป็นไง  ที่นี้พอใจกันรึยัง ? “
เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มหยิบซองขาวขึ้นมาฉีกออกตรง ๆ ต่อหน้าจนเห็นถึงเนื้อในซึ่งบรรจุแผ่นกระจกสีฟ้าใสที่มีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของแผ่นบันทึกข้อมูลและบางกว่า  เจาะรูที่มุมด้านหนึ่งคล้องติดกับสายห้อยคอเอาไว้พร้อมสรรพ  ชายหนุ่มระบายยิ้มพึงพอใจขึ้นจาง ๆ บนเรียวปากชั่วพริบตา  ก่อนเก็บแผ่นกระจกลงในกระเป๋าเสื้อของตนเรียบร้อยมิดชิด
---------------------------------------------------------------
เมื่อตะวันลาลับ  ฉันลืมตาตื่นขึ้นจากความฝัน
ดวงจันทร์กำลังขึ้น . . . ณ อีกฟากฝั่งทะเลคราม
ความมืดโรยตัวลงมา . . . และฉันทำได้เพียงเฝ้ามอง
---------------------------------------------------------------
อาร์คเปิดเปลือกตาขึ้นมองสบความมืดรอบกาย  ริมฝีปากเรียวระบายยิ้มบางเบาก่อนผ่อนลมหายใจออกแผ่ว  “คงรู้เรื่องที่พวกเราจะเข้าไปหาเธอใน NEL แล้วสินะ  ลีอา”  ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ เป็นการเริ่มต้นบทสนทนาท่านกลางความเงียบ  “เรามีเวลากันแค่วันเดียวแต่ศูนย์วิจัยกว้างขวางใหญ่โตขนาดนั้นไม่รู้จะหาเธอเจอหรือเปล่า  ไม่คิดจะช่วยพวกเราหน่อยรึไง  เธอต้องการให้เราช่วยไม่ใช่หรือ  ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยทำเรื่องให้มันง่ายเข้าหน่อยสิ”
‘ . . . นี้  ตามมา . . ทางนี้’
เสียงแผ่ว ๆ ที่ได้ยินจากเบื้องหลังทำให้ชายหนุ่มหันกลับรวดเร็ว  จึงมองสบเข้ากับร่างเล็ก ๆ เรืองแสงลางเลือนทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจนนัก  “นั่นเธอหรือเปล่า ?  ลีอา”
ร่างของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นั่นหันกลับและเริ่มกระโดดไปมานุ่มนวลคล้ายอยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก  ทุกครั้งที่เท้าสัมผัสพื้นที่มืดดำจนมองไม่เห็นจะปรากฏวงแสงเหมือนระลอกน้ำสีฟ้าเขียวสว่างกระจายออก  และจากปลายระลอกคลื่นกลับแผ่ออกกลายเป็นแผ่นกระจกซึ่งมีภาพต่าง ๆ ปรากฏให้เห็นลอยผ่านตัวเขาไป
ชายหนุ่มตวัดดวงตามองตามแผ่นกระจกที่ลอยผ่านมาเรื่อย ๆ  บางภาพเป็นทางเดินสีขาวเรียบ ๆ  ภาพของส่วนกลางอาคารอะไรสักแห่งซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องจักรกลและผู้คนสวมชุดขาวยาวมากมาย  ภาพที่มีลิฟท์ซึ่งเขียนหมายเลขสี่สีแดงขนาดใหญ่บนประตูโลหะสุดทางเดินตรงหน้า  ทางเดินที่มีพื้นสีเขียวซึ่งผิดจากทางเดินทั่วไปที่เห็นเป็นพื้นโลหะสีเทาธรรมดาและกำแพงสีขาวที่มีตัวอักษรสีแดงรวมกันว่า ZONE Z ตัวใหญ่ประทับอยู่ 
และภาพสุดท้ายที่ปรากฏบนแผ่นกระจกซึ่งลอยมาหยุดลงต่อหน้า  คือภาพของประตูโลหะดูหนาทึบมีตัวอักษรเป็นรหัส A Z : 00 อยู่บนบานประตู  ก่อนภาพซึ่งเคยเป็นแค่ภาพนิ่งมาตลอดจะเคลื่อนไหว  บานประตูโลหะเลื่อนเปิดออกไปทางด้านข้างปล่อยแสงสีขาวสว่างจ้าส่องกราดออกมา  รุนแรงจนชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นกันด้วยไม่สามารถทนสู้สายตาได้ไหว
---------------------------------------------------------------
ฝ่ามือใหญ่เลื่อนขึ้นปิดสัญญาณนาฬิกาปลุกที่ดังออกมาจากแผงควบคุมเล็ก ๆ บนกำแพงเหนือศีรษะก่อนชายหนุ่มจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง  ดวงตาสีเขียวเข้มเหลือบมองตัวเลขดิจิตอลบอกวันเวลาที่ปรากฏให้เห็นเล็กน้อยก่อนระบายลมหายใจออกแผ่ว
“วันนี้แล้วสินะ  ลีอา . . ถ้าฉันได้พบเธอคราวนี้ฉันคงได้รู้เสียทีว่าฉันเป็นใคร . . . “
---------------------------------------------------------------
ภายในห้องโถงชั้นบนสุดของหอคอยทั้งหกแห่งคือที่ตั้งของทางเชื่อมพิเศษซึ่งเชื่อมต่อเข้าสู่อาคารศูนย์วิจัย NEL โดยตรง  ซึ่งปกติแล้วจะปิดเอาไว้ไม่ให้ผู้คนจาก NEG ใช้งานโดยพลการ  และมักใช้เป็นการออกจาก NEL สู่อาคารกองกำลังมากกว่า  หากครั้งนี้ถือเป็นกรณีพิเศษซึ่งมีไม่กี่ครั้งที่จะมีการใช้งานจากทาง NEG
หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีทองสว่างในชุดเครื่องแบบสีขาวเต็มยศยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว  โดยมีชายสองคนผู้รั้งตำแหน่งรองผู้บัญชาการสูงสุดซึ่งก็อยู่ในเครื่องแบบเต็มยศของตนเองยืนขนาบอยู่ใกล้ ๆ
“ถึงขนาดต้องรบกวนเหล่าผู้นำสูงสุดทั้งสามคนมาเป็นผู้นำทางให้เลยหรือครับนี่”  อาร์คเอ่ยขึ้นกลั้วเสียงหัวเราะทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องโถงและเห็นคนทั้งสามยืนอยู่กลางโถงกว้าง
ริมฝีปากเรียวเคลือบสีแดงระเรื่อกรีดรอยยิ้มบาง  “แค่บังเอิญมีธุระใน NEL พร้อมกันต่างหากล่ะจ๊ะ  อาร์ค”  เฟิร์สเอ่ยเสียงใสขณะดวงตาเรียวสวยสีฟ้าจางเหลือบมองชายหญิงอีกสามคนที่เดินตามร่างสูงมาติด ๆ เบื้องหลัง  “พร้อมกันทุกคนแล้วใช่มั้ย  เอาล่ะ  จะเปิดประตูทางเชื่อมล่ะนะ  เตรียมบัตรผ่านให้เรียบร้อยด้วยเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”  ว่าพร้อมกับก้าวนำขึ้นไปยืนบนแท่นโลหะที่ลอยอยู่เหนือพื้นเล็กน้อยแล้วเหยียบเท้าลงบนแถบกระจกสีแดงขนาดกว้างยาวพอดีฝ่าเท้า  ไฟสีแดงสว่างขึ้นและแท่นโลหะถูกแก้วใสหนาเลื่อนครอบลงจากเพดานเรียบ
หญิงสาวผมทองเปลี่ยนเท้ามาเหยียบลงยังแทบกระจกสีเขียวข้าง ๆ ซึ่งก็ติดไฟสีเขียวขึ้นตอบรับ  ราวจับโลหะจึงเลื่อนขึ้นจากขอบแท่นล้อมกรอบโดยรอบสำหรับกันตก  ก่อนแท่นโลหะจะลอยขึ้นผ่านเพดานที่เลื่อนเปิดเป็นช่องวงกลมขึ้นไปตามท่อมืดที่มีดวงไฟเล็ก ๆ เรียงเป็นทาง  ใช้เวลาครู่ใหญ่ความมืดของท่อจึงหายไปและแท่นโลหะเคลื่อนเข้าสู่ส่วนทางเชื่อมที่มีลักษณะคล้ายท่อพลาสติกใส  สามารถมองออกไปเห็นสภาพแวดล้อมภายนอกได้ชัดเจน
“ว้าว . . . มองจากด้านบนแล้วอาคารกองกำลังเป็นแบบนี้นี่เอง”  หญิงสาวผมแดงท้าวแขนลงบนราวขณะชะโงกออกไปมองผ่านผนังทางเชื่อมสู่กลุ่มอาคารสองหลังรูปวงกลมที่วางซ้อนกันสองชั้น  โดยที่หลังคาของหอคอนที่ตนยังยืนอยู่เมื่อครู่นั่นกำลังห่างออกไปทุกที  ขณะเดียวกันอาคารทรงกระบอกสูงที่อยู่บริเวณกึ่งกลางอาคารวงแหวนทั้งสองก็กำลังใกล้เข้ามาทีละนิด
เซเรนีต้ายิ้มอย่างนึกเอ็นดูท่าทางนั้นก่อนหันกลับไปหาชายผมสีน้ำเงินเข้ม  “เธอกับไลอาไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลยนะ  โนอาห์  ฉันเสียอีกที่เครียดจะแย่อยู่แล้ว  ยิ่งนึกถึงเรื่องที่พวกนักวิจัยนั่นทำกับเรย์แล้ว . . ฉันก็ . . ฉัน . . “
ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกเล็กน้อย  ฝ่ามือตบลงเบา ๆ บนบ่าลาดของร่างเพรียวโดยไม่พูดอะไร
มือเรียวเลื่อนขึ้นบีบกระชับมือที่วางนิ่งบนบ่าตนชั่วครู่  “ขอบใจ  โนอาห์  เธอนี่ก็อ่อนโยนเหมือนกันนะ”  เอ่ยจบจึงเปล่งเสียงหัวเราะแผ่วเมื่อเห็นสีหน้าพิกลของอีกฝ่ายที่ปรากฏขึ้นเพียงชั่วขณะก่อนจะกลับเป็นใบหน้าเรียบนิ่งดังเดิม  แล้วจึงสังเกตเห็นอาการคล้ายกำลังงุนงงกับบางสิ่งบางอย่างของชายผมสีน้ำตาลอ่อนที่อยู่อีกด้านไม่ไกลจากตนนัก  “เป็นอะไรไปคะ ?  ท่านรองอาร์ค”
“เปล่า  ไม่มีอะไร  แค่รู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อยน่ะ”  ชายหนุ่มเอ่ยตอบทั้งที่ยังไม่ละสายตาไปจากอาคารทรงกระบอกสูงซึ่งกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที  ร่างกายดูเหมือนจะสั่นไหวตื่นตัวจนแม้แต่ตัวเองยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ดวงตาสีแดงสดของชายในเครื่องแบบสีแดงเต็มยศจ้องมองชายผมสีน้ำตาลมาตลอดจึงสังเกตเห็นอาการนั้นมาตั้งแต่ต้น  หากเมื่อกำลังจะก้าวเข้าใกล้กลับถูกชายผมสีเทาอ่อนในเครื่องแบบสีดำสนิทรั้งบ่าเอาไว้  “เธิร์ด ? “  คิ้วเรียวขมวดชิดจนกระทั่งเห็นอีกฝ่ายส่ายศีรษะแล้วเหลือบสายตาไปทางหญิงสาวผมทองซึ่งยืนกอดอกพิงราวโลหะหลับตานิ่งมาแต่แรก 
ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกแรงแล้วหันหลับมารวมกลุ่มหากยังคงเหลือบมองเป็นระยะ  “เฟิร์ส  เธอคิดจะทำอะไร ?  คนอื่นน่ะช่างมันแต่อาร์คน่ะ  สำหรับเขาแล้วมันอันตรายเกินไปเธอก็น่าจะรู้ดี”  เซคันด์เอ่ยเสียงแผ่วเกือบเป็นกระซิบแค่ให้พอได้ยินระหว่างกัน
ดวงตาสีฟ้าจางเปิดเปลือกตาขึ้นเหลือบมองผู้พูดเล็กน้อย  นิ้วเรียวยกขึ้นปิดริมฝีปากให้สัญญาณเงียบเสียงลงก่อนเหลียวดวงตากวาดมองผู้ที่อยู่ในลิฟท์ตัวเดียวกันพิจารณาเป็นรายบุคคล  โดยหยุดสายตาลงที่ชายผมสีน้ำตาลอ่อนนิ่งนานเป็นพิเศษแล้วจึงเบือนหน้ากลับไปยังอาคารทรงกระบอกสูง  มองเห็นปากทางเข้าเป็นอุโมงค์ท่อขนาดใหญ่กว่าท่อทางเชื่อเล็กน้อยซึ่งมืดสนิท  มีดวงไฟเล็ก ๆ กระพริบนำอยู่เป็นทางสองด้าน
แท่นโลหะถูกแขนกลขนาดเล็กจับยึดไว้ทันทีที่ออกจากอุโมงค์ทางเชื่อมโปร่งแสง  เพื่อย้ายเข้าสู่ท่อโลหะทึบแนวดิ่ง  แท่นโลหะลดความสูงลงตามท่อจนหลุดออกมาสู่ห้องโถงซึ่งมีขนาดไม่กว้างนักแห่งหนึ่งเมื่อเทียบกับโถงในหอคอยอาคารกองกำลังโดยยังมีครอบแก้วอยู่อีกชั้นหนึ่ง  มองไปโดยรอบก็มีครอบแก้วลักษณะเดียวกันอีกห้าแห่ง  คาดว่าน่าจะเป็นทางเข้าออกของทางเชื่อมจากหอคอยที่เหลือในอาคาร NEG
บานประตูของครอบแก้วเลื่อนเปิดออก  พอดีกับร่างเจ้าหน้าที่ในชุดยาวสีขาวสะอาดผู้หนึ่งก้าวเข้ามา  “สวัสดีเฟิร์ส  เซคันด์  เธิร์ดและเจ้าหน้าที่ทัศนศึกษาทั้งสี่คน  ฉันเป็นคนที่จะมาให้คำแนะนำและเป็นไกด์พาพวกเธอทัวร์ในศูนย์วิจัยแห่งนี้”  ชายในชุดนักวิจัยผมสีเทาเข้มก้าวเข้ามาใกล้และเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร  “ตามมาทางนี้  ฉันจะเป็นคนแนะนำสถานที่ให้เองอย่างที่บอก  อ้อ . . เฟิร์ส  พวกเธอก็มาด้วยกันสิ  พวกเจ้าหน้าที่ทัศนศึกษาจะได้ไม่รู้สึกเกร็งเพราะแปลกที่มากนักเพราะอย่างน้อยก็ยังมีพวกเธอที่เขารู้จักอยู่ด้วย  แล้วก็ . . ฉันชื่อ ไวล์  แฮคการ์ธ  ยินดีที่ได้รู้จัก”
---------------------------------------------------------------
เจ้าของเรือนผมสีแดงสดก้าวเข้ามาแตะสะกิดเบา ๆ ที่ศอกของชายร่างสูงเรียกให้อีกฝ่ายหันกลับมา  “สังเกตมั้ยว่าอาร์คดูลุกลี้ลุกลนแปลก ๆ “  ว่าพร้อมกับที่ดวงตาสีเข้มจับจ้องยังชายผมสีน้ำตาลอ่อนซึ่งหันมองซ้ายทีขวาทีด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น  คล้ายกับกำลังเครียดหรือครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา  ขณะหยุดเดินเป็นระยะตามการนำของไกด์นักวิทยาศาสตร์คนเดิม
ดวงตาสีเทาเรียบเย็นหรี่ลงขณะพยักหน้ารับก่อนหันไปก้าวเข้าใกล้บุคคลในข้อสนทนา  “เป็นอะไร ? “
คำกระซิบถามสั้นง่ายทำเอาชายหนุ่มถึงกับสะดุ้ง  “ขอโทษ . . กำลังคิดเรื่อยเปื่อยน่ะ  ห้องที่ผ่านมาเมื่อครู่น่าสนใจดีนะ  ฉันอยากลองให้พวกนักวิจัยตรวจสอบโมเดลอาวุธต้นแบบที่ฉันทำเองดูบ้าง  ลองดูว่าระหว่างมันสมองของฉันกับกลุ่มนักวิจัยใครเด็ดกว่ากัน” 
ชายหนุ่มเงียบเสียงลงชั่วขณะเมื่อมองสบสายตาอีกฝ่ายที่จ้องตรงมานิ่งจึงยกมือขึ้นข้างหนึ่งอย่างยอมแพ้  “โอเค  ฉันฝันถึงลีอาเมื่อคืนแล้วต้องสะดุ้ง  เธอ . . . บอกให้ตามมาแล้วตอนนี้เรากำลังเดินตามเส้นทางที่หล่อนชี้นำอยู่ในฝัน . . ใกล้แล้ว”
คิ้วเรียวกระตุกชั่วขณะก่อนตวัดสายตามองหญิงสาวผมแดงแล้วค่อยชะลอฝีเท้าลงมาเดินในตำแหน่งเดิม  “เตรียมตัว”  กระซิบแผ่ว ๆ โดยยังคงทีท่าคล้ายสนใจคำพูดของไกด์นำทางที่พล่ามไม่หยุดมาตลอดทาง  แม้จะเป็นการพูดถึงความน่าสนใจและกระบวนการต่าง ๆ ของแต่ละแผนกที่ได้เดินผ่านมา
“และนี่คือห้องที่สำคัญต่อกองกำลัง NEG ของพวกเธอมากที่สุด”  ชายผมสีเทาเข้มในชุดกาวน์ขาวยาวเอ่ยเมื่อหยุดเท้าลงหน้าบานประตูโลหะทึบซึ่งมีตัวอักษรขนาดใหญ่สีเหลืองเป็นรหัส A Z : 00 อยู่บนบานเลื่อนโลหะนั่นด้วยรอยยิ้ม 
“พวกเธอเคยสงสัยกันมั้ยว่าพลังเหนือมนุษย์ที่พวกเราปลูกฝังให้มีที่มาอย่างไร  นี่ไง . . ความลับอยู่หลังประตูบานนี้  อืม . . เราเข้าไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า  สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น  พร้อมแล้วก็เข้าไปเลย”  ว่าพร้อมกับหยิบการ์ดแข็งใบหนึ่งออกจากกระเป๋าเสื้อ  รูดผ่านเครื่องรูดบัตรสีขาวที่มีแป้นหมายเลขข้างประตู  กดรหัสบนแป้นก่อนตามด้วยทาบฝ่ามือที่แถบกระจกสีดำใกล้ ๆ  ครู่หนึ่งบานประตูจึงเลื่อนเปิดออกและไอเย็นลอยฟุ้งออกมากระทบใบหน้าในทันที
เบื้องหลังบานประตูที่เลื่อนเปิดออกเป็นห้องทรงกลมขนาดใหญ่  รายล้อมด้วยผนังทึบ เครื่องจักรกลและแผงควบคุมที่โค้งไปตามผนังห้อง  แบ่งออกเป็นสองส่วนคือชั้นบนซึ่งเป็นชั้นลอยทางเข้าจากประตูเปิดช่องว่างวงกลมส่วนกลางให้มองเห็นชั้นล่าง  ซึ่งเต็มไปด้วยนักวิจัยชุดขาวพลุกพล่านบนพื้นโลหะเรียบสีเทาออกเขียว  โดยบริเวณจุดกึ่งกลางห้องชั้นล่างนั่นเป็นเหมือนเครื่องจักรโลหะทรงกระบอกขนาดใหญ่พอสมควร  เชื่อมสายไฟเส้นหนาหลายสิบเส้นทั้งจากฐานด้านล่างวิ่งไปตามพื้นโลหะระเกะระกะ  และจากด้านบนเชื่อมไปยังเพดานที่อยู่สูงขึ้นไปเหนือชั้นลอยของห้องกว้าง  มีกำแพงกระจกใสกั้นอยู่อีกชั้นหนึ่งก่อนจะเป็นแผงควบคุมและแคปซูลที่วางนอนเรียงรายโดยรอบอีกหกเครื่อง
“นั่นมันเครื่องอะไรน่ะ ?  มีป้ายเขียนอะไรอยู่ด้านบนแต่เล็กจนมองจากตรงนี้ไม่ถนัดเลย”  เซเรนีต้าขยับยืนชิดขอบราวโลหะกันตกของบริเวณชั้นลอย  พยายามเพ่งมองผ่านกระจกใสเข้าไปหากไม่ชัดเจนนักเนื่องจากระยะห่างมีมากเกินไป  ไม่ทันสังเกตกิริยาที่เงียบสงบลงอย่างผิดปกติของกลุ่มคนรอบตัว
ชายผู้นำทางคลี่ยิ้มบางบนริมฝีปาก  “พวกเธอคงจำที่นี่ไม่ได้เพราะหลับอยู่ตลอดตั้งแต่ถูกส่งเข้ามา  แคปซูลนั่นคือเครื่องมือสำหรับปลูกถ่ายพลังงานธรรมชาติลงในตัวเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเองอย่างพวกเธอไงล่ะ  ตามลงมาดูใกล้ ๆ กันเลย  มาสิ  ตามฉันมา”  ว่าพร้อมกับก้าวนำลงบันไดด้านหนึ่งจากบันไดหลาย ๆ จุดที่มีกระจายอยู่ทั่ว
ดวงตาสีเขียวเข้มตวัดมองเครื่องโลหะในกำแพงกระจกไม่วางตา  ขณะรับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่ดูจะหนักหน่วงรุนแรงขึ้นทุกที  “ป้ายนั่นมีตัวอักษร . . อะไรน่ะ  L . E . A . . อืม . . ไอน้ำเกาะมากขนาดนั้นด้านในคงเย็นน่าดู”
“พวกเธอทุกคนเป็นผลผลิตที่ยังไม่สมบูรณ์แบบตามอุดมคติของฉันเท่าไหร่นัก  แต่ก็ถือว่ามีคุณภาพมากสำหรับผลผลิตของโปรเจ็คนี้  ยินดีต้อนรับสู่สถานที่ผลิตบุคลากรในอนาคตภายใต้โครงงาน LEA Project โครงงานเพื่อการบุกเบิกมนุษย์ยุคใหม่  และนี่คือวัตกรรมทางชีววิทยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเรา”  ชายผมสีเทาเข้มเอ่ยด้วยเสียงที่บ่งบอกความตื่นเต้นและความภาคภูมิใจขณะทาบมือลงบนแท่นโลหะที่มีผิวด้านบนหน้าตัดเป็นมอนิเตอร์ระบบสัมผัส  ป้อนคำสั่งลงไปสั้น ๆ ครอบโลหะของเครื่องจึงถูกปลดสลักและค่อย ๆ เลื่อนเปิดออก 
“ผลผลิตรุ่นแรกที่สมบูรณ์แบบที่สุด  เชิญพบกับ 1 ใน 3 โนร์นรุ่นแรกซึ่งเป็นเจ้าของเซลล์ที่ถูกปลูกถ่ายสร้างพลังให้กับเหล่าเจ้าหน้าที่ชั้นยอดทั้งหลาย . . ลีอา”  ประโยคสุดท้ายจบลงพร้อมกับที่ส่วนซึ่งเป็นโลหะเลื่อนเปิดออกจนหมด  เปิดให้เห็นแท็งก์แก้วสว่างไสวได้อย่างชัดเจนต่อทุกสายตาซึ่งจ้องมองด้วยความตกตะลึง
หญิงสาวผมสีน้ำตาลดำยกมือขึ้นปิดปากอย่างไม่รู้ตัว  ขณะดวงตาของคนทั้งสี่นั้นเบิกกว้างเหมือน ๆ กัน  “อะ . . อะไร ?  นั่น . . นั่นน่ะเหรอ . . ต้นกำเนิดพลังในร่างกายของพวกเรา  นั่น . . นั่นมัน . . มนุษย์  นั่นเป็นมนุษย์ !! “
ครอบโลหะนั่นเปิดให้เห็นแท็งก์แก้วที่บรรจุน้ำสีฟ้าใสเต็มเปี่ยม  ฟองอากาศขนาดเล็กผุดขึ้นจากพื้นด้านล่างลอยขึ้นด้านบนเป็นสาย  สายไฟหรือสายยางต่าง ๆ ถูกเชื่อมทั้งจากบริเวณส่วนฐานและฝาครอบตรงเข้าสู่ร่างของเด็กสาวผมสีทองสว่างที่ดูซีดลงจากสีของน้ำและแสงไฟที่ส่องสว่างจ้า  ซึ่งถูกรั้งด้วยสายและท่อต่าง ๆ ให้ลอยอยู่กึ่งกลางแท็งก์โดยมีเพียงครึ่งร่างตั้งแต่ส่วนเอวขึ้นไป  แขนซ้ายถูกตัดเหลือเพียงข้อศอกขณะแขนขวากลับขาดไปตั้งแต่หัวไหล่  เปลือกตาปิดสนิทและใบหน้าสงบนิ่งทำให้ไม่สามารถระบุได้จากการมองว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
“LEA Project  LEA . . ลีอา  ลีอา !? “  โนอาห์เปล่งเสียงดังขณะปราดเข้าไปยังด้านในกำแพงกระจกโดยมีไลอาและเซเรนีต้าวิ่งตามมาติด ๆ  ทำให้ทั้งชายผมสีน้ำตาลอ่อนยืนนิ่งอยู่กับที่ตรงนั้น
ดวงตาสีเขียวเข้มเบิกกว้างจ้องมองใบหน้าของร่างที่เต็มไปด้วยสายระโยงรยางค์ในแท็งก์แก้วนิ่ง  “ลีอา . . ที่ว่าให้ช่วยนั่น . . เพราะอยู่ในสภาพนี้งั้นรึ ? . . “  กระแสเสียงพึมพำแผ่วลอย  มีเพียงหญิงสาวผมทองในชุดเครื่องแบบขาวและชายอีกสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เท่านั้นที่สังเกตเห็นและได้ยิน
ไวล์เปล่งเสียงหัวเราะระรื่น  “อา . . . การพบกันของโนร์นรุ่นแรกทั้งสามน่าประทับใจจริง ๆ “
หญิงสาวผมแดงหันกลับมารวดเร็ว  “แกรู้แต่แรก ?!  ปล่อยลีอาออกมาเดี๋ยวนี้ !! “  ฝ่ามือเรียวตบลงบนผิวกระจกเต็มแรงเสียงดังขณะตวาดกร้าวจนตัวสั่น
คิ้วเรียวเลิกขึ้นทั้งสองข้างก่อนชายหนุ่มจะเปล่งเสียงหัวเราะร่วนด้วยความขบขัน  “ทำไม่ได้หรอก  ไลอา  ถ้าพาหล่อนออกมาจากแท็งก์เมื่อไหร่หล่อนก็อยู่ได้ไม่ถึงห้านาที  หล่อนตายไปแล้วครั้งหนึ่งเพื่อหนีไปจากฉันแต่คิดรึว่าฉันจะย่อมให้หล่อนไปง่าย ๆ  ในแท็งก์นี้ช่วยยืดชีวิตหล่อนไว้แต่จนแล้วจนรอดหล่อนกลับไม่ยอมลืมตา  ทั้ง ๆ ที่คลื่นสมองก็ระบุว่าหล่อนรู้สึกตัวเป็นปกติดี  อยากรู้จริง ๆ ว่าหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่ . . จะคิดถึงฉันบ้างรึเปล่านะ ? “  ท้ายประโยคเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะคล้ายรำพึงขึ้นกับตนเองเพียงลำพังโดยไม่สนใจผู้คนรอบตัวที่มองมาเป็นจุดเดียว 
ชายหนุ่มหยุดเสียงหัวเราะลงขณะหันมองอาร์คที่ยังคงยืนนิ่งจ้องมองครึ่งร่างของเด็กสาวในแท็งก์มาตั้งแต่ต้นก่อนระบายลมหายใจออกแรง  “พวกเธอนี่ก็เหลือเกินเลยนะ  เฟิร์ส  ฉันอุตส่าห์อนุญาตให้พาเขาออกมาได้  ทั้ง ๆ ที่รับปากเอาไว้แล้วไม่ใช่รึว่าจะดูแลควบคุมให้ดี  ดูสิ . . เขามาที่นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะ  แบบนี้จะเสียเวลาผนึกไว้ทำไมให้ยุ่งยาก”
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนหันขวับมาในทันที  “อ . . อะไรนะ ?!  ครั้งที่สอง !  นี่มันหมายความว่ายังไงครับ ?!  ท่านเฟิร์ส ! “
หญิงสาวผมทองก้มศีรษะลงต่ำ  “ต้องขออภัยด้วยค่ะ  ท่านศาสตราจารย์”
“ต้องให้ถึงมือฉันทุกที”  ชายหนุ่มระบายลมหายใจทั้งที่ยังยิ้มอยู่ก่อนหันกลับมากวาดตามองคนทั้งสี่อีกครั้ง  แล้วตวัดมองยังชายผมสีน้ำตาลอ่อนนิ่งนาน  “ทำเรื่องไร้สาระจริง ๆ นะ  ถ้ายอมว่าง่าย ๆ ตั้งแต่แรกจะดีกว่านี้แท้ ๆ “
“ว่า . . !? “  ชายหนุ่มผงะสะดุ้งแล้วต้องเปล่งเสียงร้องลั่นเช่นเดียวกับคนทั้งสามที่ยืนอยู่ด้านในกำแพงกระจก  เมื่อรู้สึกถูกช็อตอย่างแรงจากบัตรผ่านที่คล้องอยู่รอบคอ
ลำแขนเรียวตวัดยกขึ้นกันชายผมดำในเครื่องแบบแดงสดที่ผลุนผลันทำท่าจะเข้าไปช่วย  ก่อนส่ายศีรษะเป็นเชิงห้ามเอาไว้ด้วยสายตาจนกระทั่งทั้งสี่ค่อย ๆ ล้มฟุบลงกับพื้นไปทีละคน
“เอาตัวพวกโนร์นไปขังไว้ก่อน”  ชายผมสีเทาเข้มออกคำสั่งกับกลุ่มนักวิจัยที่เดินเข้ามาหา  “เตรียมห้อง Seal ไว้ด้วย  ทำตัววุ่นวายแบบนี้ก็หลับไปอีกสักสิบปีก็แล้วกันนะ . . ซีโร่  ตื่นขึ้นมาคราวหน้าหัดทำตัวให้อยู่ในกฎระเบียบกันหน่อยก็แล้วกัน”  ดวงตาเรียบเย็นเพียงเหลือบมองร่างที่สลบไสลถูกลากกึ่งอุ้มออกไป  ขณะก้าวสวนไปยืนสงบหน้าแท็งก์ซึ่งบรรจุร่างครึ่งตัวของเด็กสาวผมทองไว้  “หมดหน้าที่พวกเธอแล้ว . . โนร์นรุ่นที่สอง  นึกว่าจะวุ่นวายกว่านี้ถึงเรียกพวกเธอมาด้วยแต่ดันติดกับง่าย ๆ ไม่สนุกเลย  ไปได้แล้ว”
“ค่ะ  ท่านศาสตราจขารย์  พวกเราขอตัวเท่านี้ค่ะ”  เอ่ยจบจึงทำความเคารพอีกครั้งแล้วหันหลังก้าวเดินผละไป
ชายหนุ่มยืนเอามือไพล่หลังขณะใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี  “อืม . . ถึงหัวใจจะหยุดทำงานแต่จากน้ำยาเลี้ยงเซลล์เธอก็ยังมีชีวิตอยู่  ลีอา . . . สมองเธอยังทำงานดีดีแต่กลับไม่ยอมลืมตาตื่น  ฉันคนนี้อุตส่าห์ทุ่มเทเพื่อเธออย่างเต็มที่แท้ ๆ  ฝันอะไรอยู่กันแน่ถึงได้เอาแต่หลับอยู่แบบนี้นะ . . โนร์นของฉัน”
---------------------------------------------------------------
“เฟิร์ส !  ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอเชื่อฟังศาสตราจารย์นั่นมากถึงขนาดทรยศอาร์คได้ !! “  ชายเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทเปล่งสียงดังอย่างคนหัวเสียเต็มที  ดวงตาสีแดงสดตวัดมองหญิงสาวที่เดินนำอยู่เบื้องหน้าตนเต็มไปด้วยประกายวาวโรจน์ไม่พอใจ  “ไหนบอกว่าอยากช่วยเขาไงล่ะ  ทำไมถึงปล่อยให้พวกนั้นถูกจับไปง่าย ๆ แบบนี้ ?  อาร์คจะถูกผนึกอีกครั้งเหมือนเมื่อแปดปีที่แล้ว !  ฉันไม่อยากเห็นภาพแบบนั้นอีกแล้วนะ !! “
ดวงตาสีดำสนิทสวยคมเหลือบมองร่างข้างกายเล็กน้อย  “อย่าคิดอะไรตื้น ๆ อย่างนั้น  เซคันด์  นายก็รู้ว่าเราทั้งสามคนรักอาร์คมากพอ ๆ กัน  ถ้าเฟิร์สทำแบบนั้นก็ย่อมมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ต้องปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น  ฉันหวังว่าอย่างนั้นนะ . . เฟิร์ส”
ริมฝีปากเคลือบสีแดงระเรื่อกรีดรอยยิ้มบางขณะก้าวเลี้ยวซ้ายที่ทางแยกหนึ่ง  บานประตูโลหะที่มีเป็นระยะเลื่อนเปิดออกให้คนทั้งสามก้าวไปตามทางเดินยาวสีขาวสองฝั่งผนังและพื้นโลหะสีออกเขียวด้าน
คิ้วเรียวสีเทาเข้มแบบเดียวกับเรือนผมทรงรากไทรบนศีรษะขมวดเข้าหากันเล็กน้อย  เมื่อสังเกตถึงเส้นทางที่ออกจะคุ้นตา  “เฟิร์ส . . นี่เธอคิดจะ . . . “
ดวงตาเรียวสวยสีฟ้าจางเหลือบกลับมามองเบื้องหลังขณะทั้งสามก้าวเข้าใกล้หระตูโลหะบานหนึ่ง  ซึ่งมีลักษณะต่างจากบานประตูต่าง ๆ ก่อนหน้าตรงที่เป็นประตูสีเทาเข้มกึ่งดำ  ไม่มีรหัสหมายเลขติดอยู่นอกจากแถบสีเหลืองสลับดำที่คาดแนวตั้งจากพื้นถึงเพดานตรงบริเวณใกล้ผนังทั้งสองด้าน 
“ก็รู้กันดีอยู่แล้วไม่ใช่รึ ?  เซคันด์  เธิร์ด”  มือเรียวหยิบคีย์การ์ดสีขาวขึ้นมารูดแล้วกดรหัสลงบนแผงควบคุม  คิ้วเรียวหยักยกขึ้นข้างหนึ่งขณะรอยยิ้มบนเรียวปากสีออกแดงเรื่อกรีดรอยยิ้มกว้างขึ้นเมื่อบานประตูทึบตันทั้งหนาหนักเลื่อนเปิดออกช้า ๆ  “เราสามคนต่างก็รักอาร์คมากพอ ๆ กัน  แค่นี้พวกนายยังจะทนไม่ไหวจนเกือบออกหน้าแล้วคิดรึว่าฉันจะทนอยู่เฉย ๆ ได้  หุบปากแล้วตามฉันมาถ้าพวกนายยังอยากช่วยอาร์คเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
ชายผมดำขลับยิ้มกว้างดวงตาที่หรี่ลงเป็นประกายวาววับ  “แน่นอนสิ  พวกเราถูกกำหนดให้ต้องเชื่อฟังคำสั่งของท่านศาสตราจารย์ก็จริง  แต่อาร์คเท่านั้นที่จะไม่มีวันทรยศเด็ดขาด”  ชายหนุ่มก้าวตามร่างระหงเข้าไปในห้องที่มีเพียงแสงสลัวอย่างไม่ลังเล  โดยมีชายในชุดเครื่องแบบสีดำสนิทอีกคนก้าวตามเบื้องหลังพร้อมด้วยเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ในลำคอ
---------------------------------------------------------------
“ในที่สุดก็ต้องกลับมาที่นี่จนได้นะ  ซีโร่”  ชายในชุดเครื่องแบบนักวิจัยสีขาวยาวเจ้าของเรือนผมสีเทาเข้มเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ  ขณะก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างเตียงโลหะที่มีร่างชายผมสีน้ำตาลอ่อนนอนราบอยู่  ดวงตาเรียวเบื้องหลังเลนส์แว่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กกวาดมองร่างที่นอนสงบนิ่งไม่รู้สึกตัวชั่วครู่  ก่อนหันไปยังแท่นแผงควบคุมที่ยื่นขึ้นมาจากพื้น  กดปุ่มคำสั่ง 2 3 ครั้ง  แขนกลจำนวนหนึ่งจึงยืดออกจากเพดานซึ่งลดระดับต่ำลงมาเหนือเตียงแท่นพอดี
“ศาสตราจารย์ครับ”  นักวิจัยคนหนึ่งก้าวเข้ามาหา  “เดี๋ยวตรงนี้พวกเราจัดการได้ครับ  ศาสตราจารย์กรุณาพักผ่อนก่อนเถอะครับ  คุณเพิ่งผ่านการผ่าตัดมาคงยังไม่สะดวกนักที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง  ต้องให้เวลากับร่างกายสักระยะนะครับจึงจะคล่องตัวเป็นปกติ”
ไวล์ระบายลมหายใจออกเล็กน้อยขณะพยักหน้ารับ  “จริงสินะ  ช่วยไม่ได้ถ้าอย่างนั้นฝากซีโร่ด้วยก็แล้วกัน  อ้อ . . อย่าลืมผนึกความทรงจำทั้งหมดที่ผ่านมา 2 ปีนี้ไว้ด้วยล่ะ  ตื่นมาอีกสิบปีข้างหน้าจะได้ไม่มีเรื่องวุ่นวายอีก  เจ้าเด็กซนนี่ยังมีประโยชน์อีกมากสำหรับการวิจัยของเรา”
“แบบนี้อนาคตอาจจะมี ZERO Project ก็ได้สินะครับ  ศาสตราจารย์”  ชายคนเดิมที่ก้าวเข้ามาแทนที่ตรงหน้าแผงควบคุมเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะทีเล่นทีจริงก่อนต้องชะงักเมื่อมองสบดวงตาที่มองผ่านเลนส์แว่นออกมา
ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าที่ซีดเผือดของอีกฝ่ายชั่วครู่ก่อนระบายยิ้มกว้างบนริมฝีปาก  “อย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลนักสิ  อนาคตสำหรับมนุษย์มันเอาแน่อะไรได้เสียที่ไหนกัน  เอาล่ะ . . ทำงานของนายเสียให้เรียบร้อยอย่าให้มีอะไรผิดพลาดก็แล้วกัน  เพราะนายเองก็ใช่ว่าจะมีโอกาสแก้ตัวได้บ่อยนัก”  ว่าจบจึงยืนบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กในมือส่งให้อีกฝ่าย  ตบลงบนบ่าร่างที่สูงกว่า 2 3 ครั้งแล้วจึงก้าวผละออกไปพร้อมเสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
ชายวัยกลางคนระบายลมหายใจออกอย่างแทบหมดแรง  “เกือบไป . . . ต้องระวังตัวให้มากกว่านี้  คนอะไร . . . น่ากลัวจริง ๆ “  ร่างสูงส่ายศีรษะไปมาแรงก่อนยกบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กในมือขึ้นมอง  “ก่อนอื่นต้องตรวจสอบสภาพความเหมาะสมของร่างกายในการเข้า Seal สินะ  ทำคนเดียวกว่าจะผนึกเสร็จก็เสียเวลาไปเป็นชั่วโมง  รีบทำดีกว่า”
---------------------------------------------------------------
เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาจากเบื้องหลังท่ามกลางความเงียบทำให้ชายหนุ่มลืมตาขึ้น  โดยยังคงอยู่ในอิริยาบถนั่งคุกเข่าเอามือกุมศีรษะอย่างคนหมดอาลัยตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  “ . . . เธอเหรอ ?  ลีอา  จะให้ฉันทำอะไรอีกล่ะ ?  ฉันคิดอะไรไม่ออกแล้ว  ไม่รู้ทั้งนั้นทั้งเรื่องของพวกเธอหรือแม้แต่ตัวเอง . . ฉันควรจะคิดอะไร ?  ควรจะทำอะไรต่อไปยังไงดี ? “
‘แต่อยู่แบบนี้เธอก็คิดอะไรไม่ออกอยู่ดีไม่ใช่รึ ?  อาร์ค ‘
กระแสเสียงอ่อนหวานที่ดังมาทำให้เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนสะดุ้ง  เงยหน้าหันมามองผู้ที่มาหยุดยืนอยู่เบื้องหลังรวดเร็ว  จึงสบร่างของเด็กสาวที่อยู่ในวัย 15 16 ปี  เรือนผมสีทองสว่างไสวเป็นลอนอ่อน ๆ ยาว  ใบหน้าเดียวกันกับที่เห็นภายในแท็งก์บรรจุน้ำสีฟ้าใสก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน  ยกเว้นเพียงเป็นร่างของเด็กสาวที่มีร่างกายสมบูรณ์อยู่ในชุดกระโปรงบานสีขาวสะอาดรับกับสีผิว  แต่ส่วนปลายเท้าที่ควรจะวางราบติดพื้นเหมือนเขากลับลอยอยู่และเวลาแตะขยับจะเกิดระลอกวงแสงสีฟ้าสว่างคล้ายกำลังเดินอยู่บนผิวน้ำอย่างนั้น
ริมฝีปากเรียวสีชมพูระเรื่อกรีดรอยยิ้มอ่อนโยนขึ้นจาง ๆ  ‘ในที่สุดก็ได้เจอกันเสียทีนะ  อาร์ค  ดีใจจริง ๆ ที่เธอตามหาฉันพบได้สำเร็จอีกครั้ง’
คิ้วเรียวสีเดียวกันกับเส้นผมขมวดกระตุก  “อีกครั้ง ?  จริงสิ . . ตอนนั้นนักวิจัยนั่นก็พูดออกมาว่าฉันอยู่ที่ห้องนั่นเป็นครั้งที่สอง  หมายความว่าก่อนหน้านี้ฉันเคยเห็นร่างของเธอในแท็งก์นั่นมาแล้วครั้งหนึ่ง”
รอยยิ้มบนเรียวปากสีอ่อนยิ่งกว้างขึ้น  ‘เธอเข้าใจถูกต้องแล้วจ๊ะ  สมัยก่อนนี้เธอเคยหาฉันพบมาแล้วครั้งหนึ่ง’  ใบหน้าอ่อนวัยค่อย ๆ หม่นเศร้าลงทีละน้อยขณะดวงตายังคงจ้องสบสายตาชายหนุ่มตรงหน้านิ่ง  ‘ฉันตายไปแล้ว . . อาร์ค  ที่เธอเห็นอยู่นี่เป็นเพียงแค่พลังความคิดที่หลงเหลืออยู่ของฉันเท่านั้น  อย่างที่ผู้ชายคนนั้นพูด  ฉันถูกชุบชีวิตขึ้นมาแต่ก็ไม่สมบูรณ์  เซลล์ร่างกายยังไม่ตาย . . สมองยังทำงานยังคิดได้แต่หัวใจหยุดเต้นโดยสิ้นเชิง’
“หมายความว่าฉันมาช้าเกินไป ? “
เด็กสาวส่ายศีรษะปฏิเสธ  ‘เปล่าจ๊ะ  ช้าจริงแต่ไม่ได้หมายความว่าช้าขนาดนั้น  เพราะฉันตายไปแล้วก่อนที่เธอจะเกิดมา  พ่อหนูน้อย  ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือว่าโนร์นรุ่นแรกอย่างพวกเราเกิดมาเมื่อกว่า 70 ปีก่อน  ร่างกายฉันอยู่ที่อายุ 15  ดังนั้นฉันตายไปกว่า 50 ปีมาแล้ว’
ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดปากด้วยความเผลอไผล  ดวงตาที่จ้องมองเด็กสาวตรงหน้าเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง  “50 ปี . . อยู่ในสภาพนี้มากว่า 50 ปี”  กระแสเสียงที่เปล่งลอดแผ่วเบาแทบกลายเป็นเสียงกระซิบ
ไหล่เล็กบางสั่นไหวเล็กน้อยขณะเรียวปากยังพยายามยิ้ม  ‘ใช่จ๊ะ  ฉันขยับไม่ได้  ส่วนที่ทำได้คือการส่งคลื่นสมองออกไป  ร่างกายฉันถูกขังแต่เมื่อกลางคืนมาเยือนความฝันของทุกคนจะเป็นดินแดนที่ฉันสามารถไปไหนมาไหนได้ตามใจ  ฉันเป็นอิสระในความฝัน  เห็นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนโดยไม่มีใครเห็นฉันหรือแม้แต่ได้ยินเสียง’  ดวงตาสีฟ้าจางที่ตวัดมองความมืดโดยรอบตวัดกลับมายังชายหนุ่มอีกครั้ง  ‘ยกเว้นแค่เธอ . . . อาร์ค’
“ทำไม . . ? “
ริมฝีปากเรียวบางกรีดรอยยิ้มกว้างขึ้นขณะก้าวเดินเป็นวงกลมรอบตัวชายหนุ่ม  ‘มีหลายเหตุผล  แต่สรุปง่าย ๆ คือคลื่นสมองของเราตรงกันพอดี  เธอเป็นคนทักฉันก่อนและฉันก็ดีใจมากเสียด้วย’  เด็กสาวก้าวเข้าใกล้ก่อนทาบมือวัดความสูงแค่เพียงระดับเอวของตน  ‘ตอนนั้นเธอยังเด็ก  เพิ่งจะตัวเท่านี้เอง’
“ขอโทษเถอะ  ถึงเธอเล่าไปฉันก็จำอะไรไม่ได้”  เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเอ่ยตอบกลั้วเสียงหัวเราะที่ฟังดูก็รู้ว่าเป็นเสียงหัวเราะฝืน ๆ ด้วยความเครียด
ลีอาเปล่งเสียงหัวเราะกังวานใส  ‘จริงด้วยสินะ  เธอมาที่นี่เพื่อหาคำตอบนั้นใช่มั้ย ?  หาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครกันแน่’  เด็กสาวร่างเพรียวบางกระโดดถอยห่างออกไประยะหนึ่ง  รอยยิ้มอ่อนโยนบนริมฝีปากสีอ่อนระเรื่อค่อยลบเลือนไปจนเหลือแต่ใบหน้าสงบนิ่ง
“ใช่  ฉันอยากรู้ว่าตัวเองเป็นใคร  ถ้าเธอเคยพบตัวฉันเมื่อก่อนตั้งแต่ยังเด็กแบบนั้นจริงเธอต้องรู้แน่  และต้องรู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น  ลีอา”
‘อยากรู้จริง ๆ งั้นหรือ ?  จะดีเหรอ ?  เธอแน่ใจระว่าต้องการอย่างนั้น ? ‘
“ฉันแน่ใจ”
ริมฝีปากเรียวสีอ่อนระบายยิ้มบางเบา  ‘จุดนี้เธอไม่เคยเปลี่ยนไปเลย  อาร์ค  ถ้าอย่างนั้นฉันจะเล่าเรื่องของพวกเราให้ฟัง . . อีกครั้ง . . . ‘  มือเรียวเล็กยกขึ้นไปด้านหลังแล้วกวักเรียกกระจกบานหนึ่งให้ลอยมาหยุดลงตรงหน้าอย่างนุ่มนวล  เงาสะท้อนที่ปรากฏบนแผ่นกระจกคือบานประตูโลหะที่มีหมายเลขรหัสบานเดียวกับประตูห้องต้นกำเนิด LEA - Project  ‘ตั้งใจดูให้ดี ๆ ไว้  บางทีมันอาจมีสิ่งใดที่บอกใบ้ถึงคำตอบที่เธอกำลังค้นหาอยู่ก็เป็นได้’
ชายหนุ่มขยับกายลุกขึ้นยืน  “ความทรงจำที่หายไปของฉัน”  ดวงตาสีเขียวกวาดไปทั่วแผ่นกระจกที่สะท้อนภาพตรงหน้าก่อนหันกลับมาสบสายตาร่างเล็กบางข้างกาย  “ฉันพร้อมแล้ว”
เจ้าของเรือนผมสีทองสว่างพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มบางบนริมฝีปากสีอมชมพูระเรื่อ  มือเรียวขาวที่ยกค้างอยู่โบกเบา ๆ บานกระจกจึงเกิดแสงลอดออกมาตามรอยประกบของภาพบานประตูแล้วแยกเปิดออก  ปล่อยให้ลำแสงสีขาวสว่างจ้าส่องกราดออกมาบดบังความมืดรอบตัวจนตาพร่าเลือน  ได้ยินเสียงกังวานใสของหญิงสาวผู้หนึ่งดังแผ่ว ๆ มาแต่ไกล
‘สวัสดีจ๊ะ’
---------------------------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น