คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอน 3
ตอนที่ 3
**เนื่องจากเนื้อหาบางส่วนถูกแบน จึงตัดต่อเท่าที่พอเป็นไปได้นะคะ**
ตอนที่ 3.
“ถ้าเธอพูดอีกคำเดียวว่าเธอไม่ใช่ดารารัตน์ ฉันจะฆ่าเธอให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้ อย่าคิดนะว่าฉันจะไม่กล้า”
เขาคำรามขู่ด้วยน้ำเสียงรวดร้าว ทว่าณารินกลับรู้สึกกลัวขึ้นมา หล่อนแน่ใจว่าเขาทำจริงอย่างปากว่าแน่ๆ เพราะเห็นได้ชัดว่าเขาทั้งโกรธและชิงชังดารารัตน์มากมายขนาดไหน หล่อนจึงเลือกที่จะนิ่งเสีย
อะไรบางอย่างในน้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเจ็บปวด ดั่งสัตว์ที่โดนทำร้ายและต้องทนทุกข์กับบาดแผลที่ไม่มีวันหายนั่นไปตลอด
แต่ศศินไม่ใช่สัตว์ร้าย เขาเป็นเพียงชายคนหนึ่งซึ่งสิ้นหวังในชีวิตเพราะคู่หมั้นทอดทิ้ง... ถึงหล่อนจะไม่ใช่ดารารัตน์ ไม่ใช่คู่หมั้นของเขา แต่ก็อดสงสารเขาไม่ได้
การนิ่งเงียบของหญิงสาวกลับทำให้ศศินเข้าใจไปอีกทาง เขาสีหน้าเปลี่ยนไปมาก จากความโกรธคงแปรเปลี่ยนเป็นความสะใจเสียแล้ว
“รู้จักกลัวแล้วเหรอคนเก่ง” เขาถามอย่างเยาะเย้ย “กลัวฉันไว้ก็ดีแล้ว ฉันจะบอกอะไรให้นะดารารัตน์ ถึงฉันจะมองไม่เห็น แต่นี่มันบ้านฉัน ฉันชินกับบ้านหลังนี้ การที่ฉันตาบอดไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องเดินชนข้าวของ ไปไหนทำอะไรเองไม่ได้ ยิ่งอยู่ในห้องนอนของฉันแบบนี้ด้วยแล้ว ฉันก็ยิ่งรู้ระยะว่าอะไรอยู่ตรงไหน เพราะฉะนั้นตราบใดที่เธอยังอยู่ในถิ่นของฉัน อย่าคิดว่าเธอจะหนีฉันพ้น”
ณารินรู้ดีว่าเขาไม่ได้ขู่ ด้วยอารมณ์โมโหของเขาก็เชื่อจนหมดใจว่าเขาจะทำอะไรหล่อนย่อมได้ทั้งนั้น ไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือ ต่อให้ลูกไก่ตัวนี้จะหวั่นเกรงต่อความโกรธเขาสักเพียงใดก็ตามไม่ได้หมายความว่าศศินจะหลงเหลือความปรานีไว้ให้
“คุณศศินกรุณาเถอะค่ะฟังฉันก่อน ไม่อย่างนั้นคุณเองนั่นล่ะที่จะต้องเสียใจที่ทำลงไป” หล่อนร้องขอให้ฟังด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น เพียงเท่านี้ก็เปลืองเนื้อตัวไปกับเขาตั้งเท่าไหร่ ตั้งกี่อย่างกันที่เขากลายเป็น ‘คนแรก’ ที่ได้สัมผัสแตะต้องกายเธอ
“มีอะไรที่ฉันจะต้องเสียใจ” เขาทำเสียงเยาะใส่อีกรอบ “อันที่จริงเธอน่าจะรู้นะดารา ผู้ชายที่ถูกเธอทิ้งไปถึงสามเดือนเต็มจะทำยังไงกับเธอทันที หลังจากที่ได้เจอหน้าเธออีกครั้งน่ะ ไม่เห็นจะต้องทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวให้เสียเวลาเลย ไอ้เสื้อผ้านี่ก็เหมือนกัน คิดเหรอว่าแต่งตัวมิดชิดแล้วจะพ้นมือฉันได้”
ศศินพิสูจน์คำพูดของเขาด้วยการไล้มือลงบนผิวเนียนของหญิงสาว ลูบไล้อย่างประกาศความเป็นเจ้าของตั้งแต่ช่วงเอวไล่ขึ้นมาจนชนกับเสื้อชั้นในลูกไม้ เขาไม่รีรอเลยสักนิดที่จะบดเบียดแผงอกกว้างของตนเข้ากับเรือนร่างบางจนเธอถึงกับหายใจหอบด้วยความอึดอัด
เขาพูดถูกแล้วต่อให้หล่อนสวมเสื้อแขนยาวกางเกงยีนส์ขายาวปกปิดสักแน่นแค่ไหน ด้วยโทสะของเขาก็คงจะต้านพายุอารมณ์ครั้งนี้ไว้ไม่อยู่ มีเพียงสติเท่านั้นที่เตือนให้ณารินทำใจดีสู้เสือร้ายอย่างเขา
“พอเถอะค่ะคุณศศิน”
หล่อนร้องได้เท่านั้นริมฝีปากก็ถูกรุกรานอีกครั้ง คราวนี้ศศินจงใจจะใช้ลิ้นอุ่นแทรกเข้ามาเพื่อให้หล่อนตอบสอนเขาให้จงได้ เขาไม่สนใจหรอกว่าหล่อนจะส่งเสียงร้องประท้วงสักแค่ไหน รู้เพียงแค่ผู้หญิงคนนี้ต้องได้รับการลงทัณฑ์จากเขาอย่างสาสม!
ณารินรู้สึกเหมือนหายใจแทบไม่ทันกับรสจุมพิตของเขา ไม่ใช่แค่เรียกร้องเอาแต่ใจทว่าหล่อนจะต้องตอบสนองเขาจนกว่าเขาจะพอใจ ไม่เช่นนั้นก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะผละริมฝีปากออกพอให้หล่อนทันได้หายใจ
“หวานอย่างนี้นี่เองถึงได้หวงนัก” เขาพูดทันทีที่ยอมละริมฝีปากออกห่าง แต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่เท่านั้น เมื่อเขาก้มหน้าลงอีกครั้งณารินก็แทบจะขาดใจ
หล่อนพยายามหันหน้าหนีเลยทำให้เขาแตะริมฝีปากลงที่ข้างหู นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มนึกสนุก เขาใช้ฟันขบเบาๆ ที่บริเวณนั้นและมันถึงกับทำให้หญิงสาวสะท้านไปทั้งกาย
“อย่าค่ะ”
“ถ้าเธอฉลาดเธอควรจะรู้นะว่าตอนนี้ควรจะเอาใจฉันไว้ให้มากๆ รึว่าเธอโง่พอที่จะขัดใจฉัน ทำให้ฉันโกรธมากไปกว่านี้หืม”
เขากระซิบถามที่ข้างหู และมันไม่ช่วยให้ณารินรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย หล่อนรู้ดีว่าไม่ควรจะทำให้เขาโกรธมากขึ้น แต่ครั้นจะให้ตามใจเขามันก็ดูจะเกินไปมากโข
แล้วหล่อนจะทำอย่างไรได้อีก...
“แต่ฉันไม่ใช่...”
คำพูดของหล่อนถูกปิดด้วยริมฝีปากของเขา นับเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ยากจะจดจำ พบหน้าเขาเพียงไม่กี่นาทีหล่อนกลับถูกเขาจูบจนนับไม่ถ้วนเสียแล้ว
ชายหนุ่มใช้ข้อศอกดันกายไว้ให้อยู่เหนือร่างของหล่อน สองมือเขาบังคับใบหน้านวลไม่ให้หนีไปไหน ต้องสมยอมรับจูบจากเขาอย่างโหยกระหายทั้งที่เขาเพิ่งจะจูบหล่อนไปเมื่อครู่
ณารินเริ่มหายใจไม่ทันและหมดแรงดิ้นรนจะต่อสู้ สมองหล่อนมึนงงไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับผู้ชายอารมณ์ฉุนเฉียวช่างเรียกร้องคนนี้ได้อย่างไร มารู้ตัวอีกทีหล่อนก็อยู่ในอ้อมกอดของเขา ปล่อยให้เขาประโคมจูบลูบไล้ไปเสียทั่วทั้งกาย
“ฉันไม่ไหวแล้ว” หล่อนร้องบอกเขาด้วยน้ำเสียงขาดกระท่อนกระแท่นเพราะยังหายใจไม่ทันกับการุกรานอันย่ามใจของเขา
ศศินได้ยินแล้วกลับหัวเราะชอบใจ สีหน้าเขาพึงพอใจเหลือเกิน ราวกับกำลังเอ็นดูหญิงสาวในอ้อมกอดที่ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรกับสถานการณ์ตรงหน้า ความโกรธดูจะมลายหายกลายเป็นความสะใจไปเสียแล้ว
เขาผละกายออกห่างเพียงเล็กน้อยเพื่อลุกขึ้นนั่ง แต่ยังไม่ยอมให้หล่อนลุก เขาใช้มือข้างหนึ่งกดหัวไหล่หล่อนไว้ให้นอนราบบนเตียงกว้างดังเดิมก่อนที่จะใช้มืออีกข้างลูบไล้ไปบนเรือนร่างของหล่อนอย่างย่ามใจ
“คุณศศินคะ”
หล่อนร้องเรียกหมายจะห้ามเขา ยกมือขึ้นจับมือเขาไว้เพื่อหยุดไม่ให้เขาทำตามใจชอบ แต่ชายหนุ่มทำเสียงดุใส่
“อย่าดื้อ ถ้าไม่อยากให้ฉันโกรธ เธอน่าจะรู้จักฉันดีนะ คนอย่างฉันไม่เคยเอาเปรียบใครและไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบเช่นกัน”
ณารินยืนยันหมดหัวใจว่าไม่เคยนึกอยากให้เขาโกรธเลยสักนิด แต่จะให้ยืนยันว่าตนเองไม่ใช่ดารารัตน์ก็ไม่ได้ เขาไม่ยอมฟังเลยสักนิด แต่จะให้หล่อนยอมให้เขาทำตามใจชอบไปถึงไหนต่อไหนก็ยิ่งไม่ได้ไปกันใหญ่
“แต่คุณกำลังเอาเปรียบฉันอยู่นะคะ” หล่อนค้านอย่างหมดทางสู้
ตั้งแต่เกิดมาเคยมีใครสัมผัสแตะต้องถึงเนื้อถึงตัวมากมายขนาดนี้เสียที่ไหน แต่เขากลับทำมันทั้งหมดได้ภายในพริบตาเดียว เพียงเท่านี้หญิงสาวก็อายจนไม่รู้จะอายอย่างไรแล้ว แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นก็ตามที
“แบบนี้ไม่เรียกว่าเอาเปรียบหรอกดารา ต้องเรียกว่าฉันให้ในสิ่งที่เธอสมควรจะได้รับต่างหากล่ะ” เขาว่าด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ขึ้นมาทั้งที่มือลูบไปถึงช่วงเอวเลยมาหยุดอยู่ตรงกระดุมกางเกงซึ่งอยู่ตรงกลางด้านหน้าของหญิงสาว ระหว่างนั้นเขาก็พูดไปด้วย
“หรือเธอคิดว่าคู่หมั้นที่บังอาจทิ้งฉันไปถึงสามเดือนเต็มจะไม่สมควรได้รับรางวัลนี้”
เขาพูดน้ำเสียงประชดประชัน ทั้งที่ขัดแย้งกับบุคลิกของเขาเหลือเกิน ศศินไม่ใช่คนแบบนี้ ไม่ใช่พวกช่างประชดประชันคิดเล็กคิดน้อย แต่เมื่อมาได้ยินเต็มสองหูหล่อนก็ต้องยอมรับว่าหาทางรอดพ้นจากการลงทัณฑ์ของเขายากได้เต็มที ในเมื่อเขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรับฟังอะไรอีกแล้ว
“แย่หน่อยนะ ต้องมาเจอผู้ชายตาบอดอย่างฉัน”
เขาพูดจบก็ก็ก้มหน้าลงจูบหล่อนอีก มอบรางวัลที่หญิงสาวนามว่าดารารัตน์สมควรจะได้รับ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรณารินถึงได้ไม่นึกจะคัดค้านอะไรอีก
หรือจะเป็นเพราะใจอ่อนยวบยาบไปกับน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเจ็บปวดของเขาเสียก็ไม่รู้!
หล่อนถึงต้องกล้ำกลืนยอมรับรางวัลจากเขาอยู่นี่ไง!
“ฉัน... ฉันไม่...”
ณารินพูดได้เท่านั้นก็รู้สึกได้ถึงมือของชายหนุ่มที่เริ่มปลดกระดุมกางเกงออกตามด้วยรูดซิปกางเกงลงจนสุดทาง
หล่อนจะผุดกายลุกขึ้นโดยปริยาย ทว่าเสียงของเขากลับปรามไว้ก่อน
“ถ้าเธอลุกขึ้นมาขัดใจฉัน เธอเจอดีแน่”
“คุณจะทำอะไรฉัน”
“อยากรู้ก็ลองสิ” เขาตอบทันที “ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะคนสวย เธอจะต้องถูกลงโทษให้สาสมกับสามเดือนเต็มที่เธอทิ้งฉันไป”
“แต่ฉันไม่ได้ทิ้งคุณนะคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นเหรอดารา สามเดือนที่เธอไม่เคยมาเหลียวแลฉัน ฉันนอนเจ็บอยู่โรงพยาบาลอาการสาหัสแค่ไหนเธอก็ไม่สน ญาติๆ ฉันโทรศัพท์ไปขอร้องให้เธอมาช่วยดูแลฉันตั้งไม่รู้กี่ครั้ง เธอก็ไม่เคยยอมมา แบบนี้ไม่เรียกว่าทิ้งแล้วจะให้เรียกว่าอะไรหา”
เขาตะคอกใส่หญิงสาวด้วยอารมณ์โกรธ ข้อนี้หล่อนไม่ถือสาเขาเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ หล่อนเข้าใจความรู้สึกของเขาดี ความรู้สึกของคนที่ถูกข้าม มองผ่าน ไม่เคยมีใครสนใจและต้องเฝ้ารอคอยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ทว่าหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่ทิ้งเขาอยู่ดี...
“รึเธอคิดว่าไอ้การทิ้งฉันไว้คนเดียวเป็นการดีสำหรับฉันมากกว่า เพราะฉันจะได้ไม่ต้องทนมีคู่หมั้นที่สนใจแต่เงินของฉันเหมือนเธอดารารัตน์”
“เลิกเรียกฉันว่าดารารัตน์เสียที ฉันไม่ใช่... อุ๊ย”
หล่อนร้องเพราะเพียงชั่วพริบตาเดียวศศินก็จัดการถอดกางเกงของหล่อนออกให้พ้นจากกาย หล่อนงอขาไม่ยอมให้ถอดออกมาโดยง่าย แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งเขาได้นานนัก สุดท้ายศศินก็โยนกางเกงผ้าเนื้อนิ่มสีเข้มไปกองบนพื้น
ทั้งเนื้อทั้งตัวหญิงสาวเหลือแค่ชุดชั้นในลูกไม้กับเสื้อแขนสั้นคอวีที่ขาดเป็นทางยาวจนแทบจะปกปิดอะไรไม่ได้เอาเสียเลย
“ทำไม แค่นี้ทำเป็นตกใจ ปกติเห็นออกจะเต็มอกเต็มใจถอดไม่ใช่รึไง” เขาพูดด้วยสีหน้าระอา หากเขามองเห็นก็คงได้เห็นชัดเต็มตาละว่าตอนนี้หญิงสาวหน้าแดงเพียงไร ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย
“เลิกเล่นตัวได้แล้วดารา ไม่ว่ายังไงก็ตาม เธอจะต้องชดใช้ให้ฉัน”
สิ้นคำประกาศ ศศินก็กระชากเรือนร่างเปล่าเปลือยมาไว้ในอ้อมกอด เขานั่งกอดหล่อนไว้แนบชิดขนาดที่หล่อนพยายามใช้สองมือบันกายให้ออกห่างแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล เพียงครู่เดียวก็ถูกเขากอดไว้ทั้งกาย นี่ถ้าเขาไม่ได้สวมเสื้อเชิ้ตอยู่ก็เชื่อได้เลยว่าเนินอกนุ่มทั้งสองข้างของเธอต้องบดเบียดกับเนื้อหนังของเขามากมายเหลือเกิน
“อย่างสาสม” เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
พูดจบศศินละริมฝีปากพรมจูบไปทั่วเท่าที่เขาจะทำได้ ต่อให้หล่อนร้องห้ามเขาเท่าไหร่ก็ตาม ก็เป็นเพียงแค่เสียงนกเสียงกาเท่านั้น
“อย่าค่ะ ปล่อยฉัน”
ดูเหมือนว่าเสียงร้องห้ามจะไม่มีผลอันใด เขายังคงทำตามใจชอบด้วยการจูบหล่อนในทุกที่ที่เขาต้องการ สองมือเขากระชากเสื้อขาดๆ นั้นไปให้พ้นทางก่อนจะกกกอดหล่อนไว้เสียแน่น
“ไม่นะ”
ความคิดเห็น