คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : #ficfaycb : chapter 2 'ฝันร้ายจะกลายเป็นดี'
ผมเหลือบมองตุ๊กตาตัวเก่านอนแอ้งแม้งอยู่มุมห้องก่อนจะตัดสินใจลุกไปหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นอย่างทุลักทะเล
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องใส่ใจมันนักก็แค่ตุ๊กตาที่จะให้แฟนเก่า เป็นของขวัญเซอร์ไพรส์เพื่อขอแต่งงานและกลายเป็นเครื่องเตือนความจำแย่ๆแต่ก็ถามตัวเองซ้ำๆว่าทำไม...
ทั้งที่มันยากและเกินกำลังแต่ผมพยายามยกหมีตัวโตด้วยมือแขนข้างเดียวขึ้นบนเตียงกินพื้นที่ไปกว่าครึ่ง
ใช้เวลาจ้องมองดวงตาสีนิลนั่นก่อนจะแทนที่ด้วยใบหน้าหวานแสนคุ้นเคย สมองดีแต่สั่งไม่ให้คิดถึงแต่หัวใจกลับทำไม่ได้เลย
ซึ่งไม่รู้อะไรดลใจให้ผมกอดมันพร้อมหลับไปด้วยกัน...
และสักพักผมก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแต่ที่ผมอยู่นั้นไม่ใช่ห้องนอนอีกต่อไป
พื้นที่รอบด้านกลายเป็นสีขาวโพลนมีควันลอยฟุ้งรอบตัว
สัมผัสเย็นโอบรอผิวจนรู้สึกได้แต่ผมไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใด
ผมเดินไปเรื่อยๆโดยไร้จุดหมาย
ไม่อาจทราบได้ว่าปลายทางมันจะพาผมไปหาสิ่งใดมีเพียงแสงสีขาวนำไปเท่านั้น
‘ เฮ้...! นายคนซื่อบื้อ! ’ ผมพยายามหามองหาต้นเสียแต่กลับไม่พบใคร
‘ จะมองหาทำไมฉันอยู่ข้างๆนายนั่นแหละ คนซื้อบื้อ! ’ ผมมีชื่อนะ ผมชื่อชานยอลไม่ได้ชื่อซื่อบื้อแบบเขาว่าสักหน่อย!
‘ นายว่าใครซื่อบื้อฮะ!? ’ผมตะโกนแข่งกับเสียงหัวเราะคิกคักตลอดทาง
‘ มิสเตอร์ปาร์คซื่อบื้อ! ’ คำก็ซื่อบื้อสองคำก็ซื่อบื้อนี่มันจะมากไปแล้วนะ!
‘ นายสิซื่อบื้อ! ’ แล้วผมก็บ้าเถียงกับเสียงประหลาดๆนี้
ทำไมซื่อบื้อจังวะ?
‘ ฉันไม่อยากเถียงกับนายแล้วเจ้ามนุษย์ซื่อบื้อ!
เอาเป็นว่าเรามาคุยธุระกันดีกว่า ’ เมื่อผมได้ยืนคำว่าธุระหัวคิ้วขมวดมุ่นโดยทันที
‘ เพ้อเจ้อว่ะ!
’ ผมฝันอะไรเนี่ย!?
สองขาพยายามก้าวหาทางออกหัวสมองสั่งให้ตัวเองตื่นแต่มันเหมือนว่าผมกำลังถูกควบคุมให้หันไปตามทิศทางเสียมากกว่าพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก
‘ เฮ้! นายเป็นใครเนี่ย ’ ผมตะโกนถามคนบนฟ้าเสียงใสๆตอบกลับมาโดยไม่ลังเล
‘ ฉันเป็นเทวดา ’ ไอ้นี่มันนอกจากซื่อบื้อแล้วยังเพ้อเจ้ออย่างเขาว่าจริงๆด้วยผมจึงไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะได้อีกต่อไป
‘ ฉันไม่เชื่อหรอก ’ ผมพยายามกลั้นขำและยั่วโมโหไอ้เจ้านี่พร้อมๆกัน
‘ ใครเชื่อนายก็โง่เต็มที
’ และผมก็เหนื่อยมากกับการเถียงไปเดินไปอย่างไร้ทิศทางเพราะเขาเป็นคนบังคับผมน่ะสิ!
‘ ซื่อบื้อ ’ เขาเอ่ยบอกพร้อมเสียงจริงจังไม่มีแววขบขันเลยสักนิด
‘ ฉันไม่โง่โดนคนอย่างนายหลอกหรอก ’ ผมว่าพลางเดินไปเรื่อยๆก่อนจะทรุดตัวลงพักเพราะเสียงใสๆนั้นเงียบไป
‘ เฮ้... อย่าเงียบดิ! ’ ผมตะโกนหาเสียงที่คอยตอแยผมอีกครั้ง
ถึงมันจะน่ารำคาญแต่การอยู่คนเดียวมันไม่ใช่เรื่องดีนัก
‘ แล้วนายจะให้ฉันพูดอะไรล่ะ ’ และเพียงไม่นานเสียงใสๆก็กลับมาแต่ไม่ร่าเริงนัก
‘ งอแงอย่างกับเด็กแน่ะ! ’ เสียงนั่นฟังดูหงอยๆไม่ค่อยพอใจกับผมเท่าที่ควร
‘ ฉันไม่ได้งอแง! ’ เมื่อเสียงเล็กตอกกลับมาผมก็ได้แต่หัวเราะกับตัวเอง
บางทีผมอาจจะซื่อบื้อจริงๆถึงได้คุยกับเขานานสองนาน
‘ นายมันบ้าหรือเปล่าชานยอล!? ขำอะไรนักหนาห้ะ!! ’ แล้วผมก็หัวเราะอีกครั้งเมื่อเสียงใสสะบัดใส่
‘ ขำนายไงทำตัวเป็นเด็กๆ ’ ผมเค่นยิ้มเมื่อนึกถึงจินตนาการเจ้าของเสียงใสเป็นเด็กผู้ชายไม่เกินสิบขวบ
ผมคาดเดาเอาจากสมองน้อยๆของเขาที่ยังฟังนิทานหลอกเด็กพันนั้นและเชื่อว่าตัวเองเป็นเทวดา
‘ ฉันแก่กว่านายเยอะเหอะ! ’ ว่าแล้วเจ้าเด็กนั่นก็เถียงผมอีกหน
‘ เอาเถอะฉันเบื่อจะเถียงกับนายแล้ว ’ เพราะผมไม่อยากเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก
ตอนนี้ผมนั่งทรุดท่ามกลางหมอกควันเย็นสีขาวลอยฟุ้งรอบตัวอย่างกับดรายไอซ์และเสียงนั้นก็เงียบหายไปอีกหน
‘ นี่นายมาคุยกับฉันก่อนสิ.. ’ เพราะคุยกับเด็กผมเลยต้องทำตัวเด็กตามไปด้วย
‘ บอกฉันหน่อยก็ดีว่าจะตื่นจากฝันบ้าๆนี่ยังไง ’ ยอมดัดเสียงใหญ่ๆของตัวเองให้เล็กลงมาหนึ่งคีย์ถ้าฟังดีๆมันอุบาทไม่แพ้ควายออกลูกเลยจริงๆ
‘ โหยย!ไอ้เด็กบ๊องเอ้ย! ’ ไม้อ่อนยอมให้แล้วถ้าไม่สนใจกันก็ไม่ต้องสนโว้ย
ปาร์ค ชานยอลพยายามตื่นเองก็ได้!
‘ ใครบ๊อง!พูดให้ดีๆนะปาร์ค ชานยอล!! ’ ว่านิดหน่อยทำเป็นเหวี่ยง ทำเป็นขึ้นเสียงใส่!
ถ้ายืนตรงหน้าพ่อจะจับฟาดก้นให้!
‘ เออดี! ออกมาสักทีฉันเหนื่อยแล้วเนี่ย! ’ ผมตะโกนกลับไปไม่ขาดปาก
เถียงกับเด็กนี่ก็สนุกดี
‘ นายเรียกฉันออกมามีอะไรก็รีบๆพูดสิ! ’ เสียงเล็กตะโกนลับมาในทันทีด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวกว่าเดิม
‘ ถ้าฉันอยากจะออกจากที่นี่ฉันต้องทำยังไง? ’ ผมไม่ลังเลที่จะถามความข้องใจ
‘ นายอยากรู้ไปทำไม? ฉลาดนักก็หาทางออกเองสิ! ’ ว่าแล้วก็โดนค้อนอีกที ทำไมขี้หงุดหงิดยังงี้วุ้ย!?
‘ งั้นฉันขอถามว่าธุระของนายคืออะไร? ’ ผมที่เพิ่งนึกธุระของเจ้าเด็กนั่นได้เลยถามออกไปด้วยความอยากรู้
‘ ลืมไปแล้ว ’ ไม่ตอบแถมยังงทำเป็นลืมไอ้เจ้านี่แสบไม่เบา
‘ นาย ’ ผมกดเสียงต่ำพยายามสื่อถึงความไม่พอใจ
‘ ถ้าไม่พูดฉันก็จะนอนตายมันอยู่ในนี้นั่นแหละ ’
เพราะเริ่มหงุดหงิดกับตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินวนอยู่อย่างนี้
‘ เฮ้ยๆ! นายจะตายไม่ได้นะ ถ้านายตายฉันก็แย่สิ! ’ ผมไม่สนอะไรอีกแล้ว
ผมนอนหลับตาแน่นิ่งคิดเสียว่าเป็นเพียงความฝัน เด็กนั่นพล่ามอะไรก็ช่างสิ
ผมได้ยินเสียงกระเง้ากระงอดังอยู่ข้างหูจะบอกว่าคล้ายกับถูกผีอำก็ไม่เชิง
เขายังคงนอนหลับสนิท ร่างกายเคลื่อนไหวได้ปกติเพียงแค่ภาพที่เห็นคือสีขาวและเสียงใสๆที่เอาแต่พูดพร่ำอยู่เรื่อยในเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ
.....
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในทันทีกลับลายเป็นว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วแต่ในหัวสมองยังคงจดจำฝันประหลาดของเมื่อคืนได้อย่างละเอียดยิบไม่ผิดสักประโยค....
ผมบิดซ้ายบิดขวาด้วยความขี้เกียจตอนเวลาเกือบสิบโมงแต่มันเป็นโชคดีที่ผมไม่ต้องรีบร้อนไปทำงานเพราะคุณนายปาร์คเห็นสภาพผมแล้วก็แทบจะขังผมไว้ในห้องแล้ว
ผมกลับมานั่งถอนหายใจอีกรอบพาลนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนได้สักพักก็ได้ยินเสียงสวบสาบบนที่นอนในผ้านวมหนาๆ
รู้สึกได้ว่ามีอะไรขยับไปมาจนเป็นก้อนขมุกขมยชนิดสังเกตุได้
ผมจึงตัดสินใจเอามือไปลูบๆก็รู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตอยู่ข้างในมันนิ่มๆไม่ใหญ่มาก...หรือว่าจะเป็นก๊อตซิลล่า!?
แม่เจ้า! นี่มันเกาหลีนะเว้ยไม่ใช่ญี่ปุ่น!
ผมถึงกับผงะถอยกรูดไปชิดฝาผนังกลัวมีตัวอะไรจะเผลอออกมาแต่ก็ไร้วี่แววใดๆนอกจากมันจะดุ้กดิ้กจนปอยสีดำสนิทโผล่ออกมาหากคุณฉลาดพอคุณจะรู้ว่านั่นมันคือผมคนไม่ใช่ขนก็อดซิลล่า!
ผมจึงตัดสินใจขึ้นไปบนเตียงก่อนจะกระชากผ้าห่มออกจึงปรากฏชายหนุ่มตัวเล็กๆนอนคดอยู่บนที่นอนผมสีดำปรกหน้าขาวไว้มีเสียงครางงุ้งงิ้งเมื่อผมเอานิ้วจิ้มเนื้อนุ่มๆที่ต้นแขนเปลือยเปล่าเพราะเขาใส่ชุดเอี้ยมยีนส์สีน้ำเงินเท่านั้น
ไม่มีเสื้อข้างในหรือเสื้อซับใดๆซึ่งมันอาจจะโล่งและเย็นไปหน่อยสำหรับการนอนห้องแอร์เขาจึงขดตัวเข้าหากันจนสายเอี้ยมมันล่วงเผยผิวขาวเนียนเกือบทั้งตัว...
อะ....เอ่อ...
ผมใช้ความเป็นสุภาพบุรษมองข้ามจุดๆนั้นไปแล้วพลิกคนตัวเล็กขึ้นมานอนหงายดีๆจะได้มองหน้าชัดๆ
พอเท่านั้นแหละผมถึงกับไปไม่เป็น....
คนตรงหน้ามีหน้าตาจิ้มลิ้ม
ปากบางติดสีชมพูระเรื่อไม่สมกับการเกิดเป็นผู้ชายเลยสักนิด
ดวงตาเล็กยังคงชิดปิดเพราะนอนไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่มันก็ซ่อนความดื้อรั้นไม่มิดเมื่อปลายจมูกเรียวเล็กเชิดขึ้นขนาดนั้น...
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!
ทำไมมีคนมานอนในห้องผมได้อะ!
แล้วไอ้เด็กนี่มันมาได้ไง!?
เป็นผีตัวเมื่อคืนหรือไง?
ซึ่งมันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว! นี่มันโลกแห่งความจริงไม่ใช่นิยายแฟนตาซีนะคุณ!
ผมสะบัดหัวทิ้งความคิดบ้าๆนี่ออกไปพร้อมกับปลุกอีกคนขึ้นมาไถ่ถามประวัติให้ชัดเจนเป็นขโมยมาจากที่ไหนผมจะได้คืนส่งตำรวจถูก
สน.
“ งื้อ... งื้อออออ~ ”
เสียงเล็กครางงุ้งงิ้งเหมือนลูกหมาไม่มีผิดผมจึงอดขำไม่ได้
“ เฮ้!ตื่นสิไอ้เด็กบ้า ”
ผมเขย่าร่างเล็กเบาๆเมือเขาเริ่มพลิกตัวหาแหล่งพักพิงซึ่งมันไม่พ้นตักผมหรอก
แล้วทำไมปาร์ค ชานยอลต้องใจสั่นวะ? นี่มันโจรนะเว้ย!
“ ไอ้โจร!ตื่นได้แล้วนายถูกจับแล้ว! ” ผมตะโกนกรอกหูเล็กจนแดงแปรดไม่รู้ว่าเจ้าตัวโมโหขนาดไหน
“ โว้ยยยยยยยยย!ปาร์คชานยอลล! ”
ว่าแล้วเขาก็ตื่นขึ้นมาโวยวายทั้งที่หลับตาท่าทางกระฟัดกระเฟียด
“ ลุก!ลุกจากเตียงฉันเดี๋ยวนี้! ”
ผมช้อนตัวเขาขึ้นด้วยน้ำหนักที่ไม่เบานักเห็นตัวเล็กๆนึกว่าจะเป็นนุ่นนี่มันท่อนซุงนี่หว่า!
“ เจ้ามนุษย์ซื่อบื้อปล่อยฉันลงนะเว้ย! ” แต่...เอ๊ะ...เสียงนี้...
มันคุ้นๆนะ!
แต่ผมไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆหรอก
คนแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้เข้ามาห้องคนอื่นหน้าตาเฉยมันไม่ใช่เรื่องปกติเสียหน่อย
ผมต้องส่งเขาให้ตำรวจถึงจะไม่ใช่ขโมยถ้าเป็นเด็กหลงขึ้นมาพ่อแม่ไม่ตามหากันให้วุ่นเลยหรือไง
“ นี่!หยุดดิ้นได้แล้วเดี๋ยวก็ตกหรอก ”
“ ไม่หยุด!ปล่อยสิ!ปล่อย! ”
ไอ้เด็กนี่น่ารำคาญพอๆกับป้าแม่บ้านที่คอนโดเลยสิให้ตาย
วางมันตรงนี้แหละ!
“ โอ้ย! เจ็บนะไอ้มนุษย์ซื่อบื้อ! ”
คนตัวเล็กร้องโอดโอยคลำก้นป้อยๆแทบจะเบะร้องไห้อยู่แล้วแต่ผมไม่สงสารเขาหรอก
เด็กนิสัยไม่ดีสมควรโดนลงโทษ
ผมจึงตัดสินใจปล่อยเขาลงพื้นแข็งๆก่อนจะกระโดคร่อมทับไม่ให้อีกคนลุกหนีแต่ขึ้นชื่อว่าโจรมันก็ต้องขัดขืนและพยายามต่อสู้เป็นธรรมดาผมเลยตรึงแขนทั้งสองข้างไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียว
ใช้ขากดสะโพกที่บิดไปบิดมาอยู่ใต้ร่าง
ท่าทางล่อแหลมเป็นบ้าแต่ไม่ได้จะข่มขืนเขาหรอกนะ...
คือไม่อยากจะบอกคนอะไรแรงเยอะชิบหาย!
อย่าให้มีแส่มีเชือกจะจับมัดแล้วตีให้ตัวลายเลยคอยดู!
“ ปล่อยนะเว้ยชานยอล! ” ผู้ร้ายตัวเท่าลูกหมาได้แต่ดิ้นไปดิ้นมาจนเหนื่อยหอบ
“ ไม่ปล่อย!นายบอกมาก่อนว่านายเป็นใครมาทำอะไรที่นี่แล้วนอนเตียงฉันได้ยังไง!? ” ผมยิงคำถามรัวแล้วเร็วจนเขาชะงัก
ผมเชื่อว่าไอ้สมองที่ยังไม่ตื่นดีกำลังประมวลผลอยู่แน่ๆ
“ แม่ง... ซื่อบื้อทั้งตอนตื่นตอนนอนจริงๆ ” อย่าคิดว่าผมไม่ได้ยินนะว่าเขานินทาในเมื่อเราใกล้กันขนาดนี้แทบจะรวมร่างอยู่แล้ว
“ นี่! ตอบคำถามฉันมา! ” ผมถามหาคำตอบจากเจ้าของใบหน้างุ้มงออีกครั้ง
“ บยอน แบคฮยอน! ” แบคฮยอนไหนวะ? ผมมันคนตระกูลปาร์คจะไปมีญาติตระกูลบยอนได้ไง?
“ จะตอบดีๆหรือให้ฉํนจับส่งตำรวจ ” และผมก็ได้คำตอบเป็นค้อนวงใหญ่
“ ฉันเป็นเทวดา เป็นเด็กบ๊อง ทันนี้จำได้ยั้ง?
” เสียงเล็กตะโกนแทบขาดใจดวงตาเรียวถลึงตาใส่ในทันที
ผมสบดวงตาเรียวเล็กโดยไม่ตั้งใจ
นัยน์ตาสองคู่มีแววโกรธจัดแต่มันกลับทำให้ใบหน้าน่ารักดูสดใสยิ่งขึ้นจนเข้าขั้น...ตลกเลยก็ว่าได้!
ผมจึงระเบิดเสียงหัวเราะขนาดใหญ่ออกมาจนถึงกับนอนขำกลิ้งตัวงอข้างๆไอ้เจ้าเปี๊ยกนั่นแหละ
พูดไปเดี๋ยวตกนรกคือผมไม่อยากเชื่อเท่าไรว่าฝันบ้าๆนั่นจะเกิดขึ้นจริงเลยขำตัวเองซะท้องแข็งแล้วยิ่งเจ้าแบคฮยอนพูดแบบนั้นทำให้ผมขำเข้าไปใหญ่
นี่มันจะเพ้อเจ้อเกินไปแล้ว...ให้ตายสิพับผ่า!
เอาเป็นว่าผมใช้เวลาอยู่นานกว่าจะควบคุมตัวเองได้และหันมาเผชิญกับเทวดาหน้าตาน่ารักมีนามว่าบยอน
แบคฮยอน...
“ ฮะ ฮ่า ฮ่าๆ... เห้อออ... ~~ ฉันล่ะเหนื่อยกับนายจริงๆ ”
ผมปาดน้ำตาออกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับมาจ้องหน้าเจ้าเทวดาตัวน้อยนี่อีกหนในท่าทีเดิม
นี่มันจะแฟนตาซีไปแล้ว!
“ นายชื่ออะไรนะ ”
ผมถามจริงจังตีมาดเคร่งขรึมเข้าไว้ซ่อนรอยยิ้มไว้ด้วยการทำหน้าตายขั้นสุด
“ ฉันบยอน แบคฮยอนเป็นเทวดาประจำตัวนาย ” เสียงเล็กฟังดูเหนื่อยหน่ายกับการตอบคำถามนี้
“ นี่มันไม่ตลกเลยนะเจ้าเด็กบ๊อง ”
ผมจึงเขกหัวงามๆไปหนึ่งทีข้อหาติดตลกไม่รู้เวลา
“ นี่!ฉันพูดความจริงนะ ” แบคฮยอนเม้มปากคิ้วขมวดหน้ามุ่ยเป็นเด็กโดนขัดใจ
“ พิสูจน์สิ ” ผมยักคิ้วสามทีพร้อมกระตุกยิ้มมุมปาก
เจ้าเปี๊ยกแบคฮยอนถึงกับมุ่ยหน้าด้วยความไม่พอใจ
ผมจึงดึงเข้าขึ้นมานั่งดีๆบนเตียงเชิญหน้ากันตรงๆงานนี้ตัวต่อตัว!
ว่าแล้วเจ้าเด็กซนก็หลับตาทำปากขมุบขมิบผมแอบได้ยินเสียงงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์พร้อมถอนลมหายใจ...
และความรู้สึกประหลาดก็เริ่มโจมตีผมช้าๆเมื่อของในห้องพลันกระจัดกระจายไปทั่วไร้ซึ่งตำแหน่งแน่นอนอยู่ในอากาศ
เป็นเพียงสิ่งของเล็กๆเช่นนาฬิกา ขวดน้ำ กระปุกต่างๆ
ส่วนหมอนผ้าห่มที่ใหญ่เกินตัวผู้แสดงฤทธิ์ถูกยกขึ้นไม่สูงนัก
เท่านั้นแหละ... รู้เรื่อง!
สติผมไปไกลกว่าที่ควร สองขาถอยหลังยันตัวเองไว้กับประตูห้องนอน
มองร่างบางยิ้มสดใสตาปริบๆ
ไอ้เด็กนี่มันเป็นปีศาจ! หรือผมจะฝันอยู่!
แต่หยิกแก้มก็แล้ว บิดแขน ฉีกขา กระโดดตบ ดึงหู
อะไรก็แล้วแต่ภาพใบหน้ายิ้มสยองยังหลอนในประสาท
ผมโดนผีหลอกลางวันแสกๆ! จงอินแม่งหายไปไหนวะ! ใครก็ได้ช่วยผมที!
“ ซื่อบื้อชะมัด เหอะ!”
กว่าจะรู้ตัวว่าซื่อบื้อก็ถูกเด็กหลอกด่าเข้าให้
ว่าจะจับตัวออกไปนอกห้องแต่ดูท่าก็คงไร้ประโยชน์
ไอ้เด็กนี่มันคงเดินทะลุประตูเข้ามาแน่ๆ
“ ที่นี้เชื่อได้ยั้ง? ฉันหมดแรงจะทำอะไรแล้ว ฉันเหนื่อยจริงนะ ”
คนตัวเล็กว่าพลางเบะปาก ใบหน้าขาวเหงื่อท่วมเหมือนวิ่งรอบสนามสักสิบรอบ
“ หะ หะ... อะ... เออ... ” เจองี้ไปไม่เป็นเลยล่ะ
“ ไม่มีไรแล้วใช่มั้ย? ฉันนอนก่อนนะ ”
แบคฮยอนไม่พูดเปล่ายังทำตามที่พูดด้วย เขาเริ่มมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม
ซุกๆขลุกๆอยู่สักพักก็นอนหลับสนิทจนได้ยินเสียงครางงุ้งงิ้งอีกรอบ...
ขาแข็งๆถึงกับทรุดยวบผมไม่มีแรงยืนต่อไป.... ถึงได้สลบลงไปแบบนี้ไง
.....
สายบ่ายคล้อยวันเวลาผ่านไปเร็วจนเหลือเชื่อ
นี่ก็บ่ายโมงกว่าแต่ไม่มีทีท่าว่าปาร์คชานยอลจะตื่นขึ้นมา
นั่นนอนหรือซ้อมตาย? ถามจริง?
หรือเป็นโชคดีอาจจะยังไม่ตาย...แค่สลบ
ด้วยความสงสัยจึงลุกไปดูหวังไว้ในใจลึกๆให้เป็นอย่างหลัง
ชานยอลยังนอนสลบอยู่หน้าห้องโดยมีผ้าห่มคลุมตัวหมอนหนุนสบายอารมณ์
ขณะที่ได้แต่นั่งมองคนตัวโตนอนขดหัวใจผะแผ่ว เอาจริงๆพอหลับตาเขาก็ยังซื่อบื้อออยู่ดี
นี่เทวดาโว้ยไม่ใช่ผีทำไมต้องกลัวด้วยวะ!
“ นาย... ตื่นสิ ตื่น ” ผมพยายามเรียกเขาอยู่พักหนึ่งแต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจึงถือวิสาสะเขย่าตัวให้ได้รู้สึก
ถ้านอนนานกว่านี้เขาต้องหิวตายแน่ๆ
ทำไมต้องมองแบบนั้นด้วยตอนนี้ผมก็เป็นมนุษย์คนนึงนะแค่มีความสามารถพิเศษแบบแฮรรี่พอตเตอร์
“ ชานยอล... ชานยอล ”
ผมเขย่าตัวเขาเบาๆเพื่อให้ตื่นเพราะนี่บ่ายกว่าแล้ว เขาควรลุกมากินอะไรก่อนท้องจะปวด
ไม่ได้เป็นห่วงแต่กลัวเจ้านี่จะตายเอา
“ ลุกมากินข้าวเร็ว ” ไม่มีสัญญาณตอบรับใดใดจากเจ้ายักษ์ที่ท่านเรียก...
อื้ม... แบคฮยอนควรปลง
“ ชะ..ชาน..เฮ้ย! ” แล้วอยู่ดีๆเขาก็ลุกขึ้นมาทำหน้าตาตื่นใส่ผมถอยหลังกรูดชิดกำแพงห้องมองมาอย่างระหวาดระแวง
ยัง ไม่เลิกคิดว่าผมเป็นผีอีกหรอ?
ตั้งสติหน่อย
“ ฉันหิว ” คนตัวเล็กยู่ปากตวัดสายตาอย่างเคืองๆแต่ไม่มีปากเสียงอะไรเพราะปาร์คชานยอลกำลังตีหน้าดุมองเขาอย่างแปลกใจ
“ นายมันซื่อบื้อ ” แต่แล้วแบคฮยอนก็คือแบคฮยอนไม่ได้จิกก็ขอให้ได้กัด
เจ้าตัวว่าเสร็จก็วิ่งดุ้กๆออกจากห้องทิ้งคนซื่อบื้อไว้ทั้งอย่างนั้น
ผมเดินเข้ามาในครัวนั่งรอเจ้าของห้องเหมือนหมารอเจ้านาย
จริงๆไม่อยากเทียบตัวเองเป็นหมาเท่าไรแต่มันไม่ต่างอะไรกัน เลย
ผมทำอาหารไม่เป็นคงได้แต่รอเจ้าของห้องตัวจริงได้สติและกลับมาทำหน้าที่นี้สักที
ผมเป็นแขกนะจะปล่อยไว้อย่างนี้จริงๆหรอ?
และไม่นานชานยอลก็เดินโซเซทำเป็นใจกล้ามองหน้าผมแบบตื่นๆ เขาคงยังกลัวอยู่ซึ่งผมไม่มีสิทธิ์ไปบอกเขาให้เลิกคิดบ้าๆอย่างนั้นได้
คนตัวสูงว้าวุ่นกับหม้อไฟกะละมัง หยิบนู่นจับนี่เป็นว่าเล่นราวกับทั้งห้องไม่ได้มีแบคฮยอนนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้
เฮ่นโหล่วฟอร์มดิออเต้อร์ซ้ายยยยย~~~~~
พอบ่นในใจได้สักพักสปาเกตตี้จานร้อนก็ถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้า
เราเลือกที่จะกินไปเงียบๆ นอกจากเสียงช้อนส้อมกระทบกันคงเป็นเสียงถอนหายใจของคนตรงหน้านี่แหละที่เขารำคาญ
“ ไม่กินหรอ? ” ผมชี้ไปที่จานสเปเก็ตตี้ตรงหน้าของเจ้าตัว
“ อิ่มแล้ว ” ชานยอลพูดเขี่ยนเส้นยาวๆไปมาแบบเซ็งๆ
“ ขอได้ปะ ” ผมคว้าจานตรงหน้าในทันที เอาจริงๆไม่ได้อร่อยมากมายหรอก
เขาแค่หิว...หิวมากๆเลยด้วย
แล้วมื้ออาหารก็ผ่านไปได้ด้วยดี...หรือเปล่า?
“ จ้องขนาดนั้น มีอะไรหรือเปล่า? ” แบคฮยอนว่ายาวเมื่อเห็นหัวคิ้วผมขมวดเข้าหากันกระแสสายตาส่งผ่านความไม่พอใจและไม่เข้าใจด้วยพร้อมกัน
“ มีอะไรสงสัยก็ถามสิ จ้องอยู่ได้ ” ปากเล็กบ่นมุมิ
ช้อนตามองเป็นพักๆแบบขอไปที
“ ฉันแค่สงสัยว่านายเป็นใคร มาจากไหนและต้องการอะไร ”
คิ้วบางขมวดมุ่นทันทีเมื่อชานยอลถามจบ
“ ฉันว่าฉันตอบไปแล้วนะ นายก็ไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยากนี่หน่า ” ผมเอียงคอซ้ายขวาพยายามยิ้มให้แต่สำหรับชานยอลคงเรียกว่ากวนเบื้องล่างมากกว่า
“ จะต้องแบ๊วเนาะ ” เดี๋ยวเจองานหยาบจะรู้สึกนะชานยอล!
“ พูดไปนายก็ไม่เชื่อฉันอีกนั่นแหละ คุณปาร์ค ”
แบคฮยอนว่าพลางส่ายหน้ายิ้มขำ ไม่ได้จริงจังกับสิ่งที่พูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“ ใครเชื่อนายก็บ้าแล้ว? บอกมาดีๆไปฝึกเรียนมายากลที่ไหน แล้วเข้าห้องฉันมาได้ไง
” ถ้าไม่รู้ความจริงคืนนี้ปาร์คชานยอลคงนอนไม่หลับแน่ๆเขามั่น อะไรจะซื่อบื้อขนาดนี้
คนตัวเล็กดูลังเลแต่ไม่นานความซุกซนจากดวงตาเรียวก็กลับมาดังเดิม
พร้อมกับใบหน้าเชิดขึ้นแสดงท่าทางมั่นใจไม่แพ้แววซนๆสีนิลนั้นเลยสักนิด
“ ฉันชื่อบยอน แบคฮยอนเป็นเทวดาคุ้มครองนาย อายุสิบหกปีจริง
จะเชื่อมั้ยล่ะ?” ปากเล็กๆก็เล่าเรื่องของตัวเองให้ชานยอลฟังคร่าวๆพอเข้าใจ
“ เข้าใจแล้วใช่มั้ย? ”
ชานยอลพยักหน้าตามทั้งที่เครื่องหมายคำถามเต็มหัว
“ สรุปง่ายๆนายจะมาอยู่กับฉันสามเดือน? ” แบคฮยอนพยักหน้ารัวๆยิ้มแฉ่ง
ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อชานยอลเริ่มใช้ความคิด
เขาไม่ได้ว่าอะไรถ้าชานยอลจะไล่เขาออกจากห้องเพราะสุดท้ายตอนเช้าเจ้านี่ได้เห็นเขานอนบนเตียงเหมือนเดิมนั่นแหละ...
ในเมื่อถูกเลือกมาให้ทำหน้าที่นี้แล้วเขาจะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด
ช่วยอดทนหน่อยละกันนะเจ้ามนุษย์ซื่อบื้อ
....
ผมไล่แบคฮยอนไปอาบน้ำ
เขาไม่ใช่เด็กดื้อย่างที่คิดแม้จะชอบโวยวายใส่ผมอยู่เรื่อย ระหว่างนั้นผมรีบติดต่อไอ้จงอินทันทีงานนี้มันมีเงื่อนงม
เขาระแวง่าเจ้านี่อาจเป็นคนที่คุณหญิงส่งมา ไอ้เทวดาบ้าๆนั่นไม่มีจริงหรอก
เขายังไม่ตายสักหน่อย
‘ฮัล...’
‘ มึง! รู้จักคนชื่อแบคฮยอนมั้ย? ’
‘ ฮะ? อะไรแบคๆ แพคๆ เด็กใหม่มึงหรอ? ’
‘ เด็กใหม่ไรล่ะ เด็กที่ไหนไม่รู้ต่างหากเข้าห้องกูมาขอข้าวกูกินบอกตัวเองเป็นเทวดากูจะบ้า ’
‘ ฮะ...? ’
‘ สรุปมึงรู้จักปะเนี่ย? ’
‘ ฮะ..ฮะ...ฮ่าๆๆๆๆๆ ไอ้เหี้ยแม่งจี้!มุขนี้กูให้สามผ่านเลยสัส!
ฮ่าๆๆๆๆๆ ’
‘ มุขเชี่ยไรล่ะกูพูดจริง พรุ่งนี้มึมาเลยนะ มาห้องกูมาดูให้เห็นกับตา!
’
‘ อะ..อ้าวว...เฮ้ยยย! ’
ติ๊ด!
.....
และคิมจงอินมาอย่างที่ผมว่าจริงๆ ตอนนี้เจ้าเด็กตัวจ้อยกำลังนั่งมองคิมจงอินนั่งฝั่งตรงข้ามชนิดตาไม่กระพริบสักวินาที
ขณะเดียวกันเพื่อนเขาก็เอาแต่จ้องเด็กเหลือขอนี่นานเป็นนาทีๆแล้วเหอะ
ถ้าเป็นปลากัดก็ท้องแฝดสามแล้วมั้ง
“ สรุปมึงรู้จักเด็กนี่มั้ย? ”
ส่ายหัวแรงมองผมแบบอึ้งๆนั่นหมายความว่างไง?
“ แม่กูไม่ได้ส่งใครมาใช่มั้ย? มึงห้ามโกหกนะ ”
“ กูสาบานเลยว่าไม่มีใครส่งมา แม่มึงไม่รู้จักคนน่ารักๆแบบนี้หรอก ”
ว่าเสร็จไม่วายส่งยิ้มให้คนตัวเล็กข้างๆเขาด้วยนะ ความม่อนี้กูล่ะยอมจริงๆ
“ ว่าแต่นายชื่ออะไรนะ ”
“ ผมหรอ ชื่อแบคฮยอนครับ ”
พูดซะไพเราะเพราะพริ้งต่างกับตอนอยู่กับเขาโดยสิ้นเชิง
“ พี่ชื่อคิมจงอินนะ ยินดีที่ได้รู้จัก ”
แบคฮยอนส่งยิ้มหวานจนผมนึกหมั่นไส้ ไอ้เพื่อนรักตัวดีก็กระโดดจึ๋งมานั่งโซฟาเดียวข้างๆคุยจ้อกับเจ้านี่ไม่หยุด
ถึงแม้จะเป็นการถามเรื่องง่ายๆอย่างเช่นนายเป็นใคร มาจากไหน อายุเท่าไร
ซึ่งคำตอบที่ได้ไม่ต่างจากี่ผมได้รับเท่าไรเว้นเสียท่าทางสดใสร่าเริงเป็นกันเองแบบนั้น
โอเคเลย... ชานยอลจะไม่ยุ่ง
พอผมออกมาได้ข้างนอกสักพักจงอินก็ตามมาท่าทางแบบนั้นมันคงซีเรียสน่าดู
“ กูว่ามันแปลกๆว่ะ
มึงไม่ได้ทำผู้หญิงที่ไหนท้องและเขาเอามาทิ้งไว้หน้าห้องใช่มั้ย? ”
“ กูตื่นมาแม่งอยู่ในห้องเลยเหอะ ”
“ เอาจริงมั้ย? น้องเขาเหมือนคนบ้าอะ พูดอะไรไม่รู้เป็นตุเป็นตะ
กูว่าอาการหนัก ”
“ ก็ใช่ไง แล้วมึงจะให้กูรับเลี้ยงคนบ้าหรอ? ใครก็ไม่รู้มาขออยู่ด้วย
กูไม่เอาเข้าคุกตั้งแต่วันแรกก็บุญแล้วมั้ย? ”
“ เชี่ย คนจริงว่ะ ทำงั้นแม่งใจร้ายไปปะวะ อย่าถือคนบ้าสิ
เลี้ยงไปก็ได้บุญหรอก ”
“ มึงเอาไปอยู่ด้วยมั้ยล่ะ ”
“ มึงจะยกให้กูจริงอะ? ”
“ เออ กูพูดจริง ถ้าเขาจะไปกับมึงกูยกให้เลย ”
....
“ ไม่! ผมไม่ไป! ”
นั่นแหละแล้วก็เป็นไปตามคาดแบคฮยอนว่าเสร็จก็วิ่งเข้าห้องไปเลยปล่อยผมกับไอ้จงอินไว้กลางทาง
หลังจากคุยกันว่าจะส่งมอบเจ้าเด็กนี่ให้เพื่อนผมดูแลแต่เหมือนเจ้าตัวจะค้านหัวชนฝาเลยให้ตาย
ทำไมมันดื้อด้านอย่างนี้วะ
“ กูขอให้เทวดาปกป้องคุ้มครองมึงไปตลอดชีวิตละกันนะ ”
ผมได้แต่ยืนกุมขมับคิดไม่ตกเพราะเมื่อกลางวันผมลองโทรไปหาคุณนายปาร์ค่านก็บอกว่าไม่ได้ส่งใครมาซ้ำได้รู้อีกว่าเจ้าตัวกำลังเที่ยวรอบโลกรอบที่ล้านแปด
หาได้สนใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้ไม่ มันน่าน้อยใจดีจริงๆ
แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน... ผมต้องจัดการไอ้เด็กแสบนี่ก่อน
อยู่กินมาคืนนึงแล้วผมว่ามันมากเกินไปสำหรับคนแปลกหน้า
จะเป็นโจรที่ไหนก็ไม่รู้ ผมไม่ไว้ใจหรอก...
“ แบคฮยอน ออกมาคุยกันหน่อย”
ทันทีผมได้เห็นหน้าหงอยๆก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปเพราะดูเหมือนแบคฮยอนกำลังร้องไห้อยู่เลยตอนนี้
ปากเล็กๆคว่ำเบะ หางตาห้อยตกดูน่าสงสาร เสียงฟึดฟัดหายใจไม่ออกกับจมูกแดงๆ
มันน่าเอ็นดูน้อยเสียที่ไหน
แต่ผมจะไม่ใจอ่อนหรอกนะ...
“ ฉันถามจริงๆนายเป็นใคร
ถ้านายพูดความจริงฉันจะไม่ส่งนายให้ตำรวจและจะพายามติดต่อพ่อแม่นายให้ ”
คนตัวเล็กมองผมตาขวางมันไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด
เด็กอายุสิบหกมันจะมีอะไรให้กลัว เหมือนลูกหมาที่ดีแต่ขู่ก็เท่านั้น
“ ฉันบอกความจริงนายก็ไม่เชื่อ ถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นเด็กหลงแอบสะเดาะกลอนเข้าห้องคนอื่นและจะหลอกนายกินไปอีกสามเดือน
นายจะเชื่องั้นสิ ”
“ ถ้านั่นเป็นเรื่องจริงฉันก็จะเชื่อ ”
ผมแค่อยากจะเชื่อในสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้
ไอ้พลังวิเศษของลอยอะไรนั่นผมว่ามันก็แค่มายากลหลอกเด็ก
ถ้าผมเชื่อว่าเด็กนี่เป็นเทวดาผมไม่เป็นคนบ้าเหรอ
“ ก็แล้วแต่นาย จะเอาไงก็เอา แต่อย่าส่งฉันไปให้จงอินนะขอร้อง ”
เสียงเล็กเว้าวอนอยู่ในที
ไม่มีอะไรนอกเสียจากน้ำใสคลอกหน่วยตาทั้งสองข้างทำเอาผมใจอ่อนยวบ
ไม่รู้ว่าทำไมเขาอยากอยุ่ที่นี่นักหนา
“ ถ้าคิดจะอยู่กับฉันก็ทำตัวให้มันมีประโยชน์หน่อยละกัน
”
ทันใดนั้นปากเล็กๆก็ฉีกยิ้มกว้างเป็นสี่เหลี่ยม ถ้ามีหูมีหางคงกระดิกดิ้กๆเลยล่ะ
“ แต่ก่อนอื่นเลยต้องเรียกฉันว่าคุณชานยอล เพราะฉันอายุมากกว่า ”
“ อะไรอะ... ไม่เห็นเกี่ยวเลย ”
“ จะอยู่กับฉันหรือจะไปอยู่กับจงอิน ”
“ โอเค ครับๆ คุณชานยอล ”
“ อยู่ที่นี่ก็หัดทำงานบ้านส่วนเรื่องกับข้าวฉันจะจัดการเอง
เข้าใจมั้ย? ”
เขาเห็นหรอกนะว่าแบคฮยอนเริ่มพยศอีกแล้วแต่เพราะตกเป็นรองจึงพยายามไม่เถียงให้มากความ ผมจะพยายามหาพ่อแม่เขาให้เจอและส่งตัวกลับส่วนระหว่างนี้คงต้องใช้ชีวิตด้วยกันไปพลางๆนั่นแหละ
Tbc.
ขอบคุณนะคะ ช่วยติดตามกันต่อๆไปด้วยน้า #ficfaycb <3
ความคิดเห็น