ตอนที่ 37 : Arc 3.1 บางอย่างก็ไม่ใช่ความรู้พื้นฐาน
ไมลส์นั่งกอดเข่า เหม่อมองเพดานรูมสีชมพูวิ้งชวนขัดตาของไลล่า หลายนาทีผ่านไปก็ยังไม่ยอมขยับตัวเหมือนเป็นรูปปั้นหิน ทั้งโล่งใจและวูบโหวงไปพร้อมกัน
…จบจนได้
…ถึงจะตาย แต่อย่างน้อยก็ชนะไวรัสได้แล้ว โลกนั้นก็ปลอดภัยไปหนึ่งโลก
…หลังจากนั้น หมอนั่นจะเป็นยังไงต่อนะ บำเพ็ญเพียร ใช้ชีวิตป่วน ๆ กับพวกคาไมทาจิไปอีกหลายร้อยหลายพันปีหรือเปล่า
…ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงดี
[นายอยากรู้?] ไลล่าถาม น้ำเสียงไม่มั่นใจนัก [เคยมีกรณีที่ผู้เล่นเปลี่ยนเนื้อเรื่องไปเป็นของตัวเองเหมือนกัน มันจะอัปเดตใหม่ในแท็บ…แต่ฉันไม่แน่ใจว่า…]
ไม่รอให้พูดจบ ไมลส์ก็เรียกข้อมูลขึ้นมาดูทันที กลางอากาศฉายภาพหน้าจอพร้อมกับรายละเอียดของ ‘บาปรักแห่งเฮอัน’ เขาไล่อ่านไปจนถึงท้ายเรื่อง สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นซีดเซียว ดวงตาไหวระริก
[ไมโล…]
น้ำเสียงของคนเป็นพี่ไม่แฝงอารมณ์จิกกัดเหมือนเคย มีแต่ความเห็นอกเห็นใจเท่านั้น
“นี่ผม…ทำให้หมอนั่นเจ็บปวดขนาดนี้เลยเหรอ…” แม้ไม่มีน้ำตา แต่เสียงของเขาสั่นเครือ
[มันไม่ใช่ความผิดนายหรอกนะ]
“ไม่…ผมผิด ผมทำผิดไปเต็ม ๆ”
เนื่องจากรู้ตัวดีว่าอยู่ในโลกเสมือน เขาจึงไม่กลัวความตาย และไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น ๆ หลังจากตัวเองตายไปมากนัก แต่พอได้รู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับทามาฮิเดะ ก็พลันรู้สึกบีบรัดในอกจนแทบหายใจไม่ออก
ทำไมเขาถึงไม่เคยคิดในมุมของอีกฝ่ายมาก่อนเลยนะ
โลกแรก เขาก็ตายไปต่อหน้าคริสโตเฟอร์มาทีนึงแล้ว พอมาโลกเฮอัน หมอนั่นเพิ่งจะจำตัวตนของเขาได้ แต่ยังไม่ทันได้คุยกัน เขาก็ชิงตายไปต่อหน้าอีกเป็นครั้งที่สอง
ต่อให้สภาพจิตใจแข็งแกร่งแค่ไหน การเห็นคนสำคัญตายไปต่อหน้าซ้ำสอง ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนปกติจะทนได้หรือเปล่า
ทามาฮิเดะ…ไม่สิ ออสมอนด์…ขอโทษนะ
หน้าจอฉายภาพดับลง ไมลส์ตบหน้าตัวเองเบา ๆ สองสามที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“เอาล่ะ…ไปกันเถอะ พี่ ผมพร้อมแล้ว”
เขาจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นซ้ำอีก ต่อไปนี้ไม่ว่าอีกกี่โลก เขาก็จะมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปกับหมอนั่นให้ได้ ไม่ทิ้งอีกฝ่ายไว้ลำพังเด็ดขาด
เพราะให้คำตอบไปแล้วนี่นา ว่าจะอยู่ข้างกันไปตลอดน่ะ
[อื้ม] ไลล่ารับคำ สบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาเปล่งประกายแรงกล้าของน้องชาย
…
สิ่งแรกที่มองเห็นในโลกใหม่ คือห้องแล็บสีขาวสว่าง รายล้อมไปด้วยโต๊ะปฏิบัติการ และเครื่องมือวิเคราะห์ทางเคมีและชีววิทยารุ่นใหม่ล่าสุดหลายอย่าง ตรงหน้าเขามีนักวิจัยอีกสองสามคนที่กำลังถกผลการวิเคราะห์ที่แสดงอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเอาจริงเอาจัง
“ดอกเตอร์กฤต คุณว่ายังไงบ้าง”
นักวิจัยชายหน้าหวานจนแทบแยกเพศไม่ออกคนหนึ่งหันมาถาม ไมลส์กะพริบตาปริบ ๆ อย่างงุนงงครู่หนึ่ง ก่อนจะแสร้งทำเป็นดันกรอบแว่น จ้องหน้าจอนั้นด้วยท่าทีซีเรียส เอ่ยปากออกมาช้า ๆ ว่า
“ยังใช้ไม่ได้…ลองปรับอัตราส่วนยาเป็น 1:2:5 ดูซิว่ามันจะดีขึ้นไหม”
ทำท่าเหมือนฉลาด แต่ที่จริงแล้วเขาก็แค่ตอบในสิ่งที่เจ้าของร่างเดิมคิดไว้ก่อนจะโดนแทรกเท่านั้นเอง
“เข้าใจแล้วครับ” นักวิจัยเหล่านั้นตอบรับพร้อมกัน แล้วก็แยกย้ายกันไปเตรียมการทดลองใหม่ ส่วนไมลส์ก็เดินออกจากห้องแล็บไปเนียน ๆ แล้วเข้าไปตั้งสติในห้องน้ำ
ที่หน้ากระจกคือชายอายุยี่สิบกลาง ๆ คนหนึ่ง สวมแว่นกรอบเหลี่ยมหนาเตอะ ผิวขาวซีด ดวงตาหยีเล็ก ความสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบ สวมชุดกาวน์ทับเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็คที่เรียบกริบ ท่าทางเป็นคนเนี้ยบไม่เบา
เขาเปิดก๊อก ก้มลงล้างหน้าไปด้วย ประสบการณ์ของเจ้าของร่างทยอยปะติดปะต่อเข้ามาในหัวของไมลส์เหมือนจิ๊กซอว์ ทีแรกเขายังมีสีหน้าเรียบเฉย แต่พอรายละเอียดทั้งหมดต่อกันจนครบสมบูรณ์ มือที่กำลังวักน้ำเบา ๆ ก็เสียจังหวะ สาดตัวเองจนเปียกทั้งหัวทั้งคอเสื้อ
สิ่งที่ทำให้ไมลส์ช็อกไปทั้งที่เพิ่งเข้ามาถึงโลกนั้น ไม่ใช่ประสบการณ์เลวร้ายของเจ้าของร่าง แต่เป็นเพศประหลาดที่เขาได้รู้จักต่างหาก
…อัลฟ่า เบต้า โอเมก้า
อย่าบอกนะว่า โลกนี้คือโอเมก้าเวิร์สที่เลื่องลือนั่น!
[เป็นอะไรไป ทำตัวเลิ่กลั่กไปได้]
‘จะไม่ให้เลิ่กลั่กได้ไง โลกนี้มัน อะ…โอเมก้าเวิร์สที่สาววายชอบอ่าน…ผะ…ผู้ชายตั้งท้องได้นั่นน่ะนะ ล้อเล่นใช่ป่าว พี่เขียนแนวนี้ด้วยเรอะ!’
[ต้องเขียนอยู่แล้ว เขาเรียกว่ารู้จักทิศทางตลาดย่ะ]
‘นี่ผมเป็นเบต้าจริงใช่ไหม…ไม่ใช่ว่าวันนึงตื่นแล้วปล่อยฟีรีโมนขึ้นมา ผมไม่เอานะ!!’
ไมลส์ถามเสียงเครียด แทบจะถอดกางเกงออกมาเช็กร่างกายตัวเองเดี๋ยวนั้น
[สบายใจได้ ตัวละครนี้เป็นเบต้าแท้แน่นอน แต่เขาไม่ได้ดูเพศกันตรงนั้นสักหน่อย] ไลล่าถอนหายใจหนักออกมาทีหนึ่ง [ความรู้พื้นฐานแค่นี้ก็ไม่มี ฉันล่ะเศร้าใจจริง ๆ]
‘มันใช่ความรู้พื้นฐานตรงไหน หา!’ ไมลส์อยากจะตะโกนใส่หูพี่สาวตัวเองนัก
แล้วไลล่าก็เริ่มอธิบายโลกที่สุดแสนพิลึกพิลั่นนี้ให้ฟัง
เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน เกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้น กัมมันตรังสีแพร่กระจายไปทั่ว จนทำให้มนุษย์ที่รอดชีวิตเกิดความผิดปกติที่ยีน จนเกิดเพศใหม่เกิดขึ้นมาบนโลก
มนุษย์ชายหญิงแบบดั้งเดิมนั้นถูกเรียกว่าเบต้า ส่วนคนที่มีความผิดปกติของยีนจนกลายเป็นเพศใหม่นั้นมีอยู่สองกลุ่ม กลุ่มแรกคืออัลฟ่า มีจำนวนราว ๆ สองในสิบของคนทั้งหมด มีสภาพร่างกายที่แข็งแรงกว่าคนทั่วไป และหากเป็นอัลฟ่าหญิงก็จะสามารถทำให้คนอื่นท้องได้ด้วย อีกกลุ่มคือโอเมก้า มีจำนวนราวหนึ่งในสิบของประชากร สภาพร่างกายอ่อนแอ หากเป็นโอเมก้าผู้ชายก็มักมีรูปร่างบอบบางคล้ายผู้หญิง และสามารภตั้งครรภ์ได้
หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงทางเพศสภาพ สภาพสังคมก็เปลี่ยนไปด้วย อัลฟ่าที่แข็งแกร่งได้ขึ้นครองตำแหน่งสำคัญทางสังคม ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ ทหารและตำรวจยศสูง เบต้าแม้อยากจะให้เท่าเทียม แต่ในหลายด้านก็ไม่อาจสู้อัลฟ่าได้ จึงกลายเป็นชนชั้นลำดับสองของสังคม ส่วนโอเมก้านั้น นอกจากจะอ่อนแอแล้ว ยังมีอาการฮีท หรือการปล่อยฟีรีโมนเพื่อจับคู่กับอัลฟ่าเป็นประจำทุกเดือน ทำให้ถูกมองว่าเป็นตัวปัญหา งานที่ทำได้จึงมีจำกัด หากจะมีข้อดี ก็คงเป็นเรื่องที่สามารถมีลูกที่สมบูรณ์แข็งแรงในอัตราที่สูงกว่าเบต้ามากก็เท่านั้น โอเมก้าจึงถูกกดให้เป็นชนชั้นล่างสุดของสังคม นี่คือข้อมูลพื้นฐานของโลกใบนี้
ส่วนเจ้าของร่างที่ไมลส์เข้ามาอยู่นี้ชื่อว่ากฤต เป็นเบต้านิสัยเงียบขรึมคนหนึ่ง และยังเป็นหนึ่งในตัวร้ายระดับล่างของเรื่อง ส่วนที่มาที่ไปของการเป็นตัวร้ายนั้น หากจะให้อธิบายอย่างละเอียด ก็ต้องเล่าถึงพี่ชายของเขาที่ชื่อกวีเสียก่อน
กวีพี่ชายของกฤตเป็นโอเมก้า พวกเขาสนิทกันในแบบที่พี่น้องในครอบครัวที่อบอุ่นเป็นกัน แม้ว่านิสัยจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย กวีแม้ใบหน้าจะสวยคมแต่กลับมีนิสัยโผงผาง ห้าวหาญ มั่นใจ แถมยังร่างกายแข็งแรงผิดกับโอเมก้าทั่วไป จนหลายครั้งมีคนเข้าใจผิดว่ากวีเป็นเบต้า หรือบางครั้งก็นึกว่าเป็นอัลฟ่าเสียด้วยซ้ำ ความใฝ่ฝันในวัยเด็กของกวีคือได้เป็นทหาร ทว่าด้วยข้อจำกัดด้านเพศสภาพ สุดท้ายเลยเป็นทนายความแทน
และเพราะปมที่โดนจำกัดสิทธิเพียงเพราะเกิดมาเป็นโอเมก้านี้เอง ทำให้กวีมุ่งเน้นเคสที่เกี่ยวข้องกับความเท่าเทียมทางเพศเป็นหลัก เช่น ปัญหาการบุลลี่ การกีดกันในหน้าที่การงานอย่างไม่เหมาะสม หรือปัญหาการข่มขืนที่อัลฟ่ากระทำกับโอเมก้า โดยโกหกว่าอีกฝ่ายติดฮีทล่อลวงตัวเองเป็นต้น แน่นอนว่างานบางอย่างก็ไม่เหมาะกับโอเมก้าจริง และมีโอเมก้าที่อาศัยฮีทล่อลวงอัลฟ่าเพื่อผลประโยชน์บางอย่างอยู่บ้าง ซึ่งต้องดูเป็นกรณีไป แต่ที่แน่ ๆ ปัญหาความไม่เท่าเทียมนั้นมีมากกว่าที่คิดทีเดียว
การทำเช่นนี้ย่อมมีทั้งคนชอบและคนชัง วันหนึ่ง กวีได้รับเชิญให้ขึ้นเวทีดีเบตเรื่องนี้กับอัลฟ่า รายการนี้จะถูกถ่ายทอดผ่านโซเชียลมีเดียไปทั่วประเทศ และเพราะเป็นงานมีทั้งโอเมก้าและอัลฟ่ามารวมอยู่ด้วยกันหลายคน การป้องกันด้านความปลอดภัยจึงต้องรัดกุมให้มาก ทั้งตรวจฮอร์โมนและฉีดยาระงับฮีทให้โอเมก้าก่อนเข้างานทั้งหมด แต่เพราะกวีสร้างศัตรูไว้มาก จึงมีอัลฟ่าที่แค้นเคืองเขาจากคดีหนึ่ง แอบสับเปลี่ยนยาของเขาเป็นยากระตุ้นฮีทแทน ดีเบตกันไปได้ไม่นาน ก็เกิดเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นจนได้
กวีได้รับความอัปยศอย่างร้ายแรงที่สุดเกินกว่าโอเมก้าคนหนึ่งจะรับได้จากอัลฟ่าหลายคนในที่นั้น อีกทั้งภาพเหตุการณ์ยังถูกถ่ายทอดไปทั่ว ชื่อเสียงที่สั่งสมมาเสื่อมเสีย อาชีพการงานพังทลายทันที ไม่มีหน้าจะออกไปพบใครได้อีก หลังจากเหตุการณ์นั้นเพียงหนึ่งอาทิตย์เขาก็ฆ่าตัวตาย โอเมก้าหญิงที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวของกวีเองก็เสียใจจนต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลจิตเวช
ทางด้านกฤต แรกเริ่มเดิมทีเขาเติบโตมากับแม่และพี่ชายที่เป็นโอเมก้า จึงเข้าใจความลำบากของทั้งสองเป็นอย่างดี แม้จะไม่ใช่คนพูดเก่งช่างเอาอกเอาใจ แต่ก็ทุ่มเทให้คนทั้งสองในแบบของตัวเอง มุ่งมั่นเรียนจนจบปริญญาเอกด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ตอนอายุยี่สิบสาม แล้วทำงานให้ศูนย์วิจัยทางการแพทย์ของภาครัฐ เพื่อพัฒนาตัวยาต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ชีวิตของโอเมก้าง่ายขึ้น เช่น ยาระงับฮีทที่ปัจจุบันยังไม่ได้ผลดีนัก หรือยารักษาอาการติดเชื้อที่ต่อมคอนีเกียม [1] ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในตอนนี้ เป็นต้น
[1] ต่อมที่คอของโอเมก้า
แต่เมื่อต้องเสียครอบครัวไปแบบนี้ น้องชายอย่างกฤตย่อมต้องแค้นอัลฟ่าลึกถึงกระดูก เขาจึงผันตัวไปร่วมมือกับกลุ่มใต้ดินที่เป็นพวกต่อต้านอัลฟ่าหัวรุนแรง แล้วสร้างไวรัสขึ้นมา ไวรัสนี้หากอยู่ในตัวเบต้าและโอเมก้าจะไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ แต่คนเหล่านั้นจะเป็นพาหะนำไปสู่อัลฟ่า เมื่ออัลฟ่าติดเชื้อนี้ กว่าครึ่งจะล้มป่วยตายภายในสามถึงห้าวัน
ไวรัสนี้สร้างความวุ่นวายไปทั่วประเทศ เดือดร้อนพระเอกและนายเอกของเรื่องที่เป็นอัลฟ่าและตำรวจหน่วยสอบสวนพิเศษต้องออกมาสืบสวน
ใช่แล้ว ฟังไม่ผิดหรอก พระเอกและนายเอกเป็นอัลฟ่าทั้งคู่
เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะไลล่าเบื่อเคะโอเมก้าผู้อ่อนแอนั่นเอง นายตำรวจที่ไม่กินเส้นกัน ร่วมกันไขคดีแล้วคดีเล่าจนเกิดเป็นความรักแบบเมะชนเมะ ไม่มีใครยอมอยู่ล่างสักที กว่านายเอกจะยอมหยวน ๆ เป็นฝ่ายรับได้ก็ปาเข้าไปนานโข และคดีไวรัสนี้ก็เป็นแค่คดีแรก ๆ ที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ของพระเอกนายเอกเท่านั้น
แล้วถามว่าทำไมอัลฟ่าต้องมาทำคดีที่มันเสี่ยงกับตัวเองแบบนี้ ไม่ปล่อยให้เบต้าทำ ไลล่าก็แถแค่ว่า
[เอาเป็นว่า…หน่วยสอบสวนพิเศษนี้มีแต่อัลฟ่าก็แล้วกันนะ]
ไมลส์ “…”
แล้วพระเอกกับนายเอกก็สืบสาวถึงกลุ่มต่อต้านได้ ตัวประกอบที่มีหน้าที่แค่สร้างไวรัสอย่างกฤตก็โดนฆ่าตายระหว่างการจับกุม ส่วนหัวหน้าใหญ่นั้นโดนจับเข้าคุก วันดีคืนดีก็แหกคุกออกมาสร้างปัญหาให้พระเอกนายเอกอีกรอบ
และนี่คือเนื้อหาของนิยายเรื่อง ‘คดีลับ A&A’
นอกจากนี้ไลล่ายังอธิบายกายวิภาคของอัลฟ่าและโอเมก้า รวมไปถึงการผูกพันธะให้น้อยชายตัวเองฟังอย่างละเอียด
ไมลส์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกเจี๊ยบที่เพิ่งจะกะเทาะเปลือกออกมาดูโลก แล้วก็พบว่าเบื้องหน้าตัวเองเป็นห้วงจักรวาลอันพิสดารเวิ้งว้าง
หลังจากใช้เวลาทำความเข้าใจและทำใจกับเซ็ตติ้งของโลกนี้อยู่พักใหญ่ จึงค่อยกลับไปทำงานที่ห้องแล็บต่อ หลังจากใช้เวลาทั้งบ่าย เขาก็สามารถหาข้อดีของโลกนี้มาปลอบใจตัวเองได้
หนึ่ง เขาเป็นเบต้า แม้จะไม่ได้แข็งแกร่งหรือมีตำแหน่งใหญ่โต แต่ก็ถือว่าเป็นประชากรที่ชีวิตสงบสุขที่สุด ไม่มีปัญหาลำบากแบบโอเมก้าหรืออัลฟ่า
สอง โลกนี้ทันสมัยเทียบเท่ายุคปัจจุบันที่เขาอยู่ก่อนเข้ามาในโลกเสมือน ไม่ต้องต้มน้ำอาบ นอนพื้นไม้แข็ง ๆ หรือนอนในถ้ำแบบโลกก่อน แถมยังมีอินเตอร์เน็ตมีเกมให้เล่น
สาม กฤตเป็นอัจฉริยะ เขาจึงได้รับความรู้ความสามารถของกฤตมาด้วย แถมยังมาในตอนที่ยังอยู่ที่ศูนย์วิจัยของรัฐ กวีพี่ชายยังมีชีวิตอยู่ดี ดังนั้นขอแค่ต่อจากนี้ไม่หันไปวิจัยเรื่องชั่วร้าย ก็ปลอดภัยหายห่วง รอดง่ายกว่าสองโลกแรกมาก
แต่นั่นมันกรณีที่ไม่โดนไวรัสรังควานซะก่อนน่ะนะ
ส่วนออสมอนด์ ยังไงก็คงไม่พ้นตัวละครหลักของเรื่อง ศูนย์วิจัยนี้ทำงานให้กรมตำรวจด้วย ดังนั้นทำงานไปเรื่อย ๆ อย่างไรก็ต้องได้เจอ เขาไม่รีบร้อน เพราะตอนนี้ยังมีเรื่องด่วนกว่าต้องทำ
เพื่อความสุขของกฤตแล้ว เขาต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุน่าสลดกับกวี
แค่นึกประเดี๋ยวเดียว ข้อความของกวีเรืองขึ้นมาบนแท็บของเขาเหมือนรู้ใจ
KWEE : เย็นนี้แกว่างปะ
KRIT: ว่าง ทำไมเหรอเฮีย?
KWEE : ไปเป็นเพื่อนหน่อย ร้านเดิม
KRIT : อกหักอีกแล้ว?
KWEE : …
KWEE : แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เป็นเหรอวะ?
KRIT : ได้ ๆ ผมจะไป อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน
พิมพ์ข้อความตอบกลับเสร็จก็เก็บกระเป๋า อันที่จริง กวีก็ไม่ใช่พวกอกหักแล้วเศร้าซึมหรืออะไร ยังไงเสียก็เป็นพวกที่ให้ความสำคัญกับหน้าที่การงานมากกว่าความรักอยู่แล้ว ที่พูดไปก็แค่หาเรื่องเจอมากกว่า ดังนั้น ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่ได้เกี่ยว HA อะไรเลยกับความเป็นความตายของกวี แต่ไมลส์ก็ต้องทำหน้าที่น้องชายที่ดี ไปดื่มด้วยเมื่อพี่ชายเรียกร้อง
ร้านประจำของพวกเขาเป็นร้านนั่งดื่มสบาย ๆ ที่ลานดาดฟ้าของห้างใหญ่แห่งหนึ่ง วันนี้มีดนตรีสดทำให้คนแน่นมาก ตอนที่ไมลส์มาถึงก็เกือบจะหาที่นั่งไม่ได้แล้ว
หลังจากสั่งเบียร์และอาหารอีกสองสามอย่าง ไม่ถึงสิบนาทีก็มีบริกรยกมาเสิร์ฟ ขณะที่ลังเลว่าจะรออีกฝ่ายดีหรือกินก่อนดี ก็เห็นกวีกำลังเดินตรงมา
เขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างผอม แต่หากเทียบกับโอเมก้าทั่วไปแล้วก็นับว่ามีกล้ามเนื้อ เครื่องหน้าคล้ายกับกฤตอยู่เจ็ดแปดส่วน ยกเว้นดวงตาสองชั้นกลมโตที่เฉียงขึ้นดูร้ายนิด ๆ สวมเสื้อเชิ้ตขาวที่ถูกปลดกระดุมสองเม็ดบนออกทำให้เห็นกระดูกไหปลาร้าและผิวขาวรำไร ดูเซ็กซี่แบบไม่ได้ตั้งใจ ชวนให้คนในร้านเหลียวมอง แต่พอเห็นออร่า ‘ถ้าไม่อยากตายก็อย่ามาแหยม’ บนใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วก็รีบหันหน้าหนีกันไม่ทัน
ไมลส์พลันนึกว่าสีหน้าท่าทางของกวีนั้นคุ้น ๆ เหมือนเคยเจอที่ไหน
ไม่ใช่ออสมอนด์ แต่ก็คุ้น เหมือนรู้จักกันมานาน รู้จักดีเสียด้วย ยิ่งกว่าพี่น้องเสียอีก
กวีเลื่อนเก้าอี้กำลังจะนั่งลง แต่แล้วพอเห็นอาหารบนโต๊ะ ก็ย่นจมูก
“สั่งอะไรของแกวะเนี่ย”
“ข้อไก่ทอด ส้มตำ แล้วก็ยำ” เขาตอบพลางเลื่อนจานอาหารไปใกล้
“ยำกับส้มตำบ้าอะไร ทำไมมะเขือเทศมันเยอะอย่างนี้วะ”
…ก็คนมันชอบ เลยสั่งให้ใส่มาเยอะ ๆ
“กิน ๆ ไปเถอะน่า”
คนเป็นพี่ดันอาหารจานอาหารกลับทันที พูดเหมือนขนลุกว่า “ใครจะไปกินลง กฤต แกแม่งเป็นน้องที่แย่มาก ฉันโคตรเกลียดมะเขือเทศ แกจำไม่ได้เหรอ หา! หรือจงใจแกล้งกันวะเนี่ย”
“…เปล่า ขอโทษ ๆ งั้นเอาข้อไก่ไป”
กวีโบกมืออย่างรำคาญใจ “ไม่เอาล่ะ ช่างมันเถอะ กินเบียร์อย่างเดียวก็พอ”
ประโยคถัดมา คนทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน
“ฉันไม่มีอารมณ์…”
…หมอนี่…ใช่จริง ๆ ด้วย!
____________
A.L. Lee
Welcome to Omega Verse (ชอบกันไหมอ่ะ -w-;)
เซอร์ไพรส์ของเราคือพี่กวีเอง ใครจำได้บ้างว่าฮีเป็นใคร
///ไปละ รีบเอามาลงรีดจะได้ไม่ดิ่งกับ Arc เก่านาน แต่หมดแรงแล้ว ไว้เจอกันสุดสัปดาห์เหมือนเดิมนะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อะไร ใครนะคะ นู๋จำไม่ได้ ขอโตดดดด
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 20 ตุลาคม 2563 / 20:13
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 20 ตุลาคม 2563 / 20:16