ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คุณอา... ที่รัก

    ลำดับตอนที่ #2 : พบกันอีกครั้ง

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 58


    นางสาวพลอยไพลิน จตุรดา อาจจะเป็นเพียงสาวไทยในวัยยี่สิบสี่ปีทั่วไป มีดีกรีเพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากอังกฤษ ยังไม่เคยทำงานที่ไหนและเพิ่งเดินทางกลับถึงบ้านเป็นครั้งแรกในรอบเก้าปีเต็ม

    หล่อนตัวสูงเพรียว ขาเรียวสวย ไว้ผมยาวถึงกลางหลัง ด้านหน้าตัดหน้าม้าเรี่ยไปบนคิ้วโก่ง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววร่าเริงยินดี จมูกโด่งเข้ากับริมฝีปากคู่สวยซึ่งเวลานี้ถูกฉาบด้วยลิปสติกสีแดงสด

    ช่วงเดือนสิงหาคมมักมีฝนตกอยู่บ่อยครั้ง อากาศร้อนอบอ้าว หล่อนจึงเลือกสวมเสื้อผ้าที่เข้ากับสภาพอากาศ อย่างเสื้อยืดแขนกุดเอวลอยเล็กน้อย พออวดทรวงทรงงดงาม หน้าท้องแบนราบ กับกางเกงยีนเข้ารูปขายาว ทว่าอวดเรียวขาสวยจนใครเห็นก็ต้องหันมามองซ้ำสอง

    หญิงสาวโปรยยิ้มให้กับชายสองคนที่เสนอช่วยกระเป๋าเดินทางใบโตสองใบลงจากสายพาน เอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ และต้องรีบปฏิเสธเมื่อทั้งสองหนุ่มเสนอตัวจะช่วยเข็นกระเป๋าไปส่งให้ถึงที่

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มีคนมารับ”

    “แฟนเหรอครับ” หนึ่งในสองหนุ่มถามอย่างไม่มีเกรงใจ แล้วก็สีหน้าดีขึ้นทันตาเห็นเมื่อได้ยินคำตอบ

    “คุณอาค่ะ” หล่อนตอบพร้อมกับยิ้มให้เขาอีกครั้ง “ยังไงก็ขอบคุณนะคะ”

    พูดจบพลอยไพลินก็เข็นรถเข็นซึ่งวางกระเป๋าเดินทางสองใบใหญ่เดินหนีทันที หล่อนชินเสียแล้วกับการมีหนุ่มๆ เข้ามาขายขนมจีบอยู่บ่อยครั้ง

    หล่อนไม่อยากเป็นที่สนใจ ไม่ต้องการให้ใครเข้ามาวุ่นวาย เพราะไม่คิดจะสนใจผู้ชายหน้าไหนทั้งสิ้น แต่ของแบบนี้มันช่วยไม่ได้ เมื่อเขามาดี หล่อนก็คุยด้วยเล็กน้อย พอไม่ให้เสียมารยาทเท่านั้น

    แม้แต่เพื่อนสนิทที่สุดอย่างเจนใจยังลงความเห็นว่าหล่อนเย็นชาเกินไป ปิดตัวเองจนไม่ยอมให้โอกาสใครทั้งสิ้น

    “ก็ฉันมีคนที่ฉันรักอยู่แล้วนี่”

    พอได้ยินคำยืนยันเดิมตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจนใจก็หมดข้อกังขา ต่อให้มีชายหนุ่มแสนดีทั้งหล่อรวยขนาดไหนเข้ามาในชีวิต พลอยไพลินก็ไม่มีทางจะปันใจให้ใครได้อีกแล้ว เหลือแค่คำถามเดียว

    “ใคร”

    “ไม่บอกหรอก”

    พลอยไพลินตอบเช่นนี้ทุกครั้งไป ไม่ว่าจะคาดคั้นถามสักแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อนานวันเข้า เจนใจก็เริ่มต่อจิ๊กซอว์เข้าใจความหมายของเพื่อนไปได้เอง

    “คุณอาของเธอใช่ไหม ผู้ชายที่เธอรัก”

    “จะบ้าเหรอ”

    ถึงจะเถียงกลับไปอย่างนั้น แต่สุดท้ายเพื่อนรักก็จับได้อยู่ดี

    “ใช่ไหม ยอมรับมาซะดีๆ นะ ว่าเธอหลงรักเขา มิน่าล่ะ หลายปีมานี่ ฉันน่าจะรู้ตั้งนานแล้ว ไม่ว่าเธอจะไปไหนทำอะไรก็มีแต่คุณอาๆ ตลอดเลย”

    “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกเจน ฉันแค่...”

    “แค่อะไร”

    “แค่... ไม่รู้สิ”

    “ไม่ต้องมาเลี่ยงเลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะโทรศัพท์ไปบ้านเธอ อยากคุยกับคุณอาของเธอเหมือนกัน ดูสิเขาจะคิดยังไงกับเรื่องนี้”

    “ไม่ได้นะ” หล่อนรีบบอกอย่างร้อนรนจนมีพิรุธ วัดจากสีหน้าของเพื่อนแล้วก็รู้ว่าอีกฝ่ายเอาจริง

    “งั้นก็เล่ามาพลอย อย่าปิดบังฉัน ไหนบอกว่าเราจะไม่มีความลับต่อกันไง”

    “ก็... จะให้เล่าอะไร ฉันก็อายเป็นนะ”

    เท่านันล่ะ เป็นอันว่าความลับตลอดหลายปีที่ผ่านมาพังทลาย ไม่จำเป็นต้องเล่าอะไรให้มากมายไปกว่าเก่า เพื่อนสนิทที่รู้เห็นแทบทุกอย่างทั้งชีวิตส่วนตัวและที่มหาวิทยาลัยก็เป็นอันเข้าใจโดยตลอด

    หลายปีที่ผ่านมาชีวิตของพลอยไพลินมีแต่คุณอาเข้าร่วมด้วยทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตหรือเล็กน้อยแค่ไหน เพียงแค่เจ้าตัวไม่เคยโผล่หน้ามาเยี่ยมหลานสาวสุดที่รักถึงอังกฤษเลยสักครั้ง และไม่ยอมให้พลอยไพลินกลับเมืองไทยสักหนก็เท่านั้น

    “เธอแน่ใจนะ”

    “แน่ใจสิ”

    “แต่บางทีเธอเคยคิดไหมว่ามันอาจเป็นเพียงความชื่นชมก็ได้” เจนใจออกความเห็น “อย่าลืมนะว่าตั้งแต่คุณแม่ของเธอเสียชีวิตพร้อมกับพ่อเลี้ยงของเธอ ก็มีแต่คุณอาคนนี้นี่ล่ะที่ส่งเสียเลี้ยงดูเธอ เธออาจจะรู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าชีวิต เขาเป็นคนที่มีบุญคุณ ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นทุกอย่างในชีวิต”

    เจนใจพูดเป็นเรื่องเป็นราวให้สมกับที่สนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน อีกทั้งยังโตมากับตระกูลคุณหมอ ทั้งพ่อเป็นแพทย์ผ่าตัด แม่เป็นนางพยาบาล แล้วไหนจะพี่ชายที่ทำงานเกี่ยวกับจิตเวทอีกต่างหาก

    “ฉันก็เคยคิดแบบนั้น แต่สุดท้ายฉันก็ไม่คิดจะสนใจใครอยู่ดีนะเจน ในใจฉันมีแต่คุณอาคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะมองว่าฉันเป็นแค่เด็กยังไง ฉันก็ยังรู้สึกกับเขาเหมือนเดิม”

    “แล้วเธอเคยบอกหรือแสดงออกอะไรให้เขารู้บ้างไหม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา”

    “ฉันไม่กล้าบอกเขาหรอกเจน เธอจะบ้ารึไง เขาแก่กว่าฉันตั้งสิบปี แถมยังทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียวเพื่อส่งฉันเรียนขนาดนี้ ฉันไม่กล้าเอาเรื่องไร้สาระแบบนี้ไปรบกวนเขาหรอก จะให้แสดงออกให้เขารู้น่ะหรือ... ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เธอก็เห็นอยู่ว่าฉันเรียนโรงเรียนประจำจนจบมัธยมแทบไม่ได้เจอหน้าเขาเลย พอมาอังกฤษเขาก็ไม่เคยมาเยี่ยม ฉันก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอกลับไปเยี่ยมเมืองไทยด้วยซ้ำ มันต้องใช้เงินไม่น้อย แล้วฉันก็ไม่อยากทำตัวเป็นภาระให้มากไปกว่านี้”

    “ถ้าอย่างนั้นเธอจะเอายังไงพลอย จะแอบรักเขาไปแบบนี้ตลอดน่ะเหรอ”

    “ฉันไม่รู้หรอกเจน สิ่งเดียวที่ฉันทำได้ก็คือตั้งใจเรียน รีบเรียนจบกลับไปหางานทำ จะได้ไม่เป็นภาระให้คุณอามากไปกว่านี้ ส่วนอะไรอื่นนอกจากนั้นฉันยังคิดไม่ออกจริงๆ อีกอย่างคุณอาก็มีคนรักแล้วด้วย เธอจะให้ฉันทำยังไงได้อีก”

    “นี่หมายความว่าเธอไม่คิดจะทำอะไรเลยอย่างนั้นหรือพลอย ทั้งที่เธอภักดีกับขามากมายถึงเพียงนี้ ใจคอเธอจะแอบรักเขาไปจนวันตายอย่างนั้นเหรอ”

    พลอยไพลินไม่อาจตอบคำถามของเพื่อนได้เลยแม้สักคำ หล่อนเคยคิดเรื่องนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ทุกครั้งที่ได้รับจดหมายของเขา หรือแม้แต่ตอนที่เขาโทรศัพท์มาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ทว่าสุดท้ายหล่อนก็ไม่มีคำตอบใดๆ ให้ตัวเองเลยสักครั้ง

    “บางที ความรักก็คือการที่เราได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข ฉันควรจะวางใจให้เป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือ” หล่อนพูดกับเพื่อนในวันหนึ่งหลังจากที่ได้ข่าวจากเมืองไทยว่าคุณอามีคนรักอย่างแน่นอนแล้วเมื่อปลายปีก่อน “คุณอาดีกับฉันมานานแล้ว หากเขามีความสุข ฉันก็ควรจะยินดีกับเขา”

    “แล้วเธอไม่เจ็บหรือพลอย ยิ่งกลับไปอยู่เมืองไทย อยู่บ้านเดียวกับเขา แต่ต้องทนเห็นเขากับหญิงสาวคนรัก เธอจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยเชียวหรือ ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าเธอแข็งแกร่งขนาดนั้น”

    พลอยไพลินยิ้มเศร้าให้กับเพื่อน รู้ดีว่ามีความเจ็บปวดมหาศาลรออยู่เบื้องหน้า แต่หล่อนก็ยังโหยหาที่จะกลับบ้านมากเกินกว่าจะหันหลังให้ความเจ็บปวดนั้น

    “เธอน่าจะอยู่อังกฤษต่อนะพลอย คุณอาเองก็อยากให้เธอเรียนต่อไม่ใช่เหรอ”

    “เขาอยากให้ฉันเรียนสูงๆ อยากให้ฉันเป็นดอกเตอร์ แต่ไม่ล่ะเจน ฉันจะไม่เชื่อฟังเขาอีกแล้ว ฉันจะกลับบ้าน ไม่ยอมไปอยู่ที่อื่นนอกจากบ้านนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”

    “ทั้งที่เธอต้องเจ็บปวดน่ะเหรอพลอย”

    “ใช่... บางทีฉันอาจจะไม่เจ็บอย่างที่คิดก็ได้นะ ในเมื่อฉันยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าความรู้สึกภักดีที่ฉันมีให้เขา มันใช่ความรักรึเปล่า ฉันรู้แค่ว่า มีเพียงคุณอาคนเดียวเท่านั้นที่ฉันไว้ใจและเชื่อมั่นในตัวเขา เขาดูแลฉันมานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับบ้านไปดูแลเขาเสียที ไม่ว่าเขาจะมีคนรักแล้วหรือว่าอะไร ฉันก็จะไม่เปลี่ยนใจไปจากเขา”

    คำยืนยันของพลอยไพลินทำเอาเพื่อนพูดไม่ออก ทั้งที่เป็นห่วงไม่น้อย แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น อีกฝ่ายดูจะมุ่งมั่นเหลือเกินกับความคิดนี้

    “ไม่ดีหรือเจน กลับบ้านคราวนี้ ฉันจะได้แน่ใจเสียทีว่าฉันรักคุณอาจริงรึเปล่า หรือความรู้สึกที่มีมันก็แค่ความชื่นชมและสำนึกในบุญคุณของเขาเท่านั้น”

    เจนใจไม่ได้คัดค้านอะไรอีก แต่พอเพื่อนเก็บของจะกลับเมืองไทยเข้าจริง ที่ปรึกษาส่วนตัวก็มีความคิดใหม่มานำเสนอจนได้

    “เธอวางแผนอะไรไว้บ้างไหม”

    “เธอหมายถึงอะไรเจน”

    “ก็เธอคิดจะยังไงให้คุณอาของเธอได้รู้ว่าเธอรักเขา หรือว่าอย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้ใจตัวเอง”

    “ไม่มี” หล่อนตอบอย่างสารภาพตามตรง “ฉันก็แค่อยู่ไปตามประสา สักวันคงรู้เองนั่นล่ะ”

    “โธ่ พลอย ฉันละสงสารเธอจริงๆ” เจนใจร้องอย่างผิดหวัง “แล้วฉันก็คิดอยู่แล้วว่าเธอคงจะเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้น ฉันว่าเธอน่าจะใช้วิธีของฉัน”

    “วิธีอะไร”

    “เธอเคยได้ยินไหมว่ารักแท้แพ้ใกล้ชิด”

    “แล้วยังไง”

    “ก็ง่ายๆ เลย เธอแค่พยายามใกล้ชิดเขาให้มากๆ”

    “นั่นไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับการพิสูจน์ว่าฉันคิดยังไงกับคุณอา หรือว่าคุณอาคิดยังไงกับฉันเลยนะเจน”

    “มันดูง่ายไงพลอย เธอนี่ไร้เดียงสาสมกับเรียนโรงเรียนคริสต์เคร่งๆ จริงๆ เลยนะ” เจนใจบ่นอุบก่อนจะพูดต่อ “ฉันพูดตรงๆ เลยแล้วกันนะ วิธีที่ง่ายที่สุดที่เธอทำได้ก็คือ เธอต้องยั่วเขา”

    พอได้ยินเสียงเพื่อนเฉลย พลอยไพลินก็ถึงกับต้องอ้าปากค้าง มองมาด้วยสายตาประหลาดราวกับว่าเพื่อนของหล่อนเพี้ยนไปแล้ว

    “ฉันทำเป็นซะที่ไหน”

    “ฉันรู้ว่าเธอไม่เป็น” เจนใจว่ายิ้มๆ “แต่มันง่ายมาก ก็แค่เลิกแต่งตัวมิดชิดน่าเบื่อนี่ซะ หาอะไรที่มันหวือหวา วับๆ แวมๆ มาใส่แทน แล้วคอยสังเกตว่าเขาชอบไหม แอบมองมารึเปล่า ถ้าเขาไม่คิดอะไรกับเธอ ฉันว่าเขาต้องไม่มีหวั่นไหวไปกับขาขาวๆ อกอึ๋มๆ ของเธอหรอกเชื่อสิ”

    “แล้วถ้าเขามองล่ะ”

    “ก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเขาอาจจะคิดอะไรไปบ้าง หรือไม่ก็มองตามประสาผู้ชาย เพราะฉะนั้นแค่แต่งตัวโป๊ๆ ยังไม่พอ เธอต้องรู้จักออดอ้อนเอาใจเขาด้วย”

    “โห ก็บอกแล้วไงว่าฉันทำไม่เป็นหรอก”

    “รึว่าเธออยากเสียให้เขาผู้หญิงคนนั้นล่ะ”

    คำถามดักคอของเพื่อนทำให้หล่อนตอบกลับมาทันใด

    “ไม่”

    “งั้นเธอก็ต้องลองทำดู ไม่เสียหาย”

    “แล้วถ้าคุณอาไม่ชอบล่ะ”

    “ก็แปลว่าเธอไม่มีหวังน่ะสิ”

    “มันดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรอ”

    “ผู้ชาย ร้อยทั้งร้อยก็ดูไม่ยากหรอก ชอบไม่ชอบน่ะ เชื่อฉันสิ ผู้ชายที่ไหนจะเย็นชาไม่เคยสนใจผู้หญิงอย่างเธอได้ไหว อาจจะไม่ชินในตอนแรก แต่มันก็เหมือนกับทุกสิ่งในโลกนี้นั่นล่ะ คนเราต้องมีครั้งแรกเสมอ ไม่มีใครทำเป็นทุกอย่างมาตั้งแต่เกิดหรอกจริงไหม”

    พลอยไพลินไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนแนะนำมา แต่พอหลายวันหลังจากนั้นหล่อนก็เริ่มรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะเสีย ไหนๆ ก็จะกลับเมืองไทยแล้ว และอยากรู้ใจแทบขาดว่าเขาคิดอย่างไรกับหล่อน แค่ลองดูคงไม่เสียหายเท่าไหร่

    ปกติหญิงสาวเป็นคนขี้หนาว อากาศเย็นนิดหน่อยก็ใส่เสื้อผ้าเสียหนาเตอะแล้ว ยิ่งมาอยู่อังกฤษเช่นนี้ หากไม่ใช่ฤดูร้อน หล่อนก็มักจะสวมเสื้อผ้าปิดมิดชิดตั้งแต่คอยันปลายเท้าเลยก็ว่าได้

    แต่ในที่สุดหล่อนก็เลือกเสื้อแขนกุดเอวลอยกับกางเกงยีนรัดรูปตามที่เพื่อนแนะนำจนได้

    “โชคดีนะพลอย แล้วฉันจะรีบตามกลับไปฟังข่าวที่เมืองไทย”

    เจนใจมาส่งที่สนามบินพร้อมกับคำอวยพร ตัวเองยังอยู่ติดต่อเรื่องเรียนอีกเล็กน้อย ยังไม่ได้กำหนดวันบินกลับเมืองไทย ไม่เหมือนพลอยไพลินที่เรียนจบปุ๊บก็กลับบ้านปั๊บ

    แค่บินสิบกว่าชั่วโมงจนถึงเมืองไทย ก็ยังมีหนุ่มๆ ตามขายขนมจีบเพิ่มมาอีกสองคน แต่พลอยไพลินไม่สนใจ ใครอีกคนที่มารอรับหล่อนต่างหากที่สำคัญที่สุดในเวลานี้

    สามปีในโรงเรียนประจำชั้นมัธยมปลาย กับหกปีที่มหาวิทยาลัยในอังกฤษ หล่อนแทบไม่ได้กลับบ้านเลย นี่เป็นครั้งแรกที่พูดได้เต็มปากว่าจะไม่ไปไหนอีกแล้ว

     

    เมื่อเข็นกระเป๋าเดินออกมาจากบริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้าแล้ว หญิงสาวเห็นผู้คนมากมายมารอรับผู้โดยสาร แต่พอกวาดสายตาไปแล้วไม่เห็นใครที่คุ้นหน้าคนนั้น หล่อนถึงกับใจหายวาบ

    หรือว่าเขาลืม...

    หล่อนนึกน้อยใจขึ้นมาได้ในชั่วพริบตา แต่พอได้ยินเสียงใครบางคนเรียกขึ้นเท่านั้นล่ะ ริมฝีปากสีแดงสดก็แย้มยิ้มออกมาอย่างปรีดาเหลือเกิน

    “น้องพลอย”

    เจ้าของชื่อหันไปก็พบทันที ใครคนนั้นยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่มีผู้ชายสองคนยืนบังอยู่ด้านหน้า หล่อนถึงได้ไม่เห็นตั้งแต่แรก หล่อนเดินอ้อมคนกลุ่มนั้นไปอีกทางก่อนจะได้เห็นเต็มตาว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง

    ที่ผ่านมาคุณอามักจะสั่งให้ส่งรูปถ่ายหรืออะไรก็ตามที่อยากให้เขาดูมากับจดหมายอยู่เสมอ แต่ตัวเขาเองกลับไม่เคยมีรูปอะไรมาให้เลย หากมีก็เป็นรูปที่เป็นวิวเสียเป็นส่วนใหญ่ มีตัวเขายืนอยู่เป็นตัวเล็กๆ ในภาพ ไม่ใช่ผู้ชายตัวโตที่ยืนอยู่ตรงหน้า ให้เห็นชัดเจนมาขนาดนี้

    เขาตัวสูงใหญ่ ช่วงอกกว้างกำยำ ยิ่งหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเขาก็ยิ่งทำให้นึกถึงวันเก่าๆ ที่เคยตื่นเต้นหนักหนาเวลาเขาส่งรูปมาให้ดูสักใบ แต่นี่เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว

    “คุณอา” หล่อนร้องด้วยความดีใจ แต่พอได้ยินคำต่อมาที่เขาพูดด้วยเท่านั้นล่ะ พลอยไพลินก็ถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน

    “ทำไมแต่งตัวแบบนี้ ไม่น่ารักเลย”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×