คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : รัก
รัก
เด็กผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างลงบนสมุดอย่างใจจดใจจ่อ ปลายปากกาแหลมเล็กของเธอตวัดเขียนอย่างรวดเร็ว ก่อนเธอจะอ่านทวนพึมพำออกมาสั้นๆ ว่า “รักนะ”
ผมสังเกตนักเรียนประถมคนนี้มานานแรมปี เพราะทุกวันของเธอผิดแปลกไปจากเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ และส่วนมาก เธอมักใช้เวลาอยู่กับปากกา และสมุดบันทึกของเธอเล่มเก่า มากกว่าจะทำการคบค้าสมาคมกับใครในห้อง
แน่นอน ผมสนใจว่าเธอเขียนอะไรได้ทุกวัน เพราะผมเป็นครูประจำชั้นของเธอ ที่สำคัญเด็กผู้หญิงตัวกระเปี๊ยกริอาจมีความรักกันแล้วหรือนี่!
“สุดารัตน์ เธอเขียนอะไร” ผมถามเด็กหญิง ขณะที่เก็บแปรงลบกระดานเข้าที่ “นี่ก็ใกล้จะเลิกเรียนแล้ว ขอครูอ่านได้ไหม?”
เด็กหญิงเหลือบมองหน้าผมครู่หนึ่ง ก่อนจะพับสมุดที่กำลังเขียนเก็บใส่ในกระเป๋านักเรียน ซึ่งใบหน้าของเธอมีแววเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เป็นไร ไว้เธออยากให้ครูอ่านเมื่อไหร่ เธอค่อยบอกครูแล้วกัน แต่เด็กประถมชั้นปีที่สี่ ยังไม่เหมาะกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ หรอกนะ”
เลิกเรียนวันนั้นก็เลยผ่านไป ทั้งที่ในใจผมยังติดค้างสงสัย...
และหลังจากวันนั้นสุดารัตน์ก็เริ่มทำตัวเปลี่ยนไป เช่นทำความสะอาดห้องคนเดียว เก็บชอล์กเข้ากล่อง ดูแลห้องเรียน จัดบอร์ดทั้งๆ ที่ไม่ได้สั่ง หรือแม้แต่รดน้ำต้นไม้ช่วยน้าภารโรงประจำตึก
เธอช่างทำตัวน่ารัก เป็นเด็กดีในสายตาผม ก่อนที่ผมจะได้ยินบางอย่างที่ไม่เข้าท่า “ครู สุดารัตน์มันขี้ขโมยนะ ยางลบผมหายไปหลายอันแล้ว ขอค้นโต๊ะมันก็ไม่ให้ค้น ผมว่ามันน่าสงสัยนะครู”
“ครูคะ เมื่อวานสุดารัตน์มาโรงเรียนเช้ากว่าเพื่อนใช่ไหมคะ ครูมาดูที่โต๊ะหนูสิคะ มีซากแมวตายด้วย ไม่รู้ใครมาใส่เอาไว้ หนูเชื่อว่าสุดารัตน์ใส่มันไว้ค่ะ เพราะหนูเห็นเธอกำลังจับแมวตัวนั้นเหมือนจะทำลายหลักฐานก่อนที่หนูจะมาฟ้องครู”
“ครูฮะ เมื่อกลางวันน้านักการบอกว่าดอกกุหลาบในแปลงดอกไม้โดนคนเด็ดทิ้งหมดต้นเลย บอกว่าเป็นเด็กห้องเราแหละ ที่ชอบมายุ่งกับแปลงดอกไม้”
ในใจผมมีโทสะ เมื่อได้ฟังแบบนั้น ความคิดถึงเด็กหญิงดีๆ คนหนึ่งฉับพลันสลาย เมื่อทุกอย่างมันสะสมเข้า ผมจึงไปถามเด็กหญิงที่ชอบจดอะไรบางอย่างลงบนสมุดตลอดเวลาอย่างสุดารัตน์
“สุดารัตน์ เธอขโมยของคนอื่นเหรอ” เด็กหญิงเงียบ พร้อมมีอาการหน้าแดง
“แถมยังเอาซากแมวตายไปใส่โต๊ะหญิงลีอีกใช่ไหม” ผมจ้องหน้าสุดารัตน์แบบตาไม่กระพริบ
“ค่ะ ทั้งหมดหนูเป็นคนทำ”
“มิน่าล่ะ ถึงไม่มีใครคบเธอ งั้นผลงานที่แปลงดอกไม้ที่เธอชอบไปรดน้ำนั่นครูคงไม่ต้องถามแล้ว! พรุ่งนี้หน้าเสาธง รู้นะเธอจะโดนอะไร” พูดจบผมก็เดินจากไป เด็กหญิงยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง ในใจผมต้องการคุยกับผู้ปกครองของเธอ เพราะคิดว่าเธอน่าจะเป็นเด็กมีปัญหาเสียแล้วสิ
เช้ารุ่งขึ้น...
สุดารัตน์ยิ่งหนักข้อขึ้นอีก โดยการเอาสีเทียนไปเขียนลงบนบอร์ดของห้องว่า ‘ไปตายซะพวกสารเลว’ เพราะมีเพื่อนเธอมาบอกว่า “สุดารัตน์กำลังลบข้อความออกเพื่อทำลายหลักฐาน”
ทำให้ผมฟาดไม้เรียวลงบนก้นเธอตรงหน้าเสาธงหลายครั้ง แม้จะมีกฎหมายห้ามตีนักเรียนผมก็ไม่สน เพราะที่ผมทำลงไปเพื่อสอนให้เธอเป็นคนดี
ซึ่งนั่นเป็นวันสุดท้ายที่ผมเห็นเธอ...
วันถัดไป แม่ของเธอมาที่โรงเรียนผม ผมแน่ใจแล้วว่าคงจะเป็นเพราะเรื่องที่ผมทำร้ายสุดารัตน์แน่ๆ
ซึ่งผมเองเป็นลูกผู้ชายพอ กล้าทำก็กล้ารับ
แต่...
“ครูคะ วันนี้ฉันมาลาค่ะ พอดีครอบครัวเราต้องย้ายบ้านไปต่างประเทศวันพรุ่งนี้ ดิฉันพึ่งไปทำเรื่องโอนเกรดกับพาสปอร์ตให้ลูกเสร็จ ก็เลยจะมาเก็บของให้แกสักหน่อย”
ผมตกใจเล็กน้อย ที่ไม่ใช่เรื่องที่ผมตีสุดารัตน์ “ครับ ห้องเรียนอยู่ทางนี้” ผมเดินนำทางคุณแม่ยังสาวของเด็กหญิงไปที่ห้องเรียน ก่อนจะลงมือจัดแจงหยิบของในลิ้นชักโต๊ะสุดารัตน์ส่งให้คุณแม่
แล้วตอนนั้นเอง ผมก็เห็นสมุดที่สุดารัตน์ชอบเขียนเป็นประจำอยู่ในลิ้นชักชั้นในสุด
ซึ่งในใจผมยังขุ่นมัวเรื่องที่เด็กหญิงทำลงไปอยู่ พร้อมเอ่ยปากแจ้งพฤติกรรมให้คุณแม่ของเด็กหญิงทราบ ก่อนที่เธอจะมีความประพฤติแย่กว่านี้
“ลูกของคุณ ชอบเก็บตัวเขียนสมุด แกไม่ค่อยใช้เวลาว่าง หรือมีสังคมกับใคร” ผมเอื้อมมือไปหยิบสมุดเล่มนั้นออกมาจากลิ้นชัก พอแม่ของสุดารัตน์เห็นสมุดเล่มนั้นก็น้ำตาไหลออกมา
“มันเป็นสมุดที่พ่อของแกทิ้งไว้ให้ก่อนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อปีก่อน” เธอสะอื้นเฉียบพลัน ก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบสมุดไปจากมือผม
“สามีดิฉันบอกลูกสาวไว้ว่า ‘ตอนพ่อไม่อยู่เป็นเวลานานเนี่ย เวลาคิดถึงพ่อ ก็เขียนตัวหนังสือคุยกับพ่อลงบนสมุดเล่มนี้นะ’ ฉันยังจำคำพูดของเขาได้ชัดเจนอยู่เลย”
หน้ากระดาษหลายแผ่นถูกแม่ของสุดารัตน์เปิดออกอ่าน ผมยืนมึนงงอยู่หลายนาที ก่อนที่แม่ของเด็กหญิงจะยื่นสมุดส่งมาให้ผมคืน พร้อมกับพูดว่า “ครูคะ สมุดเล่มนี้ ครูน่าจะเก็บมันไว้แทนดิฉันกับลูกนะคะ ยัยตัวเล็กคงอยากให้เป็นแบบนั้น เลยแกล้งลืมไว้ที่โต๊ะ เพราะแกเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง อาจจะช่วยให้ครูเข้าใจแกมากขึ้นก็ได้”
---------
ผมยืนส่งคุณแม่ของสุดารัตน์พร้อมกับครูใหญ่ และพอจะทราบสาเหตุว่าทำไมสุดารัตน์ถึงมาโรงเรียนด้วยตัวเองวันนี้ไม่ได้ เพราะเธอต้องเก็บของที่บ้าน และไปลาหลุมศพของพ่อกับน้าสาว
เมื่อเสร็จธุระ ผมหยิบสมุดของเด็กหญิงติดมือกลับมานั่งอ่านบนโต๊ะในห้องเรียน...
ผมคลี่มันออกเพื่ออ่านหน้าแรก โดยมีใจความดังนี้...
“ข้อความติดต่อจากสวรรค์ จากพ่อของหนูนะ ยัยตัวเล็ก หากต้องการคุยกับพ่อให้เขียนลงบนนี้ ที่หน้าถัดไป...
5/01/57
พ่อคะ วันนี้ เป็นอีกวันที่หนูมาเรียนอย่างมีความสุข พ่อรู้ไหม วันนี้มีครูใหม่ย้ายมาเป็นครูประจำชั้นหนูด้วย...
11/02/57
คุณครูสอนหนูให้รักธรรมชาติค่ะพ่อ วันนี้เราเรียนเรื่องเกษตรกัน หนูเลยคิดว่าจะเริ่มดูแลสวนของโรงเรียนให้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหนูมีเวลา
15/05/57
หนูรักที่นี่ค่ะพ่อ หนูรักโรงเรียนนี้ รักห้องเรียนของหนู เพื่อนของหนู ครูของหนู ถึงแม้หนูจะไม่ค่อยได้คุยกับใคร แต่หนูว่าทุกคนก็รักหนูค่ะพ่อ
03/06/57
หนูไม่อยากไปจากโรงเรียนนี้เลย แม่บอกว่ามันจำเป็นที่ต้องย้าย และเราจะต้องย้ายไปในสามเดือนข้างหน้า แต่หนูเสียใจที่ต้องจากทุกคนที่หนูรักไป เพราะเราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นประถมหนึ่ง และที่สำคัญหนูต้องจากพ่อค่ะ หนูเข้าใจทุกอย่างดีว่าพ่อตายแล้ว หนูโตพอจะเข้าใจได้ แต่ก็อดเขียนถึงพ่อที่อยู่บนนู้นไม่ได้... หนูจะพยายามกลับมาเมืองไทย มาตรงที่พ่อนอนอยู่บ่อยๆ นะคะ แล้วหนูจะมานั่งคุยกับพ่อ...
04/07/57
ดอกกุหลาบโตเร็วมากค่ะพ่อ แล้วก็หนูทำใจได้แล้ว แม่บอกว่า ถ้าเราตายในสักวันหนึ่ง หนูจะได้เจอพ่อ ดังนั้นหนูจะเป็นเด็กดีกว่านี้ให้ได้ค่ะ รักนะ
19/08/57
ใกล้วันที่ต้องไปแล้ว หนูไม่อยากร้องไห้เลยค่ะ หนูรักโรงเรียนนี้ เพื่อน และครูของหนู
20/08/57
มีคนบอกหนูขี้ขโมยค่ะพ่อ แต่พ่อสอนหนูไว้ว่า ถ้าเราไม่ได้ทำผิด ไม่ต้องไปกลัว หนูเชื่อพ่อค่ะ
21/08/57
หนูทนเห็นเพื่อนๆ ถูกลงโทษไม่ได้ ซึ่งหนูก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่..ถ้าต้องมีใครสักคนเจ็บ หนูคิดว่า หนูคนเดียวก็พอแล้ว ให้มีหนูคนเดียวที่เจ็บได้ ให้คนอื่นหัวเราะ หรือยิ้มเข้าไว้ หนูอยากเห็นทุกคนยิ้ม และขอให้เป็นรอยยิ้มเสมอ แล้วหนูจะกลับมามองมันสักวันหนึ่งที่หนูพร้อม... เหมือนรอยยิ้มที่พ่อยิ้มให้หนูตอนนั้น (เศร้าแค่คนเดียวก็พอแล้วเนอะพ่อจ๋า)”
ผมไม่ได้อ่านทุกหน้า ทุกประโยค เพราะมันเป็นความทรงจำของเด็กหญิงคนหนึ่งที่อัดแน่นเต็มสมุดไปหมด ตัวหนังสือตัวบรรจงเต็มบรรทัดเป็นอย่างที่ผมสอนสุดารัตน์ไปทุกกระเบียดนิ้ว พร้อมลงวันที่กำกับไว้บนประโยคก่อนทุกครั้ง
และผมก็เพิ่งรู้ตัว ว่า...
“ผมได้ทำในสิ่งที่ไม่มีวันย้อนกลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว”
ซึ่งผมได้มอบความทรงจำก่อนจากกันให้กับเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งด้วยไม้เรียว
เด็กหญิง... ที่คอยหวังดีกับโรงเรียน กับเพื่อน กับครูอย่างผมเสมอมา
จบเจ้าค่ะ
บทนี้ อยากให้ทุกคนอ่าน ก่อนจะตัดสินคนแบบผิดๆ นะคะ อย่าลืมว่า เราไม่มีโอกาสย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องราวได้เหมือนโดราเอมอนนะ ^^
สำหรับคนที่ติดต่อเรื่องงานเขียน ส่งข้อความลับเถอะ ข้าพเจ้าลืมพาสเวิร์ดทุกอย่างเลย เง้อ
ความคิดเห็น