ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SMS] Halloween Event

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 55


    ตะกร้าผลไม้ถูกวางลงบนโต๊ะอย่างนิ่มนวล เด็กหนุ่มจัดแจงทำความสะอาดโบสถ์อยู่อย่างเพลิดเพลิน หวังว่าสักวันจะมีคนแวะเข้ามาที่นี่บ้าง..สักคนก็ยังดีนะ...

    แต่คงจะเป็นไปได้ยาก เรื่องแบบนั้นก็เข้าใจอยู่ สำหรับโบสถ์หลังเล็กๆที่อยู่กลางป่าห่างไกลจากหมู่บ้านและผู้คนเช่นนี้ แค่มีเพียงนักเดินทางไม่กี่คนแวะผ่านมาก็นับว่าดีแล้วล่ะ..

    อีกด้านหนึ่งปิศาจหนุ่มสองตนเมื่อครู่กำลังลอบเข้ามาในโบสถ์จากทางหลังคา ลัดเลาะลงมาเรื่อยๆจนผ่านเข้ามาทางด้านหน้าต่างบานใหญ่ของโบสถ์ที่เปิดอยู่

    ทั้งสองเดินลงมาอย่างชิวๆราวกับเป็นบ้านของตนก็ไม่ปาน ทำเอาคนเฝ้าโบสถ์อย่างเอแคลร์ชะงักปนสะพรึงไปทันทีที่เห็นผู้มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ

    “ข..เข้ามาได้ยังไงน่ะ!

    “อ้าว..เธออยู่ที่นี่หรอกเหรอ?” โรมิโอและจูเลียตถามพลางทำหน้าตาใสซื่อ

    “บาทหลวงก็ต้องอยู่ที่โบสถ์สิครับ” เอแคลร์ตอบ

    “ ก็ไม่นึกว่าจะอยู่ที่โบสถ์นี้นี่นา” ฝาแฝดอธิบาย

    “ ว่าแต่พวกท่านเถอะ มาทำอะไรที่นี่กัน..” เด็กหนุ่มย้อนถาม

    “พักชั่วคราว” สองปิศาจว่าพลางยิ้ม

    บาทหลวงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาว่า

    “งั้นเหรอ..งั้นเชิญพักตามสบายนะครับ ถ้าขาดเหลืออะไรเรียกผมได้นะ ถ้าหาได้ก็จะหาให้”

    “เห..ง่ายดีจัง” จูเลียตเปรย

    “ ใจดีจังนะครับ” โรมิโอบอกพลางยิ้ม ปกติพวกบาทหลวงจะแอนตี้ปิศาจมากแท้ๆ

    “ก็พวกท่านไม่ได้ทำร้ายใครนี่..ทำไมผมต้องใจร้ายใส่ด้วยล่ะ” เอแคลร์พูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ

    “สมกับเป็นบาทหลวง” สองฝาแฝดพึมพำเบาๆ อย่างชื่นชม

    “อ๊ะ..จะค้างที่นี่รึเปล่า เดี๋ยวผมจะหาห้องให้?” เอแคลร์ถาม และเดินเข้าไปหาห้องว่างให้ทันทีเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า จูเลียตเลือกที่จะเดินสำรวจรอบๆโบสถ์ ส่วนโรมิโอเลือกที่จะยืนรออยู่เฉยๆ จนกระทั่งเห็นร่างบางเดินออกมา

    “ ผมเตรียมห้องไว้ให้แล้วนะครับ เข้าไปพักได้เลยนะ”  เอแคลร์เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

    “ขอบคุณครับ” ไม่ว่าเปล่า ร่างสูงโน้มลงมาหอมแก้มขาวๆของอีกฝ่ายทันที ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกรีบถอยหลังหนีทันที

    “ที่นี่มีคนอื่นอยู่อีกไหม?”  จูเลียตถามขึ้น

    “..ไม่มีครับ ที่นี่มีผมคนเดียว” เสียงนุ่มตอบ

    กลางป่าแบบนี้..แต่ก็ต้องอยู่คนเดียว...

    “ ว้า..น่าจะมีซิสเตอร์สวยๆสักคนแท้ๆเลยนะ” สองแฝดตัดพ้อพร้อมกัน

    “ขอโทษด้วยนะครับที่มันไม่มีน่ะ..” เอแคลร์ตอบก่อนจะหัวเราะเบาๆแล้วกึ่งบอกกึ่งไล่ให้สองปิศาจหนุ่มเข้าไปพักในห้องได้แล้วถ้าถึงช่วงอาหารเย็นเมื่อไหร่จะไปเรียกเอง

    ..

    ..เหมือนช่วงอาหารเย็นจะดำเนินไปไม่ค่อยเวิร์กเท่าไหร่ เพราะปิศาจมักมีอาหารการกินที่ต่างไปจากมนุษย์แน่นอนอยู่แล้ว แม้ทั้งสองจะบอกว่ากินเป็นพวกเนื้อสดๆแทนก็ได้ แต่นั่นก็ดูจะไม่เพียงพอ

    “ปกติแล้ว ทานอะไรกันเหรอครับ?” เอแคลร์เป็นฝ่ายเปิดประเด็นการสนทนาขึ้น

    “ผมกินเลือด” โรมิโอตอบ

    “ฉันกินไอวิญญาณ” จูเลียตตอบบ้าง

    เด็กหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้  แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้

    “ คุยกันตั้งนาน ยังไม่รู้จักชื่อกันเลยด้วยซ้ำ”  บาทหลวงหนุ่มพูดถามพลางมองอีกฝ่ายตาปริบๆ

    “ ผมชื่อโรมิโอครับ ส่วนนั่นจูเลียต” แวมไพร์หนุ่มแนะนำตัวไปพร้อมๆกับอินคิวบัสข้างๆตน

    “ เรียกว่า สุดหล่อ หรือเจเรมี่จะดีกว่า”  อินคิวบัสจอมแสบพูด

    “ผมว่าชื่อจูเลียตก็เหมาะแล้วนี่นา.. อ๊ะ ผมชื่อเอแคลร์นะ”  เอแคลร์เป็นฝ่ายแนะนำตัวบ้าง

    “ เอ่เอ๊สินะครับ แต่แหม..ชื่อน่ากินมากเลยนะครับ” โรมิโอถือโอกาสตั้งชื่อเล่นให้อีกฝ่ายโดยทันที

    “ ห๊า เหมาะตรงไหนกัน!” จูเลียตโวยวายแต่ก็โดนแฝดพี่ของตนห้ามเอาไว้

    บาทหลวงได้แต่หัวเราะเบาๆกับความสนิทสนมของสองพี่น้องปิศาจตรงหน้า โดยนึกอิจฉาในใจลึกๆแต่ก็ต้องปัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปเสีย

    รอยยิ้มเศร้าๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าเนียนจนผู้ร่วมโต๊ะอาหารสังเกตเห็นและอดสงสัยไม่ได้

    “เอ่เอ๊ เป็นอะไรหรอ?” ทั้งสองถาม

    เสียงของทั้งคู่ดังสติของบาทหลวงหนุ่มให้กลับคืนมาจากภวังค์ ก่อนจะรีบส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน

    “อ๋อ เปล่าครับ แค่คิดอะไรเพลินๆน่ะ”  เสียงหวานหัวเราะกลบเกลื่อน

    “แน่ใจนะ?” เสียงทุ้มถามย้ำพร้อมใบหน้าหล่อเหลาที่เคลื่อนเข้ามาใกล้เสียจนต้องเขยิบหนี

    “แน่ใจครับ” เอแคลร์ตอบย้ำก่อนจะยิ้มหวาน

    แวมไพร์และอินคิวบัสรูปหล่อพยักหน้า ก่อนจะลุกขึ้น

    “งั้นพวกเราขอตัวก่อนล่ะนะครับ” โรมิโอบอก

    “อ๊ะ เชิญครับ พักผ่อนให้สบายนะครับ” บาทหลวงหนุ่มส่งยิ้มให้ เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินเข้าห้องพักไปแล้ว จึงเดินสำรวจความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะดับไฟแล้วกลับเข้าห้องของตนไปบ้าง..

    ..

    .

    .

    เวลาผ่านไปหลายอาทิตย์ แต่ก็ดูท่าว่าปิศาจฝาแฝดจะไม่ยอมไปไหนสักที อันที่จริงนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอกเพราะทั้งสองก็ช่วยงานเล็กๆน้อยๆในโบสถ์ แถมยังไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้มากมายนัก

    จนกระทั่ง..วันหนึ่ง

    “ ผมจะเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อซื้อของนะครับ..พวกคุณอยู่ที่นี่ได้ใช่ไหม?” เอแคลร์ถาม แวมไพร์กับอินคิวบัสหนุ่มที่ยืนหาวหวอดๆอยู่ตรงประตูโบสถ์

    “ได้สิครับ” โรมิโอยิ้มหวาน

    “ ไม่มีปัญหาหรอกน่าคุณแม่” จูเลียตบอกก่อนจะขำออกมา

    เด็กหนุ่มส่ายหน้าหน่ายๆให้ทั้งคู่ก่อนจะเดินออกมา สองพี่น้องฝาแฝดตัดสินใจหาอะไรทำช่วงที่บาทหลวงไม่อยู่ไปเรื่อยๆจนกระทั่ง..มีผู้มาเยือน

    “ มีใครอยู่ที่นี่รึเปล่าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะก้าวเข้ามาในโบสถ์ พร้อมกับสุนัขคู่ใจ 1 ตัวของเขา นักเดินทางหนุ่มที่กำลังหาทางไปยังหมู่บ้านใกล้ๆ เพื่อแวะพักพิง

    ทั่วทั้งโบสถ์เงียบสงัดแต่กลับรู้สึกเหมือนมีลมหายใจใครบางคนเป่ารดต้นคออยู่จนน่าขนลุก ลูโทมนีตัดสินใจหันกลับไปมองด้านหลัง..แต่ก็ว่างเปล่า ก่อนจะหันกลับมาข้างหน้าตามเดิมแต่ทว่าเมื่อเขาหันกลับมา เบื้องหน้าเขาตอนนี้กลับมีปิศาจสองตนยืนอยู่

    เด็กหนุ่มตกใจจนก้าวถอยหลังออกมาแล้วเผลอเสียหลักสะดุดล้มเอาโดยง่าย โรมิโอและจูเลียตที่ยืนมองดูอยู่นั้นเผลอหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่

    “พวกนายเป็นใครกันน่ะ..” ลูถามอย่างไม่ไว้ใจ พลางเพ่งมองพิจารณาปิศาจตรงหน้าก่อนจะพูดต่อว่า

    “แล้วที่นี่มันโบสถ์ไม่ใช่เหรอ ปิศาจอย่างพวกนายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”

    “ เห..” ทั้งสองเปรยขึ้น

    “ในที่สุดก็มีคนหลงมาจนได้นะครับ” โรมิโอบอก

    “พวกเราไม่ทำอะไรนายหรอกน่า” จูเลียตพูดเสริม

    จัส สัตว์เลี้ยงคู่ใจของลูโทมนีเข้ามาปกป้องผู้เป็นนายตามสัญชาตญาณ ส่งเสียงขู่น่ากลัวแต่หาได้สะเทือนสองปิศาจที่อยู่ตรงหน้าไม่

    “หืม..กลิ่นของนายหอมดีนะ..ถึงจะไม่เท่าเอ่เอ๊ก็เถอะ” ทั้งคู่พูดพร้อมกันพลางดม รอบๆตัวของเด็กหนุ่มโดยไม่สนใจใยดีสัตว์เลี้ยงผู้ซื่อสัตย์แม้แต่น้อย

    ลูโทมนีพยุงตัวลุกขึ้นแล้วพยายามออกไปจากโบสถ์นี้แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเพราะเมื่อทางเข้าออกถูกปิดลงดัง ปึง!

    “ จะหนีไปไหนครับ” โรมิโอพูดดักพลางยิ้ม

    “จะไปไหนเอ่ย?”  จูเลียตค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มที่กำลังยืนงงอยู่

    “อย่าเข้ามานะ!” ลูชักมีดสั้นออกมาเพื่อป้องกันตัวแต่พออีกฝ่ายเข้ามาใกล้จริงๆมีดกลับถูกปัดทิ้งไปโดยง่าย

    “มาให้พวกเรากินซะดีๆเถอะน่า” น้ำเสียงเย็นแฝงเลศนัยน์ดังขึ้นยิ่งชวนให้รู้สึกไม่ปลอดภัย ฉับพลันร่างบางก็ถูกรวบตรึงไว้ติดกับผนังโบสถ์ พร้อมกับการรุกล้ำของสองปิศาจที่คืบคลานเข้ามาอย่างไม่ทันให้เด็กหนุ่มได้ตั้งตัว

    “อ..อื้อ..” ริมฝีปากบางถูกประกบจูบไว้อย่างเนิ่นนานจนผู้ถูกกระทำเริ่มหายใจไม่ออก แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่รับรู้ถึงอาการนั้น แถมยังใช้ลิ้นอุ่นๆสอดเข้าไปในโพรงปาก เก็บเกี่ยวความหวานอย่างอารมณ์ดี

    “แหม่ๆ ผมบ้างสิครับ” โรมิโอเปรยขึ้นเชิงหยอกเย้า

    จูเลียตถอนจูบออกมาจากลูโทมนีแล้วยกยิ้มน้อยๆอย่างพึงพอใจในผลงาน ใบหน้าน่ารักของเด็กหนุ่มที่แดงก่ำราวพิษไข้ ลมหายใจที่หอบถี่เล็กน้อยเพื่อโกยอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดให้ได้มากที่สุด

    “ ฮ่ะ ฮ่ะ มนุษย์นี่น่ารักจังเลยนะครับ..” โรมิโอเชยคางอีกฝ่ายขึ้นมาเพ่งพิจารณามองใบหน้าขาวเนียนหมดจดเกินบุรุษให้ทั่ว ดวงตาสีเหลืองอำพันเปล่งประกาย เรือนผมสีชาเย็นที่ดูเหมาะกับใบหน้าเรียวได้รูป.. นี่ก็น่ารัก น่ากินอีกแล้วไงล่ะ..

    “พ..พวกนาย...ฉันจะต้องฆ่าพวกนายให้ได้เลย” ลูโทมนีเค้นเสียงขู่ แต่ทว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ได้ทำให้โรมิโอกับจูเลียตสะเทือนเลยแม้แต่น้อย

    “ เห จะฆ่าเรางั้นเหรอ?” จูเลียตขยับยิ้มที่มุมปาก

    “ หนีออกไปจากตรงนี้ให้ได้เสียก่อนเถอะครับ” ไม่ว่าเปล่ามือหนาเลื่อนลงไปลูบไล้ช่วงต้นขาเพรียวก่อนจะขยับขึ้นมาเป็นบริเวณจุดอ่อนไหวของอีกฝ่าย

    “อึก..จ..จะทำอะไรน่ะ!” เสียงเล็กกล่าวประท้วง ร่างกายอ่อนหยวบจนแทบไม่มีแรงขัดขืน ซ้ำแล้วยังปฏิเสธไม่ได้ว่าลึกๆแล้วก็เหมือนจะพึงพอใจกับการกระทำของอีกฝ่ายขึ้นมาเสียอย่างนั้น

    “ทำอะไรสนุกๆยังไงล่ะ~” จูเลียตตอบ

    แต่ทว่าก่อนที่จะได้ล่วงเกินหรือเกิดอะไรเลยเถิดไปมากกว่านี้ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

    “นี่ๆ พวกท่าน อยู่ข้างในกันหรือเปล่า? ผมเปิดประตูโบสถ์ไม่ได้นะ?”

    “อ๊ะ ดูเหมือนเราจะหมดเวลาเล่นสนุกกันแล้วนะครับ” โรมิโอบอก ก่อนจะเดินไปเปิดประตูโบสถ์ให้กับเอแคลร์แล้วส่งยิ้ม ท่ามกลางความประหลาดใจของอีกฝ่าย

    “ เอ่เอ๊ ดูนี่สิ มีคนแวะมาล่ะ~” จูเลียตพูดอย่างอารมณ์ดีพลางดันให้ลูโทมนีเดินไปสมทบด้วย

    “บอกแล้วไงครับ ว่าผมชื่อเอแคลร์น่ะ..เอ๋ มีคนมาเหรอ?” เอแคลร์หันไปมองกับลูโทมนีที่เหมือนจะตัวสั่นน้อยๆ พลางหันมามองกับสองฝาแฝดเจ้าปัญหา ก่อนที่ใบหน้าขาวนวลจะซีดลงแล้วกระซิบอย่างตื่นตระหนกกกับฝาแฝดทั้งสองว่า

    “แล้วทำไมพวกท่านถึงปล่อยให้เขาเห็นในสภาพปิศาจเช่นนี้กันเล่า!

    “ แหม..เขาคงไม่เอาไปเล่าให้ใครฟังหรอกครับ” โรมิโอตอบพลางยิ้มขำ

    “ ท..ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้นกัน?” เอแคลร์ถาม

    “ สัญชาตญาณไง สัญชาตญาณ” จูเลียตตอบแทน ทำเอาเด็กหนุ่มหน้าสวยอยากจะกุมขมับเป็นลมตรงนี้เสียให้ได้ แต่ก่อนอื่นต้องอธิบายให้กับผู้มาเยือนเข้าใจเสียก่อน

    “อ..เอ่อ..ท่าน มีชื่อว่าอะไร?” เอแคลร์เอ่ยถามอย่างสุภาพ

    “ผมชื่อลูโทมนี... เลอร์คอส เดอะ ลูโทมนี” ลูแนะนำตัวเองพลางเดินออกให้ห่างจากจูเลียตแล้วเข้าไปหาจัส สุนัขคู่ใจของเขา

    “ส่วนเด็กคนนี้ชื่อจัสครับ” ลูแนะนำต่อพลางยิ้มนิดๆ

    “ ผมชื่อเอแคลร์นะ..เป็นบาทหลวงของที่นี่ ส่วนสองคนนี้..เอ่อ..” เอแคลร์เปรยตามองไปทางโรมิโอและจูเลียตที่ยืนยิ้มแป้นชวนปวดหัว เห็นแล้วอยากจะดุให้หงอยจริงๆ #ทำไม่ได้หรอกเชื่อสิ

    “ก็แค่ปิศาจไร้พิษสงที่หลงทาง(?)มา”

    “หาาาา..” ทั้งคู่ลากเสียงพร้อมกันอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก

    “ไร้พิษสง” ลูโทมนีพึมพำเบาๆก่อนจะรู้สึกขนลุกซู่และคิดว่า ถ้าอยู่ที่นี่ไปนานๆคงไม่ปลอดภัย(ในหลายๆความหมาย)เป็นแน่แท้

    “ ท่านเป็นนักเดินทางรึเปล่า? จะพักที่นี่ก่อนไหม?” เอแคลร์ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

    “ม..ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ” ลูโทมนีตอบ

    “ ง งั้นเหรอครับ” บาทหลวงหนุ่มดูหงอยไปเล็กน้อยอย่างเสียดาย

    “ เฮ้ เฮ้..” จูเลียตเปรย

    “ เอ่เอ๊อุตส่าห์ชวนทั้งที ค้างสักคืนไม่ได้หรอครับ ลูคุง” โรมิโอยิ้มหวาน

    แต่ในสายตาของลูโทมนีนั้น ไอ้รอยยิ้มหวานๆแบบนั้นมันไม่ได้น่าไว้ใจเลยสักนิด

    “ไม่ดีกว่าครับ พ..พอดีผมรีบน่ะ” ไม่ว่าเปล่าพลางโค้งให้อย่างว่องไวพอเป็นมารยาทและสาวเท้าเดินจ้ำๆออกไปพร้อมกับจัสทันที

    “ น่าเสียดายจังเลย...น่าจะอยู่ต่ออีกสักหน่อยนา..” เอแคลร์เปรยเบาๆขณะมองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มเรือนผมสีชาเย็นที่เดินหายเข้าไปทางป่า






    ขอบคุณธีมสวยๆจาก

     


    MusicPlaylist
    Music Playlist at MixPod.com
    ShiraTHEME :) Shirakuma kuma
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×