คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : อีกกี่หมื่นลี้ จะถึงดวงดาว
อีกกี่หมื่นลี้จะถึงดวงดาว
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีอีกแล้ว ขณะที่ดวงตาน้อยๆ มองออกไปด้านนอกหน้าต่าง มือเล็กๆ ข้างหนึ่งกำลังกุมที่ศีรษะแบบใช้ความคิด ระหว่างที่สายตาทอดยาวออกไปไกลแสนไกล
เด็กชายตั้งคำถามว่าด้านนอกหน้าต่างนั้นจะกว้างใหญ่ไพศาลแค่ไหน จะสิ้นสุดลงที่ใด และจะมีใครสักคนที่ให้คำตอบกับเขาได้บ้าง
ดวงดาวนับพันนับหมื่นเริ่มเลื่อนลอย มันลอยขึ้นมาฉาบท้องฟ้าที่มืดสนิท เวลาก็เริ่มหมุนเวียน จากกลางวันก็เปลี่ยนเป็นกลางคืน และจากกลางคืนก็เปลี่ยนเป็นกลางวัน
ในช่วงเวลาที่ผ่านไป เด็กชายผมยุ่งตัวน้อยก็ได้แต่เฝ้าคิด ว่าจากถนนด้านนอกกำแพง มันจะทอดยาวไปถึงที่ไหน และจากถนนสายนี้จะไปสิ้นสุด ณ ที่แห่งใด และจะไปได้ไกลอีกแค่ไหน หรือถนนสายนี้จะไม่มีวันสิ้นสุดเลย
จนกระทั่งวันหนึ่งเด็กชายได้ตัดสินใจตั้งคำถามกับคนที่อยู่ใกล้ตัวของเขามากที่สุด
โดยหนูน้อยได้ตั้งคำถามกับหญิงชราในชุดสีน้ำตาลที่ผิวหนังหยาบกร้านว่า...
"ผมอยากรู้ว่าการจะเดินทางไปที่ไหนสักแห่งนั้นต้องทำอย่างไรบ้างฮะ"
และแล้ว คำตอบที่หนูน้อยช่างฝันได้รับก็คือ
"จินตนาการ"
เด็กชายผมเขียวมุ่ยหน้า และตั้งคำถามใหม่ขึ้นอีกครั้ง
"ถ้าผมอยากไปให้ถึงปลายสายถนนเส้นนั้นเร็วๆ” เขาชี้ “ผมจะต้องทำยังไงถึงจะไปถึง? แล้วอะไรคือจินตนาการ"
หญิงชราผู้ที่ถูกตั้งคำถามยิ้มร่า เธอลูบผมยุ่งเหยิงของเด็กชายด้วยมือข้างหนึ่งที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา พร้อมมองตามนิ้วมือเรียวบางของเด็กชายซึ่งชี้ลู่ตามลมด้วยอาการสุนทรีย์
"ก็ต้องใช้จินตนาการอีกนั่นแหละ" เธอพูด พร้อมเอนตัวไปอีกด้าน "หากเราต้องเดินทางไปยังที่ไกลแสนไกล ถ้าเราไม่มีความอดทน ก็ไม่สามารถไปถึงที่ใดๆ ในโลกได้ ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากความอดทนทั้งนั้น แต่จินตนาการก็สามารถพาเจ้าไปถึงที่นั่นได้เพียงแค่เสี้ยววินาที"
เด็กชายมองตาแป๋วอย่างฉงน
"ทำไม เราไม่ขึ้นรถไปล่ะฮะ เครื่องบินก็ได้"
"คำถามเจ้าไม่มีวันสิ้นสุดหรอกเด็กน้อย คนทั่วทั้งโลกใช้เพียงความอดทนและยานพาหนะ ก็สามารถไปถึงที่ไหนๆ ก็ได้ตามที่เขาต้องการ แต่สำหรับเจ้านั้น ต้องใช้จินตนาการเพียงอย่างเดียว"
"ทำไมล่ะฮะ ทำไมผมถึงไปเหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ได้"
หญิงชราหันมามองใบหน้าใสซื่อ แล้วเอียงตัวบิดขี้เกียจเล็กน้อยในระหว่างที่สายลมพัดผ่าน
"สักวัน เจ้าจะเข้าใจ ราตรีสวัสดิ์นะ อัลเบิร์ต"
เด็กน้อยตัวเล็กได้รับคำตอบที่แสนงุนงง เขายังคงเหม่อมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย
--------------------------------------------------------------------
กระถางใบเล็กที่ปลูกอยู่ข้างหน้าต่างนั้น เป็นต้นกล้าต้นหนึ่งซึ่งมีใบสีเขียวชอุ่ม
และ..ที่ใต้ฐานกระถางต้นไม้ใบนั้นเขียนเอาไว้ว่า อัลเบิร์ต เลสเตอร์
มันเป็นกระถางต้นไม้ที่เด็กชายคนหนึ่งปลูกส่งคุณครูในชั่วโมงเกษตรกรรม และมันไม่มีวันจะได้ไปไหนเลย ถ้าไม่มีคนพามันออกไป ซึ่งทุกวันนี้อัลเบิร์ตได้ลืมเจ้ากระถางต้นไม้ต้นเล็กไว้ที่ขอบหน้าต่างของโรงเรียน
และด้านนอกหน้าต่างแห่งนั้น ก็มีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่งองุ้มเข้ามาใกล้หน้าต่าง ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นกำลังผลัดใบร่วงโรยเตรียมตัวรับหน้าหนาวที่กำลังมาเยือน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งสองได้พบกัน
ไม่มีใครรู้ว่าต้นไม้ทั้งสองคุยกันทุกวันในเรื่องใดบ้าง ไม่มีใครรู้ว่าต้นไม้ในกระถางเล็กๆ ใบหนึ่งได้ตั้งคำถามว่าทั่วโลกกว้างใหญ่ไพศาลแค่ไหน
ต้นไม้ใหญ่ผู้ซึ่งแก่ชรากำลังผลัดใบของตัวเองลงมาสัมผัสยอดกล้าของต้นไม้นามว่าอัลเบิร์ตเพื่อแทนคำปลอบประโลมที่มีทั้งหมด แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ต้นไม้หนูน้อยคลายความอยากลงไปได้เลยสักครั้ง
วันแล้ววันเล่าที่อัลเบิร์ตจิ๋วได้แต่ขลุกอยู่ในกระถางต้นไม้ข้างหน้าต่าง วันแล้ววันเล่าที่อัลเบิร์ตน้อยได้ฟังสถานที่ต่างๆ ที่ต้นไม้อาวุโสชราได้ไปสัมผัสมา
"คุณยายไปถึงประเทศไทยมาแล้วหรือฮะ"
"แน่นอน! ยายไปมาแล้วในวิชาสังคม และการติดต่อระหว่างประเทศจากคุณครูมนุษย์ผู้สอนวิชาต่างๆ ให้ยายผ่านทางกระดานดำอันนั้น และทำให้ยายรู้จักกับคำว่าจินตนาการ" ต้นไม้ชราพยักพเยิดด้วยแรงลมไปทางห้องเรียนที่อัลเบิร์ตน้อยยืนต้นอยู่
"งั้นสักวันผมจะไปถึงดวงจันทร์ได้ใช่ไหมฮะ ถ้าผมใช้จินตนาการเป็น"
"ไปได้แน่นอนอยู่แล้ว เจ้าหนูน้อย"
"แล้วมันจะไกลสักแค่ไหนเหรอฮะ" ใบสีเขียวอ่อนลู่ลมเหมือนชี้ไปที่ดวงจันทร์
"อีกหลายหมื่นลี้เลยทีเดียวล่ะ" ต้นไม้ชรายิ้มตอบ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นี่เป็นมุมมองบุรุษที่สามในการเล่าเรื่อง ซึ่งผู้เขียนจงใจเขียนหักมุมให้ร้องอ๋อนั่นเอง
บทความนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพวกต้นไม้ที่พี่สาวปลูกไว้ที่ด้านนอกหน้าต่าง
ซึ่งตอนนี้ มันก็ยังอยู่ ชะเอิงเอย (บท 1 และ 2 ได้รับคำแนะนำจนได้ทำการแก้ไขให้ดีขึ้น โดย เซซัง ยอดนักวิจารณ์)
ความคิดเห็น