ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (EXO) ' ค ลั ง ฟิ ค แ ป ล เ ด็ ก ด า ว '

    ลำดับตอนที่ #9 : (LUMIN) Every Day Lattes [II/II] ;

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 57


    Every Day Lattes 
    Original story: http://sonyeoncheonji.livejournal.com/658360.html
    Written by: Drainbamage954
    Pairing: Lumin





    PART II.




    หลังจากวันนั้น เพื่อนๆเขาก็มาเยี่ยมเขาที่ร้านเป็นครั้งเป็นคราว แต่ก็ไม่พร้อมกันทั้งหมดเพราะรู้ว่ามันมากกว่าที่มินซอกจะทนได้ มีอยู่ครั้งนึงขณะที่จงอินและชานยอลกำลังทะเลาะกันเสียงดังเรื่องที่ว่าใครเซ็กซี่กว่ากัน จู่ๆเขาก็ลุกออกจากโต๊ะและหายไปนั่งในห้องน้ำกว่ายี่สิบนาที





    แต่น่าแปลกใจที่คนที่มาเยี่ยมเขาบ่อยสุดคือจงแดกับชานยอล ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สนิทกันเท่าไหร่..พวกเขาสนิทกันมากเลยต่างหาก แต่ว่าจงแดแทบจะแต่งงานกับห้องซ้อมดนตรีได้อยู่แล้ว และชานยอลมักไม่ค่อยชอบไปที่ที่เขาไม่สามารถทำเสียงดังได้โดยไม่มีใครมองอย่างตำหนิ แต่แล้วสองคนนี้มาที่ร้านบ่อยกว่าจงอินกับแบคฮยอนเสียอีก..





    สิ่งที่แตกต่างออกไปจากเมื่อก่อน นอกจากที่เขาจะมีสมาชิกบนโต๊ะเพิ่มเป็นบางครั้ง คือตอนนี้มินซอกชอบมองลาเต้ของเขาก่อนที่จะดื่มมัน..





    ลายบนโฟมแตกต่างออกไปทุกวัน…





    แต่ละวันของเขา ลายบนกาแฟเขาจะไม่ซ้ำกัน จากลายวิวธรรมชาติยันรูปหน้าของคนดัง มันละเอียดและสวยงามมากจนดูออกว่าคนทำนั้นตั้งใจทำเป็นอย่างมาก เมื่ออากาศเย็นลงเพราะมีการเปลี่ยนฤดู ลายบนโฟมก็เปลี่ยนเป็นรูปของฤดูใบไม้ร่วงและค่อยๆเปลี่ยนเป็นฤดูหนาวในที่สุด ในช่วงหิมะแรกของฤดู มินซอกเข้ามาที่ร้านในสเวตเตอร์ตัวทั้งใหญ่และหนา ผ้าพันคอพันจนแทบจะปิดหน้า ลู่หานยิ้มกว้างให้เขาก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มบทสนทนากันเกี่ยวกับสเวตเตอร์ไหมพรม ลาเต้ของเขาวันนี้มีลายเตาผิงที่ดูอบอุ่นและมีแมวนอนขดอยู่ไกล้ๆ





    มินซอกยิ้มและจ้องลาเต้เขาอยู่นานเพราะไม่กล้าที่จะดื่มเข้าไปจนลู่หานเดินมาหาเขาด้วยสีหน้ากังวล





    “มีอะไรผิดปกติเหรอ?”





    มินซอกส่ายหัว





    “เปล่าหรอก ไม่มีเลย” เขายิ้มให้เมื่อเห็นอีกฝ่ายหย่อนตัวลงนั่งกับเก้าอี้ตรงข้ามเขา





    “คุณไม่ยอมดื่มลาเต้สักที” ลู่หานพูดอย่างกังวลเมื่ออีกฝ่ายกระสับกระส่าย “มีอะไรรึเปล่า?”





    “อ้อ เปล่าหรอก ก็แค่..” มินซอกเงียบไปและกัดปากตัวเองเบาๆ หน้าเขาขึ้นสีจางๆ เขาเริ่มรู้ว่าความรู้สึกโหวงๆในท้องเขาหมายความว่าอะไร..ความรู้สึกหน่วงๆข้างในอกของเขาเป็นเพราะอะไร..และเขาก็รู้สึกแปลกๆกับมันมาก มินซอกหัวเราะอย่างประหม่า “มันสวยเกินกว่าที่ฉันจะกินลงน่ะ”





    ลู่หานจ้องหน้าเขาตาไม่กระพริบต่ออีกสักครู่ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย..แก้มเหมือนจะขึ้นสีจางๆเช่นกัน เขาหลุดหัวเราะออกมาและนั่นทำให้มินซอกต้องพยายามไล่ความรู้สึกที่มันแทบเอ่อล้นออกมาจากอกออกไป และก่อนที่มินซอกจะไหวตัวหลบทัน ลู่หานได้เอานิ้วจิ้มควักฟองนมในแก้วลาเต้ของเขาและป้ายจมูกเขา..ปากยังคงหัวเราะคนตัวเล็กกว่าตลอด





    มินซอกหยุดนิ่งไปอย่างงงๆก่อนที่จะหัวเราะตามอีกฝ่ายไปด้วย…





    ...ก็เขาจะไปทำอะไรอย่างอื่นได้ล่ะ ในเมื่อคนที่เขาแอบชอบทำตัวน่ารักโดยการเอาโฟมมาป้ายจมูกเขาแบบนี้…





    ***



     

    จงแดเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นมัน





    “ทำไมมึงไม่ไปคุยกับเขาวะ?” เขาถามขึ้นมาวันหนึ่งในขณะที่ลมหนาวพัดไหวข้างนอกร้าน เขาหันไปมองที่เคาน์เตอร์ตรงที่ลู่หานกับเทากำลังเถียงกันอย่างสนุกเรื่องที่ว่าใครจะต้องเป็นคนเช็ดช้อนให้แห้ง





    มินซอกวางปากกาลงและเลิกสนใจโน๊ตในมีที่เขานั่งจดเกี่ยวกับศิลปวัตถุที่ถูกพบในประเทศนอร์เวย์ เขามองมาที่จงแดอย่างรำคาญ





    “กูก็คุยกับเขาอยู่” จงแดมองเขาอย่างเคลือบแคลงใจ มินซอกถอนหายใจอย่างยอมแพ้ “เออ ก็กูแทบจะไม่รู้จักเขาเลยอ่ะ แถมกูไม่อยากจะขายหน้าตัวเองด้วย กูชอบที่นี่ และกูไม่อยากจะจำใจไม่มาที่นี่อีกเพราะกูทำให้เขาอึดอัด แล้วอีกอย่าง กูไม่มีแววว่าจะสมหวังเลยว่ะ”





    จงแดจ้องเพื่อนเขาอย่างไม่เชื่อ “มึงแน่ใจเหรอวะ”





    “แล้วมึงอ่ะ?” มินซอกเบ้หน้า “แล้วทำไมมึงไม่ไปบอกเทาล่ะ”





    แก้มของจงแดเปลี่ยนสีเป็นสีแดงเข้มก่อนที่เขาจะพลักหัวเพื่อนเขา “เงียบน่า”





    มินซอกยักไหล่ จงแดกรอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด





    “มึงคิดดูดิ เขานั่งแต่งลายบนลาเต้มึงนะเว้ยมินซอก กูว่าเขาคงไม่แค่ทำเล่นๆหรอก”





    มินซอกขึงตาใส่เพื่อนเขาก่อนที่ทั้งสองจะเงียบไปและหันไปมองงานตัวเองพลางนึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายพูด





    ***





    วันต่อมาขณะที่มินซอกกำลังคุยกับลู่หาน อีกฝ่ายยื่นแก้วลาเต้ที่เพิ่งทำเสร็จให้กับมินซอก เขารับมาแต่แล้วก็ขมวดคิ้วให้กับแก้วในมือ





    “มีอะไรผิดปกติเหรอ?” ลู่หานถามอย่างกังวล





    “ทำไมนายถึงแต่งลายซะสวยบนนี้?” มินซอกมองภาพของแม่น้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งกับสะพานที่เชื่อมระหว่างผืนดินสองฝั่งบนฟองนมของเขา





    “ผมเป็นบาริสต้านะ” ลู่หานตอบอย่างขำๆเมื่ออีกฝ่ายถามเขาแปลกๆ “นี่เป็นสิ่งที่พวกเราทำ การแต่งลายสวยๆบนฟองนมน่ะ”





    “แต่นายก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนหนิ” มินซอกเอ่ย สายตาเขาไปสบกับของอีกฝ่าย เขาต้องคอยเตือนตัวเองไม่ให้ลืมหายใจ





    ลู่หานเงียบไปก่อนที่จะยิ้มกว้าง





    โคตรหล่อเลยว่ะ…





    “เวลาเราสนใจอะไรสักอย่าง มันก็แสดงออกมาแบบนั้นแหละ” เขาพูด มินซอกไม่แน่ใจว่าเขาหมายความว่ายังไง สองชั่วโมงต่อมา เขามองที่ก้นแก้วตัวเองและยังคงไม่เข้าใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจนทำให้เขารู้สึกแย่นิดหน่อย





    ***





    ไม่กี่อาทิตย์ก่อนวันคริสมาสต์ วันนี้ลู่หานไม่อยู่ที่ร้าน จู่ๆคริสก็เดินมานั่งตรงเก้าอี้ตรงข้ามเขาด้วยท่าทีเชิดๆตามฟอร์ม





    “อะไร?” มินซอกถามหลังจากที่เงยหน้ามาจากหนังสือเกี่ยวกับวัดฮินดู





    “นายชอบลู่หาน” คริสพูดพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย





    “อ่าฮะ” มินซอกพูด “ส่วนนายก็ชอบชานยอล”





    คริสหุบยิ้มทันที “แล้วไง?”





    “ก็ไม่แล้วไง” เป็นคราวของมินซอกบ้างที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ถ้านายจะมาบอกให้ฉันทำอะไรสักอย่างกับความรู้สึกฉัน ฉันก็จะบอกเหมือนกันกับนาย”





    “แบคฮยอนต้องถลกหนังฉันทั้งเป็นแน่ๆ” คริสยังคงทำหน้าบึ้ง





    “ก็คงงั้น มันชอบบอกทุกคนว่ามันเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของชานยอล

    แถมมันยังทำตัวอย่างกับโดเบอร์แมนหวงเจ้าของ” มินซอกยกมุมปากขึ้น “ขอให้โชคดีนะ”





    “บอกลู่หานดิ ว่านายชอบมัน” คริสพูดแทบจะเหมือนสั่ง เขากอดอกพลางมองมาที่มินซอก





    “บอกชานยอลดิ” มินซอกย้อน เขาละสายตาจากคนตรงหน้ากลับไปที่หนังสือ “เราคงเถียงกันไม่มีวันจบแน่”





    “ทำไมนายถึงดื้อจังวะ?” คริสถามขึ้นมาในที่สุด “อย่าบอกนะว่านายคิดว่ามันไม่ชอบนายน่ะ”





    มินซอกไม่ตอบ เขาเพียงมองที่โน๊ตของเขาและหลบตาคริสที่จ้องเขม็ง เขาเลยไม่เห็นว่าคริสกำลังกรอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด





    ***





    ในที่สุดอาทิตย์สุดท้ายของเทอมก็มาถึง ขณะที่มินซอกพยายามกำจัดความเหนื่อยล้าของเขาด้วยกินกาแฟและเค้กซินนาม่อน ลู่หานเดินมาหาเขาและยิ้มอย่างเห็นใจก่อนที่จะวางจานคุกกี้บนโต๊ะ มินซอกมองขึ้นมาและได้แต่กระพริบตางงๆ





    ลู่หานยกไหล่และส่งยิ้มอบอุ่นให้เขาเหมือนทุกครั้ง





    “คุณดูเหมือนต้องการมันมาก” เขาพูด





    “แต่ที่นี่ไม่ได้ขายคุกกี้หนิ?” มินซอกมองคุกกี้ตรงหน้าสลับกับลู่หานอย่างงงๆ





    ลู่หานยืนกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุขอยู่พักหนึ่ง





    “ใช่ เราไม่ได้ขาย” เขาตอบ “ความจริงแล้วผมทำเองแหละ ผมเอามาแบ่งคนที่นี่และคิดว่าคุณน่าจะชอบ เผื่อมันจะช่วยทำให้ความเหนื่อยล้าหายไปบ้าง” เขาดูตื่นเต้นและประหม่าเมื่อมินซอกหยิบคุกกี้ขึ้นมากัด มินซอกแทบจะกระโดดไปกอดผู้ชายตรงหน้า เขารู้สึกขอบคุณและดีใจมากๆ ไม่ใช่แค่เพราะคุกกี้แสนอร่อย แต่เพราะรอยยิ้มอบอุ่นที่อีกฝ่ายให้เขา





    แต่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น มินซอกเพียงแค่ยิ้มให้กว้างสุดเท่าที่จะทำได้





    “มันอร่อยมาก” เขาบอกจากใจจริง และนั่นทำให้ลู่หานยิ้มออกมาอย่างพอใจ





    “แล้ว..คุณมีแผนจะไปไหนในช่วงวันหยุดที่กำลังจะมาถึงล่ะ?” ลู่หานถามเขาตอนที่เขาเดินกลับมาเก็บแก้วและจานเปล่าบนโต๊ะของมินซอก “ไปเยี่ยมครอบครัว? หรือไปเที่ยวกับแฟน..” เสียงเขาเบาลงจนเงียบไป





    มินซอกหน้านิ่งไปราวกับว่าโดนตบเข้าที่หน้า เขารู้สึกได้ว่าคอเขาเป็นสีแดงและมันกำลังลามมาถึงแก้มเขา





    “ฉะ..ฉันยังไม่มีแฟน” เขาพูดออกไปอย่างเก้ๆกังๆ





    ลู่หานกระพริบตาปริบๆ





    “อ้อ” เขาพูดออกมาในที่สุด​ “อย่างงั้นเหรอ?”





    มินซอกส่ายหน้าพัลวัน





    “ก็ไม่มีน่ะสิ” เขาเงียบก่อนที่จะพูดต่อ “ทำไมนายถึงคิดงั้นล่ะ”





    หน้าของลู่หานขึ้นสีเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมา





    “ไม่รู้สิ ก็..เอิ่ม..คุณน่ารักซะขนาดนี้” และเขาก็ยิ้มให้กับมินซอกจนเขาทำอะไรไม่ถูก เขาเลยได้แต่กลืนน้ำลายอย่างประหม่าและพยายามกดความหวังที่เขากำลังมีให้มันลงไป





    ***





    วันต่อมา ชานยอลโผล่มาที่ร้านกาแฟกขณะที่มินซอกกำลังพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองหลับคาเกาอี้ในร้าน ซึ่งเป็นเรื่องดี เพราะชานยอลช่วยให้เขาไม่หลับด้วยการพูดไม่หยุด ไม่นานคริสก็เดินมาที่โต๊ะเพื่อเสิร์ฟ ‘ชาฟรีกรณีพิเศษ’ ให้กับชานยอล คนรับยิ้มเก้อเขินก่อนที่จะขอบคุณเจ้าของร้าน และจู่ๆคริสก็เอนตัวไปข้างหน้าหาชานยอลและบอกว่าเขาต้องการออกเดทกับเขา





    สิ่งที่ทำให้มินซอกตกใจมากกว่านั้น คือชานยอลที่ตอบตกลงในทันที วันนั้นคริสเดินเชิดไปมาใส่มินซอกอย่างเป็นผู้ชนะ ส่วนชานยอลก็นั่งยิ้มแปลกๆให้กับพายที่เขาสั่งมา





    มินซอกขอตัวไปห้องน้ำหลังจากที่ทนมาเป็นชั่วโมงเพื่อมาหาที่พักหายใจให้คล่องปอด เขาสะดุ้งก่อนจะเงยขึ้นมาเมื่อมีคนมาสะกิดเขา ลู่หานยิ้มให้เขาอย่างเข้าใจดี





    “คุณก็ต้องทนดูเหมือนกันใช่มั้ย?” ลู่หานกระซิบถามเพราะกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน





    “นายหมายถึงพวกโง่สองตัวนั้นน่ะเหรอ?” มินซอกพูดพลางพยักพเยิดไปทางหน้าร้านและแอบเห็นชานยอลนั่งยิ้มโง่ๆให้กับรูปหอยที่แขวนอยู่บนพนัง





    “ฮะๆ ก็ประมานนั้น” ลู่หานขำเบาๆพลางหันไปมองตามก่อนที่จะหันกลับมามองมินซอก “จริงๆแล้วกว่าเขาจะกล้าไปขอก็ใช้เวลาอยู่นานเหมือนกันนะ แถมยังอุตส่าห์ไปหาแบคฮยอนเพื่อขออนุญาตอีกด้วย”





    มิกซอกจ้องลู่หานตาโต





    “ห๊ะ ถึงกับไปขออนุญาตเชียว?” เขาถามอย่างตกใจ





    ลู่หานหัวเราะตาหยี “ผมรู้ ผมก็แทบจะไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินมาเหมือนกัน แต่เห็นเขาว่าแบคฮยอนจะเปิดไฟเขียวอย่างเต็มที่เลยนะ ดูเหมือนชานยอลจะไปเพ้อให้เขาฟังเรื่องคริสลับหลังพวกเรามาสักพักแล้วล่ะ”





    มินซอกอดที่จะขำออกมาไม่ได้ เขารีบเอามือปิดปากตัวให้เพราะกลัวว่าจะเสียงดังไปถึงข้างหน้า ลู่หานเพียงแค่ยิ้มให้เขาอย่างน่ารัก





    “อ้อ แล้วเมื่อไหร่ที่คุณจะสอบปลายภาคเสร็จเหรอ?” ลู่หานถามพลางสอดมือไปที่กระเป๋าหน้าของผ้ากันเปื้อน





    “พรุ่งนี้ละ” มินซอกตอบด้วยตาละห้อย





    “ดูเหมือนจะไม่ตื่นเต้นเลยแฮะ” ลู่หานจ้องหน้าเขาตาไม่กระพริบ





    “ก็ตื่นเต้นแหละ แต่ฉันเหนื่อยเกินกว่าที่จะแสดงออกไหวละ” มินซอกเอ่ยพลางยิ้มตอบ เพียงแค่เขาได้อยู่ใกล้ๆผู้ชายคนนี้ เขาก็มีความสุขแบบไม่ต้องการอะไรมากกว่านี้แล้ว ใจนึงเขาก็นึกอิจฉาคริส เขาอยากมีความกล้าเหมื่อนคนตัวสูงคนนั้นที่จะเปิดปากขอคบคนตรงหน้า แต่อีกใจนึงเขาก็คิดว่าเขาไม่มีหวังกับคนที่ทั้งรูปงามและแสนจะเพอร์เฟคอย่างลู่หานเอาซะเลย





    ***





    วันต่อมา หลังจากที่เขาทำสอบสุดท้ายของเขาเสร็จ มินซอกเดินตรงจากห้องสอบฝ่าลมหนาวมาที่ร้านมูนแมนซ์เนสท์ เขาปิดเสียงมือถือเขา เขาขี้เกียจไปปาร์ตี้ฉลองกับเพื่อนๆและจบด้วยการเมาเละเพื่อเป็นการระบายความเครียดที่สั่งสมมาตลอดทั้งปี





    มินซอกไม่อยากจะปลดปล่อยความเครียดด้วยเหล้าสุรา เขาแค่อยากจะได้ที่พักใจและรอยยิ้มอบอุ่นจากครอบครัวเล็กๆของเขา





    มินซอกฝ่าหนาวเดินเข้าร้านแล้วพบกับร้านที่แทบจะไม่มีคน ก็อย่างว่า..มันเพิ่ง11โมงเช้าเอง คนจะน้อยก็ไม่แปลก ลู่หานยิ้มต้อนรับเขาจากเคาน์เตอร์ในร้าน





    “ไง” ลู่หานเดินอ้อมเคาน์เตอร์มาทักทายเขา ในมือมีแก้วเปล่ากับผ้าที่เขาใช้เช็ดแก้วให้แห้ง “เพิ่งสอบเสร็จเหรอ?”





    “ใช่แล้ว!” มินซอกพูดด้วยความโล่งอก “เพิ่งสอบวิชาสุดท้ายเสร็จน่ะ! ในที่สุดก็ว่างซะที เห้ออออ”





    ลู่หานยิ้มให้กับเขา “อย่างนี้ต้องฉลอง” เขาพูดพลางเดินกลับไปหลังเคาน์เตอร์และวุ่นอยู่กับอะไรสักอย่าง มินซอกไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่ยิ้มและเดินไปวางของบนโต๊ะประจำเขา





    “สอบเป็นไงบ้าง?” ลู่หานถามจากเคาน์เตอร์ ตาของเขาสดใสขณะที่เขากำลังทำงาน





    “เหมือนตายทั้งเป็น” มินซอกบ่นครวญคราง “แต่คิดว่าตัวเองทำได้ค่อนข้างดีนะ”





    “เพราะที่ติวจนเช้าทุกวันล่ะสิท่า” ลู่หานถามยิ้มๆ





    “เพราะคุกกี้ช่วยชีวิตต่างหากล่ะ” มินซอกตอบพลางมองอีกฝ่ายทำงาน...ท่วงท่าในการทำงานของลู่หานนั้นดูสง่าอย่างบอกไม่ถูก ลู่หานยิ้มแม้ยังคงก้มทำอะไรสักอย่างกับของในมือ และนั่นทำให้อกซ้ายของมินซอกเต้นไม่เป็นจังหวะ





    ไม่กี่นาทีต่อมา ลู่หานเดินถือถาดมามาหาเขา ในถาดมีเค้กสองจานและกาแฟร้อนสองแก้ว มินซอกมองอย่างมีคำถาม ขณะที่อีกฝ่ายวางจานกับแก้วบนโต๊ะ เขาเลื่อนแก้วของมิกซอกให้เข้าไปไกล้ และดันจานเค้กช็อกโกแลตตามไปอีกที





    มินซอกยิ้มให้กับคนตรงหน้า





    “นายจะนั่งกินด้วยเหรอ?” เขาเอ่ยถาม





    “แน่นอน” ลู่หานพูดและยิ้มขณะที่เขาวางศอกลงบนโต๊ะ สองมือวางรอบๆแก้วอุ่น “ถือโอกาสฉลองที่คุณสอบเสร็จไง” หางตาของเขาขึ้นรอยเล็กน้อยเมื่อเขายิ้ม “อีกอย่าง นี่ก็ไกล้จะคริสมาสต์แล้วด้วย มีคนบอกว่าคริสมาสต์เป็นเทศกาลแห่งการให้นะ”





    “นายจะเลี้ยงฉันเหรอ?” มินซอกถามพลางแนบมือเย็นๆของเขารอบแก้วลาเต้ร้อนและซึมซับความอุ่นจากแก้วผ่านนิ้วของเขา





    ลู่หานพยักหน้าและทำหน้าจริงจัง..





    “คริสเลี้ยงสิ” เขาพูด ทั้งสองเงียบไปไม่กี่วิก่อนที่จะหลุดขำออกมาทั้งคู่





    พอทั้งคู่หยุดหัวเราะได้ มินซอกก้มมองลงที่เฮเซลนัทลาเต้แก้วโปรดแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ไม่มีลวดลายสวยหรือภาพบนฟองนม แต่กลับเป็นเล็กสิบตัวที่ถูกคั่นด้วยหัวใจเล็กๆ





    “นี่อะไรน่ะ?” เขาเงยหน้าขึ้นมาถาม ใจของมินซอกเต้นรัวถึงแม้ว่าหน้าเขายังคงฉีกยิ้มอยู่ให้กับคนตรงหน้า





    “เบอร์มือถือไง” ลู่หานตอบ เขาแอบตกใจที่มินซอกดูไม่ออกแต่แรก





    “ฉันรู้แล้วว่ามันคือเบอร์มือถือ แต่-” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ลู่หานก็ขัดเขา





    “เบอร์ของผมไง” ลู่หานอธิบาย และนั่นทำให้มินซอกเงียบไป ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ หน้าของลู่หานเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย ทำให้หัวใจของมินซอกเต้นแรงจนเขาแทบจะบ้า “ก็แค่..เอ่อ..เห็นว่าพรุ่งนี้เป็นคืนคริสมาสต์อีฟแล้วผมก็ไม่มีแพลนจะไปไหน แล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าคุณมีรึเปล่า…” เขาหยุดพูดและจ้องมาที่มินซอกอย่างประหม่า





    “นายให้เบอร์ฉันเหรอ?” มินซอกถามย้ำอีกครั้ง สมองเขาไม่ยอมรับสิ่งที่เขากำลังได้ยินเลย





    ลู่หานยักไหล่และยิ้ม





    “ก็คุณไม่มาขอผมซะที ผมเลยลองดูสักตั้ง” เขาพูด คำพูดของเขาหลอมละลายด้วยกันราวกับเป็นเพลง เขาเงียบไปเพื่อรอฟังคำตอบ มินซอกกำลังงง เขาไม่นึกว่าลู่หาน ผู้ชายหน้าตาดีที่แสนจะเพอร์เฟคที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ คนที่เขาแอบชอบมานานและไม่คิดว่าจะสมหวังเลยสักนิด จะมากบอกว่าชอบเขา





    และโดยที่ไม่คิด..เรียกว่าไม่แคร์ดีกว่า..มินซอกลุกขึ้นและเอนตัวไปข้างหน้าหาลู่หานที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา อีกฝ่ายสะดุ้งตกใจเล็กน้อย ลมหายใจเริ่มติดขัด มินซอกกดริมฝีปากของเขากับริมฝีปากนุ่มของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน เขารู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่ายบนรีมฝีปากบางของเขา ดูเหมือนลู่หานจะถอนหายใจเบาๆราวกับว่าโล่งใจ





    “กว่าคุณจะเข้าใจนะ” ลู่หานเอ่ยหลังจากที่มินซอกถอนริมฝีปากออก





    ทั้งสองมองหน้ากันนิ่งๆเหมือนอยู่ในภวังค์ ไม่นานลู่หานก็เอนตัวมาข้างหน้าหาเขาและประทับริมฝีปากลงบนปากนุ่มของมินซอกอีกครั้ง...





    ทุกอย่างในร้านกาแฟร้านนี้แหละคือบ้านของฉัน...




    ...Finale...







    ทอล์คกับไรท์พลอย.
    จบแล้วก็ฟิคคู่โปรดของไรท์
    ตอนแปลเรื่องนี้มีความสุขมากก แปลไปยิ้มไปเขินไป ;v;
    เมื่อเช้าตอนตีสองกว่าๆนั่งสตอล์คไอจีลู่เกอ เจอนางโพสกะมินจ๊อก
    ฟินกันท่วนหน้า มีแรงฮึดมานั่งแปล 555555
    ไม่พอ พี่หมินสร้างไอจีใหม่อีก อ๊าก คือดีงาม
    คำถามคือ แล้วใครคือ xiurista90 ฟอลอยู่ตั้งนาน แหม่

    ดีใจที่มีคนอ่านเยอะขึ้นนะ รักรีดทุกคนนะ อิ
    ขอบคุณทุกๆเม้นเลยนะคะ จุ๊บ
    1 เม้นทำให้เรามีกำลังใจแปลอีกสิบเรื่องเลย ฮี่ๆ

    นิดนึงนะ ขอฝากฟิคที่ไรท์แต่งเองหน่อยน๊า
    เป็นฟิคเรื่องแรก คู่หลักไคโด้ และมีอีกหลายคู่
    ฝากติดตามหน่อยน๊า
    ' { kaido ft. exo } H o u s e m a t e ;

    สกรีมโปรดติดแท็ก
    #คลังฟิคดด



    ⓒ:baby
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×