ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร้อยเล่ห์ ซาตาน

    ลำดับตอนที่ #20 : กลับมาแล้ว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.09K
      14
      9 ม.ค. 54

             
               นึกแล้วเจ็บใจตัวเองทั้ง ๆ ที่สงสัยอยู่แล้วว่าเธอกลับมา แต่พอทุกคนปฏิเสธทุกครั้งที่เขาถาม เขาเลยไม่คิดจะหาคำตอบว่าทุกคนโกหกเขาหรือเปล่า ตั้งแต่ครั้งแรกที่สงสัยว่าณรงค์เดชและวิไลวรรณมาบ้านเธอทำไมถ้าไม่มีเหตุจูงใจให้มา  ทั้งที่สงสัยเมื่อเห็นไฟในห้องเปิด ทั้งที่อ่านหนังสือพิมพ์งานนาฬิกาฉบับเช้านี้ ที่นักข่าวสัมภาทย์เจ้าของงาน ที่มีแต่คนสนใจอยากรู้ นางแบบที่ใส่นาฬิกาที่แพงที่สุดและต้องใช้หน้ากากขนนกปิดบังใบหน้าคนนี้คือใคร   ''   คือพี่บอกชื่อไม่ได้นะคะ น้องเขาขอไว้คะ แต่พี่จะใบ้ให้แล้วไปคิดกันเอาเองนะคะ  น้องเขาเป็นนางแบบที่แต่งงานแล้วกับนักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่ง แต่ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในเมืองไทย เธอไปทำงานกับแม่สามีที่เมืองนอก แต่พอดีเธอแวะมาทำธุระเรื่องงานที่เมืองไทย พี่เลยขอร้องน้องเขาให้มาช่วยค่ะ ''  เขาจำถึงบทสัมภาทย์นี้ได้ ทั้งที่เขาคิดอยู่แล้วว่าเธอเหมือนนราวดี ในวันที่เธอไปงานนั้น และเขายังมองเธอด้วยความสงสัย ทั้งยังที่งานวันนั้นที่วิไลวรรณบอกว่าเพื่อนรออยู่ที่รถ เขาก็ยังไม่เอะใจ จนกระทั่งวันนี้ ทั้งที่เฝ้ามองณรงค์เดชทันทีที่เห็นที่นี่เพราะความสงสัย ยังปล่อยให้เธอเดินจากไปได้ คริสโตเฟอร์นั่งคิดขณะยกแก้วเหล้าในมือดื่มเพรียว ๆ ในผับแห่งนี้ขณะที่ขับรถกลับจากสนามบิน แล้วผ่านผับแห่งนี้จึงแวะเข้ามานั่งเพราะยังไม่อยากกลับบ้าน เธอกลับมาถึงนี่แล้ว กลับมาโดยที่แม่เขาไม่ได้มาด้วย เขายังไม่มีสิทธิ์ได้เจอ ได้คุยกับเธอเลย เขานั่งดื่มจนรู้สึกว่าเมาแล้วจึงกลับออกมา พอขับรถกลับมาถึงบ้านเขาจึงกดโทรศัพท์ไปหามารดาที่อังกฤษ

               ''    คุณแม่ใจร้าย '' เขาต่อว่ามารดาด้วยความเมาทันทีที่เธอรับสาย
               ''    ฉันใจร้ายอะไร '' คุณเจนนิเฟอร์ถามเพราะไม่รู้เรื่อง
               ''    คุณแม่ให้แก้มมาที่นี่ แต่คุณแม่ไม่บอกผม '' เขาต่อว่า
               ''    ทำไมฉันต้องบอกแก ในเมื่อหนูแก้มไม่อยากเจอแก ''
               ''    ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ คุณแม่ต้องบังคับแก้ม ไม่ให้มาหาผมใช่ไหม '' 
               ''     แกคิดเอาเองนะ ฉันไม่ได้ไปที่นั่นด้วย ถ้าฉันบังคับหนูแก้มฉันจะบังคับยังไงในเมื่อฉันอยู่ที่นี่  '' คุณเจนนิเฟอร์บอก
               ''     ทุกคนปิดบังผม ตอนที่แก้มอยู่ที่นี่ '' เขาโวยวายอีก 
               ''     แล้วทำไมเขาต้องบอกแก ในเมื่อทุกคนกลัวแกทำร้ายหนูแก้มอีก แล้วนี่แกเป็นบ้าอะไร โทรฯ มาโวยวายฉัน แกเมาใช่ไหม  '' คุณเจนนิเฟอร์ถาม
               ''     โอเค ผมไม่โวยวายแล้ว ผมก็เหนื่อยที่ต้องโทรหาทุกวัน แต่ไม่เคยได้คุยเลย แค่นี้นะครับ ''  แล้วก็วางหู 

          พอนราวดีกลับมาถึงหลังจากพักผ่อนแล้ว คุณเจนนิเฟอร์จึงเดินเข้าไปคุยกับเธอเรื่องคริสโตเฟอร์ และให้เธอเล่าทุกเรื่องที่อยู่ทางโน้นให้ฟังทั้งเรื่องงานและเรื่องบุตรชาย พอนราวดีเล่าจบคุณเจนนิเฟอร์จึงคิดว่าบุตรชาย คงโมโหที่ถูกนราวดีเดินหนีที่เดิมสองครั้งแล้ว  หลังจากที่คุยกันแล้ว ทั้งสองคนก็เดินอกจากห้องไป 


           หลังจากที่นราวดีกลับมาจากเมืองไทยวันนั้น เธอก็ขยันเรียนรู้งาน เพราะเธอและคุณเจนนิเฟอร์ใกล้จะกลับเมืองไทยแล้ว เธอจะต้องกลับมาบริหารงานในส่วนของเธอที่คุณคริสเตียโนมอบหมายให้ 

                ''   ยืนคิดอะไรอยู่ลูก '' คุณเจนนิเฟอร์เดินเข้ามาเมื่อเห็นนราวดียืนสูดอากาศอยู่คนเดียว   
                ''   ยืนเก็บภาพความทรงจำที่นี่ค่ะ ไม่น่าเชื่อนะคะ แก้มอยูที่นี่มาเกือบสามปี พอรู้ว่าจะต้องจากไปก็รู้สึกใจหายนะคะ '' 
                ''   ถ้าหนูอยากมา หนูก็มาได้นิลูก มาติดต่องานที่นี่ก็ได้ มาเที่ยวก็ได้ ''
                ''   ค่ะ แก้มจะกลับมาที่นี่อีกค่ะ ''
                ''   หนูแน่ใจนะลูก ว่าหนูพร้อมแล้วที่จะกลับไปเจอพี่เขาแล้ว ''
                ''   ค่ะคุณแม่เวลาเกือบสามปีที่แก้มมาอยู่ที่นี่ ทำให้แก้มเข้มแข็งพอที่จะกลับไปสะสางปัญหาทุกอย่างค่ะ ''
                ''    แม่ไม่ว่านะ ถ้าสุดท้ายแล้วหนูตัดสินใจหย่า แม่อยากเห็นหนูมีความสุข เพราะแม่รู้สึกผิดที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ แต่ถ้าคนของแม่ มันยังไม่เลิกเก็กแมน มันยังไม่ยอมรับนะ หนูอยากทำอะไรหนูทำได้เลย ไม่ต้องห่วงความรู้สึกของพ่อกับแม่ ''
                ''     ค่ะ แก้มจะกลับไปสู้กับเขาอีกครั้ง ถ้าเขาไม่เป็นอย่างที่แก้มต้องการ แก้มจะหย่าค่ะ '' เธอเอ่ยออกมา 
                ''     เราเข้าบ้านกันเถอะลูก พรุ่งนี้เราต้องไปแต่เช้า '' ว่าแล้วก็จูงมือกันเข้าบ้าน 


          สนามบินสุวรรณภูมิเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ที่มาส่งและมารับญาติพี่น้องและคนรัก คุณมงคลลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นภรรยาและนราวดีเดินออกมา

                 ''   คิดถึงคุณจังเลยที่รัก '' คุณดิลกกอดคุณเจนนิเฟอร์
                 ''   สวัสดีค่ะคุณพ่อ '' นราวดียกมือไหว้ หลังจากที่ทักทายกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็นั่งรถกลับบ้าน  พอเข้าบ้านได้ทุกคนก็ทักทายกับคนในบ้าน คุณมงคลกับคุณวนิดามารอบุตรสาวที่นี่ เพราะคุณวนิดาไม่ค่อยสบาย คุณมงคลจึงไม่อยากให้ไปรับที่สนามบิน หลังจากนั้นทุกคนก็มานั่งคุยกันต่อที่ห้องอาหารเพราะใกล้เวลาทานอาหารเย็น แต่คริสโตเฟอร์ยังไม่กลับบ้าน เพราะเขาไปงานเลี้ยงต่อ และเขายังไม่รู้ว่า มารดาและ นราวดีจะกลับมาวันนี้  เพราะตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อปีที่แล้ว ที่เขาบอกมารดาว่าจะไม่โทรหาเธออีก เขาก็ไม่เคยโทรหาเธอจริง ๆ อย่างที่บอกไว้ เขาเลยไม่เคยรู้ความเคลื่อนไหวของมารดาและนราวดี จะให้เขาไปถามบิดาเขาก็ไม่ถาม เพราะรู้ว่าบิดาต้องคอยรายงานความเคลื่อนไหวของเขาให้มารดารู้แน่นอน 

           หลังจากอิ่มทุกคนก็แยกย้ายกันไป นราวดีแยกไปนอนห้องนอนใหม่ ไม่นอนห้องของคริสโตเฟอร์ เกือบเที่ยงคืนเธอได้ยินเสียงรถกลับเข้ามาเธอรู้ว่าเป็นเขาแน่นอน เธอปิดไฟนอนแล้ว แต่เธอยังนอนไม่หลับ 

            ส่วนคริสโตเฟอร์ก็เดินขึ้นบ้านเพื่ออาบน้ำนอน โดยไม่รู้ว่ามารดาและนราวดีกลับมาแล้ว 

            ขณะที่คริสโตเฟอร์นั่งทานอาหารเช้ากับบิดากันสองคนเพราะคุณเจนนิเฟอร์และนราวดียังไม่ตื่น คุณดิลกจึงคุยเรื่องงานกับเขา

             ''   ตาคริส วันนี้ที่มีประชุมตอนสิบโมงเช้าเรียบร้อยไหม ''
             ''   เรียบร้อยครับคุณพ่อ ผมให้อำนาจแจ้งทุกแผนกที่เกี่ยวข้องกับบริษัทใหม่ในเครือของเราแล้วครับ ''
             ''   อืม... ดีวันนี้พ่อจะเปิดตัวผู้รับผิดชอบและติดต่อประสานงานบริษัทนี้ในภูมิภาคเอเซียที่เราต้องดูแล ''
             ''   บริษัททางโน้น ส่งตัวคนที่จะมารับหน้าที่นี้มาแล้วเหรอครับ '' เขาถามเพราะเขาไม่รู้ว่าจะมีการเปิดตัวผู้บริหารงานวันนี้ เขารู้แค่ว่าวันนี้จะมีประชุมเกี่ยวกับบริษัทใหม่ 
             ''    ส่งมาแล้ว เดี๋ยวเจอกันที่บริษัทตอนสิบโมงนะ ''
             ''    ครับคุณพ่อ งั้นผมไปนะครับ '' ลุกขึ้นหลังจากอิ่มแล้ว  

          บริษัทในเครือธนากรสกุล เกือบสิบโมงเช้า นราวดีเดินตามหลัง คุณดิลกเข้ามาในตึก ทั้งสองคนเดินไปขึ้นลิฟท์เฉพาะผู้บริหาร และกดขึ้นไปชั้นที่มีห้องประชุม ซึ่งมีคริสโตเฟอร์ที่ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และหัวหน้าแผนกต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องในการประชุมวันนี้นั่งรออยู่แล้ว จนทั้งสองเดินมาถึงหน้าห้องประชุมคุณดิลกซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของบริษัทเดินเข้ามาในห้องก่อนเพียงคนเดียว พอทุกคนทำความเคารพท่านเสร็จ ท่านก็เกริ่นนำเล็กน้อย แล้วให้อำนาจเลขาฯ ของคริสโตเฟอร์กดอินเตอร์คอมเรียกให้วารีผู้ที่จะมาเป็นเลขา ฯ ของนราวดี นำหญิงสาวเข้ามาแนะนำตัว 

           ขณะที่นราวดีเดินเข้าไปในห้องประชุมด้วยความมั่นใจ วันนี้เธอสวมสูทกระโปรงสั้นเหนือเข่าผ่าข้างสีดำ และเสื้อแขนกุดสีครีมข้างในทับด้วยเสื้อสูทเข้าชุดกับกระโปรง คริสโตเฟอร์ไม่ได้มองเธอเพราะกำลังก้มหน้าอ่านเอกสารที่อยู่ในมือ หูของเขาได้ยินเสียงของบิดาให้ผู้เข้ามาใหม่แนะนำตัว 

           ''   สวัสดีค่ะดิฉัน นราวดี  หรือ แก้ม จะมารับตำแหน่ง รองผู้บริหารบริษัท Together Model และหนังสือ Sweet & Sexy Magazine บริษัทใหม่ในเครือธนากรสกุลค่ะ '' หลังจากที่เธอแนะนำตัว ทุกคนก็ปรบมือต้อนรับเธอ นราวดีเจาะจงไม่บอกนามสกุลที่เธอใช้ เพราะไม่แน่วันหนึ่งข้างหน้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงเธอจึงไม่เอ่ยนามสกุลให้ ใครรู้ เพราะส่วนมากทุกคนที่นี่รู้อยู่แล้วว่าเธอแต่งงานกับประธานบริษัทหนุ่มที่นั่งอยู่ในห้องนี้ด้วย

           ส่วนคริสโตเฟอร์หลังจากที่ได้ยินเสียงของผู้ที่เข้ามาใหม่แนะนำตัว เขาก็เงยหน้าขึ้นจากการอ่านเอกสารในแฟ้ม  พอเห็นหน้าว่าเป็นเธอคนที่เขาตามง้อขอโทษ และไม่เห็นหน้ามาเกือบสามปีก็ตะลึงไม่คิดว่าจะเป็นเธอ ไม่คิดว่าเธอจะกลับมาแล้ว ลึก ๆ แล้วรู้สึกดีใจที่เธอกลับมา แต่ก็นั่งเฉยไม่ได้ทักทายเธอในนี้ 

        หลังจากนั้นก็เข้าสู่การประชุมคุณดิลกก็เอ่ย  ''   ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าบริษัทแม่ที่อังกฤษได้เปิดตัวบริษัทและหนังสือนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เพิ่งจะเริ่มมาขยายสาขาในแถบเอเซีย โดยให้นราวีเป็นผู้รับผิดชอบ และให้ทุกอย่างของการทำงานอยู่ภายใต้การควมคุมและอนุมัติของคริสโตเฟอร์  ซึ่งจะมีผมและคุณเจนนิเฟอร์เป็นที่ปรึกษา  ''   และหลังจากนั้นก็ให้นราวดีเป็นคนเสนอแผนการทำงาน หลังจากนั้นก็มีการซักถามจนเป็นที่เข้าใจกันทุกฝ่าย จนกระทั่งปิดกระประชุม  นราวดีก็ยืนคุยอยู่ในห้องนั้นกับคุณดิลกและหัวหน้าแผนกอีก สอง สามคน หลังจากคุยกันเสร็จเธอก็เดินตามคุณดิลกออกจากห้องไป คริสโตเฟอร์ซึ่งนั่งถ่วงเวลาอยู่ในห้องประชุมเพราะเห็นเธอยังอยู่ ได้แต่มองตามเมื่อเห็นเธอเดินตามบิดาออกไปจากห้องประชุม โดยไม่ได้แลมามองทางเขาเลย  หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไปบ้างด้วยความโมโห แล้วยกข้อมือซ้ายที่ใส่นาฬิกาข้อมือเรือนหรูดูเวลา แล้วก็นึกออก 

               ''    คุณพ่ออยู่ไหนครับ '' ถามทันทีที่ได้ยินเสียงคุณดิลกรับโทรศัพท์ 
               ''    อยู่ที่ห้องทำงานของหนูแก้ม แกถามทำไม ''
               ''    ใกล้เที่ยงแล้ว เราไปทานข้าวกันนะครับ '' คริสโตเฟอร์ชวน
               ''    เดี๋ยวพ่อไปทานกับหนูแก้ม ''
               ''    เราก็ไปด้วยกัน ชวนแก้มไปด้วยก็ได้ '' คริสโตเฟอร์บอก 
               ''    เดี๋ยวฉันจะไปกินระหว่างทางกลับบ้าน '' คุณดิลกตอบหลังจากหันไปถามนราวดีแล้วเธอปฏิเสธที่จะไปด้วยกัน และคริสโตเฟอร์ก็ได้ยินตอนที่เธอปฏิเสธ
               ''     อ้าว ... คุณพ่อบอกจะทานกับแก้ม แล้วคุณพ่อบอกอีกว่าจะทานระหว่างทาง ตกลงยังไงครับนี่ '' เขาถาม
               ''     ก็พ่อกับหนูแก้ม กำลังจะกลับบ้าน เราสองคนก็จะไปทานร้านที่เราขับรถผ่านไง '' 
               ''     อ้าว...แล้วเขาไม่ทำงานเหรอครับวันนี้ '' 
               ''     ไม่ทำ หนูแก้มจะเริ่มงานพรุ่งนี้ วันนี้แค่มาแนะนำตัวเท่านั้น และมาดูห้องทำงานเท่านั้น '' คุณดิลกตอบ 
               ''      เหรอครับ ผมคิดว่าคุณพ่อจะอยู่ทานข้าวด้วยกันซะอีก '' 
               ''      หนูแก้มเสร็จธุระแล้ว พ่อกลับบ้านก่อนนะ เจอกันเย็นนี้ '' คุณดิลกพูดจบก็วางหู 

            ส่วนคริสโตเฟอร์ก็อารมณ์เสียตั้งแต่วางหูโทร ฯ  ทุกคนในบริษัทที่ต้องเข้ามาคุยเรื่องงานที่ห้องทำงานเขาก็หน้าเสียออกมาทุกคน ไม่เข้าใจอารมณ์เจ้านายหนุ่ม แม้แต่อำนาจก็โดนไปด้วย 

            คริสโตเฟอร์อยากกลับบ้านไปปรับความเข้าใจกับคนที่กลับบ้านไปก่อนตั้งแต่เที่ยงแล้ว  แต่ตอนนี้มันเพิ่งสามโมงเย็นถ้าเขากลับไปทุกคนที่บ้านก็คิดว่าเขาอยากกลับบ้านเขาเลยไม่กลับ พยายามเปิดรายงานทุกแฟ้มที่อยู่บนโต๊ะ แต่ก็อ่านไม่รู้เรื่อง เปิดไปเปิดมา จนกระทั่งห้าโมงเย็น ได้เวลาเลิกงานก็ลุกเตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่ก็ตัดสินใจนั่งอยู่ต่อ ถ้ากลับบ้านตรงเวลาก็ไม่ดี 
    เขาเลยนั่งทำงานที่ตัวเองดูยังไงก็ไม่รู้เรื่องไปอีกสักพักใหญ่ ๆ จนหกโมงครึ่งจึงได้หยิบเสื้อสูทที่พาดไว้ตรงเก้าอี้ แล้วเดินออกจากห้องที่ทำงานเพื่อขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางก็โทร ฯ บอกสาวใช้ว่าให้บอกที่บ้านว่า จะกลับไปทานข้าวด้วย จนกระทั่งมาถึงบ้าน ก็ต้องอารมณ์เสียขึ้นไปอีก เมื่อมีแค่บิดาและมารดาที่อยู่รอเขา ส่วนอีกคนขอตัวไปทานข้าวที่บ้านตัวเอง   

                ''    สวัสดีครับคุณแม่ กลับมาเมื่อไหร่ครับ '' 
                ''    กลับมาเมื่อวานนี้ ''
                ''    เป็นไงล่ะเรา งานยุ่งเหรอช่วงนี้ '' คุณเจนนิเฟอร์ถาม
                ''    ก็นิดหน่อยครับ ทำไมเหรอ '' 
                ''    แม่ว่าลูกดูโทรม ๆ ไปนะ อย่างไงก็พักผ่อนบ้าง '' 
                ''    ครับ หลังจากนี้คงมีเวลาว่างบ้าง ''      
                ''    ก็ดี แม่คงเห็นหน้าลูกบ่อยขึ้นนะ ''
                ''    ผมจะพยายามอยู่บ้านมากขึ้นนะครับ ถ้าคุณแม่ต้องการ ''
                ''    โอ๊ย !!! ไม่เป็นไรหรอกลูก ถ้าลูกมีงาน ไม่ต้องอยู่บ้านหรอกลูก ไปทำงานเถอะ แม่ให้หนูแก้มอยู่บ้านเป็นเพื่อนได้ '' คุณเจนนิเฟอร์เริ่มเบื่ออาการลูกชายจึงแกล้งพูด 
                ''     แต่ถ้าคุณแม่ต้องการให้ผมอยู่บ้างบ้าง ผมจะหาเวลาว่างอยู่เป็นเพื่อนนะครับ ''
                ''     ไม่ต้องหรอกลูก ถ้าถึงกับต้องพยายามหาเวลาว่างอยู่บ้าน เราไปทานข้าวกันเถอะ ''  พูดจบก็เดินไปห้องอาหารด้วยความหมั่นไส้บุตรชายและนั่งทานข้าวกันสามคน 

           หลังจากอิ่มคริสโตเฟอร์ก็ขอตัวขึ้นห้อง พออยู่ในห้องนอนเขาจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำ จนอาบน้ำเสร็จ นั่งอ่านหนังสือสักพักก็ยังไม่มีวี่แววว่านราวดีจะกลับ แล้วก็นึกได้ว่าเธอกลับมาเมื่อวานนี้ แต่เธอไม่ได้นอนที่ห้องนี้ แล้วเธอไปนอนที่ไหน นอนที่บ้านเธอเหรอ คิดได้ก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ไม่มีเสื้อผ้าของเธอเลยในตู้นั้น แสดงว่าเธอไม่กลับมานอนห้องนี้แล้ว เธอจะย้ายกลับไปนอนที่บ้านเธอเหรอ คุณแม่ยอมเหรอถ้าเธอกลับไปนอนที่บ้าน เป็นไปไม่ได้ ว่าแล้วก็เดินลงไปข้างล่าง แต่แล้วก็ไม่มีใครอยู่ข้างล่างเพื่อให้เขาถามแล้ว กำลังจะเดินขึ้นข้างบน ก็เห็นนิดสาวใช้คนสนิทของนราวดี เดินออกมาจากห้องครัว ในมือถือเหยือกน้ำและแก้วน้ำ เขาจึงถาม พอรู้ว่าจะเอาไปให้นราวดีที่ห้องที่เธออาศัยเป็นห้องนอนตอนนี้เขาจึงอาสายกขึ้นไปให้เอง และบอกนิดว่าเขามีเรื่องจะคุยกัยนราวดี ให้นิดไปพักผ่อนได้ บอกเสร็จก็หยิบเหยือกน้ำเปล่าพร้อมแก้ว เดินไปที่ห้องที่เขารู้แล้วว่าเธอนอนที่นี่ 

         คริสโตเฟอร์เดินเข้าไปในห้องโดยไม่ได้เคาะประตู และนราวดีก็ไม่ได้ล็อคเพราะเดี๋ยวนิดจะเอาน้ำมาให้เธอ พอเขาเข้าไปนราวดีที่ใส่ชุดนอนที่มองอย่างไงก็ดูเซ็กซี่นั่งหวีผมอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งก็หันมามอง เพราะคิดว่านิดเอาน้ำขึ้นมาให้เธอ พอเห็นว่าเป็นใครเข้ามาก็ตกใจ

            ''   จะให้เอาวางไว้ไหน '' เขาถามพร้อมโชว์เหยือกที่อยู่ในมือ
            ''   เอาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงก็ได้ค่ะ '' ตอบหลังจากที่หายตกใจ
            ''   ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ ''
            ''   คุณคริสมีอะไรจะคุยกับฉันคะ ''
            ''   เรื่องของเรา ''  เขาพูดพร้อมกับเดินมายืนใกล้ ๆ กับที่เธอนั่ง
            ''   ค่ะ มีอะไรคะ ''
            ''   ผมอยากขอโทษทุกเรื่องที่ผ่านมา ผมรู้แล้วว่าคุณแม่เป็นคนวางยาไม่ใช่คุณ และผมก็รู้ว่าทุกครั้งที่คุณรับงานคุณปรึกษาท่านแล้ว  ทำไมคุณไม่บอกผมว่าคุณแม่เป็นคนวางยา และทำไมคุณไม่บอกว่าทุกครั้งที่คุณรับงานท่านรู้แล้ว '' เขาเริ่มพูดและถามในสิ่งที่อยากรู้ 
             ''   ถ้าฉันบอกคุณว่าคุณแม่เป็นคนวางยา คุณจะเชื่อฉันเหรอคะ คุณต้องคิดว่าฉันโกหกคุณ และใส่ร้ายท่าน ส่วนเรื่องงานถ้าฉันคิดว่างานที่ฉันรับมันกระทบกระเทือนถึงท่านเพราะนามสกุลที่ฉันใช้ ฉันจะปรึกษาท่านก่อนทุกครั้ง '' เธอตอบ
             ''    แล้วทำไมคุณไม่ปรึกษาผมเรื่องงาน ''
             ''    ทำไมฉันต้องปรึกษาคุณด้วยคะ ในเมื่อเราต่างคนต่างอยู่ ''
             ''    ยังไงผมก็เป็นสามีคุณ ผมก็มีสิทธิ์ตัดสินใจ '' เขาเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ 
             ''    คุณมีอะไรจะคุยอีกไหมคะ ฉันง่วงนอนแล้ว '' เธอเอ่ยตัดบท
             ''    ผมอยากขอโทษคุณเรื่องที่ผมทำเลวไว้กับคุณ เหมือนผมข่มขืนคุณครั้งนั้น ผมรู้สึกไม่ดีถ้าไม่ได้ขอโทษคุณ ผมถึงโทร ฯ ไปหาคุณที่อังกฤษบ่อย ๆ เพราะอยากได้ยินคุณให้อภัยผม  ''
             ''     ฉันอภัยให้คุณค่ะ คุณไม่ต้องรู้สึกผิกอีกแล้วนะคะ เรื่องนี้ '' เธอตอบ
             ''     เมื่อไหร่คุณจะย้ายกลับไปนอนที่ห้องของผม ''
             ''     ฉันจะนอนห้องนี้ค่ะ นี่คือห้องฉัน ฉันสบายใจค่ะที่ได้อยู่ห้องของตัวเอง ไม่ต้องไปสร้างความอึดอัดให้คุณ จนคุณต้องเดือนร้อนไปนอนบนโซฟา ฉันคืนห้องของคุณให้คุณค่ะ '' เธอเน้นเสียงทุกคำตอบเขา 
             ''      คุณแม่จะคิดยังไง ถ้าคุณนอนห้องนี้ ถ้าเราแยกกันอยู่ '' 
             ''      คุณไม่ต้องห่วงค่ะ ท่านยกห้องนี้ให้ฉัน เราต่างคนต่างอยู่ได้ค่ะ ''
             ''      แต่มันก็ไม่ดีนะ อยู่บ้านเดียวกันแต่อยู่คนละห้อง ''
             ''      ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณอึดอัด ฉันจะย้ายไปอยู่บ้านฉันพรุ่งนี้ '' 
             ''      โอเค งั้นต่างคนต่างอยู่ก็ได้ คุณพ่อ คุณแม่คุณจะคิดยังไงถ้าคุณหอบเสื้อผ้าไปอยู่บ้าน '' เขาอ้าง
             ''      ท่านเตรียมใจไว้อยู่แล้วค่ะ ถ้าเราจะหย่ากัน จริง ๆ แล้วฉันเซ็นต์ชื่อในเอกสารนั้นให้คุณก่อนไปอังกฤษอีกนะคะ เพียงแค่คุณเอาไปให้พี่วัสเดินเรื่องให้ทุกอย่างก็เรียบร้อย ''
             ''      เอาเป็นว่าคุณนอนห้องนี้แหละ แล้วเรื่องหย่าคนอื่นเขาจะคิดยังไงกัน เพิ่งแต่งงานได้ไม่เท่าไหร่ แล้วถ้ากระทบถึงบริษัทที่จะเปิดตัวอีกล่ะใครเขาจะกล้ามาลงทุนเป็นสปอนเซอร์ให้ เอาเป็นว่าตอนนี้ไม่หย่า เข้าใจไหม '' พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปด้วยความโมโห นราวดีได้แต่ส่ายหน้า แล้วเดินไปปิดไฟนอน      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×