คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : - Part III : Tomorrow (END) -
แสงแดดส่องสว่างเข้ามาในห้วงความฝันของโดคยองซู กลิ่นคลื่นทะเล ผืนทราย และสัมผัสของลมทะเลที่พัดเข้ากับผิวหน้าช่างคุ้นเคย แต่แล้วเขากลับนึกไม่ออกว่าเขาไปทะเลตอนไหน และไปกับใคร?
ร่างเล็กขยับเปลือกตาเบาๆอยู่บนเตียงแคบ ผืนทรายและลมทะเลในความฝันได้หายไปแล้ว...หายไปพร้อมกับความทรงจำของโดคยองซู
เขาลุกขึ้นนั่งก่อนจะพยายามซัมซับบรรยากาศคุ้นเคยทว่าแปลกตา...ห้องเช่าแคบๆที่ทรุดโทรม ผนังทั้งสี่ด้านเต็มไปด้วยโพสอิทสีเขียวจนไม่เหลือพื้นที่ว่าง เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเอาเวลาไปแปะโพสอิทเหล่านี้ตอนไหน...อาจจะเมื่อวานหรือเมื่อวานซืน
แต่ที่สะดุดตาเขาที่สุดคงจะเป็นโพสอิทสีเหลืองนีออนที่แปะอยู่ประปราย ข้อความที่อยู่บนโพสอิทสีเหลืองเหล่านั้นถูกเขียนด้วยลายมือแปลกตา เขามั่นใจว่ามันไม่ใช่ลายมือของเขา
แม้จะสับสนมึนงงอยู่สักหน่อยแต่คยองซูก็ยิ้มออกมาอัตโนมัติเมื่อเห็นร่างคุ้นเคยกำลังยืนรับลมอยู่ที่ระเบียง...
“พี่อ่านโพสอิทสีเหลืองหรือยัง? ถ้ายัง...ให้พี่กลับไปอ่านก่อนแล้วค่อยเปิดประตูออกมา โอเคนะ?” จงอินเอ่ยโดยมีคยองซูทำตามอย่างว่าง่ายแม้จะจำคนตรงหน้าไม่ได้ก็ตาม
เมื่อคยองซูอ่านจบและเปิดประตูออกมาเจอจงอินยืนยิ้มอ่อนโยนให้เขา สิบนาทีให้หลัง...ทั้งสองก็มายืนทำมื้อเช้าอยู่ในครัว คยองซูมือหน้าที่ทำอาหาร ส่วนจงอินมีหน้าที่กอดเอวคยองซูพร้อมเอาคางเกยไหล่บาง...
คยองซูยิ้มน้อยๆ...เขาอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทุกวัน การตื่นมาเจอจงอินทุกเช้า การทำอาหารให้จงอินกินในขณะที่อีกคนกอดเอวเขาไว้ เขาอยากให้มันเป็นแบบนี้ทุกวันไปจนแก่เฒ่า
เขาคงจะมีความสุขน่าดูเลยเนอะ...
--
ชีวิตเซ็กซ์ของคนทั้งคู่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ...บางวันเพียงจ้องตากัน บทรักร้อนแรงก็เริ่มขึ้น บางวันแค่เพียงสัมผัสบางเบาก็สามารถจุดประกายความใคร่ของคนทั้งสองได้
บางวันพวกเขาก็เจอกันที่บาร์...จงอินจะนั่งรอจนกระทั่งคยองซูร้องเพลงเสร็จ ในขณะที่คยองซูมักสบตาจงอินตอนร้องเพลงแต่จำไม่ได้ว่าใคร
บางทีเซ็กซ์ระหว่างคนทั้งคู่ก็ดูจะรีบร้อนหรือรีบเร่งไปสักหน่อย...
เหมือนต้องแข่งกับเวลาที่เหลือน้อยลงเรื่อยๆ...
--
คยองซูนอนอยู่บนเตียงข้างๆจงอิน...ดวงตาโตมองโพสอิทสีเหลืองเป็นร้อยๆแผ่นอย่างเพลิดเพลิน
“ขอโทษ...” จงอินเอ่ยเสียงแหบก่อนจะไอออกมาเล็กน้อย
“อย่า...ไม่ต้องขอโทษ” คยองซูพูดขึ้นเบาๆก่อนจะดึงอีกคนเข้ามากอด
“มันก็แค่...ผม..ผมรักพี่แต่ผมไม่สามารถให้ในสิ่งที่พี่ต้องการได้”
คยองซูรั้งคออีกคนลงมาประทับริมฝีปากอย่างแผ่วเบาก่อนจะผละออกและถอนหายใจ
“ฟังนะ จงอิน...ฉันไม่แคร์เรื่องเซ็กซ์หรอกนะ แบบนี้ที่เป็นอยู่ก็ดีอยู่แล้ว ทุกวันนี้เราก็รักกันอยู่แล้ว”
“พี่พูดแบบนี้...พี่ตั้งใจจะฆ่าผมให้ตายเลยหรือไง?” จงอินหัวเราะเบาๆก่อนจะหันไปวุกหน้าลงกับหมอน
“ทำไมล่ะ?” คยองซูถามอย่างไม่เข้าใจแต่จงอินเลือกที่จะเงียบเป็นคำตอบ
--
“ความทรงจำของคนเราหายไปไหนเวลาถูกลืม?”
“ไม่รู้สิ...ซักที่ล่ะมั้ง?”
“พี่ไม่ชัดเจนเลยอ่ะ”
“ก็ฉันไม่ใช่นักเขียนนี่”
“พี่ก็...ขอคำตอบชัดเจนๆหน่อยสิ”
“อืม..มันคงตายไปล่ะมั้ง ความทรงจำพวกนั้นน่ะ...”
“แล้วถ้าผมไม่อยากตายล่ะ?” จงอินขัดขึ้น มือจุดไฟแช็คก่อนจะดับมันลง..ทำอย่างนั้นอยู่ซ้ำๆ
“...”
“พี่อย่าปล่อยให้ผมตายนะ...สัญญาสิว่าจะจำผมให้ได้”
“อื้อ สัญญา..ฉันจะจำนายให้ได้...”
“ตลอดไป?”
“ตลอดไปเลย..”
บางครั้งความจริงก็เจ็บปวดยิ่งกว่าคำโกหก...แต่บางทีคำโกหกก็ทำให้คยองซูเจ็บปวดจนเหมือนตายทั้งเป็นได้เหมือนกัน
“พรุ่งนี้พี่จะรักผมไหม?”
“รักสิ”
“สัญญากับผมนะ...”
“ฉันจะรักนายและจะจดจำนายตลอดไป...ทีนี้เอาไฟแช็คมาได้แล้ว ก่อนที่นายจะเผาห้องฉันน่ะนะจงอิน!”
จงอินเขียนโน้ตแผ่นหนึ่งก่อนจะยื่นให้คยองซู เป็นคำมั่นสัญญาระหว่างคนทั้งสอง...
ผมชื่อจงอิน ผมเป็นนักเขียนที่อยู่ห้องข้างๆ เจอกันพรุ่งนี้นะครับพี่ อย่าลืมล่ะ!
คยองซูหัวเราะเบาๆก่อนจะกอดจงอินแน่น คยองซูคิดว่าบางทีเขาก็ควรจะโกหกบ้าง ถ้าคำโกหกเหล่านั้นทำให้จงอินยิ้มได้..เขายอมโกหกตลอดชีวิต
“มีแค่สองสิ่งในโลกที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่...หนึ่งคือพี่ สองคือเต้น อีกไม่นานร่างกายของผมคงอ่อนแอจนเต้นต่อไปไม่ไหว และอีกไม่นานโชคชะตาก็จะมาพรากพี่ไปจากผมเหมือนกัน...” จงอินพูดเสียงเบาก่อนจะกอดเอวคยองซูไว้ราวกับกลัวว่าอีกคนจะหายไป
ข้างนอก...พายุฝนกำลังโหมกระหน่ำ...
--
หลังๆมานี้จงอินเต้นได้ช้าลง...ท่วงท่าสวยงามของจงอินมักจะช้ากว่าดนตรีจังหวะหนึ่งเสมอ เหมือนว่าร่างกายจะไม่สามารถขยับได้เร็วดั่งใจสั่งอีกต่อไป
เหมือนจงอินก็รู้ตัวเองดี...คยองซูสังเกตความเศร้าหมองที่สะท้อนออกมาผ่านดวงตาคม คยองซูสังเกตมือแกร่งที่กำเข้าหากันแน่นด้วยความขัดใจ คยองซูสังเกตไหล่ที่ห่อลงอย่างหมดหวัง คยองซูสังเกตเสียงหอบหายใจแรงๆอย่างเจ็บปวดของอีกคน คยองซูมองเห็นมันทั้งหมด...
ผู้ชายในหน้าสุดท้ายของคยองซูเริ่มเลือนรางหายไป คยองซูไม่ได้เห็นจงอินเต้นอีกต่อไป...
จงอินเลิกเต้น เลิกเขียน เหมือนคนที่ยอมแพ้ หมดหวัง และไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว...
--
วันนั้นเป็นเช้ามืดของวันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน...เช้ามากเสียจนคยองซูไม่คิดว่าจะมีใครตื่น เขาเพิ่งกลับมาจากการทำงานที่บาร์ยามค่ำคืน กลิ่นบุหรี่และเหล้ายังคงติดตัวมาจางๆ
ภายในลิฟต์เงียบสงัด...ร่างสูงที่คีบบุหรี่อยู่ในปากเป็นฝ่ายหันมามองเขาก่อนด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์ แสงไฟสลัวสีส้มภายในลิฟต์ทำให้คยองซูเห็นใต้ตาดำคล้ำและใบหน้าอิดโรยของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน เขาสงสัยจังว่าทำไมคนตรงหน้าเขาถึงได้ดูเหนื่อยขนาดนั้น?
“ร้อน..วันนี้อากาศร้อนเนอะ” ชายหนุ่มแปลกหน้าเอ่ยขึ้นท่ามกลางบรรยากาศน่าอึดอัด มือเรียวถูกหยิบยื่นมาให้คยองซูจับเพื่อทำความรู้จัก
“เอ่อ..” ถึงแม้จะลังเลเล็กน้อยแต่คยองซูก็ตอบรับมารยาทของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ทันทีที่สองมือสัมผัสกัน...เขาก็รู้สึกถึงมือเย็นเฉียบ สัมผัสที่ทำให้คยองซูรู้สึกหนาวอย่างไม่รู้สาเหตุ ไหนจะยังสายตาที่จ้องมองมาอย่างไม่ลดละนั่นอีก
คยองซูยอมรับ...ว่าเขากำลังรู้สึกอึดอัดมากๆ
“ใช่..วันนี้อากาศร้อนแฮะ” คยองซูเอ่ยตอบไปด้วยความประหม่า
ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยอะไรกลับมา เพียงแค่ไล่สายตามองร่างของคยองซูตั้งแต่หัวจรดเท้าเท่านั้น...สายตาแผดเผาของร่างสูงทำให้คยองซูอยากจะมุดตัวเข้าไปแอบในเสื้อกันหนาวที่จนสวมใส่ทั้งที่รู้ว่ามันคงช่วยอะไรไม่ได้มาก
วินาทีที่น่าอึดอัดดำเนินไปอย่างเชื่องช้าจนคยองซูถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก แต่ทันทีที่คยองซูก้าวเท้าออกมาจากลิฟต์และกำลังเดินไปที่ห้องตัวเองนั้น เขาก็สังเกตว่าชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นกำลังเดินตามเขามา บางทีเขาอาจจะเคยรู้จักคนๆนี้เพียงแต่เขา...จำไม่ได้
“ผมเคยรู้จักคุณหรือเปล่าครับ?” คยองซูตัดสินใจหมุนตัวกลับมาถามให้รู้เรื่อง
ชายหนุ่มหยุดลงที่ประตูห้องข้างๆ นิ้วชี้ควงกุญแจไปมาดังกรุ้งกริ้ง...ร่างสูงอยู่ในชุดสูทหรูหราราคาแพงและร้องเท้าหนังเงาวับ ซึ่งมันไม่เหมาะสมกับอพาร์ทเม้นโทรมๆแห่งนี้เอาซะเลย
“แล้วคุณคิดว่าไงล่ะ?” ร่างสูงถามก่อนจะยกยิ้มมุมปาก
คยองซูขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเช้าตอนที่เขาเปิดสมุดบันทึกของเขาอ่านดู...ไม่เห็นมีคนๆนี้อยู่ในสมุด หรือเขาอาจจะอ่านข้ามไป? คิดได้ดังนั้นมือเล็กก็เอื้อมเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบสมุดบันทึกออกมาเช็คอีกครั้ง แต่เสียงหัวเราะขื่นๆก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“พี่จำไม่ได้เลยสินะ...หึ”
“พูดถึงอะไรน่ะ? ผมควรจำอะไรได้งั้นเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอก...ไม่มีอะไร” คนแปลกหน้าคนดังกล่าวหัวเราะเสียงดังก่อนจะทรุดตัวลงนั่งพิงประตูหน้าห้อง และถ้าคยองซูมองไม่ผิด...ผู้ชายคนนั้นกำลังร้องไห้
--
“จงอิน...ทำไมวันนี้นายเงียบจัง?” คยองซูถามเบาๆในขณะกำลังแทะแตงโมซีกโต
“ปกติผมก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่” จงอินตอบ
“ไม่จริง”
“พี่รู้ได้ไง? พี่จำไม่ได้ด้วยซ้ำ” จงอินตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ทำไมนายต้องไม่พอใจด้วย?”
“ผมเปล่า”
“นายกำลังไม่พอใจ..”
จงอินกัดแตงโมเข้าปากด้วยความโมโห ในขณะที่คยองซูนั่งเงียบและหวังว่าจงอินจะหันมาคุยกับเขาแต่เขาคิดผิดเมื่อจงอินไม่มีทีท่าตะเปิดปากพูดเลยแม้แต่น้อย
“ฉันพูดอะไรผิดไปรึเปล่า จงอิน? ฉันอยากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายแต่ถ้านายทำตัวแบบนี้—“
“ไม่... ผมมีสิทธิ์จะทำตัวแบบไหนก็ได้เพราะระหว่างเรามันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น..”
“...”
“และจะไม่มีวันมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างเรา พี่เข้าใจใช่ไหม? ไม่ว่าพี่จะพยายามจนตาย...พี่ก็จำผมไม่ได้ ยอมรับความจริงได้แล้ว”
คยองซูไม่อยากร้องไห้ ไม่อยากแสดงความอ่อนแอต่อหน้าจงอินแต่ถ้อยคำเหล่านี้มันโหดร้ายเกินไป แม้อยากจะกลั้นน้ำตาไว้แค่ไหนก็ทำไม่ได้
“พี่ไม่มีสิทธิ์ที่จะร้องไห้เสียใจด้วยซ้ำ ทุกเช้าที่พี่ตื่นขึ้นมา..พี่ก็จะลืมความเจ็บปวดของเมื่อวานไป และเริ่มวันใหม่อย่างมีความสุข แล้วผมล่ะ?”
“ขอโทษ—“
“ผมรักพี่! ให้ตายสิ...แต่ทุกๆเช้าผมต้องมาแนะนำตัวเองกับพี่เหมือนเราไม่เคยรู้จักกัน พี่รู้ไหมว่ามันรู้สึกยังไง? ไม่...พี่ไม่มีวันรู้หรอกเพราะความจริงพี่ไม่ได้รักผมเลย! ถ้าไม่มีโน้ตที่ผมคอยเขียน ระหว่างเราก็ไม่มีอะไรเหลือเลยสักนิด ผมเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับพี่ และความสัมพันธ์ของเราก็เป็นเพียงเรื่องหลอกลวง...เหอะ เหมือนนิยายเลยเนอะว่าไหม?”
“...”
“ขอโทษนะ...” ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกันหลังจากเงียบไปพักใหญ่ๆ
“สองคืนก่อน..ผมเอาโน้ตทั้งหมดไปซ่อนเพราะผมอยากรู้ว่าพี่จะจำได้ไหม แค่เพียงนิดเดียวก็ยังดี...แต่ไม่เลย” จงอินดึงมือเล็กมากุมไว้หลวมๆ
“ฟังนะ...ผมกำลังจะตายและสักวันพี่จะลืมทุกอย่างระหว่างเรา ไม่ใช่เพราะพี่ความจำเสื่อมหรอกนะ แต่เพราะกาลเวลาต่างหาก เวลาจะทำให้พี่ลืมผม ทำอย่างระหว่างเราจะถูกลืมช้าๆ—“
“ไม่...ไม่นะจงอิน ถึงสมองฉันจะไม่ดี...แต่หัวใจฉัน—“คยองซูยกมือข้างที่จงอินกุมไว้มาทาบตรงตำแหน่งหัวใจ
“...”
“หัวใจของฉันจำนายได้ แม้หัวสมองของฉันจะจำอะไรเกี่ยวกับนายไม่ได้เลยก็ตาม แต่เวลานายเจ็บ...ฉันก็เจ็บ เวลานายดีใจ...ฉันก็ดีใจ ฉันสามารถรักนายได้ทั้งที่ฉันไม่มีความทรงจำใดๆเลยระหว่างเรา เพราะฉะนั้น ได้โปรด..อย่าปล่อยฉันไปเลยนะจงอิน ห้ามปล่อยมือฉันนะ ขอร้องล่ะ..”
“นี่ไม่ใช่นิยายนะ..มันไม่ได้ง่ายแบบที่พี่คิด...” จงอินยิ้มฝืนๆ
“...”
“มาถึงจุดนี้...พี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ตอนจบของเรามันชัดเจนอยู่แล้ว..” จงอินเอ่ยเสียงเบา ไม่มีแรงแม้แต่จะพูด...
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ...จงอินรอให้คยองซูพูดอะไรบางอย่างแต่คยองซูไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เสียงสะอื้นของคยองซูดังไปทั่วห้อง คยองซูเจ็บ...เจ็บจนพูดไม่ออก
“พี่ก็รู้...สักวันหนึ่ง ผมจะไม่มีโอกาสได้มองหน้าพี่ ได่คุยกับพี่ ผมคงจะนอนแหม็บอยู่บนเตียงผู้ป่วยในขณะที่พี่นั่งร้องไห้ พี่ก็จะจับมือเย็นๆของผมเหมือนที่พี่ทำอยู่ตอนนี้ แต่ถึงเวลานั้นผมคงจะกุมมือพี่ตอบเหมือนตอนนี้ไม่ได้อีกแล้ว และเมื่อถึงเวลานั้น...พี่ต้องสัญญากับผมนะ พี่จะต้องปล่อยมือผม กลับบ้าน และลืมผมซะ—“
“ไม่นะ...”
“พี่ฟังผมสิ...ผมไม่อยากให้พี่—พี่ไม่สมควรที่จะต้องมาเห็นผม..“ เมื่อถึงปลายประโยคจงอินก็หยุดพูด และเมื่อคยองซูเงยหน้าขึ้นมาถึงรู้ว่า...จงอินกำลังร้องไห้...
“ไม่สมควรต้องมาเห็นผม..ตาย”
“ไม่...ไม่เอา..ไม่เอาแบบนี้นะจงอิน...ไม่เอา..” คยองซูดึงมือทั้งสองข้างของจงอินมากุมไว้แน่นก่อนจะพร่ำคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา
--
คยองซูเลิกเขียนในสมุดบันทึกแล้ว คยองซูเลิกจำว่าวันนี้วันอะไร คยองซูเลิกจำว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ เพราะสำหรับคยองซู...เวลาไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว
แต่ถ้าวันไหนที่จงอินอยู่... ชีวิตของคยองซูก็จะดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกครั้ง ปีนี้คือปี2013และเป็นเดือนสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วง อีกสามเดือนคยองซูจะอายุครบ26ปีบริบูรณ์
ความจริงอีกข้อคือคยองซูกำลังมีความรัก รักมากจนเจ็บหัวใจไปหมด เจ็บที่ตัวเองจำอะไรไม่ได้...เจ็บที่เวลาเหลือน้อยลงทุกที
“ผมจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานและวันนี้...ส่วนพี่ก็มีหน้าที่จำพรุ่งนี้ของเรา โอเคไหม?”
“บ้าเหรอ? ใครจะไปจำพรุ่งนี้ได้? มันยังไม่เกิดขึ้นสักหน่อย..” คยองซูเถียง
“อืม...พรุ่งนี้ผมจะจำว่าเราจะไปทะเลด้วยกันแล้วก็..” จงอินเอ่ยขึ้นในขณะที่คยองซูกอดเอวเขาไว้
“แล้วก็?”
“แล้วพี่ก็จำสิว่าเราจะทำอะไรกัน?”
“พูดอะไรของนายน่ะจงอิน? ฉันจะไปจำเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นได้ยัง—“
“ชู่ว..เงียบก่อน ผมจะจำว่าเราจะไปดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน พี่จะร้องเพลงให้ผมฟังขณะคลื่นกระทบฝั่ง ส่วนผมก็จะเต้นให้พี่ดู...จากนั้นผมก็จะจูบพี่ และหลังจากนั้นเราก็จะไปนั่งกินมื้อเย็นกัน—“
“และเราก็จะรอจนฟ้ามืด ในขณะที่ฉันร้องเพลงนายจะจับมือฉันไว้และเราจะเต้นไปด้วยกัน...และพรุ่งนี้จะจบลงด้วยจูบอ่อนโยนจากนาย..” คยองซูต่อจนจบ
“แบบนี้น่ะเหรอ?” จงอินดึงอีกคนเข้ามาประกบริมฝีปากเบาๆก่อนจะผละออก
“นายคิดอะไรอยู่เหรอ?” คยองซูถามอย่างสงสัยเมื่อสบตากับจงอิน
“กำลังคิดว่าอยากอยู่กับพี่แบบนี้ตลอดไปจัง..”
มีหลายคำถามที่คยองซูอยากเอ่ยปากถามจงอินแต่คยองซูก็เลือกที่จะเงียบเพราะบางทีความเป็นจริงมันก็น่ากลัวเกินไป...คยองซูเลยเลือกที่จะอยู่กับปัจจุบันอย่างมีความสุขที่สุดเท่าที่จะทำได้
--
วันรุ่งขึ้น...คยองซูตื่นขึ้นมาพร้อมกับความว่างเปล่า ไม่มีทะเลแสนสวยหรือชาดหายแสนสงบ ไม่มีคำว่า “เรา” เหมือนที่คุยกันไว้... โพสอิทสีเหลืองที่เคยกระจายอยู่เต็มกำแพงก็หายไป หน้าสุดท้ายของสมุดบันทึกก็ว่างเปล่า
คยองซูรีบออกไปทำงานที่โรงงานในตอนเช้าเหมือนทุกวัน คยองซูกลับมาทานข้าวเย็นที่ห้องกก่อนจะออกไปทำงานที่บาร์เหมือนทุกวัน คยองซูมองไปที่ระเบียงห้องข้างๆและรู้สึกว่าบางอย่างขาดหายไป...ไม่เหมือนทุกวัน
ในขณะที่คยองซูร้องเพลงที่บาร์ ดวงตาโตก็มองไปที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้านและพบว่ามันว่างเปล่า และนั่นทำให้เขาร้องเพลงหลุดคีย์ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“เป็นอะไรไป?” มินซอกถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“ไม่รู้สิ..” คยองซูตอบ...เท่าที่เขาจำได้ ทุกอย่างก็ปกติดีนี่
“แล้วนักเขียนคนนั้นไปไหนแล้วล่ะ? คิมจงอินน่ะ?”
คยองซูเกือบถามกลับไปว่า “นักเขียนไหน?” แต่อยู่ๆความเจ็บแปลบที่หน้าอกข้างซ้ายก็เล่นงานจนคยองซูตั้งตัวไม่ทัน คยองซูลนลานเอื้อมมือไปเปิดสมุดบันทึกสั่นๆก่อนจะพลิกไปพลิกมาอยู่หลายรอบ
“ฉัน...ฉันไม่รู้จักนักเขียนที่ไหนสักหน่อย...” คยองซูพูดเสียงเบาพร้อมๆกับดอกเดซี่ช่อหนึงที่หล่นลงมาจากหน้าสุดท้ายของสมุดบันทึก
คยองซูไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมทันทีที่เขาเห็นดอกเดซี่ช่อนั้น...น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างไม่รู้สาเหตุ คยองซูไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนกำลังรอให้ใครสักคนาปลอบเขาในขณะที่เขาร้องไห้ ทั้งๆที่สุดท้ายแล้ว...ก็ไม่มีใครมา
--
คยองซูตื่นขึ้นมาในเดือนตุลาคมก่อนจะพบเจอกับกำแพงที่เต็มไปด้วยโพสอิทสีเขียวเดิมๆ ใบไม้เริ่มร่วงเตรียมตัวรับอากาศนหาวที่จะมาเยือนในไม่ช้า
คยองซูตื่นขึ้นมาในเดือนพฤษจิกายนพร้อมกับหิมะที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย คยองซูรู้สึกอยากจะเอาหน้าซุกหมอนและร้องไห้จนไม่มีน้ำตาเหลือให้ร้องอีกต่อไป เขารู้สึกเหมือนชีวิตไร้ความหมาย...ไม่อยากมีชีวิตอยู่
คยองซูตื่นขึ้นมาในเดือนธันวาคม สี่วันก่อนวันคริสมาสต์ เพราะเสียงเคาะประตูกลางดึก...คยองซูเดินฝ่าความมืดออกไปก่อนจะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดอย่างง่วงงุน เมื่อเปิดประตูออกมาเขาก็พบกับ—
“พี่...” เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องเขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง คยองซูยืนซึมซับรายละเอียดของคนตรงหน้าเงียบๆ..ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาบวมช้ำ ร่างกายซูบผอมที่อยู่ภายใต้ชุดคนป่วยบางๆ บนกลุ่มผมสีเข้มยังมีหิมะเกาะอยู่ประปราย ที่สำคัญ...คนตรงหน้ากำลัง “พยายาม” ยิ้มให้เขา
“พี่..พี่..” คนตรงหน้าคยองซูเกาะขอบประตูห้องแน่น น้ำตาใหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย
คยองซูรู้สึกคุ้นหน้าชายหนุ่มคนนี้มากเพราะทันทีที่เห็นหน้าคนๆนี้...ความรู้สึกหนังอึ้งที่คยองซูแบกรับมาตลอดหลายเดือนก็มลายหายไป
...แต่มันไม่เพียงพอที่จะทำให้คยองซูจำจงอินได้
“เอ่อ...คุณเป็นใครครับ?” คยองซูถามอย่างลังเล
ชายหนุ่มหน้าประตูชะงัก
“ฮ่ะๆ..นั่นสินะ พี่จำผมไม่ได้อยู่แล้ว...ผมนี่โง่จัง”
คยองซูมองอีกคนที่ยืนเช็ดน้ำตาลวกๆ...ชายหนุ่มคนดังกล่าวมองหน้าคยองซูด้วยความรู้สึกหลากหลาย ไหล่สั่นน้อยๆเพราะความหนาว...และความเสียใจ
“งั้นขอโทษที่รบกวนละกันครับ...ผมแค่คิดว่า—บางทีพี่อาจจะจำได้ ผมแค่...ช่างเถอะ งั้นผมไปก่อน—“
“ไม่..หิมะยังตกอยู่เลย เดี๋ยวฉันเข้าไปเอาเสื้อหนาวมาให้นะ เดินตากหิมะมาแบบนี้ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” คยองซูเอื้อมมือไปรั้งอีกคนไว้
“หวัดงั้นหรอ?...หึ..หวัดงั้นสินะ” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะอย่างขมขื่น ถ้ามันเป็นแค่หวัดก็ดีน่ะสิ...
--
ระหว่างทางไปโรงพยาบาล ชายหนุ่มบอกว่าตนเองชื่อจงอินและก็ได้บอกความจริงสี่ข้อให้คยองซูได้รับรู้...
หนึ่ง...จงอินเป็นนักเขียน
สอง...พวกเขาเคยเจอกันมาก่อน
สาม...จงอินกำลังจะตาย
สี่...จงอินดึงโพสอิทและทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเองเพื่อให้คยองซูลืมเขา
“พวกเขาบอกว่าผมเหลือเวลาแค่หกเดือนหรืออาจจะหนึ่งปีถ้าผมทำตัวดีๆ”
“...”
“ผมก็เลยทำตัวเป็นพระเอกโดยการหายออกไปจากชีวิตพี่ แต่แล้วหมอก็บอกว่าผมมีโรคแทรกซ้อน มันไม่ใช่หกเดือนแต่มันคือสี่อาทิตย์หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ผมทนไม่ได้...ผมทนไม่ได้ที่จะใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีพี่ ความจริงแล้วผมไม่ได้พระเอกเลย ผมมันขี้ขลาด...”
“นาย...ชอบฉันเหรอ?” คยองซูถามเบาๆ
“ชอบพี่? ผมไม่ได้ชอบพี่หรอก...ผมแค่อยากมีพี่อยู่ในทุกๆวันของผม ผมแค่อยากให้พี่จำผมได้แค่นั้นเอง...” จงอินหัวเราะเบาๆ...เสียงหัวเราะที่ฟังแล้วเหมือนเสียงร้องไห้เสียมากกว่า
คยองซูรู้ว่าความจริงมันเป็นยังไงและจงอินก็รู้เช่นกัน...ความฝันก็เป็นได้แค่ความฝัน คำขอก็เป็นได้แค่คำขอ เรื่องบางเรื่องก็ไม่มีวันเป็นจริงขึ้นมาได้
“ผมหมายถึง..พี่ไม่จำเป็นต้องจำผมให้ได้หรอกนะ ผมก็แค่เพ้อเจ้อไปอย่างนั้นแหละ พี่แค่ส่งผมที่โรงพยาบาลก็พอ ผมแค่อยากเจอพี่อีกสักครั้งและผมก็ได้เจอแล้ว...ขอโทษที่รบกวนนะครับ”
“...”
“พี่คงคิดว่าผมเป็นไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ล่ะสิ...อยู่ๆก็ไปเคาะห้องพี่แบบนั้น” จงอินหัวเราะอีกครั้ง คยองซูไม่ชอบเสียงหัวเราะของจงอินเลย
“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นนะ แต่ฉันคิดว่านายโง่มากทีวิ่งออกมาจากโรงพยาบาลทั้งๆที่หิมะตกหนักขนาดนี้...” คยองซูพูดก่อนจะยิ้มบางๆ
รถแท็กซี่หยุดลงหน้าโรงพยาบาลเร็วกว่าที่คิดไว้...
“พี่ครับ...ผมขออะไรอย่างนึงได้ไหม?”
“หืม?”
“พี่ช่วยเรียกชื่อผมได้ไหม? ...เป็นครั้งสุดท้าย”
คยองซูชะงัก แม้ปากจะอยากทำตามที่จงอินขอ แต่มันกลับพูดไม่ออก...ความเจ็บแปลบที่หัวใจกลับมาอีกครั้ง
“จง...” คยองซูพยายามกลืนก้อนสะอื้นที่แล่นขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ
“...?”
“จงอิน...”
“ขอบคุณ...ขอบคุณนะครับ” จงอินเอ่ยคำขอบคุณเบาๆ ไม่ได้เพียงแค่ขอบคุณที่คยองซูเรียกชื่อแต่ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่าง ขอบคุณที่ทำให้จงอินมีชีวิตอีกครั้ง ขอบคุณที่สอนให้จงอินรู้จักคำว่ารัก ขอบคุณที่ทำให้จงอินมีความสุข...
“ไม่เป็นไร...” คยองซูตอบก่อนที่จงอินจะเปิดประตูรถออกไป
คยองซูลดกระจกลงก่อนจะมองจงอินที่กำลังหันกลับมามองเขาเช่นกัน คยองซูยื่นมือออกไปจับมือจงอินไว้หลวมๆ จงอินยิ้มให้เขาน้อยๆก่อนจะเดินเข้าโรงพยาบาลไป
“ช่วยพาผมกลับไปส่งที่เดิมด้วยครับลุง” คยองซูสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะหันมาเอ่ยกับคนขับแท็กซี่
เขากำลังพยายามทำเหมือนตัวเองไม่เสียใจ เขาจะเสียใจไปทำไมล่ะ? เขาไม่รู้จักจงอินซะหน่อย...แต่ทำไมน้ำตาถึงต้องไหลออกมานะ? ทำไมถึงรู้สึกเจ็บแบบนี้?
--
คยองซูยืนอยู่มุมหนึ่งของห้อง เขากำลังยืนฟังคำอธิบายของคุณหมอเกี่ยวกับอาการของจงอิน คุณหมอบอกว่าอ็อกซิเจนทรีทเมนต์ที่ให้ไปมันไม่เพียงพอ ส่วนยาปฏิชีวนะที่ให้ไปกำลังทำให้ตับหยุดทำงาน แม้ให้อยู่ไอซียูก็ไม่ช่วยอะไรเพราะปอดอ่อนแรงเต็มที คยองซูไม่ค่อยเข้าใจศัพท์ทางการแพทย์นักหรอกแต่เขาก็ฉลาดพอที่จะจับใจความได้ว่า เวลาเหลือไม่มากแล้ว...
“ผมยังไม่อยากตาย...” จงอินเอ่ยเสียอู้อี้ภายใต้หน้ากากอ็อกซิเจน ร่างกายซูบผอมจนคยองซูใจหาย
“นายจะไม่ตาย...หมอบอกว่านายจะไม่เป็นอะไร...” คยองซูเอ่ยขึ้นก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียงผู้ป่วย
“โกหก” จงอินหัวเราะก่อนจะหันหน้าหนีคยองซู...เพื่อซ่อนน้ำตาที่กำลังใหลลงมา
“...”
“อีกสามอาทิตย์ก็จะมีคนใหม่มานอนบนเตียงนี้แทนผม...อย่างมากก็สี่อาทิตย์ ผมเป็นโรคน้ำท่วมปอด...นอกจากปิดผมจะอักเสบเรื้อรังแล้ว ผมยังน้ำท่วมปอดอีก...”
“นายจะไม่เป็นอะไร..” คยองซูพูดต่อทั้งๆที่เขาก็รู้ความจริงดี ความจริงที่ว่าเวลาเหลือแค่สองอาทิตย์เท่านั้น
“ไม่จริง” จงอินขัดก่อนจะหลับตาแน่น
“...”
“พี่ทำอะไรน่ะ..” จงอินสะดุ้งเมื่ออยู่ๆคยองซูก็ไล้นิ้วลงบนหน้าอกของเขาเหมือนกำลังเขียนอะไรบางอย่าง
“ฉันกำลังเขียนจดหมายให้พระเจ้าน่ะ...ปอดของนาย พระเจ้าจะเอามันไปไม่ได้นะ นายต้องใช้มัน...ฉันจะไม่ให้ใคร เอามันไป...” คยองซูพึมพำซ้ำไปซ้ำมา
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเป็นเวลานาน...ก่อนที่จงอินจะตัดสินใจพูดขึ้น
“ตอนแรกที่ผมรู้ว่าผมจะตาย ผมคิดว่า..ดีแล้วล่ะ ในที่สุดก็จะได้ตายสมใจเสียที แต่ตอนนี้...ตอนนี้ผมอยากได้เวลาเพิ่มเพียงแค่หนึ่งนาที—หนึ่งวินาทีก็ได้...ผมอยากได้เวลาเพิ่ม อยากจะใช้เวลาที่ได้มากับพี่...อยากจะรักพี่ให้มากกว่านี้ ผมยังรักพี่ได้ไม่เต็มที่เลย ผมยัง..ไม่อยาก..ไป“ คยองซูเอื้อมมือไปกุมมือของจงอินไว้ก่อนที่จงอินจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
คืนนั้นคยองซูกลับห้องไปและเขียนบนโพสอิทสีเหลืองสดว่า...
คิมจงอิน ห้อง220 โรงพยาบาลโซล ให้นั่งแท็กซี่ไปที่ทางเข้าทิศใต้...สำคัญมาก
--
“ฮืม...บางทีพี่ควรจะสักชื่อผมไว้บนหน้าพี่นะ ฮ่ะๆ” จงอินพูดขึ้นผ่านหน้ากากอ็อกซิเจน
นางพยาบาลอนุญาตให้จงอินนั่งรถเข็นแล้วเพราะจงอินอาการทรงตัว คยองซูเลยตัดสินใจพาจงอินออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้าง
“แต่ฉันก็มองหน้าตัวเองไม่เห็นอยู่ดีอ่ะ”
“แล้วจะให้สักไว้ผมหน้าผมอ่ะเหรอ? ไม่ดีมั้ง” จงอินหัวเราะเบาๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นไอถี่ๆโดยมีคยองซูคอยลูบหลังอยู่ไม่ห่าง
คยองซูไม่ได้พูดอะไรต่อ...ทั้งสองเลยตกอยู่ในความเงียบ แต่ความเงียบครั้งนี้มันต่างจากครั้งก่อนๆนัก ความเงียบที่สงบและไร้ความอึดอัด แม้จะไม่มีใครพูดอะไร...แต่ก็เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย
“พี่...ไม่ไปทำงานเหรอวันนี้?” จงอินถาม
“คืนนี้เหรอ? ไม่ล่ะ...” คยองซูยักไหล่
“เมื่อวานพี่ก็พูดแบบนี้...” จงอินยิ้มน้อยๆ
“...”
“พรุ่งนี้พี่ไปเถอะ...พี่ต้องร้องเพลงนะ มันเป็นความฝันของพี่นี่ ออกไปใช้ชีวิตเถอะ”
“ฉันก็ใช้ชีวิตอยู่กับนายแล้วนี่ไง... เดี๋ยวให้ฉันร้องเพลงตอนนี้เลยก็ได้” คยองซูเถียง
“อย่านะ นี่มันโรงพยาบา—“
จงอินเอ่ยห้ามยังไม่ทันจบ คยองซูก็เปล่งเสียงร้องออกมาเบาๆ เสียงหวานที่สวยงามแต่ก็เศร้าจับใจ...
จงอินเคาะนิ้วกับที่วางแขนเบาๆ
ไม่...จงอินไม่ได้แค่เคาะจังหวะธรรมดา แต่ปลายนิ้วของจงอินกำลังเต้น...ท่วงท่าพลิ้วไหวจนคยองซูต้องย่อลงตรงหน้าจงอิน
“ท่านี้... Arabesque” จงอินเอ่ยเบาๆ นิ้วมือขยับอยู่บนฝ่ามือของคยองซู
“ท่านี้... Grand Jete” ปลายนิ้วกระโดดน้อยๆ
“ท่านี้... Fouette En Tourant” ปลายนิ้วไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านี้... Sissonne หนึ่ง..สอง...สา—“ ทั้งสองชะงักเมื่อนิ้วของจงอินไต่ขึ้นไปถึงไหล่บางของคยองซู จงอินไล้นิ้วมือขึ้นไปเรื่อยๆจนถึง...ริมฝีปาก
ทั้งสองคนยิ้มน้อยๆ ให้กันก่อนที่คยองซูจะกดจูบลงบนปลายนิ้วของจงอินเบาๆ ใบหน้าซีดเซียวของจงอินมีสีขึ้นมาหน่อยๆ
หลังจากนั้นไม่นาน นางพยาบาลก็มาตามจงอินกลับห้อง นางพยาบาลบอกว่าอากาศข้างนอกอาจจะทำร้ายปอดของจงอินได้...ตอนนี้ไม่ว่าจะอากาศแบบไหนก็ทำร้ายปอดของจงอินทั้งนั้นแหละ...
“ราตรีสวัสดิ์นะครับ...” จงอินเอ่ยง่วงๆเมื่อนางพยาบาลให้ยานอนหลับประจำวัน
“ผมรักพี่นะ...”
“ไม่ เก็บไว้บอกฉันพรุ่งนี้นะ จงอิน”
“แต่พี่...พรุ่งนี้ผมอาจจะไม่อยู่—“
“ไม่เอา...ไม่.. เก็บไว้บอกฉันพรุ่งนี้เถอะ...นะ..” คยองซูเอ่ยเสียงขาดห้วง คยองซูนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่จงอินเต้นด้วยปลายนิ้ว ท่วงท่าที่พลิ้วไหวเหล่านั้น...คยองซูอาจไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีกแล้ว กลัวว่าจงอินที่นอนใต้ผ้าห่มผืนบางคนนี้...อาจจะไม่ได้ตื่นมาคุยกับเขาอีก
จงอินรั้งคอของร่างเล็กลงมาก่อนจะเช็ดน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา...น้ำตาที่ใหลลงมาตอนไหนก็ไม่รู้...
“โอเค...เจอกันพรุ่งนี้ครับ..” จงอินเอ่ยก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงช้าๆ
--
คนทั้งคู่เลิกคิดถึงเมื่อวาน...เลิกคิดถึงวันนี้ และใช้เวลาทุกเสี้ยววินาทีเพื่อคิดถึงพรุ่งนี้เท่านั้น ทั้งสองคนเชื่อว่ามันจะมีวันพรุ่งนี้และวันต่อๆไป...
ทุกๆครั้งที่นางพยาบาลไม่อยู่ คยองซูจะขึ้นไปนอนบนเตียงกับจงอินและกอดเอวอีกคนไว้ หน้าผากแนบหน้าผากก่อนที่คยองซูจะคอยพึมพำซ้ำๆว่า “นายต้องไม่เป็นไรนะ...”
“พี่คิดว่าถ้าเสลายืมกันได้....ผมต้องจ่ายดอกเบี้ยเท่าไหร่เหรอ?” จงอินถามขณะที่นางพยาบาลกำลังต่อหลอดอ็อกซิเจนเข้าที่หลังของเขา จงอินหลับตาแน่นขณะที่ของเหลวสีแดงไหลออกมาน้อยๆ
“ไม่รู้สิ...” คยองซูเอ่ยเบาๆ
“พอใกล้ถึงจุดจบจริงๆ ผมก็ได้แต่อธิษฐานทุกวัน...ผมจะอยู่ถึงหน้าหนาวไหมนะ? เราจะได้ทำกิมจิด้วยกันไหมนะ?”
“นายอยากกินกิมจิเหรอ?”
“และแล้วผมก็อธิษฐานต่อ...ผมจะได้จูบพี่ใต้ต้นมิสเซิลโทไหมนะ? ผมจะอยู่ถึงปีใหม่ไหมนะ?...เพราะผมอยากกินแป้งต็อกกับพี่ แล้วผมจะอยู่ถึงวันเกิดของพวกเราไหมนะ?...ผม..จ..จะพา..พี่..ไป..ดู..ห..หิ่งห้อย..อีก..”
“พอแล้วจงอิน...นายจะได้อยู่ทำมันทั้งหมด...ตอนนี้นายอยู่ถึงคริสมาสต์แล้ว ต่อจากนี้ก็จะเป็นปีใหม่แล้วก็..วันเกิดของเรา..”
“แค่..น..นั้นไม่พอหรอก..เพราะยิ่ง..ผม..ได้..อยู่กับพี่..มาก..ขึ้นเท่า..ไหร่..ผม..ก็ยิ่งอยาก..ได้..เวลา..เพิ่ม...”
“เราจะฉลองด้วยกัน” คยองซูขัดขึ้น
“...”
“เราจะฉลองทุกเทศกาล...ทุกโอกาสพิเศษด้วยกัน โอเคไหมจงอิน? เพราะฉะนั้น...หยุด..หยุดร้องไห้เถอะนะ”
“พี่..นั่นแหละ..ที่..ร..ร้อง”
“เงียบ..ฮึก..น่า..”
“ผมยังไม่อยาก...ตาย..เลยแฮะ..ฮ่ะๆ” จงอินหัวเราะเบาๆ...แก้มเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา แต่คยองซูไม่รู้หรอกว่ามันคือน้ำตาของจงอินหรือน้ำตาของเขาเองที่ยังคงใหลอยู่อย่างไม่ขาดสาย
--
จงอินพูดไม่ได้แล้ว... นางพยาบาลบอกว่าปอดสูบฉีกอ็อกซิเจนไม่เพียงพอ
แต่คยองซูไม่เสียใจหรอกนะ...คยองซูไม่จำเป็นต้องฟังจงอินพูดหรือแม้กระทั่งสัมผัสจงอินด้วยซ้ำ แค่คยองซูได้อยู่ข้างๆจงอินก็พอแล้ว แค่ให้คยองซูได้รู้ว่าจงอินยังหายใจอยู่ แค่ได้รู้ว่าจงอินได้ยินเวลาเขาร้องเพลง...แค่นั้นก็เกินพอ
คยองซูก็ไม่เข้าใจตัวเองนักหรอกว่าเขามารู้จักกับจงอินได้ยังไง และทำไมเขาถึงยังมาเยี่ยมจงอินทุกวัน...เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ
--
ถ้าวันหนึ่งพี่มองไปที่ระเบียงห้องข้างๆและไม่เห็นไอ้บ้าคนหนึ่งยืนสูบบุหรี่อยู่...พี่จะเศ้ราไหม?” จงอินเขียน
“ทุกวันนี้ฉันก็เศร้าอยู่แล้วไง...ฉันคิดถึงนายบนระเบียงนั่นนะ..” คยองซูเงยหน้าขึ้นมาตอบเบาๆ
พี่รู้ได้ไงว่าเป็นผม? จงอินเขียนอย่างรวดเร็วจนลายมือแทบอ่านไม่ออก ใบหน้าแสดงความตกใจอย่างชัดเจน
“...ความรู้สึกมันบอกน่ะ” คยองซูยิ้ม ดีใจที่อย่างน้อยก็มีอะไรที่เขาจำได้บ้าง
คยองซูเกิดความหวังแม้ว่ามันจะริบหรี่เต็มที บางทีพรุ่งนี้จงอินอาจจะหายดีและบางทีคยองซูอาจจะได้ความทรงจำกลับคืนมา...บางทีคยองซูอาจจะได้มีโอกาสคุยกับจงอินและไปเที่ยวด้วยกันอีก...
คืนนั้นคยองซูกลับบ้านพร้อมกับท่องชื่อจงอินในใจซ้ำไปซ้ำมาจนเก็บไปฝัน เขาอ้อนวอนต่อพระเจ้าไม่ให้ท่านเอาจงอินไป เขาไม่จำเป็นต้องจำได้ว่าอดีตและปัจจุบันของทั้งคู่เป็นยังไง เขาขออย่างเดียว...ขอแค่ให้เขาจำชื่อจงอินได้ ขอแค่นี้...แค่ส่วนเล็กๆของคิมจงอิน...
--
คยองซูตื่นขึ้นมาพร้อมกับโพสอิทยับๆเต็มกระเป๋า ลายมือหวัดๆที่อ่านแทบไม่ออก ลายเส้นสั่นๆเหมือนคนไม่มีแรง...คยองซูค่อยๆอ่านมันทีละแผ่นๆ...
พี่คิดว่าพระเจ้ามีจริงไหม?
ถ้าพระเจ้ามีจริง...งั้นผมขอเวลาเพิ่มได้ไหม? ไม่จำเป็นต้องมากก็ได้ สักอาทิตย์นึงหรือวันนึงก็ได้ ชั่วโมงนึงผมก็ยอม แม้แต่วินาทีเดียวผมก็เอา...ผมแค่อยากได้เวลาเพิ่ม...แค่เวลา
พี่กำลังร้องไห้...
ผมน่าจะหยุดสูบบุหรี่ก่อนหน้านี้เนอะ?
เลิกทำตัวเข้มแข็งได้แล้วน่า...
โพสอิทแผ่นสุดท้ายต่างออกไป...แม้จะลายมือแบบเดิมแต่เส้นดูแข็งแรง กระดาษที่เริ่มซีด...ดูก็รู้ว่าเขียนไว้นานกว่าแผ่นอื่นๆ
ผมชื่อจงอิน ผมเป็นนักเขียนที่อยู่ห้องข้างๆ เจอกันพรุ่งนี้นะครับพี่ อย่าลืมล่ะ!
--
ทุกครั้งที่คยองซูมองร่างกายที่ซูบผอมของจงอิน...คยองซูก็ได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองว่า จงอินที่เต้นเก่งๆคนนั้นหายไปไหนแล้วนะ? คนที่นอนอยู่บนเตียงตอนนี้คือคนเดียวกันจริงๆน่ะเหรอ?
คยองซูอยากคุยกับจงอินแต่นางพยาบาลบอกว่าจงอินไม่แข็งแรงพอที่จะพูดอีกแล้ว คยองซูเลยทำได้เพียงนั่งเงียบๆขางเตียง มองเข็มนาฬิกาที่ยังคงเดินไปเรื่อยๆ
“อะ...” จงอินยกมือขึ้นพร้อมกับพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง คยองซูรีบกุมมือนั้นไว้ก่อนจะเอียงหูเข้าไปฟังที่อีกคนพูด
“พ..พรุ่ง..น..นี้..พี่จะ..มาไหม?” จงอินถามอย่างยากลำบาก
“ทำไมเหรอ?”
“พ..พรุ่งนี้..วัน..ที่..13..วันเกิด..ของเรา...พี่..12..ผม..14...13..อยู่ตรงกลาง..พอดี” จงอินพยายามเน้นทีละพยางค์ น้ำเสียงอ่อนแรงเต็มที
คยองซูพยักหน้าแรงๆขณะที่จงอินยิ้มน้อยๆ...
คืนนั้นคยองซูตัดสินใจที่จะไม่กลับบ้าน เขาขอร้องนางพยาบาลคนหนึ่งให้เขาค้างคืนที่นี่และเธอก็ตกลงโดยมีข้อแม้ว่าเขาต้องไม่ส่งเสียงดังเพราะจงอินต้องการพักผ่อน เพราะชีวิตของจงอินอยู่บนเส้นด้ายที่ใกล้ขาดเต็มที
คยองซูพยายามที่จะไม่หลับเพราะเขาอยากจะยิ้มให้กับจงอินพรุ่งนี้และพูดว่า “สุขสันต์วันเกิด..ของเราทั้งสองคน!!” โดยที่ไม่ต้องอ่านโน้ตใดๆ...เขาต้องทำตามที่จงอินหวังไว้ให้ได้ เขาต้องจำจงอินให้ได้...ต้องทำให้ได้...
--
แสงแดดส่องสว่างเข้ามาในห้วงความฝันของโดคยองซู กลิ่นคลื่นทะเล ผืนทราย และสัมผัสของลมทะเลที่พัดเข้ากับผิวหน้าช่างคุ้นเคย แต่แล้วเขากลับนึกไม่ออกว่าเขาไปทะเลตอนไหน และไปกับใคร?
ร่างเล็กขยับเปลือกตาเบาๆอยู่โซฟาตัวยาว ผืนทรายและลมทะเลในความฝันได้หายไปแล้ว...หายไปพร้อมกับความทรงจำของโดคยองซู
เขาลุกขึ้นนั่งก่อนจะพยายามซึมซับบรรยากาศรอบๆตัว...กลิ่นยาคละคลุ้ง ห้องสีขาวสะอาด คยองซูรู้ว่ามันไม่ใช่ห้องเขาแน่ แต่เขาจำไม่ได้ว่าเขามาทำอะไรที่โงพยาบาล และอยู่ๆมานอนเฝ้าไข้”คนแปลกหน้า”ได้อย่างไร...
คยองซูมองมือของคนเองที่มีหมึกสีดำเขียนเอาไว้จางๆ
จำจงอินให้ได้ ; วันเกิดของเราพรุ่งนี้ (16 มกราคม 2014)
คยองซูขยี้ตาก่อนจะบิดขี้เกียจไล่ความขบเมื่อยหลังจากนอนบนโซฟาแข็งๆมาทั้งคืน เขาสังเกตเห็นชายแปลกหน้าคนนั้นกำลังมองมาที่เขาพร้อมกับรอยยิ้มจางภายใต้หน้ากากอ็อกซิเจน
“อรุณสวัสดิ์...?” คยองซูเอ่ยอย่างลังเลแต่ชายหนุ่มแปลกหน้าไม่ตอบ
คยองซูเหลือบไปมองป้ายชื่อที่ติดอยู่ปลายเตียง คิมจงอิน
คยองซูเกือบถามออกไปว่า “นายเป็นใคร?” แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดเมื่อมองไปที่สายระโยงรยางค์และเครื่องอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด คยองซูตัดสินใจกุมมือของอีกคนไว้แทนก่อนจะพูดเบาๆว่า “สุขสันต์วันเกิดนะ...วันเกิดของเราทั้งสองคน”
ชายแปลกหน้าที่ชื่อคิมจงอินมีสีหน้าตกใจ มือเย็นๆบีบมือคยองซูตอบเบาๆก่อนที่เปลือกตาจะค่อยๆปิดลง...
คยองซูเกือบจะคิดว่าจงอินก็แค่หลับไป...จงอินอาจจะเหนื่อยจนเผลอหลับไป แต่เสียงเตือนของเครื่องวัดหัวใจและเส้นตรงที่แสดงอยู่บนนั้นบอกให้รู้ว่าคยองซูคิดผิด หมอและนางพยาบาลหลายคนกรูกันเข้ามาในห้องและดันคยองซูออกจากวงล้อม...เครื่องปั๊มหัวใจถูกนำมาใช้อย่างเร่งรีบ
คยองซูได้แค่ยืนนิ่ง... ไม่...ไม่จริง...มันต้องไม่ใช่แบบนี้...
“คิมจงอิน เวลาเสียชีวิตเก้าโมงยี่สิบเจ็ดนาที วันจันทร์ที่ 13 มกกราคม ปีค.ศ.2014” ไม่จริง...
คยองซูไม่รู้ว่าตัวเองเดินออกมาจากห้องนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ทันทีที่ออกมาข้างนอก น้ำตามากมายก็ใหลออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ คยองซูทรุดลงกับพื้นหน้าโรงพยาบาลก่อนจะสะอื้นออกมาอย่างไม่อาย รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
คยองซูไม่เข้าใจทำไมพระเจ้าต้องมาพรากชีวิตของจงอินไปในวันที่แดดออกแลพอากาศดีแบบวันนี้...คยองซูไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องมานั่งร้องไห้อยู่บนถนนเหมือนคนบ้า...และคยองซูไม่เข้าใจว่าทำไมชื่อ “คิมจงอิน” ที่เขียนอยู่บนหลังมือของตัวเองถึงทำให้คยองซูรู้สึกเจ็บขนาดนี้...
--
วันนั้นเป็นเช้ามืดของวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน...เช้ามากเสียจนคยองซูไม่คิดว่าจะมีใครตื่น เขาเพิ่งกลับมาจากการทำงานที่บาร์ยามค่ำคืน กลิ่นบุหรี่และเหล้ายังคงติดตัวมาจางๆ วันนี้คยองซูรู้สึกว่างเปล่า...เหมือนมีใครบางคนขโมยจิตวัญญาณเขาไป เหมือนเหลือแค่เปลือกนอกที่ไร้ความรู้สึก...
ภายในลิฟต์เงียบสงัด...ร่างสูงที่คีบบุหรี่อยู่ในปากเป็นฝ่ายหันมามองเขาก่อนด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์ แสงไฟสลัวสีส้มภายในลิฟต์ทำให้คยองซูเห็นใต้ตาดำคล้ำและใบหน้าอิดโรยของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน เขาสงสัยจังว่าทำไมคนตรงหน้าเขาถึงได้ดูเหนื่อยขนาดนั้น?
“คุณคือโดคยองซูรึเปล่าครับ?” ชายหนุ่มแปลกหน้าเอ่ยขึ้น
“อ่า...ครับ เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าครับ?” คยองซูถามอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่เคยหรอกครับ...” ชายหนุ่มแปลกหน้ายิ้มบางๆก่อนจะยื่นมือมาตรงหน้า
“...”
“ผมโอเซฮุน...ผมเป็นบรรณาธิการของจงอินครับ”
คยองซูขมวดคิ้วทันทีที่ชื่อคุ้นเคยนั้นหลุดออกมาจากปากของเซฮุน
แต่แม้จะคุ้นเคยแค่ไหน...คยองซูก็ยังจำไม่ได้
“ครับ...ยินดีที่ได้รู้จัก” คยองซูเอ่ยเบาๆ
“ผมมีเรื่องต้องทำอีกมาก ผมจะพูดสั้นๆเลยละกันนะครับ” เซฮุนพูดก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมายื่นให้คยองซู มันคือสมุดบันทึกเก่าๆเล่มหนึ่งที่เปรอะไปด้วยหมึกสีดำ
“...?”
“นี่เป็นผลงานเรื่องสุดท้ายของจงอิน...เขาเขียนให้คุณ” พูดจบประตูลิฟต์ก็เปิดออกและเซฮุนก็เดินหายไปอย่างรวดเร็ว
คืนนั้นคยองซูออกไปนั่งที่ระเบียงภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาอย่างเงียบเหงา ในมือมีสมุดบันทึกที่ได้มาเมื่อเช้า เขาตัดสินใจเปิดหน้าสุดท้ายเพื่ออ่านตอนจบ คยองซูไม่ชอบนิยายที่มีตอนจบเศร้า...
ลายมือหวัดๆแสนคุ้นเคย...ลายเส้นเลอะเทอะจนแทบอ่านไม่ออก
“ผมชื่อจงอิน ผมเป็นนักเขียนที่อยู่ห้องข้างๆ เจอกันพรุ่งนี้นะครับพี่ อย่าลืมล่ะ!”
[END].
--
ความคิดเห็น