ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [นิยายแปล] Kyuuketsu hime wa barairo no yume o miru

    ลำดับตอนที่ #25 : 2-06 Episode 5

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.97K
      125
      18 ก.พ. 60

    Chapter 2Turbulence in Royal Capital

    Episode 5 ละครสวมหน้ากาก

    ต้องขอโทษอีกครั้งจริงๆ

    เจ้าชายแอชชิวโค้งให้อีกครั้ง
    พอแล้ว กลับไปนั่งที่เถอะ เจ้าชาย --อันที่จริง ผู้ชายไม่ควรจะก้มหัวให้ใครง่ายๆ
    ให้คำแนะนำไปตรงๆเบาๆ ที่จริงแล้วผมรู้สึกพอใจมากที่เห็นเขาก้มหัวให้

    ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับคนที่ยืนเหนือผู้อื่น ยังเป็นที่น่ากังขาถึงความสามารถด้วย
    มิโคโตะพูดเย้ยหยัน ราวกับจะบอกว่าต่างไปจากองค์หญิง ทั้งที่จริงแล้ว เมื่อสองสามวันก่อนผมยังก้มหัวให้คุณหัวหน้ากิลด์ คอนราดอยู่เลย

    ---โอ แย่ละสิ หวังว่าคงไม่บอกใครนะ...หัวหน้ากิลด์ คอนราด!

    ผมละสายตาจากมิโคโตะเงียบๆ

    ดูเหมือนมนต์รักษาจะใช้ได้ผล คาร์โลลุกขึ้นอย่างโซเซแล้วโค้งให้โดยคุกเข่าข้างหนึ่ง
    เสียมารยาทเกินไปแล้วจริงๆ --ได้โปรดประทานอภัยด้วยเถิด ฝ่าบาท

    ไม่เป็นไร ขอบคุณฮิยูกิดีกว่า
    พูดแล้ว แอชชิวก็ให้คาร์โลยืมไหล่แล้วค่อยๆลุกขึ้น

    ไม่คิดว่าทำมากเกินไปหน่อยหรือ? (TL: ฮิยูกิถามประมาณ แอชชิวเป็นเจ้าชายคุกเข่าลงไปให้ผู้ติดตามอย่างคาร์โลเกาะไหล่นี่ไม่มากไปหรอ)

    ว่ากันตามตรง เขาก็เหมือนพี่ชายอุปถัมภ์ของผม ตอนที่พวกเราเกิดก็ได้อาบน้ำแรกด้วยกันแล้ว.... เขาเป็นคนที่คอยอยู่ด้วยเวลาผมเมาเหล้าอะไรแบบนั้น
    เจ้าชายแอชชิวหัวเราะออกมาราวกับเด็กๆ
    ในขณะที่คาร์โลหันไปอีกทาง ไม่ให้ใครเห็นหน้า

    ฟุ อา บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพของลูกผู้ชายสินะ? ผมไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไรเลยไม่เข้าใจเท่าไร

    (TL: ในส่วนของคนแปลอังกฤษใช้คำว่า โบรแมนซ์ หรือ Bromance ที่มาจากคำว่า Brother และ Romance เป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชาย-ผู้ชายที่สนิทสนมกันมาก ชอบใช้เวลาด้วยกันหรือดูแลกันเหมือนเป็นพี่น้อง มักถูกจับไปเป็นคู่จิ้นอยู่เนื่องๆ)

    เป็นอีกครั้งที่ เจ้าชายนั่งลงโดยมีคาร์โลยืนอยู่ด้านหลัง
    แองเจริกาหันไปมองคาร์โลอย่างกังวล เขาจึงโยกหัวเบาๆบอกว่าเขาปกติดี
    ถ้าเช่นนั้น เรามาสนทนากันต่อเถอะ ฉันอยากจะให้องค์หญิงฮิยูกิชะลอการบุกยึดเมืองหลวงไว้ก่อน

    เพราะถ้อยคำของแอชชิวที่เป็นเจ้าชาย ผมจึงแสดงท่าทางขบคิดแล้วครางออกมาเล็กน้อยอย่างสงสัย
    อา ตอนนี้ยังไม่ได้ประกาศเป็นทางการ จะเลื่อนไปก่อนก็ไม่เป็นปัญหา แต่บอกทีได้ไหมว่าทำไมถึงขอให้ชะลอเวลาไปก่อน?”

    “—ลมกำลังเปลี่ยนทิศ”
    พูดแล้ว แอชชิวก็อธิบายถึงสถานการณ์ภายในอาณาจักร

    อาณาจักรเอมาที--ถึงจะเรียกว่าอาณาจักรแต่ก็ไม่ได้มีการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ขุนนางจำนวนไม่น้อยจึงพยายามเข้าครอบงำประเทศนี้

    กษัตริย์คนปัจจุบันไม่ใช่คนโง่เขลาเบาปัญญา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเก่งกาจอะไรนัก จึงเป็นได้เพียงหุ่นเชิดของสภาปกครอง

    ด้วยเหตุนั้น บุคคลในทางการทหาร ขุนนางและผู้มีอิทธิพลที่สนับสนุนเจ้าชายแอชชิวหรืออยู่ฝ่ายราชวงศ์จึงไม่พอใจเป็นอย่างมาก และแอบดำเนินการโค่นล้มสภาขุนนาง

    แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบจำนวนในสภาแล้ว ฝ่ายเจ้าชายก็ถือได้ว่าไร้อำนาจ แผนการนี้จึงใช้เวลาเตรียมการหลายปีนัก

    เพราะข่าวความโกลาหลที่เมืองอาระ และการปรากฏขึ้นอย่างทรงอำนาจของอาณาจักรปีศาจ, จักรวรรดิสีเลือด ผู้คนที่ตกอยู่ใต้อำนาจกดขี่ของขุนนาง และบรรดาผู้ถือตัวเป็นกลางมาตลอด จึงตัดสินใจขอร่วมมือด้วย ส่งผลให้พวกเราที่นำอากาศบริสุทธิ์ (TL: ทางรอด) มาสู่ประเทศอันเสื่อมโทรมนี้ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างล้นหลาม

    ผมเข้าใจ ว่ากันง่ายๆ พวกเราก็เหมือนเรือดำสำหรับประเทศนี้สินะ

    (TL: เรือดำ เป็นชื่อที่ญี่ปุ่นมอบให้เรือสินค้าของตะวันตกที่มาถึงญี่ปุ่นในยุคศตวรรษที่ 16-19 ซึ่งเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นปิดประเทศ ให้ชื่อว่า สีดำ เนื่องจากเป็นเรือสินค้าที่เก่าแก่และใช้ถ่านหินซึ่งให้ควันสีดำ ต่อมาเรือดำจึงเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดการปิดกั้นตัวเอง)

    ว่าอีกอย่างก็คือ นายอยากให้พวกเราเข้าร่วมรัฐประหารและโค่นล้มสภาขุนนางสินะ?”

    อา โดยทั่วไป ถ้าหากเกิดอะไรอย่างรัฐประหารขึ้นก็เป็นเพียงการเปลี่ยนผู้นำ ส่วนสถานการณ์ปัจจุบันนั้นไม่เปลี่ยน แต่ด้วยความสามารถของเจ้าชาย บางทีอาจทำให้สถานการณ์ดีกว่านี้ได้

    แต่ทว่าเมื่อฟังคำถามของผม เจ้าชายแอชชิวกลับสั่นหัว

    ไม่ การกระทำของพวกเราจะพังทลายชนชั้นอันเน่าเฟะ แต่พวกเราไม่ต้องการหลั่งเลือดโดยไม่จำเป็น"

    ---?

    ไม่ทราบว่าองค์หญิงฮิยูกิรู้จักหลักการของระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ?”

    เจ้าชายแอชชิวพูดด้วยดวงตาพราวระยับราวกับกำลังแสดงสมบัติเล่อค่า

    “…”
    ในทางตรงข้าม ทั้งร่างของผมสงบลงเช่นเดียวกับที่เริ่มหมดความสนใจ

    ของประดับถนนอย่างราชวงศ์จะถูกมองข้าม—จะไม่มีการสืบทอดตำแหน่งขุนนางผ่านทางสายเลือด ผู้คนจะควบคุมดูแลบ้านเมืองด้วยเจตจำนงของตัวเอง ตอนนี้เมล็ดพันธุ์ถูกหว่านออกไปแล้ว ที่เหลือก็เพียงแค่ฟูกฟักบำรุง เพื่อความเจริญรุ่งเรื่องยิ่งขึ้นของประเทศนี้"

    ถึงแม้ว่าเจ้าชายจะเปล่งเสียงออกมาอย่างฮึกเหิม ผมก็เพียงแค่ฟังครึ่งไม่ฟังครึ่ง ในขณะที่ในใจคิด

    เจ้าชายแอชชิว, ผมรู้ดีเลยละ ถึงความเป็นจริงของอุดมติแบบนั้น

    มันอาจจะดีกว่าระบบขุนนางในตอนนี้

    แต่สำหรับเชื้อพระวงศ์อย่างนายแล้ว

    ถึงจะมีจุดมุ่งหมายคือพวกขุนนาง, มนุษย์ที่เน่าเฟะ, สุดท้ายนายก็จะตายโดยไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ

    ดังนั้นจึงอยากจะขอเวลาสักหน่อย เพื่อสร้างสภาผู้แทนราษฎร มาต่อกรกับสภาขุนนาง จากนั้นก็ค่อยๆลิดรอนอำนาจทางการเมือง ด้วยสภาพปัจจุบัน จะทำให้พวกเราได้รับเสียงสนับสนุนจำนวนมาก แล้วพวกเราค่อยมาลงนามทางการทูตกัน

    “…อา ฉันไม่ได้รังเกียจที่จะรออะไรหรอกนะ แต่นายคิดจริงๆหรือว่าสามารถทำสำเร็จ ในเวลาอันใกล้นี่? ถ้าหากว่าในเวลานั้นมีจดหมายแบบนั้นส่งไปยังประเทศของฉันอีก ฉันคงจะหยุดประชาชนเอาไว้ไม่ได้แล้ว"
    ให้ถูกกว่านั้นคือผมหยุดคนของผมไม่ได้

    แน่นอนว่าสามารถ ผมกับคนของผมจะทำให้ดีที่สุดที่ทำได้ อา แต่ถ้ากรณีที่ปฏิบัติการล้มเหลวและเกิดสงคราม ผมจะรีบส่งแองเจริกากับพวกพันธมิตรลี้ภัยไปที่ประเทศของเธอ หลังจากนั้น เธอจะทำอะไรกับพวกสภาขุนนางก็ไม่ถือเป็นเรื่องที่ผมต้องใส่ใจแล้วละ องค์หญิงฮิยูกิ
    ด้วยความสัตย์จริง มันไม่ง่ายอย่างที่พูด แต่เจ้าชายแอชชิวกลับหัวเราะอย่างไร้ความกังวล

    เข้าใจแล้ว ในช่วงที่พวกนายเตรียมตัว ฉันจะคอยสังเกตการณ์เงียบๆ --แล้วก็

    ผมหยิบดาบออกมาจากกระเป๋าสะพายแล้ววางลงบนโต๊ะ ดวงตาของเจ้าชายแอชชิวแวววาวราวกับกำลังบอกว่าขอจับมันได้ไหม? ผมเลยพยักหน้าให้เขา

    “…หืม เป็นดาบดีทีเดียว รู้สึกถึงพลังเวทมนต์จากภายใน คงเป็นพวกดาบเวทมนต์สินะ?”

    มันเรียกดาบสายลมด้วยคุณสมบัติธาตุลมทำให้เบาและว่องไวกว่าดาบทั่วไป –อา แต่ก็เป็นแค่ดาบนั่นละ รับไปแทนดาบที่ผู้ติดตามของฉันทำพังไปแล้วกัน

    --ว้าว
    คาร์โลเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ

    เพิ่มเติมข้อมูล ดาบนั้นไม่ใช่แค่ดาบสายลมแต่เป็นดาบสายลม+3ที่มีผลพิเศษคือการเพิ่มค่า AGI อีก 18%.

    อา ถ้าว่ากันตามตรง ดาบแบบนั้นสามารถสร้างได้จากโรงหลอมอาวุธพื้นฐาน และเมื่อผมไปดูที่แผงลอยริมถนนรอบปราสาท (ซึ่งปกติเป็นแผงลอยของ NPC แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะถูกพวกคนแคระยึดไป) ก็เจอกองภูเขาอุปกรณ์ธาตุแบบนี้ แต่เท่าที่ดูโลกนี้ไม่ค่อยมีของอย่างดาบเวทมนต์ปรากฏในตลาดนัก จึงไม่แปลกที่จะประหลาดใจ

    เจ้าชายแอชชิวก็ดูจะประหลาดใจเช่นกัน แต่เขาก็วางแทนที่ดาบหักบนหลังด้วยสีหน้าปิติยินดี

    ผมรู้สึกยินดีจริงๆที่เธอให้ดาบเล่มนี้ มาเป็นของแทนใจ เพื่อชีวิตคู่สีกุหลาบร่วมกับองค์หญิงฮิยูกิ ผมสัญญาว่าจะโค่นล้มพวกขุนนางด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

    หยุดคิดเรื่องแต่งงานไปเลยนะ! อา ถ้าจะให้พูดจริงๆ ที่ฉันตอบรับคำเชิญมา เพราะต้องการเห็นความสามารถของ Rank S ต่างหากละ

    อา น่าเสียดายจัง แต่ถ้าให้ต่อสู้กันอย่างจริงจัง คงไม่รู้ว่าจะชนะได้เมื่อไร ถ้าอย่างนั้น ใช้เพียงแค่เทคนิคดาบ น่าจะดีกว่านะ
    เขาพูดออกมา ทั้งดวงตาที่ทอประกายไม่ยอมแพ้

    หืม งั้นเอาเลยไหม?”

    ผมเองก็ต้องการเช่นนั้น แต่ตอนนี้คงยังไม่ได้ เธอจะช่วยรอต่อไปจนกว่าทุกอย่างจะจบได้ไหม?”
    เจ้าชาย, ที่ผมคิดว่าเป็นนักสู้ด้วยเหมือนกัน ส่ายหัวไปมาอย่างเสียใจ

    “…เห้อ ช่วยไม่ได้ละนะ
    เมื่อถ้วยชาว่างเปล่า ผมก็ถอนหายใจ, น่าจะได้เวลาไปจากที่นี้แล้ว
    คิดแล้วก็ลุกขึ้น ก่อนที่จะถูกหยุดโดยเจ้าชายแอชชิว

    อันที่จริงจนกว่าเรื่องทั้งหมดจะจบลง แองเจริกาจะลี้ภัยภายใต้ข้ออ้างหลอกๆ อยู่ที่บ้านพักตากอากาศหลวงที่ทะเลสาบฟลูเวีย ในเขตชายขอบของเมืองหลวง ถ้าหากองค์หญิงฮิยูกิมีเวลา สามารถไปเยี่ยมหาได้

    หืม มองอีกทางก็คงเป็นการเตรียมการในกรณีที่ล้มเหลวสินะ

    แองเจริกาที่ไม่เข้าใจซึ่งสถานการณ์ใดๆ คว้ามือทั้งสองข้างของผมแล้วเขย่าด้วยรอยยิ้มกว้าง
    น่ายินดีจริงๆ! โอเน่-ซามะ พวกเราไปที่นั้นด้วยกันนะ!”

    ในขณะนั้น ผมทำได้เพียงพยักหน้าเท่านั้น

    น้ำในทะเลสาบฟลูเวียสะอาดมาก ที่สำคัญยังมีบ่อน้ำพุร้อนอยู่รอบๆ รวมทั้งในบ้านพักด้วย! โอเน่-ซามะ ไปแช่น้ำด้วยกันนะ!”

    บ่อน้ำพุร้อนแช่น้ำด้วยกัน
    ผมเสียใจจริงๆที่พยักหน้าไป

    ถ้างั้นก็ช่วยเตรียมรถม้าสำหรับเดินทางกลับให้ด้วยนะ –คาร์โล

    --ขอรับ
    คาร์โลสวมหน้ากากสำหรับงานเต้นรำสวมหน้ากากแล้วค่อยออกจากห้องไป

    มองดูคาร์โลแล้ว ผมก็ถามคำถามที่ติดอยู่ในใจไป
    มาคิดดูแล้ว ไม่ใช่ว่าพวกเรานัดเจอกันในงานเต้นรำสวมหน้ากากหรอกหรอ?”

    ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้สีหน้าเจาชายแอชชิวดูบูดบึ้ง

    ตอนแรกผมก็วางแผนไว้แบบนั้น แต่องค์หญิงฮิยูกิ หน้ากากนี่มันอะไรกัน? มันโดดเด่นเกินไป จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แล้ว

    “……”
    ผมคิดว่านั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้หน้ากากนี่มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสินะ

    แย่แล้วขอรับ, ฝ่าบาท! ทหารกำลังล้อมรอบอาคารนี้ พวกเขาว่ามีกบฏอยู่ข้างในและกำลังตรวจสอบผู้เข้าร่วมงานทุกคน!”
    ที่ทางหน้าประตู คาร์โลกลับมาพร้อมหอบอย่างหนัก

    เจ้าชายแอชชิวกับผมเหลือบมองกันและกัน
    ดูเหมือนพวกเราทั้งคู่จะถูกรับบทให้เป็น
    กบฏ

    “…ดูเหมือนจะเกิดเรื่องอย่างที่คิด
    เจ้าชายแอชชิวถอนหายใจแล้วลุกขึ้น

    แล้วจะยังไงต่อละ?”

    เธอไม่ต้องทำอะไรหรอก งานเต้นรำสวมหน้ากากทั้งที ผมขอออกไปเต้นรำลองดาบสักเพลงแล้วกัน
    เจ้าชายแอชชิวในหน้ากากสีขาวกระชับดาบในมือ

    อา ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันจะเป็นคู่เต้นรำให้แล้วกันมิโคโตะ ฝากแองเจริกาด้วยละ
    ผมสวมหน้ากากปีศาจ แล้วหยิบ
    ดาบสายน้ำ+2มาจากกระเป๋าสะพาย --กุหลาบแห่งเหล่าคนบาปมีพลังทำลายมากไป --ผมกระชับดาบในมือแล้วเดินตามเขาไป

    เจ้าค่ะ องค์หญิง
    มิโคโตะซึ่งกลับมาสวมหน้ากากเช่นกัน ยืนอยู่ในตำแหน่งคุ้มครองแองเจริกาที่สวมหน้ากากแล้ว

    —ถ้าเช่นนั้นเราไปเต้นรำกันเลยดีไหม องค์หญิง?”

    รบกวนด้วยแล้ว เจ้าชาย

    ออกไปยังทางเดินแล้ว พวกเราก็โค้งให้กันราวกับกำลังจะไปเต้นรำจริงๆ

     

    End

    Author Notes

    ขออนุญาตเปลี่ยนคำพูดระหว่างคาร์โลกับเจ้าชายแอชชิว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×