คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #57 : 3-15 Interlude 4
Chapter 3
– Beast King of Borderland
Interlude 4 ค่ำคืนของชายหนุ่ม
คืนที่สอง: ฝั่งโจอี้ (TL:ตอนนี้โจอี้เป็นคนบรรยาย)
ช่วงเวลาประมาณ 4 โมงเย็น,
ฉันไปที่กิลด์นักผจญภัยที่เมืองหลวงอาระเหมือนเช่นเคย เหมือนกับเกาว์-เซนเซย์ ---เขาเป็นหัวหน้ากิลด์แล้วก็จริง,
แต่ฉันเรียกแบบนี้จนชินแล้ว---และมิยะ-ซังที่ทำหน้าที่เป็นเลขาคอยประจำอยู่ใกล้ๆแผนกต้อนรับที่ชั้น
1
แล้วยังมี, เด็กหนุ่มอีกคนที่ดูเด็กกว่าฉันอยู่ปีสองปี,
เด็กหนุ่มผมสีบลอนด์ดูคลับคล้ายว่าจะเป็นนักผจญภัย, ทั้งสามคนที่ว่าอยู่ระหว่างพูดคุยอะไรบางอย่าง
ฉันคิดว่าฉันควรหลบฉากออกมา, เลยก้มหัวเล็กน้อยแล้วเดินผ่านไป,
แต่แล้วเกาว์-เซนเซย์ก็หยุดฉันไว้
“โอ้, มาได้ถูกเวลาเลย โจอี้, ฉันมีเรื่องจะขอร้องสักหน่อย”
“ครับ, มีอะไรหรือครับ?”
‘มานี่’ เขากวักมือเรียก, ฉันจึงเดินเข้าไปหา
เด็กหนุ่มไม่คุ้นหน้าให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเด็กใหม่,
เขาสวมชุดเกราะหนังที่สะอาดสะอ้านไร้รอยขีดข่วน และพาดดาบยาวราคาแพงไว้ที่หลัง
เขาส่งรอยยิ้มที่ดูแฝงนัยแปลกๆ,
ใบหน้ายิ้มทำให้ฉัน(โจอี้)หลงคิดไปแวบหนึ่งว่าคนตรงหน้าอาจจะไม่ใช่ผู้ชาย เป็นคนที่ให้ความรู้สึกว่าอาจเป็นลูกขุนนางที่ไม่เคยรู้จักความยากลำบากและต้องการลองผจญภัยดูด้วยความนึกสนุก
“คือว่านะ, นายเห--... เอิ่ม,
เขาเป็นเด็กใหม่ที่สมัครเข้าเป็นนักผจญภัยวันนี้เอง แต่จู่ๆเขาก็บอกว่าต้องการรับคำขอกวาดล้างนะ
ถ้าไม่ลำบาก, ช่วยเขาสักหน่อยได้ไหม?”
“ฮะ?!” ฉันเผลอตะโกนอย่างตกใจ “เพิ่งสมัครวันนี้,
แล้วยังคิดจะไปทำคำขอกวาดล้างเลยงั้นเหรอ?
นี่นายคิดบ้าอะไรอยู่นะ!?”
ฉันเหมือนถูกกระตุ้นให้ขึ้นเสียง,
ตำหนิคนที่เพิ่งได้พบ
“—อา, ฉันไม่คิดว่าเธอจะพูดอย่างนั้นได้นะ”
เกาว์-เซนเซย์เหลือบมองมาพลางพูดหยอก,
แต่ฉันไม่ได้สนใจแล้วพูดต่อ
“ฟังนะ, สิ่งที่พวกเราทำอยู่ไม่ใช่การละเล่น! มันคืองาน,
จะรับงานมาแล้วพูดว่า『ผมทำไม่ได้』 ไม่ได้หรอกนะ,
ยิ่งกว่านั้นที่พวกเรากำลังพูดคือคำขอกวาดล้าง, นั่นนะเป็นเรื่องความเป็นความตาย! อย่าดูเบามันนัก!”
เด็กหนุ่มตกอยู่ในความพิศวงราวกับถูกเขย่าด้วยเรื่องน่ากลัว
“…น่าแปลกใจจริงๆ เป็นคำพูดที่ดีมากเลยนะนี่”
เสียงของเขาเหมือนเสียงของเด็กสาว,
คล้ายเป็นเสียงเด็กที่ยังไม่แตกหนุ่ม
“…ใช่แล้ว, เป็นประโยคที่ดีจริงๆ”
“…จะดีกว่านี้, ถ้าโจอี้ได้เห็นตัวเองในกระจกตอนที่พูดเช่นนั้น”
เกาว์-เซนเซย์กับมิยะ-ซังก็พยักหน้าเห็นด้วย
“อย่าล้อผมสิ! พวกคุณ,
นี่เรื่องของเขาไม่ใช่ของผมสักหน่อย, ทำไมถึงไม่ยกเลิกคำขอของเขาไปละครับ!?”
“อืม, นั่นก็…”
“เขารับคำขอไปแล้ว ดังนั้นถ้ายกเลิก,
เขาต้องจากค่าธรรมเนียมยกเลิกสัญญาจำนวนมาก แต่น่าเสียดายที่เขาบอกว่าไม่มีเงิน,
เลยแย่อย่างนี้ไงละ”
“ชิ…!’
นี่มันสถานการณ์เลวร้ายแบบไหนกันนี่?
“ส่วนเรื่องว่าทำไมเขาถึงไม่กู้เงิน,
ก็เพราะเขายังไม่มีผลงานอะไรเลยจึงไม่สามารถค้ำประกันได้
ดังนั้นช่วยเขาสักหน่อยไม่ได้หรือ? ส่วนเรื่องคะแนนกิลด์ส่วนของเขา ฉันจะมอบให้เธอเอง”
‘รบกวนด้วยนะ’, เกาว์-เซนเซย์ก้มหัวขอร้อง,
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปฏิเสธ
“ช่วย-ไม่-ได้ แล้วเป้าหมายคืออะไร, แล้วให้เวลานานเท่าไรหรือครับ?”
“ที่ทุ่งราบทางใต้ของอาระมีส่วนสุสานเก่าอยู่ใช่ไหม? มีข่าวว่ามีสเกเลตันปรากฏอยู่ที่นั่น,
ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้เรียบร้อยในคืนนี้เลยนะ”
(TL: สเกเลตัน ตรงตามตัวคือโครงกระดูก)
“คืนนี้หรอ…”
ฉันพอรู้จักที่นั่น, มันไม่ไกลเท่าไร(เพราะเขามีอีมู)
การต่อสู้กับสเกเลตันด้วยดาบค่อนข้างลำบากนิดหน่อย แต่ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก
ฉันไม่มีเวลาเตรียมตัวแล้ว
แต่ยังดีที่เป็นสถานที่ที่เดินทางไปมาได้ในวันเดียว เสบียงเท่าที่มีอยู่น่าเพียงพอ
“—เข้าใจแล้วครับ, แต่ว่า, โปรดจัดการกับเรื่องเช่นนี้ให้ดีกว่านี้ด้วย”
เมื่อฉันพูด,
ทั้งสองคนก็รู้สึกโล่งอกแล้วมองสบตากัน
“อะ-อืม, ขอโทษที่ขออะไรไม่มีเหตุผลแบบนี้นะ, โจอี้”
ตัวต้นเหตุของเรื่องไม่มีเหตุผลค้อมศีรษะลงด้วยท่าทางเป็นมิตร,
อะไรกันนะคนคนนี้, ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกคุ้นๆขึ้นมา
“มันช่วยไม่ได้นี่นะ, การช่วยเหลือรุ่นน้องก็เป็นหน้าที่ของรุ่นพี่
ว่าแต่ว่านายชื่ออะไรละ?”
“แน่นอนก็ต้องฮิยุ—อุ๊ปส์, อา ฮิว”
“ฮิวหรอ…”
ทันใดนั้น, ฉันก็นึกถึงเด็กผู้หญิงที่ชื่อคล้ายกันนี้,
คนที่เคยอยู่กันเมื่อไม่นานมานี้
นึกถึงแล้ว, ภายในอกก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
ในขณะเดียวกันก็ถูกความทรงจำที่เจ็บปวดถาโถมเข้าหา อีกด้านหนึ่ง,
คนทั้งสามก็รวมกลุ่มแล้วพูดคุยกันด้วยเสียงเบา,
โจอี้ที่ไม่ได้สนใจจึงไม่ได้ยินแม้แต่ส่วนเดียว
“…ไม่เปลี่ยนไปเลยนะนี่”
“…เขานะ, เกินเยียวยาแล้วละ น่าเชื่อถือได้แค่แวบเดียวเองนะ!”
“…ยิ่งกว่านั้น, ขนาดนี้แล้วเขายังไม่รู้ตัวเลยหรือไง?”
“…นั่นสิ”
“…ทั้งที่เห็นชัดขนาดนี้”
『『『ก็เขาคือโจอี้นี่นะ』』』
“หืม? เรียกผมหรอครับ?”
◆◇◆◇
ด้วยเหตุนั้น, ฉันกับฮิวก็ออกจากกิลด์และออกเดินทางไปทางใต้ด้วยการขี่อีมูตัดตรงไป,
ไปยังที่สเกเลตันปรากฏตัวขึ้น
ที่น่าแปลกใจคือ,
อีมูที่มักซึกเศร้าอยู่เสมอของฉันดูจะยินดีที่ได้กับฮิว
มันส่งเสียงร้องออกมาอย่างมีความสุข
ฮิวเองก็ดูคิดถึงมันและลูบขนตรงท้องของมันอย่างเบามือ
“ที่ผ่านมา, สบายดีไหม?”
แล้วพูดอะไรแบบนั้น
และเมื่อเขานั่งที่ด้านหลังฉัน(โจอี้),
เขาก็นั่งลงด้วยท่าที่ผู้หญิงใช้นั่งกัน
“อา, โทษที ยกโทษให้ความเคยชินเมื่อครู่นี้ของฉันด้วย…”
เขาขอโทษ,
ว่าแต่พูดว่าความเคยชินหรอ? ท่าทางและวิธีการพูดของเขามันน่ารักแปลกๆ,
บางครั้งก็เหมือนเด็กผู้หญิง, ไม่ใช่ว่าหมอนี้มีงานอดิเรกแปลกๆหรอกนะ? –เมื่อความคิดดังกล่าวแล่นออกจากหัวของฉัน(โจอี้),
เขา(ฮิว)ก็จนคำพูดจะกล่าวและดูหดหู่ชอบกล, นี่เขาไหวหรือเปล่านะ?
คิดอีกที, คนสุดท้ายที่ได้ขี่อีมูของฉันก็คือเด็กผู้หญิงคนนั้น,
เธอนะไม่เหมือนสหายที่หยาบคายคนนี้ เธอนุ่มนิ่มน่ารักแล้วก็กลิ่นหอม... เดี๋ยว,
ฉันต้องคิดถึงเรื่องงานก่อนสิ!
แน่นอนว่าฉันสอนเขาไปก่อนหน้านี้บ้างแล้ว
เขาน่าจะทำตามได้ไม่ยาก
พวกเรามุ่งลงมาทางใต้เกือบชั่วโมง
ก็พบหลุมศพ 20 กว่าแห่งใกล้กับทุ่งราบที่เป็นเป้าหมาย, สุสานที่ถูกลืม
บางครั้งพวกวิญญาณกับอันเดตก็เกิดขึ้นที่นี้ได้ ดังนั้นพวกเด็กใหม่ Rank E,
Rank F จึงมักมาช่วยปัดกวาดและทำความสะอาดต้นหญ้าที่รกชัน
น่าเสียดายที่ตอนนี้มีสเกเลตันปรากฏตัว
เจ้าพวกนี้สามารถหายไปได้ในครั้งเดียวถ้ามีนักบวชที่สามารถใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ได้
แต่เพราะตอนนี้ประเทศถูกปกครองโดยปีศาจ นักบวชส่วนใหญ่จึงจากไป,
ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องละเอียดเท่าไร
อา,
เมื่อไม่นานว่านี้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่นักบวชก็สามารถใช้ได้ (อ๊ะ,
แต่เด็กสาวคนนั้นเป็นผู้ใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่ออกจะเกินธรรมดาไปเสียหน่อย)
ดังนั้นขอบข่ายการใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์จึงขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่จำนวนของคนที่ใช้ได้ก็ยังต่ำอยู่ดี
ด้วยเหตุนั้น,
คำขอกำจัดอันเดตจึงเพิ่มจำนวนขึ้นเช่นกัน
“จะว่าไปแล้วนายเป็นเด็กใหม่ไม่ใช่หรอ,
ทำไมถึงไปรับคำขอปราบปรามสเกเลตันได้ละ?”
เมื่อเรามาถึงที่หมาย, พระอาทิตย์ก็คล้อยลงต่ำแล้ว
ฉันรีบผูกอีมูไว้ในที่เหมาะสมและเลือกสถานที่ตั้งแคมป์
ในขณะเดยวกันก็ถามคำถามนั้นกับฮิวที่ตามมาข้างๆ
“อ้อ พอดีว่าดาบที่ฉันเอามาทีเวทมนต์ศักดิ์สิทธิ์ร่ายเอาไว้นะ”
เขาพูดแล้วก็ปลดดาบออกจากฝัก,
แสงสีขาวกระจายไปในบรรยากาศพลบค่ำ
“—ดาบเวทมนต์! ไม่น่าเชื่อ!”
ฉันเพ่งมองไปด้วยสายตาอิจฉา
ดาบของฉันเพิ่งแตกเป็นชิ้นๆหลังจากเอามันไปต่อสัญญา
ตอนนี้เลยได้ใช้แค่ดาบถูกๆที่เคยใช้เมื่อตอนที่เป็นเด็กใหม่เท่านั้นเอง!
ไม่, ไม่ใช่เพราะมันถูกและน่าอายอะไรหรอกนะ
แต่เพราะฉันไม่อยากให้ดาบที่เธอคนนั้นมอบให้พังไป น่าอนาถจริงๆเลยฉัน...
“มีอะไรหรอ? จู่ๆนายก็ดูแย่ลง
ถ้ามะไรคับข้องใจก็บอกได้นะ ฉันจะฟังเอง”
ฮิวพูดด้วยท่าทางเป็นกังวล
ทั้งที่ฉันคิดว่าเขาเป็นแค่ลูกคนรวยโง่ๆ
ไม่นึกเลยว่าจะอ่อนไหวง่ายแบบนี้... ใจดีเหมือนเธอเลย
จากนั้นก็เลือกที่ตั้งแคมป์ได้ ระหว่างรอให้สเกเลตันปรากฏตัวที่สุสาน
ทุ่งราบก็มืดสนิท, พวกเราจุดไฟไว้รอบๆแล้วคุยอะไรไปเรื่อบเปื่อยเพื่อแก้เบื่อ
ไม่สิ, ส่วนใหญ่คนที่พูดคือฉัน
ส่วนฮิวแค่ตอบรับ แต่เหมือนว่าเราเป็นคนใกล้ชิดสนิทกัน ฉันเลยรู้สึกพูดได้สบาย
เรื่องของเธอ
เรื่องที่ฉันอยากปกป้องเธอแต่ทำไม่ได้ เรื่องที่น่าเศร้าและน่าสมเพชเหล่านั้น
“…เธอมองมาที่ฉันเฉยๆ
แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเธอผิดหวังที่ฉันเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ทำอะไรไม่ได้เลย”
ฉันสะอื้นออกมาทั้งที่ไม่เคยทำต่อหน้าใคร
แต่ถึงอย่างนั้น, ฮิว,
ก็ยิ้มออกมาอย่างน่าประหลาดแล้วพูด,
“ไม่จริงหรอก นายไม่ได้วิ่งหนีและยืนหยัดที่จะปกป้องเธอด้วยกำลังที่มีจนถึงที่สุดไม่ใช่หรือไง?
ฉันคิดว่าคนคนนั้นต้องรู้สึกขอบคุณแน่ ไม่มีทางที่จะตำหนินายหรอก ฉันแน่ใจ”
เมื่อเขาพูดเช่นนั้น, ด้วยอะไรบางอย่าง,
สิ่งที่แผดเผาอยู่ในใจของฉันก็เหมือนเลือนหายไป
“…จริงหรอ? นายคิดแบบนั้นจริงๆหรอ?”
“แน่นอน!”
เขาพยักหน้าอย่างแข็งขัน,
จากนั้นเขาก็พึมพำออกมาเสียงเบา
“ถึงอย่างนั้นตอนที่ฉันไมรู้สึกตัวกลับกล้าจับหน้าอกฉันเหรอ... หึ
ฉันไม่ควรฆ่าให้ตายสบายๆสินะ” แต่ทว่าฉันกลับจับใจความที่เขาพูดไม่ได้เลย
“งั้นหรอ? ดีจริงๆ ถึงมิยะ-ซังจะเคยพูดคล้ายๆกันนี้
แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นจริงๆ”
“เห แล้วมิยะ-ซังพูดว่าไงหรอ?”
“เอ, หลังจากที่ฉันบอกมิยะ-ซังไป มิยะซังก็เอาเบนโตะมาเยี่ยมฉันแล้วพูดว่า
นี่คือเครื่องหมายของความรู้สึกดีๆ จงฟังให้ดีๆ,
เมื่อเด็กผู้หญิงถึงวัยเอาเบนโตะมาให้, นั่นคือการแสดงออกถึงความรักขั้นสูงสุด!
เธอจะรู้สึกหงุดหงิด, ขัดแย้งและวิตกกังวลอยู่ในใจ
ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขาไม่รับมันละ, ถ้ารสชาติไม่อร่อยละ
หรือถ้าเขาทำหน้าไม่สนใจละ เธอคาดหวังให้เขารับมันไปด้วยสีหน้ามีความสุข
ให้เขารู้สึกถึงความรู้สึกของเธอ นี่คือพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการพัฒนาโดยผู้กล้าที่หัวใจกล้าแกร่งไม่สั่นไหว! จากนั้นฉันก็รู้สึกเหมือนทำอะไรไม่ดี, ที่กินเบนโตะแห่งความรักแบบนั้น...
เอ๋, นายกุมขมับทำไมนะ?”
“—คนคนนั้น, ทำไมเธอถึงเดินหน้าสู่สายสาวน้อยในเวลาแปลกๆแบบนั้นละ? เธอควรบอกใบ้ความรู้สึกให้รู้ทีละน้อยไม่... อา, ไม่, ไม่มีอะไรหรอก
ยิ่งกว่านั้น มิยะ-ซังคิดมากไปแล้ว! ไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหนทำและให้เบนโตะด้วยสถานการณ์แบบนั้นหรอก!
ฉันคิดว่าเธอจะทำแล้วให้ตามปกติเสียอีก –อา, แบบไม่มีเจตนาแอบแฝงนะ”
“? ทำไมนายถึงได้คิดแบบนั้นละ?”
ต่อมาสเกเลตันที่ปรากฏตัวหลังเที่ยงคืนก็ถูกกำจัดลงอย่างง่ายดาย
(พูดชัดๆคือล้มลงหลังจากดาบของฮิวแตะมัน) แล้วพวกเราก็ออกจากแคมป์กลับสู่เมืองอาระ
◆◇◆◇
วันถัดมา, ขณะที่ฉันกำลังจะเอาใบเควสไปแจ้ง,
เกาว์-เซนเซย์ก็เรียกฉันไปที่ห้องหัวหน้ากิลด์
“โย่ โจอี้ ขอบใจที่จัดการเรื่องยุ่งยากเมื่อวานนะ”
เกาว์-เซนเซย์ที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ขอบคุณผม
แต่สำหรับผม, คนที่มีส่วนปราบสเกเลตันทั้งหมดคือฮิว
ดังนั้นผมเลยรู้สึกไม่สบายใจที่จะรับหน้าไว้คนเดียว
ถึงอย่างนั้นเมื่อฉันบอกเขาไป
“ไม่, ฮิวรู้สึกขอบคุณนายจริงๆที่ตามไปด้วย เพราะฉะนั้น…”
เขาพูดแล้วก็หยิบดาบที่คุ้นตาออกมาจากใต้โต๊ะ—ดาบแฝงเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ของฮิว,
เอาวางไว้ตรงหน้าผม
“นี่เป็นของจากฮิว เขาบอกว่าเขามีเหตุผลบางอย่างทำให้ต้องรีบกลับบ้านเกิด,
และไม่ได้เป็นนักผจญภัยต่อ เขาเลยต้องการมอบดาบนี้ให้นายที่ช่วยเหลือเขาด้วยดี”
“อะ-อะไรกันนะนั่น? แค่เมื่อวานเองนะครับ, แถมเขาเพิ่งสมัครเองด้วย!”
“ฉันก็ไม่รู้รายละเอียด ตอนนี้เขาก็ออกจากบ้านไปแล้ว
ดังนั้นดาบนี้ก็เป็นของนายแล้ว”
“ผม...ผมจะรับมันไว้ได้ยังไง, ผมไม่ได้ทำอะไรเลย…”
“อย่าพูดแบบนั้น, ฮิวนะยินดีจริงๆนะ เขาบอกว่าที่คุยกับนายเมื่อคืน สนุกมาก
แต่เขาไม่สามารถอยู่คุยกับนายได้แล้วเลยทิ้งดาบไว้แทน –พูดอีกอย่าง,
ถ้านายใช้ดาบนี้ ฮิวก็จะรู้สึกว่าเขายังได้ผจญภัยไปกับนายไง
เข้าใจความรู้สึกของเขาไหม?“
เมื่อเกาว์-เซนเซย์พูดแล้วส่งให้ฉันอีกครั้ง
ฉันจึงรับมันไว้ด้วยทั้งสองมือ
“เข้าใจแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะดูแลดาบนี้เอง เมื่อเขากลับมาสักวันหนึ่ง,
ผมจะเอามาคืนอย่างแน่นอน!”
ฉันยืนยัน
แต่เพราะอะไรบางอย่างเกาว์-เซนเซย์กลับมองมาด้วยความรู้สึกที่ปนกัน
◆◇◆◇
ไม่นานหลังจากโจอี้ออกจากห้องไป
“…แบบนี้ดีแล้วใช่ไหมครับ, นายเหนือ, เล่นละครเช่นนี้”
ตอบรับเสียงนั้น ฮิว,
ผู้เป็นหัวข้อสนทนาหลักเมื่อครู่, ก็ยื่นหน้าออกมาจากช่องประตูที่เชื่อมกับห้องแยก
“อืม, ฉันสงสัยจริงๆว่าทำไมเขาถึงได้ดื้อรั้นอะไรแบบนี้นะ ทั้งที่ฉันวางแผนว่าจะใช้มันแทนคำขอโทษที่ทำดาบพังแท้ๆ
แต่ถ้าให้ธรรมดา เขาคงไม่รับ เลยต้องใช้ทางอ้อมแบบนี้, ถึงไกลน้อยแต่ได้ผล”
“นายเหนือแค่พูดว่าสำหรับนายด้วยรอยยิ้มธรรมดาก็ได้, ไม่ใช่หรือคะ?”
มิยะที่ดูสถานการณ์ถามขึ้น,
แต่ฮิวโบกมือปฏิเสธ
“เขามีความเป็นสุภาพบุรุษเกินไป, เขาไม่รับมันแน่”
จากนั้นฮิวก็มองขึ้นลงร่างกายตัวเองแล้วถอนหายใจ
“—อีกอย่าง, ตุ๊กตาเวทมนต์นี้ก็ต้องใช้พลังเวทย์ในการควบคุมเพราะนายช่างของอาณาจักรฉันแค่ทำขึ้นเป็นงานอดิเรก
ด้วยระยะห่างขนาดนี้ฉันที่เป็นผู้ต้องเติมพลังเวทย์เลยต้องควบคุมดูแล นั้นหมายความว่าตอนนี้ร่างหลักของฉันไร้การป้องกันโดยสิ้นเชิงยังไงละ…”
End
Author Notes
อันนี้เป็นเหตุการณ์ช่วงฆ่าเวลา,
รอกำหนดวันการตัดสินราชาสัตว์ป่านอกรอบ.
Talk:
โจอี้ซื่อบื้อหรือโง่กันแน่ละนี่...?
หมายเหตุ: โจอี้แทนตัวเองในใจว่า“ฉัน”
แต่ใช้คำว่า“ผม”ตอนพูดกับผู้ใหญ่และ“ฉัน”ตอนพูดทั่วไป
ในขณะที่ฮิยูกิใช้คำว่า“ผม”ในใจ
แล้วพูดด้วยคำว่า“ฉัน”
ความคิดเห็น