ตอนที่ 17 : Arc 2.2 บาปรักแห่งเฮอัน
หลังจากจัดการจิ้งจอกสาวได้แล้ว ทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบ อาเบะ โนะ โยเฮย์ รวบรวมเถ้าของนางเก็บไว้ในกล่องไม้ ลงอาคม จากนั้นจึงทูลลาพระจักรพรรดิ องเมียวจิทั้งหมดต่างแยกย้ายกันกลับ ไมลส์ที่ยืนงงทำตัวไม่ถูก โดนเด็กหนุ่มที่พูดปลอบเขาระหว่างการกำจัดปีศาจลากตัวออกมา เดินตามหลังโยเฮย์ต้อย ๆ ออกนอกวังหลวง
ฟ้ามืดแล้ว แต่จันทร์เต็มดวง ไมลส์จึงพอมองเห็นทาง พวกเขาเดินไปตามถนนดิน จนไปเจอกับรถเทียมเกวียนที่จอดอยู่หน้าองเมียวเรียว [1] ทว่ารถนั้นไม่มีทั้งวัวหรือสารถี ขณะจะเอ่ยปากถาม โยเฮย์ก็นำกระดาษเสกแผ่นหนึ่งออกมา มันเปลี่ยนร่างกลายเป็นวัวสีดำมะเมื่อมตัวหนึ่ง
[1] สำนักองเมียว เป็นหน่วยงานราชการหนึ่งในยุคเฮอัน ทำนายดวงชะตาบ้านเมือง ขอฝน ทำปฏิทิน ฯลฯ คล้าย ๆ สำนักโหราศาสตร์บ้านเรา
“พาพวกข้ากลับเรือนที” โยเฮย์ออกคำสั่งก่อนจะก้าวขึ้นรถไป
วัวตัวนั้นผงกหัว แล้วเข้าไปเทียมกับรถอย่างรู้งาน ไมลส์ได้แต่ยืนมองภาพนั้นตาค้างเหมือนคนโง่
“เป็นอะไรไป โยชิอากิ? ทำเหมือนไม่เคยเห็นชิคิงามิ [2] ไปได้” เด็กหนุ่มถองศอกใส่เขา
[2] วิญญาณรับใช้ภายใต้การควบคุมขององเมียวจิ
…ดูเหมือนในโลกนี้เขาจะชื่อโยชิอากิ
“ชิคิงามิ อ๋อ วิญญาณรับใช้ ข้า…”
“โยชิอากิ ฟูยูฮิสะ พวกเจ้ารีบขึ้นมาได้แล้ว” โยเฮย์ที่รออยู่ในรถเลิกม่านออก เอ่ยว่า “หากชักช้านัก ข้าจะปล่อยให้เดินกลับเอง”
“ขึ้นแล้ว! ท่านอาจารย์” เด็กหนุ่มนามฟูยูฮิสะรีบลากเขาขึ้นไปตามไปทันที
รถเทียมเกวียนค่อย ๆ เลื่อนไปตามถนนดิน พอออกจากวังหลวงก็พบกับถนนสายหลักของเมืองขนาบไปด้วยต้นไม้ตามสองข้างทาง ทอดตัวยาวจากวังทางทิศเหนือ ไปจรดกับประตูระโจมงทางทิศใต้ แบ่งเมืองออกเป็นสองฝั่ง ได้แก่เมืองทางฟากตะวันออก และเมืองทางฟากตะวันตก นอกจากนี้ยังมีถนนย่อยหลายสายตัดผ่านแบ่งเมืองออกเป็นบล็อก ๆ นับเป็นผังเมืองที่มีระเบียบแบบแผนจนน่าทึ่ง
ระหว่างอยู่ในรถ โยเอย์องเมียวจิชราเพียงนั่งหลับตาด้วยบุคลิกสูงสง่า เอามือลูบกล่องที่เก็บเถ้าของทามาโมะไว้อย่างเงียบ ๆ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ส่วนเด็กหนุ่มข้างตัวก็หันหน้าเหมือนอยากจะคุยกับเขา แต่แล้วก็ชะงักไปเพราะเกรงใจอาจารย์ของตน สุดท้ายเลยนั่งยุกยิกไปมาอยู่ในชุดคาริกินุสีแดง
ไมลส์จ้องพิจารณาฟูยูฮิสะเงียบ ๆ เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี ใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่น ตัวสูงกว่าคนอื่นในวัยเดียวกัน ท่าทางร่าเริง นัยน์ตาสุกสว่างเต็มไปด้วยพลังเหมือนแสงอาทิตย์ มีออร่าตัวเอก หรืออย่างน้อยก็เป็นตัวละครสำคัญของเรื่อง
[ถูกต้อง! ฟูยูฮิสะคือพระเอกของเรื่องนี้ งานดีใช่ไหมล่ะ?! กว่าจะสร้างมาได้หล่อแบบนี้ฉันเสียเวลาหลายวันเชียวนะ!!] ไลล่าเฉลยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น [แต่ว่า ถ้าเพิ่งผ่านเหตุการณ์ทามาโมะ อย่างนี้กว่าจะเข้าเรื่องหลักคงอีกนานเลย]
‘หมายความว่ายังไง’ ไมลส์ถามในใจ ‘จริงสิ! แล้วผมเป็นใคร เนื้อเรื่องเป็นยังไง พี่เล่ามาให้หมดเลยนะ’
เขามัวแต่ตกใจกับโลกใหม่จนลืมถามเรื่องสำคัญไปเสียสนิท
[ถ้าจำไม่ผิด โยชิอากิเป็นรุ่นน้องที่ร่ำเรียนมาด้วยกันของฟูยูฮิสะ นิสัยเงียบ ๆ ขี้ขลาด ไร้ความสามารถ ไม่เอาไหนสุด ๆ]
‘…นี่พี่ไม่ได้หลอกด่าผมอยู่ใช่ไหม’
[เปล่านะยะ] ไลล่าเสียงสูง [ฉันกำลังพูดถึงตัวละครที่ชื่อโยชิอากิต่างหาก]
‘…’ ไมลส์ไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ ‘ว่าต่อ’
[เหตุการณ์ฆ่าสนมที่เป็นจิ้งจอกเก้าหาง เป็นแค่ส่วนอดีตของเรื่องแค่นั้นเอง พอผ่านไปหนึ่งปี ฟูยูฮิสะอายุสิบแปด หลังจากฝึกฝนจนกลายเป็นองเมียวจิที่เก่งกาจชนิดฟ้าประทานแล้ว อาจารย์โยเฮย์จะถูกปีศาจจิ้งจอกฆ่าตาย นั่นต่างหากคือเริ่มเรื่องของจริง]
‘หนึ่งปี!?’ ไมลส์หน้าซีดเผือด ‘ผมต้องติดอยู่ในนี้หนึ่งปี?! แล้วปีศาจจิ้งจอกนี่ยังไง ทามาโมะตายแล้วไม่ใช่เหรอ’
[ใช่ นางตายแล้ว แต่ปีศาจจิ้งจอกที่จะมาฆ่าโยเฮย์เป็นน้องชายของทามาโมะน่ะ ชื่อทามาฮิเดะ…]
ไลล่าเล่านิยายเรื่องนี้ให้ฟังเป็นคุ้งเป็นแควไปตลอดการเดินทาง ต่อไปนี้คือสิ่งที่ไมลส์จับใจความได้
ฟูยูฮิสะบ้านเดิมอยู่ที่อิสุ เป็นเด็กกำพร้า อาศัยขโมยเพื่อประทังชีวิต โยเฮย์เห็นว่ามีความสามารถมองเห็นวิญญาณจึงพามายังมิยาโกะ [3] อบรมสั่งสอน ฟูยูฮิสะจึงซาบซึ้งและเคารพโยเฮย์มาก แม้จะมีนิสัยติดเล่นไม่จริงจัง แต่ก็ใฝ่ฝันว่าโตมาจะเป็นองเมียวจิผู้ยิ่งใหญ่แบบอาจารย์
[3] คำเรียกเมืองหลวง ในที่นี้หมายถึงเฮอันเกียว หรือเกียวโตในปัจจุบัน
แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปตอนฟูยูฮิสะอายุสิบแปด วันหนึ่งหลังจากโยเฮย์ เขา และโยชิอากิ เดินทางไปปราบปีศาจ ก็ได้เจอกับจิ้งจอกเก้าหางทามาฮิเดะ น้องชายของสนมทามาโมะที่โดนฆ่าตายกลับมาแก้แค้น โยเฮย์พลาดท่าโดนฆ่าตายพร้อม ๆ กันกับโยชิอากิ ส่วนฟูยูฮิสะมีสกิลพระเอก เลยรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด และพกความแค้นเคืองต่อปีศาจและอสูรต่าง ๆ เขากำจัดวิญญาณโดยไม่เลือกหน้า และตั้งใจจะฆ่าปีศาจจิ้งจอกนั้นให้ได้ เพียงไม่กี่เดือนก็กลายเป็นองเมียวจิเลือดเย็นที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว ผู้คนทั่วไปต่างหวาดกลัวและเคารพนับถือ
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ฟูยูฮิสะก็ไม่ใช่คนไร้หัวใจ เขามีใจปฏิพัทธ์ต่อหลานสาวของอุไดจิน [4] ที่คุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ชื่อว่าคิโยมิ แต่หลังจากที่เธอผ่านพิธีโมงิ [5] ด้วยเหตุผลของตระกูล ทำให้อีกไม่นานคิโยมิต้องถวายตัวเป็นสนม โดยองค์จักรพรรดิในเวลานั้นคือองค์โตงู [6] ที่ขึ้นครองราชย์แทนจักรพรรดิคนปัจจุบัน ที่ตายหลังจากเหตุการณ์ของทามาโมะได้ไม่กี่เดือน
[4] ตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายขวา
[5] พิธีสู่ความเป็นผู้ใหญ่ของเด็กหญิงญี่ปุ่น ทำตอนอายุครบ 15 ปี
[6] รัชทายาท
อุปสรรคด้านความรักของฟูยูฮิสะยังไม่จบเท่านั้น เมื่อปีศาจจิ้งจอกทามาฮิเดะก็เกิดชมชอบนางขึ้นมาเช่นกัน ทำให้ความแค้นของฟูยูฮิสะกับทามาฮิเดะทบทวี ทว่าพลังของเขาแม้จะแข็งแกร่งแต่ก็ยังไม่อาจเทียบกับอาจารย์โยเฮย์ได้ แล้วจะเอาชนะปีศาจจิ้งจอกที่แข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไร
สุดท้ายเขาก็ได้พบกับวิชาลับที่อาจารย์โยเฮย์เก็บซ่อนไว้ เป็นเคล็ดวิชาจากทางประเทศจีน ใช้เพิ่มพูนพลังขององเมียวจิให้ก้าวข้ามขีดจำกัด เหมาะกับการใช้กำจัดปีศาจร้ายที่มีพลังสูงระดับเทพเช่นจิ้งจอกเก้าหาง แต่ก็แลกมาด้วยพลังชีวิตของผู้ใช้ด้วยเช่นกัน ในฉากไคลแม็กซ์สุดท้าย เพื่อล้างแค้นให้อาจารย์ และเพื่อปกป้องหญิงสาวอันเป็นที่รัก ฟูยูฮิสะจึงเดิมพันด้วยทุกอย่าง ต่อสู้กับทามาฮิเดะ จนสุดท้ายก็ได้ชัยชนะ พระเอกกำจัดปีศาจตัวร้ายได้ ทว่าเพราะวิชาที่ใช้ พลังชีวิตของเขาจึงหมดลง ตอนตายยังยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจที่สามารถช่วยเหลือคนที่ตัวเองรักไว้ได้ ปิดฉากตำนานองเมียวจิหนุ่มผู้เก่งกาจแห่งมิยาโกะ ส่วนคิโยมิก็เศร้าสลดกับการจากไปของฟูยูฮิสะอยู่นานหลายเดือน กว่าจะเปิดใจยอมรับองค์จักรพรรดิหนุ่ม ถวายตัวรับใช้ จนได้กลายเป็นโคโกว [7] ในภายหลัง
[7] จักรพรรดินี
[จบบริบูรณ์…] ไลล่าพูดตบท้าย
…วอท เดอะ ฟัค!
‘เนื้อเรื่องบ้าอะไรเนี่ยพี่!’ ไมลส์ได้ฟังเนื้อเรื่องทั้งหมดถึงกับปวดหัวจี๊ด ต่อว่าพี่สาวตัวเองในใจ ‘ไอ้ที่โยชิอากิ ตัวประกอบที่ผมสวมร่างตายน่ะ ก็ไม่แปลกใจหรอกนะ แต่เนื้อเรื่องแนวนี้ปกติมันต้องให้พระเอกกำจัดตัวร้ายได้ แล้วนางเอกก็ตัดสินใจเลิกเป็นหุ่นเชิดของวงศ์ตระกูล ทำตามหัวใจตัวเอง มีชีวิตอยู่กับพระเอกอย่างมีความสุขไม่ใช่หรือไง ทำไมจบแบดเอนด์งี้ล่ะ คนอ่านไม่ถล่มเละเลยเรอะ!?’
[เห? ผู้ชายที่ยอมตายเพื่อความรักน่ะโรแมนติกจะตายไป จบแบบนี้ไม่ดีตรงไหนกัน ประทับใจจะตาย หนังจีนหนังฮ่องกงสมัยก่อนพระเอกตายตอนจบเป็นว่าเล่นเลยนะยะ หรือนายจะบอกว่าหนังพวกนั้นห่วย?] ไลล่าแค่นเสียงดังหึ [แต่ก็จริงที่ว่าฉันแต่งตามใจตัวเองมากไป สุดท้ายเลยโดนคนอ่านถล่มเละ ต้องยอมปรับโหมดจากนิยายเป็นเกม สร้างรูทใหม่ขึ้นมาให้เล่น แล้วเก็บตอนจบที่แท้จริงพับไปเป็นแบดเอนด์รูทนึงแทน]
‘รูท? ยังไง? มีทางเลือกอื่นด้วยเหรอ’ ไมลส์ถาม
[นิยายเรื่องนี้ชื่ออะไร]
‘บาปรักแห่งเฮอัน?’
[ใช่…มันคือนิยายรัก คนดำเนินเรื่องไม่ใช่พระเอก แต่เป็นคิโยมินางเอกต่างหาก แฟนตาซีของสาว ๆ ที่มีผู้ชายรุมล้อม แล้วเธอจะลงเอยกับใครดีนะ องเมียวจิผู้เคยร่าเริงสดใสแต่ตกบ่วงแค้นจนกลายเป็นคนมืดมน ปีศาจจิ้งจอกตัวร้ายขี้หวง หรือจักรพรรดิหนุ่มผู้อ่อนโยนและอ่อยเก่ง แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ต้องมีคนเจ็บปวด นี่คือที่มาของคำว่าบาปรักยังไงล่ะ]
…เขาไม่ขอออกความเห็นเรื่องเซนส์การตั้งชื่อของพี่สาวแล้วกันนะ
[หลังจากนั้น พอเพิ่มรูทมาให้ สาว ๆ ก็สามารถเลือกได้ว่าอยากจะคู่กับใคร ไม่ต้องมาแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่ต้องมีใครผิดหวัง]
‘อ๋อ เหมือนพวกเกมจีบหนุ่ม?’
[ใช่ๆ นั่นแหละๆ อ้อ ตอนจบฮาเร็มก็มีนะ คนชอบเยอะมากเลยล่ะจะบอกให้]
…นั่นไม่ใช่ประเด็น!
ฟังดูแล้วเหมือนจะดี ทว่าก็มีอย่างหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง
‘แต่ผมก็ตายพร้อมกับอาจารย์อยู่ดีไม่ว่าจะรูทไหน ไม่ใช่รึไง?’
[…นั่นก็ถูกอีก] ไลล่านิ่งไปพักนึงก่อนตอบ [แต่นายยังมีเวลาอีกทั้งปีเลยนะกว่าจะตาย ยิ่งนายอยู่นานเท่าไหร่ก็มีโอกาสเปลี่ยนเส้นเรื่องมากขึ้นเท่านั้น เรามาถึงเร็วแบบนี้ไวรัสไม่ได้ทันตั้งตัวแน่ รีบหาตัวออสมอนด์ให้เจอ จัดการไวรัส แล้วนายก็จะอยู่ในโลกนี้ได้อย่างปลอดภัย”
‘เข้าใจแล้ว’ ไมลส์ถอนหายใจอย่างปลง ๆ
…ว่าแต่ ออสมอนด์จะเป็นใครกันล่ะ คราวก่อนก็เป็นพระเอกอย่างไอซ์เดวิล คราวนี้คงไม่ใช่
คิดมาถึงตรงนี้ ไมลส์ก็หันไปมองหน้าฟูยูฮิสะที่กำลังยิ้มแป้นมาทางเขา แม้ใบหน้าจะคมคายแต่กลับทำตัวไม่สมกับความหล่อเลยสักนิด นัยน์ตาทอประกายวาววับ สีหน้าร่าเริงชนิดที่ว่าหากมีหางคงส่ายดุ๊กดิ๊กไปแล้ว
…คงไม่ใช่เจ้าฮัสกี้นี่หรอก…มั้ง?
ไมลส์ยิ้มแห้ง
ครู่ต่อมา รถเทียมเกวียนก็หยุดลงหน้าเรือนแบบชินเด็นซึคุริ [8] ตัวอาคารมีเรือนหลักอยู่ตรงกลาง และมีเรือนย่อยอีกหลายเรือนแยกตัวออกมาด้านข้าง ทั้งหมดมีระเบียงทางเดินเชื่อมต่อกัน หันหน้าไปทางทิศตะวันตกที่เป็นลานกว้าง มีบ่อน้ำกว้างและสวนประดับตกแต่ง ตรงกลางบ่อน้ำมีเนินผุดขึ้นมาเหมือนเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีสะพานทอดให้เข้าถึงได้ หากเป็นตอนกลางวันคงน่าออกมาเดินเล่นไม่น้อย แต่ไม่รู้เพราะตอนนี้มืดเกินไป หรือเพราะเป็นเรือนขององเมียวจิ ไมลส์ถึงได้รู้สึกว่ามันดูลึกลับน่ากลัวเป็นพิเศษ
“โยชิอากิ~” พอลงจากรถได้ ฟูยูฮิสะก็กระโดดมากอดคอเขาทันที ไม่สนใจสายตาของอาจารย์โยเฮย์ที่มองมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “ทำไมทำหน้าเครียดมาตลอดทางแบบนั้น เจ้ากลัวจิ้งจอกนั่นใช่หรือไม่ ไม่เป็นไรนะ คืนนี้ข้าจะไปนอนเป็นเพื่อนเจ้าเอง~”
“…ข้าไม่ได้กลัวสักหน่อย” ไมลส์ตอบอย่างงุนงง
“อย่าปากแข็งนักเลย เจ้าน่ะขี้กลัวจะตายไป” ฟูยูฮิสะไม่ฟังคำ เอามือตีไหล่เขาดังป้าบ ๆ แล้วหัวเราะ “แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าก็เป็นเช่นนี้ตลอด เจออะไรนิดหน่อยก็ขวัญเสียร้องขอให้ข้ามานอนด้วยทุกที จนน่าสงสัยว่าเป็นองเมียวจิได้อย่างไร”
“แต่เอาเป็นว่าวันนี้ข้าไม่ได้กลัวก็แล้วกัน…” ไมลส์กลอกตาใส่ทีหนึ่ง จากนั้นเดินตัดระเบียงไปทางห้องนอนตัวเองเงียบ ๆ โดยไม่สนใจมองฮัสกี้หนุ่มอีก
“อา…โยชิอากิน้อยไม่ต้องการข้าแล้วหรือนี่ เจ้าโตขึ้นแล้วจริง ๆ” ฟูยูฮิสะ หยิบพัดโอกิ [9] มาปิดหน้าซีกล่าง แกล้งคร่ำครวญกระซิก ๆ
[8] ชื่อเรียกงานออกแบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่น เป็นลักษณะอาคารของขุนนางและชนชั้นสูงสมัยเฮอัน
[9] พัดกระดาษแบบญี่ปุ่น
_______________________
อ้างอิง


มาตรงนี้ ขอบอกเลยว่าข้อมูลของญี่ปุ่นในยุคเฮอันและองเมียวจิในเว็บภาษาไทยแทบจะไม่มีเลย T^T ถึงมีก็ค่อนข้างกว้างมาก ข้อมูลที่ได้มาเลยเป็นภาษาอังกฤษเสียส่วนใหญ่ค่ะ เราก็หามาให้มากที่สุดเท่าที่เวลาจะอำนวย หากมีข้อผิดพลาดอะไรท้วงได้ค่ะ
ส่วนเชิงอรรถ ในที่นี้แทรกระหว่างย่อหน้าเอา เพราะกลัวว่ารวมมาไว้ท้ายตอนผู้อ่านจะหาไม่เจอ ลืมกันไปซะก่อนว่าคำไหนคืออะไร (เด็กดีแทรกลิงก์ให้จิ้มแบบ RAW ไม่ได้ TwT) แบบนี้โอเคไหมคะ หรือจะให้แทรกท้ายตอนเหมือนเดิม? (Arc นี้น่าจะมีเชิงอรรถมาเรื่อย ๆ)
ส่วนตัวเห็นผังเมืองแล้วชอบมากเลย มันดูมีระบบระเบียบสวยงามมาก แบ่งเป็นบล็อก ๆ ชัดเจน
อันที่จริงอยากเขียนยาวกว่านี้ แต่รู้สึกว่าฉากต่อไปมันจะยาวเกิน เลยตัดมาแค่นี้ก่อน
ส่วนในเรื่องนี้ ใครคืออสมอนด์ ก็มาลุ้นกันนะคะ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หูยยย ประวัติศาสตร์ล้วนๆชอบๆ
มีแบบนี้ดีแล้วค่าาา เชิงอรรถท้ายตอนมันหายากมาก! ไรท์บางคนก็แต่งเยอะ ต้องไถนานกว่าจะเจอ พอเจอปุบก็ลืมไปแล้วว่าจะหาคำว่าอะไร 555