ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปมรักรัก รอยอดีต book I รอยอดีต

    ลำดับตอนที่ #6 : ความหลัง ความหวัง

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 64


    6

    ความหลัง .. ความหวัง

     

    อนาสเตเซียนอนพลิกตัวอย่างกระสับกระส่ายบนเตียง

    เธอตื่นขึ้นกลางดึกเพราะเสียงรถที่วิ่งออกจากสนามหน้าบ้าน ตอนแรกเธอเข้าใจว่าเป็นรถของนิโคลาโยสที่เพิ่งกลับมา แต่เมื่อลุกไปมองที่หน้าต่าง กลับเป็นรถสีดำหน้าตาคล้ายเบนซ์สปอร์ต

    ใครนะมาที่บ้านของเธอในยามวิกาลแบบนี้โดยไม่เข้ามากดออดเรียก ทำเหมือนมาแอบซุ่มดูแล้วก็ไป หญิงสาวคิดอย่างกังวลใจ คำกล่าวเตือนของสารวัตรดราโก้ ลาซารอสยังดังก้องอยู่ในหู

    หญิงสาวเริ่มวิตกหากว่าครอบครัวของเธอกำลังตกเป็นเป้าหมายของผู้ประสงค์ร้ายบางคนอย่างที่สารวัตรเตือนไว้จริง เธอจะทำอย่างไร เธอควรจะต้องพาจูเลี่ยนไปไว้ที่ไหนดีที่จะปลอดภัย

    บางทีพรุ่งนี้เช้าเธอควรรีบมองหาโรงเรียนประจำ หญิงสาวคิดว่าจะปรึกษานิโคลาโยสเรื่องส่งจูเลี่ยนเข้าโรงเรียนประจำสำหรับเด็กผู้ชายในสวิสเซอร์แลนด์ซึ่งน่าจะปลอดภัยพอสมควร

    เมื่อนาฬิกาบอกเวลาตีห้า อนาสเตเซียก็ทนนอนต่อไม่ได้ เธอลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองไปยังสนามหน้าบ้านอีกครั้ง ยังไม่มีวี่แววของนิโคลาโยส

    สามีเธอกลับบ้านดึกดื่นหรือไม่ก็เช้าบางครั้งก็สายเป็นประจำ เขาเที่ยวหนัก ดื่มเยอะ ชอบการเต้นรำสังสรรค์และการเสี่ยงโชค อนาสเตเซียได้ยินคนพูดให้เข้าหูอยู่เนือง ๆ ว่า เขาควงสาวสวยนอกบ้านมากหน้าหลายตา

    หญิงสาวไม่แน่ใจว่าตัวเองหยิ่งเกินกว่าจะคุยกับสามีเรื่องพวกนี้ หรือว่าลึก ๆ แล้วไม่ใส่ใจพอที่จะสนใจพฤติกรรมแหลกเหลวของเขา นับวันความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก็ยิ่งห่างเหินราวคนแปลกหน้าที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน

    ทั้งคู่มีห้องชุดของตัวเอง ซึ่งส่วนของห้องนอน ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว และห้องนั่งเล่นแยกกันเป็นสัดส่วน มีประตูเชื่อมถึงกันที่ห้องนั่งเล่นส่วนตัวซึ่งอยู่ตรงกลาง ห้องชุดทั้งสองอยู่ชั้นสองทางฝั่งด้านหลังของตัวบ้าน มองเห็นสนามหลังบ้านที่ติดกับหน้าผาและทะเล

    ส่วนที่เป็นห้องนอนของอนาสเตเซียจะพิเศษกว่าห้องอื่นเนื่องจากอยู่สุดมุมตึก จึงกินพื้นที่ทั้งส่วนหน้าและส่วนหลังของตัวบ้าน สามารถดูวิวและเห็นความเป็นไปรอบบ้านได้สามฝั่ง

    ห้องของจูเลี่ยนเป็นห้องชุดขนาดเล็กมีห้องน้ำและห้องนั่งเล่นส่วนตัวแยกจากคนอื่นเช่นกัน แต่อยู่อีกด้านของโถงทางเดิน คืออยู่ทางด้านหน้าของตัวบ้าน โดยมีซอนญ่าพี่เลี้ยงพักอยู่ห้องติดกัน คั่นด้วยโถงกลางบ้านซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบันไดหินอ่อนขนาดใหญ่

    โถงนี้จัดเป็นที่สำหรับนั่งเล่นชมวิวทิวทัศน์ และรับแดดได้เนื่องจากเป็นบริเวณที่ติดกระจกยาวจากเพดานจรดพื้น และเปิดออกไปเป็นระเบียงกว้างทางฝั่งหน้าบ้าน

    ถัดจากโถงนั่งเล่นเป็นห้องชุดขนาดเล็กสำหรับแขกใกล้ชิด ติดกันเป็นห้องชุดขนาดย่อมของเมลานีแม่บ้านและอีเนียสพ่อบ้านสองสามีภรรยา ซึ่งห้องชุดทั้งคู่ตั้งอยู่สุดมุมตึกตรงข้ามกับของอนาสเตเซีย โดยมีบันไดเล็ก ๆ ซ่อนอยู่หลังประตู เพื่อให้เดินลงไปที่ห้องครัวชั้นล่าง ห้องเก็บไวน์ในชั้นใต้ดิน ตลอดจนห้องเก็บของ ห้องซักอบผ้า

    อนาสเตเซียไม่ได้จ้างเชฟไว้อย่างคิโรสเนื่องจากเธออยู่อย่างสันโดษ ไม่มีแขกมาพักที่บ้านบ่อย ๆ อย่างบิดา

    เธอปล่อยหน้าที่ในการดูแลบ้านและอาหารตกเป็นของพ่อบ้านอีเนียส และแม่บ้านเมลานี สองสามีภรรยามีหน้าที่ดูแลทุกสิ่งภายในตัวบ้าน โดยอีเนียสจะมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในการทำงานของทุกคนทั้งภายในตัวตึกรวมทั้งอาณาเขตภายนอกด้วย

    พอนตัส ซึ่งเป็นคนสวนเพียงคนเดียวมีหน้าที่ดูแลสวน ต้นไม้ ดอกไม้ และคอกม้า เขาพักอยู่คนเดียวในบ้านพักขนาดเล็กอยู่ติดกับโรงเก็บเครื่องมือที่ใช้ทำสวน ถัดไปเป็นโรงเพาะชำพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับและไม้ยืนต้น

    ใกล้กันเป็นคอกม้าซึ่งมีม้าในความดูแลของพอนตัสอยู่สามตัว ตัวแรกเป็นแม่ม้าสเปนขนาดใหญ่สีขาว ซึ่งเป็นม้าของอนาสเตเซีย ตัวที่สองเป็นม้าอังกฤษเพศผู้สีดำของนิโคลาโยสซึ่งเธอซื้อให้เป็นของขวัญแต่งงานเมื่อสี่ปีที่แล้วและนิโคลาโยสไม่ค่อยใส่ใจนำไปขี่บ่อยนัก ปล่อยให้เธอหรือพอนตัสมีหน้าที่นำมันออกไปออกกำลังกายแทนอยู่เสมอทุกเช้า อีกตัวเพิ่งมาใหม่เป็นลูกม้าเพศผู้สีน้ำตาลอ่อน ซึ่งคิโรสเพิ่งซื้อให้เป็นของขวัญอายุครบสี่ขวบของจูเลี่ยน

    อิสวาน วิศวกรซึ่งอนาสเตเซียจ้างไว้เป็นนายช่างประจำบ้านสำหรับดูแลเครื่องบินสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกลำเล็ก เฮลิคอปเตอร์ เรือ และระบบรักษาความปลอดภัย จะพักอยู่บนอพาร์ทเมนท์ส่วนตัวเหนือโรงจอดเครื่องบินซึ่งอยู่ห่างจากตัวบ้านใหญ่กว่าสองกิโลเมตร เพื่อป้องกันเสียงรบกวนยามเครื่องขึ้นลง ในขณะที่โรงจอดรถจะอยู่ใกล้ตัวบ้านมากกว่าโดยมีอีเนียสพ่อบ้านมีหน้าที่นำรถเข้าออก

    วัน ๆ อิสวานจะขลุกอยู่กับโรงจอดเครื่องบิน ท่าเรือ หรือไม่ก็ห้องซ่อมบำรุงของเขา ไม่ค่อยมีใครคิดถึงพอนตัสและอิสวานเท่าไหร่ เนื่องจากพักอยู่ไกลออกไปมากและเนื้อหางานไม่เกี่ยวข้องกับทางบ้านใหญ่โดยตรง

    ตัวอนาสเตเซียนั้นรู้ว่ามีพนักงานอีกสองคนในบ้านของเธอ เนื่องจากเธอเป็นคนว่าจ้างอิสวานและพอนตัสก็เป็นคนเก่าจากคิโรสให้มา นอกจากนี้เธอยังเป็นคนเซ็นเช็คจ่ายเงินเดือนให้ทุกคนในบ้าน

    แต่นิโคลาโยสนั้น หญิงสาวสงสัยว่าเขาจะรู้หรือเปล่าว่ามีสองคนนั้นอยู่ในโลกนี้ด้วย เนื่องจากเขาไม่เคยสนใจอะไรในบ้าน และแทบไม่เคยออกไปเดินเล่นในสวนหรือป่าที่เธอใช้เงินจำนวนมากบำรุงรักษาไว้รอบตัวบ้านเลย มีอะไรก็จะเรียกหาจากอีเนียสเท่านั้น

    เรือนรับรองแขกจะอยู่ห่างออกไปจากตัวบ้านใหญ่เล็กน้อยทางฝั่งตะวันออก พอให้มีที่ทางความเป็นส่วนตัว แต่อนาสเตเซียไม่เคยมีคนมาพักที่เรือนนี้เลยนับแต่ซื้อบ้านและที่ดินผืนนี้มา

    อนาสเตเซียลุกเดินออกไปยังห้องนั่งเล่นส่วนตัวของเธอและเปิดประตูออกไปที่โถงทางเดินเพื่อเดินเข้าห้องนอนของลูกชาย หญิงสาวยืนมองเด็กชายที่หน้าตาเหมือนกับเธอราวกับพิมพ์เดียวด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ

    หนูน้อยจูเลียนในวัยสี่ขวบร่าเริงแจ่มใสน่ารักและฉลาดเฉลียว เธอตั้งชื่อให้เขาเหมือนกับชื่อที่บิดาเคยตั้งเตรียมไว้ให้น้องชายซึ่งไม่เคยมีโอกาสลืมตาดูโลกของเธอ

    น้ำตารื้นขึ้นมาทุกครั้งที่คิดถึงเหตุการณ์โหดร้ายทารุณจิตใจเมื่อสิบสองปีก่อน เธอสะกดอารมณ์เศร้าและเกลียดชังตัวเองไว้ ซึ่งมักเกิดขึ้นในทุกยามที่คิดถึงอแนสซ่ามารดาและจูเลียนน้องชายผู้อาภัพ 

    หญิงสาวยิ้มบาง ๆ เฝ้ามองบุตรชายผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

    ลูกเป็นความหวังและเหตุผลเดียวในการมีชีวิตอยู่ของเธอ หนูน้อยที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตและความสดใสร่าเริง เขากำลังนอนหลับปุ๋ยอย่างแสนสบายจนเธอไม่ต้องการรบกวน

    เธอเดินไปนั่งที่เก้าอี้แบบอาร์มแชร์พนักสูงใกล้ ๆ เตียงของลูกชายซึ่งตั้งไว้สำหรับให้เธอเข้ามานั่งอ่านนิทานก่อนนอนให้ฟังทุกคืน 

    หญิงสาวพิงศีรษะกับพนักเก้าอี้ดวงตาเหม่อมองเด็กน้อย ขณะที่ใจหวนคิดถึงอดีตเมื่อครั้งแรกที่ได้รู้จักกับนิโคลาโยสจนถึงครั้งที่ยอมตกลงแต่งงานกับเขา

    หลายครั้งที่เธอเฝ้าถามตัวเองว่าเหตุใดจึงตกลงแต่งงานกับนิโคลาโยส วาลลาซ หนุ่มเจ้าของบาร์และเกสท์เฮ้าส์เล็ก ๆ ในปิโซ่ ลิวาร์ดิ ซึ่งเคยเป็นหมู่บ้านชาวประมง และปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลใหม่ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับกลางลงไปของเกาะปาโรส

    หญิงสาวหลับตานึกย้อนไปเมื่อหกปีก่อนตอนที่เธอกลับมาที่กรีซอีกครั้ง เธอไม่อาจทนอยู่บ้านบิดาที่เกาะแอนติปาโรสซึ่งเต็มไปด้วยภาพแห่งความทรงจำเกี่ยวกับมารดาได้ โดยเฉพาะเมื่อแมนชั่นหลังนั้นได้มีคุณผู้หญิงคนใหม่แล้วคือลีย่าอดีตพี่เลี้ยงของเธอเอง

    อนาสเตเซียตัดสินใจมาซื้อบ้านพักตากอากาศซึ่งตั้งอยู่ตอนบนสุดของเกาะปาโรสแทน บ้านหลังนี้เคยเป็นของดาราสาวฮอลลีวู๊ดชื่อดังและเป็นที่นิยมมากทางทีวีซีรี่ย์ ด้วยความเป็นบ้านของดาราจึงถูกสร้างขึ้นอย่างเน้นความสันโดษและเป็นส่วนตัว เพื่อป้องกันการรุกล้ำหรือวุ่นวายของสื่อมวลชนและปาปาราซซี่

    หญิงสาวถูกใจในความเป็นส่วนตัวโดดเดี่ยวและเงียบสงบของบ้านหลังนี้ในทันที ตัวบ้านสีขาวตั้งอยู่บนพื้นที่ส่วนตัวกว่าแปดเอเคอร์ ขนาดบ้านไม่ใหญ่มากเกินไป มีสระว่ายน้ำ คอกม้า และโรงเก็บเครื่องบินเล็กและเฮลิคอปเตอร์

    ซึ่งเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินส่วนตัวขนาดเล็กนั้นเป็นสิ่งจำเป็นและนิยมมากในหมู่มหาเศรษฐีที่อยู่ตามเกาะต่าง ๆ ในประเทศกรีซ ซึ่งส่วนมากเป็นคนต่างชาติ เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปไหนมาไหนระหว่างเกาะ รวมทั้งใช้เดินทางไปแผ่นดินใหญ่อย่างเอเธนส์

    นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันแล้ว บ้านหลังนี้ยังมีพื้นที่ภายนอกบ้านที่กว้างใหญ่ มีทั้งส่วนที่มีต้นไม้ขึ้นร่มครึ้มรอบบริเวณมองจากภายนอกแล้วเหมือนเป็นป่า ซึ่งเจ้าของเดิมลงทุนเนรมิตขึ้นเองท่ามกลางผืนดินที่ส่วนใหญ่มีแต่ไม้ทรงพุ่มกับต้นมะกอกและต้นส้มเท่านั้น ส่วนบริเวณตรงกลางเป็นสนามกว้างใหญ่ มีสวนดอกไม้หลากสีสันปลูกอยู่บริเวณโดยรอบติดกับตัวบ้าน

    บ้านและที่ดินนี้อยู่บนเนินเขาซึ่งมีทางรถวิ่งส่วนตัวแยกออกมาจากถนนสายหลักของเกาะที่จะวิ่งไปทางเนาซ่า ด้านหลังของบ้านเป็นสนามหญ้ากว้างมีต้นมะกอกขนาดใหญ่อายุร่วมร้อยปีขึ้นเป็นร่มเงาอยู่เป็นระยะ เลยออกไปเป็นหน้าผาติดทะเลค่อนข้างลึก

    ริมหน้าผาทางฝั่งตะวันออกตรงส่วนที่เว้าเข้ามาด้านในตัวเกาะ มีบันไดที่ขุดจากหน้าผาเป็นบันไดหินแคบ ๆ เลาะลงไปสู่ทะเลเบื้องล่าง ซึ่งทำไว้เป็นท่าเรือส่วนตัวขนาดเล็กตรงบริเวณที่โค้งเว้าเข้ามาของหน้าผา ซึ่งช่วยกันคลื่นลมได้ดี เหมาะกับการทำเป็นที่จอดเรือขนาดเล็กตามธรรมชาติ อนาสเตเซียใช้จอดเครื่องบินน้ำสิ่งจำเป็นอันดับหนึ่งในการใช้เดินทางระหว่างเกาะที่ค่อนข้างไกล และใช้เดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่อย่างเอเธนส์

    นอกจากเครื่องบินน้ำเธอยังมีเรือเร็วแบบสปอร์ต เรือแคนู เจ็ทสกี และเรือใบ หากแต่เรือใบนั้นเธอจอดไว้ที่ท่าจอดเรือยอร์ชในปาริเกียซึ่งเธอเช่าที่จอดไว้ประจำ เนื่องจากท่าเรือนี้ไม่ใหญ่โตพอที่จะจอดเรือใบขนาดใหญ่ได้ ที่ดินโดยรอบตัดขาดจากผู้คน ตรงตามความต้องการที่จะอยู่อย่างสันโดษของอนาสเตเซียเป็นอย่างมาก

    ชั่วเวลาไม่กี่เดือนหญิงสาวก็ได้ดัดแปลงบ้านพักตากอากาศหลังนั้นให้กลายเป็นบ้านของเธอแบบถาวร

    เธอมีความสุขกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่แบบเงียบ ๆ ไม่มีสังคม แม้เวลาจะผ่านมานานหกปีนับจากวันที่อแนสซ่าจากไป แต่ความรู้สึกเสียใจและหวาดกลัวจากการสูญเสียบุคคลที่รักที่สุดในชีวิตไปอย่างโหดร้ายนั้น ยังคงฝังรากลึกอยู่ในใจจนไม่กล้าที่จะใกล้ชิดหรือผูกพันทางจิตใจกับใครอีก

    อนาสเตเซียใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ไม่ข้องแวะหรือยุ่งเกี่ยวกับใครมากไปกว่าการพยักหน้าทักทายตามมรรยาท

    ทุกวันหญิงสาวจะขี่รถสกู๊ตเตอร์หรือไม่ก็ขับเรือเร็ว ซึ่งจอดอยู่ตรงท่าเรือเล็ก ๆ ส่วนตัวในอ่าวริมหน้าผาด้านล่างออกไปเที่ยวตามชายหาดต่าง ๆ

    เธอชอบที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หาดแถวปิโซ่ ลิวาร์ดิ เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นชายหาดด้านตะวันออก สมัยนั้นที่นั่นยังคงสภาพความเป็นหมู่บ้านชาวประมงชัดเจนกว่าสมัยนี้มาก

    เธอชอบที่จะไปเดินเล่นเงียบ ๆ ตามชายหาด ดูพระอาทิตย์ขึ้น จากนั้นก็แวะดื่มกาแฟ นั่งอ่านหนังสือ และบางครั้งก็รับประทานอาหารเช้าในร้านกาแฟริมทะเล

    ที่นั่นเองที่เธอได้พบกับนิโคลาโยส

    นิโคลาโยสเป็นหนุ่มหล่อคมจนเรียกได้ว่าหล่อบาดตา มาดดีและมีเสน่ห์ เขาหมั่นเพียรมาพูดคุยทักทายเธอทุกวัน

    ทั้งคู่เจอกันครั้งแรกจากการที่สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์สีน้ำตาลทองของเขาวิ่งมาเล่นกับเธอ

    ขณะนั้นอนาสเตเซียกำลังนั่งดื่มกาแฟและอ่านหนังสืออยู่ที่ร้านริมทะเล จู่ ๆ เจ้าหมาโกลเด้นที่เพิ่งขึ้นจากน้ำก็วิ่งตรงเข้ามาหาเธอ พลางสะบัดขนเปียกชุ่มใส่จนเปียกปอน

    เสร็จแล้วมันก็ยังกล้ามาเลียมือเลียไม้อย่างประจบประแจงเธอเสียอีก ช่างไม่รู้จักสำนึกผิดจริง ๆ

    “ลีโอ ลีโอ ไม่เอาน่ะ” เสียงของนิโคลาโยสที่เรียกหาเจ้าหมาเกเรดังขึ้นมาจากด้านหลัง

    “กลับมานี่” เขาวิ่งมาจนถึงตัวเธอกับเจ้าหมาที่คงจะชื่อลีโอ 

    “ขอโทษนะครับ มันชอบแกล้งอย่างนี้เรื่อยเลย ผมจับมันไว้ไม่ทันจริง ๆ ”

    นิโคลาโยสกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างสดใสในเชิงขอลุแก่โทษ

    อนาสเตเซียเงยหน้าขึ้นจากที่ลูบหัวเจ้าลีโอจอมเกเรอยู่ เธอเอ่ยเบา ๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก

    “ไม่เป็นไรค่ะ”

    “แต่คุณเปียกทั้งตัวเลยนะครับ”

    หญิงสาวก้มมองชุดเสื้อกระโปรงสีฟ้าอ่อนซึ่งเปียกปอนของตัวเองแล้วก็อึ้งไป

    “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันกลับบ้านเลยก็ได้”

    “ไปเช็ดตัวที่บ้านผมก่อนไหมครับ” นิโคลาโยสเสนอ “ผมมีโรงแรมเล็ก ๆ อยู่ตรงนี้เองครับ”

    อนาสเตเซียส่ายหน้า เธอไม่นึกอยากตามคนแปลกหน้าไปที่โรงแรมของเขาสักนิด

    “ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ”

    “คุณจะเป็นหวัดเอานะ” เขาแย้ง

    “เอางี้แล้วกัน คุณรออยู่นี่ เดี๋ยวผมวิ่งไปเอาผ้าขนหนูมาให้คุณเช็ดผมเช็ดตัวให้พอแห้งหน่อยก็ยังดีครับ”

    หญิงสาวพยักหน้าเมื่อเห็นว่าเขายืนกราน และใจจริงก็ออกจะรำคาญผมและเสื้อผ้าที่เปียกนี่เหมือนกัน

    นิโคลาโยสวิ่งกลับไปที่โรงแรมเล็ก ๆ ห่างจากร้านกาแฟที่เธอนั่งอยู่เพียงไม่กี่เมตร เจ้าลีโอวิ่งตามเขาไป สักพักก็วิ่งกลับมาตามนายของมันที่ถือผ้าขนหนูผืนหนึ่งส่งให้อนาสเตเซียเช็ดหัวเช็ดหน้า

    “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวหลังจากที่เช็ดหน้าตาเสร็จ

    “ฉันยังไม่คืนผ้านี่นะคะ ไว้ซักเสร็จแล้ว ค่อยเอากลับมาคืนในวันสองวันนี่ค่ะ”

    “ตามสบายครับ ว่าแต่คุณไม่ดื่มกาแฟด้วยกันกับผมสักถ้วยหรือครับ” นิโคลาโยสตอบพลางเอ่ยชวน

    “ไม่ดีกว่าค่ะ ว่าจะกลับบ้านแล้ว ขอบคุณนะคะ”

    กล่าวตัดบทด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แม้จะรู้ว่าขัดกับมารยาทสังคม เธอทิ้งเงินค่ากาแฟไว้บนโต๊ะพลางฉวยผ้าขนหนู หนังสือและกระเป๋าเดินออกจากร้านไปโดยที่ยังไม่ได้เอ่ยแนะนำตัวกันแต่อย่างใด

    หลังจากวันนั้นเธอก็เอาผ้ามาคืนนิโคลาโยสที่โรงแรม แม้เธอจะพยายามไม่สานสัมพันธ์ใด ๆ กับเขาต่อ แต่เขาก็เพียรพยายามที่จะพูดคุยทักทายกับเธอ เขาเป็นคนคุยสนุก ช่างเอาใจ และมักมีเซอร์ไพรซ์แปลก ๆ มาทำให้เธอประหลาดใจเสมอ

    แม้ว่าเธอจะวางตัวสุภาพแต่ห่างเหินสักเพียงใด เขาก็ไม่ลดละหรือท้อถอยที่จะพยายามคุยและตีสนิทด้วย

    จำได้ว่าแรก ๆ เธอเพียงแต่คุยกับเขาคำสองคำเป็นมารยาท แต่เมื่อเจอกันทุกวันบ่อยเข้า โดยที่เขาและเจ้าลีโอสุนัขจอมเกเรไม่เคยลดละที่จะมาตีสนิทกับเธอ ทำให้อนาสเตเซียอดขำไม่ได้

    ท่าทางการตีสนิทของเขาดูไม่น่ารำคาญและไม่ใช่แนวรบกวนหรือข่มขู่ เขาจะทักทายพูดคุยกับเธอ และแสดงออกค่อนข้างชัดว่าอยากคุยกับเธอจริง ๆ เพียงชั่วไม่กี่นาที และขอตัวทันทีที่รู้สึกว่าเธอไม่ได้ต้องการเพื่อนคุย

    หากแต่นิโคลาโยสนั้นมีความใจเย็น สม่ำเสมอในการเพียรมาทักทายเธอทุกวันเป็นเวลาร่วมเดือน จนในที่สุดเขากับเธอก็กลายเป็นเพื่อนกินอาหารเช้าด้วยกันเป็นประจำที่ริมทะเลแห่งนั้น

    อนาสเตเซียไม่แน่ใจว่าเธอรักเขาหรือเปล่า ตอนที่เขาขอแต่งงาน จะเป็นไปได้ไหมที่เธอแอบรู้สึกเงียบเหงา ว้าเหว่าอยู่ลึก ๆ ในใจ และต้องการใครสักคนที่ไม่รู้จักเธอหรืออดีตของเธอ ใครที่จะไม่ทำให้เธอหวนคิดถึงความหลังฝังใจของตัวเอง ใครที่จะทำให้ชีวิตเธอกลับมาชุ่มชื่นมีความสุขอีกครั้ง

    ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เธอได้ตอบตกลงไป ยังความไม่พอใจให้กับคิโรส บิดาของเธอเป็นอันมาก

    แน่นอนว่าทายาทของตระกูลใหญ่อย่างเธอ ย่อมไม่อาจแต่งงานกับชายหนุ่มที่มีเพียงกิจการเล็ก ๆ เป็นของตัวเองได้อย่างสะดวกดาย คิโรสได้ให้ทนายทำหนังสือสัญญาก่อนแต่งงานให้นิโคลาโยสเซ็นยินยอม เขาจะไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินใด ๆ ของอนาสเตเซียไม่ว่าเธอจะได้ทรัพย์สินนั้นมาก่อนหรือหลังการแต่งงานกับเขาก็ตาม

    อนาสเตเซียไม่ได้คัดค้านความต้องการของบิดาเกี่ยวกับเรื่องสัญญาก่อนแต่งงาน บางทีลึก ๆ ในใจเธอเองก็ยังไม่กล้าเชื่อใจนิโคลาโยสอย่างเต็มที่ หากเขามาจีบเธอเพื่อหวังในทรัพย์สิน เขาก็ต้องผิดหวังแน่นอน

    หญิงสาวแปลกใจและอดรู้สึกตื้นตันไม่ได้ เมื่อพบว่านิโคลาโยสยอมเซ็นชื่อโดยดุษณี

    เธอหวังในตัวเขาพอควร ด้วยความที่เขาหมั่นมาเอาอกเอาใจอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาที่มาติดพัน เขาผู้อายุมากกว่าเธอสิบสองปี น่าจะเป็นผู้ใหญ่พอที่จะทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย และไม่ต้องฝันร้ายถึงเรื่องราวในอดีตอีกต่อไปได้

    อนิจจา! อนาสเตเซียหวังมากเกินไป และเธอก็พบว่าเธอใช้ชีวิตอยู่ในความฝันได้เพียงไม่กี่เดือน

    ทันทีที่เธอตั้งท้องจูเลี่ยน นิโคลาโยสก็เปลี่ยนไป เขาไม่คอยเอาอกเอาใจ หาอะไรมาทำให้เธอประหลาดใจ หรือพยายามหาเรื่องสนุกมาชวนคุย มาเล่าให้ฟังเหมือนเคย

    ตรงกันข้ามเขาเริ่มอยู่บ้านน้อยลง และไปอยู่ที่อื่นอย่างมิลานหรือมิโคนอสมากขึ้น ชายหนุ่มออกเที่ยวเตร่ ตะลุยราตรี จนแทบไม่เคยร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับเธอไม่ว่าจะมื้อใดก็ตาม

    ยิ่งนานวันสัมพันธภาพของทั้งคู่ก็ยิ่งแย่ลง ประหนึ่งความสัมพันธ์ที่แก่ชรา ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ไม่มีอารมณ์โกรธ หรืออารมณ์หึงหวงใด ๆ มีแต่ความสุภาพ แต่ห่างเหินเสมือนคนแปลกหน้าที่ทักทายกันตามมรรยาทเท่านั้น

    อนาสเตเซียเองก็แปลกใจตัวเองเช่นกันว่า เหตุใดเธอจึงยอมปล่อยให้เหตุการณ์เป็นไปอย่างนี้โดยไม่พยายามจะพูดคุยหรือซักถาม หรือพยายามแก้ไขด้วยการเปิดใจคุยกับสามี

    ตรงกันข้ามเธอกลับปล่อยให้ทุกสิ่งดำเนินไปตามวาระของมัน เหมือนจะปลงได้ว่า เมื่อสามีของเธอเปลี่ยนแปลงไป เธอคงไม่อาจห้ามได้ มันขึ้นกับว่าความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้าเท่านั้น

    สิ่งที่ผิดคือเธอและเขาไม่ได้รักกันจริง และคิดให้ดีก่อนที่จะแต่งงานกัน เธอกับเขามีบุคลิกนิสัยต่างกันสุดขั้ว และไม่มีความชอบในเรื่องใด ๆ ที่ตรงกันเลย

    เว้นแต่เรื่องหมาซึ่งเธอก็ไม่เคยเห็นเขาเล่นกับสุนัขตัวไหนอีกเช่นกันนอกจากเจ้าลีโอพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ขี้ประจบตัวนั้น

    นิโคลาโยสเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ เต้นรำเก่ง และชอบชีวิตยามราตรีในทุกรูปแบบ ชอบความตื่นเต้นท้าทายในเชิงอบายมุข ขณะที่เธอชอบเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ ไม่ชอบเข้าสังคม เธอเต้นรำไม่เก่ง และไม่เคยคิดหัดเต้น เธอขี้อาย อมทุกข์ และขาดความภาคภูมิใจในตัวเองมากเกินกว่าจะกล้าแสดงออกซึ่งความสนุกสนานรื่นเริงในลักษณะนั้นได้

    เมื่อแต่งงานกันไม่นานนิโคลาโยสก็เบื่อหน่ายกับความจืดชืดไร้ชีวิตชีวาของเธอ อนาสเตเซียเองก็รู้ว่าเป็นการแต่งงานที่ผิดพลาด แต่เมื่อแต่งแล้วก็จำต้องอยู่ร่วมกันไป ตราบเท่าที่ทุกอย่างยังสงบและอยู่ในที่ทางของมันเพียงเท่านี้ก็ดีแล้ว

    นิโคลาโยสได้รับเงินค่าใช้จ่ายส่วนตัวประจำเดือนที่ตัดจากบัญชีส่วนตัวของเธอ ซึ่งลูคัส ทนายความประจำตระกูลเป็นคนจัดการให้ ตัวเลขที่ถูกโอนเข้าบัญชีของเขาแต่ละเดือนนั้นสูงลิบจนทำให้เขาพอใจ พอที่จะไม่มารบกวนเธอด้วยเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ และเธอก็มีความสุขกับลูกน้อยของเธอเกินกว่าจะใส่ใจความไม่เอาใจใส่และเหินห่างของสามี

    น่าแปลกที่เธอไม่เคยเจอกับเจ้าลีโอ สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวนั้นอีกเลย นับจากที่ทั้งคู่ตกลงแต่งงานกัน นิโคลาโยสอธิบายว่าเจ้าลีโอเป็นสุนัขของเพื่อนที่มาฝากเลี้ยงชั่วคราวในระหว่างที่ไปต่างประเทศ

    แสงไฟหน้ารถที่สว่างจ้าลอดผ่านผ้าม่านหน้าต่างในห้องนอนของจูเลี่ยนดึงให้เธอกลับคืนจากภวังค์อดีตเมื่อหกปีก่อน อนาสเตเซียลุกขึ้นไปมองและเห็นเป็นรถของนิโคลาโยสแล่นเข้ามาจอด

    เธอเดินกลับมานั่งพิงศีรษะเฉยอย่างเดิม ดวงตาจับแน่วนิ่งอยู่บนใบหน้าบริสุทธิ์น่ารักของจูเลี่ยน

    น่าแปลกที่วันนี้นิโคลาโยสกลับบ้านแต่ยังไม่สว่าง

     เสียงฝีเท้าที่เดินขึ้นมาอย่างไม่สม่ำเสมอทำให้รู้ว่าเขาดื่มเหล้ากลับมาค่อนข้างเมามายพอควร

    อนาสเตเซียนั่งนิ่งฟังเรื่อย ๆ อย่างคุ้นหูและไม่สนใจจริงจัง หากแต่เสียงของผู้หญิงซึ่งดังขึ้นเบา ๆ จากโถงทางเดินทำให้เธอตัวชา

    หญิงสาวนั่งนิ่งฟังการสนทนาที่ได้ยินอย่างแผ่วเบาภายนอกห้องนั้นอย่างแทบไม่กล้าหายใจ หากแต่เสียงพูดคุยนั้นเบามากเกินกว่าที่เธอจะจับคำพูดอะไรได้

    สักพักเสียงทั้งหมดก็เงียบไป อนาสเตเซียไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดหรือเปล่า หรือว่านิโคลาโยสพาผู้หญิงอื่นเข้ามาในบ้าน

    เธอไม่อยากเชื่อว่าเขาจะกล้าท้าทายเธอถึงเพียงนั้น ในเมื่อบ้านหลังนี้และทรัพย์สินทุกอย่างรวมทั้งรถที่เขาขับต่างเป็นทรัพย์สินของเธอทั้งสิ้น

    อนาสเตเซียรอจนแน่ใจว่าภายในโถงทางเดินปราศจากผู้คนแล้วจึงค่อยลุกขึ้นเปิดประตูเดินกลับห้องของตัวเองอย่างเงียบเชียบ

     

    เช้าวันนั้นอนาสเตเซียนั่งรับประทานอาหารเช้ากับจูเลี่ยนที่ห้องอาหารเช้าซึ่งเปิดออกสู่ระเบียงหลังบ้าน ทั้งคู่นั่งรับลมทะเล และดูเจ้าดิโน่วิ่งเล่นไล่จับนกทะเลอย่างสนุกสนานที่สนามหญ้า 

    อนาสเตเซียตัดอาหารในจานให้ลูกจนเสร็จก็เลื่อนจานไปคืนให้ตรงหน้าเด็กชายจูเลี่ยน

    เมลานี แม่บ้านเข้ามาช่วยจิ้มอาหารในจานป้อนเด็กชายอย่างรู้หน้าที่โดยไม่ต้องขอ ทั้งที่จริงเป็นงานของซอนญ่า พี่เลี้ยง

    “เมื่อคืนเรามีแขกหรือจ๊ะ อีเนียส”

    อนาสเตเซียเอ่ยถามพ่อบ้าน ที่ยืนรอให้บริการอยู่บริเวณนั้น

    “แขกหรือครับ คิเรียอัณญ่า” อีเนียสถามอย่างแปลกใจ

    “เท่าที่ผมทราบ ไม่มีนะครับ ทำไมคิเรียอัณญ่าถึงคิดว่าเรามีแขกล่ะครับ”

    อนาสเตเซียขมวดคิ้วนิดหนึ่งอย่างแปลกใจ แล้ววางสีหน้าเรียบเฉย

    “เปล่าหรอก บังเอิญฉันแว่วเสียงน่ะ คงจะหูฝาดไป เลยนึกว่าบ้านเรามีแขกมา” อนาสเตเซียกล่าวแก้ เธอคงจะหูฝาดไปจริง ๆ ด้วย

    หญิงสาวนั่งรับประทานอาหารเช้าและดื่มกาแฟเงียบ ๆ สายตามองจับจ้องไปยังลูกชายตัวน้อยที่ส่งเสียงร้องเชียร์เจ้าดิโน่ซึ่งวิ่งไล่จับนกอย่างแสนสุข

    จนสาย ซอนญ่าจึงลงมาจากชั้นบนห้องนอนเพื่อมารับหน้าที่ดูแลจูเลี่ยนต่อ

    อนาสเตเซียเหลือบมองพี่เลี้ยงสาวชาวรัสเซียของลูกชายแว่บหนึ่ง

    ระยะหลังซอนญ่ามักมีอาการประหลาดอยู่บ่อยครั้ง เธอดูลุกลี้ลุกลน และมักมีโทรศัพท์แปลก ๆ โทรเข้ามาหาเธออยู่เรื่อย ๆ

    น่าเสียดายที่เธอดูสนิทสนมใกล้ชิดกับจูเลี่ยนอย่างจริงใจ และจูเลี่ยนเองก็ดูจะผูกพันรักใคร่พี่เลี้ยงของเขาอยู่ไม่น้อย

    ไม่เช่นนั้นอนาสเตเซียอาจต้องรับสมัครพี่เลี้ยงใหม่

    อาการเหม่อลอย ป้ำเป๋อ จิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวในระยะเดือนสองเดือนมานี้ ทำให้พี่เลี้ยงสาวชาวรัสเซียหย่อนประสิทธิภาพในการทำงานไปมากจนอนาสเตเซียเริ่มวิตก

    ซอนญ่าอายุอ่อนกว่าอนาสเตเซียไม่กี่ปี แต่มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กมากกว่ามาก เธอมาจากครอบครัวยากจนในประเทศเล็ก ๆ ที่เคยเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต หญิงสาวเป็นหลานของลีย่า เหมือนว่าจะเป็นลูกของพี่สาว ลีย่าได้ช่วยให้ซอนญ่าได้มาอยู่กรีซเมื่อประมาณสิบปีก่อน

    หลังจากสมรสกับคิโรสบิดาของเธอ และด้วยเงินของคิโรสจึงช่วยให้ลีย่าสามารถส่งเสียซอนญ่าจนได้ร่ำเรียนหนังสือในเอเธนส์จนจบการศึกษา ได้ปริญญาบัตรสาขาบริบาลเด็กเล็ก

    หลังจากทำงานอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กวัยแรกเกิดได้สองปี ลีย่าก็แนะนำซอนญ่าเข้ามาทำงานกับนิโคลาโยสและอนาสเตเซีย โดยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงของจูเลี่ยน

    อนาสเตเซียรับซอนญ่าเข้าทำงานหลังจากสัมภาษณ์คนอื่น หลายคนตอนช่วงที่เธอท้องแก่ใกล้คลอด หญิงสาวถูกใจท่าทางซื่อ ๆ และดูจริงใจของซอนญ่า

    นอกจากนี้ซอนญ่ายังมาจากครอบครัวที่มีพี่น้องเยอะ และทุกคนใกล้ชิดกัน โดยมีซอนญ่าเป็นพี่สาวคนโต จากการที่ต้องช่วยพ่อแม่เลี้ยงดูน้องทั้งหมดเจ็ดคนตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอมีประสบการณ์การเลี้ยงดูเด็ก เข้าใจเด็ก และใจเย็นพอที่จะอยู่กับเด็กเล็ก ๆ ได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้อนาสเตเซียจึงตกลงใจรับเธอเข้าทำงาน

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ มาดาม”

    ซอนญ่ากล่าวทักอย่างเก้อเขินที่ตื่นสายจนไม่ได้มาดูแลจูเลี่ยนตามหน้าที่

    “อรุณสวัสดิ์”

    อนาสเตเซียกล่าวตอบแล้วนิ่งไม่กล่าวอะไรต่อ ท่าทางเรียบเฉยของเธอ มักสร้างความหวาดหวั่นให้กับพี่เลี้ยงสาวชาวรัสเซียเสมอ

    “ขอโทษจริง ๆ ค่ะ เมื่อคืนดิฉันไม่ค่อยสบาย ปวดหัวมาก นอนไม่ได้เลยตื่นสายไปหน่อยค่ะ มาดาม” ซอนญ่าละล่ำละลักกล่าวขอโทษ

    อนาสเตเซียพยักหน้าเงียบ ๆ โดยไม่ต่อความ ยิ่งสร้างความไม่สบายใจให้กับพี่เลี้ยงสาวยิ่งขึ้น

    เจ้าหล่อนก้มหน้าก้มตาตรงไปที่โต๊ะวางถาดอาหารเช้าซึ่งตั้งอยู่ติดผนังห้องด้านตรงข้ามกับประตูเฉลียง แล้วรีบตักอาหารใส่จานของตนด้วยมือไม้สั่นจนน่ากลัวอาหารจะหก

    อีเนียสเดินเข้ามาเติมกาแฟให้อนาสเตเซียพร้อมกับรินให้เธอด้วยแก้วหนึ่ง

    “ของฉันไม่ต้องค่ะคุณพ่อบ้าน ว่าจะดื่มชาดีกว่าเช้านี้” ซอนญ่ากล่าวขึ้น

    อีเนียสชะงักด้วยรู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกับอนาสเตเซีย ทุกเช้าและโดยปกติซอนญ่าจะชอบดื่มกาแฟ โดยเฉพาะวันที่เธออ้างว่านอนไม่พอแบบนี้เธอยิ่งต้องดื่มกาแฟมากขึ้น และไม่เพียงแต่กาแฟธรรมดา ซอนญ่านั้นติดกาแฟดำที่ไม่ใส่ทั้งน้ำตาลและนม

    พ่อบ้านวัยสามสิบหกปีพยักหน้าเงียบ ๆ แล้วเก็บถ้วยกาแฟที่เทไว้แล้วไปโดยไม่พูดว่าอะไร ซอนญ่าวางอาหารของตัวเองบนโต๊ะแล้วก็ลุกไปเทชาใส่แก้ว เติมทั้งนมและน้ำตาล

    “เอาโกโก้อีกแก้วไหมจ๊ะ จูเลี่ยน” ซอนญ่าถามแก้เก้อ

    เธอรู้สึกประหม่ามากกว่าทุกครั้งจากความนิ่งเฉยของนายสาว ที่จริงเธอน่าจะชินแล้วด้วยทำงานและอยู่ร่วมบ้านกับอนาสเตเซียมานานถึงสี่ปีเศษตลอดชั่วอายุของจูเลี่ยน ซึ่งซอนญ่าเข้ามาเริ่มงานตั้งแต่ก่อนที่จูเลี่ยนจะเกิดถึงสองเดือน

    ความเป็นผู้ดีคงจะแทรกซึมถึงทุกอณูกระดูกและสายเลือดของอนาสเตเซีย พี่เลี้ยงสาวชาวรัสเซียไม่เคยเห็นอนาสเตเซียหลุดกิริยา หรือออกอาการใด ๆ ทางสีหน้ามากไปกว่ารอยยิ้มเพียงนิดหนึ่ง หรือการเม้มริมฝีปากหน่อย ซึ่งบอกอารมณ์เพียงนิดเดียวและเฉพาะคนที่ใกล้ชิดเท่านั้นจึงจับสังเกตได้

    “ไม่ครับ ผมอิ่มแล้ว” เด็กชายตอบ “ซอนญ่าตื่นสาย หัวยุ่งจัง”

    ประโยคนี้ของจูเลี่ยนยิ่งทำให้พี่เลี้ยงสาวหน้าแดงและเงอะงะมากขึ้น เธอยกมือขึ้นลูบผมสีทองที่ปกติจะยาวตรงสลวยเป็นธรรมชาติ หากแต่เวลานี้ดูยุ่งเหยิง กะเร้อกะรัง ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบมองอนาสเตเซียอย่างขลาดกลัว หากพบเพียงใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึก ราวกับว่าเธอกำลังมีสมาธิกับการดื่มกาแฟตรงหน้า

    “ยังไม่ได้ทำผมจ้ะ กลัวลงมาไม่ทันอาหารเช้า” เธอกล่าวแก้ “วันนี้มาดามจะพาจูเลี่ยนไปไหนหรือเปล่าคะ”

    อนาสเตเซียนิ่งคิด แม้เธอจะวางเฉยเหมือนไม่ใส่ใจอะไรรอบข้างเป็นพิเศษ แต่ความผิดปกติของซอนญ่านั้นชัดเจนจนแม้แต่เด็กอย่างจูเลี่ยนยังมองเห็น

    ซอนญ่าเลือกตักแต่ขนมปัง ชีส และผลไม้สำหรับมื้อเช้า ซึ่งผิดไปจากปกติที่เธอจะรับประทานทั้งไข่ เบคอน และไส้กรอก รวมทั้งครัวซองต์อย่างครบชุด

    “ตอนบ่ายว่าจะพาไปเที่ยวสักหน่อย” อนาสเตเซียตอบก่อนเอ่ยต่ออย่างอารี “ถ้าเธอไม่สบายเช้านี้จะไปพักก็ได้ บ่ายค่อยไปกัน”

    “ขอบคุณค่ะมาดาม” ซอนญ่าก้มศีรษะขอบคุณ เธอจงใจหลบสายตาอนาสเตเซียด้วยรู้สึกละอายใจ

    “บ่ายนี้มาดามจะให้ดิฉันแต่งตัวจูเลี่ยนยังไงคะ”

    พี่เลี้ยงสาวถามขึ้น

    “เลือกชุดที่เหมาะกับการไปเที่ยวสมบุกสมบันหน่อยแล้วกันจ้ะ ฉันว่าจะพาแกไปเที่ยวไร่มะกอกของครอบครัวคาคาราสที่เกาะนักซอสสักหน่อย”

    “ค่ะ มาดาม” ซอนญ่ารีบรับคำอย่างขึงขัง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×