คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เล่ห์กรรณิการ์ บทที่ 3 (รีอัพ)
หลังมื้ออาหารที่แสนน่ารำคาญและสิ้นเปลืองเวลาชีวิตอย่างไม่น่าอภัยในความคิดของอัยย์ศยา
เธอยังต้องมาเดินเลือกของขวัญให้ดิเรก ซึ่งไม่ว่าเธอจะเสนออะไรขึ้นมา ขุนพลก็ไม่เห็นด้วย
เธอเดินจนทั่วห้างสรรพสินค้าใหญ่บนส้นสูงสามนิ้วที่บีบจนรู้สึกเหมือนกระดูกเท้าจะแตกหัก
แถมยังต้องช่วยผู้หญิงของเขาถือของ แวะช่วยเขาลองนาฬิกาขณะที่สมองวกกลับไปที่โต๊ะทำงาน
และอยากจะขย้อนเอาปลาดิบไม่กี่ชิ้นที่รับประทานเข้าไปออกมา สุดท้ายขุนพลกับเธอก็ตกลงกันได้เรื่องของขวัญสำหรับผู้ใหญ่ผู้มีพระคุณของเขา
ในขณะที่เขากลับมาส่งเธอที่หน้าอาคารสูงนั้น เป็นเวลาที่พนักงานจากบริษัทต่างๆ
ที่เช่าอาคารแห่งนี้เป็นที่ตั้งสำนักงานพากันทยอยกลับบ้าน
อัยย์ศยากลอกตาถอนใจยาวระหว่างรอให้ลิฟต์ไต่ระดับจนถึงชั้นสิบแปด
เมื่อมาถึงกมลพรกับอารดากำลังเตรียมตัวจะกลับบ้านกันแล้ว
“พี่ไหม หนูนึกว่าพี่คงไม่กลับเข้ามาแล้ว” กมลพรสาวสวยสวมแว่นตากรอบดำร้องทักเมื่อเห็นหัวหน้าสาวมาถึง
“งานพี่ยังกองรออยู่มหาศาลจ้ะ” คนพูดทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของตัวเองแล้วยิ้มให้สองสาวอย่างใจดี
“ให้พวกหนูช่วยก่อนไหมคะ”
ผู้ช่วยอีกคนอาสาอย่างเห็นใจหัวหน้าของตน แต่อัยย์ศยาส่ายหน้าอมยิ้ม
อารดาเป็นสาวร่างกะทัดรัด มีใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา แต่เป็นสาวปากจัด และชอบทำตัวเป็นเด็กช่างเมาท์
แถมยังพูดจาทะลึ่งตึงตังไม่น้อย
“พูดก็พูดเถอะค่ะ คุณอิฐแกจะพาพี่ไหมไปเป็นก้างแกทำไมก็ไม่รู้นะคะ
จริงๆ ไม่ต้องเสียค่าร้านอาหารเลยก็ได้นะคะ ถ้าจะนัวเนียกันขนาดนั้น โรงแรมใกล้ๆ
นี่ก็จบแล้วค่ะ”
อัยย์ศยาหน้าร้อนผ่าว เธอหันมาทำหน้าตาดุแล้วตีคนทะเล้นที่ทำท่าสูดปากแล้วหัวเราะคิก
ด้วยคิดไกลไปถึงไหนต่อไหน
“บอสเรานี่เสน่ห์แรงนะคะ นี่ขนาดมีข่าวว่าลูกสาวเจ้าสัวดิเรกกลับจากนอกแล้ว
ยังจะควงคุณนีน่าอีก โอ๊ย อย่างว่าละค่ะ ผู้ชายแซ่บๆ สมัยนี้ หายาก ต้องผลัดกันซี้ด”
อัยย์ศยาร้อนผ่าวไปถึงใบหูแล้วตีคนพูดพล่อยไปอีกที ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกร้อนรุ่มที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างแล้วยิ้มส่งสองสาว
เห็นกมลพรกำลังเอียงหูฟังอารดาพูดอะไรบางอย่างแล้วส่ายหน้า
เมื่ออยู่ลำพังหญิงสาวก็พ่นลมออกปากพลางขับไล่ความคิดเกี่ยวกับขุนพลและผู้หญิงของเขาออกไป
บรรยากาศรอบข้างยิ่งเงียบเชียบ แต่อัยย์ศยาบอกตัวเองว่าช่างเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเคลียร์งานอย่างยิ่ง
หญิงสาวเริ่มจัดการเอกสารคั่งค้างอย่างเป็นระบบ
รองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่ถูกสะบัดวางไว้ที่ปลายเท้า เสียงท้องครวญครางที่ชวนให้นึกถึงก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ
หน้าปากซอยทำให้นิ้วเรียวพรมลงบนแป้นพิมพ์ถี่ขึ้นอย่างฮึดสู้
ตัวเลขตรงด้านซ้ายของจอคอมพิวเตอร์บอกเวลาสามทุ่มเศษ
หญิงสาวลุกขึ้นไปรวบรวมแผ่นกระดาษที่สั่งพิมพ์ผ่านระบบเน็ตเวิร์กมาจัดเรียงเข้าแฟ้ม
เธอเดินเท้าเปล่าไปมาอยู่ภายในบริเวณพาร์ทิชันสูงแค่ไหล่ หูได้ยินเสียงลิฟต์เปิด แต่เข้าใจเอาเองว่าคงเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ขึ้นมาตรวจตราตามชั้นต่างๆ
พอวางแฟ้มอันสุดท้ายเรียบร้อยเธอก็แทบจะถอนใจเฮือกขณะบิดกายไล่ความเมื่อยล้าบริเวณบ่าไหล่
อดคิดไม่ได้ว่าป่านนี้ขุนพลผู้ไม่จ่ายค่าล่วงเวลาให้เธอคงจะไประเริงรักกับนรีสุดาอยู่ที่คอนโดสุดหรูของเขาอย่างสบายอารมณ์
อัยย์ศยาอยากจะเบ้ปากเมื่อนึกถึงเขา แต่เธอก็เคยชินเสียแล้วกับตัวตนของขุนพล
สามปีที่เธอทำงานให้เขา ชายหนุ่มควงผู้หญิงหลายคน แต่ที่เห็นบ่อยที่สุดก็ปาลินกับนรีสุดานี่ละ
ขุนพลจะรู้บ้างไหมว่าทุกคนที่เข้ามารุมล้อมเขาล้วนเห็นแก่ความโก้หรู หน้าตา บารมี และความสุขสบายแทบทั้งสิ้น
หญิงสาวส่ายหน้าก่อนจะสะดุ้งเมื่อหันมาปิดคอมพิวเตอร์แล้วเห็นคนที่กำลังนินทาในใจยืนอยู่ตรงหน้า
ลมหายใจของเธอสะดุดขาดห้วงจนต้องปรับสีหน้าในทันที
“คุณอิฐ”
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น” เขาหัวเราะในลำคอขณะมองสีหน้าตกใจของเลขาฯ
ตัวเอง “กำลังคิดอกุศลกับผมอยู่ละสิ ใช่มั้ย” เขายกมุมปากเป็นเชิงเยาะที่รู้ทันเธอ
“เอ่อ” อัยย์ศยามัวแต่ใจเต้นแรงจนลืมคำโกหก
เธอกำลังนินทาเขาในใจจริงๆ หญิงสาวส่ายหน้า สบตากันนานเกินไปจึงรีบก้มหลบหยิบจัดทุกอย่างบนโต๊ะแล้วคว้ากระเป๋าคล้องไหล่
ก่อนจะปั้นยิ้มให้เขา “คุณอิฐลืมอะไรเหรอคะ พอดีไหมกำลังจะกลับแล้วค่ะ”
“เปล่า” เขาตอบเสียงสูง ยักไหล่น้อยๆ
“แค่แวะมาดูความเรียบร้อย”
“ถ้างั้น ไหมขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวไหม”
“คะ?”
หญิงสาวหันกลับมาตามเสียงกึ่งสั่งของเขาแล้วต้องรีบถอยเท้ากลับไปหนึ่งก้าวอย่างตกใจ
เผลอสูดกลิ่นจากเรือนกายสูงเข้าไปเต็มรัก กลิ่นหอมสะอาดเจือกลิ่นน้ำหอมอ่อนจางจนเกือบจะเผลอสูดเข้าไปให้ลึกๆ
อีกรอบ เพราะอยากรู้ให้แน่ชัดว่ามันเป็นกลิ่นของน้ำหอมยี่ห้ออะไร
หรือจะเป็นเพราะมีกลิ่นสุราอ่อนๆ
อยู่ในลมหายใจของเขาตอนนี้เลยทำให้เธอใจสั่นหวิวพิกล
ขณะที่ขุนพลนิ่งไปอึดใจ เขาก็หยิบกระดาษใบหนึ่งจากกระเป๋าสตางค์ยื่นให้เธอ
“ไปจัดการตัวเองให้พร้อมสำหรับการไปงานวันเกิดเจ้าสัวดิเรกกับผม วันเสาร์นี้
หกโมงเย็น”
อัยย์ศยามองตัวเลขบนกระดาษซึ่งนับว่ามากโข
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ขุนพลอาจจะเป็นเจ้านายที่แปลกๆ แต่เขามักจะใจบุญกับพนักงานเสมอ
กับเธอเขาทำบ่อยจนเธอชิน บ่อยจนอัยย์ศยารู้ว่าไม่ควรปฏิเสธทุกอย่างที่เขาให้ เพราะมันทำให้เขาหงุดหงิดและกลายเป็นอันธพาล
เล่าให้ใครฟังอาจไม่มีใครเชื่อก็ได้ ว่าขุนพลเคยพาเธอไปงานเลี้ยงแห่งหนึ่งแล้วพบว่าลำคอของเธอว่างเปล่า
เขาแวะร้านเพชรเพื่อซื้อเครื่องประดับเพชรให้เธอสวมทั้งชุดและไม่เอาคืน
หญิงสาวเริ่มวางแผนคร่าวๆ ให้ทุกอย่างเสร็จก่อนหกโมงเย็นวันเสาร์ก่อนที่เขาจะไปรับเธอ
ทว่าขุนพลกลับสั่งต่อจนเธอแทบหัวทิ่มตกบ่อ
“เจอกันที่ร้านดาด้า”
เขาหมายถึงระรินดา เพื่อนสนิทของอัยย์ศยาที่คบหากันมาตั้งแต่เด็ก
เรียนมาด้วยกันตั้งแต่มัธยมถึงมหาวิทยาลัย
“ค่ะ” อัยย์ศยารับคำสั้นๆ
แล้วเดินมุ่งหน้าไปยังลิฟต์ด้วยความรู้สึกหน่วงลึกประหลาด
คงเป็นเพราะชื่อของเพื่อนสาวเจ้าของร้านเบเกอรีและคาเฟกาแฟสุดหรูย่านทองหล่อกระมัง
ยิ่งนับวันเธอยิ่งรู้สึกว่าขุนพลกำลังจงใจข่มเธอให้ตัวลีบลงจนกลายเป็นไม้จิ้มฟัน
เขารู้จักระรินดามาพร้อมกับเธอ แต่น้ำเสียงและสรรพนามที่พูดถึงบ่งบอกความสนิทสนมที่เขามีให้ต่างกัน
หญิงสาวถอนใจตอนที่ลิฟต์เปิดออก ลืมเรื่องก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยไปชั่วขณะ เปลือกตาหนักอึ้งจนนึกถึงแต่ห้องนอน
แต่ตอนที่เธอกำลังจะเอื้อมมือไปกดปิดลิฟต์
เจ้านายหนุ่มก็ก้าวเข้ามายืนหายใจร่วมอยู่ในกล่องโดยสารแคบๆ ด้วยกัน
“ไปกินข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”
อัยย์ศยากำลังจะหันไปปฏิเสธอย่างมีมารยาทที่สุดเท่าที่เธอจะอดทนต่อการใช้งานไม่เกรงใจของเขา
แต่เสียงท้องของเธอกลับครวญครางจนได้ยินชัดในขณะที่ลิฟต์ไต่ระดับลงมาชั้นล่างสุดของอาคาร
หญิงสาวแก้มร้อนซู่กับเสียงหัวเราะทุ้มๆ ในลำคอ
จนเผลอตวัดสายตาไปมองเขาอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะรู้ตัวว่าเธอคิดผิด
ขุนพลกำลังหรี่ตาลง เสียงหัวเราะยังคงอยู่ในลำคอ ผิวหน้าของเขาอมชมพู
ไรหนวดเขียวครึ้มและกลิ่นลมหายใจของเขาทำให้เธอแทบล้มพับ
“ถ้าจะบอกว่าไม่หิวนี่ ถือว่าผิดศีลข้อสี่เชียวนะครับ
ไหม”
อัยย์ศยาเดินลูบแขนที่ขนลุกเกรียวกับเสียงนุ่มๆ
ที่เขาใช้เรียกชื่อเล่นของเธอ หญิงสาวจ้องแผ่นหลังใต้เชิ้ตสีขาวอย่างเหลืออด แต่ในที่สุดเธอก็ข่มอารมณ์ตัวเองลงได้เหมือนทุกครั้ง
เดินตามเขาไปขึ้นรถนำเข้าสุดหรูเพื่อตรงไปรับประทานมื้อดึกกับเจ้านายเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เขาทำแบบนี้เสมอมาสามปีแล้ว
ความคิดเห็น