ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blood Contrast พันธนาการศาสตราเลือด

    ลำดับตอนที่ #7 : บันทึกฉบับที่ 5 -ช่วย? ของแบบนั้นไม่จำเป็น!-

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 58



    บันทึกฉบับที่ 5

    -ช่วย? ของแบบนั้นไม่จำเป็น!-

              ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มคือ ห้องที่เขามักจะมาคลุกตัวอยู่ทุกวันเมื่อว่าง ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมเลย มีเพียงแค่ห้องไร้ซึ่งมนุษย์...

              ไร้ซึ่งมนุษย์...

              “เร็นมันหนีไปแล้วววว!” ชายหนุ่มผมสีขาวโวยวายอย่างเคย ในหัวนึกถึงเด็กหนุ่มที่ขัดคำสั่งคุณมาร์คัสออกไปเที่ยวเล่น ทั้งที่ข้างนอกในตอนนี้มันอันตรายสำหรับเขาแท้ๆ

              “จริงด้วย” ดีเลียเอ่ยสั้น แล้วเดินเข้าไปในห้องโดยไม่สนใจเด็กหนุ่มที่หายตัวไปซักนิด

              “ผมว่าแล้ว มันอยู่ไม่ได้หร้อก!” เซโนหันไปบอกหัวหน้าของเขาที่บัดนี้กลายเป็นภูเขาไฟย่อมๆไปแล้ว

              “เอาเถอะๆ เราช่วยรีบออกไปตามหาเขา ก่อนที่จะเกิดเรื่องเถอะ มาร์คัส นายก็ใจเย็นๆหน่อย” เจมส์ตบบ่าเพื่อนของเขาแล้วจึงเดินตามลูกสาวเข้าไปในห้อง

              ...คุณน่ะใจเย็นเกินไปแล้ว...

              เซโนคิดในใจ แต่ก็ยอมทำตามที่เจมส์บอก ก่อนอื่นเขาต้องตามหาเด็กนั่น เหมือนเมื่อคราวก่อน

              สงสัยคงต้องเสียเลือดกันเยอะหน่อยแล้ว...

     

              กลิ่นอับลอยแตะจมูกผม ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วก็พบว่าตัวเองเชือกมัดมือไว้อยู่ พอเงยหน้าขึ้นก็ได้สบตากับตาที่จ้องผมตาเป็นมัน

              จ้องตาจริงๆนะ

              ทั้งหัวของคน(?)ตรงหน้านี่เป็นตาดวงเบ้อเร่อหนึ่งดวงกินพื้นที่เกือบทั้งหน้า เขาสวมหมวกและผ้าพันคอปิดหน้า...ปิดตาไว้ ท่าทางเหมือนมาเฟีย

              แค่เหมือนเท่านั้นแหละใช่รึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆเจ้านี่มันไม่ได้มาดีแน่นอน

              “มนุษย์” มันพูด

              “เฮอะ” ผมแค่นหัวเราะใส่มัน หัวเราะให้กับท่าทางดูถูกมนุษย์ของมัน เป็นแค่ตาแท้ๆ “แก มีปากกับเขาด้วยเหรอ”

              ผมถามมันอย่างกวนโอ๊ย จนตามันกลายเป็นสีแดง ท่าทางจะโมโหไม่น้อย สะใจแฮะ

              “มนุษย์!” มันตอบกลับมาด้วยคำเดิม นี่พูดเป็นอยู่คำเดียวรึไง

              “เฮ้ย คุณสไนเปอร์ รีบเรียกบอสของนายออกมาสิ” ผมหันไปบอกมือสไนเปอร์ที่เป็นคนพาผมมา เขายืนพิงผนังอยู่ไม่ไกลจากโซฟาที่ผมนั่งประจันหน้ากับเจ้าตานัก

              เขามองมาทางผมแล้วยักไหล่

              “ที่แน่ๆ เจ้าตาที่พูดเป็นแต่มนุษย์ๆนี่คงไม่ใช่บอสของนายหรอก ใช่มั้ย” ผมถามเค้าอีกครั้งโดยที่ไม่สนใจเจ้าตาที่ออกอาการโวยวายที่ผมไปดูถูกมัน แต่ขอเถอะ ช่วยหุบปากซะทีเถอะ พูดมนุษย์ๆอยู่ได้น่ารำคาญโว้ยยยย!

              “หึ ใช้ได้” สไนเปอร์พูดขึ้นอย่างพอใจ แล้วเดินไปที่ประตู แล้วเปิดประตูให้บุคคลทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าสำหรับผม

              ยัยหัวส้มนึกว่าหายไปไหน ที่แท้ก็ไปเป็นบอดี้การ์ดประกบบอสอยู่นี่เอง

              สไนเปอร์โค้งให้คนมาใหม่อย่างสุภาพ แค่ใบหน้าของเขากลับแสดงความไม่พอใจอย่างปิดไม่มิด แต่เขาก็เก็บสีหน้าได้อย่างรวดเร็วจนบอสสังเกตไม่ทัน

              บอสของเจ้าพวกนี้...

              มันเดินเข้ามาหาผมแล้วนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าง เจ้าตาที่แอ๊บเป็นบอสเมื่อกี้รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พอเขานั่งลงเขาก็ถอดหมวดที่พวกมาเฟียชอบใส่กันออก ทำให้ผมเห็นหน้าเขาได้ชัดเจน...

              “หมา...”

              “อุ๊บส์!

              “อะ...”

              ผมเผลอพูดสิ่งที่คิดออกไปอย่างอีกครา เรียกเสียงหัวเราะจากมือปืนทั้งสองได้ดีเยี่ยม พร้อมกันนั้นก็ทำให้บอสหน้าหมาคิ้วขมวดเข้ามากันทันที

              “มนุษย์ ปากให้มันดีๆหน่อย เดี๋ยวก็เจี๋ยนซะหรอก” บอสหน้าหมาขู่

              แต่มันไม่ได้ทำให้ผมกลัวซักนิด กลับกันมันทำให้ผมอยากหัวเราะ หมากำลังขู่คน ตลกเป็นบ้า ขอขำดังๆเหอะ

              “ฮ่ะๆๆๆๆๆ” ผมเก็บอาการไม่ไหว พอผมหัวเราะอีกสองคนที่พยายามกลั้นหัวเราะไว้ ก็หลุดก๊ากออกมาบ้าง แต่ด้วยสายตาคาดโทษของบอส พวกเขาจึงเก็บเสียงหัวเราะของตัวเองลงคออย่างรวดเร็ว และผมก็หยุดหัวเราะลงเป็นคนสุดท้าย

              “ถ้าหัวเราะอีกครั้งละก็ ข้าจะเอาปืนเจาะหัวแก” เจ้าหน้าหมาขู่อีกครั้ง อยากจะหัวเราะอีกครา เอาปืนเจาะหัว? ให้ตายเหอะ ขำครับ ยกโล่ให้เลยเอา!

              ผมที่เก็บอาการได้แล้ว วางมาดนิ่ง และถามมัน “ต้องการอะไร”

              บอสหมายิ้มอย่างมีชัย ยังไม่ได้ทำอะไรเลย มันจะมีชงมีชัยอะไรฟะ

              “คุยกันง่ายหน่อย ไม่สิ ไม่คุย แต่แกฟัง ฉันจะขาบแกให้พวกผีดูดเลือด เพราะงั้นระหว่างเดินทางส่งสินค้า ก็อย่าหนีหรืออย่าตายไปก่อนล่ะ” เออ เข้าใจง่ายดี เจ้าหมาบ้านี่มันจะขายผมให้พวกผีดูดเลือด

              ใครมันจะไปยอม ไอ้เราก็อุตส่าห์หนีพวกผีดูดเลือดจากนอกเมืองนี้จนสำเร็จแล้วแท้ๆ ยังมีคนในเมืองมาช่วยตามจับผมอีก เจริญฮะ

              ผมมองมันตาขวาง ทำเอามันสะดุ้งเล็กน้อย “เจ้าหมา ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ชอบการต่อสู้ แต่ถ้าให้ทะเลาะวิวาทละก็ถนัดล่ะ” พร้อมกับฉีกยิ้มงามๆให้มัน

              จบประโยคผมมันก็ตบโต๊ะดังปัง แต่แน่ล่ะ ผมเป็นสินค้าชิ้นสำคัญที่จะส่งให้ผีดูดเลือด หมากระจอกๆอย่างมันไม่กล้าทำให้สินค้าชิ้นนี้บอบช้ำหรอก แต่สินค้าจะขอตบตีพ่อค้าหน่อยจะเป็นไรไป

              ในเมื่อมือใช้ไม่ได้ เท้ายังว่างครับ ผมเลยจัดการประเคนบาทาของกระผมกลางกะบาลเจ้าหมาน้อยจนมันร้องเอ๋ง เท่านั้นแหละ พวกลูกน้องหมาของมันก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ทุกทิศทุกทางเพื่อรุมสะกำผม

              ผมยืนขึ้นและมองพวกมันอย่างท้าทาย นี่มันร้านขายสัตว์หรือไง มีแต่พวกหน้าหมาทั้งนั้น ฮ่ะ

              หมาตัวน้อยๆเริ่มกระโดดเข้าใส่ผม ผมที่ไร้อาวุธและไร้มือ ก็ได้แต่หลบไปมาไม่ก็ถีบส่งเท่านั้น “บอกแล้วไงว่าทะเลาะ น่ะของชอบ”

              หลบไปหลบมาก็เริ่มเหนื่อยแฮะ อยากได้อาวุธครับ เอามือออกให้ด้วย

              ดังใจนึกเมื่อจู่ๆเชือกที่มัดมือไว้ก็ขาดออก พร้อมกับดาบคู่ใจที่นอนอยู่ในฝักอย่างดีจนถึงตอนนี้ก็ได้ส่งถึงมือผม

              เอาละครับของครบมือ ใครส่งมาให้ไม่รู้แต่ก็ขอบใจล่ะ “เข้ามาเลย!

              ผมเริ่มเปิดศึกกับเหล่าหมาน้อยอีกครา มือขวาดึงดาบคู่ใจออกจากฝักช้าๆ แต่พอได้สบตากับ เจ้าดาบนี่ผมก็เก็บดาบกลับเข้าฝัก

              แค่ฝักดาบเจ้าหมามาเฟียพวกนี้ก็ลงไปกองกับพื้นแล้ว ไม่ต้องให้ดาบใหม่ผมเปื้อนหรอก

     

    เซโนกำลังเพ่งสมาธิทั้งหมดกับการตามรอยเด็กบ้าเร็น รอบตัวเขาเต็มไปด้วยเลือดเป็นเส้นๆหลายเส้นด้วยกัน มันกำลังตามหาพวกของมันอยู่ เลือดที่เขาป้ายใส่เร็นทุกเช้าที่เจอหน้าโดยที่ไม่ให้เด็กหนุ่มรู้ตัว ถ้าเลือดของเขาเข้าใกล้เร็นซึ่งมีเลือดของเขาเปื้อนอยู่ละก็ ตามตัวได้ไม่ยากเลย แต่ในตอนนี้ที่เขาไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มนั้นไปอยู่ส่วนไหนของโลกจึงทำได้แค่ส่งเลือดของเขาออกไปตามหาเท่านั้น และนั่นก็ทำให้เขาเสียเลือดไปไม่น้อย

    ปลายสายเลือดบางส่วนได้ย้อนกลับเข้ามาสู่ร่างกายของชายหนุ่ม เส้นแล้วเส้นเล่าจนเหลืออยู่แค่เส้นเดียวเท่านั้น

    แม้เลือดของเขาจะกลับมาสู่ที่ที่มันควรอยู่แล้ว แต่เจ้าของก็ยังคงหน้าซีดเพราะขาดเลือดไปชั่วขณะ แค่จะขยับตัวยังทำไม่ได้เลย

    มาร์คัสที่เห็นว่าเส้นทางสู่เป้าหมายปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้วจึงออกปากถามเซโนที่ทำหน้าเครียด

    "ไหวมั้ย เซโน" หัวหน้าบอร์เดอร์สาขาตะวันออกถามลูกน้องของต้นด้วยความเป็นห่วง เซโนทำได้แค่พยักหน้าเบาๆเท่านั้น "มันไปที่ไหนน่ะ"

    ชายหนุ่มพยายามพูดออกมาด้วยสีหน้าเหน็ดเหนื่อย "นั่นหน่ะ รู้สึกจะเป็นสถานที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นที่กบดานของพวกมาเฟียที่ชอบค้าขายกับพวกผีดูดเลือด แย่ละทีนี้ เจ้าเด็กบ้านั่น"

    เมื่อเขาบอกพิกัดที่แน่นอนเกินคาดจบ ชายหนุ่มก็สลบไปทันที ดีที่ดีเลียเข้ามารับไว้ทันไม่งั้นหัวคงฟาดพื้นตายไปแล้ว

    "เจ้าหนูนั่น ไปทำอะไรในที่แบบนั้น" เจมส์พึมพำด้วยความสงสัย แต่คำถามนั้นก็ได้รับคำตอบอย่างรวดเร็วเมื่อทั้งสามนึกถึงหน้าของเด็กหนุ่มที่หัวหน้าอย่างมาร์คัสชวนให้เข้ากลุ่ม

    เด็กหนุ่มที่สามารถระบุตัวผีดูดเลือดได้กับ...มาเฟียที่เป็นคู่ค้ากับผีดูดเลือก...

    เมื่อได้รับคำตอบ สีหน้าของทั้งสามคนก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่คนที่ได้สติก่อนใครคือมาร์คัส

    "ไปกันเถอะเจมส์ ไปช่วยเพื่อนของเรากัน..." มาร์คัสกล่าวอย่างหนัีกแน่น แล้วจึงตรงไปที่ประตู

              เจมส์ที่ได้ยินหัวหน้าและเพื่อนของตนสั่งการแล้วจึงไหวไหล่เบาๆ "อย่างเจ้าหนูเร็นนี่น่าจะเรียกหลานได้แล้วมั้ง คุณลุงมาร์คัส"

    คนถูกแซวถึงกับหน้าแดง แต่ก็ยังคงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินต่อไป

    "ฝากเซโนด้วยนะดีเลีย" เจมส์โบกมือลาทั้งสองแล้วตามมาร์คัสไป โดยที่ไม่ลืมทิ้งประโยคยาวๆให้ชายหนุ่มซึ่งหมดสภาพไปแล้ว "ฉันรู้ว่านายยังตื่นอยู่เซโนเอ๊ย ถ้ากล้าทำอะไรดีเลียสุดที่รักของฉันละก็ นายจะได้เลือดหมดตัวยิ่งกว่านี้แน่"

    "รีบๆไปได้แล้ว ตาแก่!" ดีเลียจัดการขวางของใกล้มือเพื่อไล่พ่อบ้าของเธอ แต่โชคดีที่เขาปิดประตูทั้งจึงรอดจากของใกล้มือหญิงสาวไปได้

    จะว่าของใกล้มือนี่มัน...

    "เซโน!!!!!"

     

    “”ที่นี่สินะ” มาร์คัสถามผู้ติดตามเพื่อความแน่นอน

    ผู้ติดตามอย่างเจมส์ก็ยักไหล่เป็นการยืนยัน ทั้งสองเดินตรงไปที่ประตูไม้เก่าๆ ซึ่งเป็นทางลงไปสู่ชั้นใต้ดินของอาคารซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณตรอกซอยแคบๆ ซึ่งหาได้ทั่วไปในเมืองนี้

    มาร์คัสเปิดประตูอย่างระมัดระวัง แต่เอาเข้าจริงเขาก็ไม่ได้คิดจะหลบๆซ่อนๆอยู่แล้ว ไหนๆก็ได้โอกาสมาบุกรังมาเฟียในบัญชีดำแล้วก็ขอจัดหนักซะหน่อยจะเป็นไรไป

    เพียงแค่แง้มประตูเท่านั้นลูกปืนนับสิบก็พุ่งตรงมายังชายทั้งสอง  แต่กระสุนแค่นี้ยังหลบไม่ได้จะให้เรียกว่าหัวหน้าบอร์เดอร์ได้ยังไงกัน

    ฝ่ามือของมาร์คัส ดี. เวอร์เบทซ์ ในตอนนี้ได้สวมใส่ถุงมือเหล็กสีเลือด เพียงแค่หมัดไม่กี่หมัดของเขาก็สามารถปัดป้องกระสุนได้จนหมด

    “หัวหน้าน่ากลัวจังเลยนะ” เจมส์พูดติดตลก ล้อเลียนหัวหน้าของ พร้อมกันก็แอบสงสารพวกมาฟียกระจอกหลังประตู ที่ตอนนี้พากันวิ่งหนีเข้าไปในตัวอาคารกันหมดแล้ว “ทางโล่งแล้วครับ เดี๋ยวกระผมนำเอง” เจมส์ยังคงล้อหัวหน้าของที่ตอนนี้กำลังฮึกเฮิมต่อไป เขาเดินนำไปอย่างรู้ทาง เพราะทางเดินมันมีทางเดียว

    พวกเขาเดินจนกระทั่งมาถึงประตูหนึ่งซึ่งเปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อยจึงเห็นแสงไปสลัวๆในตัวห้อง แถมยังได้ยินเสียงคุ้นหูอีก

    “เลิกเล่นแล้วหรอหมาน้อย น่าเบื่อจังเลยนะ”

    เด็กหนุ่มยิ้มร่าอย่างที่ทั้งสองไม่เคยเห็นมาก่อน นัยน์ตาสีเขียวของกำลังทอแสงประกายด้วยความสนุกสนาน รอบตัวเขามีร่างของพวกมาเฟียหน้าหมากองอยู่มากมายโดยที่หมดสภาพต่อสู้

     

    ผมบอกแล้วว่าไม่ชอบต่อสู้เพราะมันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย การต่อสู้นั้นมันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี สู้ไปเพื่ออะไรงั้นหรอ? เพื่อมีชีวิตรอดต่อไป?

    มีชีวิตรอดต่อไปแล้วไงล่ะ สุดท้ายก็ยังคงถูกไล่ล่าต่อไปอยู่ดี

    แต่การทะเลาะน่ะมันไม่ใช่ เพราะฝั่งนู้นต้องการมีเรื่อง ผมจึงช่วยสนองให้ก็เท่านั้น

    ต่อสู้น่ะ เราเป็นคนเลือกที่จะเริ่ม แต่ทะเลาะน่ะ เหมือนมีคนมาขอร้องให้ช่วยไงล่ะ

    ผมคิดเช่นนั้นมาตลอด...

    แต่จริงๆแล้วก็แค่เกลียดคำว่าต่อสู้จึงหาคำอื่นมาใช้แทนก็เท่านั้น ถึงจะหลอกตัวเองซักเท่าไหร่ แต่ลึกๆก็ยังรู้อยู่ดี

    ผมรู้อยู่เสมอมาว่าตัวเองนั้นชอบการต่อสู้ขนาดไหน...

    ถึงแม้การต่อสู้มันจะพรากบางสิ่งบางอย่างไปจากผมเสมอ...

    ดูสายตาของคุณมาร์คัสกับคุณเจมส์นั่นสิ พวกเขากำลังมองว่าผมบ้าไปแล้วรึเปล่านะ พอได้ลงมือแล้วก็เป็นแบบนี้ทุกที ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ มือของผมจึงเปื้อนเลือดเสมอมา ครั้งนี้ก็เช่นกัน...

    เดี๋ยวนะ

    ครั้งนี้ไม่ใช่...

    ดาบในมือผมร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ แค่ผมกลับไม่สามารถปล่อยมือออกจากมันได้ แล้วผมก็ได้สบตาสีเทาคู่นั้นอีกครั้ง

    เพราะเขาสินะ ครั้งนี้มือผมถึงได้ขาวสะอาดกว่าครั้งก่อนๆ เพราะมีเขารั้งผมเอาไว้ในตอนแรก...

    “เป็นอะไรมั้ย เร็น” คุณมาร์คัสเดินเขามาจับไหล่ผม ผมจึงหลุดออกจากห้วงภวังค์

    ผมกระพริบตาปริบๆใส่คุณมาร์คัส สติจึงค่อยๆกลับคืนมา ผมมองไปรอบๆตัวเองอย่างปลงๆ ให้ตายสิ แล้วจะอธิบายว่าไงล่ะเนี่ย

    “ใช้ได้เลยนะเจ้าหนู” คุณเจมส์เดินมาขยี้หัวผมอย่างกับว่าผมเด็กตัวเล็กๆ

    “นายไม่ควรสนับสนุนเขาในทางที่ไม่ดีนะเจมส์” ถูกต้องครับคุณมาร์คัส แต่คุณเจมส์ก็หัวเราะร่า

    “กับงานของเรา นี่เป็นสิ่งที่ควรสนับสนุนนะมาร์คัสเอ๋ย” คุณเจมส์กล่าวในขณะที่เดินไปที่บอสหน้าหมาที่สลบรวมกับพวกลูกกระจ๊อกของมันที่ผมส่งกลับดาวอังคารด้วยฝักดาบของผม เขาจัดการจับมันใส่กุญแจมือเตรียมส่งสำนักงานใหญ่บอร์เดอร์อีกที

    คุณมาร์คัสถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย “อย่างนี้ก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเธอสินะ เรากลับกันเถอะ” ทำไมเขาดูผิดหวังเล็กน้อบแฮะ หรือเสียใจที่ไม่ได้เป็นฮีโร่ช่วยผม

    “เจ้าเซโนเหนื่อยเสียเที่ยวเลยแฮะงานนี้” คุณเจมส์พึมพำ คุณเซโนเกี่ยวอะไรด้วยละนั่น และเหมือนคุณเจมส์จะเห็นเครื่องหมายคำถามบนหน้าผมจึงช่วยขยายความให้ “มันใช้เลือดตัวเองตามหานายน่ะสิ ตอนนี้คงนอนแห้งตายไปแล้วมั้ง”

    “งั้นหรอครับ” ผมตอบไปส่งๆ คนๆนั้นไม่เป็นอะไรหรอก ถึกจะตาย แต่ก็เป็นห่วงนิดหน่อยแฮะ ถ้าอาการดีกว่าคราวที่แล้วก็ดีไป

    “นี่น่าจะแย่กว่าคราวที่แล้วอีกนะ” คุณเจมส์เสริมราวกับอ่านใจผมออก

              “ครับ เป็นห่วงแล้วครับ รีบกลับกันเถอะ”

              เราทั้งสามเตรียมวิ่งตรงดิ่งกลับไลท์ไลน์ ปล่อยพวกหน้าหมาไว้เดี๋ยวบอร์เดอร์จะมารับช่วงต่อไปเอง

              “เดี๋ยวเซ่” เสียงหนึ่งขัดขึ้น ผมรู้จักเจ้าของเสียงนี้ดี เขาคือสไนเปอร์คนนั้น

              ทำไมเขายังไม่ถูกผมจัดการน่ะหรือ ง่ายๆ เพราะหมอนี่เป็นคนส่งดาบมาให้ผมเอง แล้วคนตัดเชือกนี่ก็ยัยผมส้มนั่น แต่เธอตัดเชือกผมด้วยปืนหล่ะ หวาดเสียวเป็นบ้า

              “ใครน่ะ ศัตรูรึ” คุณมาร์คัสตั้งท่าเตรียมรบอีกครั้ง แต่ผมปรามเขาไว้ทัน

              “เขาเป็นคนลักพาตัวผมมาน่ะ แต่ตอนหลังเขาก็ช่วยผมเอาไว้”

              “งั้นหรอ ทำไมล่ะ” ประโยคหลังเหมือนคุณมาร์คัสจะถามเจ้าตัวโดยตรง

              สไนเปอร์หนุ่มยิ้มอย่างมีมารยาท แล้วตอบคำถาม “พวกเราถูกเขาข่มขู่น่ะ ถ้าไม่ทำงานให้ มันจะทำร้ายครอบครัวของเรา พวกเราจึงพยายามช่วยเหยื่อเพื่อให้หมาบ้าพวกนี้ถูกจับๆไปได้ซะที ทำมาหลายครั้งแล้วแต่ก็พลาดตลอด เพราะเหยื่อส่วนใหญ่จะป๊อดจนไม่ทำอะไรซักอย่าง แต่เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่ มันกวนบาทาเจ้าหมานั้น แล้วยังจัดการรุมสะกำพวกมันอีก 1 รุม 40 สะใจเป็นบ้า”

              ชายหนุ่มพูดอธิบายยาวเหยียด แต่ทุกคนก็เข้าใจตรงกัน คุณมาร์คัสจึงยอมปล่อยผ่านไป

              “สองคนนี้แม่นปืนมากเลยนะครับ ถ้าให้ไปทำงานที่ไม่ดีก็น่าเสียดายแย่” ผมแนะนำคุณมาร์คัส

              คุณมาร์คัสพยักหน้ารับว่าเข้าใจ “พวกเธอชื่ออะไรกัน”

              มือปืนทั้งสองแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย และเป็นฝ่ายหญิงที่ตอบก่อนสั้นๆ “รินมะค่ะ”

              สไนเปอร์หนุ่มเมื่อเห็นว่าคู่หูตนตอบตามจริงจึงแนะนำตัวเองบ้าง “ซิน”

              “ฉันชื่อมาร์คัส ดี. เวอร์เบทช์ หัวหน้าบอร์เดอร์สาขาตะวันออก”

              “บอร์เดอร์งั้นหรอ ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริงแฮะ” ซินพึมพำกับตัวเอง “แล้วบอร์เดอร์มีอะไรกับมือปืนกระจอกๆอย่างพวกเรางั้นหรอ”

              คุณมาร์คัสไม่อ้อมค้อมและถามพวกเขาไปตรงๆ “สนใจจะเข้าร่วมบอร์เดอร์มั้ย”

              ทั้งสองคนฟังคำเชิญชวนนั้นราวกับเป็นการชวนไปกินข้าวยังไงยังงั้น พวกเขามองหน้ากันแล้วเจ้าสไนเปอร์จึงหันมาตอบ “ขอบคุณครับ แต่ไม่ล่ะ พวกเราเองก็ยังทีสิ่งที่พวกเราเท่านั้นถึงจะทำได้อยู่”

              คุณมาร์คัสฟังคำตอบนั้นอย่างสงบนิ่งและไม่มีท่าทีไม่พอใจเลย “งั้นหรอ ถ้าอย่างนั้น อยากเป็นส่วนหนึ่งของบอร์เดอร์ก็บอกล่ะ พวกเรารอพวกเธอได้เสมอ”

              “ขอบคุณครับ” แล้วมือปืนทั้งสองก็จากไป

              “พวกเราเองก็กลับกันเถอะครับ ป่านนี้คุณเซโนคงลุกมาพ่นไฟแล้วมั้งครับ”

              “นั่นสินะ” คุณมาร์คัสตอบอย่างอารมณ์ดี วันนี้เขาได้คนที่สามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เพิ่มมาอีกตั้งหลายคน และนั่นรวมถึงผมด้วย...รึเปล่านะ?

              

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×