ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Me who came from the star

    ลำดับตอนที่ #12 : Vol. 11 - Invoke the Dead [Erzsebet's Part]

    • อัปเดตล่าสุด 17 มิ.ย. 57


     

     
     *หมายเหตุ* บทนี้เป็นบทในมุมมองของสาวผมแดง "แอร์เชเบต" เป็นเนื้อเรื่องต่อจากตอนที่แล้วค่ะ
    เธอคือหน่วยพิเศษที่ได้รับภารกิจจาก "ผู้บัญชาการ" ของฝั่งแฟนตาเซีย ให้มาทำลายโรงไฟฟ้าของเมโทรโปลิส

    ผู้แต่งคือ W.W
    เนื้อหาในตอนคัดลอกมาจากลิ้ง 
    http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1152369&chapter=39

    หรือติดตามเรื่องราวของแอร์เชเบตได้ที่นี่




    ปล. เชสเซอร์กับแดเนียลคือชื่อแม่ทัพของฝั่งแฟนตาเซียค่ะ






    Invoke the Dead

    Vol. 11

     

                  เธอทรุดลงกับพื้น รู้สึกถึงการกลับมาอยู่ในความควบคุมอีกครั้งเมื่อเชสเซอร์ผลักดันใช้ร่างกายของเธอจนสุดขีดความสามารถของมัน

                    แอร์เชเบตรู้ตัวตลอดเวลา หากแต่บังคับร่างกายของตนไม่ได้ และพลังเวทมนตร์มหาศาลของเขา – แม้จะถูกนำออกมาใช้ไม่ถึงเศษเสี้ยวของสิ่งที่เขาทำได้ – ก็เกือบจะทำให้เธอร่วงผ่านไม้กระดานลงสู่หุบเหวลึกภายในจิตใจ

                    เธอกะพริบตาแล้วยันตัวลุกขึ้นยืน การจ้องมองกลับไปยังชายหนุ่มผมสีขาวเบื้องหน้าฉับพลันก็เกิดเป็นเรื่องอันน่ายินดีขึ้นมา  คุณน่าจะฟังเขานะเธอฉีกยิ้มราวกับเชสเซอร์ยังคงไม่หายไป

    วิญญาณของเชสเซอร์อาจจะทำให้เธอบ้าคลั่งไปบ้าง แต่เขาก็รักษาร่างกายของเธอจนหายดี อีกทั้งยังทิ้งอาวุธไว้ให้เธอเต็มพื้นที่

                    หญิงสาวรู้สึกถึงบางสิ่งในกายที่ยังคงพุ่งพล่าน

    โดยไม่ยอมทำให้ตนและผู้บังคับบัญชาผิดหวังเป็นครั้งที่สอง เธอดึงของเหลวสีเข้มจากรอบห้องขึ้นมา แยกพวกมันเป็นแท่งบางจำนวนนับไม่ถ้วน เล็งเป้าไปยังชายหนุ่มแขนเดียว หวังปลิดชีพเขาอย่างง่ายดายด้วยพลังชีวิตอันเต็มเปี่ยมซึ่งเชสเซอร์ทิ้งไว้ให้

                    แต่แล้วเขาก็หายไป ต่อหน้าต่อตา

                    หัวใจของหญิงสาวเต้นผิดไปจังหวะหนึ่ง เธอยังรู้สึกถึงพลังชีวิตนั้น เธอได้ยินเสียงของสิ่งมีชีวิต อนุภาคของมันสั่นสะเทือนอยู่ในอีกฟากห้องและกำลังเคลื่อนตัว – แต่เธอกำลังตระหนกตกใจกับความสามารถอันไม่คาดคิด

                    เธอยังคงจับจ้องไปยังที่ซึ่งเขายืนอยู่เมื่อครู่ ลดการป้องกันลง ความคิดวิ่งวุ่นวายอยู่ในสมอง ทั้งหัวล้นปรี่ไปด้วยคำถาม

                หายตัวได้ยังไง? หายไปไหน? ทำไมไม่ทำแต่แรก? หรือจะเป็นเพราะแก๊สที่สูดเข้าไปเมื่อครู่? หรือว่า.... ตาทั้งคู่กราดมองรอบห้องราวกับมีเจตจำนงของมันเอง ลดระดับลงไปมองในแอ่งเลือดเบื้องหน้าเพื่อหารอยเท้า

                    เธออาจคิดไปเองว่าเห็นรอยเท้าเหยียบลงไปบนแอ่งเลือดเล็กจิ๋วหย่อมหนึ่ง – ไม่ เธอคงไม่ตาฝาดง่ายดายเพียงนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ -- หรือเธออาจจะหวาดกลัวจนประสาทหลอนไปแล้วจริงๆ

                    แอร์เชเบตได้ยินการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาจากในลิฟต์  ในเสี้ยววินาทีที่เกิดเสียงแผ่วเบาของนิ้วซึ่งขยับอยู่บนไกปืนนั้นเองแขนของหญิงสาวก็ยกขึ้นโดยอัตโนมัติ วาดเรียกเอาเลือดรอบตัวมารวมกันสร้างกำบังไว้ตรงหน้าจังหวะเดียวกับเมื่อเกิดแสงวาบขึ้นมาจากประตูหน้าลิฟต์

                    โล่นั้นอาจถูกสร้างขึ้นมาอย่างทันการ แต่เวลาเพียงเสี้ยววินาทียังทำให้มันแข็งแกร่งไม่พอ

                    ความรุนแรงของลำแสงลดลง หากแต่มันยังทะลวงเกราะโลหิตตรงหน้าเข้ามาเฉี่ยวเอาเนื้อระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ไป ตรงเข้ามายังตาซ้าย

                    ศีรษะของเธอกระตุกไปด้านข้างเมื่อความร้อนนั้นเจาะลึกเข้ามาในกะโหลกลึกกว่าที่เธอคิด

                    หญิงสาวตะเบ็งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดระคนโกรธเกรี้ยวและดันกำบังนั้นออกไปตรงหน้าสุ่มสี่สุ่มห้า หวังให้มันถูกเป้าเสียบ้าง แต่มันเพียงแค่สลายกลายเป็นของเหลวเมื่อพุ่งไปได้ครึ่งทาง เธอยกมือซ้ายขึ้นป้องลูกตาไว้แล้วก้มลงหลบลำแสงซึ่งเจาะโต๊ะเหล็กลงมาเฉือนแขนของเธอ มันกระทบกับพื้นเบื้องล่างเสียงดังเหมือนโยนไม้ขีดลงน้ำ

                    หญิงสาวเปลี่ยนเลือดซึ่งกำลังจะแข็งตัวทั้งหมดบนพื้นให้กลายเป็นน้ำใสอย่างรวดเร็วพลางลุกขึ้น ทำให้มันกลับไปเป็นสีแดง แล้วสาดไปทางลิฟต์ขณะก้าวเท้าหลบการยิงซึ่งชะงักไปชั่วขณะเมื่อผู้โจมตีโดนฝนเลือดสาดใส่และเร่งทำให้พวกมันแห้งลง

                    ทั่วร่างและเส้นผมสีขาวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดแห้งกรัง

                    มองเห็นเค้าร่างของชายหนุ่มนั่นเป็นสีแดงด้วยเวทมนตร์ เธอเร่งชักมีดขึ้นมาปาใส่มือข้างที่กำลังถือปืนอยู่ มันปักลงไปโดนท่อนแขนขวาด้านใน – แขนเพียงข้างเดียวของเขา – พอดีจนทำให้ชายหนุ่มหลุดเสียงร้องอย่างประหลาดใจ ปืนนั้นหลุดออกจากมือลงไปนอนนิ่งไร้พิษภัยอยู่บนพื้น

                    มันไม่ตัดโดนนิ้วชี้ของเขาอย่างที่เธอหวัง หากแต่ผิดเป้าไปไกล

    เศษเลือดแห้งกรังหายไปอำพรางตัวให้เขาอีกครั้ง เขาสะบัดมีดออก รับมันไว้กลางอากาศและทำให้มันล่องหน – พอจะเดาได้ว่าเพื่อปามันกลับมาทางเธอโดยทันที – หญิงสาวสร้างกำบังขึ้นมารับให้มันร่วงลงพื้นแล้วเปลี่ยนโล่นั้นเป็นลิ่มเล่มโตสามแท่งส่งพวกมันกลับไปเป็นแถวหน้ากระดานพร้อมกับฝนเลือดอีกระลอกหนึ่ง เผยให้เห็นโครงร่างมนุษย์อันดูน่าขนลุก

    ชายหนุ่มก้าวและหันตัวหลบไม่พ้นมันทั้งหมด รับลิ่มอันหนึ่งเข้าไปเต็มท้อง แต่มันเพียงดูจะทำให้เขาตัวงอไปนิดหนึ่งเท่านั้น – การขาดสมาธิกำลังทรยศตัวเธอเอง

    เธอไม่ให้โอกาสเขาหยิบปืน ส่งหอกแท่งยาวจากเลือดรอบตัวออกไปอย่างสะเปะสะปะ ปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบครอง เค้ารางของชายหนุ่มไสเท้าไถลตัวลงไปใต้โต๊ะแล้วถอนมันขึ้นจากหมุดยึดบนพื้น ยกมันเอาไว้ป้องกันตัวเองจากหอกแสนทื่อของเธอ  พละกำลังไม่ผิดกับร่างเซิร์กของเขาเลย

                    ฉับพลันโต๊ะนั้นก็พรางตัวหายไปเหลือเพียงรอยเลือดกลางอากาศ

    แอร์เชเบตรู้สึกได้ว่าช่วงอก ลำคอ และใบหน้าแดงซ่านด้วยโทสะ ตาซ้ายของเธอมองไม่เห็นอีกแล้วมันยุบเข้าไปภายใน เบ้าตาปวดตุบ แผ่ซ่านความรู้สึกราวกับโดนเจาะด้วยแท่งเจาะน้ำแข็งผ่านตาทะลุถึงกะโหลก เลือดอุ่นซึ่งไหลอาบแก้มซ้ายเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเธอได้สูญเสียดวงตาไปแล้ว

                    พลันนั้นรอยเลือดกลางอากาศก็เคลื่อนย้าย ชายหนุ่มคงจัดการยกโต๊ะนั้นขึ้นด้วยแขนข้างเดียวแล้วเหวี่ยงมันมาทางเธอ การเคลื่อนไหวนั้นช้ากว่าปกติวิสัยของเขาจนดูจงใจ หญิงสาว – ไม่แน่ใจว่าด้วยเพราะการสูญเสียแขนไปข้างหนึ่งหรือความตั้งใจจะล่อให้เธอสร้างกำบังขึ้น -- จึงไม่เสียแรงเรียกของเหลวรอบตัวขึ้นมารับแรงกระแทกเช่นที่เขาอาจจะหวังไว้ กลับก้าวเท้าย่อเข่าลงไถลตัวไปตามพื้น เปลี่ยนน้ำบางหย่อมบนพื้นให้กลายเป็นเลือดแล้วสาดใส่เขาอีกหนเมื่อโต๊ะตัวนั้นบินข้ามศีรษะเธอไปก่อนจะพยายามสงบใจ ทำให้เลือดเหล่านั้นแข็งตัวอย่างฉับพลัน

                    ชายหนุ่มชะงักพยายามขยับตัวอยู่วินาทีหนึ่ง ปล่อยให้เธอมีโอกาสลุกขึ้นยืน ฉวยมีดบนพื้นกลับมาไว้ในครอบครอง เร่งฝีเท้าหวังกระโดดข้ามแผงควบคุมและเศษซากที่เหลือของกระจกหน้าต่างเข้าไปยังใจกลางเตาปฏิกรณ์ – เธอสังเกตเห็นว่าแสงสีเขียวอันสงบนิ่งเบื้องล่างลูกไฟยักษ์นั้นไม่ได้มาจากเพียงอุปกรณ์อะไรบางอย่าง แต่มันสะท้อนขึ้นมาจากบ่อน้ำขนาดมหึมา

    เขาปลดพันธนาการได้เร็วกว่าที่เธอคิดไว้

    ลูกกลมลูกหนึ่งถูกโยนข้ามกระจกแตกร้าวเข้ามาเมื่อเธอกำลังจะกระโดดลงจากขอบหน้าต่างข้ามฝั่งไป หากแต่หยุดตัวเองไว้ไม่ทันการแล้ว

    ด้วยความแม่นยำอันน่าเหลือเชื่อ – พวกมันร่อนลงตรงที่เท้าของเธอกำลังจะแตะพื้นพอดี

                    เธอพยายามฉวยเศษกระจกซึ่งเหลือคาไว้บนขอบหน้าต่างทุกด้านเท่าที่จะไขว่คว้าไว้ได้ พวกมันเพียงแค่บาดมือ และเพิ่มความเจ็บปวดให้เท่านั้นเมื่อขาข้างหนึ่งไถลลื่นลงสู่พื้นและกับดัก

                    กระแสไฟฟ้าพลันแล่นไปทั่วร่าง กล้ามเนื้อทุกส่วนแข็งเกร็งและกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ เธอทิ้งตัวล้มไหลผ่านขอบหน้าต่างหนานั้นลงไปยังฝั่งของเตาปฏิกรณ์ แข้งขาถูกขอบคมของกระจกเคลือบด้วยสารบางอย่างเกี่ยวหลุดลุ่ยและเป็นบาดแผลลึกตั้งแต่หัวเข่ายาวไปจนถึงข้อเท้า

                    ฟันของเธอขบกันแน่นจนเกิดเสียง แขนขายังคงถูกบางสิ่งทิ่มแทงจนสั่นเทิ้มทั้งร่าง หัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างไม่ใช่การเปรียบเทียบ ไฟฟ้าเมื่อครู่ส่งผลกับกล้ามเนื้อทุกส่วน

                    รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจซึ่งกำลังจะหยุดเต้น        

                    หญิงสาวกระดิกนิ้ว พยายามใช้เวทมนตร์กับตัวเอง สูดหายใจเข้ายาวและลึกเป็นครั้งสุดท้าย แล้วนิ่งไป ดวงตาเบิกกว้างราวกับยังมองตรงไปยังเลือดแห้งกรังเป็นรูปศีรษะมนุษย์ซึ่งลอยอยู่อีกฝั่งหนึ่งของกระจกหน้าต่าง มันเริ่มเลือนหายไปทีละน้อย 

                                                

                    ชายหนุ่มผู้ล่องหนมองตามกับดักของเขาไป เห็นเธอเสียหลักล้มลงจากขอบหน้าต่างหนานับสิบนิ้วนั้น เห็นแสงไฟแวบวับจากการทำงานอันสมบูรณ์แบบของกับดักไฟฟ้า เห็นร่างของเธอชักกระตุกจนร่างนั้นแน่นิ่ง

    ไร้เสียงหายใจ ไร้ชีพจร ไร้การเต้นตุบของเส้นเลือดบนลำคอของเธออีกต่อไป และแม้มองจากระยะไกล ก็ยังสามารถเห็นได้ว่าเห็นลูกตาข้างขวาจ้องมองตรงมาได้อย่างชัดเจน เลือดกระเซ็นเปรอะเกรอะกรังรอบดวงตาอีกข้างหนึ่ง

    เป็นภาพอันไม่น่ามอง

    แต่เขามีท่าทีว่าจะยังไม่พอใจในผลลัพธ์ -- หรือยังไม่เชื่อใจในสิ่งที่เห็น – ข้าพเจ้าก็สุดจะรู้ -- จึงปรี่เข้าไปหยิบปืนมาจากเบื้องหลังของตนและออกวิ่งกลับไปยังจุดเดิมหมายจะยิงซ้ำให้มั่นใจ

                    แม้จะทำทั้งหมดนั้นด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ แต่เมื่อเท้ากลับมาเหยียบอยู่บนอาณาจักรแห่งเศษแก้ว ก็ถูกกระสุนเลือดนับร้อยพุ่งตรงเข้าใส่ทันที แรงกระแทกส่งให้ปืนหลุดออกจากมืออีกครั้ง

                    คราวนี้มันถูกบดขยี้เสียจนใช้การไม่ได้

     

                    เธอเร่งลุกขึ้นจากพื้นมายืนอยู่หน้าลูกไฟดวงยักษ์เมื่อได้ยินเสียงเหยียบเศษแก้วบ่งบอกว่าเขากำลังหันหลังกลับไปเก็บปืน มือบังคับให้น้ำซึ่งส่องแสงสีเขียวบางส่วนเบื้องล่างเป็นสีแดงและกลายเป็นกระสุนก่อนจะสาดออกไปเป็นวงกว้างอย่างทันท่วงทีเพื่อรักษาชีวิตไว้ – เมื่อปืนล่องหนบินหลุดออกจากมือของเขา มันก็กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จึงใช้สมาธิเกือบทั้งหมด และเลือดบางส่วน ห่อหุ้มมัน บีบอัดจนสุดความสามารถ มันไม่แหลกสลายลงดังที่ตั้งใจไว้ แต่ก็น่าจะผิดรูปจนใช้การไม่ได้อีกแล้ว

                    เมื่อไร้ซึ่งการจดจ่อ กระสุนเหล่านั้นจึงครูดถากผ่านลำตัวและใบหน้าของเขาไป โครงของร่างมนุษย์นั้นกลับมาอีกครั้ง และแม้กระสุนพวกนั้นอาจไม่ได้ทำอันตรายได้เช่นที่หวังแต่มันก็ช่วยซื้อเวลาและทำให้เขาเซถลากับการหลบเลี่ยงและชะงักจากการถูกโจมตีโดยไม่ตั้งตัวไว้บ้าง

                    เหงื่อไหลหยดลงมาจากบนไรผมและหลังลำคอ เธอรู้สึกได้ว่าภายในเตาปฏิกรณ์นั้นอุณหภูมิสูงเพิ่มขึ้น แม้จะเพียงเล็กน้อย เมื่อน้ำด้านล่างถูกนำออกไป

                    “รู้ตัวว่าถูกหลอกใช้  แต่ก็ยังมาที่นี่แอร์เชเบตส่งเสียงราวกับไอน้ำจากกาต้มซึ่งกำลังเดือด ชายหนุ่มปีนเข้ามาในส่วนของเตาปฏิกรณ์แล้ว เธอหันหลังวิ่งหนีวนไปรอบบ่อน้ำ ใกล้กับเครื่องมือซึ่งดูจะรักษาความสเถียรของลูกพลังงานตรงหน้าไว้เพื่อไม่ให้เขาสามารถใช้เรี่ยวแรงได้อย่างเต็มที่หรือถอนรากถอนโคนเอาสิ่งใดออกมาเป็นอาวุธได้อีก หญิงสาวสร้างหอกแหลมและทำให้ตรงปลายแข็งตัวขึ้นแล้วส่งมันออกไปทางเขา หากแต่ระยะทางนั้นไกลเกินไป ทำให้เขาเอนและโยกตัวหลบมันได้โดยตลอด  ทำไมถึงไม่ฟังเขา?” เธอถาม เสียงจากในช่องอกของตนเป็นสิ่งเดียวซึ่งสั่นสะเทือนอยู่ภายใน

                    ช่องอกของเธอรู้สึกโหวงว่าง มืด และลึก

                    เธอเพียงแค่สลายหอกซึ่งถูกโยนกลับมาให้กลายเป็นน้ำอีกครั้ง สร้างกำแพงขึ้นดันมันออกไปทางเขา ซัดหยาดเลือดสีแดงใส่อีกครั้งเมื่อเขากำลังจะหายไป ฉันเห็นข้างในหัวนั่นมาแล้ว เซิร์กเธอเปล่งเสียงออกมาดังโดยไม่จำเป็นต้องตะโกน – ลอกเลียนวิธีการพูดแบบเดียวกันกับเชสเซอร์เมื่อเขาใช้ร่างของเธอ -- เพื่อย้ำเตือนให้ชายหนุ่มตรงหน้ารู้ว่าเขายังเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้

                    เธอเกลียดเขา แค้นเคืองเขาสำหรับดวงตาข้างซ้ายที่จะไม่มีวันคืนมา แต่บางทีเขาอาจจะช่วยให้เธอทำลายที่นี่ทิ้งได้โดยไม่ต้องรอกองทัพของแฟนเตเชียด้วยซ้ำ

                    หากนั่นจะเติมเต็มหน้าที่ของเธอ หญิงสาวก็ยินดีจะแบกรับความเสี่ยง และตอนนี้เธอคือผู้ที่มีอาวุธอยู่ล้นมือ ไม่ใช่ฝั่งตรงข้าม

                    “เวอร์กัสก็ตายไปแล้วพอกันกับปริภูมิ  ขนาดตอนยังมีสมรรถภาพทำงานอยู่ก็ปลิ้นปล้อนใส่ทุกคนขนาดนั้นยังจะไปเชื่ออะไรมันอีก?” เขาหลบกำแพงของเธอหนนี้ได้ – แต่ไม่ใช่ละอองของเหลวหนาข้นสีเข้ม -- และเงื้อมมือไปดึงแท่งเหล็กออกจากในผนังซึ่งคงถูกคำนวณมาอย่างดีแล้วว่าจะไม่สร้างความเสียหายให้ตัวอาคารและเตา แล้วขว้างมันมา

                    แต่ท่อนเหล็กก็เป็นได้เพียงเท่านั้น -- ท่อนเหล็ก เธอสร้างกำบังมารับมันไว้ด้วยมือหนึ่ง อีกมือรังสรรค์ลิ่มขึ้นและส่งมันให้แล่นผ่านอากาศไปยังเขา

                    ยังไม่ชินกับการมีดวงตาเหลือเพียงข้างเดียว เธอจึงพลาดเป้า แต่นั่นไม่ได้สำคัญอะไร

                    ที่แอร์เชเบตต้องทำคือหลอกล่อ ฉุดยื้อเขาเอาไว้ไม่ให้ใช้จุดบอดทางด้านซ้ายของเธอมาต้านเธอเองได้ และยืมกำลังของเขามาทำลายทั้งหมดนี้ – สิ่งซึ่งสำคัญต่อการทำสงครามนักหนา สงครามที่เวอร์กัสต้องการจนมันดิ้นเร่าอยู่ในอก

                    สงครามซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ฆ่าปริภูมิ – และนั่นดูจะทำให้เซิร์กตรงหน้าเธอเศร้าหมองมากทีเดียว

                    เป็นเรื่องจริงที่ว่าเธอได้เห็นสิ่งในจิตใจของเขามาแล้วเมื่อตอนถูกเชสเซอร์ยึดร่าง และได้รับรู้ว่าเขาเองก็ไม่มั่นใจในตัวเวอร์กัสหรือโครว์ – แม่ทัพคนใหม่ -- เสียทีเดียว

                    เธอไม่เชื่อว่าความไม่ต้องการทรยศเมโทรโปลิสของเขาจะแข็งแกร่งถึงขนาดทำให้โอนเอียงไม่ได้

                    “เวอร์กัสรักษาชีวิตเพื่อนตัวเอง กระทั่งจิตใจของตัวเองไว้ไม่ได้ ใครจะมารักษาประเทศของเขาไว้ได้นานแค่ไหน ก็คิดดูเอาเองแล้วกันทุกคนมีจุดอ่อนในจิตใจทั้งนั้น เธอมั่นใจว่าเธอกำลังค้นพบของเขาคนนี้ เขานั่นแหละที่ฆ่าปริภูมิ เซิร์ก

                    เธอสร้างกำแพงหนามดันเขาออกไปกระแทกกับผนังเมื่อชายหนุ่มเร่งฝีเท้าเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วเหนือมนุษย์แล้วทำให้มันแข็งตัวขึ้น ยึดเขาเอาไว้เช่นนั้น

                    “ช่วยฉันส่งเวอร์กัสให้ไปอยู่อย่างสงบสุขที เขาไม่เหมาะจะทรมานอยู่เช่นนี้อีกแล้ว

                    ช่วยฉันทำลายเวอร์กัส นั่นคือสิ่งที่ตั้งใจจะพูด – ตั้งแต่เชสเซอร์เข้ามาอยู่ในร่าง เธอก็รู้สึกถึงความเกลียดชังซึ่งเขามีต่อเวอร์กัสอันเพิ่มพูนขึ้นมาเต็มอกโดยอธิบายไม่ได้ มันพาลให้เธอรังเกียจทุกสิ่งอย่างที่เธอเคยเห็นอกเห็นใจ – ใบหน้าหล่อเหลาแบบชายหนุ่มเยาว์วัย เส้นผมสีทอง มันสมองอันปราดเปรื่อง ทุกอย่างไร้ค่าเมื่อเธอได้เรียนรู้ว่าเขาเองก็เป็นแค่ผู้เดินหมากบนกระดานแสนเจ้าเล่ห์และมีพฤติกรรมชักจูงผู้อื่น แถมยัง – จากความทรงจำบางส่วนของเซิร์กซึ่งเธอได้รับรู้มา – ไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น

                    ใช่ว่าเธอเองจะต่างกันในข้อสุดท้าย แต่เมื่อพิจารณาถึงความหยาบช้าทั้งหมดแล้ว เวอร์กัสไม่สมควรมีชีวิตอยู่

    ก่อนนั้นอาณาจักรของเขาต้องล่มสลายลงก่อน

                    ชายหนุ่มผู้แทบไม่ล่องหนอีกต่อไปทลายสิ่งซึ่งยึดร่างของเขาไว้ออกอย่างไม่ยากลำบาก ไม่ได้ตอบกลับว่ากระไร เธอจึงหยุดพล่าม ปล่อยให้ข้อกังขาจากคำพูดของเธอทำงาน แพร่เชื้อของมัน ขยายตัวและเพิ่มจำนวนอยู่ในสมองของเขาไปตามวิถีของมันเอง

                    เธอดันกำแพงออกไปรอบตัวรวมถึงด้านบนเพื่อกันไม่ให้เขากระโดดผ่านมันขึ้นมาได้  แต่งแต้มร่างของเขาด้วยสีแดงอีกครั้ง เกมนี้เริ่มจะน่าเบื่อแล้ว

                    เลือดของเธอไหลเวียนอยู่ในร่างกายด้วยเวทมนตร์ ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆและนำพาออกซิเจนไปสู่สมองเป็นปกติโดยที่กล้ามเนื้อหัวไม่ได้บีบรัดตัว เธอจึงรู้สึกสงบกว่าที่ควรจะเป็น ไม่มีชีพจรบนลำคอและขมับมากวนใจอีกต่อไป ไม่มีการสูบฉีดเลือดอย่างบ้าคลั่งอันจะทำให้เกิดอาการประสาท – แต่ช่องอกอันไร้ซึ่งการเต้นของหัวใจนั่นก็ยังรบกวนเธออยู่ดี  -- มันว่างเปล่าพิกล

                    แอร์เชเบตโจมตีเขาด้วยหอกเล่มแล้วเล่มเล่า ซ่อนตัวไว้หลังกำบัง สาดหยาดฝนสีแดงใส่เมื่อเขาทำให้มันล่องหนหายไป

    ซ้ำซาก จำเจ

                    เธอวาดมือดึงน้ำขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่ง ปั้นมันขึ้นเป็นรูปร่างจากความทรงจำ ร่างนั้นสูงค้ำเธออยู่มากโข  ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างมีเลศนัย

                    เธอชักมีดออกมาตัดผ่านลำคอของเวอร์กัสจนศรีษะหลุดออก ร่างนั้นล้มลงและสลายหายไปเหลือเพียงแอ่งโลหิตสีแดง

                    อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นทุกขณะจนทั้งร่างแทบหลอมละลาย แต่เธอยังไม่หยุด สร้างเข็มเล่มบางขึ้นมาจากน้ำในบ่อเตรียมพร้อมกับการจู่โจม หรือเตรียมพร้อมโจมตีเสียเอง

    เธอสงสัยว่าชายหนุ่มจากต่างโลกจะมีวิญญาณให้แดเนียลเก็บเกี่ยวไหม

     




     

     

    ............

     

     





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×