คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : เพื่อนรัก...♥ : ตอนที่8 ยุนโฮจอมขี้โม้!? 130%
ยุนโฮจอมขี้โม้!?
ตั้งแต่ผ่านเหตุการณ์ในวันนั้นมา ผมกับยุนโฮก็ดูจะสนิทกันพอสมควร เวลาจะไปไหนมาไหนยุนโฮก็มักจะชวนผมอยู่ตลอด
ผมเลยกลายเป็นเพื่อนสนิทของเขาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยล่ะ
“แจจุง นายทำการบ้านเสร็จยัง ฉันขอลอกหน่อยดิ”
“อา ฉันเสร็จแล้วล่ะ นายจะยืมก็ได้นะยูชอน” จุนซูแทรกตัว(เบียด)เข้ามาก่อนจะยื่นสมุดการบ้านให้ยูชอนไป
ไม่ต้องรอให้ผมปฏิเสธเพราะยังไม่ได้ทำเลยจริงๆ
“ขอบใจมากนะจุนซู...ก่อนเลิกเรียนฉันจะคืนให้” ยูชอนยิ้มให้ผมสลับกันจุนซูก่อนจะเดินไปที่โต๊ะของเขา
ยิ้มค้าง...
ที่เมื่อไหร่จะถึงฤกษ์หุบก็ไม่อาจทราบได้
“จะ...จุนซูเดี๋ยวพอเลิกเรียนแล้วฉันขอยืมสมุดนายไปดูที่บ้านด้วยนะ”
“ตามใจเลยเพื่อนรัก ลอกให้เต็มที่” จุนซูหันมายิ้มให้ผมแบบที่ยิ้มให้ยูชอนก่อนจะเดินจากไปที่ไหนสักที
หวังว่าเขาคงไม่เคลิ้มจนเผลอเดินไปตกระเบียงนะ
“หมอนั่นเป็นบ้าอะไรของเขา” อยู่ๆก็มีเสียงทุ้มของใครสักคนดังขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงถอนหายใจของเขา
“จุนซูอาจจะมีความรักอยู่ก็ได้ล่ะมั้ง”
“มีความรัก?”
“อืม ก็แบบที่นายมีให้กับ...” ฮวัง มิยอง เด็กสาวที่เรียนอยู่ห้องคิง เด็กสาวที่สวยราวกับนางฟ้าหรือเทพธิดา
ผมเทียบเธอไม่ติดเลยล่ะ
“ฉันไม่เคยมีความรักให้กับใครทั้งนั้นแหล่ะ” ยุนโฮหันมามองหน้าผมนิ่งก่อนจะนั่งลงข้างผมแทนที่จุนซู
“มีสิ นายมีความรักให้กับคนที่นายรัก ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง หรือแม้แต่...เธอคนนั้นไง...” ยุนโฮหันมามองหน้าผมนิ่งก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ใคร?”
“ฮวัง มิยอง แฟนของนายไง”
“อ๋อ นั่นสิ ฉันอาจจะมีความรักให้กับเธอจริงๆนั่นแหล่ะ...” นายมีให้กับเธอมากเลยล่ะยุนโฮ
เธอคือผู้หญิงที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก
“แต่แบบน้องสาว...” เอ๋ นะ...น้องสาวเหรอ!?!
หูผมคงจะเพี้ยนแล้วล่ะมั้ง
“นะ...น้องสาว หมายความว่ายังไง?” ยังคงหูอื้ออยู่
“ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหล่ะ มิยองเป็นน้องสาวของญาติห่างๆฉัน ฉันเลยรักเธอ...เหมือนน้องสาวแท้ๆ”
“แล้วสรุปนาย...”
“มันไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิดสักหน่อย” ดูเหมือนยุนโฮจะอ่านสายตาและความคิดของผมออกเลยตอบให้หายคล่องใจเสียเลย
แต่ผมยังไม่เก็ทนะ!
“งั้นนายก็ยังไม่มีแฟนน่ะสิ” ฮ่าๆๆ ในที่สุดยุนโฮก็ต้องตกเป็นของผมจนได้
(ได้ข่าวว่าเขายังไม่ได้พูดอะไร)
“ฉันไม่สนใจเรื่องพรรคนั้นหรอก ว่าแต่นายเหอะ เห็นไปไหนกับจุนซูบ่อยๆ คงจะแอบปิ๊งจุนซูเข้าแล้วสิ” ยุนโฮมองผมด้วยสายตาจับผิด
เฮ้ อย่ามาจ้องกันใกล้ๆแบบนี้สิ
ฉันก็ไปไม่เป็นเหมือนกันนะ!
“จะบ้าเหรอ! ฉันกับจุนซูเป็นเพื่อนกัน เพื่อนกันตลอดไป!” ขอให้เลิกคิดเรื่องที่ผมจะแอบปิ๊งจุนซูโดยด็ดขาด!
“ว่าแต่นายเถอะยุนโฮ หล่อๆแบบนี้...คงจะมีสาวติดตรึมแน่เลย” หนึ่งในนั้นคือผม!
(แต่ขอเปลี่ยนจากสาวเป็นหนุ่มน้อยแทนได้ไหม)
“ไอ้ที่ติดตรึมมันก็ใช่อยู่หรอก แต่มันไม่ใช่ผู้หญิงน่ะสิ...” มะ...ไม่ใช่ผู้หญิง?
คงไม่เป็นพวกตุ๊ด ทอม กระเทย ดี้ หรอกนะ
“แต่มันคือผู้ชาย…” ฮะ ผะ...ผู้ชาย!!! ใครมันบังอาจหาญกล้ามาตามจีบ ตามตื้อ ยุนโฮสุดที่รักของผม
ผมจะจับมันไปปล่อยแถวฟาร์มจระเข้!!!
“ผู้ชายเนี่ยนะ!?!”
“อืม เรื่องนี้ฉันยังไม่เคยบอกใครเลย แม้แต่ยูชอนก็ตาม...” โอ้~ผมเป็นคนแรกที่ได้รู้ความลับสุดยอดของยุนโฮเหรอนี่
“อย่างที่นายบอกฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะดูหล่อในสายตานาย แต่คนพวกนั้นกลับไม่ได้มองฉันที่หน้าตาน่ะสิ...” แล้วเขามองนายตรงไหนล่ะ
ริมฝีปาก?
โครงหน้า?
ทรงผม?
ความสูง?
การแต่งกาย?
“ก้น...” พรวดดดดด!!!
ก้นเนี่ยนะ ฮะๆๆ ยุนโฮของผมมีดีที่ก้นหรอกเหรอเนี่ย
ไม่น่าเชื่อ ก๊ากกกกก
“ขำอะไร” ยุนโฮถามเสียงห้วน
อย่าปิดบังความอายด้วยเสียงห้วนเลยน่า
ฉันดูออกนะ ฮ่าๆๆๆ
“ฮะๆๆ นายคงจะมีดีที่ก้นพอๆกับหน้าตานายนะยุนโฮ” ว่าเสร็จผมก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่นห้องอีกครั้ง แต่ผมไม่สนใครหรอก
เพราะคนพวกนี้ก็ต่างเล่นกันไม่สนใจผมอยู่แล้ว
“พูดมากน่าแจจุง หยุดหัวเราะซะ ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นมาต่อยนาย” เปลี่ยนจากต่อยเป็นจูบแทนได้ไหมพ่อยุนโฮก้มงามแสนน่าจับ(?)
“ฮะๆๆ ก็ได้ๆ ฉันเห็นแก่นายนะยุนโฮ เลยยอมหยุด” ผมยิ้มหวานให้ยุนโฮที่กำลังจ้องผมนิ่ง
นี่ขนาดหยุดหัวเราะแล้วยังโกรธผมอยู่อีกเหรอ
“จริงสิยุนโฮ ตอนเลิกเรียนนายกับยูชอนว่างไหม พอดีฉันจะชวนนายสองคนไปช่วยเลือกซื้อของหน่อย” ยุนโฮทำท่าเหมือนจะกำลังคิดอยู่นานก่อนจะตอบตกลง
“สำหรับฉันก็น่าจะว่างนะ แต่ยูชอนนี่น่ะสิ...”
“ยูชอน? ยูชอนทำไมเหรอ?”
“ก็วันนี้เขาต้องควงสาวๆไปเดทน่ะสิ”
“ฮะ!” ผมปิดปากตัวเองทันทีเมื่อรู้ว่ายูชอนกำลังจ้องมาทางผมก่อนจะหันไปสนใจกับการลอกการบ้านต่อ
“เบาๆสิ อยากตายหรือไงฮะ!” ผมส่ายหน้ารัว
ถึงแม้ยุนโฮจะชอบพูดเสียงห้าวๆ แข็งๆ ดูแมนแบบผู้ชาย
แต่ผมก็ชอบที่เขาเป็นแบบนี้นะ
“ยูชอนก็เป็นแบบนี้แหล่ะ เจ้าชู้ตัวพ่อ ล่อสาวไปเดทมั่ง ไปผับมั่ง ไปห้องมั่ง เอาง่ายๆเลยว่า...ฉันดูดีกว่ายูชอนเยอะ” ว่าเสร็จยุนโฮก็ยิ้มอย่างมั่นใจเต็มร้อยให้ผม
ไม่ค่อยจะหลงตัวเองเลยเนอะ
“จะ...จริงเหรอ!?!” ยุนโฮพยักหน้าให้ผม
“อันที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากจะอวดหรือบอกนายหรอกนะ ว่าฉันเพอเฟคกว่าไอ้ยูชอนทุกอย่าง”
เอิ่ม ถ้านี่ไม่ใช่การอวด
มันก็คงเป็นเพียงการโยนขี้ใส่คนอื่นเขาสินะ
หลังจากที่นั่งเม้ามอย นินทา ว่าร้าย ใส่ร้าย ป้ายสียูชอนสารพัดเสร็จ (ซึ่งผมทำได้เพียงแค่เป็นผู้ฟัง แล้วยุนโฮเป็นผู้เล่า) ก็ต้องถึงเวลาเลิกเรียน (วันนี้มีเรียนแค่ครึ่งวัน) เพราะอีกครึ่งวันทางโรงเรียนจะจัดงานต้อนรับผู้อำนวยการโรงเรียนท่านใหม่
“นายจะไปช่วยงานต้อนรับผ.อ.คนใหม่ป่ะ”
“ไม่ล่ะ ฉันอยากกลับบ้านไปนอนเต็มแก่แล้ว” งานแบบนี้สำหรับผมแล้ว
ขอบายอย่างเดียว
“แล้ววันนี้นายจะกลับยังไงล่ะ เอามอเตอร์ไซต์มาเหรอ”
“เอามาอยู่แล้ว ถามแบบนี้คงจะไม่ได้เอามาอีกตามเคยอ่ะดิ” ผมแกล้งแหย่ใส่จุนซู
และผลมันก็ออกมาเป็นตามผมคาดการณ์ไว้เป๊ะ
“ตอนแรกฉันก็กะจะขี่มานะ แต่พอดีมันยังเช้าอยู่ ฉันเลยไม่อยากจะขี่มา...” อาจเป็นเพราะบ้านของจุนซูติดกับทะเลซึ่งจะไม่ค่อยมีหมู่บ้านสร้างมากนัก
เลยทำให้บรรยากาศตอนช่วงหกโมงถึงเจ็ดโมงเช้า
กลายเป็นป่าช้าไปโดยปริยาย
“แล้วสรุปฉันก็ต้องไปส่งนาย?” จุนซูยิ้มแก้เก้อให้ผมพร้อมกับพยักหน้าให้
“แต่วันนี้ฉันไม่ว่างหรอกนะจุนซู...ฉันมีนัดกับยุนโฮ”
“นะ...นัดกับยุนโฮเหรอ? อย่าบอกนะว่า...” จุนซูมองผมด้วยสายตาจับผิด
เขาต้องกำลังคิดไปถึงพวกเรื่องชู้ชาย(?)เป็นแน่
“นายกับยุนโฮ...เป็นแฟนกัน?”
“จะบ้าเหรอจุนซู! ฉันกับยุนโฮเป็นเพื่อนกันต่างหาก ไม่มีทางเป็นไปได้มากกว่านั้นแน่!” ถึงแม้ว่าจะอยากให้เป็นก็ตามเถอะ
“แล้วนายจะไปที่ไหน ทำอะไร แล้วทำไมต้องไปกับยุนโฮ?” จุนซูหรี่ตาลงมากกว่าเดิมพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม
ผมมีอะไรน่าสงสัยกันครับ!?!
“ฉันจะไปเมียงดงกับยุนโฮ ไปซื้อของกัน แล้วฉันก็อยากจะซื้อของให้ยุนโฮเพราะเขาเคยช่วยฉันจากนายจีซอกมาแล้วสองครั้ง เข้าใจแจ่มแจ้งหรือยังจุนซู!” จุนซูพยักหน้าให้ผมเหมือนจะรับรู้อะไรบางอย่างได้ ก่อนจะเอ่ยปากขอบางอย่างที่ทำเอาผมอยากจะแยกเขี้ยวใส่เขาเสียเดี๋ยวนี้
“งั้นให้ฉันไปด้วยนะ” จะบ้าเหรอ
ฉันจะไปสวีทกับยุนโฮสองต่อสองเลยนะ!
“งานนี้ยูชอนไม่ได้ไปหรอก” พูดขนาดนี้
หวังว่าเขาจะละเลิกความพยายามนะ
ดูเหมือนจุนซูจะต้องคิดหนักทันทีเมื่อยูชอนไม่ได้ไปกับผมและยุนโฮด้วย แต่แล้วผมก็แทบต้องลมทับ
เมื่อจุนซูยังไม่ล้มเลิกความพยายาม
“ให้ฉันไปเถอะนะแจจุง นะๆ แจจุงคนน่ารัก” เกือบจะใจอ่อนอยู่แล้วเชียว
ถ้าไม่ติดตรงน่ารักน่ะนะ
“นายต่างหากที่น่ารัก ไม่ใช่ฉัน”
“โถ่ แจจุงคนหล่อก็ได้ นะๆ ให้ฉันไปด้วยนะ” จุนซูส่งสายตาออดอ้อนราวกับลูกแมวตัวอวบๆมาให้ผม
ผมต้องใจอ่อนเพราะสายตาวิงวอนเหมือนเด็กขอขนมของเขาอีกแล้วสิน่า
“ก็ได้ๆ งั้นนายซ้อนฉันไป ส่วนฉันจะให้ยุนโฮขี่ตาม” จากสีหน้าที่กำลังทำหน้าออดอ้อนเป็นลูกแมวอยู่ถึงกับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที
“เย้ๆ แจจุงจะให้ไปแล้ว แจจุงจะให้ฉันไปดูเขากับยุนโฮสวีทกันสองต่อสองแล้ว ฉันต้องเป็นเบาหวานตายแน่ๆเลย ฮ่าๆๆ” จุนซูกระโดดโลดเต้นอยู่กลางหน้าเสาธงอย่างไม่สนใจผู้คนที่หันมามองทางผมกับเขาเป็นสายตาเดียวแม้แต่น้อย
“จุนซู!!!”
…50%
เป็นดังคาด ตอนนี้จุนซูกำลังนั่งร้องเพลงอยู่เบาะหลัง(ของรถของผม)อย่างมีความสุข ผิดกับผมที่ได้แต่ทำปากขมุบขมิบนินทาไปเรื่อยตามประสาคนโดนขัดการเดท
เขาอยากจะซ้อนผมวันไหน ผมไม่เคยว่าเลย
แต่ทำไมต้องมาเป็นวันที่ผมกับยุนโฮจะออกเดทกันด้วย!!!
ยุนโฮขี่เวสป้าประกบผมอยู่นานก่อนจะเร่งเครื่องแซงหน้าไป
ของเขาเวสป้า
แต่ของผมมันก็แค่ฟีโน่รุ่นเก่าที่ออกมาได้หลายปีแล้ว...
“อา ถึงเสียที…” ร่างบางที่ลงมาจากเบาะหลังแล้วบิดขี้เกียจอยู่นานก่อนจะหันมาพูดกับผม
“อันที่จริงฉันไม่รบกวนนายดีกว่าแจจุง นายซื้อของกับยุนโฮไปเถอะ พอดีฉันนัดคุณแม่ไว้ว่าจะไปทานข้าวนอกบ้านด้วยกัน” เอ๋ กะจะไป
ก็ไปกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ
“ฝากบอกยุนโฮด้วยนะว่าฉันไปก่อน...พรุ่งนี้เจอกัน” จุนซูยื่นหมวกกันน็อกคืนให้ผมพร้อมกับโบกมือลา
“อืม โชคดีนะ” จุนซูยิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับเดินจากไป
เขามาเพื่อจะมานั่งกวนประสาทผมแค่นั้นเองเหรอ
แปลกคนจริงๆ
“จุนซูไปไหนแล้วล่ะ” ยุนโฮมองไปตามทางที่จุนซูเดินออกไป
“พอดีจุนซูขอตัวกลับก่อน เพราะมีนัดทานข้าวกับแม่เขาน่ะ”
“คงจะเดินไปรอรถเมล์...” ยุนโฮพูดเพียงแค่นั้น ก่อนจะหันมาถามถึงธุระของผม
“นายมีธุระอะไรก็รีบไปทำซะ เดี๋ยวฉันจะยืนรออยู่ตรงนี้”
“อ้าว ไม่ไปด้วยกันเหรอ”
“ไม่ล่ะ ฉันห่วงรถหาย” ห่วงรถหาย?
แล้วทำไมเขาถึงมายืนพิงเจ้าฟีโน่ของผมอยู่ล่ะ?
หรือว่า...
“ยุนโฮ...”
“รีบๆไปสิ ถ้าฉันรอนายนานๆ ฉันอาจจะอารมณ์เสียเตะเจ้านี่ล้มลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นก็ได้นะ” ยุนโฮพูดหน้านิ่ง
ผมล่ะกลั้วกลัวเขาจะเตะเจ้าฟีโน่ของผมเสียจริงๆเลย
คนขี้เก็ก!
...
หลังจากที่แวะไปทำธุระส่วนตัวเสร็จผมก็รีบออกมาหายุนโฮทันที ไม่ใช่กลัวว่าเจ้าฟีโน่ของผมจะโดนเตะล้มจนไปนอนแอ้งแม้งตามคำขู่ของยุนโฮนะครับ
แต่เพราะผมไม่อยากให้เขารอนานต่างหากล่ะ
“ทำไมไปนานจังล่ะ เมื่อกี้ฉันเกือบจะขายเจ้านี่ให้กับคนรับซื้อของเก่าแล้วนะ” ยุนโฮขู่คนหน้านิ่ง (อีกเช่นเคย)
“นายจะเอารถของฉันขายให้คนรับซื้อของเก่างั้นเหรอ!?!” ผมล่ะเกลียดคำขู่แบบหน้านิ่งของเขาเสียจริงๆ
“แต่พอฉันมาคิดดูดีๆแล้ว ฉันคิดว่าถ้าฉันขายเจ้านี่ให้ไป ก็แค่นั้น...” แต่สุดท้ายนายก็ไม่ยอมขายใช่ไหมล่ะ
ยุนโฮน่ารักที่สุดเลย
“แต่ฉันจะยกเขาให้ฟรีเลยต่างหาก” ขอเปลี่ยนคำชมเมื่อกี้โดยด่วน
“นายนี่!” ผมตีเข้าให้ที่แขนของเขาด้วยความหมั่นไส้
ที่เขาแกล้งว่าผมแบบนี้
อาจจะเป็นเพราะเขาเหนื่อยที่จะทำหน้านิ่งหน้าเดียวก็เป็นได้
“ฉันถามนายจริงๆเถอะยุนโฮ ทำไมนายถึงชอบทำหน้าตายแบบนั้นจังล่ะ เปลี่ยนหน้าหรืออีโมชั่นบ้างไม่ได้หรือไงกัน” ยุนโฮหันมามองผมก่อนจะทำหน้านิ่งที่คาดว่านิ่งกว่าเดิมให้ผมดู
เกลียดจริงๆไอ้พวกชอบทำหน้านิ่งแล้วคิดว่าดูดีเนี่ย!
“เพราะฉันแสดงความรู้สึกออกไม่เก่งน่ะ…” แสดงความรู้ไม่เก่ง?
แต่การทำหน้านิ่งของเขา มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรนี่
กลับทำให้สาวๆหลงด้วยซ้ำไป
“ฉันว่าเราไปนั่งเล่นตรงนั้นกันเถอะ” ยุนโฮบอกผมก่อนจะเดินจากไป
แล้วผมก็คงจะต้องเดินตามเขาไปด้วยแน่ๆ
...70%
ผมคาดเดาไว้ไม่มีผิด ยุนโฮเขาต้องการให้ผมเดินมาเป็นเพื่อนจริงๆด้วย
ยุนโฮกำลัง Want ผม!
“ยุนโฮ นาย...”
“แจจุง...นายกินของพวกนั้นด้วยเหรอ” ยุนโฮมองมาที่ตรงกระป๋องเบียร์ที่ผมพึ่งจะแวะซื้อมาก่อนที่จะมาหาเขา
“ฉันคิดว่านายต้องการมันนะ” ผมยื่นกระป๋องเบียร์ให้เขา
“แต่ว่า...”
“กระป๋องเดียวเอง ไม่เมาหรอกน่า” ยุนโฮมองเจ้ากระป๋องเบียร์อย่างพินิจพิจารณาอยู่นานก่อนจะยกขึ้นดื่ม
“อา~”
“ฉันเดาไม่มีผิด ว่านายต้องชอบมัน”
...
20.10น.
หลังจากที่นั่งดื่มเบียร์กันจนหมดกระป๋องแล้ว ผมก็ได้รับรู้ความจริงอย่างหนึ่งของยุนโฮว่า...
ตอนนี้เขากำลังเมามากพอสมควรแล้ว...
แต่แปลก...
ที่ผมกลับชอบเขาในตอนนี้เป็นที่สุด
“แจจุงอา~ ดูนั่นสิ พระจันทร์...”
“อืม พระจันทร์สวยดีเนอะ”
“นานแค่ไหนแล้วนะ...ที่ฉันไม่เคยมานั่งดูพระจันทร์แบบนี้เลย”
“นายคงจะคิดถึงพระจันทร์มาก” ยุนโฮพยักหน้าให้ผม
“ตอนเด็กๆฉันมักจะเปิดหน้าต่างแล้วนั่งมองพระจันทร์อยู่ตลอด พระจันทร์ที่เคยส่องแสงสีทอง จนเวลาผ่านมาได้หลายสิบปี มันก็ยังคงส่องแสงแบบนี้อยู่ตลอด...” ถึงแม้ผมจะไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงอะไรอยู่
แต่ผมก็รับรู้ได้จากดวงตาของเขาว่า
เขากำลังเศร้า...
“นี่มันก็ดึกแล้ว นายไม่กลับบ้านเหรอยุนโฮ พ่อกับแม่ของนาย ท่านอาจจะกำลังเป็นห่วงนายอยู่ก็ได้นะ” ถึงผมจะอยากอยู่กับยุนโฮมากแค่ไหน
แต่นี่มันก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องล่ำลาเขาแล้ว
“พ่อกับแม่เหรอ ไม่หรอก...”
“พวกเขาไม่เคยสนใจฉันเลย...”
“…”
“พวกเขาเอาแต่ทำงาน...พวกเขาไม่เคยมีเวลาให้ฉัน!” ยุนโฮสบถลั่นก่อนจะปากระป๋องเบียร์เข้าใต้ต้นไม้ไป
ผมไม่โกรธเขาหรอกนะครับ ที่เขาทำตัวแบบนี้
ดีเสียอีก
ผมจะได้ช่วยให้กำลังใจเขาได้บ้าง
“ถึงพวกท่านจะไม่สนใจนาย แต่นายอย่าลืมสิ ว่านายมีฉัน มียูชอน มีจุนซู มีสาวๆอีกหลายคนที่ยังต้องการความรักจากนายนะยุนโฮ” รวมทั้งผมด้วย
ที่ตกเป็นหนึ่งในนั้น...
“แจจุง...” ยุนโฮมองหน้าผมนิ่งก่อนจะเอนหัวหนักๆมาวางบนไหล่ของผม ทำเอาผมสะดุ้งไม่น้อย
ก็ตั้งแต่เกิดมา
ผมยังไม่เคยให้ใครเอาหัวหนักๆมาวางบนไหล่ผมเลยนี่น่า
มีแต่เขา ชอง ยุนโฮ…
นายมันโชคดีจริงๆ
“ขอบใจนายมากนะ ที่เป็นห่วงฉัน” ก็ฉันรักนายนี่
ฉันก็ต้องเป็นห่วงนายเป็นธรรมดา
“อืม ไม่เป็นไรหรอก เราสองคนเป็นเพื่อนกันแล้วนะ อย่าลืมสิ” ถึงแม้ผมจะรักเขาถึงสักเพียงไหน
แต่ในที่สุดแล้ว
สถานะของเราทั้งสองคน
ก็หยุดลงเพียงคำว่า เพื่อน
เท่านั้น...
“ยังไงฉันก็ต้องขอโทษนาย ที่ทำตัวน่ารำคาญใส่นายมาตลอด แต่ที่ฉันทำไป เพราะฉันแสดงความรู้สึกออกมาไม่เก่ง...” ยุนโฮพูดด้วยความน้อยใจตนเอง
“อย่าโทษตัวเองเลยยุนโฮ ฉันชอบที่นายเป็นแบบนี้นะ” ยุนโฮหันมามองหน้าผมด้วยสายตางุนงงกับคำพูดที่แสนกำกวมของผม
มันแปลกตรงไหนที่ฉันชอบนาย
ในแบบที่นายเป็นล่ะ
จริงไหม?
“จริงเหรอ...” ผมพยักหน้าให้คนที่เมาไม่ได้สติที่กำลังจ้องหน้าผมตาแป๋วอยู่
“ทำไมนายถึงชอบ...ที่ฉันเป็นแบบนั้นล่ะ”
“อืม อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นลุคที่เหมาะกับนายที่สุดแล้วล่ะมั้ง อย่าพยายามเปลี่ยนตัวเองเลยนะยุนโฮ” เพราะแค่นี้ฉันก็หลงรักนายจนโงหัวแทบไม่ขึ้นแล้ว
“แจจุง...” ยุนโฮมองหน้าผมนิ่งไม่นานนักดวงตาคมก็เผลอหลับลงไปด้วยความเพลีย
“อ้าว! ยุนโฮ!!!”
…
130%
“อือ...” ผมลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับตบหัวตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติกลับคืนมา หลังจากที่เผลอหลับไปตอนที่นั่งดูพระจันทร์กับแจจุงอยู่ แต่ทว่าตอนนี้…
ผมกลับอยู่ที่ไหนสักทีหนึ่งที่ไม่ใช่ที่ตลาด
แถมดูเหมือนว่าจะเป็นบ้านคนเสียด้วยสิ
“แจจุง...” ผมกวาดสายตาไปทั่วห้องเพื่อจะมองหาบุคคลที่น่าจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุด แต่สิ่งที่พบนั้นมีแต่เพียงความว่างเปล่า…
ที่นี่คงจะเป็นบ้านของแจจุง
และนี่ก็คงจะเป็นห้องของเขา…
หลังจากที่รับรู้ได้ดังนั้นผมก็เด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงโดยเร็ว แต่กลับมีเสียงหวานเจื้อยแจ้วดังเข้ามาขัดเสียก่อน
“อ้าว! ตื่นแล้วเหรอยุนโฮ”
“อืม หลับอยู่” ผมตอบกวนประสาทให้เขา แต่แทนที่เขาจะตวาดหรือว่าใส่ผม
เขากลับยังคงยืนยิ้มอยู่
“งั้นนี่ก็คงจะเป็นวิญญาณของยุนโฮที่นอนอยู่ตรงนี้สินะ”
“นาย…”
“ช่างเถอะ ลงไปกินข้าวก่อนสิ ฉันพึ่งทำเสร็จเมื่อกี้นี้เอง”
“ฉันอยากกลับบ้าน” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“กินข้าวก่อนสิ แล้วเดี๋ยวค่อยกลับก็ได้” แจจุงยังคงยิ้มหวานให้ผมอยู่ ผมถอนหายใจออกมาพร้อมกับมองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“แจจุง...” ถ้าผมเผลอจับเขายัดลงถังขยะโดยไม่รู้ตัว
นั่นก็แปลว่าผมรำคาญเขาจนความอดทนทั้งหมดได้สิ้นสุดลงเท่านั้นแล้วล่ะนะ...
“นะยุนโฮ กินแปบเดียวเอง ไม่นานหรอก” อา~ ผมล่ะอดที่จะถอนหายใจอีกครั้งเสียไม่ได้
น่ารำคาญจริงๆผู้ชายคนนี้!
ให้ตายเหอะ...
...
“อร่อยไหมยุนโฮ”
“อืม”
“วันนี้เป็นวันเสาร์...นายคงจะไม่ต้องรีบกลับบ้านหรอกใช่มั้ย”
“ฉันยังไงก็ได้อยู่แล้ว” ผมตอบไปอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร ที่บ้านตอนนี้ก็คงจะมีแต่คุณปู่ที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กกับแม่บ้านอีกสองสามคนเหมือนเดิม
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด...
“ดีเลย ฉันซื้อเบียร์มาตั้งหลายขวด มานั่งกินด้วยกันก่อนนะ” แจจุงส่งสายตาออดอ้อนผมราวกับลูกแมวตัวน้อยๆก่อนจะส่งยิ้มให้
นึกเหรอว่าผมจะยอมเสียท่าให้เขาอีกเป็นครั้งที่สอง
ฝันไปก่อนเถอะแจจุง
“ไม่” เรียบนิ่ง เฉียบขาด มั่นใจ
เพียงแค่นี้...
ก็ไม่มีใครกล้าต่อว่าหรือต่อปากต่อคำกับผมแน่นอน
เป็นอย่างที่ผมคิด แจจุงสะอึกไปเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นมากระชากแขนผมรัว
“นะยุนโฮ ยุนโฮสุดหล่อ ยุนโฮน่ารัก ยุนโฮสุดหล่อ นะๆ” นายนึกว่าทำหน้าแบ๊วๆแบบนั้นแล้ว...
ฉันจะสนใจหรือไงกัน
“ฉันไม่อยากกิน” ผมยัดข้าวคำสุดท้ายเข้าไปก่อนจะตามด้วยน้ำ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ขอบใจมากสำหรับมื้อเช้า”
“ยุนโฮ...”
“พอดีฉันมีธุระต้องไปทำนิดหน่อย ยังไงก็ต้องขอบใจนายมากสำหรับเรื่องเมื่อคืน แล้วก็...ทุกเรื่อง” ผมขอบคุณเขาอีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับให้ แต่เสียงหวานกลับตวาดผมขึ้นอีกครั้ง
“นายจะไปจริงๆเหรอยุนโฮ! คนบ้า!” เสียงหวานตวาดผมแบบดื้อๆ แต่แปลก...
ที่ผมกลับรู้สึกได้ถึงว่า มีอะไรสักอย่างถูกปามากระทบหลังผม ผมหันกลับไปมองแจจุงนิ่งก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาช้าๆ
“ยะ...ยุนโฮ นายจะทำอะไรน่ะ!?!” แจจุงพูดเสียงสั่นก่อนจะหยิบรีโมททีวีปาใส่ผม ตามด้วยแจกันดอกไม้แบบพลาสติก ตามด้วยช้อน ซ้อม บลาๆ
“ฉันเจ็บนะ!!!” ผมตะโกนใส่แจจุง ทำเอาร่างบางที่กำลังสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ถึงกับหลุดขำออกมาจนไปนั่งอยู่ข้างล่างเป็นที่เรียบร้อยเสียแล้ว
“นายเจ็บทั้งที่ยังทำหน้านิ่งเนี่ยนะ สุดยอดเลย” ว่าเสร็จแจจุงก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง
ทำไม?
ไม่เคยเห็นคนเจ็บหน้านิ่งหรือไงกัน…
“แล้วไง มันผิดหลักธรรมชาติหรือไง”
“มากๆเลยล่ะยุนโฮ ฮะๆๆ” เขาหันมาตอบผม ก่อนจะก้มลงไปนั่งขำต่อ
ขำเข้าไป
ขำให้ช็อกตายกลางบ้านไปเลย
“อา~ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ ถ้าคนเราเกิดทำอะไรที่มันเจ็บ มันก็ควรจะมีสีหน้าแบบนี้...” ว่าเสร็จแจจุงก็แกล้งสำออยทำท่าเหมือนคนใกล้จะตายมากกว่าคนเจ็บให้ผมดู
“ทีนี้เข้าใจหรือยังล่ะ”
“แล้วทำไมฉันจะต้องทำแบบนายด้วย”
“อ้าว เผื่อวันหนึ่งนายต้องไปจีบสาวอะไรเทือกนี้ไง นายจะได้ทำหน้านิ่งๆแบบนี้แล้วขอเธอแต่งงานหรือไงกัน”
“ทำไมฉันจะต้องขอเธอแต่งงานด้วยล่ะ ใช้ชีวิตแบบปกติมันก็ดีแล้วนี่”
การแต่งงานสำหรับผม...
มันก็เหมือนงานงานหนึ่งที่มีพวกแขกที่ได้รับเชิญและอยากเสนอหน้ามาอวยพรต่างๆนาๆ พอเสร็จพิธีพวกเหล่าเจ้าสาวก็ต้องเสร็จพวกเจ้าบ่าวแต่โดยดี
มันคือสัจจะธรรมของคำว่า
การแต่งงานโดยแท้จริงเลยล่ะ…
“ก็เพราะว่าผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะใฝ่ฝันว่าอยากจะแต่งงานกับผู้ชายที่ตนรักยังไงล่ะ…”
“…”
“พวกผู้ชายอย่างเราเห็นว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ แต่สำหรับผู้หญิง มันก็เหมือนเป็นความสุขอย่างหนึ่ง...ความสุขที่ได้เห็นตนเองเป็นฝั่งเป็นฝากับคนที่ตนรัก...”
“นายพูดเหมือนกับนายอยากจะแต่งงานอย่างงั้นแหล่ะ”
“ฮะ! ฉันน่ะเหรออยากแต่งงาน!?!”
“ก็ฉันเห็นนายสาธยายมาตั้งเยอะ...ฉันก็นึกว่านายอยากจะแต่งงาน”
“ฉะ...ฉันเปล่าสักหน่อย ฉันก็แค่พูดให้นายเข้าใจแค่นั้นเอง” ดูยังไงก็รู้ว่าเขาน่ะ
แก้ตัวไม่ขึ้นหรอก
“งั้นเหรอ ฉันว่านายควรจะไปถามตัวเองก่อนนะว่าถ้านายแต่งงานไป จะเป็นเจ้าบ่าว...หรือเจ้าสาวดี” ผมยักคิ้วข้างเดียวให้แจจุงก่อนจะหันหลังเดินกลับ
“ฉะ...ฉัน ฉันก็ต้องเป็นเจ้าบ่าวสิ! ฉันเป็นผู้ชายนะ!!!” สิ้นเสียงเขาผมก็รู้สึกได้ถึงของหนักๆมากระทบหลังผมอีกครั้ง แต่เรื่องอะไรผมจะสนใจ
ปล่อยให้เขาโวยวายจนกลายเป็นบ้าเสียยังจะสะใจดีกว่าอีก
ความคิดเห็น