คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : (LUMIN) Every Day Lattes [I/II] ;
Every Day Lattes
Original story: http://sonyeoncheonji.livejournal.com/658360.html
Written by: Drainbamage954
Pairing: Lumin
PART I.
มันมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับร้านกาแฟ..และไม่ใช่พวกร้านที่มีสาขาแฟรนไชส์ทั่วไปตามท้องตลาดที่เด็กนักเรียนชอบนั่งกันหรอกนะ ไม่..ไม่ใช่ร้านเหล่านั้น ร้านกาแฟพวกนั้นเสียงดังและตามกระแสนิยมจนเกินไป ร้านพวกนั้นไม่มีสเน่ห์และกลิ่นอายของร้านกาแฟที่แท้จริง ร้านเหล่านั้นเป็นเพียงที่ที่เด็กนักเรียนเอาไว้ใช้ทำงานหรือติวหนังสือเท่านั้น
ร้านกาแฟที่ดีต้องมีเอกลักษณ์และให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากร้านอื่น อีกทั้งยังมีกลิ่นอายเฉพาะตัวอีกด้วย..เพียงแค่คุณเดินเข้าไปในร้าน คุณก็รู้สึกได้ว่าคุณจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน..มีความรู้สึกอุ่นใจเหมือนอยู่บ้านของตัวเอง…
ใช้เวลาเป็นเดือนกว่าที่มินซอกจะเจอร้านกาแฟแห่งนี้หลังจากที่เขาเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัย..เขาได้ลองมาหลายร้านก่อนที่จะมาเจอ ‘มูนแมนซ์เนสท์’ ในที่สุด มันตั้งอยู่ระหว่างร้านสองร้านที่เขาคิดว่ามันไม่น่าสนใจเอาเสียเลย ภายนอกของร้านมูนแมนซ์เนสท์นั้นดูจืดชืดน่าเบื่อ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้เขาดันประตูเข้าไป..แต่เขาก็ดีใจที่เขาติดสินใจเข้าไป เพราะเพียงแค่เขาก้าวเท้าเข้าไปในร้าน…
เขาได้เจอกับรักแรกพบ...ถึงจะฟังดูค่อนข้างเลี่ยนไปหน่อยก็เถอะ
ร้านมูนแมนซ์เนสท์นั้นเป็นร้านกาแฟที่ถูกออกแบบภายในและจัดวางอย่างดี กำแพงในร้านเรียบง่ายแต่ไม่ได้ทำให้ดูโล่งเลย โคมไฟถูกเลือกมาอย่างดีให้เข้ากับบรรยากาศของร้าน ถึงแม้เก้าอี้ในร้านจะเก่าไปหน่อยแต่ก็นั่งสบายมาก..สบายมากจนมินซอกเผลอหลับไปขณะที่นั่งอยู่ตั้งครั้งสองครั้ง
แต่สิ่งที่ทำให้มินซอกชอบร้านนี้ที่สุดคือคนที่ทำงานที่นั่น มินซอกไม่รู้ว่าพวกเขาแต่ละคนมาจากไหนและทำไมมาอยู่ที่นี่ และถึงแม้ว่าพวกเขาไม่รู้จักกันมาก่อนหน้านี้ พวกเขาทำเหมือนเขาเป็นครอบครัวกัน..ทั้งกับพนักงานกันเองและกับลูกค้าของเขาอีกด้วย นั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้มินซอกตัดสินใจมาร้านนี้ทุกวัน
ทุกวันมินซอกจะสั่งลาเต้หนึ่งแก้วที่หน้าเคาน์เตอร์ จากนั้นก็เดินมานั่งที่โต๊ะและทำการค้นคว้าหาทฤษฎีเกี่ยวกับวัฒนธรรมและอารยธรรมโบราณของโลก นั่งนึกคิดเกี่ยวกับความลึกลับของเผ่ามายาและเมโสโปเตเมีย บ่อยครั้งที่เขาจะกินอาหารเย็นที่นี่ เขาสั่งอะไรก็ตามที่เป็นเมนูพิเศษของคืนนั้นกับพนักงานอารมณ์ดีที่เขามักจะคุยด้วยนิดหน่อยตอนเขาพัก
“มึงหายไปไหนทุกวันวะ?” จงแดถามเขาวันหนึ่งหลังเลิกเรียนวิชาแคลคูลัสเมื่อเห็นมินซอกทำท่าจะบอกลาเขาทันทีที่วิชาเลิก
มินซอกหยุดมองเพื่อนและกระพริบตาปริบๆ
“กูไปทำงาน”
จงแดกรอกตาอย่างเบื่อๆ
“เฮอะ มึงกับไอ้พวกนักเรียนทุกคนที่นี่มันจะขยันไปถึงไหนกันวะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ “แต่กูไม่เคยเห็นมึงในห้องสมุดเลยนะเว้ย อีกอย่าง กูก็แบ่งห้องพักกับมึง..กูก็ไม่เคยเห็นมึงนั่งทำงานที่ห้องอีก สรุปมึงไปทำที่ไหน?”
ถ้าเป็นปกติแล้ว มินซอกคงจะบอกเรื่องร้านกาแฟกับจงแด แต่มันมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับที่นี่..บางอย่างที่เขารู้สึกว่ามันเป็นที่ส่วนตัวของเขา เป็นที่ของเขา เป็นบ้านของเขา เป็นที่พักใจของเขา..เลยแทนที่เขาจะบอกเพื่อนสนิทเขา มินซอกแค่ยิ้มให้และบอกปัดไปว่าไว้เจอกันตอนเย็น จงแดทำหน้าบึ้งแต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ
***
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ขณะที่มินซอกกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะในร้านกาแฟนั่น ก็มีบาริสต้าที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาเดินมาที่โต๊ะของเขา และก่อนที่เขาจะอ้าปากสั่งกาแฟ บาริสต้าคนนั้นก็วางเฮเซลนัทลาเต้ตรงหน้าเขา มินซอกจ้องของตรงหน้าอยู่สักพักก่อนที่จะหันไปมองบาริสต้าคนนั้นที่กำลังยิ้มอยู่
หนุ่มบาริสต้าคนนี้เพิ่งมาไม่นาน เขาเพิ่งมาทำงานที่นี่ไม่กี่อาทิตย์ หน้าตาของเขาหล่อเหลาดูดีอย่างน่าทึ่ง เสียงเขานุ่มและไพเราะทุกครั้งที่เขาพูด เขายิ้มให้กับมินซอกก่อนที่จะพูด
“ผมคิดว่าคุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินมาสั่งยังไงล่ะ”
มินซอกจ้องหน้าเขาอย่างงงๆก่อนที่จะคลี่ยิ้มตอบ
“แล้วนายรู้เหรอว่าฉันจะสั่งเฮเซลนัทลาเต้น่ะ?” เขาถาม
หนุ่มคนนั้นยังคงยิ้ม
“ก็คุณสั่งแบบนี้ทุกครั้งที่คุณมาที่นี่” เขาเอ่ยพลางเหล่ตามองแก้วกาแฟที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ “เดาไม่เห็นจะยากเลย”
“นายจะรู้ได้ไง” มินซอกพูดยิ้มๆ “วันนี้ฉันอาจจะอยากสั่งอย่างอื่นก็ได้”
“เหรอครับ?” หนุ่มบาริสต้าพลางยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
มินซอกกัดริมฝีปากตัวเองอย่างยอมแพ้
“ไม่อ่ะ”
อีกคนไม่ได้พูดต่อ เขายื่นมือมาข้างหน้า
“ผมลู่หาน”
“มินซอก” มินซอกยื่นมือไปจับและเขย่าเล็กน้อย “ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เช่นกันครับ” ลู่หานตอบและส่งยิ้มที่แสนจะอบอุ่นให้ “ผมดีใจที่ได้รู้จักชื่อคุณนะ จะได้เลิกเรียกคุณว่า ‘เฮเซลนัทลาเต้’ ทุกครั้งที่ผมเห็นคุณมาที่ร้านซะที”
มินซอกหัวเราะกับคำพูดติดตลกของอีกฝ่ายและก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อก็เลยเงียบไป ลู่หานก็เหมือนว่าจะไม่ได้รอเขาพูดต่ออะไรอีก เขาพยักหน้าและยิ้มให้อีกครั้งก่อนที่จะเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์และเริ่มทำกาแฟต่อ มินซอกมองตามหลังสักพักก่อนที่กลับไปง่วนกับหนังสือเกี่ยวกับของแกะสลักโบราณของประเทศจีนและนั่งอยู่ตรงนั้นอีกหลายชั่วโมง
***
สามวันต่อมา มินซอกเหนื่อยจะขาดใจตายจากการทำสอบที่ไม่มีการบอกล่วงหน้า อีกทั้งอยู่ถึงตีสี่เพื่อปั่นงานที่ต้องส่งตอนแปดโมงของวันพรุ่งนี้ ทันทีที่มินซอกก้าวเข้าไปในร้านมูนแมนซ์เนสท์ เขาหลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึกๆและปลดปล่อยความเหนื่อยล้าออก
ครั้งนี้มินซอกเลือกที่จะนั่งตรงมุมเล็กๆของร้าน เขานั่งพิงเก้าอี้และหลับตาลงสักพักก่อนที่จะลุกมานั่งตัวตรงและหยิบหนังสือออกจากกระเป๋า หลังจากที่จ้องงานตรงหน้าอย่างเซ็งๆอยู่สักครู่ เขาก็ลุกขึ้นและเดินไปที่เคาน์เตอร์
ลู่หานกำลังรอเขาอยู่ เขายิ้มหวานจนทำให้มินซอกประหม่าเล็กน้อย
“คุณดูเพลียจัง” ลู่หานเอ่ยทักพลางเอนตัวมาข้างหน้ากับเคาน์เตอร์
มินซอกถอนหายใจพลางเสยผมขึ้น
“เหนื่อยใจจะขาดละเนี่ย” เขาตอบก่อนจะพ่นลมหายใจอย่างแรง “ฉันขอชีสเค้กรัมเรซิ่นและ-”
“-เฮเซลนัทลาเต้” ลู่หานช่วยเขาจบประโยคพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ “แหม ไม่ต้องบอกผมก็รู้..ว่าแต่คุณไม่ได้กินข้าวเที่ยงเหรอ?”
“ฮะ?” มินซอกกระพริบตาปริบๆ
“ชีสเค้กไง” ลู่หานเอ่ยพลางขยับตัวไปที่เครื่องทำกาแฟแต่ก็ไม่ละสายตาจากมินซอก “ปกติไม่เห็นคุณสั่งอะไรเลยนอกจากลาเต้แก้วประจำน่ะ”
มินซอกหัวเราะเบาๆ ตาของเขาจะปิดอยู่เต็มที
“ฉันต้องการพลังงาน” เขาพูดและพยายามตั้งสติอย่างลำบาก เขาเหนื่อยจนอยากจะหลับคาเคาน์เตอร์ให้ได้เลย
ลู่หานมองเขาและขมวดคิ้ว
“คุณกำลังทำงานอะไรเหรอ?” เขาถาม
มินซอกก้มตัวไปข้างหน้ากับเคาน์เตอร์เล็กน้อย
“พวกทฤษฎีน่ะ” เขาตอบพลางเอามือลูบหน้า “ฉันมีโปรเจคต้องส่งพรุ่งนี้เช้าน่ะ”
ลู่หานพยักหน้าและหันไปกดให้เครื่องทำกาแฟทำงาน เสียงของมันทำให้บทสนทนาจำเป็นต้องหยุดชั่วคราว เขาปิดเครื่องนั้นก่อนที่จะทำกาแฟต่อ
“ทฤษฎีแบบไหนล่ะ?” เขาหันขึ้นมาถาม
“ดนตรีน่ะ”
“คุณเรียนเอกดนตรีเหรอ?” ลู่หานถาม สายตาไม่ละจากแก้วในมือที่เขากำลังรินนมใส่
“ฮะๆ เอกโบราณคดีต่างหาก” คนตัวเล็กกว่าตอบพลางยื่นหน้ามองอีกฝ่ายทำเครื่องดื่ม “ถึงฉันจะอยากเรียนทั้งสองเอกก็เหอะ แต่แค่นี้ก็จะตายอยู่ละ” เขาหัวเราะอย่างอ่อนแรง
ลู่หานยิ้มและเดินมาตรงหน้าเขา
“ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออะไรบอกผมได้นะ” เขาพูดพลางยื่นแก้วให้มินซอก “ผมพอจะรู้เรื่องดนตรีบ้างนิดหน่อย”
มินซอกหัวเราะพลางจับแก้วอุ่นด้วยมือสองข้าง
“ขอบคุณนะ ไว้ฉันจะมาขอให้ช่วย” เขาพูดก่อนที่จะยิ้มและเดินกลับไปที่โต๊ะ..โดยที่ความรู้สึกโหวงๆในท้องติดมาด้วย
คงจะเหนื่อยมากไปมั้ง
***
สองอาทิตย์ต่อมา มินซอกโดนเขย่าปลุกตื่นโดยคริส ซึ่งเป็นเจ้าของร้านมูมแมนซ์เนสท์ ขณะที่เขาเผลอหลับคาหนังสือหนาเกี่ยวกับอียิปต์โบราณ คนที่เพิ่งตื่นกระพริบตาปริบๆ พยายามตั้งสติเพราะยังไม่ตื่นดี
“ฉันหลับไปนานแค่ไหนเนี่ย?” เขาถามเจ้าของร้านตัวสูง
“เกือบชั่วโมง” เขาตอบ สายตาเขาดูอ่อนโยนถึงแม้ว่าหน้าตาเขาจะไม่ค่อยให้ก็เถอะ “วันนี้ไปเหนื่อยอะไรมาเนี่ย?”
“ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเลยต่างหาก” มินซอกบ่นพลางมองหนังสือตัวเองอย่างเบื่อหน่าย พักหลังๆนี้เขาสามารถทำวิชาทฤษฎีดนตรีได้ดีขึ้นเพราะมีลู่หานคอยให้คำปรึกษาตอนที่เขาเอาลาเต้มาเสิรฟ พอมินซอกถามเขาว่าทำไม่บาริสต้าอย่างเขาถึงได้รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับทฤษฎีดนตรี ลู่หานแค่ยิ้มตอบและบอกกับเขาว่าเขาพอเรียนรู้มาบ้างสมัยก่อน
“นี่ละนะทำไมฉันถึงไม่เคยคิดถึงสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเลย” คริสเอ่ยพลางโคลงศรีษะเบาๆ “ไอ้พวกเรื่องน่าปวดหัวทั้งหลาย ฉันขออยู่โดยไม่มีพวกมันดีกว่า”
มินซอกคว่ำปาก “หยุดยิ้มแบบนั้นเหอะ มันไม่เข้ากับนายเท่าไหร่”
คริสมองค้อนเขา
“อะไรก็เข้ากับฉันหมดนั่นแหละ” เขาพูดไม่พอ เขาเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ด้วยท่วงท่าเชิดๆ
มินซอกทำได้แค่ส่ายหัวให้กับนิสัยเด็กๆของเจ้าของร้านนี้ จากนั้นก็ชะเง้อมองไปรอบร้านและขมวดคิ้ว
“ลู่หานไปไหนล่ะ?”
“แหม กว่าจะสังเกตนะ” คริสพูด เขายิ้มแปลกๆ และมินซอกก็ไม่แน่ใจว่าทำไม เพราะคริสไม่ค่อยแสดงสีหน้าเท่าไหร่ นอกจากว่าจะมีเหตุผลอะไรสักอย่าง “วันนี้เขาลาน่ะ ฉันก็ต้องให้พนักงานฉันพักบ้างน่ะนะ รู้มั้ย”
มินซอกยิ้มที่มุมปากให้เขาก่อนที่จะมองกลับไปที่หนังสือ
“มิน่าล่ะ ลาเต้วันนี้ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่” เขาแซวและอดขำไม่ได้เมื่อเห็นคริสหุบยิ้มทันที
“ก็แค่เพราะว่าฉันไม่ได้ทำด้วยความรักอย่างล้นเหลือเหมือนใครบางคนน่ะสิ” มินซอกได้ยินอีกฝ่ายบ่นงึมงำและก็รู้สึกแปลกๆกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็พยายามจะไม่สนใจมัน เขาพยายามปัดความรู้สึกหน่วงๆตรงอกเขาออกไป
สุดสัปดาห์นั้น มินซอกออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆเขาที่เอาแต่ถามเขาอยู่นั่นแหละว่าหายตัวไปไหนตอนที่ต้องการตัว
“กูก็ไปทำงานไง” มินซอกตอบปัดๆและไม่ยอมพูดต่อ
จงแดจ้องเหมือนจะเค้นคำตอบทางสายตาขณะที่แบคฮยอนทำเสียงฮึดฮัดอย่างหงุดหงิด ชานยอลที่ไม่ได้สนใจร่วมบทสนทนาก่อนหน้านี้หันมายิ้มเหลอหลาตามสไตล์ของมันก่อนจะชวนไปเล่นยิงปืนกัน
ถึงแม้ว่ามินซอกจะไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนอย่างสนุกสนานและพยายามจะลืมรายงานที่ต้องส่งวันอังคารที่กำลังจะมาถึง เขาก็จะเผลอนึกถึงรอยยิ้มอ่อนโยนนั้นและตาสดใสคู่นั้นบนโครงหน้าสวย เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาอยากจะเห็นมันนัก…
***
ลู่หานไม่ได้กลับมาจนกระทั่งวันพุธให้หลัง และมินซอกก็รู้สึกคิดถึงอีกฝ่าย...คิดถึงรอยยิ้มนั้น คิดถึงลาเต้ที่เขาทำให้ คิดถึงมือเรียวสวยที่เคยหยิบจานชีสเค้กมาเสิร์ฟเขาและเผลอเฉียดโดนมือเขาเบาๆ...เขาคิดถึงบทสนทนาเล็กๆเกี่ยวกับเรื่องต่างๆที่ทำให้สิ่งที่อยู่ให้อกของมินซอกพองโต และทำให้เขายิ้มกับหนังสือของตัวเองเป็นเวลานานก่อนที่จะรู้สึกตัว
วันพุธนั้นมินซอกเดินเข้าไปในร้านที่เขาคุ้นเคยเหมือนทุกครั้ง ลู่หานมองขึ้นมาหาเขา และนั่นทำให้มินซอกรู้สึกอุ่นใจและมีความสุขอย่างน่าแปลกใจ เขานึกไม่ถึงว่าตัวเองจะชอบการที่ได้เจออีกฝ่ายขนาดนี้จนตอนที่เขาหายไป
“นายหายไปไหนมาเนี่ย?” มินซอกถามขณะที่เขาเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์โดยที่ไม่ได้วางกระเป๋าก่อน ลู่หานยิ้มให้กับอีกฝ่ายอย่างสดใสพลางใช้ผ้าเช็ดเหยือกโลหะไปด้วย
“ผมลาเพิ่มอีกหลายวันน่ะ” เขาเอ่ย “พอดีมีธุระต้องไปทำนิดหน่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรมากหรอก”
“ฉันคิดถึงนาย” มินซอกพูดออกไปโดยที่ไม่รู้ตัวและนั่นทำให้ลคิ้วของลู่หานยกขึ้นสูง มือของเขาหยุดชะงักสิ่งที่กำลังทำอยู่ มินซอกกลืนน้ำลายอย่างลำบากก่อนที่จะยิ้มกว้างเกินปกติ “กาแฟที่คริสทำมันไม่อร่อยเท่าของนายอ่ะ”
ลู่หานนิ่งไปนานก่อนที่จะหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะเขาก้องไปทั่วร้าน มินซอกไม่สามารถละสายตาจากผู้ชายคนตรงหน้าได้เลย
“จะว่ายังไงดีล่ะ ผมมักจะตั้งใจกับสิ่งที่ผมชอบน่ะ” เขาพูดและยิ้มออกมา..รอยยิ้มที่มินซอกคิดถึงมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา
***
วันศุกร์ต่อมา มินซอกที่เพิ่งหย่อนก้นลงกับเก้าอี้แหงนมองเมื่อเสียงกระดิ่งตรงประตูดังขึ้น เขาอ้าปากค้างเมื่อเห็นจงแด แบคฮยอน ชานยอล และจงอินเดินเข้ามาในร้านกาแฟและมองไปมาอย่างสนใจ แบคฮยอนเป็นคนแรกที่มองเห็นเขา ก็เลยยิ้มกว้างและเดินมาที่โต๊ะ มินซอกทำได้แต่จ้องเพื่อนเขาอย่างเซ็งๆ
นี่มันที่ของฉันนะ บ้านของฉัน
“ในที่สุดพวกกูก็เจอที่ซ่อนของมึงซะทีนะ” แบคฮยอนพูดพลางหย่อนก้นลงกับที่นั่งตรงข้ามมินซอกและทำตัวสบายเกินหน้าเกินตาลูกค้าประจำอย่างเขา
“เออดิ กูล่ะแปลกใจทำไมถึงหาไม่เจอก่อนหน้านี้” จงแดเสริม เขามองรอบๆด้วยความสนอกสนใจ “ที่นี่โคตรจะไกล้กับมหาลัยเลย กูล่ะงงตัวเองทำไมถึงไม่คิดแอบตามมึงมาตั้งแต่แรก”
“เหอะ ตลกตายล่ะมึง” มินซอกคว่ำปากพูดอย่างหงุดหงิด “แล้วพวกมึงตามกูมาทำไมวะ”
“พวกกูเป็นห่วงมึงนะเว้ย กลัวว่ามึงจะหายไปขายตัวเพื่อมาจ่ายค่าเล่าเรียน” จงอินพูดพร้อมยักไหล่กวนๆก่อนที่จะทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ข้างๆ เพื่อนตัวแสบยักคิ้วใส่มินซอกอีกหลายที
“ไอ้เวร” มินซอกด่าจงอิน เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ
“โอ๊ะ นายก็มีเพื่อนเหมือนกันหนิ” คริสพูดขณะที่เขาเดินมาและไล่มองกลุ่มนักศึกษาที่นั่งกับลูกค้าประจำของเขา “ฉันก็นึกว่ามีแค่ลู่หานกับเทาเท่านั้นที่ชอบนาย”
“เฮอะ อย่างน้อยฉันก็มีคนชอบมากกว่านายตั้งสองคน” มินซอกยิ้มเยาะกับเจ้าของร้านตัวสูง
“ระวังไว้เหอะ เผลอๆฉันจะสลับเฮเซลนัทเป็นเฟร้นช์วานิลาในแก้วนาย” คริสขู่แบบไม่จริงจังและมองไปที่กลุ่มลูกค้าใหม่ที่มาเพิ่ม “พวกนายจะนั่งต่อหรือแค่มากวนหมอนี่เนี่ย? แต่ฉันก็โอเคกับทั้งสองทางนะ”
“ฉันอยากกินกาแฟ” แบคฮยอนพูดขึ้น และนั่นทำให้มินซอกอยากจะฝังหน้าตัวเองกับหนังสือและไม่ออกมาอีกเลย
“มันหมายความว่าเราจะอยู่ต่อน่ะครับ” จงอินบอกกับคริสพลางเอียงหัวเล็กน้อย
“งั้นเดี๋ยวฉันไปเอาเมนูมาให้” คริสพูดก่อนจะยิ้มที่มุมปาก
“สรุปว่าที่นี่คือที่ที่มึงมาทุกวันเลยใช่ป่ะ” จงแดพูด ตาเขายังคงไม่หยุดมองไปรอบๆร้าน “ก็พอจะเก็ตอ่ะ ที่นี่สวยดีว่ะ”
“ใช่ป่ะล่ะ” มินซอกเอ่ย เขาเบ้ปากให้คริสเมื่อคนตัวสูงเดินมาวางเมนูที่โต๊ะ จงอินกับแบคฮยอนหยิบมันขึ้นมาทันทีและไล่สายตามไปตามชื่อของอาหารและเครื่องดื่ม “กูชอบมานั่งทำงานที่นี่”
“ทำไมไม่ไปทำในห้องสมุดวะ” จงอินถามทั้งๆที่ตายังคงอยู่ที่เมนู
“ห้องสมุดอึดอัดจะตายไป” มินซอกพูดพลางมองเพื่อนๆเขาที่กำลังจ้องรายการในมือ เขาไม่จำเป็นต้องใช้เมนูแล้วล่ะ..เขาจำได้หมดแล้ว
“นี่แหละทำไมกูถึงไม่ชอบไป” ชานยอลพูดยิ้มๆขณะที่เอียงคอมองเมนูในมือแบคฮยอน
“มึงไม่ไปเพราะมึงไม่เคยตั้งใจเรียนเลยต่างหาก” จงแดขัดและพลักหัวเพื่อนเบาๆ
“กูเรียนนะเว้ย!” ชานยอลบุ้ยปาก “กูออกจะเป็นนักเรียนดีเด่น”
“นั่งส่องยุนโฮตอนเลกเชอร์นี่มันเรียนตรงไหนวะ” จงอินแหย่เพื่อนตัวสูงจนทำให้ชานยอลปั้นสีหน้าแปลกๆ
เทาเดินมารับออร์เดอร์จากเพื่อนเขา เขาดูประหม่ากว่าปกติตอนที่เขาถามแต่ละคนว่าจะสั่งอะไร เทายิ้มให้มินซอกอย่างรู้กันก่อนที่จะเดินไปหลังเคาน์เตอร์ ไม่กี่นาทีต่อมา เทากับลู่หานก็ยกเมนูที่สั่งไปมาวางบนโต๊ะ
เพื่อนๆเขาคุยกันเสียงดังก่อนที่จะเงียบไปจนทำให้มินซอกต้องเงยหน้ามามอง เพื่อนๆเขากำลังมองมาที่เขากับแก้วลาเต้ของเขา
“อะไรวะ?” มินซอกถามและขมวดคิ้วเมื่อจู่ๆทุกคนก็หันมาสนใจเขา
“ทำไมมึงได้สเปเชี่ยลลาเต้วะ” แบคฮยอนยื่นริมฝีปากอย่างไม่พอใจ
“อะไรของมึงวะแบค” มินซอกขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
“กูอยากได้สเปเชี่ยลลาเต้บ้างอ่ะ” แบคฮยอนบ่นพลางหันไปมองจงอินเพื่อหาพวก
“เออ กูหล่อกว่ามึงตั้งเยอะ” จงอินจ้องแก้วของมินซอกด้วยสีหน้าเซ็งๆ “ทำไมของมึงพิเศษวะ”
“เห้ย กูงงละ อะ-” ยังไม่ทันที่มินซอกจะพูดจบ จงแดก็ดันแก้วของเขาเข้าไปไกล้หน้าเขากว่าเดิม
บนโฟมกาแฟของเขามีลายที่ค่อนข้างซับซ้อน ดูเหมือนว่าจะเป็นรูปต้นไม้สวยงาม
“แล้วไงวะ?” มินซอกมองกลับไปที่เพื่อนเขา “ของพวกมึงไม่มีเหรอวะ?” เพื่อนๆเขาส่ายหัวพร้อมกัน แบคฮยอนยังคงยื่นปากไม่พอใจขณะที่จงแดคว่ำปากเล็กน้อย “อ่าว กูนึกว่า…” มินซอกเงียบไป จู่ๆก็รู้สึกหน่วงๆตรงบริเวณอกเขา
แทนที่เขาจะพูดให้จบประโยค เขากลับเงยหน้าไปมองที่เคาน์เตอร์ ตรงที่ลู่หานกับเทากำลังยืนเถียงกันเรื่องผ้าเช็ดปากอยู่ เขาสังเกตใบหน้าของลู่หานที่กระทบแสง เขารู้สึกแปลกๆก่อนที่จะกลืนน้ำลายและไล่ความคิดออกไป
เม้นไม่ค่อยเพิ่มเลยฮรึก
แต่ขอบคุณรีดหลายคนที่เม้นนะคะ
ถึงจะไม่เยอะแต่ก็มีกำลังใจแปลต่อค่ะ
#คลังฟิคดด
ความคิดเห็น