ตอนที่ 24 : Arc2.9 เรื่องไม่คาดฝัน(2)
ความตายของโยเฮย์ทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่วมิยาโกะ ก่อนหน้านี้ หากถามผู้คนว่าจินตนาการถึงความตายขององเมียวจิชราไว้อย่างไร ครึ่งหนึ่งจะนึกภาพเขาจากไปอย่างสงบตามอายุขัย อีกครึ่งหนึ่งถึงขั้นนึกภาพว่าเขาจะต้องมีอายุยืนยาวต่อไปอีกนับร้อยนับพันปี ภาพลักษณ์ของเขาเก่งกาจเหนือมนุษย์เช่นนั้น ต่อให้เอาคมมีดมาจ่อคอก็ไม่มีใครเชื่อว่าจะตายภายใต้เงื้อมมือของปีศาจตนหนึ่ง
ทว่า สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นแล้ว
งานศพมีผู้คนมาร่วมงานอย่างคับคั่ง พื้นที่ของวัดนั้นแทบไม่เพียงพอต่อการต้อนรับ โยเฮย์นับเป็นข้าราชการขั้นสูงคนหนึ่ง การที่ขุนนางจากหลายกรมกองมาเข้าร่วมพิธีจึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่เหลือเชื่อคือมีชาวเมืองมากมายมาเข้าร่วมพิธีเช่นกัน เกือบทั้งหมดเป็นคนที่โยเฮย์เคยช่วยปราบปีศาจหรือให้ความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ มาก่อน หากไม่นับจักรพรรดิองค์ก่อนแล้ว งานศพนี้จึงจัดว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งในรอบหลายปี
“อาจารย์ชอบพูดเสมอว่าเขานั้นอยู่ตัวคนเดียว…ไม่มีใครยอมรับ” ไมลส์เหม่อมองไปที่ปะรำพิธี เปลวเพลิงเต้นระริกเผาโลงศพที่บรรจุร่างของโยเฮย์ ก่อเป็นควันลอยขึ้น ก่อนจะโดนลมพัดกระจายหายไปบนฟ้าสูง ดูคล้ายวิญญาณดวงหนึ่งแตกดับไป “แต่ความจริงแล้วกลับมีคนมากมายร่วมอาลัยให้…หากท่านได้รู้ ก็คงดี…”
ฟูยูฮิสะเม้มปากแน่น ขอบตาแดงก่ำ
หลังพิธีฌาปนกิจ พวกเขาเดินกลับเรือน ตลอดทางมีเพียงความเงียบ แม้แต่ตอนกินข้าวก็ต่างคนต่างกิน ไม่มีการหยอกล้อใด ๆ ไมลส์ลองชวนคุย แต่ฟูยูฮิสะก็เพียงถามคำตอบคำ ความร่าเริงที่เคยเห็นก่อนหน้าหายไปหมดสิ้นราวกับเป็นคนละคน เวลานอนก็ย้ายไปนอนเรือนของโยเฮย์แทนที่จะนอนด้วยกันเหมือนก่อน แม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็บ่งบอกให้รู้ว่าสภาพจิตใจของฟูยูฮิสะย่ำแย่ลงมาก
คืนหนึ่ง ไมลส์ตื่นขึ้นมากลางดึก ได้ยินเสียงดังหน้าเรือน จึงเดินลงไปดู เห็นฟูยูฮิสะยังไม่ยอมนอน กลับออกมาฝึกวิชาอยู่เงียบ ๆ คนเดียว
เซ็นคิกับโกคิ ชิคิงามิของโยเฮย์ บัดนี้กลายเป็นของฟูยูฮิสะ เขาเรียกยักษ์สองตนนั้นออกมา แล้วสั่งให้สู้กันเอง พวกมันไม่เต็มใจนัก จึงใช้อาคมขึ้นไปอีกระดับ คราวนี้ดวงตาของพวกมันกลายเป็นสีแดง สติเลือนหาย ไม่สามารถขยับด้วยเจตจำนงของตัวเองได้อีก จากนั้นเข้าห้ำหั่นกันเองอย่างบ้าคลั่ง ทั้งทุบตีและฉีกกระชากร่างของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง จนกระทั่งตัวที่อ่อนแอกว่าล้มลง แขนขาถูกฉีกกระชากจนเหลือแต่ร่างกุด ๆ
แม้สภาพจะอเนจอนาถ แต่พลังวิญญาณยังไม่เสียหายนัก ฟูยูฮิสะร่ายเวทอีกครั้งเพื่อซ่อมแซมร่างให้พวกมัน จากนั้นก็สั่งให้สู้กันอีก ทำแบบนี้หลายต่อหลายรอบ พอเห็นว่าพลังวิญญาณของเซ็นคิกับโกคิเริ่มจะได้รับบาดเจ็บหนักแล้ว จึงค่อยหยุด แล้วใช้สร้อยประคำส่งกลับไปเขาโอมิเนะ
ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่ง นี่คือหลักการฝึกฝนชิคิงามิแบบหนึ่งเช่นกัน แต่ปกติแล้วโยเฮย์ดูแลชิคิงามิในปกครองเป็นอย่างดี ไม่มีทางปล่อยให้มาสู้กันเองจนปางตายเช่นนี้ ยิ่งไม่มีทางใช้เวทควบคุมเป็นตุ๊กตาหุ่นเชิด เพราะนับภูตผีปีศาจเป็นชีวิตที่เท่าเทียม ไม่ใช่ทาสรับใช้ การกระทำของฟูยูฮิสะจึงนับว่าขัดกับหลักการที่โยเฮย์พยายามสั่งสอนเป็นอย่างมาก ยิ่งเห็นแววตาชิงชังที่ใช้มองชิคิงามิ ไมลส์ก็รู้ได้ทันที
…หมอนี่ คงแค้นจนพาลโกรธเกลียดภูตผีปีศาจทุกตนไปแล้ว
“เป็นห่วงก็แต่ฟูยูฮิสะเท่านั้น ชะตาของเขาเหมือนแขวนอยู่บนด้ายบาง หากพลาดพลั้งเพียงนิดเดียว อาจจมดิ่งลงสู่ความมืดอย่างกู่ไม่กลับ คงได้แต่ฝากฝังเจ้าแล้ว”
สิ่งที่โยเฮย์เคยพูดก่อนไปที่เขาคุรามะดังก้องขึ้นมาในหัว มานึกดูตอนนี้แล้วเหมือนเป็นคำสั่งเสีย ไมลส์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เดินลงจากเรือน ตบไหล่ฟูยูฮิสะ
“เข้านอนเถิด ฝึกซ้อมดึกดื่นเช่นนี้จะล้มป่วยเอาได้”
องเมียวจิหนุ่มสะดุ้ง หันตัวกลับ ในมือถือยันต์เตรียมพร้อมสู้ พอเห็นว่าเป็นรุ่นน้องตัวเอง จึงยิ้มออกมา ทว่าเป็นยิ้มที่ดูฝืนพิกล
“เจ้าเองหรอกเหรอ? มาไม่ให้สุ้มให้เสียง ข้านึกว่าปีศาจบุกเสียแล้ว”
ไมลส์พินิจสีหน้าอ่อนล้าของอีกฝ่าย ถามว่า “ท่านทำแบบนี้ทุกคืนหรือ รู้ใช่หรือไม่ว่าหากฝืนเกินไปย่อมเป็นการทำร้ายตัวเอง ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่พลังวิญญาณของท่านก็ปั่นป่วนไปด้วย”
“ข้ารู้…แต่หากไม่ทำแบบนี้ ก็ไม่มีทางกำจัดจิ้งจอกสารเลวนั่นได้” ฟูยูฮิสะตอบ เก็บยันต์เข้าแขนเสื้อ “ไม่ว่าแลกด้วยอะไร ข้าก็จะล้างแค้นมันให้ได้!”
“ฟูยูฮิสะ…ยังไม่แน่ว่าปีศาจที่สังหารท่านอาจารย์…จะเป็นจิ้งจอกนั่น”
โยเฮย์โดนปีศาจจิ้งจอกเก้าหางฆ่าตาย นั่นคือเรื่องที่ทุกคนในมิยาโกะรับรู้ แต่พอมีเวลาได้มาขบคิดดู กลับพบว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลอยู่หลายอย่าง ไมลส์จึงยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นทามาฮิเดะ
“เจ้ายังพูดแบบนี้อีกหรือ!” ฟูยูฮิสะพูดเสียงขุ่น “มันประกาศตัวเองว่ามีความแค้นกับท่านอาจารย์ แถมยังมีพลังมากพอจะทำลายเกกไกของโอทสึงุได้ ทั้งรอยแผลบนตัวท่านอาจารย์ เกิดจากปีศาจสุนัขแน่ ๆ เช่นนั้นแล้วหากไม่ใช่จิ้งจอกนั่น เจ้าบอกสิว่าเป็นใคร?!”
ไมลส์เงียบไป เขามีข้อสันนิษฐานอยู่ แต่ยังไม่มีหลักฐาน
เห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ ฟูยูฮิสะก็สะบัดหน้าหนี
“เจ้าไม่อยากแก้แค้นให้อาจารย์ก็ตามใจ แต่อย่ามาห้ามข้า”
พูดจบก็เดินกลับห้องด้วยท่าทางฉุนเฉียว แต่ไมลส์รู้ว่าหมอนั่นไม่ได้กลับไปนอนแน่ อย่างไรก็คงไม่พ้นโหมฝึกฝนวิชาอาคมต่าง ๆ เพิ่มด้วยตัวคนเดียว ไม่ยอมหลับยอมนอน
ไมลส์ทิ้งตัวลงที่ชานเรือน แล้วถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ
[ให้เวลาเขาหน่อยเถอะ ก็โยเฮย์เป็นเหมือนพ่อของเขาเลยนี่นา] เสียงของไลล่าดังขึ้น [ฟูยูฮิสะน่ะ ถึงจะเทิร์นดาร์กยังไง ก็ยังเป็นคนมีเหตุผลอยู่ ถ้ารอบนี้ทามาฮิเดะไม่ได้เป็นคนทำจริง หาหลักฐานได้ค่อยบอกหมอนั่นตอนอารมณ์เย็นลงแล้วก็ยังไม่สาย]
‘พี่…มันอาจฟังดูงี่เง่านะ แต่ผมจะไม่ยอมให้ฟูยูฮิสะเทิร์นดาร์ก ผมอยากรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับอาจารย์’ ไมลส์นั่งกอดเข่า สายตาทอดมองไปยังเรือนของโยเฮย์ “มันเป็นทางเดียวที่จะชดเชยให้เขาได้”
[…งี่เง่าจริง ๆ นั่นแหละ] ไลล่าพูดอย่างปลง ๆ [แต่ฉันก็อยากให้นายทำได้อย่างที่พูดนะ…เพราะฉันเองก็ไม่อยากเห็นตัวละครลูกรักตายอนาถอีกรอบเหมือนกัน]
‘อืม…’ ไมลส์ซบหน้าลงกับเข่า ‘ทุกอย่างผิดพลาดไปหมดเลย’
ความชะล่าใจทำให้โยเฮย์จากไปแล้วคนหนึ่ง หากฟูยูฮิสะก้าวเข้าสู่ด้านมืดจนต้องตายตามเนื้อเรื่องเดิมไปอีกคน เขาคงไม่มีหน้าอยู่ในโลกนี้ต่ออีกแล้ว
…
สองวันต่อมา ในคืนเดือนเพ็ญ เงาดำร่างหนึ่งเคลื่อนไหวรวดเร็วดุจลมพัด ตัดผ่านทุ่งนาและแม่น้ำ เข้ามาในเขตมิยาโกะ พอพบคนก็เร้นกายหลบ จากนั้นกระโดดข้ามเรือนจากหลังคาหนึ่งไปอีกหลังคาหนึ่ง บางครั้งก็กระโดดขึ้นยอดไม้ เมื่อเห็นเรือนที่เป็นเป้าหมาย ดวงตาก็พลันมีเปลวเพลิงลุกโชน ร่างนั้นกระโจนอีกไม่กี่ที ปลายเท้าก็แตะลงบนหลังคาเรือนได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรคใด ๆ จนอดนึกแปลกใจไม่ได้
…ไม่มีเกกไกเลยหรือ?
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเพลงดังขึ้น จึงชะโงกหน้าผ่านมุมหลังคาไปดู เห็นเด็กหนุ่มองเมียวจินั่งอยู่หน้าบึงน้ำ บรรเลงบิวะออกมาอย่างคล่องแคล่ว คราวนี้ไม่ได้ใส่พลังวิญญาณลงไปแบบตอนปราบปีศาจ เพียงเล่นไปตามอารมณ์เท่านั้น
ท่อนแรกนั้น เสียงเพลงสดใสเหมือนแสงตะวันในฤดูร้อน เจิดจ้า งดงาม ชวนให้รู้สึกอุ่นวาบในอก ราวกับบนโลกนี้ล้วนแต่เต็มไปด้วยสิ่งดีงาม ได้รับการปกป้อง ไร้ซึ่งเภทภัยใด ๆ จะแผ้วพานได้
แต่พอเข้าท่อนที่สอง ท่วงทำนองก็เปลี่ยนไป ราวกับมีเมฆเข้ามาบดบังแสงตะวันนั้น แล้วเริ่มปั่นป่วนดุจพายุคลั่ง ฉีกกระชากความสดใสร่าเริงก่อนหน้าไปจนหมดสิ้น ราวกับเพลงท่อนแรกเป็นเพียงฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น จวบจนท่อนที่สาม พายุสงบลง เหลือเพียงซากปรักหักพัง ท่วงทำนองมีแต่ความโศกเศร้า อาลัยอาวรณ์ และความรู้สึกผิด บีบให้รู้สึกอึดอัดทรมาน
แม้เขาจะไม่เข้าใจศิลปะหรือดนตรีที่พวกมนุษย์ให้ความสำคัญมากนัก แต่กลับเข้าใจอารมณ์อ่อนไหวที่อีกฝ่ายบอกเล่าผ่านเสียงเพลงดังกล่าวได้เป็นอย่างดี รู้ตัวอีกทีก็เผลอฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ แถมยังรู้สึกหม่นหมองตามไปด้วย
พอท่อนสุดท้ายบรรเลงจบ เด็กหนุ่มก็วางบิวะ แล้วเอนกายนอนลงกับพื้นหญ้า สายตาเหม่อมองท้องฟ้า ท่าทางไร้การป้องกันอย่างสิ้นเชิง และดูเหมือนจะไม่รับรู้ถึงการปรากฏตัวของเขาด้วยซ้ำ
…เป็นองเมียวจิประสาอะไร
ความหงุดหงิดเล็ก ๆ ก่อขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล เขากระโดดลงจาหลังคา เดินตรงไปหาคนที่กำลังนอนอยู่ แต่ไปหยุดข้างกายแล้วก็ยังไม่รู้ตัว เลยยื่นหน้าเข้าไปในคลองสายตาของอีกฝ่าย
“ชิท!”
ไมลส์กำลังดูดวงจันทร์อยู่ดี ๆ กลับมีดวงหน้าของปีศาจจิ้งจอกโผล่เข้ามาแทนที่ เลยตกใจร้องลั่น สบถคำด่าผิดยุคผิดสมัยออกมา เขาเด้งตัวขึ้น คว้าบิวะพร้อมหนี
แต่ทามาฮิเดะมีหรือจะยอม เขาอาศัยความเร็วที่มากกว่ากระชากแขนอีกฝ่าย บิวะลอยหวือ ส่วนคนโดนทุ่มลงกับพื้น จากนั้นจิ้งจอกหนุ่มก็นั่งคร่อมทับเด็กหนุ่ม เอาอุ้งมือที่มีกรงเล็บแหลมคมกุมลำคอไว้เป็นการข่มขู่
“ห้ามส่งเสียงอื่นนอกจากตอบคำถามข้า! …โยเฮย์อยู่ที่ไหน?!”
ได้ยินประโยคนั้น ไมลส์ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เค้นเสียงตอบว่า
“ตะ…ตายไปแล้ว…ไม่กี่วันก่อนนี้เอง”
“ตายแล้ว?” ทามาฮิเดะพลันทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ “หมายความว่ายังไง?”
“ก็…ตรงตัวตามนั้น ถ้าอยากจะแก้แค้นละก็…เจ้ามาช้าไปหน่อยนะ”
“อย่าโกหกข้า!” ทามาฮิเดะคำราม กรงเล็บจิกลึกขึ้น บาดลำคอเขาจนเลือดไหลซิบ “หมอผีหนังเหนียวเช่นนั้นจะตายง่าย ๆ ได้อย่างไร? คิดว่าข้าจะเชื่อหรือ!?”
“บอกว่าตายแล้วก็ตายแล้วสิฟะ! ไอ้จิ้งจอกงี่เง่านี่!” ไมลส์ตวาดลั่น ดิ้นขลุกขลัก เท้าก็พยายามถีบ ‘จิ้งจอกงี่เง่า’ ไปด้วย ระเบิดอารมณ์ที่กดไว้ในหลายวันนี้ออกมา “ข้าก็อยากให้เป็นเรื่องโกหกนั่นแหละ แต่เจ้าไปถามใครในเมืองก็ได้! ไปถามเลย! ดูซิว่าพวกเขาจะตอบว่ายังไง แต่ก็เตรียมตัวโดนล่าด้วยล่ะ เพราะทุกคนคิดว่าเจ้าเป็นคนฆ่าทั้งนั้นแหละ!”
ทามาฮิเดะชะงักไป คำด่าทอเช่นนี้ ไม่มีปีศาจตนไหนกล้าพูดกับเขามาก่อน อย่าว่าแต่มนุษย์เลย ถ้าหากเป็นคนอื่นหรือตัวอื่น เขาต้องปาดคอพวกมันทิ้งอย่างไม่ต้องสงสัย แต่กับเด็กหนุ่มตรงหน้า ถึงจะขุ่นเคืองใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่คิดสังหาร ยิ่งได้เห็นดวงตาคู่นั้นมีน้ำตาเอ่อคลอ ก็เผลอคลายมือออก ปล่อยให้อีกฝ่ายได้สูดหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นจึงสะกดข่มอารมณ์ของตัวเองอย่างหาได้ยาก ถามดี ๆ ว่า
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ลูกศิษย์ของโยเฮย์ อธิบายมาให้หมด! เดี๋ยวนี้!”
__________________
A.L. Lee
ตอนนี้เนื้อเรื่อง Arc2 น่าจะดำเนินมาแค่ 50-60% นะคะ ยาวๆไปค่ะ ไม่นึกว่ามันจะยาวขนาดนี้ (ปาดเหงื่อ)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สรุปใครฆ่ากันค้าาาา หมาชักจะเยอะเกินไปล้าว (นับปีศาจหมาก่อนหน้านี้ด้วย)
ปล. มันไรท์รวมไปกับอิพี่ดีไหม ข้อหามาช้า // ยิ้มเ-้ยม
กรี๊ดด ทามาฮิเดะ อ่อนโยนกับน้องหน่อยสิลูก นั่นภรรยานายเลยนะ!