ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (EXO-HUNHAN) Revolution. -ฟิคแปล-

    ลำดับตอนที่ #7 : ' C H A P T E R 6 '

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 56


    CHAPTER6


     



    ลู่หานจ้องไอ้ตัวประหลาดที่อยู่ตรงหน้าเขาสักพัก...





    เขายังไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือของจริง..มันดูเหมือนจริง เสียงร้องโหยหวนของมันก็เหมือนจริง ตาแดงๆที่มองมาที่เขาก็เหมือนจริง แต่เขาก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี





    เพราะสิ่งแบบนี้มันไม่ควรมีอยู่จริงยังไงล่ะ...ไอ้ตัวที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ มันควรจะมีอยู่แค่ในหนังไม่ใช่เหรอไง?





    แต่แล้วเขาก็มายืนอยู่ตรงนี้...กับไอ้ตัวประหลาดนี่





    “ตัวอะไรวะนั่นน่ะ?” ซิ่วหมินอุทานอย่างตกใจพอๆกัน





    “...ฉันก็ไม่รู้” ลู่หานตอบ ดวงตายังคงมองไปที่ไอ้ปีศาจที่กำลังเดินเข้ามาใกล้พวกเขาเรื่อยๆ





    “ลู่หาน...นายทำอะไรได้บ้าง?” ซิ่วหมินถามก่อนจะเริ่มเดินถอยหลังช้าๆ





    “ห้ะ?” ลู่หานถามกลับงงๆ สมองยังคงไม่ประมวลผลเท่าไรนัก





    “นี่มันคือการทดสอบ...ใช่ไหม?” ซิ่วหมินถาม





    “ฉันก็อยากจะให้มันเป็นการทดสอบธรรมดานะ!” ลู่หานตะโกน..ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำเมื้อเจ้าอสูรกายเริ่มเดินเข้ามาใกล้





    “...”





    “ซิ่วหมิน..เราควรทำยังไงดี?!





    ซิ่วหมินไม่มีโอกาสได้ตอบคำถามนั้นเมื่อปีศาจพุ่งเข้าใส่ร่างอวบอย่างรวดเร็ว...ซิ่วหมินพุ่งหลบไปอีกด้านเพื่อหลบเล็บแหลมคมที่ทำท่าจะแทงเขา





    “ซิ่วหมิน!” ลู่หานตะโกนในขณะที่ซิ่วหมินลุกขึ้นและวิ่งมาทางเขา





    “ฉันไม่เป็นไร..แต่มันคงจะโจมตีในไม่ช้านี้” ซิ่วหมินพูดก่อนจะหอบเบาๆ





    ลู่หานมองไปที่ไอ้ตัวประหลาด...น้ำลายมันหยดย้อยลงมาจากฟันที่แหลมคม





    “ลู่หาน...นายหยุดมันได้ไหม?” ซิ่วหมินถาม ตายังคงมองไปที่ไอ้ตัวประหลาดนั่น





    “อะไรนะ?” ลู่หานถามอีกครั้ง





    “ฉันจะแช่แข็งเท้ามัน...ฉันอยากให้นายทำให้มันช้าลง พยายามทำให้มันหยุดขยับ” ซิ่วหมินเอ่ย





    ลู่หานมองไปที่ไอ้อสูรกายที่เยื้องกรายเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว





    “ลู่หาน! ฉันต้องการคำตอบเดี่ยวนี้!





    “ได้..ฉ..ฉันจะพยายาม!” ลู่หานพยักหน้ารับ





    พอได้คำตอบที่น่าพอใจ...ซิ่วหมินก็วิ่งอีกฝั่งพร้อมกับใช้พลังทันที





    “ลู่หาน..ตอนนี้แหละ!





    ลู่หานยื่นมือออกไปข้างหน้า...พยายามจะหยุดไอ้อสูรกายที่กำลังดิ้นรน ตัวมันชะงักค้างเหมือนโดนบังด้วยกำแพง มันพยายามจะขยับร่างกายในขณะที่ลู่หานกำลังใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดพยายามจะหยุดมัน





    เขารู้สึกเหมือนเขากำลังผลักอะไรบางอย่างที่มีเรี่ยวแรงมหาศาล...หัวเริ่มปวดตุบๆอีกครั้งแต่ลู่หานพยายามที่จะไม่สนใจ





    “ซิ่วหมิน!” ลู่หานตะโกนเรียก





    “ใกล้แล้ว!





    ลู่หานหันไปมองซิ่วหมินในขณะที่ตัวเองกำลังใช้พลังใส่ไอ้อสูรกายตัวยักษ์ ซิ่วหมินกำลังวิ่งวุ่นกับการแช่แข็งขาของเจ้าปีศาจตัวโต ลู่หานรู้ว่าซิ่วหมินมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมากเพราะซิ่วหมินสามารถเท้าของเจ้าปีศาจได้โดยที่ไม่แช่แข็งมือของตัวเองเหมือนเมื่อก่อน





    เจ้าอสูรกายคำรามเสียงดังลั่นก่อนจะพยายามต่อต้านพลังที่มองไม่เห็นของลู่หานอย่างแรง ลู่หานรู้สึกเหมือนโดนทุบที่หัวอย่างจัง... เขาทรุดลงกับพื้น อาการปวดหัวหนักขึ้นเรื่อยๆ





    “ลู่หาน!” ซิ่วหมินตะโกน... ลู่หานรีบลุกขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะยืดแขนออก พยายามที่จะควบคุมเจ้าอสูรกายอีกครั้ง...เจ้าอสูรกายคำรามอย่างขัดใจที่ไม่สามารถขยับร่างกายตามปกติได้





    “ซ..ซิ่วหมิน ฉ..ฉันจะไม่ไหวแล้ว” ลู่หานพูดปนหอบ พลังเขายังไม่แกร่งกล้าพอที่จะควบคุมสิ่งที่ทั้งใหญ่และทั้งต่อต้านเขารุนแรงขนาดนี้...มันกำลังทำให้เขาอ่อนแรงลงเรื่อยๆ





    “เสร็จแล้ว!” ซิ่วหมินตะโกน ลู่หานหยุดใช้พลังทันทีที่ซิ่วหมินพูดจบ... ซิ่วหมินหันมามองเขาอย่างภูมิใจก่อนจะเบิกตากว้างขึ้น





    “ลู่หาน ล..เลือด!” ซิ่วหมินจะโกนก่อนจะชี้มาที่ใบหน้าของเขา...ลู่หานปาดมือบนใบหน้าอย่างลวกๆก่อนจะพบว่าตนเองเลือดกำเดาไหล





    “แค่เลือดกำเดาน่ะ..ไม่เป็นไรหรอก” ลู่หานเอ่ยขึ้น





    “แน่ใจนะ? เพราะ—“ ซิ่วหมินวิ่งมาทางเขาอย่างเป็นห่วง





    “ซิ่วหมิน ระวัง!





    ลู่หานได้แต่มองอย่างตกใจ เมื่อน้ำแข็งที่ปกคลุมขาของเจ้าอสูรกายเริ่มแตกออก...มันเหวี่ยงหางใส่ร่างของซิ่วหมินจนร่างอวบกระเด็นไปอีกมุมหนึ่งของลานประลองก่อนจะแน่นิ่งไป





    “ซิ่วหมิน!” ลู่หานตะโกนก่อนจะวิ่งไปหาซิ่วหมินอย่างรวดเร็ว





    ซิ่วหมินไม่ขยับไม่ว่าลู่หานจะพยายามเขย่าสักเท่าไหร่...





    “ซิ่วหมิน ตื่นสิ!” ลู่หานพยายามเรียกอีกครั้ง แต่เสียงคำรามของเจ้าอสูรกายดังขึ้นจนลู่หานต้องหันกลับไปมอง





    ไอ้เจ้าอสูรกายกำลังเดินมาทางพวกเขา...ลู่หานมองซ้ายมองขวาหาตัวช่วยก่อนจะเห็นหลอดไฟดวงเล็กที่ห้อยอยู่ตรงเพดาน เขาใช้พลังที่เหลืออยู่ระเบิดหลอดไฟจนแตกกระจาย เศษกระจกกระจายไปทั่วบริเวณ..เบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าอสูรกายได้เป็นอย่างดี





    “ซิ่วหมิน..” ลู่หานเขย่าตัวซิ่วหมินอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยา... เขาใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่พยุ่งซิ่วหมินขึ้นก่อนจะวิ่งไปที่ประตูที่ใกล้ที่สุดทันที





    แต่เมื่อเขาพยายามหมุนลูกบิด...ประตูกลับไม่ยอมเปิดออก





    ลู่หานร้องออกมาอย่างขัดใจ..จะให้เขาใช้พลังของเขาเปิดประตูตอนนี้ก็คงใช้เวลาพอสมควร





    เจ้าอสูรกายหันกลับมาสนใจลู่หานอีกครั้ง...ลู่หานวางซิ่วหมินลงกับพื้นก่อนจะตัดสินใจสู้มันด้วยตัวเอง





    ลู่หานยื่นมือออกไปข้างหน้าอีกครั้งก่อนจะพยายามจินตนาการว่าตัวเองกำลังยกเจ้าอสูรกายขึ้นและโยนมันข้ามห้องเหมือนกับที่โยนลูกแก้วในตอนนั้น เขารู้ว่ามันเกินความสามารถเขาแต่เขาต้องพยายามให้ถึงที่สุดเพื่อให้ซิ่วหมินรอด...





    เจ้าอสูรกายรู้สึกได้ถึงพลังของลู่หานและพยายามจะต่อต้านมัน...ลู่หานรู้สึกได้ถึงอาการปวดหัวที่กลับมาอีกครั้งและพยายามจะสะบัดไล่มันออกไป พยายามเพ่งจิตไปที่เจ้าอสูรกายอย่างเต็มที่...เจ้าอสูรกายดิ้นรนอีกครั้งและอีกครั้งจนลู่หานยอมแพ้ อาการปวดหัวเล่นงานจนทนไม่ไหว





    ลู่หานนอนแน่นิ่งอยู่ข้างๆซิ่วหมิน...เขาเห็นเจ้าอสูรกายย่างกรายเข้ามาหาเขาอย่างผู้ชนะ เขาคิดว่าการทดสอบได้จบลงและคริสจะมาลากพวกเขาออกไปพร้อมกับต่อว่าที่พวกเขาแพ้แต่เปล่าเลย...ไม่มีใครเข้ามาทั้งนั้น ลู่หานหลับตาลง...ยอมรับชะตากรรมของตนเอง





    ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกพร้อมกับลมกระโชกรุนแรงที่พัดเข้ามาภายในลานประลอง ประตูปิดลงและลู่หานได้แต่มองอย่างอ่อนแรงเมื่อใครบางคนก้าวเข้ามา พร้อมๆกับที่เจ้าอสูรกายปลิวไปติดกำแพงราวกับโดนลมพัด ร่างของมันชนเข้ากับกำแพงอย่างแรงก่อนจะร้องโหยหวนอย่างทรมาน ลู่หานพยายามจะปรือตามองภาพตรงหน้าก่อนจะเห็นเซฮุนยืนอยู่ตรงนั้น





    “การทดลองหมายเลข412...นายไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในนี้” เสียงคริสพูดขึ้นผ่านลำโพง





    เซฮุนทำเป็นไม่สนใจก่อนจะเดินเข้ามาหาลู่หานและซิ่วหมินที่นอนอยู่บนพื้น





    “การทดลองหมายเลข412...นี่ไม่ใช่การทดสอบของนาย” คริสย้ำอีกครั้ง





    เซฮุนทำเป็นไม่สนใจอีกครั้ง...สายตามองมาที่ลู่หาน ลู่หานได้แต่มองกลับด้วยความอ่อนล้า หางตาเหลือบไปเห็นเจ้าอสูรกายที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว





    “ไม่..!” ลู่หานใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะโกนออกไปแต่เซฮุนไวกว่านั้น...มันคือครั้งแรกที่ลู่หานได้เห็นเซฮุนใช้พลังของตนเอง





    แรงลมโหมกระหน่ำขึ้นจนลู่หานต้องจับซิ่วหมินไว้แน่น ลู่หานมองในขณะที่เซฮุนใช้แรงลมผลักเจ้าอสูรกายจนมันติดกับกำแพงไม่สามารถขยับได้ เซฮุนไม่ได้ใช้มือเลยแม้แต่น้อย...เขาเพียงแค่ยืนนิ่งและมองเจ้าอสูรกายดิ้นทุรนทุรายเพราะไม่สามารถขยับได้เท่านั้น





    เซฮุนเอื้อมมือออกไปข้างหน้าก่อนจะทำท่าทางเหมือนกำลังบีบคออสูรกายตัวนั้น เจ้าอสูรกายร้องโหยหวนก่อนจะดิ้นไปมาเมื่อขาดอากาศหายใจ...





    พลังของเซฮุนแข็งแกร่งมาก..และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่คริสใช้เซฮุนเป็นเครื่องมือเพื่อกระตุ้นลู่หาน แต่ก็นั่นแหละ...ลู่หานก็ไม่ชอบเห็นเซฮุนถูกทรมานอยู่ดี





    เซฮุนกำรอบคอปีศาจตัวนั้นแน่นด้วยแรงลมที่มีอยู่...จากตรงนี้ ลู่หานสามารถมองเห็นสายลมที่รัดคอเจ้าอสูรกายอย่างชัดเจน





    เมื่อผ่านไปสักพัก..เจ้าอสูรกายก็ยอมแพ้ มันล้มลงไปนอนกองกับพื้น ร่างใหญ่โตของมันไม่มีลมหายใจอีกต่อไป





    เซฮุนทรุดลงไปนั่งกับพื้น..เนื่องจากใช้พลังไปมาก เขาหอบหายใจแรงๆก่อนจะยันตัวลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตู เลย์ที่ยืนอยู่ข้างนอกรีบพุ่งเข้ามาทันที





    “ซิ่วหมิน...” เลย์เอ่ยเสียงเบา ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างที่นอนแน่นิ่งของซิ่วหมิน





    “...ทำไมเขาถึงไม่ขยับล่ะ?” เลย์ถาม





    “ห..หลังเขาอาจจะหักน่ะเลย์..ซิ่วหมินกระแทกกำแพงแรงมากๆ..” ลู่หานตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง





    เลย์เอื้อมมือออกไปก่อนจะใช้พลังที่มีรักษาซิ่วหมินภายในเวลาไม่กี่วินาที.. ลู่หานถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อซิ่วหมินร้องออกมาเบาๆ





    “ซิ่วหมิน” เลย์กอดซิ่วหมินแน่นก่อนจะรักษาบาดแผลบนใบหน้าให้





    “ขอบคุณนะ..” ซิ่วหมินเอ่ยขึ้น เลย์พยักหน้าเบาๆ





    “ช่วยรักษาเขาหน่อย” เซฮุนพูดกับเลย์ก่อนจะผายมือไปทางลู่หานที่นอนอยู่กับพื้น อาการปวดหัวทำให้เขาไม่อยากจะขยับร่างกายเลยแม้แต่น้อย





    “ฉันไม่เป็นไร..ไม่ต้องหรอกเลย์” ลู่หานพูดเบาๆ สติเริ่มเลือนลางเต็มที





    “รักษาเขาที” เซฮุนย้ำอีกครั้ง





    เลย์พยักหน้าก่อนจะแตะหน้าผากของลู่หานเบาๆ...ลู่หานไม่แน่ใจว่าเลย์ทำอะไรกับเขาแต่เขาก็ยอมรับว่าเขารู้สึกดีขึ้นมาหน่อยๆ แผลตามร่างกายเริ่มหายไปแต่อาการปวดหัวไม่มีท่าทีจะทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย





    เลย์พุงลู่หานขึ้นมายืนแต่ขาของเขาไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ เซฮุนรวบลู่หานเข้าไปในอ้อมกอดก่อนจะคอยพยุงเขาไว้





    “เขาเป็นอะไร?” เซฮุนถาม





    “เขาใช้พลังมากเกินไปน่ะ..” ซิ่วหมินเป็นฝ่ายอธิบายให้





    “ไหนว่านายรักษาเขาแล้วไง” เซฮุนเอ่ยโทษเลย์





    “ก็รักษาแล้ว...แต่ฉันรักษาได้แต่แผลภายนอก นายก็รู้นี่” เลย์อธิบาย





    ลู่หานได้ยินเซฮุนสบถอย่างขัดใจก่อนจะรู้สึกตัวเบาหวิวเมื่อเซฮุนอุ้มเขาขึ้นจากพื้น...เขาปล่อยให้เซฮุนอุ้มเขาและเดินไปที่ไหนสักแห่ง เขาไม่มีแรงพอที่จะรับรู้อะไรอีกแล้ว





    เซฮุนเดินมาถึงห้องๆหนึ่งก่อนจะหยุดวางเขาบนเตียง..ลู่หานลืมตาขึ้นมาก่อนจะมองไปรอบๆ นี่มันห้องเก่าของเขา...





    “..ป..ปวดหัว” ลู่หานหลับตาแน่นก่อนจะจับมือเซฮุนไว้ไม่ยอมปล่อย





    เซฮุนทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างๆเขาก่อนจะปัดผมที่ปรกหน้าเข้าอยู่อย่างเบามือ





    “พวกเขาไม่น่าให้พี่ทดสอบหนักขนาดนี้เลย...พี่ยังไม่พร้อม” เซฮุนเอ่ยเสียงเบา





    ลู่หานกำลังจะถามต่อแต่เซฮุนก็ประทับริมฝีปากลงมาซะก่อน





    “เซฮุน..” ลู่หานพึมพำเบาๆ





    “พลังของพี่พัฒนาไปไกลแค่ไหนแล้ว?” เซฮุนขัดขึ้นก่อนจะถอดเสื้อของลู่หานออก





    “ม..ไม่ไกล.เท่าไหร่หรอก” ลู่หานพยายามขยับหนีสัมผัสของเซฮุน...ในเมื่อเซฮุนไม่เคยมองมาที่เขาด้วยซ้ำตอนอยู่ๆกับคนอื่นๆ ทำไมถึงมาสนใจเขาตอนนี้ล่ะ?





    “มองหน้าผมสิ”





    ลู่หานหลับตาปี๋...เขาอายเกินไป เขากลัว เขาสับสน..และอาการปวดหัวก็ยังคงอยู่





    “ลู่หาน มองหน้าผม..” เซฮุนย้ำเสียงเรียบ...ลู่หานเลยค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ





    เซฮุนกำลังคร่อมเขาอยู่...และกำลังมองลงมาที่เขา มันเป็นครั้งแรกที่เขาทั้งสองได้มองหน้ากันในระยะประชิดโดยที่ไม่มีความมืดคอยขัดขวาง





    “เซฮุน..” ลู่หานเริ่มแต่กลับถูกเซฮุนประทับริมฝีปากลงมาซะก่อน





    ลู่หานจูบตอบในขณะที่รสจูบเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ...ลู่หานรู้สึกราวกับกำลังโดนกลืนกินเข้าไปทั้งตัว เร่าร้อนและเติมเต็มในเวลาเดียวกัน





    เขารู้ว่าเซฮุนก็ยังเป็นคนเดิม..คนที่ทำท่าเหมือนเกลียดเขา คนที่พยายามหลีกเลี่ยงเขา. แต่ร่างกายของเซฮุนดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น ลู่หานรู้สึกได้ ทุกอย่างมันลงตัวเมื่อคนทั้งสองอยู่ด้วยกัน





    บทรักร้อนแรงดำเนินไปตลอดทั้งคืน...





    --





    ลู่หานตื่นขึ้นมาพร้อมกับความว่างเปล่า..เขากลับมาที่ห้องเดิมแชร์กับเลย์และซิ่วหมิน ส่วนเซฮุนก็ไม่อยู่แล้ว ลู่หานทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ





    เมื่อคืน..เซฮุนช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เซฮุนเติมเต็มเขา..ทำให้เขาแข็งแรงขึ้น ทำให้ร่างกายเขากลับมาปกติเหมือนเดิม อาการปวดหัวหายเป็นปลิดทิ้ง





    ลู่หานยังจำที่เลย์พูดได้เสมอ





    คู่เติมเต็ม..จะทำให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้น





    มันทั้งเหลือเชื่อและน่าสับสนในเวลาเดียวกัน...





    ลู่หานลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปรอบๆ...ซิ่วหมินยังคงหลับอยู่โดยมีเลย์คอยลูบผมเบาๆ ลู่หานตัดสินใจข่มตาหลับตาเพราะไม่อยากขัดจังหวะของทั้งสองคน





    เมื่อลู่หานตื่นขึ้นมาอีกครั้ง..ซิ่วหมินและเลย์ต่างก็ตื่นอยู่ก่อนแล้ว





    “อรุณสวัสดิ์” เลย์เอ่ย





    “อื้อ อรุณสวัสดิ์” ลู่หานยิ้มบางๆ





    “นายโอเคไหม?” เลย์ถามอย่างเป็นห่วง ลู่หานพยักหน้าเป็นคำตอบ





    “ขอบคุณที่ช่วยรักษาฉันนะ” ลู่หานกล่าว





    “เล็กน้อยน่า แค่นายกับซิ่วหมินไม่เป็นอะไร ฉันก็ดีใจแล้ว” ลู่หานมองไปทางซิ่วหมิน ซิ่วหมินเลยยิ้มให้เขาบางๆ





    ลู่หานกำลังจะถามว่าซิ่วหมินเป็นยังไงบ้างแต่คริสก็เปิดประตูเข้ามาซะก่อน ครั้งนี้..ไม่มีผู้ช่วยตามเข้ามาแม้แต่คนเดียว





    “อรุณสวัสดิ์...ตื่นกันหมดแล้วสินะ” คริสเอ่ยอย่างอารมณ์ดี





    ลู่หานมองไปทางซิ่วหมินที่นั่งกำมือแน่น..โดยมีเลย์คอยลูบหลังเบาๆ





    “วันนี้พวกนายต้องเข้าประชุม...ฉันอยากให้พวกนายไปที่ลานประลองภายในสิบหน้านาที” คริสเอ่ยขึ้น





    หลังจากพูดจบ คริสก็เดินจากไปทิ้งให้พวกเขาทั้งสามคนนั่งขบคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป





    --





    15นาทีต่อมา...ลู่หาน เลย์ และซิ่วหมินก็เข้ามาอยู่ในลานประลองที่ถูกแปลงให้เป็นห้องประชุมขนาดย่อม ตรงข้ามพวกเขาคือชานยอล แบคฮยอน เซฮุน และคนแปลกหน้าอีกสองคนที่ลู่หานไม่เคยเห็น





    ลู่หานมองไปทางเซฮุน เขาอยากจะรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานจะทำให้เซฮุนเปลี่ยนไปไหม...แต่ก็ไม่ เซฮุนยังคงไม่มองหน้าเขาเหมือนเดิม





    ซูโฮและคริสเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเดินไปยืนข้างหน้า ลู่หานนั่งรออย่างกระสับกระส่าย..เขาอยากรู้ว่าที่พวกเขามารวมตัวกันแบบนี้เป็นเพราะอะไร





    “เราเรียกทุกคนมารวมตัวกันในวันนี้เพราะเราอยากจะแสดงความยินดีที่ทุกคนสามารถแสดงผลลัพธ์ที่น่าพอใจผ่านการทดสอบต่างๆ...ฉันกับคริสทำงานกันอย่างหนักเพื่อผลักดันให้พวกนายใช้พลังอย่างเต็มที่ และแสดงพัฒนาการออกมา” ซูโฮเอ่ยขึ้น..





    ลู่หานไม่ชอบคำพูดของซูโฮเลย.. เขารู้สึกเหมือนเขาเป็นเพียงการทดลองที่ไม่มีความสำคัญ





    “พวกเราก็เลย..มีอะไรมาให้พวกนาย จะเรียกว่ารางวัลก็ไม่เชิง..” คริสเอ่ยต่อ





    “พวกนายจะได้ย้ายไปในที่ๆใหญ่ขึ้น..ห้องที่ดีกว่าที่พวกนายอยู่ตอนนี้” ลู่หานหน้าหม่นลง ไม่เห็นจะดีตรงไหน..





    “พวกนายทั้งหมดจะได้อยู่ด้วยกัน..ไม่มีกำแพงคอยกั้น ไม่มีผู้ช่วยของฉันคอยคุม” คริสเอ่ยต่อและนั่นทำให้ลู่หานสนใจขึ้นมา





    “...แม้จะไม่มีผู้ช่วยฉันคอยคุมแต่พวกเรายังคงจับตามองพวกนายอยู่ตลอด การหนีนั้นไม่ใช่ทางออกที่ฉลาดเลย”





    “ปล่อยพวกเราไปเถอะ...” ชานยอลเอ่ยขึ้น





    “ฉันขอโทษ..แต่เราทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” ซูโฮยิ้มเศร้าๆ





    “ทำไมล่ะ?” ซิ่วหมินถามขึ้น





    “พวกนายอาจจะยังไม่เข้าใจในตอนนี้..แต่เชื่อเถอะ ที่เราทำอยู่มันดีที่สุดแล้ว”





    ลู่หานตั้งถ้าจะถามแต่คริสและซูโฮกลับเดินออกไปซะก่อน...พวกเขาทั้งหมดเลยได้แต่ลุกและเดินตามทั้งสองคนนั้นไป





    เซฮุนเดินตามหลังเขามาแต่ก็ยังคงไม่มองหน้าเขา...เขาไม่เข้าใจเลยว่าเขาทำอะไรผิด ทำไมเซฮุนถึงทำกับเขาแบบนี้...





    พวกเขาเดินไปตามทางเดินแคบๆสีขาวสะอาด...ระหว่างทางมีผู้ช่วยของคริสกำลังทำการทดลองกับเคมีอะไรบางอย่าง ลู่หานสงสัยเหลือเกินว่าที่นี่มันคืออะไร





    พวกเขาเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่บานหนึ่งและทันทีที่คริสเปิดมันออก..ลู่หานก็ได้แต่อ้าปากค้าง มันไม่เหมือนกับห้องอื่นๆที่ลู่หานเคยอยู่มา มันไม่เหมือนห้องด้วยซ้ำ





    ภายในมีผืนหญ้าและท้องฟ้าสีสดใส..ก้อนเมฆสีขาวลอยละล่องและลู่หานก็รู้สึกได้ถึงแสงแดดที่ส่องมา เขารู้สึกได้ถึงอากาศบริสุทธิ์ที่รายล้อมอยู่รอบตัว มันนานมากแล้วที่ลู่หานไม่ได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้





    ภายในมีสวนหย่อมเล็กๆ..ยิมไว้ออกกำลังกาย และ ตึกเล็กๆตึกหนึ่ง





    “นี่จะเป็นบ้านใหม่ของพวกนาย” ซูโฮเอ่ยขึ้นในขณะที่ทุกคนได้แต่มองไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ แม้แต่เซฮุนเองก็ยังอดทึ่งไม่ได้





    “...ทุกอย่างนี้เป็นเพียงสิ่งที่พวกเราสร้างขึ้น มันไม่ใช่ของจริง” คริสเอ่ยก่อนจะโดนซูโอศอกเข้าที่สีข้างอย่างโกรธๆ





    “อะไรล่ะ? ฉันก็แค่พูดความจริง” คริสเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย





    ลู่หานไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นของจริงหรือไม่..แค่ได้เห็นท้องฟ้า ผืนหญ้า และแสงแดด เขาก็มีความสุขแล้ว





    “ยังไงก็ตาม..พวกนายจะอยู่ที่นี่นับจากนี้ไป” ซูโฮเอ่ยขึ้น





    “ในที่นี้..จะมีห้องนอนทั้งหมดสี่ห้อง” คริสอธิบาย





    “...” ลู่หานไม่เข้าใจ ทำไมมีแค่สี่..





    “หนึ่งห้องสำหรับคู่เติมเต็มหนึ่งคู่..” คริสอธิบายต่อเมื่อหลายคนทำหน้าสงสัย





    “อะไรนะ?” หนึ่งในคนแปลกหน้าที่ลู่หานไม่รู้จักเอ่ยขึ้นเสียงดัง





    “ใช่แล้ว ไค..นายต้องนอนห้องเดียวกับคยองซู” ซูโฮพยักหน้า





    “ทำไม..ฉันไม่เข้าใจ” ไคเอ่ยขึ้น





    “มันเป็นกฏที่ทุกคนต้องทำตาม” ซูโฮตอบ ไคได้แต่กำมืออย่างขัดใจ..ในขณะที่คนแปลกหน้าอีกคนที่ลู่หานสันนิษฐานว่าชื่อคยองซู ได้แต่ก้มลงมองพื้น





    แสดงว่าลู่หานก็ต้องแชร์ห้องกับเซฮุน..ทำไมถึงรู้สึกดีใจและหนักใจในเวลาเดียวกันเลยนะ?





    “อ่ะ นี่..กุญแจห้องสำหรับทุกคน” คริสเอ่ยพร้อมกับแจกกุญแจห้องให้แต่ละคน





    “มื้อเช้า มื้อเที่ยง และมื้อเย็นจะถูกเสิร์ฟเป็นเวลาเดิมทุกวัน..พวกนายจะเดินไปที่ไหนก็ได้ในที่นี้แต่ห้ามออกไปข้างนอกจนกว่าฉันและซูโฮจะมาเรียกพวกนายออกไปทดสอบ” คริสอธิบายอย่างละเอียด





    “พวกนายจะใช้พลังเมื่อไหร่ก็ได้..จริงแล้วๆ พวกเราอยากให้พวกนายใช้พลังบ่อยๆ แต่อย่าใช้จนเกิดความเสียหายและอย่าใช้มันทำร้ายกันและกัน” ซูโฮเอ่ยเพิ่มเติม





    “มีคำถามไหม?” คริสถาม ไคยกมือขึ้นทันที





    “ขอออกไปคุยข้างนอกโดยลำพังได้ไหม..?”





    “การทดลองของนายนี่..ออกไปคุยสิ” คริสสะกิดซูโฮให้พาไคออกไป





    “โอเค..ไคมากับฉัน ส่วนคนอื่นตามสบายนะ..” ซูโฮพยักหน้าก่อนจะพาไคออกไป





    ทันทีที่คริสกับซูโฮเดินออกไป..พวกเขาทั้งหมดก็ได้แต่ยืนมองหน้ากันงงๆ





    เลย์ยื่นกุญแจห้องให้เซฮุนก่อนที่เซฮุนจะไขกุญแจเข้าไปโดยมีลู่หานเดินตามอยู่ห่างๆ





    ห้องนอนของพวกเขาดูน่าอยู่พอสมควร กำแพงถูกทาสีฟ้าอ่อนๆและมีหน้าต่างบานเล็กๆอยู่ตรงหัวเตียงของคนทั้งคู่..นานมากแล้วที่ลู่หานไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้





    อีกฟากหนึ่งของห้องมีตู้หนังสือขนาดย่อมๆซึ่งเต็มไปด้วยหนังสือที่เกี่ยวกับธรรมชาติ..มีโต๊ะเขียนหนังสือหนึ่งตัวและโซฟาตัวยาวอีกหนึ่งตัว





    ห้องนอนเชื่อมต่อกับห้องน้ำส่วนตัวหนึ่งห้อง...กลางห้องมีเตียงหลังใหญ่ ลู่หานมองมันก่อนจะหน้าขึ้นสี มีแค่เตียงเดียวเนี่ยนะ?





    ดูเหมือนเซฮุนก็กำลังเก็บรายละเอียดของห้องนี้เช่นกัน..ลู่หานได้แต่มองแผ่นหลังของเซฮุนก่อนจะเห็นว่าสายตาของเซฮุนไปหยุดอยู่ที่ห้องน้ำ





    “นาย..จะเข้าก่อนไหม?” ลู่หานถามเบาๆแต่เซฮุนไม่ตอบ...เซฮุนกลับหมุนตัวเตรียมจะเดินออกจากห้องแทน





    ลู่หานยืนบังประตูไว้อย่างโกรธๆ...ทำไมเซฮุนต้องเมินเขาด้วย?





    “นายเป็นอะไรของนาย” ลู่หานตัดสินใจถามด้วยน้ำเสียงโกรธๆ...เขาอยากให้เซฮุนสนใจเขาบ้าง เซฮุนแทบไม่เคยคุยกับเขาเลยด้วยซ้ำ





    เซฮุนยังคงเงียบ...





    “นี่..” ลู่หานถอนหายใจก่อนจะเดินห่างออกมาจากประตู





    “...”





    “ถ้าเราจะอยู่ด้วยกัน...อย่างน้อย คุยกันหน่อยก็ดีนะ”





    “...”





    “เซฮุน...” ลู่หานเริ่ม





    “พี่ควรพักผ่อนได้แล้วนะ..” เซฮุนเอ่ยขัดขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ลู่หานยืนอยู่ตรงนั้น..ลำพัง





    --





    ลู่หานใช้เวลาทั้งวันในการนอน...เหตุการณ์เมื่อวานยังคงทำให้เขาเหนื่อยไม่หาย และเตียงที่นี่ก็สบายเหลือเกิน มันนานมากๆแล้วที่ลู่หานไม่ได้นอนบนเตียงใหญ่ๆขนาดนี้





    ลู่หานรู้ว่าเซฮุนไม่ได้กลับมาที่ห้องเลยแม้แต่น้อย เขาตื่นขึ้นมากลางดึกและเขาไม่เห็นแม้แต่เงาของเซฮุน...เขาพยายามหลอกตัวเองว่ามันดีแล้วล่ะที่เป็นแบบนี้ เขาจะได้นอนคนเดียวอย่างสบายใจ ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย...เขาอยากให้เซฮุนมาอยู่ข้างๆเขาในคืนนี้และคืนต่อๆไป





    ลู่หานพยายามไล่ความคิดเหล่านั้นออกจากหัวก่อนจะตัดสินใจลุกจากเตียงไปอาบน้ำ เมื่อเสร็จแล้วเขาก็เปิดตู้เสื้อผ้าดู...เสื้อผ้าทุกตัวเป็นสีขาวเหมือนเคย





    ลู่หานตัดสินใจออกจากห้องเพื่อดูว่าจะมีใครต้องการให้เขาช่วยเหลืออะไรไหม...เขายังรู้สึกไม่ค่อยชินกับอิสรภาพที่ได้มา การที่ได้ขยับร่างกายตามใจชอบโดยที่ไม่มีผู้ช่วยของคริสคอยบังคับมันรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง





    ลู่หานตรงไปที่ห้องอาหารก่อนจะตาโตเมื่อเห็นอาหารเช้าที่อยู่ตรงหน้า...มันไม่ใช่อาหารแหยะๆที่เขาเคยกิน แต่มันคือเบค่อน ไขเจียว และน้ำส้มคั้นหนึ่งแก้ว...เขายอมรับเลยว่าเขาตื่นเต้นเพราะเขาไม่ได้เห็นอาหารที่เป็นอาหารจริงๆมาพักใหญ่ๆแล้ว





    ลู่หานตื่นตาตื่นใจได้ไม่นานก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องอาหาร...ลู่หานจำได้ว่าคนๆนี้ชื่อคยองซู เด็กผู้ชายที่ตาโตเหมือนตกใจอยู่ตลอดเวลา





    “เอ่อ..สวัสดี” ลู่หานทักอย่างกล้าๆกลัวๆ...เขาไม่อยากเชื่อใจใครง่ายๆเพราะเขารู้ว่าทุกคนมีพลังที่น่ากลัว เขาไม่รู้หรอกว่าคยองซูมีพลังอะไรแต่เขาไม่อยากยุ่งเท่าไหร่นัก





    “สวัสดี” คยองซูตอบก่อนจะยิ้มบางๆ





    “เหลือแค่ฉันกับนายเหรอที่ยังไม่ได้กินข้าวเช้า?” ลู่หานถามก่อนจะนั่งลงในขณะที่คยองซูกำลังตักอาหารเข้าไป





    “เปล่าหรอก..ชานยอลกับแบคฮยอนไม่อยากทานข้าวเช้าน่ะ ดูเหมือนพวกเขากำลังเล่นกันอยู่ที่สวนด้านนอก” คยองซูตอบ





    “เล่น?” ลู่หานถามในขณะที่กำลังกินเบค่อนอยู่





    “ก็..จะเรียกว่าเล่นก็ได้ จะเรียกว่าต่อสู้ก็ไม่เชิงน่ะ..พวกเขาคงกำลังอวดพลังกันอยู่ล่ะมั้ง” คยองซูตอบ





    “ฮ่ะๆ..ฉันนึกภาพชานยอลออกเลยล่ะ” ลู่หานหัวเราะเบาๆ





    เขากัดแพนเค้กคำโตก่อนจะหลับตาลงเมื่อรสชาติอาหารซึมซาบเข้ามาในโสตประสาท





    “นายก็คิดถึงมันเหมือนกันเหรอ?..” คยองซูถามยิ้มๆก่อนจะยื่นน้ำเชื่อมให้





    ลู่หานไม่ตอบ..เขาได้แต่พยักหน้าในขณะที่ตัวเองยังคงกินแพนเค้กต่อไป





    “ฉันเข้าใจเลยล่ะ...ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อก่อนรสชาติมันเป็นยังไง”





    “นายอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่เหรอ?” ลู่หานตัดสินใจถาม





    “นานเกินไป...ฉันมาราวๆเดียวกับเซฮุน เลย์ แล้วก็ไคน่ะ” คยองซูถอนหายใจ





    “...” พอได้ยินชื่อเซฮุน ลู่หานก็ถึงกับนิ่งไป





    “นายล่ะ?”





    “อืม..ครั้งสุดท้ายที่ฉันถาม คริสบอกว่าเดือนนึง แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้อีกต่อไปแล้วล่ะ” ลู่หานตอบลอยๆ





    คยองซูยิ้มเศร้าๆอย่างเข้าใจ





    ลู่หานและคยองซูคุยกันเรื่องประสบการณ์ของแต่ละคน ลู่หานพบว่าคยองซูเป็นคนที่คุยด้วยง่ายแต่ลู่หานก็รู้ว่าคยองซูเป็นที่ค่อนข้างปิดตัวเองและขี้อายเช่นกัน ลู่หานเลยพยายามที่จะเลี่ยงถามเรื่องส่วนตัวของคยองซูและเลือกที่จะถามเรื่องพลังของคยองซูแทน (คยองซูสามารถขยับพื้นดินและสร้างแผ่นดินไหวได้)





    ลู่หานชอบที่จะคุยกับคยองซู...คยองซูมีนิสัยคล้ายๆเลย์ คยองซูเป็นมิตรและเขามีเสียงที่น่าฟังมากๆ พวกเขาคุยกันเรื่องโลกก่อนหน้านี้ เรื่องที่ลู่หานคิดถึงชานมไข่มุก และเรื่องที่คยองซูคิดถึงการทำอาหารให้ครอบครัวทาน





    หลังมื้อเช้า...ลู่หานและคยองซูตัดสินใจออกมาเดินเล่นสู้อากาศสักหน่อย พวกเขาเดินออกมาเจอชานยอลและแบคฮยอนกำลังใช้พลังกันอย่างสนุกสนาน





    ชานยอลกำลังโยนลูกไฟใส่แบคฮยอนแต่ก็ไม่โดน...ชานยอลโยนเหมือนคนที่มองไม่เห็น





    “แบคฮยอน..อย่าขี้โกงดิ!” ชานยอลตะโกนในขณะที่แบคฮยอนได้แต่หัวเราะเสียงดัง





    “เอาแสงไฟกลับคืนมานะ!” ชานยอลตะโกนขึ้นอีกครั้ง





    ลู่หานมองอย่างขำขันในขณะที่แบคฮยอนใช้พลังเล็กๆน้อยๆบิดเบือนแสงไฟไม่ให้ไปถึงดวงตาของชานยอล แบคฮยอนล้อชานยอลโดยการทำให้ชานยอลมองเห็นอีกครั้งก่อนจะบิดเบือนแสงไฟอีกครั้ง..ทำแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า





    ลู่หานกำลังจะหัวเราะร่วมไปกับคนทั้งสองถ้าสายตาไม่เหลือบไปเห็น...เซฮุนกับไคที่กำลังเดินมาด้วยกัน





    เซฮุนดูเหนื่อยล้า เขาเดินมากับไคและกำลังตั้งใจสิ่งที่ไคพูด ไหล่แกร่งลู่ลงและใต้ตาคล้ำเหมือนคนอดนอน..ลู่หานมองขณะที่ไคเอื้อมมือไปโอบไหล่เซฮุนไว้ราวกับปลอบประโลม





    ลู่หานอิจฉา..อิจฉาเพราะเซฮุนยอมให้ไคแตะเนื้อต้องตัว อิจฉาที่เซฮุนยอมคุยกับไค เพราะมันเป็นสิ่งที่ลู่หานต้องการมาตลอด แค่เขาได้คุยกับเซฮุนก็พอแล้ว ตัวเขาเองยังสับสนเรื่องคู่เติมเต็มอยู่เลย เขาเลยอยากจะคุยเรื่องนี้กับเซฮุนให้รู้เรื่อง





    และไหนไคจะยังสามารถปลอบประโลมเซฮุนได้อีก...ลู่หานไม่มีทางทำแบบนั้นได้





    เซฮุนเดินเข้าไปในห้องอาหารโดยมีไคเดินตาม ลู่หานมองจนทั้งสองเดินหายไปก่อนจะหันกลับมามองชานยอลและแบคฮยอน ในขณะที่คยองซูก้มหน้าลงมองพื้น





    “คยองซู...เป็นอะไรรึเปล่า?” ลู่หานถามอย่างเป็นห่วง





    “อ่ะ..อ๋อ..เปล่าๆ ไม่ได้เป็นไร” คยองซูรีบเงยหน้าขึ้นมายิ้มเศร้าๆ





    ลู่หานรู้ว่าคยองซูกำลังไม่สบายใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร เขาไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของอีกคน





    “ฉ..ฉันไปก่อนนะ” คยองซูเอ่ยขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินหายไปในทันที





    เมื่อคยองซูไปแล้ว...ลู่หานจึงตัดสินใจเดินดูรอบๆ เขาเดินไปที่สวนหย่อมเล็กๆก่อนจะเจอเลย์นั่งจ้องดอกไม้อยู่ เมื่อลู่หานเดินเข้าไปใกล้ๆก็เห็นเลย์ทำให้ดอกไม้เหี่ยวๆกลับมามีชีวิตอีกครั้ง





    “เอ๋..? ฉันนึกว่าดอกไม้เป็นของปลอมแบบที่คริสพูดซะอีก” ลู่หานพูดขึ้นก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเลย์





    “ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้นนะ...แต่มันมีชีวิตจริงๆล่ะ” เลย์พูดขึ้นก่อนจะหยิบอีกดอกขึ้นมาทำเหมือนกัน





    “ซิ่วหมินไปไหนเหรอ?” ลู่หานถามเมื่อสังเกตว่าเลย์นั่งอยู่คนเดียว





    “ทำการทดสอบน่ะ...คริสมาเรียกไป” เลย์เอ่ยอย่างกังวล





    “...ทำไมเขาถึงต้องเก็บพวกเราไว้ที่นี่กันนะ?” ลู่หานถอนหายใจ





    “เพราะซูโฮกับคริสต้องการพวกเรา” เลย์ตอบเบาๆ





    “นาย..นายรู้เหรอว่าทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่?” ลู่หานถามอย่างระมัดระวัง





    “ไม่หรอก..แต่ฉันเชื่อใจพวกเขาน่ะ” เลย์บอก





    “เชื่อใจ? นาย? เชื่อใจคริส?” ลู่หานอดขำออกมาไม่ได้





    เลย์มองเขาอย่างไม่เข้าใจ





    “ก็ถ้าเชื่อใจซูโฮก็คงไม่แปลก แต่คริสเนี่ยนะ?..” ลู่หานอธิบาย แต่เลย์ก็ยังคงมองมาที่เขาอย่างไม่เข้าใจ





    “...”





    “ไม่เอาน่า เลย์...ลืมไปแล้วเหรอว่าคริสทำอะไรกับซิ่วหมินไว้? เขาทำอะไรกับนายไว้?”





    “พวกเขาต้องการเรา...” เลย์ยิ้มบางๆก่อนจะพูดขึ้นลอยๆ





    “เพื่ออะไร?”





    “ฉันก็ไม่รู้..แต่ฉันเชื่อใจพวกเขา”





    ลู่หานนั่งคิดสักพักก่อนที่ผู้ช่วยของคริสจะมาเรียกเลย์ไปทำการทดสอบ ลู่หานจึงตัดสินใจเดินกลับห้อง





    เขายังจำคำของคริสกับซูโอได้ที่บอกว่าโลกต้องการเขาแต่จะต้องการไปทำไมล่ะ?





    ลู่หานเดินเข้าไปในห้องของตัวเองก่อนจะปิดประตู เขายืนพิงประตูก่อนจะหลับตาลง





    เชื่อใจคริส... เขาทำไม่ได้หรอก เขาทำไม่ได้หรอกหลังจากที่คริสทำกับเซฮุนแบบนั้น





    ทันทีที่คิดถึงเซฮุน..ลู่หานก็ลืมตาโพลงขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปิดน้ำก่อนจะตามมาด้วยเสียงเปิดประตูห้องน้ำ เซฮุนเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพเปลือยท่อนบน ร่างสูงสวมใส่เพียงกางเกงและมีผ้าเช็ดตัวคล้องอยู่ที่ไหล่เท่านั้น หน้าท้องแกร่งยังคงเปียกน้อยๆจากการอาบน้ำ ผมสีบลอนด์เปียกหมาดๆ





    ทำไมเขาถึงยังต้องการเซฮุนทั้งๆที่เซฮุนผลักไสเขาขนาดนี้?...ลู่หานคิด





    ลู่หานหันหลังให้เซฮุนทันที...เขากำลังรู้สึกขัดใจ ก็ไหนว่าพวกเขาเป็นคู่เติมเต็มของกันและกันไง ทำไมมันถึงยุ่งยากแบบนี้? ทำไมมันถึงลำบากแบบนี้?





    “ถ้านายต้องการความเป็นส่วนตัว...ฉันออกไปก็ได้นะ” ลู่หานจำใจเอ่ยขึ้น พยายามคงเสียงไม่ให้สั่น





    เซฮุนกลับเงียบ...ทำไมการคุยกับเซฮุนถึงยากเย็นนักนะ?





    เขารู้ว่าเขาควรจะรีบออกไปได้แล้วแต่ทำไมขาทั้งสองข้างถึงไม่ขยับก็ไม่รู้...





    “งั้น..ฉันไปนะ” ลู่หานเอ่ยเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู





    ทันใดนั้นลู่หานก็รู้สึกได้ถึงแรงกระชากที่ข้อมือและริมฝีปากร้อนๆที่ประกบลงมาบนริมฝีปากของเขา ลู่หานเบิกตากว้างก่อนจะค่อยๆผ่อนคลายลงเมื่อรสจูบอ่อนโยนถูกส่งผ่านมา





    เขาไม่มีทางขัดขืนเซฮุนได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม ทุกส่วนของร่างกายของเขาเป็นของเซฮุนและเขาไม่สามารถต่อต้านมันได้ มือใหญ่ของเซฮุนไล้วนบริเวณแผ่นหลังของเขาเบาๆภาพใต้สาบเสื้อในขณะที่ริมฝีปากก็จูบต่ำลงมาเรื่อยๆ





    เขารู้ว่าเขาควรผลักเซฮุนออกไปตอนนี้แต่เขาไม่สามารถทำได้เลย...เรี่ยวแรงที่ควรมีมันหายไปหมด เพียงแค่สัมผัสเดียวจากเซฮุนเท่านั้น





    ลู่หานเอื้อมมือไปโอบรอบคอของอีกคนก่อนจะจูบตอบ...ความต้องการของเขาในตอนนี้มันมีมากเกินจะต้านทานแล้ว





    เซฮุนชะงักก่อนจะผละจูบออกในขณะที่ลู่หานได้แต่มองเซฮุนอย่างไม่เข้าใจ





    “..ขอโทษ” เซฮุนเอ่ยเสียงพร่าก่อนจะพยายามเพิ่งระยะห่างระหว่างคนทั้งสอง





    ไม่...ลู่หานตะโกนในใจก่อนจะพยายามมองหน้าเซฮุนที่หลุบตาลงต่ำ





    “ผมไม่ควร..ผมไม่ได้ตั้งใจ..” เซฮุนเอ่ยตะกุกตะกัก ลู่หานได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความเสียใจ





    “เซฮุน..” ลู่หานเอ่ยเสียงกระซิบแต่เซฮุนส่ายหน้า





    “ผมขอโทษ..”





    ลู่หานทำได้เพียงมองในขณะที่เซฮุนเดินออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เขายืนอยู่ตรงนี้ด้วยหัวใจที่เจ็บปวดและหนักอึ้ง






    [TBC].




    --
    A/N: โอ้ย กว่าจะจบแชปนี้ ;_;
    ความจริงจะมาอัพให้นานแล้ว
    แต่แปลเท่าไหร่ก็ไม่จบสักที ยาวมากกกกกกก.

    อุปสรรคเยอะมากกว่าจะลงพาร์ทนี้ได้
    ไมเกรนขึ้น มีการบ้านเยอะ มีอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด ฮ่า

    แต่ในที่สุดก็มาต่อให้จนได้.. เซฮุนใจร้ายเนอะ?
    ถ้าอยากให้เซฮุนเลิกใจร้ายกับลู่ก็ต้องเม้นกันเยอะๆนะฮ้าบ ^^




    B B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×