ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทาสรักดวงใจปรารถนา

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอน 2

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 57


    ตอนที่ 2.

    จุดหมายปลายทางอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตไปไม่น้อย แต่ด้วยความที่ถนนหนทางค่อนข้างสะดวกจึงใช้เวลาไม่นานนักณารินก็มาถึงที่หมายในที่สุด

    บ้านพักริมทะเลของศศิน!

    หล่อนสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ราวกับอยากจะเรียกหากำลังใจในยามยาก หลังจากไตร่ตรองเป็นล้านรอบแล้วก็พบว่าไม่มีวิธีใดจะเหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว

    กระเป๋าหนังใบเดิมยังเต็มไปด้วยข้าวของมีค่าอัดแน่นอยู่ภายใน น่าเสียดายนักที่เจ้าของไม่เคยเห็นคุณค่าของมันเลย หากแต่ตีเป็น ราคาเท่านั้น

    และถึงราคาค่างวดจะสูงเพียงใด ดารารัตน์กลับมองอย่างเหยียดหยาม ไม่ได้ยินดีปรีดาเหมือนคราแรกที่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของ หากไม่ค่อนขอดเกินไปนักก็อดคิดไม่ได้ว่าน้องสาวเธอทำตัวเหมือนเด็กคือดีใจแค่ตอนแรก ตอนอยากได้เท่านั้น พอได้เป็นเจ้าของตัวจริงเสียงจริงกลับทิ้งขว้างไม่แยแส

    เอาเถิด ณารินย้ำกับตัวเองอีกครั้ง... หล่อนทำถูกแล้วที่เป็นธุระจัดการเรื่องนี้ให้ ในเมื่อณารินไม่สนใจจนแทบจะเอาของหมั้นไปขายทิ้ง เอาเงินสดไปใช้จ่ายส่วนตัวเสียให้ได้ออกขนาดนี้แล้วก็ถือว่าน่าจะเป็นการดีเสียมากกว่าที่จะจัดการคืนของหมั้นให้เจ้าของเดิมอย่างถูกต้องไปเสีย

    บ้านพักของศศินตั้งอยู่ติดชายหาด มีพื้นที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ไม่แปลกใจเลยที่ครั้งหนึ่งดารารัตน์เคยพูดถึงอย่างชื่นชมในรสนิยมและฐานะของคู่หมั้นอย่างเขาไว้เสียดิบดี น่าเสียดายที่วันคืนเหล่านั้นไม่มีวันหวนคืนอีกแล้ว

    หล่อนจ้างรถจากสนามบินมาส่ง ยังไม่แน่ใจว่าจะให้รอรับกลับเลยดีหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาพูดคุย ธุระกันนานแค่ไหนสุดท้ายเกรงจะน่าเกลียดจึงให้รถรับจ้างกลับไปก่อน แต่ขอหมายเลขโทรศัพท์เผื่อจะเรียกให้มารับกลับไปส่งสนามบินอีกครั้ง ตั๋วเครื่องบินก็เช่นกันจัดแจงจองแบบขาเดียว เอาไว้เสร็จธุระค่อยซื้อขากลับก็ยังไม่สายถึงราคาจะต่างกันมากก็ตาม

    การเอาของหมั้นมาคืนเขาโดยพี่สาวของคู่หมั้น คงจะพอรับได้อยู่บ้าง หากเขาจะทำใจยอมรับความเป็นจริง ไม่ต้องให้เดือดร้อนถึงพ่อซึ่งทำกำลังติดงานอยู่ที่สิงคโปร์หรอก ณารินเชื่อเช่นนั้นว่าผู้ชายอย่างศศินไม่น่าจะ พูดยากแต่หล่อนก็ยังเก็บเสื้อผ้ามาเผื่อว่าจะต้องค้างคืนสักสองสามวัน อีกอย่างมาถึงภูเก็ตแล้วจะให้รีบไปรีบกลับก็ดูจะเสียเที่ยวไปสักหน่อย

    ฉันมาพบคุณศศินหล่อนบอกแม่บ้านซึ่งออกมาต้อนรับ พูดเพียงเท่านี้อีกฝ่ายก็ยิ้มกว้างรับทันที

    คู่หมั้นคุณศศินใช่ไหมคะ ป้ารอตั้งนาน คิดว่าจะไม่มาซะแล้วแม่บ้านวัยราวครึ่งร้อยบอกด้วยน้ำเสียงยินดีปริดา ก่อนจะคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าจากมือณารินมาถือไว้เสียเอง

    เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นหญิงสาวก็มาหยุดยืนรออยู่ที่กลางห้องรับแขกกว้างขวาง ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนโทนสีอบอุ่น ผ้าม่ายสีน้ำตาลขลิบทองเปิดกว้างรับแสง มองปราดเดียวก็นึกประทับใจขึ้นมา และอดเสียดายแทนดารารัตน์ขึ้นมา

    น้องสาวหล่อนคงไม่รู้หรอกว่ากำลังลาดอะไรไป ในเมื่อผู้ชายอย่างศศินถือเป็นผู้ชายที่ดีพร้อมทุกอย่างจริงๆ หากเพียงแต่เมื่อสองเดือนก่อนจะไม่เกิดอุบัติเหตุกับเขา และดารารัตน์ก็ได้เลือกแล้ว...

    เลือกที่จะทิ้งเขา...

    รอสักครู่นะคะคุณ เดี๋ยวป้าขอไปเรียนคุณศศินก่อน ถ้าได้รู้ว่าคู่หมั้นมาคุณศศินคงดีใจ คุณศศินบ่นถึงคุณบ่อยเหลือเกิน

    ณารินอ้าปากจะค้าน แต่ไม่ทันเสียแล้ว แม่บ้านเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว สีหน้ายังเปื้อนรอยยิ้ม โดยหารู้ไม่ว่าเข้าใจผิดไปเสียเอง

    นี่ถ้าดารารัตน์มาเองคงจะดีไม่น้อย ไม่ใช่ให้พี่สาวอย่างหล่อนต้องทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเช่นนี้

    กระเป๋าเดินทางใบเล็กของหญิงสาวยังวางอยู่ที่พื้นข้างเก้าอี้รับแขก ณารินวางกระเป๋าหนังซึ่งเต็มไปด้วยข้าวของมีค่านั้นลงกลางโต๊ะรับแขก ในใจพยายามทบทวนว่าจะพูดอะไรกับศศินบ้าง และจะพูดอย่างไรเพื่อเป็นการถนอมน้ำใจเขาให้มากที่สุด ทว่ายังไม่ทันไร หล่อนก็ได้ยินเสียงเหมือนจานชามหล่นแตกดังมาจากชั้นบนของตัวบ้าน ก่อนจะตามด้วยเสียงของแม่บ้านคนเมื่อครู่

    หญิงสาววิ่งไปดุว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะความตกใจ พอเห็นแม่บ้านเดินลงบันไดมาหน้าเสียก็ต้องเอ่ยปากถาม

    เกิดอะไรขึ้นเหรอคะป้า คุณศศินเป็นอะไรรึเปล่า

    คุณขึ้นไปดูเองเถอะค่ะเสียงแม่บ้านตอบอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะเดินหนีไปเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังสีมีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดีอยู่หยกๆ

    ณารินขมวดคิ้วมองตามหลังแม่บ้านไปด้วยความสงสัย ทว่าหล่อนมาที่นี่เพื่อพบหน้าเขาไม่ใช่หรือ ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินขึ้นบันไดบ้านไปโดยไม่คิดว่าจะเป็นการเสียมารยาท ในเมื่อเจ้าของบ้านสูญเสียการมองเห็น มันก็คงจะดีกว่าไม่ใช่หรือที่จะให้คนตาดีอย่างหล่อนเป็นฝ่ายเดินขึ้นไปหาถึงที่เสียเอง

    ประตูห้องเปิดอ้าอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเวลามองหาว่าเป็นห้องไหนณารินก็เดินเข้าไปในห้องซึ่งค่อนข้างมืดเพราะผ้าม่านปิดสนิทเสียจนไม่เหลือแสงอาทิตย์ลอดผ่าน แต่ถึงกระนั้นก็ยังพอมองเห็นเศษแก้วแตกที่เกลื่อนกลาดอยู่ใกล้ทางเข้าออกได้ไม่ยาก จากแสงอาทิตย์ภายนอกที่ลอดเข้ามาทางประตู

    เกิดอะไรขึ้นคะคุณศศินหล่อนส่งเสียงถามไปก่อน เพราะเห็นเขายืนอยู่ไม่ไกลนัก สีหน้าบึ้งตึงราวกับโกรธใครมาเสียหนักหนา

    พอได้ยินเสียงหญิงสาว เจ้าของบ้านก็หันมาทางต้นเสียงก่อนจะก้าวตรงมาหาเธอช้าๆ ทว่าณารินกลับร้องห้าม

    อย่าเดินมาทางนี้ค่ะเดี๋ยวจะเหยียบเศษแก้ว

    หล่อนรีบร้องบอกเขาเพราะเกรงว่าจะได้รับบาดเจ็บจากเศษแก้วที่กองเกลื่อนพื้น พอพูดจบก็เลยเป็นฝ่ายเดินเข้าหาเขาเสียเองมันคงไม่ดีแน่ถ้าหากจะได้แผลเพราะพยายามจะเดินมาหล่อน

    ศศินยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำจนหญิงสาวรู้สึกได้ถึงความตึงเครียด แต่ก็ยังต้องทำใจดีสู้เสือถามออกไป

    ทำไมถึงอยู่มืดๆ อย่างนี้ล่ะค่ะคุณศศิน ไปนั่งตรงโน้นก่อนดีไหม ไว้ให้แม่บ้านมากวาดเศษแก้วก่อนนะคะ ปล่อยไว้อย่างนี้อันตราย

    หล่อนว่าพลางตรงเข้าไปแตะมือเขาอย่างนุ่มนวลเพื่อนำทางให้เขาเดินไปนั่งยังปลายเตียงกว้าง ใจหนึ่งเตือนถึงความไม่เหมาะสมที่หล่อนเข้ามาอยู่ในห้องนอนกับเขาตามลำพังสองต่อสอง ทว่าอีกใจก็รู้ดีว่าหล่อนมาที่นี่เพื่อเจรจากับเขาให้เรียบร้อยและหล่อนควรจะเป็นฝ่ายต้องเอาใจเขา หาไม่แล้วเขาอาจจะพาลโกรธเรื่องการถอนหมั้นของดารารัตน์เป็นได้

    ศศินค่อยๆ นั่งลงที่ปลายเตียง เขายังไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ไม่ทักทาย ดั่งไม่สนใจว่าเจ้าของเสียงที่เขาไม่คุ้นเคยนี้เป็นใคร แต่พอหล่อนจะปล่อยมือจากมือเขาเท่านั้น ชายหนุ่มกลับเป็นฝ่ายดึงมือหล่อนไว้เอง

    คุณศศิน!ณารินร้องด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าจะถูกเขาจับมือไว้เสียแน่นหนา

    คิดนานไหมกว่าจะตัดสินใจมาหาฉันเขาถามเสียงแข็งกระด้างและไม่รอคำตอบ มือแข็งแรงของเขาออกแรงดึงก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างตวัดเข้าสวมกอดร่างหญิงสาวเอาไว้ตลอดทั้งกาย

    เพียงพริบตาเดียวณารินก็มานั่งอยู่บนตักในอ้อมกอดของเขา มิหนำซ้ำคนกอดก็ยังไม่สาแก่ใจ เขาก้มหน้าลงมาหาเสียจนแทบชิน จมลายใจอุ่นๆ ของเขาปะทะเข้าที่ข้างแก้มจนหญิงสาวเริ่มใจเต้นแรงด้วยความเขินอายและตกใจไปพร้อมๆ กัน

    ปล่อยค่ะคุณศศินหล่อนว่าพลางใช้สองมือพยายามดันหัวไหล่หน้าของเขาให้ออกห่าง ทว่าไม่เป็นผลใดๆ เลย เขาตัวใหญ่และแข็งแรงกว่ามาก ถึงเขาจะขึ้นชื่อว่าเป็นคนพิการทางสายตา แต่หญิงสาวก็บอกได้ทันทีว่าร่างกายส่วนอื่นๆ ของเขานั้นยังสมบูรณ์เต็มร้อย...

    ว่าไงเขาพูดเสียงแข็ง ฉันถามทำไมไม่ตอบล่ะ

    อะไรกันคะหล่อนพูดอย่างงๆ และพยายามจะบิดตัวหนีออกจากอ้อมกอดของเขาให้จงได้ แม้จะไม่เป็นผลเลยก็ตาม

    บ้าจริง ใครกันจะไปคิดว่าจะถูกเขากอดแนบแน่นถึงเพียงนี้...

    ฉันถามว่าเธอใช้เวลาคิดนานไหมกว่าจะตัดสินใจมาหาฉันได้ ทั้งที่ฉันร้องขอไปนับครั้งไม่ถ้วนเธอก็ยังใจร้ายไม่ยอมมาดูแลฉันเลยดารารัตน์

    หญิงสาวได้ยินชื่อที่ออกจากปากของเขาแล้วก็ถึงใจหายวาบ นี่เขาคิดว่าเธอคือดารารัตน์ซึ่งเป็นคู่หมั้นสินะ เขาถึงได้สวมกอดเธอโดยไม่เห็นว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควร และณารินก็ไม่แปลกใจเลยสักนิดหากเขาจะโกรธดารารัตน์มากมายถึงเพียงนี้

    เดี๋ยวค่ะคุณศศิน คุณเข้าใจผิดไปใหญ่แล้วฉันไม่ใช่...

    เสียงของหล่อนขาดหายไปเพราะในจังหวะนั้นศศินก็กดริมฝีปากของเขาลงมาประทับจูบหล่อนเสียจนไม่สามารถจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้อีกเลยแม้สักคำ

    หญิงสาวตกใจเหลือเกินที่ถูกเขาจูบอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ตั้งแต่เกิดมาเคยมีใครได้ใกล้ชิดหล่อนเสียที่ไหน แล้วนี่ไม่ใช่หยุดแค่ความใกล้ชิดสวมกอด แต่จูบ... จูบอย่างที่ไม่เคยมีใครเคยสัมผัสมาก่อน

    ศศินไม่สนใจว่าหล่อนจะส่งเสียงประท้วงอยู่ในลำคอ เขายังคงใช้ริมฝีปากทรมานเธอด้วยจุมพิตหนักๆ ที่บดเบียดเข้าหา และต่อให้ณารินจะอ่อนต่อโลกสักแค่ไหน หล่อนกลับรับรู้ได้ทันที... นี่คือจูบแห่งการลงทัณฑ์

    มือข้างหนึ่งของศศินดันเข้าที่ท้ายทอยค่อนไปทางหลังศีรษะของหญิงสาว เพื่อบังคับไม่ให้หล่อนหนีไปไหนได้ เพียงเเค่เขาออกแรงกดอีกไม่เท่าไหร่ หล่อนก็ต้องยอมรับรสจูบกระด้างของเขาอย่างไม่มีเลือกอื่น

    ริมฝีปากที่บดเบียดเข้าหาเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธระคนโหยหา ทว่าเพียงไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เริ่มสอดลิ้นอุ่นเข้ามาในริมฝีปากของหญิงสาวทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะให้หล่อนได้รับรู้ถึงความทรมานในการรอคอยของเขา

    ณารินพยายามจะหันหน้าหนี ใช้สองมือดันให้เขาหยุดการกระทำนี้เสีย แต่ไม่เป็นผล สุดท้ายหล่อนกลับเผลอไผลต้องยินยอมรับจูบของเขาโดยไม่รู้ตัว ยิ่งเมื่อเขาเริ่มใช้ลิ้นอุ่นชำแรกเข้าควานหาความหอมหวาน หล่อนก็เริ่มเผลอตัวตอบสนองเขา

    สองมือของศศินเริ่มสัมผัสแตะต้องเรือนร่างหญิงสาวไปเสียทั่วกาย โดยไม่สนใจแล้วว่าเจ้าตัวจะดิ้นรนคันค้านอย่างไร ตอนแรกมันเป็นแค่การกอดไม่ให้หล่อนทันหนีไปไหนเท่านั้น แต่พอเจ้าตัวเริ่มตอบสนองกับรสจุมพิตของเขา หญิงสาวในอ้อมกอดกลับหมดเรี่ยวแรงไม่แม้แต่จะผลักเขาเหมือนตอนแรก แม้กระทั่งเวลาที่เขาเริ่มปะป่ายมือขึ้นไปแตะต้องกับเนินอกนุ่มอย่างชะล่าใจ

    อื้อหล่อนร้องหมายจะปฏิเสธการรุกรานของเขา

    ชายหนุ่มไม่เปิดโอกาสให้หล่อนได้มีโอกาสพูดอะไรออกมาอีก เขาจูบหล่อนซ้ำแล้วซ้ำอีก จูบอย่างที่โหยหาและเรียกร้องเสียจนหญิงสาวตั้งตัวไม่ติดเป็นจังหวะเดียวกันกับที่มือของเขาเริ่มเคล้าคลึงอยู่กับหน้าอกนุ่มของหญิงสาวอย่างเมามันโดยที่เจ้าตัวทำได้เพียงแค่ส่งเสียงประท้วงอยู่ในลำคอเท่านั้น

    มือของเขาบีบคลึงหน้าอกของหล่อนด้วยความชะล่าใจ ก่อนที่ศศินจะหัวเราะหึๆ อยู่ในลำคอ ถึงจะเป็นการสัมผัสโดยมีเสื้อผ้าขวางกั้นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหญิงสาวยอมให้เขาลูบคลำได้ตามใจชอบ

    พอแล้วค่ะคุณศศิน

    หล่อนรีบร้องบอกทันทีที่เขาผละริมฝีปากออกห่างเพียงชั่วครู่ ท่ามกลางความมืดของห้องนอนนั้น หญิงสาวยังพอเห็นสีหน้าของศศินที่กำลังกระหยิ่มยิ้มย่อง หล่อนบอกทันทีว่าเขาอารมณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว แต่นั่นไม่ใช่เรื่องดีสำหรับหล่อนเลยแม้แต่น้อย

    สองเดือนเต็มที่เธอไม่เคยมาเหลียวแลฉัน เธอจะชดเชยให้ฉันเพียงเท่านี้น่ะหรือดาราศศินถามด้วยน้ำเสียงเหมือนจะเยาะ เช่นเดียวกับสีหน้าของเขา และพอพูดจบเขาก็ใช้สองมือกอดร่างนุ่มนิ่มเข้าหาตัวเองอีกครั้ง คราวนี้จงให้หน้าอกทั้งสองข้างของเธอบดเบียดเข้ากับอกกว้างของเขา

    เขาใช้ท่อนแขนดันด้านหลังของหญิงสาวเพื่อให้หล่อนเบียดหน้าอกนุ่มเข้าหากายเขาอย่างที่อยากจะกลั่นแกล้ง น่าแปลกนักที่คู่หมั้นสาวกลับตอบกลับมาเสียงสั่น

    ปล่อยฉันเถอะค่ะคุณศศิน คุณกำลังเข้าใจผิด ฉันไม่ใช่...

    ไม่ใช่อะไรเขาตวาดเสียงดัง เธอจะบอกฉันว่าเธอไม่ใช่คู่หมั้นของฉันอีกต่อไปใช่ไหม

    น้ำเสียงฉุนเฉียวของชายหนุ่มทำให้ณารินเริ่มกังวล เพราะเขาคงจะคิดไปไกลแล้วว่าคู่หมั้นตัวจริงอย่างดารารัตน์คิดจะทิ้งเขา และยืนยันว่าไม่ใช่คู่หมั้นของเขาอีกต่อไป หาใช่ความหมายที่หล่อนไม่ใช่ดารารัตน์ตัวจริงไม่

    ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะคุณศศิน คุณปล่อยฉันก่อน แล้วเราค่อยพูดจากันดีๆ ได้ไหมคะหล่อนบอกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ จะไม่ให้สั่นได้อย่างไรกันเล่าในเมื่อมือไม้ของเขาอยู่เฉยเสียที่ไหน และยิ่งหล่อนพยายามจะกระเถิบกายหนี เขาก็ยิ่งมีแต่กอดรัดให้แน่นเข้าเสียอีก

    ศศินร้ายกาจกว่าที่คิด...

    ฮึ พูดจากันดีๆเขาทวนคำด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ดูเหมือนว่าเธอจะมาช้าเกินไปหน่อยนะดารา ถ้าอยากให้ฉันพูดจาดีด้วย เธอก็มาช้าไปแค่สองสามเดือนเท่านั้น หนึ่งเดือนที่ฉันอยู่ในโรงพยาบาล กับอีกสองเดือนเต็มที่เธอทิ้งให้ฉันอย่างไม่ใยดี

    ท้ายคำน้ำเสียงของศศินเจือปนไปด้วยความรู้สึกหมองเศร้าจนณารินรู้สึกได้ทันที ต่อให้มองเห็นใบหน้าเขาไม่ชัด หล่อนก็แน่ใจเหลือเกินว่าผู้ชายคนนี้น่าสงสารเหลือเกิน

    ดารารัตน์ทิ้งเขาอย่างไม่เหลือเยื่อใยถึงสองเดือนเต็ม ในเมื่อเขาคิดว่าหล่อนคือดารารัตน์มันก็ควรอยู่หรอกที่เขาจะโกรธและชิงชัง

    ฟังฉันก่อนนะคะคุณศศิน ความจริงแล้วฉันไม่ใช่ดารารัตน์คู่หมั้นของคุณ อุ๊ย...

    หล่อนพูดจบศศินก็จัดการปิดริมฝีปากคู่สวยไว้ด้วยริมฝีปากของเขาทันที คราวนี้จูบของเขาช่างเรียกร้องเอาแต่ใจ ดั่งอยากจะลงโทษผู้หญิงที่กล้าประกาศตัวว่าไม่ใช่คู่หมั้นของเขานัก

    ณารินสะท้านไปกับรสจูบเอาแต่ใจของเขา สองมือของเธอพยายามจะผลักไสเขาแม้ว่ามันจะไร้ประโยชน์ ทว่าในที่สุดชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

    พอทีดารา ฉันเบื่อจะรอแล้ว

    เขาตัดบทก่อนจะก้มลงแตะริมฝีปากลงกลางแก้มนวลของหญิงสาว อันที่จริงเขาไม่รู้หรอกว่าตรงไหนคือแก้มกระทั่งปลายจมูกแตะลงไปและเริ่มสูดดมความหอมของกลิ่นเนื้อนางตามที่มันควรจะเป็น เช่นเดียวกับสองมือเขาที่เริ่มไคว้คว้าสำรวจเนื้อตัวของเรือนร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขนอีกครั้ง

    อย่าค่ะคุณศศิน ปล่อยฉัน

    หล่อนร้องค้านและไม่ว่าจะผลักไสเขาอย่างไร เนื้อตัวก็รังแต่สัมผัสเสียดสีกันมากขึ้นกว่าเก่า ดั่งเขาจงใจแกล้งให้หล่อนต้องพ่ายต่อความรู้สึกเบื้องลึกภายในใจจิตใจและยอมทำตามความต้องการของเขาจนได้

    แต่ณารินรู้ตัวดีว่าหล่อนไม่ใช่คู่หมั้นของเขา หญิงสาวจึงยังไม่ยอมให้เขาเอาเปรียบแม้ว่าจะยากเหลือเกินที่จะต้องขัดใจเขาก็ตาม

    อย่าค่ะ

    ศศินตอบรับเสียงห้ามของหญิงสาวด้วยการใช้มือกระชากสายเสื้อของหล่อนจนขาดเป็นทางยาว แม้แต่เจ้าของเสื้อเองก็ยังเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ

    คุณศศิน

    นี่ถ้าเขามองเห็นเหมือนปกติ ก็คงได้เห็นนวลเนื้อนางผิวเนียนละเอียดตั้งแต่ช่วงคอเรื่อยลงมาถึงเอว เหลือแค่เสื้อชั้นในผ้าลูกไม้ที่ยังปกปิดเนื้อตัวท่อนบนอยู่เท่านั้น

    ขนาดว่ารู้ดีว่าเขามองไม่เห็นแต่หญิงสาวก็ยังอดหน้าแดงไม่ได้ ก็นี่มันครั้งแรกที่หล่อนเคยเปิดเผยเนื้อตัวต่อหน้าผู้ชาย หากไม่อายก็ดูจะกร้านเกินไปหน่อย

    มานี่แม่ตัวดี

    ศศินร้องสั่งเสียงห้าวๆ ก่อนจะดึงร่างหญิงสาวให้ล้มลงนอนอยู่บนเตียงของเขา...

    คุณศศินอย่านะคะ อย่าทำแบบนี้

    หล่อนร้องขอเขาน้ำเสียงเริ่มสั่น รู้แล้วว่าเขาเอาจริง และหล่อนก็ยังไม่แข็งพอที่จะทำร้ายร่างกายคนพิการสายตาอย่างเขา

    ทำไมฉันจะทำไม่ได้เขาย้อนถามน้ำเสียงกระด้าง ในเมื่อผู้หญิงอย่างเธอมันน่านัก ตอนฉันสบายดีเธอก็มาเกาะแข้งเกาะขาบอกว่ารักฉัน แต่พอฉันตาบอดเท่านั้นล่ะ เธอก็หายไป ทิ้งฉันไว้โดยไม่คิดแม้แต่จะมาเยี่ยมฉันสักครั้ง ฉันควรจะทำยังไงกับผู้หญิงอย่างเธอดี

    โถคุณศศินหล่อนร้องด้วยน้ำเสียงเห็นใจ รู้ล่ะว่าคนที่เขาด่าทอหมายถึงน้องสาวตัวเอง แต่ก็อดสงสารเขาไม่ได้ ในเมื่อน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดของเขา กลับเจือปนไปด้วยความสะเทือนใจ

    ปล่อยฉันเถอะค่ะ ก่อนที่คุณจะทำอะไรลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

    ทำไมฉันจะไม่ได้ตั้งใจเขาย้อนทันที รู้ไหมสามเดือนเต็มที่ฉันเฝ้านึกถึงแต่เธอ ฉันเฝ้าคิดว่าถ้าได้เจอหน้าอีกครั้งฉันจะทำยังไงกับเธอมันถึงจะสาสมกับสิ่งที่เธอทำกับฉัน

    แต่ฉันไม่ใช่ดารารัตน์นะคะ ฉัน...หล่อนพูดไม่ทันจบศศินก็ลุกขึ้นตามขึ้นคร่อมตัวหล่อนบนเตียงกว้าง สองมือเขาจับใบหน้าเธอไว้ไม่ให้หันหนีไปไหนและยันกายไว้ด้วยข้อศอก โดยไม่สนใจสักนิดว่าร่างกายของตนจะทาบทับอยู่บนเรือนร่างของหญิงสาวเสียจนอวัยวะหลายส่วนกดทับแตะต้องกันจนแทบจะกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน

    ถ้าเธอพูดอีกคำเดียวว่าเธอไม่ใช่ดารารัตน์ ฉันจะฆ่าเธอให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้ อย่าคิดนะว่าฉันจะไม่กล้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×