ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { ChanBaek Fiction :: Fay }

    ลำดับตอนที่ #2 : #ficfaycb : chapter 2 'ฝันร้ายจะกลายเป็นดี'

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 59






    Fay : 1

    ' ฝันร้ายจะกลายเป็นดี '




    ผมเหลือบมองตุ๊กตาตัวเก่านอนแอ้งแม้งอยู่มุมห้องก่อนจะตัดสินใจลุกไปหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นอย่างทุลักทะเล ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องใส่ใจมันนักก็แค่ตุ๊กตาที่จะให้แฟนเก่า เป็นของขวัญเซอร์ไพรส์เพื่อขอแต่งงานและกลายเป็นเครื่องเตือนความจำแย่ๆแต่ก็ถามตัวเองซ้ำๆว่าทำไม... ทั้งที่มันยากและเกินกำลังแต่ผมพยายามยกหมีตัวโตด้วยมือแขนข้างเดียวขึ้นบนเตียงกินพื้นที่ไปกว่าครึ่ง ใช้เวลาจ้องมองดวงตาสีนิลนั่นก่อนจะแทนที่ด้วยใบหน้าหวานแสนคุ้นเคย สมองดีแต่สั่งไม่ให้คิดถึงแต่หัวใจกลับทำไม่ได้เลย ซึ่งไม่รู้อะไรดลใจให้ผมกอดมันพร้อมหลับไปด้วยกัน...

     

    และสักพักผมก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแต่ที่ผมอยู่นั้นไม่ใช่ห้องนอนอีกต่อไป

    พื้นที่รอบด้านกลายเป็นสีขาวโพลนมีควันลอยฟุ้งรอบตัว สัมผัสเย็นโอบรอผิวจนรู้สึกได้แต่ผมไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใด

    ผมเดินไปเรื่อยๆโดยไร้จุดหมาย ไม่อาจทราบได้ว่าปลายทางมันจะพาผมไปหาสิ่งใดมีเพียงแสงสีขาวนำไปเท่านั้น

     

    เฮ้...! นายคนซื่อบื้อ! ’ ผมพยายามหามองหาต้นเสียแต่กลับไม่พบใคร

    จะมองหาทำไมฉันอยู่ข้างๆนายนั่นแหละ คนซื้อบื้อ!  ’ ผมมีชื่อนะ ผมชื่อชานยอลไม่ได้ชื่อซื่อบื้อแบบเขาว่าสักหน่อย!

    นายว่าใครซื่อบื้อฮะ!? ’ผมตะโกนแข่งกับเสียงหัวเราะคิกคักตลอดทาง

    มิสเตอร์ปาร์คซื่อบื้อ! คำก็ซื่อบื้อสองคำก็ซื่อบื้อนี่มันจะมากไปแล้วนะ!

    นายสิซื่อบื้อ! ’ แล้วผมก็บ้าเถียงกับเสียงประหลาดๆนี้ ทำไมซื่อบื้อจังวะ?

    ฉันไม่อยากเถียงกับนายแล้วเจ้ามนุษย์ซื่อบื้อ! เอาเป็นว่าเรามาคุยธุระกันดีกว่าเมื่อผมได้ยืนคำว่าธุระหัวคิ้วขมวดมุ่นโดยทันที

     ‘ เพ้อเจ้อว่ะ! ’ ผมฝันอะไรเนี่ย!?

    สองขาพยายามก้าวหาทางออกหัวสมองสั่งให้ตัวเองตื่นแต่มันเหมือนว่าผมกำลังถูกควบคุมให้หันไปตามทิศทางเสียมากกว่าพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก

    เฮ้! นายเป็นใครเนี่ยผมตะโกนถามคนบนฟ้าเสียงใสๆตอบกลับมาโดยไม่ลังเล

    ฉันเป็นเทวดาไอ้นี่มันนอกจากซื่อบื้อแล้วยังเพ้อเจ้ออย่างเขาว่าจริงๆด้วยผมจึงไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะได้อีกต่อไป

    ฉันไม่เชื่อหรอกผมพยายามกลั้นขำและยั่วโมโหไอ้เจ้านี่พร้อมๆกัน

     ‘ ใครเชื่อนายก็โง่เต็มทีและผมก็เหนื่อยมากกับการเถียงไปเดินไปอย่างไร้ทิศทางเพราะเขาเป็นคนบังคับผมน่ะสิ!

    ซื่อบื้อเขาเอ่ยบอกพร้อมเสียงจริงจังไม่มีแววขบขันเลยสักนิด

    ฉันไม่โง่โดนคนอย่างนายหลอกหรอก ผมว่าพลางเดินไปเรื่อยๆก่อนจะทรุดตัวลงพักเพราะเสียงใสๆนั้นเงียบไป

    เฮ้... อย่าเงียบดิ! ’ ผมตะโกนหาเสียงที่คอยตอแยผมอีกครั้ง ถึงมันจะน่ารำคาญแต่การอยู่คนเดียวมันไม่ใช่เรื่องดีนัก

    แล้วนายจะให้ฉันพูดอะไรล่ะและเพียงไม่นานเสียงใสๆก็กลับมาแต่ไม่ร่าเริงนัก

    งอแงอย่างกับเด็กแน่ะ! ’ เสียงนั่นฟังดูหงอยๆไม่ค่อยพอใจกับผมเท่าที่ควร

    ฉันไม่ได้งอแง! ’ เมื่อเสียงเล็กตอกกลับมาผมก็ได้แต่หัวเราะกับตัวเอง

    บางทีผมอาจจะซื่อบื้อจริงๆถึงได้คุยกับเขานานสองนาน

    นายมันบ้าหรือเปล่าชานยอล!? ขำอะไรนักหนาห้ะ!! ’ แล้วผมก็หัวเราะอีกครั้งเมื่อเสียงใสสะบัดใส่

    ขำนายไงทำตัวเป็นเด็กๆผมเค่นยิ้มเมื่อนึกถึงจินตนาการเจ้าของเสียงใสเป็นเด็กผู้ชายไม่เกินสิบขวบ

    ผมคาดเดาเอาจากสมองน้อยๆของเขาที่ยังฟังนิทานหลอกเด็กพันนั้นและเชื่อว่าตัวเองเป็นเทวดา

    ฉันแก่กว่านายเยอะเหอะ! ’ ว่าแล้วเจ้าเด็กนั่นก็เถียงผมอีกหน

    เอาเถอะฉันเบื่อจะเถียงกับนายแล้วเพราะผมไม่อยากเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก

    ตอนนี้ผมนั่งทรุดท่ามกลางหมอกควันเย็นสีขาวลอยฟุ้งรอบตัวอย่างกับดรายไอซ์และเสียงนั้นก็เงียบหายไปอีกหน

    นี่นายมาคุยกับฉันก่อนสิ..เพราะคุยกับเด็กผมเลยต้องทำตัวเด็กตามไปด้วย

    บอกฉันหน่อยก็ดีว่าจะตื่นจากฝันบ้าๆนี่ยังไงยอมดัดเสียงใหญ่ๆของตัวเองให้เล็กลงมาหนึ่งคีย์ถ้าฟังดีๆมันอุบาทไม่แพ้ควายออกลูกเลยจริงๆ

    โหยย!ไอ้เด็กบ๊องเอ้ย! ’ ไม้อ่อนยอมให้แล้วถ้าไม่สนใจกันก็ไม่ต้องสนโว้ย ปาร์ค ชานยอลพยายามตื่นเองก็ได้!

    ใครบ๊อง!พูดให้ดีๆนะปาร์ค ชานยอล!! ’ ว่านิดหน่อยทำเป็นเหวี่ยง ทำเป็นขึ้นเสียงใส่! ถ้ายืนตรงหน้าพ่อจะจับฟาดก้นให้!

    เออดี! ออกมาสักทีฉันเหนื่อยแล้วเนี่ย! ’ ผมตะโกนกลับไปไม่ขาดปาก เถียงกับเด็กนี่ก็สนุกดี

    นายเรียกฉันออกมามีอะไรก็รีบๆพูดสิ! ’ เสียงเล็กตะโกนลับมาในทันทีด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวกว่าเดิม

    ถ้าฉันอยากจะออกจากที่นี่ฉันต้องทำยังไง?ผมไม่ลังเลที่จะถามความข้องใจ

    นายอยากรู้ไปทำไม? ฉลาดนักก็หาทางออกเองสิ! ’ ว่าแล้วก็โดนค้อนอีกที ทำไมขี้หงุดหงิดยังงี้วุ้ย!?

    งั้นฉันขอถามว่าธุระของนายคืออะไร?ผมที่เพิ่งนึกธุระของเจ้าเด็กนั่นได้เลยถามออกไปด้วยความอยากรู้

    ลืมไปแล้วไม่ตอบแถมยังงทำเป็นลืมไอ้เจ้านี่แสบไม่เบา

    นายผมกดเสียงต่ำพยายามสื่อถึงความไม่พอใจ

    ถ้าไม่พูดฉันก็จะนอนตายมันอยู่ในนี้นั่นแหละ เพราะเริ่มหงุดหงิดกับตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินวนอยู่อย่างนี้

    เฮ้ยๆ! นายจะตายไม่ได้นะ ถ้านายตายฉันก็แย่สิ! ’ ผมไม่สนอะไรอีกแล้ว ผมนอนหลับตาแน่นิ่งคิดเสียว่าเป็นเพียงความฝัน เด็กนั่นพล่ามอะไรก็ช่างสิ

     

    ผมได้ยินเสียงกระเง้ากระงอดังอยู่ข้างหูจะบอกว่าคล้ายกับถูกผีอำก็ไม่เชิง เขายังคงนอนหลับสนิท ร่างกายเคลื่อนไหวได้ปกติเพียงแค่ภาพที่เห็นคือสีขาวและเสียงใสๆที่เอาแต่พูดพร่ำอยู่เรื่อยในเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ

     

    .....

     

    ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในทันทีกลับลายเป็นว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วแต่ในหัวสมองยังคงจดจำฝันประหลาดของเมื่อคืนได้อย่างละเอียดยิบไม่ผิดสักประโยค....

     

    ผมบิดซ้ายบิดขวาด้วยความขี้เกียจตอนเวลาเกือบสิบโมงแต่มันเป็นโชคดีที่ผมไม่ต้องรีบร้อนไปทำงานเพราะคุณนายปาร์คเห็นสภาพผมแล้วก็แทบจะขังผมไว้ในห้องแล้ว

     

    ผมกลับมานั่งถอนหายใจอีกรอบพาลนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนได้สักพักก็ได้ยินเสียงสวบสาบบนที่นอนในผ้านวมหนาๆ รู้สึกได้ว่ามีอะไรขยับไปมาจนเป็นก้อนขมุกขมยชนิดสังเกตุได้

     

    ผมจึงตัดสินใจเอามือไปลูบๆก็รู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตอยู่ข้างในมันนิ่มๆไม่ใหญ่มาก...หรือว่าจะเป็นก๊อตซิลล่า!?

     

    แม่เจ้า! นี่มันเกาหลีนะเว้ยไม่ใช่ญี่ปุ่น!

     

    ผมถึงกับผงะถอยกรูดไปชิดฝาผนังกลัวมีตัวอะไรจะเผลอออกมาแต่ก็ไร้วี่แววใดๆนอกจากมันจะดุ้กดิ้กจนปอยสีดำสนิทโผล่ออกมาหากคุณฉลาดพอคุณจะรู้ว่านั่นมันคือผมคนไม่ใช่ขนก็อดซิลล่า!

    ผมจึงตัดสินใจขึ้นไปบนเตียงก่อนจะกระชากผ้าห่มออกจึงปรากฏชายหนุ่มตัวเล็กๆนอนคดอยู่บนที่นอนผมสีดำปรกหน้าขาวไว้มีเสียงครางงุ้งงิ้งเมื่อผมเอานิ้วจิ้มเนื้อนุ่มๆที่ต้นแขนเปลือยเปล่าเพราะเขาใส่ชุดเอี้ยมยีนส์สีน้ำเงินเท่านั้น

    ไม่มีเสื้อข้างในหรือเสื้อซับใดๆซึ่งมันอาจจะโล่งและเย็นไปหน่อยสำหรับการนอนห้องแอร์เขาจึงขดตัวเข้าหากันจนสายเอี้ยมมันล่วงเผยผิวขาวเนียนเกือบทั้งตัว...

    อะ....เอ่อ...  

    ผมใช้ความเป็นสุภาพบุรษมองข้ามจุดๆนั้นไปแล้วพลิกคนตัวเล็กขึ้นมานอนหงายดีๆจะได้มองหน้าชัดๆ พอเท่านั้นแหละผมถึงกับไปไม่เป็น....

    คนตรงหน้ามีหน้าตาจิ้มลิ้ม ปากบางติดสีชมพูระเรื่อไม่สมกับการเกิดเป็นผู้ชายเลยสักนิด ดวงตาเล็กยังคงชิดปิดเพราะนอนไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่มันก็ซ่อนความดื้อรั้นไม่มิดเมื่อปลายจมูกเรียวเล็กเชิดขึ้นขนาดนั้น...

     

    นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!

    ทำไมมีคนมานอนในห้องผมได้อะ!

    แล้วไอ้เด็กนี่มันมาได้ไง!?

    เป็นผีตัวเมื่อคืนหรือไง?

    ซึ่งมันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว! นี่มันโลกแห่งความจริงไม่ใช่นิยายแฟนตาซีนะคุณ!

    ผมสะบัดหัวทิ้งความคิดบ้าๆนี่ออกไปพร้อมกับปลุกอีกคนขึ้นมาไถ่ถามประวัติให้ชัดเจนเป็นขโมยมาจากที่ไหนผมจะได้คืนส่งตำรวจถูก สน.

    “ งื้อ... งื้อออออ~ ” เสียงเล็กครางงุ้งงิ้งเหมือนลูกหมาไม่มีผิดผมจึงอดขำไม่ได้

    “ เฮ้!ตื่นสิไอ้เด็กบ้า ” ผมเขย่าร่างเล็กเบาๆเมือเขาเริ่มพลิกตัวหาแหล่งพักพิงซึ่งมันไม่พ้นตักผมหรอก

    แล้วทำไมปาร์ค ชานยอลต้องใจสั่นวะ? นี่มันโจรนะเว้ย!

    “ ไอ้โจร!ตื่นได้แล้วนายถูกจับแล้ว! ” ผมตะโกนกรอกหูเล็กจนแดงแปรดไม่รู้ว่าเจ้าตัวโมโหขนาดไหน

    “ โว้ยยยยยยยยย!ปาร์คชานยอลล! ” ว่าแล้วเขาก็ตื่นขึ้นมาโวยวายทั้งที่หลับตาท่าทางกระฟัดกระเฟียด

    “ ลุก!ลุกจากเตียงฉันเดี๋ยวนี้! ” ผมช้อนตัวเขาขึ้นด้วยน้ำหนักที่ไม่เบานักเห็นตัวเล็กๆนึกว่าจะเป็นนุ่นนี่มันท่อนซุงนี่หว่า!

    “ เจ้ามนุษย์ซื่อบื้อปล่อยฉันลงนะเว้ย! ” แต่...เอ๊ะ...เสียงนี้... มันคุ้นๆนะ!

    แต่ผมไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆหรอก คนแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้เข้ามาห้องคนอื่นหน้าตาเฉยมันไม่ใช่เรื่องปกติเสียหน่อย ผมต้องส่งเขาให้ตำรวจถึงจะไม่ใช่ขโมยถ้าเป็นเด็กหลงขึ้นมาพ่อแม่ไม่ตามหากันให้วุ่นเลยหรือไง

    “ นี่!หยุดดิ้นได้แล้วเดี๋ยวก็ตกหรอก ”

    “ ไม่หยุด!ปล่อยสิ!ปล่อย!

    ไอ้เด็กนี่น่ารำคาญพอๆกับป้าแม่บ้านที่คอนโดเลยสิให้ตาย วางมันตรงนี้แหละ!

    “ โอ้ย! เจ็บนะไอ้มนุษย์ซื่อบื้อ!

    คนตัวเล็กร้องโอดโอยคลำก้นป้อยๆแทบจะเบะร้องไห้อยู่แล้วแต่ผมไม่สงสารเขาหรอก เด็กนิสัยไม่ดีสมควรโดนลงโทษ

    ผมจึงตัดสินใจปล่อยเขาลงพื้นแข็งๆก่อนจะกระโดคร่อมทับไม่ให้อีกคนลุกหนีแต่ขึ้นชื่อว่าโจรมันก็ต้องขัดขืนและพยายามต่อสู้เป็นธรรมดาผมเลยตรึงแขนทั้งสองข้างไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียว ใช้ขากดสะโพกที่บิดไปบิดมาอยู่ใต้ร่าง

    ท่าทางล่อแหลมเป็นบ้าแต่ไม่ได้จะข่มขืนเขาหรอกนะ...

    คือไม่อยากจะบอกคนอะไรแรงเยอะชิบหาย! อย่าให้มีแส่มีเชือกจะจับมัดแล้วตีให้ตัวลายเลยคอยดู!

    “ ปล่อยนะเว้ยชานยอล!  ” ผู้ร้ายตัวเท่าลูกหมาได้แต่ดิ้นไปดิ้นมาจนเหนื่อยหอบ

    “ ไม่ปล่อย!นายบอกมาก่อนว่านายเป็นใครมาทำอะไรที่นี่แล้วนอนเตียงฉันได้ยังไง!? ผมยิงคำถามรัวแล้วเร็วจนเขาชะงัก ผมเชื่อว่าไอ้สมองที่ยังไม่ตื่นดีกำลังประมวลผลอยู่แน่ๆ

    “ แม่ง... ซื่อบื้อทั้งตอนตื่นตอนนอนจริงๆ ” อย่าคิดว่าผมไม่ได้ยินนะว่าเขานินทาในเมื่อเราใกล้กันขนาดนี้แทบจะรวมร่างอยู่แล้ว

    “ นี่! ตอบคำถามฉันมา! ” ผมถามหาคำตอบจากเจ้าของใบหน้างุ้มงออีกครั้ง

    บยอน แบคฮยอน! ” แบคฮยอนไหนวะ? ผมมันคนตระกูลปาร์คจะไปมีญาติตระกูลบยอนได้ไง?

    “ จะตอบดีๆหรือให้ฉํนจับส่งตำรวจ ” และผมก็ได้คำตอบเป็นค้อนวงใหญ่

    “ ฉันเป็นเทวดา เป็นเด็กบ๊อง ทันนี้จำได้ยั้ง? ” เสียงเล็กตะโกนแทบขาดใจดวงตาเรียวถลึงตาใส่ในทันที ผมสบดวงตาเรียวเล็กโดยไม่ตั้งใจ นัยน์ตาสองคู่มีแววโกรธจัดแต่มันกลับทำให้ใบหน้าน่ารักดูสดใสยิ่งขึ้นจนเข้าขั้น...ตลกเลยก็ว่าได้!

    ผมจึงระเบิดเสียงหัวเราะขนาดใหญ่ออกมาจนถึงกับนอนขำกลิ้งตัวงอข้างๆไอ้เจ้าเปี๊ยกนั่นแหละ

    พูดไปเดี๋ยวตกนรกคือผมไม่อยากเชื่อเท่าไรว่าฝันบ้าๆนั่นจะเกิดขึ้นจริงเลยขำตัวเองซะท้องแข็งแล้วยิ่งเจ้าแบคฮยอนพูดแบบนั้นทำให้ผมขำเข้าไปใหญ่

    นี่มันจะเพ้อเจ้อเกินไปแล้ว...ให้ตายสิพับผ่า!

    เอาเป็นว่าผมใช้เวลาอยู่นานกว่าจะควบคุมตัวเองได้และหันมาเผชิญกับเทวดาหน้าตาน่ารักมีนามว่าบยอน แบคฮยอน...

    “ ฮะ ฮ่า ฮ่าๆ... เห้อออ... ~~ ฉันล่ะเหนื่อยกับนายจริงๆ ” ผมปาดน้ำตาออกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับมาจ้องหน้าเจ้าเทวดาตัวน้อยนี่อีกหนในท่าทีเดิม

    นี่มันจะแฟนตาซีไปแล้ว!

    “ นายชื่ออะไรนะ ” ผมถามจริงจังตีมาดเคร่งขรึมเข้าไว้ซ่อนรอยยิ้มไว้ด้วยการทำหน้าตายขั้นสุด

    “ ฉันบยอน แบคฮยอนเป็นเทวดาประจำตัวนาย ” เสียงเล็กฟังดูเหนื่อยหน่ายกับการตอบคำถามนี้

    “ นี่มันไม่ตลกเลยนะเจ้าเด็กบ๊อง ” ผมจึงเขกหัวงามๆไปหนึ่งทีข้อหาติดตลกไม่รู้เวลา

    “ นี่!ฉันพูดความจริงนะ ” แบคฮยอนเม้มปากคิ้วขมวดหน้ามุ่ยเป็นเด็กโดนขัดใจ

    “ พิสูจน์สิ ” ผมยักคิ้วสามทีพร้อมกระตุกยิ้มมุมปาก

    เจ้าเปี๊ยกแบคฮยอนถึงกับมุ่ยหน้าด้วยความไม่พอใจ ผมจึงดึงเข้าขึ้นมานั่งดีๆบนเตียงเชิญหน้ากันตรงๆงานนี้ตัวต่อตัว!

     

    ว่าแล้วเจ้าเด็กซนก็หลับตาทำปากขมุบขมิบผมแอบได้ยินเสียงงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์พร้อมถอนลมหายใจ...

     

    และความรู้สึกประหลาดก็เริ่มโจมตีผมช้าๆเมื่อของในห้องพลันกระจัดกระจายไปทั่วไร้ซึ่งตำแหน่งแน่นอนอยู่ในอากาศ เป็นเพียงสิ่งของเล็กๆเช่นนาฬิกา ขวดน้ำ กระปุกต่างๆ ส่วนหมอนผ้าห่มที่ใหญ่เกินตัวผู้แสดงฤทธิ์ถูกยกขึ้นไม่สูงนัก

    เท่านั้นแหละ... รู้เรื่อง!

    สติผมไปไกลกว่าที่ควร สองขาถอยหลังยันตัวเองไว้กับประตูห้องนอน มองร่างบางยิ้มสดใสตาปริบๆ

    ไอ้เด็กนี่มันเป็นปีศาจ! หรือผมจะฝันอยู่!

    แต่หยิกแก้มก็แล้ว บิดแขน ฉีกขา กระโดดตบ ดึงหู อะไรก็แล้วแต่ภาพใบหน้ายิ้มสยองยังหลอนในประสาท

    ผมโดนผีหลอกลางวันแสกๆ! จงอินแม่งหายไปไหนวะ! ใครก็ได้ช่วยผมที!

    “ ซื่อบื้อชะมัด เหอะ!” กว่าจะรู้ตัวว่าซื่อบื้อก็ถูกเด็กหลอกด่าเข้าให้ ว่าจะจับตัวออกไปนอกห้องแต่ดูท่าก็คงไร้ประโยชน์ ไอ้เด็กนี่มันคงเดินทะลุประตูเข้ามาแน่ๆ

    “ ที่นี้เชื่อได้ยั้ง? ฉันหมดแรงจะทำอะไรแล้ว ฉันเหนื่อยจริงนะ ” คนตัวเล็กว่าพลางเบะปาก ใบหน้าขาวเหงื่อท่วมเหมือนวิ่งรอบสนามสักสิบรอบ

    “ หะ หะ... อะ... เออ... ” เจองี้ไปไม่เป็นเลยล่ะ

    “ ไม่มีไรแล้วใช่มั้ย? ฉันนอนก่อนนะ ” แบคฮยอนไม่พูดเปล่ายังทำตามที่พูดด้วย เขาเริ่มมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ซุกๆขลุกๆอยู่สักพักก็นอนหลับสนิทจนได้ยินเสียงครางงุ้งงิ้งอีกรอบ...

     

    ขาแข็งๆถึงกับทรุดยวบผมไม่มีแรงยืนต่อไป.... ถึงได้สลบลงไปแบบนี้ไง

     

    .....

     

    สายบ่ายคล้อยวันเวลาผ่านไปเร็วจนเหลือเชื่อ นี่ก็บ่ายโมงกว่าแต่ไม่มีทีท่าว่าปาร์คชานยอลจะตื่นขึ้นมา

    นั่นนอนหรือซ้อมตาย? ถามจริง?

    หรือเป็นโชคดีอาจจะยังไม่ตาย...แค่สลบ

    ด้วยความสงสัยจึงลุกไปดูหวังไว้ในใจลึกๆให้เป็นอย่างหลัง

    ชานยอลยังนอนสลบอยู่หน้าห้องโดยมีผ้าห่มคลุมตัวหมอนหนุนสบายอารมณ์ ขณะที่ได้แต่นั่งมองคนตัวโตนอนขดหัวใจผะแผ่ว เอาจริงๆพอหลับตาเขาก็ยังซื่อบื้อออยู่ดี

    นี่เทวดาโว้ยไม่ใช่ผีทำไมต้องกลัวด้วยวะ!

    “ นาย... ตื่นสิ ตื่น ” ผมพยายามเรียกเขาอยู่พักหนึ่งแต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจึงถือวิสาสะเขย่าตัวให้ได้รู้สึก ถ้านอนนานกว่านี้เขาต้องหิวตายแน่ๆ

    ทำไมต้องมองแบบนั้นด้วยตอนนี้ผมก็เป็นมนุษย์คนนึงนะแค่มีความสามารถพิเศษแบบแฮรรี่พอตเตอร์

    “ ชานยอล... ชานยอล ” ผมเขย่าตัวเขาเบาๆเพื่อให้ตื่นเพราะนี่บ่ายกว่าแล้ว เขาควรลุกมากินอะไรก่อนท้องจะปวด

    ไม่ได้เป็นห่วงแต่กลัวเจ้านี่จะตายเอา

    “ ลุกมากินข้าวเร็ว ” ไม่มีสัญญาณตอบรับใดใดจากเจ้ายักษ์ที่ท่านเรียก... อื้ม... แบคฮยอนควรปลง

    “ ชะ..ชาน..เฮ้ย! ” แล้วอยู่ดีๆเขาก็ลุกขึ้นมาทำหน้าตาตื่นใส่ผมถอยหลังกรูดชิดกำแพงห้องมองมาอย่างระหวาดระแวง ยัง ไม่เลิกคิดว่าผมเป็นผีอีกหรอ?

    ตั้งสติหน่อย

    “ ฉันหิว ” คนตัวเล็กยู่ปากตวัดสายตาอย่างเคืองๆแต่ไม่มีปากเสียงอะไรเพราะปาร์คชานยอลกำลังตีหน้าดุมองเขาอย่างแปลกใจ

    “ นายมันซื่อบื้อ ” แต่แล้วแบคฮยอนก็คือแบคฮยอนไม่ได้จิกก็ขอให้ได้กัด เจ้าตัวว่าเสร็จก็วิ่งดุ้กๆออกจากห้องทิ้งคนซื่อบื้อไว้ทั้งอย่างนั้น

    ผมเดินเข้ามาในครัวนั่งรอเจ้าของห้องเหมือนหมารอเจ้านาย จริงๆไม่อยากเทียบตัวเองเป็นหมาเท่าไรแต่มันไม่ต่างอะไรกัน เลย ผมทำอาหารไม่เป็นคงได้แต่รอเจ้าของห้องตัวจริงได้สติและกลับมาทำหน้าที่นี้สักที

    ผมเป็นแขกนะจะปล่อยไว้อย่างนี้จริงๆหรอ?

    และไม่นานชานยอลก็เดินโซเซทำเป็นใจกล้ามองหน้าผมแบบตื่นๆ เขาคงยังกลัวอยู่ซึ่งผมไม่มีสิทธิ์ไปบอกเขาให้เลิกคิดบ้าๆอย่างนั้นได้  

    คนตัวสูงว้าวุ่นกับหม้อไฟกะละมัง หยิบนู่นจับนี่เป็นว่าเล่นราวกับทั้งห้องไม่ได้มีแบคฮยอนนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้


    เฮ่นโหล่วฟอร์มดิออเต้อร์ซ้ายยยยย~~~~~


    พอบ่นในใจได้สักพักสปาเกตตี้จานร้อนก็ถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้า เราเลือกที่จะกินไปเงียบๆ นอกจากเสียงช้อนส้อมกระทบกันคงเป็นเสียงถอนหายใจของคนตรงหน้านี่แหละที่เขารำคาญ

    “ ไม่กินหรอ? ” ผมชี้ไปที่จานสเปเก็ตตี้ตรงหน้าของเจ้าตัว

    “ อิ่มแล้ว ” ชานยอลพูดเขี่ยนเส้นยาวๆไปมาแบบเซ็งๆ

    “ ขอได้ปะ ” ผมคว้าจานตรงหน้าในทันที เอาจริงๆไม่ได้อร่อยมากมายหรอก เขาแค่หิว...หิวมากๆเลยด้วย

     

    แล้วมื้ออาหารก็ผ่านไปได้ด้วยดี...หรือเปล่า?

     

    “ จ้องขนาดนั้น มีอะไรหรือเปล่า? ” แบคฮยอนว่ายาวเมื่อเห็นหัวคิ้วผมขมวดเข้าหากันกระแสสายตาส่งผ่านความไม่พอใจและไม่เข้าใจด้วยพร้อมกัน

    “ มีอะไรสงสัยก็ถามสิ จ้องอยู่ได้ ” ปากเล็กบ่นมุมิ ช้อนตามองเป็นพักๆแบบขอไปที

    “ ฉันแค่สงสัยว่านายเป็นใคร มาจากไหนและต้องการอะไร ” คิ้วบางขมวดมุ่นทันทีเมื่อชานยอลถามจบ

    “ ฉันว่าฉันตอบไปแล้วนะ นายก็ไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยากนี่หน่า ” ผมเอียงคอซ้ายขวาพยายามยิ้มให้แต่สำหรับชานยอลคงเรียกว่ากวนเบื้องล่างมากกว่า

    “ จะต้องแบ๊วเนาะ ” เดี๋ยวเจองานหยาบจะรู้สึกนะชานยอล!

    “ พูดไปนายก็ไม่เชื่อฉันอีกนั่นแหละ คุณปาร์ค ” แบคฮยอนว่าพลางส่ายหน้ายิ้มขำ ไม่ได้จริงจังกับสิ่งที่พูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ

    “ ใครเชื่อนายก็บ้าแล้ว? บอกมาดีๆไปฝึกเรียนมายากลที่ไหน แล้วเข้าห้องฉันมาได้ไง ” ถ้าไม่รู้ความจริงคืนนี้ปาร์คชานยอลคงนอนไม่หลับแน่ๆเขามั่น อะไรจะซื่อบื้อขนาดนี้

    คนตัวเล็กดูลังเลแต่ไม่นานความซุกซนจากดวงตาเรียวก็กลับมาดังเดิม พร้อมกับใบหน้าเชิดขึ้นแสดงท่าทางมั่นใจไม่แพ้แววซนๆสีนิลนั้นเลยสักนิด

    “ ฉันชื่อบยอน แบคฮยอนเป็นเทวดาคุ้มครองนาย อายุสิบหกปีจริง จะเชื่อมั้ยล่ะ?” ปากเล็กๆก็เล่าเรื่องของตัวเองให้ชานยอลฟังคร่าวๆพอเข้าใจ

     “ เข้าใจแล้วใช่มั้ย? ” ชานยอลพยักหน้าตามทั้งที่เครื่องหมายคำถามเต็มหัว

    “ สรุปง่ายๆนายจะมาอยู่กับฉันสามเดือน? ” แบคฮยอนพยักหน้ารัวๆยิ้มแฉ่ง

    ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อชานยอลเริ่มใช้ความคิด เขาไม่ได้ว่าอะไรถ้าชานยอลจะไล่เขาออกจากห้องเพราะสุดท้ายตอนเช้าเจ้านี่ได้เห็นเขานอนบนเตียงเหมือนเดิมนั่นแหละ... ในเมื่อถูกเลือกมาให้ทำหน้าที่นี้แล้วเขาจะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด

    ช่วยอดทนหน่อยละกันนะเจ้ามนุษย์ซื่อบื้อ

     

    ....

     

    ผมไล่แบคฮยอนไปอาบน้ำ เขาไม่ใช่เด็กดื้อย่างที่คิดแม้จะชอบโวยวายใส่ผมอยู่เรื่อย ระหว่างนั้นผมรีบติดต่อไอ้จงอินทันทีงานนี้มันมีเงื่อนงม เขาระแวง่าเจ้านี่อาจเป็นคนที่คุณหญิงส่งมา ไอ้เทวดาบ้าๆนั่นไม่มีจริงหรอก เขายังไม่ตายสักหน่อย

    ฮัล...

    มึง! รู้จักคนชื่อแบคฮยอนมั้ย?

    ฮะ? อะไรแบคๆ แพคๆ เด็กใหม่มึงหรอ?

    เด็กใหม่ไรล่ะ เด็กที่ไหนไม่รู้ต่างหากเข้าห้องกูมาขอข้าวกูกินบอกตัวเองเป็นเทวดากูจะบ้า

    ฮะ...?

    สรุปมึงรู้จักปะเนี่ย?

    ฮะ..ฮะ...ฮ่าๆๆๆๆๆ ไอ้เหี้ยแม่งจี้!มุขนี้กูให้สามผ่านเลยสัส! ฮ่าๆๆๆๆๆ

    มุขเชี่ยไรล่ะกูพูดจริง พรุ่งนี้มึมาเลยนะ มาห้องกูมาดูให้เห็นกับตา! ’

    อะ..อ้าวว...เฮ้ยยย! ’

    ติ๊ด!

    .....

    และคิมจงอินมาอย่างที่ผมว่าจริงๆ ตอนนี้เจ้าเด็กตัวจ้อยกำลังนั่งมองคิมจงอินนั่งฝั่งตรงข้ามชนิดตาไม่กระพริบสักวินาที ขณะเดียวกันเพื่อนเขาก็เอาแต่จ้องเด็กเหลือขอนี่นานเป็นนาทีๆแล้วเหอะ

    ถ้าเป็นปลากัดก็ท้องแฝดสามแล้วมั้ง

    “ สรุปมึงรู้จักเด็กนี่มั้ย? ”

    ส่ายหัวแรงมองผมแบบอึ้งๆนั่นหมายความว่างไง?

    “ แม่กูไม่ได้ส่งใครมาใช่มั้ย? มึงห้ามโกหกนะ ”

    “ กูสาบานเลยว่าไม่มีใครส่งมา แม่มึงไม่รู้จักคนน่ารักๆแบบนี้หรอก ”

    ว่าเสร็จไม่วายส่งยิ้มให้คนตัวเล็กข้างๆเขาด้วยนะ ความม่อนี้กูล่ะยอมจริงๆ

    “ ว่าแต่นายชื่ออะไรนะ ”

    “ ผมหรอ ชื่อแบคฮยอนครับ ”

    พูดซะไพเราะเพราะพริ้งต่างกับตอนอยู่กับเขาโดยสิ้นเชิง

    “ พี่ชื่อคิมจงอินนะ ยินดีที่ได้รู้จัก ”

    แบคฮยอนส่งยิ้มหวานจนผมนึกหมั่นไส้ ไอ้เพื่อนรักตัวดีก็กระโดดจึ๋งมานั่งโซฟาเดียวข้างๆคุยจ้อกับเจ้านี่ไม่หยุด ถึงแม้จะเป็นการถามเรื่องง่ายๆอย่างเช่นนายเป็นใคร มาจากไหน อายุเท่าไร ซึ่งคำตอบที่ได้ไม่ต่างจากี่ผมได้รับเท่าไรเว้นเสียท่าทางสดใสร่าเริงเป็นกันเองแบบนั้น

    โอเคเลย... ชานยอลจะไม่ยุ่ง

     

    พอผมออกมาได้ข้างนอกสักพักจงอินก็ตามมาท่าทางแบบนั้นมันคงซีเรียสน่าดู

    “ กูว่ามันแปลกๆว่ะ มึงไม่ได้ทำผู้หญิงที่ไหนท้องและเขาเอามาทิ้งไว้หน้าห้องใช่มั้ย? ”

    “ กูตื่นมาแม่งอยู่ในห้องเลยเหอะ ”

    “ เอาจริงมั้ย? น้องเขาเหมือนคนบ้าอะ พูดอะไรไม่รู้เป็นตุเป็นตะ กูว่าอาการหนัก ”

    “ ก็ใช่ไง แล้วมึงจะให้กูรับเลี้ยงคนบ้าหรอ? ใครก็ไม่รู้มาขออยู่ด้วย กูไม่เอาเข้าคุกตั้งแต่วันแรกก็บุญแล้วมั้ย? ”

    “ เชี่ย คนจริงว่ะ ทำงั้นแม่งใจร้ายไปปะวะ อย่าถือคนบ้าสิ เลี้ยงไปก็ได้บุญหรอก ”

    “ มึงเอาไปอยู่ด้วยมั้ยล่ะ ”

    “ มึงจะยกให้กูจริงอะ? ”

    “ เออ กูพูดจริง ถ้าเขาจะไปกับมึงกูยกให้เลย ”

    ....

    “ ไม่! ผมไม่ไป!

    นั่นแหละแล้วก็เป็นไปตามคาดแบคฮยอนว่าเสร็จก็วิ่งเข้าห้องไปเลยปล่อยผมกับไอ้จงอินไว้กลางทาง หลังจากคุยกันว่าจะส่งมอบเจ้าเด็กนี่ให้เพื่อนผมดูแลแต่เหมือนเจ้าตัวจะค้านหัวชนฝาเลยให้ตาย ทำไมมันดื้อด้านอย่างนี้วะ

    “ กูขอให้เทวดาปกป้องคุ้มครองมึงไปตลอดชีวิตละกันนะ ”

    ผมได้แต่ยืนกุมขมับคิดไม่ตกเพราะเมื่อกลางวันผมลองโทรไปหาคุณนายปาร์ค่านก็บอกว่าไม่ได้ส่งใครมาซ้ำได้รู้อีกว่าเจ้าตัวกำลังเที่ยวรอบโลกรอบที่ล้านแปด หาได้สนใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้ไม่ มันน่าน้อยใจดีจริงๆ

    แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน... ผมต้องจัดการไอ้เด็กแสบนี่ก่อน

    อยู่กินมาคืนนึงแล้วผมว่ามันมากเกินไปสำหรับคนแปลกหน้า จะเป็นโจรที่ไหนก็ไม่รู้ ผมไม่ไว้ใจหรอก...

     

    “ แบคฮยอน ออกมาคุยกันหน่อย”

    ทันทีผมได้เห็นหน้าหงอยๆก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปเพราะดูเหมือนแบคฮยอนกำลังร้องไห้อยู่เลยตอนนี้ ปากเล็กๆคว่ำเบะ หางตาห้อยตกดูน่าสงสาร เสียงฟึดฟัดหายใจไม่ออกกับจมูกแดงๆ มันน่าเอ็นดูน้อยเสียที่ไหน

    แต่ผมจะไม่ใจอ่อนหรอกนะ...

    “ ฉันถามจริงๆนายเป็นใคร ถ้านายพูดความจริงฉันจะไม่ส่งนายให้ตำรวจและจะพายามติดต่อพ่อแม่นายให้ ”

    คนตัวเล็กมองผมตาขวางมันไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด เด็กอายุสิบหกมันจะมีอะไรให้กลัว เหมือนลูกหมาที่ดีแต่ขู่ก็เท่านั้น

    “ ฉันบอกความจริงนายก็ไม่เชื่อ ถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นเด็กหลงแอบสะเดาะกลอนเข้าห้องคนอื่นและจะหลอกนายกินไปอีกสามเดือน นายจะเชื่องั้นสิ ”

    “ ถ้านั่นเป็นเรื่องจริงฉันก็จะเชื่อ ”

    ผมแค่อยากจะเชื่อในสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ ไอ้พลังวิเศษของลอยอะไรนั่นผมว่ามันก็แค่มายากลหลอกเด็ก ถ้าผมเชื่อว่าเด็กนี่เป็นเทวดาผมไม่เป็นคนบ้าเหรอ

    “ ก็แล้วแต่นาย จะเอาไงก็เอา แต่อย่าส่งฉันไปให้จงอินนะขอร้อง ”

    เสียงเล็กเว้าวอนอยู่ในที ไม่มีอะไรนอกเสียจากน้ำใสคลอกหน่วยตาทั้งสองข้างทำเอาผมใจอ่อนยวบ ไม่รู้ว่าทำไมเขาอยากอยุ่ที่นี่นักหนา

     “ ถ้าคิดจะอยู่กับฉันก็ทำตัวให้มันมีประโยชน์หน่อยละกัน ”

    ทันใดนั้นปากเล็กๆก็ฉีกยิ้มกว้างเป็นสี่เหลี่ยม ถ้ามีหูมีหางคงกระดิกดิ้กๆเลยล่ะ

    “ แต่ก่อนอื่นเลยต้องเรียกฉันว่าคุณชานยอล เพราะฉันอายุมากกว่า ”

    “ อะไรอะ... ไม่เห็นเกี่ยวเลย ”

    “ จะอยู่กับฉันหรือจะไปอยู่กับจงอิน ”

    “ โอเค ครับๆ คุณชานยอล ”

     “ อยู่ที่นี่ก็หัดทำงานบ้านส่วนเรื่องกับข้าวฉันจะจัดการเอง เข้าใจมั้ย? ”

    เขาเห็นหรอกนะว่าแบคฮยอนเริ่มพยศอีกแล้วแต่เพราะตกเป็นรองจึงพยายามไม่เถียงให้มากความ ผมจะพยายามหาพ่อแม่เขาให้เจอและส่งตัวกลับส่วนระหว่างนี้คงต้องใช้ชีวิตด้วยกันไปพลางๆนั่นแหละ



    Tbc.


    ขอบคุณนะคะ ช่วยติดตามกันต่อๆไปด้วยน้า  #ficfaycb <3

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×