คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ยินดี
พลอยไพลินนั่งตัวเกร็งไปตลอดทางกลับบ้าน
ต่อให้ยินดีสักเพียงไหนที่ไม่ต้องห่างบ้านอีกแล้ว
แต่มาเวลานี้หญิงสาวกลับทำตัวไม่ถูกขึ้นมา
คุณอาที่เฝ้าคิดถึงมาหลายปีทำหน้าที่ขับรถด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง
บ่อยครั้งที่เขาเหลือบมองเรียวขาที่เจนใจ
เพื่อนของหล่อนยืนยันว่ามันช่างเพรียวสวยในกางเกงรัดรูปแบบยอดนิยมในตอนนี้แล้ว
เขาก็มีแต่จะยิ่งมีสีหน้าหนักใจยิ่งกว่าเก่า
กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่อยู่ข้างหลังรถ
เจ้าของรถหน้าบึ้ง ส่วนตุ๊กตาหน้ารถอย่างพลอยไพลินก็ได้แต่ระแวง
กลัวคุณอาจะต่อว่าอะไรออกมาอีก
หล่อนนั่งตัวห่อ ไหล่งุ้ม
ไม่มีสง่าราศีเหมือนปกติ
ระแวงว่าคุณอาจะหาเรื่องติจนลืมไปสิ้นว่าดีใจเพียงไหนที่ได้พบหน้าเขาอีกครั้งหลังจากที่เฝ้าคิดถึงเนิ่นนาน
กรุงเทพฯ
ยังรถติดหนักเหมือนที่หล่อนเคยจำได้
พอเลี้ยวรถลงจากทางด่วนไม่นานรถยุโรปคันโตก็มาติดอยู่ที่แยกไฟแดง
แม้จะเป็นกลางวันวันหยุดราชการก็ตาม หล่อนใช้จังหวะที่เขากำลังเหยียบคันเร่งตอนสัญญาณไฟเขียวลอบมองใบหน้าคมคายอย่างเผลอไผล
อานนท์ยังหล่อเหลาเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
คิ้วหนาตาคม จมูกโด่ง
ทุกอย่างที่พลอยไพลินเคยนึกคิดถึงนับครั้งไม่ถ้วนเวลาที่อยู่ต่างประเทศ
นับแต่นี้เป็นต้นไปไม่ต้องคิดถึงเขาอีกแล้ว เขาอยู่ตรงนี้ ใกล้...
เพียงแค่จะเอื้อมมือคว้า
แต่...
หล่อนกลับทำได้มากที่สุดเพียงแค่มอง
พลอยไพลินถอนหายใจออกมาอย่างลืมตัว
แล้วต้องสะดุ้งเพราะอยู่ๆ คุณอาก็เอ่ยขึ้น
“ถ้าเหนื่อยก็งีบหลับก่อนก็ได้
ถึงบ้านแล้วอาจะปลุก”
หญิงสาวหันไปมองเขา พอสบตาเข้ากับนัยน์ตาสีดำขลับของเขาแล้วก็ต้องรีบหลบตาเสียเอง
แค่เขาพูดด้วยเท่านี้ก็ไม่กล้าสบตาเขาเสียแล้ว
“ไม่ได้เหนื่อยหรอกค่ะ”
หล่อนตอบเสียงเบา
“ถ้าอยากมองก็มองตรงๆ ก็ได้
อาไม่หวงหรอก” เขาพูดลอยๆ ขึ้น พอเห็นหญิงสาวหันมาทำตาโตใส่
ริมฝีปากหยักที่เพิ่งดุหล่อนก่อนหน้าก็คลี่ยิ้ม
“พลอยไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท”
หล่อนแก้ตัวอุบอิบ “แต่คุณอาก็ทราบใช่ไหมคะว่าเราไม่ได้พบหน้ากันนานมาก
จนพลอยแทบจำไม่ได้แล้วว่าคุณอาหน้าตาเป็นยังไง”
“ตามใจ” เขาพูดต่อทันที
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่หวง จะมองแค่ไหนก็ได้ พลอยก็รู้นี่ว่าอาตามใจพลอยเสมอ”
พลอยไพลินมองเขาด้วยความแปลกใจ
ไม่คิดว่าเขาจะใจดีขึ้นมา
ตอนอยู่สนามบินเขายังทำหน้าหงิกหน้างอเหมือนอยากจะจับหล่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มิดชิดเสียใหม่
ไม่ถึงชั่วโมงให้หลังเขาก็กลายเป็นอีกคน
“ไม่จริงหรอกค่ะ” หล่อนเถียง
“พลอยอยากให้คุณอาไปเยี่ยมพลอยบ้าง คุณอาก็ไม่ยอมไปเลย
รู้ไหมว่าพลอยคิดถึงคุณอามากแค่ไหน”
น้ำเสียงตัดพ้อออกไปทางน้อยใจอย่างไม่คิดจะปิดบัง
ทำให้อานนท์นิ่งไปเล็กน้อย เขาละสายตาจากถนนมามองหญิงสาวก่อนจะยิ้มกว้างกว่าเก่า
สัญญาณไฟแดงทำให้เขามีเวลามากพอที่จะสบตาหล่อนพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ
“ก็นี่ไง ถือว่าอาชดเชยให้ก็แล้วกัน
ต่อไปนี้อาจะตามใจพลอยทุกอย่างเลยดีไหม”
หญิงสาวได้ฟังแล้วก็เริ่มยิ้มออก
ในใจนั้นรู้ดีว่าสิ่งเดียวที่ต้องการจากเขาอะไร... แม้จะไม่กล้าเอ่ยปากออกไปก็ตาม
หล่อนยินดีที่เขาบอกจะตามใจทุกอย่าง
ต่อให้เขาไม่มีวันทำได้ก็ยินดีใจที่ได้ยิน
“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกพูดให้พลอยกลับไปเรียนต่อนะคะ
พลอยไม่อยากเรียนแล้ว พลอยอยากกลับมาอยู่บ้าน อยู่กับคุณอา พลอยจะได้ดูแลคุณอาบ้าง
ให้สมกับที่คุณอาดูแลพลอยมาตลอด”
น้ำเสียงมุ่งมั่นแสดงออกชัดว่าจะตั้งใจทำอย่างปากว่าจริงๆ
แต่คนฟังกลับหัวเราะออกมาเบาๆ
“ลืมอะไรไปรึเปล่าน้องพลอย”
เขาถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ “อาโตแล้วดูแลตัวเองได้”
หล่อนมองหน้าคนโตแล้วก็รู้สึกแก้มร้อนจัดขึ้นมา
ไม่รู้เป็นยังไงแค่สบตาเขา
แค่เขาพูดดีด้วยก็เป็นอันว่าต้องเขินเองเสียทุกครั้งกับผู้ชายอื่นพลอยไพลินแน่ใจว่าไม่มีอาการเช่นนี้
จะมีก็แต่กับเขาคนเดียวเท่านั้น
บ้านขนาดสองชั้นตั้งอยู่ใจกลางเมืองบนเนื้อที่กว่าครึ่งไร่ยังคงดีดูเหมือนที่หญิงสาวจำได้
ตัวบ้านทาสีอิฐด้านนอก ส่วนภายในเป็นสีครีม
ข้าวของเครื่องเรือนก็ยังเป็นชุดเดิมตั้งแต่สมัยที่เจ้าของบ้านคนเดิมยังมีชีวิตอยู่
พลอยไพลินมายืนกลางห้องรับแขกเหลียวมองรอบกายอย่างใจหาย
ในใจนั้นอดจะทบทวนถึงวันแรกที่มาถึงบ้านหลังนี้ไม่ได้
วันนั้นแม่พาหล่อนเก็บของย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของ
‘คุณพ่อวิทย์’
สามีใหม่ของแม่ นับจากวันนั้นมาถึงวันนี้ก็สิบปีเต็มแล้ว
หลังจากอุบัติทางรถยนต์อันน่าเศร้า พ่อวิทย์และแม่เพ็ญสิริจากหล่อนไปเก้าปีแล้ว
ตั้งแต่ตอนอายุสิบหก
เสียงอานนท์ลากกระเป๋าเดินทางใบโตมาหยุดอยู่ที่กลางบ้าน
พลอยไพลินจึงหันไปมองเห็นว่าเขามองมาเช่นกัน อยู่ๆ พลอยไพลินก็รู้สึกว่าทนไม่ไหว
น้ำตาที่คลออยู่เต็มหน่วยจะหล่นมิหล่นแหล่
พอได้เห็นใครอีกคนในชีวิตหญิงสาวก็วิ่งเข้าไปหาเขาอย่างลืมตัว
หล่อนกางแขนทั้งสองข้างออก
เพียงพริบตาเดียวนางสาวพลอยไพลินก็ตรงเข้าไปกอด ‘คุณอา’ เอาไว้เสียแนบแน่น
โดยไม่สนใจอีกแล้วว่าจะถูกเขาดุอีกหรือไม่
ขอแค่นาทีนี้ได้มีเขาอยู่ข้างกายก็พอแล้ว
อานนท์ตกใจในตอนแรก
เขาผงะไปเล็กน้อยกับแรงที่โถมเข้าหา ทว่าเพียงครู่เดียวมือแข็งแรงก็โอบกอดหล่อนไว้เช่นกันก่อนที่มือข้างถนัดจะยกขึ้นลูบศีรษะหญิงสาวเบาๆ
“คิดถึงบ้านมากขนาดนี้เลยรึ
เด็กขี้แย”
สิ้นเสียงถามเบาๆ ของเขาที่ข้างหู
คนขี้แยก็ปล่อยโฮกับอกเสื้อของเขา หล่อนไม่ได้คิดถึงบ้านมากอย่างที่เขาเข้าใจ
แต่หล่อนเพิ่งรู้ต่างหากว่าเขามีความสำคัญมากเพียงไหน
นับจากวันที่พ่อวิทย์กับแม่เพ็ญจากไป
ก็มีแต่เขามิใช่หรือที่คอยดูแลเป็นทุกอย่างในชีวิต หากไม่มีเขา
หล่อนจะมีวันนี้ได้อย่างไร
“พลอยโตแล้วนะคะ ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว”
หล่อนเถียงกับอกเสื้อของเขา พูดยังไม่ทันจบดีก็สูดน้ำมูกอีกฟืดหนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “ทำไมคุณอาชอบคิดว่าพลอยเป็นเด็กอยู่เรื่อย”
คนตัวโตหัวเราะเบาๆ
จนช่วงอกแกร่งสั่นไหว หญิงสาวยังคงซุกหน้าลงกับอกเสื้อของเขาอย่างหาที่พึ่ง
ต่อให้เขาหัวเราะจนหัวโยนหล่อนก็จะไม่มีวันจากเขาไปไหน
“งั้นคนโตแล้วบอกอาหน่อยสิว่าร้องไห้ทำไม”
คนร้องเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างสื่อความหมาย
น่าเสียดายที่อานนท์ไม่เข้าใจสายตาเว้าวอนของหญิงสาวเลยสักนิด
เขายังทำหน้างงใส่จนพลอยไพลินนึกน้อยใจ
“สัญญากับพลอยนะคะคุณอา”
“สัญญาอะไร”
“สัญญาว่าจะไม่ไล่พลอยไปไหนอีก
พลอยอยากอยู่กับคุณอาแบบนี้ตลอดไป”
หลุดปากพูดออกไปแล้วหญิงสาวก็ใจหายไม่น้อย
หล่อนไม่ได้ตั้งใจจะรุกเขาถึงเพียงนี้ เพียงแค่รู้สึกอึดอัดและหวาดหวั่นต่ออนาคต
จึงอยากได้คำยืนยันของเขาเท่านั้น ไม่ได้คิดจะกดดันอย่างที่เอ่ยออกมา
อานนท์เงียบไปชั่วอึดใจ
หญิงสาวชักใจเสีย หล่อนไม่กล้าสบตาเขา ก้มหน้าซุกลงหาไออุ่นจากอ้อมกอดของเขาให้ได้มากที่สุดเพราะรู้ดีว่าคงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขาบ่อยนัก
ในเมื่อเขาเห็นหล่อนเป็นเพียงเด็กผู้หญิงในปกครองคนหนึ่งเท่านั้น
แขนเรียวกอดเขาไว้แน่นเข้าไปอีก
อยากโอบกระชับให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้ฝันไป หล่อนกำลังกอดเขา และเขาก็ไม่ดุอีกแล้ว
หารู้ไม่ว่ามันทำให้อานนท์ลำบากใจไม่น้อย
เนื้อตัวของหญิงสาวเบียดเสียดกับตัวเขาจนแทบไม่มีที่ว่าง
หล่อนก็ยังกล้าจะกอดเขาให้แน่นกว่าเดิมเข้าไปอีก
ไม่รู้หรือไรว่าเขาก็เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น
ควรแล้วหรือจะมากอดกับหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กในปกครองของเขา ต่อให้หล่อนอายุพ้นวัยผู้เยาว์มานานแล้วก็เถอะ
เขารู้สึกได้ถึงเรือนร่างอ้อนแอ้นในอ้อมกอด
ส่วนสัดของพลอยไพลินที่เขาเห็นที่สนามบินผ่านเสื้อที่ไม่ว่าหล่อนจะเดินไปทางไหนก็มีแต่ผู้ชายเหลียวมองขนาดนั้น
ก็ยังไม่เท่ากับที่เขาได้สัมผัสในเวลานี้ เนื้อตัวเบียดเสียด เนินอกนุ่มบดเคล้าอยู่กับตัวเขา
ช่วงเอวโค้งเว้า สะโพกผาย
และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือไม่ว่าเขาจะขยับแขนตอบรับการกอดของหล่อนไปทางไหน
เจ้าตัวก็ดูจะยินดีให้เขากอดได้ตามใจชอบเสียอีก
อานนท์อ้าปากจะดุที่หญิงสาวทำตัวไม่เหมาะสม
แต่พอเห็นหล่อนน้ำตานองหน้าเขาก็ดุไม่ออก อันที่จริงที่ดุหล่อนเรื่องการแต่งตัวไปที่สนามบิน
แล้วหลังจากนั้นพลอยไพลินก็จ๋อยลงถนัดตาทำให้เขาใจเสียอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
แล้วหล่อนเล่นกอดเขา ออดอ้อนเขาถึงเพียงนี้มีหรืออานนท์จะเอ่ยคำใดออกมาได้อีก
“สัญญานะคะคุณอา”
น้ำเสียงหญิงสาวกระเง้ากระงอด
รอให้เขารับคำ หล่อนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พอให้แพขนตาปรือขึ้นมองชายหนุ่ม
ทำเอาอานนท์รู้สึกเหมือนถูกน็อก ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ เท่านั้น
“ถ้าพลอยเชื่อฟังอา ไม่ดื้อกับอา
อาจะไล่พลอยไปได้ไหน”
เขาตอบออกมาในที่สุดแต่ดูเหมือนว่าคำตอบของเขาจะยิ่งทำให้หญิงสาวน้อยใจหนักกว่าเดิม
“พลอยบอกแล้วไงคะว่าพลอยไม่ใช่เด็กๆ
แล้ว จะไปดื้อกับคุณอาได้ยังไง” หล่อนว่าอย่างงอนๆ
แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากการโอบกอดเขาไว้เสียทั้งกาย “คุณอาดีกับพลอยมาตลอด
พลอยไม่มีวันทำให้คุณอาเสียใจหรอกค่ะ”
“แน่ใจนะ”
เขาถามเหมือนอยากจะล้อเล่นมากกว่าจะไม่เชื่อถือ
“ค่ะ” หล่อนรับคำทันที
“คุณอาจำคำของพลอยเอาไว้เลยนะคะ คุณอาเป็นทุกสิ่งในชีวิตพลอย
ไม่ว่าอะไรพลอยก็ให้คุณอาได้ทั้งนั้น”
สิ้นคำสัญญาอานนท์ก็หัวเราะหึๆ
อยู่ในลำคอก่อนจะบอกเสียงเป็นงานเป็นการ
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พลอยก็ควรจะปล่อยอาได้แล้ว
รู้ไหม ถ้ากอดนานกว่านี้ อาต้องตบะแตกปล้ำพลอยแน่ๆ เลย”
เขาพูดจบก็หัวเราะเสียเองให้เห็นว่าล้อเล่น
แต่หญิงสาวกลับค้อนประหลับประเหลือกใส่เขา
พลอยไพลินยอมปล่อยในที่สุด
หล่อนอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าอย่างน้อยอานนท์ก็กอดตอบอย่างเต็มใจ
เขาไม่ดุเลยสักคำ มิหนำซ้ำยังพูดจาเอาใจแถมให้อีก เท่านี้ก็มากเกินพอสำหรับการกลับบ้านวันแรก
กระเป๋าเดินทางยังตั้งอยู่ที่เดิม
หล่อนแน่ใจว่าห้องพักของตนเองก็ยังเป็นห้องเดิม
ไม่ต้องรอให้เขาพาไปหล่อนก็จำทางได้ แต่ยังยืนตาแป๋วอยู่ต่อหน้าเขาอดไม่ได้จริงๆ
ที่จะตอบเขากลับไป
“ต่อให้คุณอาปล้ำ พลอยก็ยินดีค่ะ
ก็บอกแล้วไงคะว่าไม่ว่าคุณอาจะต้องการอะไร พลอยก็ยินดีทั้งนั้น”
พูดจบหญิงสาวก็รีบหัวเราะกลบเกลื่อน
แต่ชักจะหัวเราะไม่ออกเมื่ออยู่ก็เห็นว่าคนตัวโตขยับเข้ามาใกล้...
ใกล้เหมือนเมื่อครู่
อานนท์ไม่พูดจาอะไรสักคำตอนที่เขาใช้สองมือจับหัวไล่หล่อนไว้แล้วแนบริมฝีปากตนลงกับกลีบปากบางที่เพิ่งท้าทายเขาไปเมื่อครู่อย่างถนัดถนี่
พลอยไพลินยืนตัวแข็งทื่อแม้แต่ตอนที่เขาผละออกห่าง
ดวงตาทั้งสองข้างมองเขากลมโต ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดรอดออกจากริมฝีปากแม้แต่ตอนที่เขาส่งยิ้มให้
อานนท์ไม่พูดจาอะไรอีกแต่เดินไปหิ้วกระเป๋าเดินทางใบโตขึ้นบันไดบ้านไปเงียบเชียบปล่อยให้พลอยไพลินยืนงงอยู่ตรงนั้น
มือเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง
รสจูบจากเขายังตราตรึงอยู่ตรงนี้ราวกับจะตอกย้ำว่าไม่ได้ฝันไป
“คุณอา...”
หล่อนเรียกเขาด้วยน้ำเสียงเหมือนละเมอ
ความคิดเห็น