ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Me who came from the star

    ลำดับตอนที่ #14 : Vol. 13 - Dream A Little Dream

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 57







     

    Dream a Little Dream

    Vol. 13

     

     

     

    เซิร์กสามารถฝัน

    หากน้อยครั้งจนดูเป็นเรื่องแปลกประหลาด ความคิด จิตสำนึก อารมณ์ที่เกิดขึ้นนอกเหนืออำนาจการสั่งการของสมอง ซ่อนตัวอยู่ในหุบเหวลึกและเปิดเผยออกมายามไร้เปลือกของสติสัมปชัญญะ ร่างเซิร์กไม่จำเป็นต้องพักผ่อนถี่เท่ามนุษย์ และการพักผ่อนแต่ละครั้งจะมีลักษณะคล้ายกับการจำศีล ดังนั้น ความฝันจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อยครั้งมาก

    แต่ช่วงหลังมานี้ ผมฝันบ่อยขึ้น แม้กระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต

    ผมก็ยังฝันเห็นใบหน้าปริภูมิ เขายื่นมือเข้ามา ฉุดดึงร่างของผมที่ลอยเคว้งอยู่ใต้น้ำลึก

    เป็นฝันที่ให้สัมผัสคล้ายกับเรื่องจริง

    แต่มันไม่มีทางเป็นจริง...ในเมื่อเขาไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว

     

    ............

     

    แสงสว่างวาบเข้าสู่สายตา

    ผมควรตายไปแล้ว นี่คือโลกหลังความตาย? ไม่ เรื่องพรรค์นั้นไม่มีอยู่จริง หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าชวนให้รู้สึกประหลาดใจจนเผลอคิดออกมาได้เช่นนั้น

    เสียงนาฬิกาปลุกดังหนวกหู “...หุบปากผมป้อนคำสั่งที่ไม่เคยใช้มาก่อน แต่ปรากฎว่ามันยอมเงียบลงอย่างเชื่อฟัง ฝืนดวงตาพร่ามองแสงสว่างนั้นอีกครั้งก่อนจะทดลองเคลื่อนไหวร่างกาย เริ่มจากปลายนิ้วซ้าย...มันขยับได้? ผมตัดสินใจสั่งการให้ร่างกายตนเองฝืนลุกขึ้นมานั่ง นี่ยังคงเป็นร่างมนุษย์

    ผมยังไม่ตาย

    ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาดูก็พบความแตกต่าง แขนซ้ายท่อนล่างที่เคยหายไปถูกทดแทนด้วยโลหะที่ประกอบขึ้นมาเป็นลักษณะของแขนเทียม มันต่อเชื่อมเข้ากับเส้นประสาทบนร่างกายจนสามารถขยับได้ราวกับเป็นแขนของผมจริงๆ เพียงแค่ไร้ความรู้สึกเมื่อสัมผัสกับสิ่งใด

    เมื่อลองสังเกตดูวิธีการประกอบสร้างแล้วพลันคุ้นเคยจนน่าใจหาย เป็นไปไม่ได้ เจ้าของวิธีการประกอบแบบนี้ตายไปเป็นสัปดาห์แล้ว ร่างที่ถูกเปลวไฟสลายจนกลายเป็นเพียงเถ้าไม่มีทางลับมาสร้างแขนเทียมให้ผมได้อย่างแน่นอน

    ผมกวาดตามองรอบกายเป็นลำดับต่อมา ที่นี่คือห้องนอนในฐานทัพของผม ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมไม่ต่างจากวันที่ออกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ผมรีบหันไปมองนาฬิกาบนฝาผนัง

    6.25 am

    25 may

    ผ่านไปเกือบสิบสามชั่วโมงนับจากตอนที่ผมจมอยู่ใต้น้ำ คงมีใครมาช่วยผมเอาไว้ก่อนที่จะหมดสติ แต่ไม่น่าเป็นไปได้ ไม่มีทหารคนใดรอดชีวิตอยู่ในเวลานั้น ส่วนกำลังเสริมก็ยังไม่ถูกส่งมาเลยด้วยซ้ำ ใครจะโผล่มาในที่แบบนั้นได้?

    บางทีอาจจะเป็นหน่วยพิเศษ ผมยกแขนซ้ายขึ้นมาเตรียมติดต่อผ่านสายรัดข้อมือด้วยความเคยชิน แต่ก็พบว่ามันไม่มีอยู่บนแขนแล้ว

    ตัดสินใจก้าวออกจากเตียง รู้สึกปวดแปลบเมื่อขยับกล้ามเนื้อ ผมมองตัวเองในกระจก ชุดเสื้อยืดแขนสั้นเผยให้เห็นรอยแผลเป็นชัดเจนบนลำคอรวมถึงร่องรอยแผลอื่นๆ ตามร่างกาย มันไม่ได้หายไปอย่างที่ควรจะเป็น เห็นได้ชัดว่าขีดความสามารถในการซ่อมแซมเซลล์ของร่างผมกำลังลดต่ำลง

    น่าจะอยู่ได้อีกไม่เกินครึ่งเดือน

    ผมเดินไปยังประตูเตรียมออกสู่ด้านนอก หากไม่ทันจะยกมือขึ้นกดปุ่ม เสียงร้องเตือนก็ดังขึ้นพร้อมเลื่อนประตูเปิดออกเองโดยอัตโนมัติ ร่างร่างหนึ่งปรากฎอยู่เบื้องหน้า เขาก้าวเท้าเข้ามา

    เป็นไปไม่ได้

    คิดว่านาฬิกาจะปลุกไม่ตื่นแล้ว

    ร่างสูงเจ้าของดวงตาสีเขียว เรือนผมสีเงิน โครงหน้าเยาว์วัยติดทะเล้นและริมฝีปากที่คาบบุหรี่ไว้อยู่ตลอดเวลา

    ผมแน่ใจว่าร่างที่นอนอยู่ในกองไฟนั้นคือร่างตรงหน้า

    เขาตายไปแล้ว

    ก็เข้าใจอยู่ว่าดีใจอะนะ แต่ขอร้องว่าอย่าเข้ามาต่อยฉันอีกคนแล้วกันฝ่ามือใหญ่ตบลงบนไหล่ของผม น้ำหนักของมันยังคงเดิมไม่ผิดเพี้ยน รู้สึกได้ว่าร่างทั้งร่างถูกสาปให้แข็งทื่อ ไม่อาจขยับเขยื้อนหรือแม้แต่สั่งการให้สมองผลิตความคิดใดๆ ออกมาได้

    ก็เขาตายไปแล้ว

    พอดีเวทที่ใช้ฆ่าฉันมันมีช่องว่างอะไรบางอย่างอยู่ เลยมีคนช่วยฉันเอาไว้ได้ ไว้อธิบายละเอียดๆ ทีเดียวอีกทีเสียงพูดนั้นเหมือนไหลผ่านหู หรือว่านี่จะเป็นโลกหลังความตายจริงๆ ผมแน่ใจว่าตนเองไม่ได้ฝันไปเหมือนตอนนั้น เขาเป็นมนุษย์ ไม่สามารถตายแล้วแปลงกลับเป็นเซิร์กได้อย่างผม และเขาก็ตายไปเกือบสัปดาห์แล้ว เฮ้ย ช็อคนานไปแล้ว เมากัมมันตภาพรังสีเหรอ

    เขาจับไหล่ของผมทั้งสองข้าง ย่อเข่าเล็กน้อยและก้มตัวลงมาจนศีรษะอยู่ในระดับเดียวกัน

    ฉันกลับมาแล้ว เข้าใจรึยัง?”

    คำพูดนั้นไหลซึมเข้ามาในสมอง ผมพยายามปรับเปลี่ยนข้อมูลที่มีอยู่เพื่อรับรู้และเข้าใจมันเสียใหม่ ปริภูมิยังไม่ตาย...เขาไม่ได้นอนทอดกายอยู่ใต้ฝาโลงสีดำนั่นอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงหน้าผม กายเนื้อที่สัมผัสอยู่ยังอบอวลไปด้วยไอชีวิต ดวงตาสีเขียวเป็นประกายเจิดจ้าคล้ายยืนยันในคำพูด ผมได้กลิ่นบุหรี่ที่คุ้นเคย

    ภาพที่เห็นใต้ผืนน้ำนั้นไม่ใช่เพียงความฝัน แขนเทียมนี้ก็คงเป็นฝีมือของเขาเช่นกัน

    ภายในอกพลันอุ่นวาบ หัวใจเต้นลิงโลดผิดปกติ - อาจจะเรียกอาการนี้ได้ว่าดีใจ ผมผงกหัวรับเล็กน้อยเมื่อต้องยอมจำนนต่อหลักฐาน จดจ้องใบหน้าของเขาไม่วางสายตา รู้สึกคล้ายมีคำพูดนับร้อยจุกแน่นอยู่ในริมฝีปาก หากมันกลับขยับเอ่ยไปได้แค่คำว่า “เข้าใจแล้วครับ”

    ปริภูมิผละตัวออกไป ขยี้หัวผมครั้งหนึ่งก่อนหยิบอะไรบางอย่างจากประตูมิติ โยนส่งมาให้

    “สร้างใหม่ให้แล้ว อย่าทำหายอีก” สายรัดข้อมือ...ผมสวมมันเข้ากับแขนเทียมของตน ระบบทำการสแกนชิพที่ฝังอยู่ใต้แผ่นโลหะแล้วจัดการล็อคสายรัดเข้ากับข้อมือผมถาวร

    “ขอบคุณครับ” มีข้อความใหม่แจ้งเตือนขึ้นมา มันถูกส่งมาตั้งแต่ตอนสี่โมงเย็น เวอกัสเป็นผู้นัดประชุมในครั้งนี้ ระบุเวลาไว้ว่าหกโมงครึ่ง ผมรีบเช็คสถานะของหน่วยพิเศษคนอื่นๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อพบว่าทุกคนยังปลอดภัยดี

    จะว่าไป ผมแทบไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับสงครามที่ผ่านมาทั้งวันเลย ใครเป็นฝ่ายชนะ หรือยังหาข้อตัดสินไม่ได้ แล้วเหตุใดแม่ทัพอย่างปริภูมิถึงมายืนอยู่ตรงนี้ ผมสังเกตเห็นว่าบนแก้มซ้ายของเขามีรอยม่วงช้ำเหมือนโดนชกอยู่ด้วย

    “เออ ไปห้องประชุมก่อนเหอะ คนอื่นรออยู่” ชายหนุ่มคงเห็นคำถามลอยอยู่เต็มหน้า จึงตัดบทเดินออกจากประตูไปก่อน ผมตั้งสติ สาวเท้าวิ่งตามเขาออกไปอย่างรีบร้อน สายตายังคงไม่ละออกจากแผ่นหลังตรงหน้า

    ราวกับกลัวว่าเขาจะหายไปอีกครั้ง

    ร่างสูงตรงมาที่ห้องประชุม เปิดประตูเข้าไปพร้อมส่งเสียงทักทาย ทุกคนภายในห้องหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว มิคังลุกออกจากเก้าอี้เป็นคนแรก เธอตรงเข้ามาโอบกอดตัวของผม ดีใจที่ได้เจอเธออีก เอริคุง

    ผมตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ รู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าเธอผละกอดออกมามองหน้าผม ดวงตาสีฟ้าเต็มตื้นไปด้วยความยินดี ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกร่างอีกร่างหนึ่งพุ่งเข้ามากอดจากด้านข้าง

    เอเลี่ยน! คิดว่าจะตายซะแล้วเด็กสาวพูดปนเสียงสะอื้น ผมยังคงไม่เปลี่ยนท่าทางหรือแม้แต่สีหน้า ในขณะที่มิคังคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ยกมือลูบหัวปลอบรีน่าแทนผมที่ทำอะไรไม่ถูก

    ฮ็อตจริงนะปริภูมิผิวปาก เอนตัวนั่งข้างบุคคลที่หายหน้าไปนานพอกัน ร่างกายของเวอกัสดูโทรมลงไปมากยิ่งกว่าครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันในงานศพของปริภูมิ -เว้นแต่เพียงดวงตาสีเขียวคู่นั้นในเวลานี้มันกำลังเปล่งประกายแววสดใสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและถ้ามองไม่ผิด...ผมเห็นเขายิ้มนิดๆ

    หน่วยพิเศษของเมโทรโปลิสเป็นคณะซอมบี้หรือไงวะ ทำไมตายแล้วฟื้นกันได้เรเว่นสบถออกมา ชายหนุ่มมีบาดแผลตามลำตัวเล็กน้อย ในขณะที่โกสต์ไม่มีแม้แต่รอยเปื้อนบนเสื้อ เขายกกาแฟขึ้นจิบด้วยท่าทางสบายอารมณ์เหมือนเคย

    นี่ลุงว่าหนูเป็นซอมบี้เหรอ?” คาร์เดียที่นั่งอยู่ข้างๆ หันไปโต้ตอบเสียงเขียว เรียกเสียงหัวเราะจากมิคังและรีน่า ไม่คาดคิดว่าจะได้กลับมาเจอบรรยากาศเดิมๆ แบบนี้อีกครั้งหนึ่ง เหมือนเมื่อตอนที่สงครามยังไม่เกิด...เหมือนเมื่อตอนที่ปริภูมิยังไม่ตาย

    แล้ว...สรุปว่าคุณปริภูมิฟื้นกลับมาได้ยังไงเหรอคะรีน่าถามขึ้นหลังกลับมานั่งที่ของตน ผมจึงตามไปนั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ระหว่างเธอกับเวอกัส

    ก็...ง่วงเลยไปนอนเล่นในโลงมาชายหนุ่มแสร้งหาววอด แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสายตาคาดโทษของเวอกัสก็ต้องรีบเปลี่ยนคำพูด เอ้า เล่าก็เล่า ยาวหน่อยนะหนูๆ เอาหมอนมาเตรียมนอนได้เลย

    ไม่คิดว่าโกสต์จะลุกออกจากเก้าอี้ หยิบผ้าห่มกับหมอนออกมาจากกระเป๋าแล้วทิ้งตัวลงไปนอนกับพื้นจริงๆ

    หลังฉันตายไปแล้ว หน่วยแพทย์ที่เอาร่างของฉันไปชันสูตรรู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล เพราะหาสาเหตุอะไรไม่ได้เลย จึงตัดสินใจจะเก็บศพของฉันไปทำการทดลองก่อน แน่นอนว่าเป็นการปฏิบัติอย่างลับๆปริภูมิเริ่มต้นอธิบาย ทุกคนจดจ่ออยู่กับทุกประโยคของเขา ก่อนฉันจะถูกนำเข้าพิธีเผาชำระวิญญาณ เขาสลับศพของฉันกับร่างเทียมที่ก็อปปี้เอาไว้ ตรวจสอบไปประมาณสองวันถึงพบว่าร่างของฉันยังไม่ตาย เพียงแต่มันมีเวทอะไรบางอย่างไหลเวียนอยู่ ทำให้ร่างกายหยุดทำงานทุกส่วนพร้อมๆ กันเท่านั้น

    พอรู้สาเหตุแล้ว เขาเลยเอาผลึกอูริออสที่สลายเวทได้มาสร้างเป็นกล่อง และเอาร่างของฉันใส่ลงไปนอน ปรากฏว่ามันสามารถสลายเวทที่หยุดการทำงานของร่างกายฉันได้

    เท่ากับว่า ถ้าเขาไม่สลับศพของเซนเซย์ก่อน เซนเซย์ก็จะถูกเผาทั้งเป็นงั้นเหรอคะคาร์เดียถามขึ้นมา เซนเซย์ที่ว่านั่นคงหมายถึงปริภูมิ ผมไม่แน่ใจว่ามันมีความหมายว่าอย่างไร

    ตามหลักแล้ว ฉันก็ตายไปแล้วนั่นแหละ วิญญาณหลุดออกมาจากร่างแบบนั้นแล้วนี่นะ เพียงแต่ใครจะไปคิดว่ามันเป็นฝีมือของเวทมนตร์ แล้วผลึกอูริออสนั่นดันสามารถสลายมันทิ้งได้ ถือว่าโชคดีที่มีคนสะกิดใจ

    คาร์เดียหยิบผลึกสีขาวสดใสขึ้นมาถือเอาไว้ - นั่นคือผลึกอูริออสที่ว่า มิคังได้มาจากการที่ไปสู้กับอูริออสในภารกิจที่แล้วและเธอคงมอบมันให้คาร์เดีย

    ราคาคงสูงลิ่วเสียยิ่งกว่าเพชรเรเว่นมองผลึกในมือของเด็กสาวตาเป็นมัน

    ก็แสดงว่าตื่นขึ้นมาตั้งแต่วันก่อนแล้วน่ะสิคะมิคังเอ่ยขึ้นมาบ้าง ทำไมถึงปิดบังไม่บอกใคร

    ถ้าบอกเวอกัส เชสเซอร์ก็คงรู้ทันว่าฉันยังไม่ตาย...ป่านนี้คงยังจับมันไม่ได้ชายหนุ่มไหวไหล่ เอ้อ สรุปผลสงครามวันนี้หน่อยดิเวอกัส

    อืมคนถูกเรียกขานรับ ป้องปากไอออกมาเล็กน้อย เสียงของเขาแหบพร่า เตาปฏิกรณ์ที่เอเลี่ยนไปป้องกันไว้ ทำให้ฉันสามารถใช้วาร์ปจับตัวเชสเซอร์ไว้ได้ ทัพหลักของแฟนตาเซียจึงต้องถอนกำลังถอยกลับไปก่อน

    เชสเซอร์...ผู้นำทัพของแฟนตาเซีย ในฐานข้อมูลที่อ่านมาว่ากันว่าเขามีพลังเวทเทียบเคียงกับคำว่าไร้ขีดจำกัด คาดไม่ถึงว่าเมโทรโปลิสจะใช้เทคโนโลยีวาร์ปจัดการกับตัวอะไรแบบนั้นได้

    ส่วนสมรภูมิทางน้ำ เพราะคาร์เดียป้องกันเสาส่งสัญญาณที่ท่าเรือสวิตช์เอาไว้ได้ จึงสามารถบัญชาการยานบินบนชั้นบรรยากาศให้ยิงถล่มกองเรือของแฟนตาเซียจนต้องถอยทัพกลับไปเช่นกัน แต่เสียดายที่มิคังไปขวางการสร้างบาเรียที่ท่าเรือฝั่งแฟนตาเซียไม่ทัน เราเลยใช้โอกาสนั้นบุกพวกมันต่อไม่ได้

    เสารับสัญญาณวาร์ปที่เรเว่นกับโกสต์ป้องกันไว้ทำให้การส่งเสบียงไม่ขาดตอน และนำกำลังไปหนุนกองทัพของโครวได้ทันเวลา รีน่าถูกเปลี่ยนภารกิจกะทันหันให้ไปเป็นกำลังหนุนในกองทัพนั้นแทน

    เวอกัสเว้นช่วงเล็กน้อย เขายกมือบังปากก่อนไอออกมาอีกชุด ถึงอย่างนั้นก็ยังฝืนเค้นเสียงแหบแห้งพูดต่อให้จบ พอสรุปผลจากสมรภูมิทั้งหมด ตอนนี้เมโทรโปลิสกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ

    ทำงานกันดีเกินคาดแฮะปริภูมิเอ่ยปากชม แบบนี้ต้องมีปาร์ตี้แล้วล่ะ

    งานเลี้ยงต้อนรับคุณปริภูมิกลับมา และฉลองที่ทุกคนกลับมาได้อย่างปลอดภัยรีน่าสมทบด้วยรอยยิ้มสดใส เธอคงดีใจที่ได้กลับมาพร้อมหน้ากันอีกครั้งไม่ต่างกัน

    ไปพักผ่อนกันให้เต็มที่ก่อนเวอกัสขัดขึ้น หากน้ำเสียงของเขาไม่ได้ฟังดูไม่เป็นมิตรอย่างเคย ยังมีภารกิจอื่นๆ รออยู่

    เรเว่นถอนหายใจจนได้ยินชัดทั่วทั้งห้อง พร้อมกับโกสต์ที่ผุดลุกขึ้นมาจากพื้น ฟัคไลฟ์ ไอควิท!” ...ตะโกนอะไรบางอย่างแล้ววิ่งออกนอกห้องประชุมไปเสียอย่างนั้น

    ไอ้เชี่ยแพะปริภูมิสบถไล่หลัง เมื่อเขาเริ่มหัวเราะ บรรยากาศในห้องจึงคลายความตึงเครียดลงและกลับมาครื้นเครง ทุกคนหันมาพูดคุยถามไถ่ซึ่งกันและกัน  

    หากไม่นานแสงสีแดงจากสายรัดข้อมือของเวอกัสและปริภูมิก็กะพริบขึ้นมา เป็นสัญญาณของเหตุฉุกเฉิน ทั้งคู่ก้มลงเปิดอ่านข้อความครู่หนึ่งก่อนปริภูมิจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น แสงสีม่วงส่องขึ้นมาอีกแล้ว

    วันนี้แยกย้ายได้ พวกฉันขอตัวก่อนเวอกัสปิดการประชุมอย่างรวบรัด ลุกออกจากเก้าอี้แล้วสาวเท้าเดินไปที่ประตูทันที ทว่ามิคังก็รีบลุกตามไปคว้าแขนของชายหนุ่มเอาไว้ 

    แล้วคุณหายไปไหนมาทั้งอาทิตย์ คุณเวอกัส

    ผมไม่จำเป็นต้องตอบคุณเขาปลดมือของหญิงสาวก่อนก้าวเดินออกนอกประตูไป ในขณะที่ปริภูมิหยุดเอ่ยบอกกับทุกคน

    เดี๋ยวจะย้ายฐานทัพไปที่เขตศูนย์เพื่อความปลอดภัยนะ อย่าเพิ่งออกไปด้านนอกกันล่ะ กล่าวจบเขาก็หันมาทางผม เอเลี่ยน มาที่คอนโทรลรูม

    ได้ยินดังนั้นจึงต้องรีบลุกขึ้นเดินตามชายหนุ่มไปยังห้องคอนโทรล ระหว่างนั้นจึงเอ่ยปากถามออกไป “เกิดอะไรขึ้นครับ”

    “ก็ตามที่บอก ลำแสงสีม่วงมันส่องออกมาอีกแล้ว ที่เทือกเขาพัมพ์กินส์ที่เดิม” รู้สึกว่ามันจะหายไปได้ระยะหนึ่งหลังจากรีน่าเดินทางไปตรวจสอบในภารกิจแรก ปริภูมิยกแขนสแกนชิพ เดินเข้าไปในคอนโทรลรูม เขาเปิดระบบปฏิบัติการให้ฐานทัพปรับรูปแบบเป็นยานบิน ระบุเลขพิกัดไว้ที่เขตศูนย์และใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ “ฝากแกดูแลระบบไว้ด้วยแล้วกัน”

    “แล้วคุณจะไปไหน”

    ไปสั่งสอนไอ้ขี้เก๊กตาเดียวนั่นสักหน่อยปริภูมิจุดบุหรี่มวนใหม่ขึ้นมาสูบ โบกมือเล็กน้อยก่อนหันหลังเดินตรงออกไปจากห้อง ไอ้ขี้เก๊กตาเดียวที่ว่า...เขาหมายถึงเชสเซอร์ ผู้นำสูงสุดของแฟนตาเซีย และอาจจะเป็นผู้ที่เคยสังหารปริภูมิมาแล้วครั้งหนึ่ง

    หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เขาคงไม่โชคดีขนาดที่จะฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีกรอบ อย่างน้อยถ้าผมไปด้วยก็อาจจะพอช่วยอะไรได้บ้าง - คิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจฝ่าฝืนคำสั่ง สาวเท้าวิ่งตามชายหนุ่มออกไปทันที

    เอ้า ตามมาทำไมเขาหันหน้ากลับมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังไล่หลัง

    ผมขออนุญาตไปด้วย

    จะไปก็ไป แต่ใครจะดูแลระบบตอนบินอยู่

    โกสต์สามารถทำได้ครับ

    ฝากชีวิตหน่วยพิเศษทั้งหน่วยไว้กับไอ้แพะน่ะนะปริภูมิหัวเราะออกมาก่อนจะเหลียวตัวเดินต่อ ผมก้าวตามหลังเขาออกไปด้านนอกฐานทัพ เฮ้ย! แพะ ฝากขับยานด้วยนะชายหนุ่มตะโกนบอกแพะที่ยืนเล็มใบไม้อยู่บนสนามหญ้า หัวเราะออกมาเสียงดังอีกรอบ

    นั่นน่าจะไม่ใช่โกสต์ เป็นแค่แพะธรรมดาที่เป็นสัตว์เลี้ยงของโกสต์ - ผมคงต้องส่งข้อความไปบอกเขาอีกรอบหนึ่ง - เวอกัสนั่งรออยู่ในยานบิน เขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นผมแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร สั่งการนักบินให้ออกเดินทางทันที

    ยานรูปทรงปราดเปรียวเคลื่อนตัวยกสูงขึ้นจากพื้นก่อนออกตัวทะยานด้วยความเร็วสูง มุ่งหน้าตรงไปยังเขตหนึ่ง สถานที่ตั้งของลานคุมขังเชสเซอร์

     

    ............


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×