คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ชื่อเรื่อง และนามปากกา
ชื่อเรื่อง และนามปากกา
ตามกระแสสังคมของนักเขียนนิยายส่วนใหญ่ต่างก็เกาะกระแส 'อินเทรน' ไปกับเขาด้วย ทั้งลอกเลียนวิธีการตั้งชื่อเรื่อง คำนวณไวยากรณ์วิธีตั้งชื่อนามปากกา โดยหวังว่ามันจะช่วยการันตรีให้งานเขียนของตัวเองมีคนสนใจ เหมือนนักเขียนดังๆ หรือหลายๆ คนที่ได้ตีพิมพ์แล้ว (ซึ่งตรงกันข้ามกับหลักการ 'แรงบันดาลใจ' โดยสิ้นเชิง เพราะอิทธิพล และแรงบันดาลใจส่วนใหญ่ทำให้คิดได้นอกกรอบกว่าสิ่งที่เคยมี ... เช่นว่า หากว่า หรือว่า.... นอกเหนือจากเรื่องที่เรา หรือท่านได้รับอิทธิพลมา แน่นอน! แรงบันดาลใจ กับลอก.... มันเห็นได้ชัดเจน คิดว่าหลายคนคงมองออก แต่..หลายคนที่ลอกเพื่อเป็นตัวอย่างขั้นต้นในการเขียน เรียกว่าแรงบันดาลใจเริ่มต้นก็ว่าได้ ซึ่งไม่ผิดเจ้าค่ะ แต่บทความนี้จะทำให้น้องๆ หลายๆ คนมองได้กว้างขึ้น)
แต่นั่นคือการสำคัญตัวผิดไป นามปากกาที่มีโทนชื่อคล้ายกัน มีชื่อเรื่องที่ 'ก็' คล้ายๆ กัน จนลืมคิดไปถึงว่าเอกลักษณ์มันสำคัญไฉน?
ผลงานที่ไม่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ภาษาเขียนก็ลอกเลียนมา แถมยังด้วยนามปากกาที่จงใจตั้งให้คล้ายกับคนอื่นๆ มันทำให้นักอ่านนั้นไม่ค่อยจดจำสักเท่าไหร่
เป็นนักเขียน ไม่จำเป็นต้องเข้าเมืองตาหลิ่ว แล้วต้องหลิ่วตาตาม นักอ่านเขานิยมเสพความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำซาก ไม่จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงหลักการ ที่สำคัญเอาแค่ตัวผู้เขียนชอบ นักอ่านจำได้ก็พอ
เดี๋ยวนี้แค่อ่านชื่อเรื่องก็พอจะเดาเนื้อเรื่องได้หมดแล้ว ตามที่พี่สาวคิด คือมันไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย เดี๋ยวก็นายเซ่อซ่า เจอกับนางสาวปัญญานิ่ม เดี๋ยวก็เจอ นางเฉิ่มเบ๊อะ ตามล่ารักนายเฉื่อยชา
จริงๆ ชื่อเรื่องมันไม่จำเป็นต้องตามกระแส และนักเขียนที่ดีควรคิดชื่อเรื่องได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว เพราะมันเป็นการแสดงความเป็นศิลปินในตัว หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ART
บางครั้งชื่อเรื่องสั้นๆ ก็ทำให้คนจำได้มากกว่าชื่อเรื่องที่ยาวแสนยาว
แต่บางครั้ง ชื่อเรื่องยาวๆ ก็จำได้ง่ายกว่า เพราะคล้องจองกัน
หลักการตั้งชื่อเรื่องแสนง่าย คือการคิดชื่อให้กระชับ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าต้องสั้น หรือต้องยาว
หลังๆ พี่สาวเจอคำว่า 'ONLINE' ต่อท้ายนิยายบ่อยๆ จนเผลอคิดไปว่า พวกหลังๆ ไม่มีความคิดที่ดึงดูดได้ดีกว่านี้แล้วหรือเปล่า หรือมันคือนิยายแนวใหม่(จริง!)
ตอนนี้ที่พี่สาวเจอปัญหาที่จะมาแชร์ให้น้องๆ ทราบนะ
1.การตั้งชื่อนิยาย มีแต่แนวเดียวกัน โดยคิดว่ากลุ่มชื่อเรื่องนิยายดังๆ มีส่วนช่วยให้คนอ่านเข้ามาอ่านงานของตน ยกตัวอย่าง
1.1 ยัยตัวร้าย - ขึ้นต้นชื่อเรื่องแบบนี้ รับรองว่า 80 เปอร์เซ็นของนักอ่านเดาได้ว่านางเอกมีนิสัยอย่างไรเลยค่ะ
1.2 ฮานาคิส กับ ผักตบชวาที่หายไป - ทำไมต้องทำให้ชื่อตอนคล้ายๆ กับเพอร์ซี่ แจ็คสันด้วยเนี่ย ทั้งๆ ที่มีชื่อที่เก๋กว่านั้นอีกหลายเท่า
1.3 หมีแพนด้า Online - ก็ไม่เข้าใจว่ามีคำว่า ONLINE มันทำให้ไม่ตกเทรนมากขึ้นหรือเปล่า
1.4 บทเกริ่นนำ - ร้อยละ 80 ก็คล้ายๆ กัน จนนักอ่านไม่รู้ว่าจะตามอ่านเรื่องใดดี ไม่รู้ว่าจะตามกระแสกระทั่งบทเกริ่นนำไปด้วยทำไม
1.5 อิมเมจตัวละคร – บอกตรงๆ แล้วนิยายไม่จำเป็นต้องมีการแนะนำตัวละครแบบนี้ก็ได้ เรามีสารพัดวิธีที่จะเขียนให้คนอ่านสนใจในตัวละครได้ ด้วยความคิดของตัวเราเอง ไม่จำเป็นต้องพรีเซ้นส์มาก เพราะต่อให้อิมเมจตัวละครสุดยอดแค่ไหน ภาษาเขียน และการบรรยายไม่รู้เรื่องก็เปล่าประโยชน์
2. ชื่อนามปากกา พี่สาวขอพูดสั้นๆ ให้ได้ใจความเลยแล้วกัน ว่าแค่ชื่อพวกนี้ไม่ต้องลอกเขาหรอกค่ะ เวลาคนเลือกซื้อหนังสือ หรือเลือกอ่านนิยาย เขาดูที่ชื่อเรื่อง บทนำ และ ย่อหน้าแรก(ว่าเปิดตัวเรื่องแบบไหน น่าสนใจหรือเปล่า ซึ่งถ้าฝีมือดี ไอเดียบรรเจิด ก็สามารถดึงคนอ่านให้อ่านต่อไปได้เลยตั้งแต่บรรทัดแรก ในย่อหน้าแรก) ดังนั้น ชื่อนามปากกาจึงเป็นสิ่งจำเป็นก็ต่อเมื่อ นิยายของน้องๆ เรื่องแรก! ได้การตอบรับดีแล้ว คนอ่านเขาถึงจะถามหานามปากกาในภายหลัง!!!
นักอ่านไม่ได้ชอบเสพแบบนั้นค่ะ(แบบที่กำลังเกร่อกันอยู่ ซ้ำๆ ซากๆ) แต่เพราะมันเลือกเสพได้ยาก เลยกลายเป็นอ่านแบบไหนก็ได้ อย่าคิดว่านักอ่านชอบแบบนี้ หรือแบบนั้น แต่เพราะมันไม่มีใครแหวกแนวออกมาจากกรอบการเขียนเลยต่างหาก
คนที่กล้าสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองขึ้นมา จนเป็นผู้นำเทรนใหม่ๆ พี่สาวว่าน่าสนใจกว่าตามกระแสชาวบ้านเขาเยอะ
เปลี่ยนจากคนตาม มาเป็นท่านผู้นำกับเขาบ้าง มันก็น่าสนใจเลยทีเดียวใช่ไหมน้องๆ เจ้าขา
จงจำกลุ่มคำเหล่านี้ไว้ ถือว่าเป็นคำแนะนำนะคะ
เพลง Original ส่วนมากจะไพเราะกว่าเพลง Cover
และเมื่อมีคนมา Cover เพลงของ Original จนไพเราะกว่า ผู้ฟังทุกคนก็ต่างถามหาคนร้องต้นฉบับ(Original)
ลองดูสิคะ ใครได้ประโยชน์?
*หมายเหตุ Original แปลว่า ต้นฉบับ หรือของจริง Cover แปลว่า นำมาดัดแปลง แก้ไข ทำใหม่
เขียนแนวรัก ก็ไม่จำเป็น ต้องตามกระแสใคร เช่นนางเอกเป็นใบ้ พระเอกตาบอด อะไรก็ว่าไป
กระแสเขาเขียนว่าเพิ่งเริ่มจีบกัน แต่ผู้นำเทรนใหม่อย่างน้องๆ จะเขียนว่าเพิ่งเลิกจากกันก็ได้
เขียนแฟนตาซีก็ไม่จำเป็นต้องให้พระเอกเก่ง ลองให้เพื่อนพระเอกเก่งกว่าดูมั่ง มันจะดูน่าตลกกว่า น่าอ่านกว่าไหม? ที่สำคัญ ออกแนวหลุดโลกไปไม่ซ้ำใคร ไม่ต้องมีโรงเรียน ไม่ต้องมีฝึกวิชา แต่ออกแนวแปลกใหม่เหมือนเป็นเจ้าของสูตรลับเมนูใหม่ไปโดยปริยาย เช่นพระเอกเป็นนักวิจัยพลังตด ค้นพบแก๊สชีวภาพที่สามารถนำมาใช้แทนน้ำมันได้ อะไรก็ว่าไป ฯลฯ
เขียนผจญภัย ก็ไม่จำเป็นต้องไปผจญภัยนอกโลก ในโรงเรียน หรือในดินแดนลึกลับ ลองเปลี่ยนให้ตัวเอกผจญภัยในสวนหลังบ้านของตัวเองมั่ง ก็ดูน่าสนใจขึ้นมาไม่น้อย
เขียนรักซึ้งๆ ก็ไม่จำเป็นต้องให้มีใครตาย แค่ให้พิการ แต่ทั้งคู่ก็ยังคงรักกันอยู่ แล้วพร้อมจะสู้ไปด้วยกัน ก็ดูน่าอ่านใช่ย่อย
จะเขียนอะไรก็ตาม น้องๆ ลองเอาความสนุกในการเขียน และความคิดใหม่ๆ บวกเข้าไปสิ จะชื่อเรื่อง จะชื่อนามปากกา จะอะไรก็แล้วแต่ ขอให้คิดว่างานของเราสนุกเป็นพอ ไม่ต้องไปคิดว่าแนวไหน กระแสไหน แล้วจะมีคนอ่าน ให้คิดว่าเรื่องแบบไหน จินตนาการแบบไหน ที่คนอื่นยังไม่เคยคิด แล้วเรามาสร้างขึ้นใหม่จะดีกว่า
แล้วชื่อนามปากกาเอ๋อๆ หรือเท่ๆ ตามที่น้องคิดขึ้น อาจจะมีคนลอกเลียนไปใช้มั่งก็ได้นะ
กระแสใหม่ๆ ยังรอน้องๆ คนเก่งคิดขึ้นมาอยู่
จงเป็นผู้นำ ถึงจะไม่ค่อยเก่ง แต่ก็ดีกว่าการเป็นผู้ตามที่ดี
อย่าลืมคิดว่า ทุกวันนี้คนอ่าน เขาเสพความแปลกใหม่ มิใช่เสพความซ้ำซาก เฉกเช่นเดียวกับ กองบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ต่างๆ ถ้าน้องคิดไกลกว่านั้น
บทความนี้เป็นแนวคิด ซึ่งอาจจะมีผลไม่มากก็น้อย ในการสร้างสรรค์ชื่อเรื่อง และนามปากกา ส่วนนิยายบางส่วนที่มีชื่อเรื่องแบบในตัวอย่าง ก็ไม่ได้หมายความว่ามันมิได้น่าอ่าน แต่เพราะมันมีมากเกินไป จนไม่รู้ว่ามันแปลกใหม่ หรือแตกต่างกันอย่างไร
สวัสดีค่ะ รัก และเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนเสมอ สำหรับใครที่ทำได้แล้ว ก่อนที่จะมาอ่านบทความนี้ พี่สาวอยากขอจับมือแรงๆ หนึ่งที ยินดีต้อนรับท่านผู้นำ(ยังไม่ดัง) แต่ก็ต้องใช้เวลาในการสร้างกระแสใหม่
สักวันน้องๆ ที่พี่อัญขอจับมือในวันนี้ อาจจะดังเปรี้ยงๆ ด้วยเอกลักษณ์ใหม่ๆ ก็ว่าได้
จงมีความเชื่อเสมอ ว่าทุกสิ่งเป็นไปได้
ความคิดเห็น