คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 ล่อลวง
กี่วันกิ่คืนที่ผ่านมาตั้งแต่ร่างผู้ชราที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมนอนสงบอยู่ที่สุสานสีขาวในอาณาเขต ฮอกว๊อต โรงเรียนสอนเวทย์มนต์คาถา ที่บัดนี้เงียบเหงาและอ้างว้างหลังงานศพที่ยิ่งใหญ่นั้นผ่านมาแล้ว เด็กนักเรียนได้ขึ้นรถไฟกลับสู่ลอนดอน เป็นการเดินทางที่สลดหดหู่อย่างไม่เคยมีมาก่อน ในนั้นมีชายหนุ่มชื่อว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ เด็กหนุ่มที่มีรอยแผลเป็นรูปสายฟ้าฟาด ดวงตาเขาจับจ้องไปยังนอกหน้าต่างที่มืดสนิท พลางในห้วงความคิดก็ยังวนเวียนแต่เรื่องในคืนนั้น คืนที่พราก ศาตราจารย์ ดัมเบิลดอร์ คนที่เด็กหนุ่มให้ความเคารพและนับถือราวกับญาติตัวเอง เขาต้องศูนย์เสียคนที่ใกล้ชิดเขาไปทีละคนๆ เริ่มตั้งแต่ พ่อ และแม่ของเขา หรือแม้พ่อทูนหัว ซิเรียส แบล๊ค จนมาถึง ดัมเบิลดอร์ เขาเป็นตัวซวยหรือไง เขาคิดเองในใจ โทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมา คืนนั้นถ้าเขาตามทันละก็ เสนป ใช่ เซเวอร์รัส เสนป มันนั้นเองที่เป็นคนฆ่าทั้งๆที่ ดัมเบิลดอร์ไว้ใจว่าหันหลังให้ความมืดแล้ว เด็กหนุ่มขบปากจนแตกเขาฆ่ามันไม่ได้ อีกนิดเดียวเท่านั้น เดรโก มัลฟอย อีกคนมันวางแผนทุกอย่างทำให้โรงเรียนที่แสนสงบนี้เกิดโกลาหล ถ้าเจอมันแฮร์รี่สาบาน เขาจะฆ่ามันด้วยมือทั้งคู่ เขาเองบีบมือตัวเองแน่นอย่างลืมตัว
“แฮร์รี่ แฮร์รี่ เป็นอะไรไป” เสียงใสของเด็กสาวปลุกภวังค์ เฮอร์ไมโอนี่ มองดูเด็กหนุ่มพลางยื่นผ้าเช็ดหน้าให้อย่างระมัดระวัง “ปะ เปล่า ขอบใจเฮอร์ไมโอนี่” ชายหนุ่มอีกคนที่มีผมสีแดงยังคงมองออกไปยังนอกหน้าต่างของรถไฟ “อีกไม่นานเราก็ถึงลอนดอนแล้วนะ ฉันว่าเตรียมตัวกันเถอะ” ทุกคนในห้องโดยสาร แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ และรอน สามเพื่อนรักเพื่อนตาย จัดแจงหีบใส่ของและสัมพาระต่างๆอย่างเงียบๆ พลันมือเย็นเฉียบของเฮอร์ไมโอนี่ค่อยเอื้อมมาจับข้อมือใหญ่ของแฮร์รี่ “แฮร์รี่สัญญานะ จำได้ไหม เราสัญญากันแล้ว” เด็กหนุ่มเงยหน้ามองตามมือนั้นเห็นใบหน้าที่เปี่ยมทุกข์ของเพื่อนหญิง “อะ อะไร เฮอร์ไมโอนี่ สัญญาอะไร” เด็กหนุ่มเลิ่กลั่ก “ก็สัญญาไงว่าเราจะเดินทางพร้อมกัน เราจะสู้พร้อมกัน แล้วเธอก็ห้ามทำอะไรคนเดียว เธอยังจำได้ไหม” สีหน้าของเด็กสาวราวกับจะร้องไห้ออกมา “ไม่เอาน่าเฮอร์ไมโอนี่ มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นเรื่องของฉัน..” แฮร์รี่พยายามพูดให้เพื่อนเข้าใจ “ถ้านายยังพูดแบบนี้อีกฉันจะชกนาย แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่พูดถูก ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องของนายคนเดียว เราเป็นเพื่อนร่วมทุกข์นะ แค่ตอนนี้นายอย่าเพิ่งทำอะไรลำพัง อย่างน้อยก็ขอจบงานของบิลกับเฟลอร์ก่อน” เป็นคำพูดที่พลังพรูจากปากที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นตัวเองแต่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นในความเป็นเพื่อนของรอน อ้อมกอดของเฮอร์ไมโอนี่รวบตัวโตๆของสองหนุ่มอย่างยากลำบาก “เราเป็นเพื่อนกัน ฉันจะกลับไปหาพ่อแม่ก่อน อย่างน้อยถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ขอให้แน่ใจว่าท่านทั้งสองจะปลอดภัย” ทั้งสามโอบกอดกันอย่างเหนี่ยวแน่น
เสียงรถไฟเทียบชานชาลาเสียงดังโกร่งกร่าง เด็กนักเรียนทยอยกันก้าวลงจากรถไฟอย่างเอื่อยเฉื่อย เพราะพวกเขาอาจจะนึกถึงว่าก่อนเปิดเทอมคราวหน้า พวกเขาจะได้รับจดหมายแจ้งรายการแบบเรียน และกำหนดการเปิดเทอมหรือไม่ ในเมื่อเหตุการณ์ต่างๆมันช่างเลวร้ายจริงๆ และอีกอย่าง ดัมเบิลดอร์ ผู้มีเมตตานั้นไม่อยู่แล้วมันเป็นเรื่องที่สุดจะรับได้ ณ ตรงนั้น นางมอลลี่มารอรับเด็กๆพร้อมกับกองระวังหน้าอีกหลายคน แน่นอนมาเพื่อคุ้มกันแฮร์รี่ทั้งๆคนที่ออกคำสั่งนั้นไม่อยู่แล้ว ทันทีที่เท้ารอน แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ และจินนี่แตะพื้น นางมอลลี่ก็สวมกอดทุกๆคนอย่างสุดกำลัง “ฉันดีใจจริงๆที่พวกเธอกลับมาอย่างปลอดภัย เร็วเข้าเถอะรีบออกจากตรงนี้กัน พวกเราต้องให้แน่ใจว่าทุกคนจะถึงบ้านโดยปลอดภัยอย่างรวดเร็วนะจ๊ะ เร็วเข้าจินนี่” เป็นอะไรที่รวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว กองระวังหน้าห้อมล้อมพวกเด็กๆอย่างจ้าละหวั่น “เดี๋ยวฮะ แล้วครอบครัวเดอร์สลี่ละ ผมต้องกลับไปกับเค้า” แฮร์รี่พูดเสียงแข่งกับเสียงรบกวนข้างตัวอย่างเต็มกำลัง “ไม่จ๊ะ พวกเราจะไปส่งเธอเอง เราจะส่งถึงหน้าประตูเป็นคำสั่งของ โธ่ โธ่ ดัมเบิลดอร์”เพียงแค่เอ๋ยชื่อ นางมอลลี่ก็แทบร้องไห้ออกมา “เค้าเป็นห่วงเธอมาก ย้ำนักย้ำหนาเรื่องนี้” แฮร์รี่มีสีหน้าไม่ต่างอะไรกับทุกๆคนที่พอพูดถึงดัมบิลดอร์ที่เชิดชูต่างก็มีสีหน้าไม่สู้ดีทั้งนั้น
ผู้คนเบียดเสียดมากมายไม่ว่าเด็กนักเรียนหรือผู้ปกครอง มันเบียดทำให้ขบวนของแฮร์รี่นั้นแทบจะไม่ได้หายใจทั้งข้าวของต่างๆก็มากมายเหลือเกิน พลันสายตาแฮร์รี่ก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่างที่เค้าไม่คาดคิดว่าจะเจอที่นี้ ชานชาลาฝั่งตรงกันข้ามที่เขายืนอยู่ บุรุษที่มีผ้าคลุมทั้งตัวจนแทบจะแยกไม่ออกว่าเป็นใคร ทำไมนะแฮร์รี่ถึงได้ติดใจอะไรแบบนี้ รูปร่างแบบนี้ บุคลิกแบบนี้ เค้ารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด แล้วบัดนั้นบุรุษปริศนาก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาส่งรอยยิ้มเย็นๆบาดหัวใจ
เซวอร์รัส เสนป หัวใจแฮร์รี่แทบหลุดออกมากอง มันนั้นเอง มันท้าทายขนาดยืนท่ามกลางฝูงชนทั้งๆที่มีหมายจับแล้ว แฮร์รี่หันหน้าไปหาอย่างเอาเรื่อง เขาพบแล้ว ความแค้นปะทุเชื้ออย่าบ้าคลั่ง เค้ายอมแลกอะไรก็ได้ที่จะสาปคนที่เค้าเห็นตอนนี้ แล้วพลันนึกขึ้นได้ อาจจะเป็นแผนการ เพราะการที่จะมาสู้กันในที่พวกเด็กๆและผู้วิเศษทั้งหลายมันต้องเกิดหายนะแน่นอน แต่แฮร์รี่เองก็ไม่อาจนิ่งเฉยให้ฆาตกรนั้นหนีไปได้ “คุณนายวีสย์ลี่ฮะ ผม ผม ลืมของบนรถ ผมคิดว่าผมจะไปเอา” เสียงตะโกนที่แหวกเสียงต่างๆดังขึ้นมาอีกครั้ง “อะไรนะจ๊ะ ไม่จ๊ะแฮร์รี่มันสายไปแล้ว มันไม่ปลอดภัย แล้วถ้าเธอลืมอะไรนายสถานีจะส่งคืนโดยนกฮูกให้เอง” เสียงนางมอลลี่ก็ดังแข่งขึ้นมาเช่นกัน แฮร์รี่หมดหวังที่จะแทรกตัวออกไป พลันก็นึกอะไรออก “รอนฝากของหน่อย ฉันจะก้มผูกเชือกรองเท้า” รอนที่ทำหน้าเหมือนจะตายเพราะแรงอัดแต่ก็ยังรับของจากแฮร์รี่ “อือ เร็วๆเข้าฉันจะเป็นปลากระป๋องแล้ว” แฮร์รี่ทับยักแย่ยักยันก้มดึงเชือกรองเท้าสายตาก็ยังจับจ้องบุรุษเสื้อคลุมดำ เขาไม่ได้ยืนที่นั้นแล้ว แฮร์รี่กวาดสายตาไปทั่วจนเห็นเขาอีกครั้งเขากำลังเดินช้าๆอย่างกับว่ารอให้แฮร์รี่ตามให้ทัน ความโกรธที่ถ่าโถมในใจมันประทุขึ้น และแล้วแฮร์รี่ก็ตัดสินใจแทรกตัวผ่านเด็กๆที่เดินดันเข้ามาในขบวนของแฮร์รี่ ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าแฮร์รี่หายไป
สียงฝีเท้าของเด็กหนุ่มไล่ตามเงาดำๆที่เพิ่งพ้นผ่านซอกตึกในความมืดสลัวในยามโพล้เพล้ แม้ดวงอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้าแต่เงามืดของตึกรามบ้านช่องก็ชวนให้ขนลุก แฮร์รี่อดใจไม่ใช้เวทย์มนต์ในตอนนี้ แม้ในใจเรียกร้องให้ ฆ่า ฆ่า บุคคลที่เขากำลังไล่ตาม เขาต้องแน่ใจว่าเค้าจะใกล้พอที่จะใช้มัน เค้าเคยปะทะกันมาแล้ว แฮร์รี่พ่ายแพ้ในคืนนั้น อาจเป็นเพราะคาถาที่เขาใช้ เป็นคาถาของเสนปเอง เขาเดินตามมากี่ไมล์แล้ว เขาไม่ได้สังเกตเลย เพราะในหัวสมองมีเรื่องแก้แค้น และการเดินให้ทันคนที่เขาตามเท่านั้น และเขาก็แน่ใจด้วยว่า มันรู้ตัวแล้ว เพราะทุกครั้งที่เขาทิ้งระยะห่างเกินที่จะตามทัน ร่างนั้นกลับเดินชะลอเหมือนให้เขาตามทัน
เด็กหนุ่มก้าวเท้าออกจากตรอกด้วยความเหนื่อยล้า เขามาหยุดอยู่ที่โล่งใกล้แม่น้ำ บรรยากาศน่าสะอิดสะเอียน กลิ่นเน่าเห็นแสบจมูกลอยเตะจมูกอยู่เนืองๆ หมอกบางๆที่มาพร้อมกับกลางคืนค่อยๆคืบคลานมาหา โรงงานหลายแห่งถูกปิดตายและรกร้างชวนขนลุก แฮร์รี่รู้ตัวแล้วว่าเขาคาดจากศัตรูแล้ว เขาหันซ้ายหันขวาราวกับตามหาของหาย เขาจะทำอย่างไรดี เด็กหนุ่มสบถออกมาอยาบคายอย่างหัวเสีย พลันสายตาก็เหลือบไปไกลๆพอที่จะเห็นแสงไฟเต้นวูบวาบทางหน้าต่าง บ้านหลังเล็กๆที่อยู่สุดตรอกอีกด้านที่เขายืนอยู่ มันเหมือนเชื้อเชิญให้เขาเข้าไปหามัน แฮร์รี่ไม่รอช้าที่จะไปพิสูจน์อย่างน้อยเขาก็อยากรู้ว่าที่รกร้างอย่างนี้ยังจะมีใครกี่คนที่จะอาศัยอยู่ นอกจากพวกที่อยากอยู่ให้พ้นจากสายตาอย่างมัน เด็กหนุ่มสาวเท้าอย่างระมัดระวังอย่างเชื่องช้า มือขวาเขากำไม้กายสิทธิ์ไว้แน่นพร้อมที่จะเสกคาถาเป็นร้อยๆได้เลย สายตาของเด็กหนุ่มเหลือบมองป้ายชื่อตรอกที่ทรุดโทรมแต่ก็พอจะอ่านได้ว่า “ตรอกช่างปั่นฝ้าย”
แฮร์รี่เดินย่องไปไปใกล้หน้าต่างที่มีแสงไฟเต้นวูบวาบ เขามองเห็นไม่ชัดนัก แต่เด็กหนุ่มมั่นใจว่าเกาอี้หน้าเตาผิงนั้นมีคนนั่ง แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นเพราะหันหลังให้ แล้วสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นผ้าคลุมสีดำที่คุ้นตาวางอยู่บนโต๊ะเขามั่นใจว่าคนที่นั่งอยู่นั้นสมควรตาย มือชุ่มเหงื่อที่กำไม้กายสิทธิ์แน่นสั่นนิดๆ ขไม่รู้ว่ากลัว หรือกำลังดีใจที่เจอศัตรู เด็กหนุ่มวางแผนในใจไว้แล้ว เขาตั้งใจพังประตูแล้วจะระดมคาถาที่เขาจะนึกออกใส่เป้าหมายให้ได้ แม้จะแลกด้วยชีวิตเขาก็จะทำ อย่างน้อยก็แก้แค้นให้ ศาตราจารย์ ที่เขารัก แต่เขาจะทำให้แน่ใจว่าเป้าหมายจะไม่รู้ตัวตอนที่เขาบุกเข้าไป
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเต็มปอด ก่อนที่จะเอาพละกำลังทั้งหมดรวมไปบนไหล่ขวา แล้วก็พุ่งใส่ประตูบ้านที่เก่าและผุพังเต็มแรง มันได้ผลประตูพังอย่างง่ายดาย ไม้กายสิทธิ์ชี้ตรงไปยังเป้าหมายอย่างมั่นใจ “ครู....” เขาท่อง คาถาไม่ทันได้สองพยางค์ ไปในเตาผิงดับพรึ่บ ราวกับปิดสวิตท์ แฮร์รี่ตาบอดเพราะไร้แสงสว่าง แต่เขารู้ว่าตัวเองโดนหลอกให้อยู่ในที่แจ้ง เขาไม่รู้เลยว่าศัตรูอยู่ตรงไหนกันแน่ “ออกมาซิ มาสู้กัน อย่าทำตัวไร้ยางอาย มาสู้ตัวต่อตัวกับฉัน ไอ้เสนป” เสียงเด็กหนุ่มแผดเสียงด่าทออย่างไร้ทิศทาง
“เอ็กซิโอ แว่นตา ไม้กายสิทธิ์” เสียงทุ้มต่ำที่น่าขยะแขยงในความคิดของแฮร์รี่ดังขึ้นมาในความมืด ไม้กายสิทธิ์ และแว่นตาที่ถูกสวมบนใบหน้าของเด็กหนุ่มลอยออกราวกับโดนกระชากจากมือที่มองไม่เห็น แฮร์รี่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ไขว่ขว้าๆทั้งๆที่มองไม่เห็นอะไร
“ สวัสดี พอตเตอร์ ฉันมีความรู้สึกว่าการเรียนการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดไม่ได้รับความคืบหน้าเลยนะ สงสัยจังว่าอาจารย์คนก่อนๆไม่เคยบอกหรือไง ว่าระวังกับดักที่อาจโดนล่อด้วยอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ คุณพอตเตอร์” เสียงทุ่มต่ำนั้น พูดขึ้นพร้อมๆกับแสงไฟในเตาผิงที่ค่อยๆสว่างขึ้น
ความคิดเห็น