ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [นิยายแปล] Kyuuketsu hime wa barairo no yume o miru

    ลำดับตอนที่ #57 : 3-15 Interlude 4

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.87K
      43
      5 มิ.ย. 60

    Chapter 3Beast King of Borderland

    Interlude 4 ค่ำคืนของชายหนุ่ม

    คืนที่สอง: ฝั่งโจอี้   (TL:ตอนนี้โจอี้เป็นคนบรรยาย)

    ช่วงเวลาประมาณ 4 โมงเย็น, ฉันไปที่กิลด์นักผจญภัยที่เมืองหลวงอาระเหมือนเช่นเคย เหมือนกับเกาว์-เซนเซย์ ---เขาเป็นหัวหน้ากิลด์แล้วก็จริง, แต่ฉันเรียกแบบนี้จนชินแล้ว---และมิยะ-ซังที่ทำหน้าที่เป็นเลขาคอยประจำอยู่ใกล้ๆแผนกต้อนรับที่ชั้น 1

    แล้วยังมี, เด็กหนุ่มอีกคนที่ดูเด็กกว่าฉันอยู่ปีสองปี, เด็กหนุ่มผมสีบลอนด์ดูคลับคล้ายว่าจะเป็นนักผจญภัย, ทั้งสามคนที่ว่าอยู่ระหว่างพูดคุยอะไรบางอย่าง

    ฉันคิดว่าฉันควรหลบฉากออกมา, เลยก้มหัวเล็กน้อยแล้วเดินผ่านไป, แต่แล้วเกาว์-เซนเซย์ก็หยุดฉันไว้

    โอ้, มาได้ถูกเวลาเลย โจอี้, ฉันมีเรื่องจะขอร้องสักหน่อย

    ครับ, มีอะไรหรือครับ?”

    มานี่เขากวักมือเรียก, ฉันจึงเดินเข้าไปหา

    เด็กหนุ่มไม่คุ้นหน้าให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเด็กใหม่, เขาสวมชุดเกราะหนังที่สะอาดสะอ้านไร้รอยขีดข่วน และพาดดาบยาวราคาแพงไว้ที่หลัง

    เขาส่งรอยยิ้มที่ดูแฝงนัยแปลกๆ, ใบหน้ายิ้มทำให้ฉัน(โจอี้)หลงคิดไปแวบหนึ่งว่าคนตรงหน้าอาจจะไม่ใช่ผู้ชาย เป็นคนที่ให้ความรู้สึกว่าอาจเป็นลูกขุนนางที่ไม่เคยรู้จักความยากลำบากและต้องการลองผจญภัยดูด้วยความนึกสนุก

    คือว่านะ, นายเห--... เอิ่ม, เขาเป็นเด็กใหม่ที่สมัครเข้าเป็นนักผจญภัยวันนี้เอง แต่จู่ๆเขาก็บอกว่าต้องการรับคำขอกวาดล้างนะ ถ้าไม่ลำบาก, ช่วยเขาสักหน่อยได้ไหม?”

    ฮะ?!” ฉันเผลอตะโกนอย่างตกใจ “เพิ่งสมัครวันนี้, แล้วยังคิดจะไปทำคำขอกวาดล้างเลยงั้นเหรอ? นี่นายคิดบ้าอะไรอยู่นะ!?”

    ฉันเหมือนถูกกระตุ้นให้ขึ้นเสียง, ตำหนิคนที่เพิ่งได้พบ

    —อา, ฉันไม่คิดว่าเธอจะพูดอย่างนั้นได้นะ”
    เกาว์-เซนเซย์เหลือบมองมาพลางพูดหยอก, แต่ฉันไม่ได้สนใจแล้วพูดต่อ

    ฟังนะ, สิ่งที่พวกเราทำอยู่ไม่ใช่การละเล่น! มันคืองาน, จะรับงานมาแล้วพูดว่าผมทำไม่ได้ ไม่ได้หรอกนะ, ยิ่งกว่านั้นที่พวกเรากำลังพูดคือคำขอกวาดล้าง, นั่นนะเป็นเรื่องความเป็นความตาย! อย่าดูเบามันนัก!”

    เด็กหนุ่มตกอยู่ในความพิศวงราวกับถูกเขย่าด้วยเรื่องน่ากลัว
    “…น่าแปลกใจจริงๆ เป็นคำพูดที่ดีมากเลยนะนี่
    เสียงของเขาเหมือนเสียงของเด็กสาว, คล้ายเป็นเสียงเด็กที่ยังไม่แตกหนุ่ม

    “…ใช่แล้ว, เป็นประโยคที่ดีจริงๆ
    “…จะดีกว่านี้, ถ้าโจอี้ได้เห็นตัวเองในกระจกตอนที่พูดเช่นนั้น
    เกาว์-เซนเซย์กับมิยะ-ซังก็พยักหน้าเห็นด้วย

    อย่าล้อผมสิ! พวกคุณ, นี่เรื่องของเขาไม่ใช่ของผมสักหน่อย, ทำไมถึงไม่ยกเลิกคำขอของเขาไปละครับ!?”

    อืม, นั่นก็…”

    เขารับคำขอไปแล้ว ดังนั้นถ้ายกเลิก, เขาต้องจากค่าธรรมเนียมยกเลิกสัญญาจำนวนมาก แต่น่าเสียดายที่เขาบอกว่าไม่มีเงิน, เลยแย่อย่างนี้ไงละ

    ชิ…!’
    นี่มันสถานการณ์เลวร้ายแบบไหนกันนี่?

    ส่วนเรื่องว่าทำไมเขาถึงไม่กู้เงิน, ก็เพราะเขายังไม่มีผลงานอะไรเลยจึงไม่สามารถค้ำประกันได้ ดังนั้นช่วยเขาสักหน่อยไม่ได้หรือ? ส่วนเรื่องคะแนนกิลด์ส่วนของเขา ฉันจะมอบให้เธอเอง
    รบกวนด้วยนะ’, เกาว์-เซนเซย์ก้มหัวขอร้อง, มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปฏิเสธ

    ช่วย-ไม่-ได้ แล้วเป้าหมายคืออะไร, แล้วให้เวลานานเท่าไรหรือครับ?”

    ที่ทุ่งราบทางใต้ของอาระมีส่วนสุสานเก่าอยู่ใช่ไหม? มีข่าวว่ามีสเกเลตันปรากฏอยู่ที่นั่น, ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้เรียบร้อยในคืนนี้เลยนะ

    (TL: สเกเลตัน ตรงตามตัวคือโครงกระดูก)

    คืนนี้หรอ…”

    ฉันพอรู้จักที่นั่น, มันไม่ไกลเท่าไร(เพราะเขามีอีมู) การต่อสู้กับสเกเลตันด้วยดาบค่อนข้างลำบากนิดหน่อย แต่ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก
    ฉันไม่มีเวลาเตรียมตัวแล้ว แต่ยังดีที่เป็นสถานที่ที่เดินทางไปมาได้ในวันเดียว เสบียงเท่าที่มีอยู่น่าเพียงพอ

    —เข้าใจแล้วครับ, แต่ว่า, โปรดจัดการกับเรื่องเช่นนี้ให้ดีกว่านี้ด้วย”

    เมื่อฉันพูด, ทั้งสองคนก็รู้สึกโล่งอกแล้วมองสบตากัน

    อะ-อืม, ขอโทษที่ขออะไรไม่มีเหตุผลแบบนี้นะ, โจอี้

    ตัวต้นเหตุของเรื่องไม่มีเหตุผลค้อมศีรษะลงด้วยท่าทางเป็นมิตร, อะไรกันนะคนคนนี้, ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกคุ้นๆขึ้นมา

    มันช่วยไม่ได้นี่นะ, การช่วยเหลือรุ่นน้องก็เป็นหน้าที่ของรุ่นพี่ ว่าแต่ว่านายชื่ออะไรละ?”

    แน่นอนก็ต้องฮิยุ—อุ๊ปส์, อา ฮิว

    ฮิวหรอ…”

    ทันใดนั้น, ฉันก็นึกถึงเด็กผู้หญิงที่ชื่อคล้ายกันนี้, คนที่เคยอยู่กันเมื่อไม่นานมานี้

    นึกถึงแล้ว, ภายในอกก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ในขณะเดียวกันก็ถูกความทรงจำที่เจ็บปวดถาโถมเข้าหา อีกด้านหนึ่ง, คนทั้งสามก็รวมกลุ่มแล้วพูดคุยกันด้วยเสียงเบา, โจอี้ที่ไม่ได้สนใจจึงไม่ได้ยินแม้แต่ส่วนเดียว

    “…ไม่เปลี่ยนไปเลยนะนี่
    “…เขานะ, เกินเยียวยาแล้วละ น่าเชื่อถือได้แค่แวบเดียวเองนะ!”
    “…ยิ่งกว่านั้น, ขนาดนี้แล้วเขายังไม่รู้ตัวเลยหรือไง?”
    “…นั่นสิ
    “…ทั้งที่เห็นชัดขนาดนี้
    『『『ก็เขาคือโจอี้นี่นะ』』』

     

    หืม? เรียกผมหรอครับ?”

    ◆◇◆◇

    ด้วยเหตุนั้น, ฉันกับฮิวก็ออกจากกิลด์และออกเดินทางไปทางใต้ด้วยการขี่อีมูตัดตรงไป, ไปยังที่สเกเลตันปรากฏตัวขึ้น

    ที่น่าแปลกใจคือ, อีมูที่มักซึกเศร้าอยู่เสมอของฉันดูจะยินดีที่ได้กับฮิว มันส่งเสียงร้องออกมาอย่างมีความสุข

    ฮิวเองก็ดูคิดถึงมันและลูบขนตรงท้องของมันอย่างเบามือ

    ที่ผ่านมา, สบายดีไหม?”
    แล้วพูดอะไรแบบนั้น

    และเมื่อเขานั่งที่ด้านหลังฉัน(โจอี้), เขาก็นั่งลงด้วยท่าที่ผู้หญิงใช้นั่งกัน

    อา, โทษที ยกโทษให้ความเคยชินเมื่อครู่นี้ของฉันด้วย…”
    เขาขอโทษ, ว่าแต่พูดว่าความเคยชินหรอ? ท่าทางและวิธีการพูดของเขามันน่ารักแปลกๆ, บางครั้งก็เหมือนเด็กผู้หญิง, ไม่ใช่ว่าหมอนี้มีงานอดิเรกแปลกๆหรอกนะ? –เมื่อความคิดดังกล่าวแล่นออกจากหัวของฉัน(โจอี้), เขา(ฮิว)ก็จนคำพูดจะกล่าวและดูหดหู่ชอบกล, นี่เขาไหวหรือเปล่านะ?

    คิดอีกที, คนสุดท้ายที่ได้ขี่อีมูของฉันก็คือเด็กผู้หญิงคนนั้น, เธอนะไม่เหมือนสหายที่หยาบคายคนนี้ เธอนุ่มนิ่มน่ารักแล้วก็กลิ่นหอม... เดี๋ยว, ฉันต้องคิดถึงเรื่องงานก่อนสิ!
    แน่นอนว่าฉันสอนเขาไปก่อนหน้านี้บ้างแล้ว เขาน่าจะทำตามได้ไม่ยาก

    พวกเรามุ่งลงมาทางใต้เกือบชั่วโมง ก็พบหลุมศพ 20 กว่าแห่งใกล้กับทุ่งราบที่เป็นเป้าหมาย, สุสานที่ถูกลืม บางครั้งพวกวิญญาณกับอันเดตก็เกิดขึ้นที่นี้ได้ ดังนั้นพวกเด็กใหม่ Rank E, Rank F จึงมักมาช่วยปัดกวาดและทำความสะอาดต้นหญ้าที่รกชัน น่าเสียดายที่ตอนนี้มีสเกเลตันปรากฏตัว
    เจ้าพวกนี้สามารถหายไปได้ในครั้งเดียวถ้ามีนักบวชที่สามารถใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เพราะตอนนี้ประเทศถูกปกครองโดยปีศาจ นักบวชส่วนใหญ่จึงจากไป, ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องละเอียดเท่าไร

    อา, เมื่อไม่นานว่านี้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่นักบวชก็สามารถใช้ได้ (อ๊ะ, แต่เด็กสาวคนนั้นเป็นผู้ใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่ออกจะเกินธรรมดาไปเสียหน่อย) ดังนั้นขอบข่ายการใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์จึงขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่จำนวนของคนที่ใช้ได้ก็ยังต่ำอยู่ดี

    ด้วยเหตุนั้น, คำขอกำจัดอันเดตจึงเพิ่มจำนวนขึ้นเช่นกัน

    จะว่าไปแล้วนายเป็นเด็กใหม่ไม่ใช่หรอ, ทำไมถึงไปรับคำขอปราบปรามสเกเลตันได้ละ?”

    เมื่อเรามาถึงที่หมาย, พระอาทิตย์ก็คล้อยลงต่ำแล้ว ฉันรีบผูกอีมูไว้ในที่เหมาะสมและเลือกสถานที่ตั้งแคมป์ ในขณะเดยวกันก็ถามคำถามนั้นกับฮิวที่ตามมาข้างๆ

    อ้อ พอดีว่าดาบที่ฉันเอามาทีเวทมนต์ศักดิ์สิทธิ์ร่ายเอาไว้นะ”
    เขาพูดแล้วก็ปลดดาบออกจากฝัก, แสงสีขาวกระจายไปในบรรยากาศพลบค่ำ

    —ดาบเวทมนต์! ไม่น่าเชื่อ!
    ฉันเพ่งมองไปด้วยสายตาอิจฉา ดาบของฉันเพิ่งแตกเป็นชิ้นๆหลังจากเอามันไปต่อสัญญา ตอนนี้เลยได้ใช้แค่ดาบถูกๆที่เคยใช้เมื่อตอนที่เป็นเด็กใหม่เท่านั้นเอง!

    ไม่, ไม่ใช่เพราะมันถูกและน่าอายอะไรหรอกนะ แต่เพราะฉันไม่อยากให้ดาบที่เธอคนนั้นมอบให้พังไป น่าอนาถจริงๆเลยฉัน...

    มีอะไรหรอ? จู่ๆนายก็ดูแย่ลง ถ้ามะไรคับข้องใจก็บอกได้นะ ฉันจะฟังเอง
    ฮิวพูดด้วยท่าทางเป็นกังวล

    ทั้งที่ฉันคิดว่าเขาเป็นแค่ลูกคนรวยโง่ๆ ไม่นึกเลยว่าจะอ่อนไหวง่ายแบบนี้... ใจดีเหมือนเธอเลย

    จากนั้นก็เลือกที่ตั้งแคมป์ได้ ระหว่างรอให้สเกเลตันปรากฏตัวที่สุสาน ทุ่งราบก็มืดสนิท, พวกเราจุดไฟไว้รอบๆแล้วคุยอะไรไปเรื่อบเปื่อยเพื่อแก้เบื่อ

    ไม่สิ, ส่วนใหญ่คนที่พูดคือฉัน ส่วนฮิวแค่ตอบรับ แต่เหมือนว่าเราเป็นคนใกล้ชิดสนิทกัน ฉันเลยรู้สึกพูดได้สบาย

    เรื่องของเธอ เรื่องที่ฉันอยากปกป้องเธอแต่ทำไม่ได้ เรื่องที่น่าเศร้าและน่าสมเพชเหล่านั้น

    “…เธอมองมาที่ฉันเฉยๆ แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเธอผิดหวังที่ฉันเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ทำอะไรไม่ได้เลย”
    ฉันสะอื้นออกมาทั้งที่ไม่เคยทำต่อหน้าใคร

    แต่ถึงอย่างนั้น, ฮิว, ก็ยิ้มออกมาอย่างน่าประหลาดแล้วพูด,
    ไม่จริงหรอก นายไม่ได้วิ่งหนีและยืนหยัดที่จะปกป้องเธอด้วยกำลังที่มีจนถึงที่สุดไม่ใช่หรือไง? ฉันคิดว่าคนคนนั้นต้องรู้สึกขอบคุณแน่ ไม่มีทางที่จะตำหนินายหรอก ฉันแน่ใจ

    เมื่อเขาพูดเช่นนั้น, ด้วยอะไรบางอย่าง, สิ่งที่แผดเผาอยู่ในใจของฉันก็เหมือนเลือนหายไป

    “…จริงหรอ? นายคิดแบบนั้นจริงๆหรอ?”

    แน่นอน!”
    เขาพยักหน้าอย่างแข็งขัน, จากนั้นเขาก็พึมพำออกมาเสียงเบา “ถึงอย่างนั้นตอนที่ฉันไมรู้สึกตัวกลับกล้าจับหน้าอกฉันเหรอ... หึ ฉันไม่ควรฆ่าให้ตายสบายๆสินะ” แต่ทว่าฉันกลับจับใจความที่เขาพูดไม่ได้เลย

    งั้นหรอ? ดีจริงๆ ถึงมิยะ-ซังจะเคยพูดคล้ายๆกันนี้ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นจริงๆ

    เห แล้วมิยะ-ซังพูดว่าไงหรอ?”

    เอ, หลังจากที่ฉันบอกมิยะ-ซังไป มิยะซังก็เอาเบนโตะมาเยี่ยมฉันแล้วพูดว่า นี่คือเครื่องหมายของความรู้สึกดีๆ จงฟังให้ดีๆ, เมื่อเด็กผู้หญิงถึงวัยเอาเบนโตะมาให้, นั่นคือการแสดงออกถึงความรักขั้นสูงสุด! เธอจะรู้สึกหงุดหงิด, ขัดแย้งและวิตกกังวลอยู่ในใจ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขาไม่รับมันละ, ถ้ารสชาติไม่อร่อยละ หรือถ้าเขาทำหน้าไม่สนใจละ เธอคาดหวังให้เขารับมันไปด้วยสีหน้ามีความสุข ให้เขารู้สึกถึงความรู้สึกของเธอ นี่คือพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการพัฒนาโดยผู้กล้าที่หัวใจกล้าแกร่งไม่สั่นไหว! จากนั้นฉันก็รู้สึกเหมือนทำอะไรไม่ดี, ที่กินเบนโตะแห่งความรักแบบนั้น... เอ๋, นายกุมขมับทำไมนะ?”

    —คนคนนั้น, ทำไมเธอถึงเดินหน้าสู่สายสาวน้อยในเวลาแปลกๆแบบนั้นละ? เธอควรบอกใบ้ความรู้สึกให้รู้ทีละน้อยไม่... อา, ไม่, ไม่มีอะไรหรอก ยิ่งกว่านั้น มิยะ-ซังคิดมากไปแล้ว! ไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหนทำและให้เบนโตะด้วยสถานการณ์แบบนั้นหรอก! ฉันคิดว่าเธอจะทำแล้วให้ตามปกติเสียอีก –อา, แบบไม่มีเจตนาแอบแฝงนะ

    “? ทำไมนายถึงได้คิดแบบนั้นละ?”

    ต่อมาสเกเลตันที่ปรากฏตัวหลังเที่ยงคืนก็ถูกกำจัดลงอย่างง่ายดาย (พูดชัดๆคือล้มลงหลังจากดาบของฮิวแตะมัน) แล้วพวกเราก็ออกจากแคมป์กลับสู่เมืองอาระ

    ◆◇◆◇

    วันถัดมา, ขณะที่ฉันกำลังจะเอาใบเควสไปแจ้ง, เกาว์-เซนเซย์ก็เรียกฉันไปที่ห้องหัวหน้ากิลด์

    โย่ โจอี้ ขอบใจที่จัดการเรื่องยุ่งยากเมื่อวานนะ
    เกาว์-เซนเซย์ที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ขอบคุณผม แต่สำหรับผม, คนที่มีส่วนปราบสเกเลตันทั้งหมดคือฮิว ดังนั้นผมเลยรู้สึกไม่สบายใจที่จะรับหน้าไว้คนเดียว

    ถึงอย่างนั้นเมื่อฉันบอกเขาไป
    ไม่, ฮิวรู้สึกขอบคุณนายจริงๆที่ตามไปด้วย เพราะฉะนั้น…”
    เขาพูดแล้วก็หยิบดาบที่คุ้นตาออกมาจากใต้โต๊ะ—ดาบแฝงเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ของฮิว, เอาวางไว้ตรงหน้าผม

    นี่เป็นของจากฮิว เขาบอกว่าเขามีเหตุผลบางอย่างทำให้ต้องรีบกลับบ้านเกิด, และไม่ได้เป็นนักผจญภัยต่อ เขาเลยต้องการมอบดาบนี้ให้นายที่ช่วยเหลือเขาด้วยดี

    อะ-อะไรกันนะนั่น? แค่เมื่อวานเองนะครับ, แถมเขาเพิ่งสมัครเองด้วย!”

    ฉันก็ไม่รู้รายละเอียด ตอนนี้เขาก็ออกจากบ้านไปแล้ว ดังนั้นดาบนี้ก็เป็นของนายแล้ว

    ผม...ผมจะรับมันไว้ได้ยังไง, ผมไม่ได้ทำอะไรเลย…”

    อย่าพูดแบบนั้น, ฮิวนะยินดีจริงๆนะ เขาบอกว่าที่คุยกับนายเมื่อคืน สนุกมาก แต่เขาไม่สามารถอยู่คุยกับนายได้แล้วเลยทิ้งดาบไว้แทน –พูดอีกอย่าง, ถ้านายใช้ดาบนี้ ฮิวก็จะรู้สึกว่าเขายังได้ผจญภัยไปกับนายไง เข้าใจความรู้สึกของเขาไหม?

    เมื่อเกาว์-เซนเซย์พูดแล้วส่งให้ฉันอีกครั้ง ฉันจึงรับมันไว้ด้วยทั้งสองมือ

    เข้าใจแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะดูแลดาบนี้เอง เมื่อเขากลับมาสักวันหนึ่ง, ผมจะเอามาคืนอย่างแน่นอน!”

    ฉันยืนยัน แต่เพราะอะไรบางอย่างเกาว์-เซนเซย์กลับมองมาด้วยความรู้สึกที่ปนกัน

    ◆◇◆◇

    ไม่นานหลังจากโจอี้ออกจากห้องไป

    “…แบบนี้ดีแล้วใช่ไหมครับ, นายเหนือ, เล่นละครเช่นนี้

    ตอบรับเสียงนั้น ฮิว, ผู้เป็นหัวข้อสนทนาหลักเมื่อครู่, ก็ยื่นหน้าออกมาจากช่องประตูที่เชื่อมกับห้องแยก

    อืม, ฉันสงสัยจริงๆว่าทำไมเขาถึงได้ดื้อรั้นอะไรแบบนี้นะ ทั้งที่ฉันวางแผนว่าจะใช้มันแทนคำขอโทษที่ทำดาบพังแท้ๆ แต่ถ้าให้ธรรมดา เขาคงไม่รับ เลยต้องใช้ทางอ้อมแบบนี้, ถึงไกลน้อยแต่ได้ผล

    นายเหนือแค่พูดว่าสำหรับนายด้วยรอยยิ้มธรรมดาก็ได้, ไม่ใช่หรือคะ?”

    มิยะที่ดูสถานการณ์ถามขึ้น, แต่ฮิวโบกมือปฏิเสธ

    เขามีความเป็นสุภาพบุรุษเกินไป, เขาไม่รับมันแน่

    จากนั้นฮิวก็มองขึ้นลงร่างกายตัวเองแล้วถอนหายใจ
    —อีกอย่าง, ตุ๊กตาเวทมนต์นี้ก็ต้องใช้พลังเวทย์ในการควบคุมเพราะนายช่างของอาณาจักรฉันแค่ทำขึ้นเป็นงานอดิเรก ด้วยระยะห่างขนาดนี้ฉันที่เป็นผู้ต้องเติมพลังเวทย์เลยต้องควบคุมดูแล นั้นหมายความว่าตอนนี้ร่างหลักของฉันไร้การป้องกันโดยสิ้นเชิงยังไงละ…”

     

    End

    Author Notes

    อันนี้เป็นเหตุการณ์ช่วงฆ่าเวลา, รอกำหนดวันการตัดสินราชาสัตว์ป่านอกรอบ.

    Talk: โจอี้ซื่อบื้อหรือโง่กันแน่ละนี่...?

    หมายเหตุ: โจอี้แทนตัวเองในใจว่า“ฉัน” แต่ใช้คำว่า“ผม”ตอนพูดกับผู้ใหญ่และ“ฉัน”ตอนพูดทั่วไป

    ในขณะที่ฮิยูกิใช้คำว่า“ผม”ในใจ แล้วพูดด้วยคำว่า“ฉัน”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×