ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทาสรักดวงใจปรารถนา

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอน 1

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 57


    ตอนที่ 1.

    นี่น่ะหรือของหมั้นคุณศศิน

    ชุดทับทิมล้อมเพชรอันประกอบไปด้วยสร้อยคอทรงโค้งเป็นครึ่งวงกลมทำจากทองคำขาว ประดับด้วยจี้เป็นรูปหยดน้ำ ตัดขอบมุมล้อมรอบด้วยเพชรสีขาวเม็ดเล็กๆ โดยรอบ ข้างกันมีสร้อยข้อมือลายเดียวกันและต่างหูอีกหนึ่งคู่ และที่จะขาดไปไม่ได้เห็นจะเป็นแหวนทับทิมล้อมเพชรสีขาววงเขื่อง

    หน้าตาหัวแหวนดูเก่าคร่ำครึแต่ถึงกระนั้นก็ยังทำให้คนเป็นพี่สาวอดชื่นชมในความงามไม่ได้

    หล่อนไล้มือไปยังจี้รูปหยดน้ำอย่างเบามือ ราวกับเกรงว่าจะทำให้ทับทิมเม็ดงามต้องเป็นรอยด่างพร้อย ในขณะที่เจ้าของตัวจริงกลับเบ้ปากใส่

    แบบเช้ย เชย นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นของเก่าของคุณย่าทวดคุณศศินนะ ดาราจะบอกให้ขายทิ้งซื้อของใหม่ไปแล้ว ไม่ทนรับมาหรอกดารารัตน์บอกด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายยิ่งนัก ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย มีดีอยู่อย่างเดียวเป็นของเก่าแบบนี้ คงขายได้ราคาไม่น้อย

    ฟังคำน้องสาวพูดถึงแหวนหมั้นอย่างไม่ใยดี มิหนำซ้ำยังตีราคาค่างวดออกมาเต็มปากเต็มคำถึงเพียงนี้ คนเป็นพี่ก็ได้แต่เหนื่อยหน่ายในหัวใจ ยังดีอยู่หรอกที่ไม่มีใครอื่นมาได้ยิน อย่างน้อยดารารัตน์ก็ยังพอแยกแยะได้ว่าอะไรควรพูด หรือไม่ควรพูดกับใครบ้าง

    อะไรกันดาราพูดเหมือนจะเอาของหมั้นไปขายอย่างนั้นล่ะ ถ้าคุณศศินได้ยินเข้าเขาคงจะเสียใจ ไม่สิ ไม่ต้องให้คุณศศินได้ยินหรอก เป็นใครมาได้ยินเข้ามันจะไม่เหมาะนะดาราถึงยังไงเธอก็เป็นคู่หมั้นของเขา จะพูดจาอะไรน่าจะเกรงใจทางคุณศศินเขาบ้าง

    สองสาวพี่น้องร่วมบิดาเดียวกัน มีหน้าตาละม้ายคล้ายกันไม่น้อย ปากนิดจมูกหน่อย โครงหน้าน่ารักน่าปรารถนา น้ำเสียงรึก็อ่อนหวานนุ่มนวลเหมือนบิดาด้วยกันทั้งคู่ ทว่าคนพี่ออกจะเรียบร้อย ค่อนไปทางขี้อาย สงวนท่าทีและรู้จักวางตัวในขณะที่คนน้องกล้ากว่ามากถึงขนาดเคยผ่านเวทีนางงามนางแบบมาแล้วนับไม่ถ้วน

    หลายคนบอกว่าสองพี่น้องหน้าคล้ายกันก็จริง แต่นิสัยผิดกันลิบลับ คนพี่อาจจะสวยสู้น้องไม่ได้ ทว่ากริยามารยาทดีเลิศ ในขณะที่น้องสาวออกจะเฉี่ยวไปสักหน่อย หัวสมัยใหม่จนแทบจะทำให้ญาติผู้ใหญ่ลมจับอยู่บ่อยๆ คิดอะไรพูดอะไรไม่ค่อยได้ไตร่ตรองนัก

    คนมีคู่หมั้นทำหน้าเบ้ใส่ จริงอยู่หล่อนเคยกรี๊ดกร๊าดยินดีเป็นนักหนาเมื่อยามได้ครอบครองเครื่องเพชรชุดนี้ในวันแรก หล่อนเห่อเสียยิ่งกว่าเห่อ แทบจะใส่ไม่ถอดหากไม่เกรงว่าจะโดนปล้นเสียก่อน คงไม่ยอมฝากไว้กับตู้เซฟธนาคารให้ยุ่งยากเป็นแน่

    หากเมื่อเวลาผ่านไป หญิงสาวซึ่งได้ชื่อว่ามีคู่หมั้นแล้วอย่างดารารัตน์กลับไม่อยากแม้แต่จะชายตามองเครื่องเพชรชุดนี้ให้เสียเวลา

    หล่อนหยิบซองสีน้ำตาลไหม้ออกจากตู้เซฟเป็นลำดับถัดมา ไม่ต้องบอกคนเป็นพี่ก็พอเดาได้ว่าภายในเต็มไปด้วยเงินสดจำนวนมากถึงเจ็ดหลัก ก่อนจะตามด้วยกล่องกำมะหยี่ซึ่งภายในบรรจุทองคำแท่งอีกหลายแท่ง ประเมินด้วยสายตาคร่าวๆ มูลค่าข้าวของทั้งหมดนี่ก็มากเหลือเกิน

    ดารารัตน์เอาของทุกอย่างมาวางกองรวมกันไว้บนโต๊ะขนาดเล็ก ก่อนจะโกยมันลงไปรวมกันในกระเป๋าหนังใบเขื่อง แน่ล่ะว่าเป็นกระเป๋าสะพายที่หล่อนใช้จนเบื่อแล้ว หาไม่เช่นนั้นคงไม่ยอม สละให้พี่สาวเป็นแน่

    จะต้องไปเกรงใจอะไรกันอีกพี่ณาริน ป่านนี่เขาจะรู้อะไรรึเปล่า ดาราก็ยังไม่แน่ใจเลย เฮอะหล่อนทำเสียงขึ้นจมูก พอทีเถอะไม่อยากจะเสียเวลาเถียงกันเรื่องนี้อีก ดาราตัดสินใจแล้ว พี่ณารินเลิกพูดวกวนไปมาเสียทีเถอะนะ ถึงยังไงดาราก็ไม่เปลี่ยนใจกลับไปเป็นคู่หมั้นคนพิการอย่างเขาเป็นอันขาด

    ถึงจะรับรู้มาพักใหญ่แล้วกับทีท่าของน้องสาว แต่พอมาได้ยินกับหู เห็นกับตาอีกครั้งณาริน ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ

    พอเลยนะพี่ณาริน ดาราบอกให้เลิกก็คือเลิก จบก็คือจบเข้าใจไหม ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ณารินไม่มีวันเปลี่ยนใจอย่างแน่นอน

    พูดจบดารารัตน์ก็ใช้มือรูดซิบกระเป๋าสะพายปิดให้สนิท ก่อนจะส่งให้พี่สาวหน้าตาเฉย

    ณารินรับมาช่วยถือระหว่างที่น้องหันไปปิดตู้เซพให้เรียบร้อย เพราะทำใจยอมรับมาสักพักแล้วว่าสักวันมันจะต้องเกิดขึ้น จึงทำได้แต่มองข้าวของมูลค่ามหาศาลในกระเป๋าหนังด้วยสีหน้าหนักใจ

    พี่ว่า...หล่อนอ้าปากจะพูดแต่น้องกลับหันขวับมามองด้วยหางตา

    ไม่ต้องว่าอะไรทั้งนั้นล่ะพี่ณาริน ดาราตัดสินใจแล้วได้ยินไหม

    รู้แล้ว แต่พี่เพียงแต่คิดว่ามันน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ไม่ใช่หรือ

    แล้วทางไหนล่ะดารารัตน์ย้อนถามทันที

    คนเสนอเงียบ เพราะถึงจะพยายามประนีประนอมออกไปอย่างนั้น ณารินกลับยังไม่รู้เลยสักนิดว่าจะทำอย่างไร

    ไหนลองบอกมาสิว่าถ้าพี่ณารินเป็นดารา พี่ณารินจะทำยังไง

    ก็...หล่อนอึกอัก เริ่มไม่กล้าสบตาน้องสาวต่างมารดา

    ก็อะไร ก็จะให้รอให้คุณศศินรักษาตัวให้หายก่อนแล้วดาราค่อยกลับไปวางแผนแต่งงานกับเขาเหมือนเดิมรึไงหล่อนพูดไปก็เบ้ปากไปด้วย เหอะ เจ็บปางตายออกขนาดนั้น คิดหรือว่าจะหายกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ง่ายๆ แค่ดาราไม่ยึดของหมั้นเลยก็ดีเท่าไหร่แล้ว

    ถึงจะไม่เห็นด้วยกับคำพูดของน้องสักเท่าไหร่ แต่หญิงสาวก็จนใจ ดูท่าดารารัตน์คงไม่ฟังความเห็นเป็นอย่างอื่นอีกแล้ว พอไม่คิดจะค้านก็ยังอดไม่ได้ต้องเสนออย่างอื่นขึ้นมาอีก

    แต่สมัยนี้หมอออกจะเก่งนะดารา แล้วคุณศศินก็มีเงินไม่ใช่น้อย คงทุ่มเทรักษากับหมอที่เก่งที่สุดอยู่แล้วล่ะ พี่ว่าไม่แน่อีกไม่นานคุณศศินอาจจะหายกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมก็ได้ เธอแน่ใจแล้วหรือที่จะทิ้งเขาในตอนที่เขากำลังลำบากอย่างนี้

    พูดผิดพูดใหม่ได้นะพี่ณาริน คนอย่างลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวโภคินน่ะนะลำบาก ทายาทร้อยล้านอย่างเขามีหรือเจ้าสัวโภคินจะปล่อยให้ต้องลำบากตรากตรำ ถึงเขาจะเป็นแบบนี้ก็เถอะ คงมีคนรองมือรองเท้าตลอดหรอก

    ดาราคนเป็นพี่ร้องปราม พูดจาไม่น่าฟังเลย ถ้าคุณพ่อได้ยินเข้าจะว่ายังไง

    หล่อนตกใจกับคำพูดของน้องจริงๆ ที่ท้วงไปก็ด้วยความหวังดี ไม่อยากให้ดารารัตน์ทิ้งคู่หมั้นหนุ่มในยามลำบาก ทว่าความลำบากในความหมายของน้องนั้นต่างออกไปมาก

    คนพูดไหวไหล่อย่างไม่สนใจ พอเถอะพี่ณาริน พี่ก็รู้ไม่ใช่หรือว่าคนอย่างดาราคำไหนคำนั้น เลิกคิดเลย ไม่ว่าพูดยังไงดาราก็ไม่เปลี่ยนใจไปดูแลเขาหรอก

    พี่แค่อยากเตือนให้เธอคิดให้ดี เรื่องแบบนี้มันเรื่องใหญ่ ตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว จะคืนคำเปลี่ยนใจไปมามันก็ไม่ได้

    นั่นล่ะยิ่งดีเลย เพราะดาราไม่คิดจะเปลี่ยนใจไม่ว่ายังไงดาราก็จะไม่มีวันยอมไปลดตัวลงไปดูแลคนพิการอย่างเขาแน่ๆ สู้ยอมเสียสละถอนหมั้นตั้งแต่ตอนนี้เลยเสียยังดีกว่าต้องไปปั้นหน้ารับใช้เขาอย่างไม่รู้จบสิ้น ใครจะไปรู้เขาอาจจะพิการไปชั่วชีวิตก็ได้

    คราวนี้ณารินยอมรับว่าคำพูดของน้องสาวนั้นไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย นับตั้งแต่คู่หมั้นของน้องสาวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เวลาก็ล่วงเลยมาถึงสามเดือนเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ยิ่งเนิ่นนานเท่าไหร่ความหวังก็ยิ่งลดน้อยลงที

    แรกเริ่มเดิมทีนั้น ตอนที่เกิดเหตุใหม่ๆ ดารารัตน์ยังถ่ายแบบอยู่ที่ต่างประเทศ กว่าจะกลับมาก็ร่วมสัปดาห์เข้าไปแล้ว แต่พอได้ทราบข่าวร้ายของคู่หมั้นดารารัตน์กลับไม่ยอมปลีกตัวไปเยี่ยมเลย ได้แต่อ้างว่าเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ อยากจะพักผ่อน หรือไม่ก็โทรศัพท์สอบถามแล้ว คู่หมั้นอาการปลอดภัยดี เอาไว้ว่างๆ จะไปเยี่ยมเท่านั้น

    แต่พอได้ไปเยี่ยมเข้าจริงหญิงสาวกลับใช้เวลาไม่กี่นาทีนั้นที่โรงพยาบาลก่อนจะกลับมาพร้อมประกาศก้องว่าจะขอถอนหมั้น ทั้งหมดเป็นเพราะ...

    คุณศศินตาบอด...

    ณารินฟังแล้วลมแทบจับเพราะไม่คาดคิดว่าผู้ชายวัยสามสิบห้า ท่าทางแข็งแรงอย่างเขาจะต้องมาประสบกับชะตากรรมเช่นนี้ ยิ่งนึกก็ยิ่งน่าสงสารนัก ทว่าดารารัตน์กลับไม่คิดจะแยแสคู่หมั้นหนุ่มที่มีดีก็แค่ฐานะเท่านั้น หาใช่ผู้ชายสมบูรณ์แบบคนเดิมที่เคยคลั่งไคล้เป็นนักหนา

    หลังจากนั้นไม่ว่าจะพูดกันเรื่องนี้อีกสักกี่สิบกี่ร้อยหน ดารารัตน์ก็ยืนกรานหนักแน่น หล่อนจะขอถอนหมั้นกับเขาอย่างไม่มีทางเป็นอื่น แม้แต่ญาติผู้ใหญ่ก็ไม่อาจจะทัดทานอะไรได้

    ณารินเฝ้ามองน้องสาวด้วยความเป็นห่วง หล่อนเวทนาชายหนุ่มจับใจ เวรกรรมอะไรหนอต้องมาเจอกับอุบัติเหตุร้ายแรงจนถึงกับต้องสูญเสียความสามารถในการมองเห็นไปโดยสิ้นเชิงถึงเพียงนี้ มิหนำซ้ำยังต้องมาถูกคู่หมั้นสาวทิ้งอย่างไม่ใยดีเสียอีก ทว่าสิ่งที่หล่อนทำได้ก็เพียงแค่บอกแค่เตือนกันไปเท่านั้น ถึงอย่างไร เขาก็เป็นคู่หมั้นของน้องสาว หล่อนไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่านี้

    หลังจากสามเดือนเต็มที่ดารารัตน์ไม่เคยปรากฏกายไปเยี่ยมชายหนุ่ม คนเป็นพี่อย่างณารินก็เริ่มจะแน่ใจแล้วว่าคงจะหมดใจให้กันเป็นแน่แท้ หาไม่แล้วดารารัตน์คงจะอาลัยอาวรณ์เขาอยู่บ้างแต่นี่ไม่เลย นางแบบสาวกลับทำตัวเป็นปกติทุกอย่างราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทางฝ่ายนั้นก็ช่างกระไรเลย ไม่โทรศัพท์มาหาหรือติดต่ออะไรมาเสียด้วยซ้ำ

    บางครั้งหล่อนก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน บางทีทั้งคู่อาจจะตกลงกันได้แล้วก็เป็นได้ ทุกอย่างถึงได้เงียบงันนัก ทำราวกับคนไม่รู้จักกันก็ไม่ปาน

    แต่สิ่งที่ทำให้หล่อนแน่ใจแจ่มชัดไปกว่านั้นก็คือ พักหลังมานี่ดารารัตน์เริ่มควงหนุ่มนักธุรกิจชาวอิตาลีไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ จนคนเป็นพี่ก็อดกังวลไม่ได้

    พี่ถามจริงเถอะดารา เธอไม่ได้จะคืนหมั้นกับคุณศศินเพราะมาร์โคใช่ไหม

    หล่อนเรียกนายมาร์โคด้วยน้ำเสียหงุดหงิดหน่อยๆ อันที่จริงไม่ใช่เท่าไหร่นักที่น้องสาวทำตัวเช่นนี้... หมั้นกับอีกคนทว่าไปควงแขนผู้ชายอีกคนออกงาน ต่อให้คู่หมั้นเป็นคนที่กำลังจะเลิกรากันก็ตามที

    พอถามได้ถูกจุดแทนที่ดารารัตน์จะละอายใจบ้าง แต่เปล่าเลย หล่อนกลับหัวเราะคิกคักชอบใจเสียอีก

    แหม มาร์โคน่ารักออก เอาใจดาราทุกอย่าง ขออะไรก็ไม่เคยบ่นดารารัตน์ว่าด้วยน้ำเสียงชื่นชม ไม่ได้ขี้เหนียวเหมือนคุณศศินขออะไรทีก็ผลัดแต่ว่าเอาไว้ก่อนๆ อยู่นั่นล่ะ น่าเบื่อจะตายชัก ตัวเองก็รวยไม่รู้จะรวยยังไงของเท่านี้ทำมาหวงกับคู่หมั้น

    อีกครั้งที่ณารินต้องถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม ดูเหมือนว่าความกังวลของหล่อนจะเป็นจริงเสียแล้ว

    แปลว่าเธอคิดจะเลิกหมั้นกับคุณศศินเพราะเธอมีคนอื่นจริงๆ สินะ

    ดารารัตน์เบ้ปากอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยแก้

    ไม่ใช่เลยนะพี่ณาริน ต่อให้ไม่มีมาร์โคถึงยังไงดาราก็จะคืนหมั้นคุณศศินอยู่ดี พี่ณารินคิดหรือว่าดาราจะทนดูแลคนพิการอย่างเขาได้ แล้วทางบ้านคุณศศินก็เหมือนกันดูไม่ออกรึไงว่าอะไรเป็นอะไรถึงได้มากดดันคุณพ่อจริงบอกให้ดาราไปเยี่ยมไปดูแลคุณศศินที่บ้านในฐานะคู่หมั้น เอาอะไรคิดนะถึงได้กล้าขอขนาดนี้

    คราวนี้พี่สาวถึงกับอ้าปากเหวอ เพราะเท่าที่ทราบทางฝ่ายชายไม่ได้ติดต่อมาเลย หารู้ไม่ว่าใช้วิธีกดดันไปกับทางญาติผู้ใหญ่แทนเสียได้

    แล้วคุณพ่อว่ายังไงบ้าง

    จะว่ายังไงล่ะ ก็บอกให้ดาราไปหาคุณศศินน่ะสิ ดารารัตน์ว่าด้วยเสียงขึ้นจมูก เบ้ปากไปด้วยอย่างขัดใจ คิดเหรอว่าดาราจะไป

    อ้าว แบบนี้คุณพ่อไม่โกรธแย่หรือ ทางคุณพ่อกับญาติผู้ใหญ่คุณศศินก็ดูสนิทสนมกันดีด้วย

    ก็เพราะอย่างนี้ไง ดาราถึงต้องเอาของหมั้นไปคืนคุณศศินให้เร็วที่สุด

    ทำแบบนี้จะดีเหรอ

    ไม่ดีได้ยังไง พี่ณารินก็น่าจะรู้อยู่แล้ว คนอย่างดารา หล่อนว่าพลางยกมือชี้อกตัวเองไปด้วย ดาราเนี๊ยะนะ จะไปเป็นพยาบาลพิเศษคอยดูแลคนตาบอดที่ไม่มีวี่แววว่าจะหาย จะบ้ารึเปล่าถามจริงๆ เถอะ อย่าว่าแต่ดูแลคนตาบอด เอาแค่ต้มข้าวต้มให้คนป่วยกินสักชามดารายังทำไม่เป็นเลย นับประสาอะไรกับคนตาบอด บ้าที่สุด

    ณารินอ่อนใจไม่น้อยกับคำพูดของน้องสาวแต่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับ ดารารัตน์ไม่มีทางดูแลคนป่วยได้หรอก อย่าว่าแต่คนป่วยเลย ขนาดงานบ้านงานเรือนก็ยังไม่เคยนึกจะหยิบจับ มีหรือจะให้ไปดูแลคู่หมั้นที่เพิ่งสูญเสียการมองเห็นทั้งสองข้าง

    ยังไม่ทันได้ว่าอะไรเสียงโทรศัพท์มือถือของดารารัตน์ก็ดังขึ้น เจ้าตัวหยิบขึ้นมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด แต่พอเห็นหมายเลขปลายทางแล้วก็ถึงกับฉีกยิ้มกว้าง

    อุ๊ย มาร์โคโทรมาขอตัวเดี๋ยวนะพี่ณาริน

    ได้เห็นสีหน้าแววตาร่าเริงของน้องแล้วสุดท้ายคนเป็นพี่ก็ได้แต่ปลงตก ดูท่าดารารัตน์กับผู้ชายที่เคยเพียบพร้อมอย่างศศินคงไม่มีวาสนาต่อกันเสียแล้ว

    ขออย่างเดียวเท่านั้น หล่อนได้หวังหมดใจว่าผู้ชายอย่างศศินคงจะใจกว้างพอที่จะปล่อยคู่หมั้นสาวที่ไม่ได้รักเขาไปโดยไม่ให้มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจต่อกัน

    น่าเสียดายที่คำขอของหล่อนไม่เป็นผลเอาเสียเลย...

    หลังจากออกจากธนาคารสองพี่น้องก็ตรงกลับบ้าน ทั้งที่ณารินคิดว่าน้องสาวจะตรงดิ่งไปหาชายหนุ่มที่กำลังจะกลายเป็นอดีตคู่หมั้นเลยเสียอีก แต่ทว่า...

    ที่บ้านคุณศศินบอกว่า คุณศศินย้ายไปอยู่ภูเก็ตชั่วคราว ไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว

    อ้าวแล้วจะเอายังไงต่อไปล่ะดารา ตามไปภูเก็ตดีไหม ถ้าเอาของหมั้นไปคืนไว้ที่บ้านที่กรุงเทพฯ คงน่าเกลียดนะ จะเสียถึงคุณพ่อได้

    นั่นสิดารารัตน์ตอบเท่านั้นไม่ยอมพูดอะไรต่อทั้งที่ปกติเป็นคนชอบออกความเห็นเสมอ

    มีอะไรรึเปล่าดารา ทำไมเงียบไป

    ดารารัตน์ไม่ตอบ ได้แต่ก้มหน้างุดจนคนเป็นพี่ชักจะรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล

    เป็นอะไร มีอะไรให้พี่ช่วยไหม

    แน่ใจหรือว่าอยากช่วยดารารัตน์ถามเหมือนจะหยั่งเชิง สีหน้าไม่เชื่อถือกันเลยสักนิด

    ถ้าพี่ช่วยได้พี่ก็จะช่วยอยู่แล้ว ว่าไงตกลงมีอะไรรึเปล่า

    ดาราว่าเรื่องนี้พอจะมีทางออกแล้วจริงๆ เพียงแต่พี่ณารินต้องช่วย

    อยากให้พี่ทำอะไร

    ดารารัตน์เงียบอีกครั้ง ดั่งไม่แน่ใจว่าควรพูดดีหรือไม่ เงียบไปจนคนเป็นพี่สาวทนรอฟังแทบไม่ไหว จนที่สุดก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบาแสนเบา

    พี่ณารินช่วยเอาของหมั้นไปคืนคุณศศินที่ภูเก็ตทีได้ไหม

    นิรกานต์แทบอ้าปากค้างกับคำขอร้องของน้องหากไม่ติดว่าน้องสาวก้มหน้างุด น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือขึ้นมา

    นะคะพี่ณาริน ช่วยดาราหน่อยนะ ดาราไม่อยากเจอหน้าเขาจริงๆ

    แต่เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวนะดารา จะให้พี่ไปได้ยังไงมันน่าเกลียด ทางคุณศศินเขาจะหาว่าเราไม่มีมารยาท ดีไม่ดีจะลามไปถึงคุณพ่อ

    ดารารัตน์ไม่ตอบ ได้แต่นิ่งงันไปก่อนที่ดวงตาจะเริ่มแดงก่ำ

    มือเรียวยกขึ้นปาดหลังมือเข้าที่หางตาดั่งไม่อยากจะให้พี่สาวทันได้เห็นหยาดน้ำใสๆ ที่ไหลรินลงมา ทว่าน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยกลับมั่นคง

    ถ้าพี่ณารินไม่ไป ดาราจะเอาของหมั้นพวกนี้ไปขายทิ้งให้หมดเลย

    เธอจะบ้าเหรอณารินร้อง ขายได้ยังไง จะไม่หมั้นไม่แต่งกับเขาก็ต้องคืนเขาไป อย่าทำให้ต้องขุ่นข้องหมองใจกันเลยสิดารา

    ก็ดาราไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ดาราบอกตั้งกี่รอบแล้วว่าไม่หมั้นไม่แต่งอะไรกับเขาทั้งนั้น แต่ไม่มีใครสนใจฟังเลย ทุกคนใจร้ายกับดาราหมดเลย อยากให้ดาราไปจมปลักกับคนพิการตาบอดได้ยังไง ไม่มีใครรักดาราสักคน

    ฟังเสียงสั่นเครือของน้องแล้วณารินยอมรับว่าเห็นใจไม่น้อย แต่ครั้นจะให้ยอมช่วยมันก็ออกจะเกินไปสักหน่อย

    แค่เอาของไปคืนเขา พูดจากันให้รู้เรื่องอย่างผู้ใหญ่ คงพบหน้ากันไม่กี่นาทีหรอกดารา อีกอย่างนะคุณศศินเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาคงจะเข้าใจไม่คิดจะรั้งดาราไว้หรอก

    ว่าได้เหรอพี่ณาริน ถ้าเขาไม่อยากรั้งไว้แล้วทำไมเขาต้องไปกดดันคุณพ่อให้ดาราไปเยี่ยมเขา ไปดูแลเขาด้วยล่ะน้องเถียงเสียงแข็ง โอ๊ยไม่เอาล่ะ ดาราไม่ยอมไปเจอหน้าเขาเด็ดขาด อย่าหวังว่าให้ไปเห็นแล้วสงสารเลยไม่มีทางเสียล่ะ สู้เลิกๆ กันตอนนี้ไปเลยยังดีเสียกว่า อย่างน้อยก็ยังมีความทรงจำดีๆ เหลืออยู่บ้าง

    ณารินมองน้องสาวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ จนปัญญาจะแก้ไขปัญหา อีกอย่างเจ้าตัวก็ยืนยันหนักแน่นขนาดนี้แล้ว หล่อนพูดอะไรก็คงไม่มีประโยชน์

    เอาเถอะ จะถอนหมั้นพี่ก็ไม่ว่าอะไรแล้ว แต่เรื่องของหมั้นนี่เธอต้องเอาไปคืนคุณศศินด้วยตัวเอง

    ไม่

    ดารารัตน์ค้านทันทีก่อนจะปรายตามองไปกระเป๋าหนังใบเก่าที่ขณะนี้เต็มไปด้วยของมีค่าอยู่ภายใน

    ไม่เห็นจะสนเลยว่าของในกระเป๋านี่จะมูลค่าเท่าไหร่ ดาราไม่อยากได้มันอีกแล้ว

    พูดจบดารารัตน์สะบัดหน้าพรืดใส่พี่สาวก่อนจะประกาศกร้าว

    ดารายกให้พี่ณารินจัดการก็แล้วกัน อยากทำอะไรกับมันก็เชิญตามสบาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×