ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blood Contrast พันธนาการศาสตราเลือด

    ลำดับตอนที่ #9 : บันทึกฉบับที่ 6 -บุคคลที่คาดไม่ถึง-

    • อัปเดตล่าสุด 5 มิ.ย. 58


    บันทึกฉบับที่ 6

    -บุคคลที่คาดไม่ถึง-

              “ขอโทษครับ”

              “ขอโทษแล้วมันหายมั้ย เกือบตายเลยนะโว้ย การที่แกทำแบบนั้น มันทำให้คนอื่นเดือดร้อน รวมทั้งตัวแกด้วย ดูดิ โดนลักพาตัวอีกแล้ว รอบที่เท่าไหร่แล้วห๊ะ”

              “สองเองครับ” ผมตอบงุบงิบ เวลาคุณเซโนโกรธนี่มันน่ากลัวขนาดนี้เลยหรอ อยากออกไปจากห้องนี้อ่ะ คุณมาร์คัสช่วยด้วย

              แต่ท่าทางคำขอของผมจะส่งไปไม่ถึง เพราะอีกฝ่ายไม่สนใจทั้งยังทำท่าจะเข้ามาร่วมกันเทศน์ผมอีก ผมรู้สึกผิดมากที่ต้องทำให้ทุกคนเป็นห่วงถึงขนาดนี้ และถึงขั้นทำให้คุณเซโนต้องนอนโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว

              “สองครั้งในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน เป็นไงล่ะ ผมปกป้องตัวเองด้ายยยน่ะ ห๊ะ!

              โคตรน่ากลัวเลยให้ตายสิ ใครก็ได้ช่วยผมที...

     

              หลังจากที่สามารถหลบหนีออกมาจากการเทศน์ไปโวยไปด่าไปของคุณเซโน ผมก็เดินทางมาที่ชั้นสี่ของโรงพยาบาล หน้าห้องแปะชื่อเจ้าของห้องไว้ว่า มีอา

              ครับ เพราะเหตุการณ์เมื่อวานทำให้ผมไม่ได้มาส่งเอแคร์ของเธอตามที่สัญญากันไว้ ผมคงโดนด่าอีกรอบแหง ทำไมผมต้องพาตัวเองมาลำบากด้วยวะเนี่ย

              เมื่อทำใจได้แล้วผมก็เปิดประตูสีขาวออก ในห้องสีขาวๆครีมๆเรียบๆสะอาดตา ผมพบเธอกำลังนั่งเหม่อออกไปที่นอกหน้าต่าง ท่าทางเธอจะยังไม่สังเกตเห็นผม ผมจึงเคาะประตูเบาๆ เธอจึงหันมาในที่สุด

              แต่พอยัยมีอาเห็นหน้าผมเท่านั้นแหละ เธอก็กระโจนเข้ามาถีบขาคู่ ผมจึงล้มลงไปกองอยู่กับพื้นแทบเท้าเธอ

              “ทำไมไม่มา” เธอถามด้วยสีหน้าของคนโกรธ มือสองมือกอดอกท่าทางขึงขัง พร้อมกับสายตาของผู้คุมที่มองนักโทษยังไงยังงั้น

              “มะ มีเรื่องนิดหน่อย” ผมตอบทั้งที่ยังนั่งอยู่ที่พื้น แรงกดดันมหาศาล พอๆกับพวกคุณเซโนเลย หนีเสือปะจระเข้...

              เธอสะบัดหน้าหนี ท่าทางจะงอนแฮะ ผมจึงทำการหยิบอาวุธลับออกมา

              “เอแคร์...ซื้อมาแล้วนะ” ผมพูดด้วยเสียงสั่นๆ พร้อมยื่นกล่องขนมไปให้เธอ

              เธอรับมันไปจากผมโดยที่ไม่หันมามองหน้าด้วยซ้ำ มีอาเปิดกล่องขนมด้วยตาเป็นประกาย ผมเห็นแม้คุณเธอจะพยายามซ่อนมันก็เถอะ

              แล้วมีอาก็จัดการหยิบเอแคร์เข้าปาก “ให้อภัย...” เธอบอก

              “ห๊ะ” ผมอุทานออกไปด้วยความงงงวง ยอมกันง่ายๆเลยแหะ

              “นายไม่ลืมที่จะซื้อมันมา แม้มันจะเลยไปหนึ่งวันเต็มก็เถอะ” มีอาอธิบายและกินเอแคร์ต่อไป น่ากินชะมัด

              ยัยหัวทองที่เห็นผมน้ำลายสอ จึงใจดีแบ่งเอแคร์ของเธอที่ผมเป็นคนจ่ายให้ตั้งหนึ่งชิ้น เป็นพระคุณมากขอรับ

     

              พอกลับมาที่ไลท์ไลน์ก็ปาเข้าไปสามโมงแล้ว และเมื่อผมมาถึงที่ชั้นที่ 23 ก็เจอคุณซาริซ่ากำลังคุยกับมิลิด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

              “มีอะไรกันรึเปล่าครับ” ผมถามสองสาว พวกเธอหันมามองผมอย่างตกใจ

              แล้วจู่ๆมิลิก็ทำหน้าดีใจสุดขีด แล้วรีบวิ่งมาหาผมทันที

              “คุณเร็น!

              “อะ อะไร!?” ผมอุทานอย่างตกใจ ที่จู่ๆเธอก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ

              ทางคุณซาริซ่าก็เดินเข้ามาสมทบด้วย สายตาที่เธอมองมาที่ผมดูคาดหวังกับอะไรบางอย่างสุดๆ

              อะไรก็ไม่รู้ แต่น่าเป็นห่วงชะมัด...ห่วงตัวเองนะ

              “เรื่องใหญ่แล้วค่ะ วัตถุดิบสำหรับอาหารเย็นวันนี้หมดเกลี้ยงเลยค่ะ!

              “จริงดิ!” โอเค นี่มันเรื่องใหญ่มากๆ ถึงมากที่สุด ผมไม่ยอมอดข้าวฟรีหรอกโว้ยย

              “ฉันอยากจะออกไปซื้อ แต่ยังไงก็ต้องมีคนเฝ้าที่นี่ค่ะ เลยคิดว่าจะฝากคุณซาริซ่าไปซื้อให้หน่อย แต่ว่า...” มิลิหยุดพูดแล้วเหล่ตาไปที่คุณซาริซ่าที่หน้าแดงเล็กน้อย เธอพยายามหลบสายตาของแม่ครัวประจำบ้าน

              “พอดี ฉันมีความรู้ทางด้านอาหารเป็นศูนย์...” คุณซาริซ่าเปิดปากพูดขึ้น “ไข่ไก่กับไข่เป็นยังแยกไม่ออกเลย...”

              “...” ผมนี่ใบ้กินเลยครับ คนที่ดูเพอร์เฟกต์อย่างเธอนะหรอจะไม่มีความรู้ทางอาหาร เป็นไปไม่ได้...

              แต่เป็นไปแล้วเมื่อผมสังเกตเห็นใบหน้าหนักใจอย่างแรงของเด็กหญิงมิลิ

              ถ้าออกไปซื้อไม่ได้ งั้นก็...

              “ให้คุณซาริซ่าฝะ...” ยังพูดไม่ทันจบผมก็โดนคนตัวเล็กปิดปากเอาไว้ มิลิส่ายหัวอย่างแรง

              ถ้าปล่อยคุณซาริซ่าไว้คนเดียวละก็ เธอต้องสังหารโหดครัวของฉันแน่ค่ะ!’ ผมอ่านปากมิลิได้ว่าอย่างนั้น งงเลยครับ ผมจึงลากเธอมาสอบถามความจริงเพิ่มเติม

              “หมายความว่าไง” ผมกระซิบ ไม่ให้คุณซาริซ่าได้ยิน

              มิลิเหล่มองคุณซาริซ่าที่ดูงงๆกับการกระทำของเราสองคน แล้วจึงตอบผมเสียงเครียด “เพราะความรู้ทางอาหารเป็นศูนย์ แต่เพราะเป็นคุณซาริซ่า เธอจึงพยายามศึกษาทางด้านนั้นเพิ่ม ด้วยพื้นที่ห้องครัวของฉัน แล้วมันก็...”

              “แล้วมันก็...” ผมทวนอย่างตื่นเต้น จะเว้นประโยคทำไมฟะ คนมันลุ้น

              “ตู้ม! กลายเป็นโ*โ*ครั้น” มิลิทำท่าทางประกอบคำพูด “ห้องครัวเละเหมือนไปซัดกับใครมา...” มิลิเล่าพร้อมน้ำตา

              เข้าใจแล้วครับ ผมให้กำลังใจเธอด้วยการตบบ่าเธอเบาๆ แล้วจึงไปหาคุณซาริซ่า “ถ้างั้นเดี๋ยวผมออกไปซื้อให้เอง” ผมสรุป

              คุณซาริซ่ากระพริบตาปริบๆอย่างงงๆ ว่าเมื่อกี้ผมกับมิลิไปคุยอะไรกันมาถึงได้ข้อสรุปแบบนี้ และงงยิ่งกว่าเดิมเมื่อมิลิทำท่าตกใจ แน่ล่ะผมพึ่งคิดได้เมื่อกี้

              “แต่ว่ามันอันตรายนะคะ ที่คุณจะไปเดินในเมือง ถ้าเป็นแบบเมื่อวานล่ะก็...” มิลิพูดอย่างกังวล

              คุณซาริซ่าพยักหน้าเห็นด้วย “หัวหน้าสั่งห้ามคุณไม่ให้ออกไปข้างนอกคนเดียวนะคะ”

              ลืมไปเลยแฮะ เอาไงดี แต่ที่แน่ๆคือ ผมจะต้องได้กินข้าวเย็นวันนี้ การประท้วงของกลุ่มคนเมื่อเช้าสูบพลังชีวิตผมไปมากเหลือเกิน ไม่กินไม่ได้ ไม่งั้นผมได้แห้งตายจริงๆแน่

              ผมมองหน้าสองสาวอย่างเหนื่อยใจ คิดไม่ออกโว้ยยย...

              เดี๋ยวนะ...

              “คิดออกแล้ว!” ผมตะโกนอย่างดีใจ ทั้งสองคนก็ทำหน้าตกใจพร้อมแสดงความอยากรู้เต็มที่ ผมจึงชี้ไปที่มิลิ “เธอเฝ้าที่นี่!” แล้วผมก็ทุบอกตัวเอง “ผมไปซื้อ!” และสุดท้ายผมชี้ไปที่คุณซาริซ่า “คุณซาริซ่า บอดี้การ์ด!

              “เอ๋” คุณซาริซ่าชี้หน้าตัวเอง แล้วเธอก็นิ่งไปซักพัก แล้วก็ “อย่างนี้นี่เอง ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา เร็น ฉันจะเป็นคนปกป้องเอง!” เธอสรุปพอให้มิลิที่ทำหน้ากังวลคลายสีหน้าลงได้

              ท่าทางเธอดูมั่นใจเต็มที่แฮะ เอาเถอะ ยังไงซะผมก็ป้องกันตัวเองได้อยู่แล้วนะ ถ้าไม่เจอปืนแบบเมื่อวาน

              “ผมว่าเรารีบไปกันเธอครับ เดี๋ยวจะมืดซะก่อน” เดี๋ยวคุณมาร์คัสกลับมา ซวย...

              “ค่ะ ไปกันเถอะ” แล้วคุณซาริซ่าก็เดินนำผมไปอย่างแข็งขัน ผมตามเธอไปโดยที่ไม่ลืมรับลิสต์ของที่มิลิต้องการไปด้วย

     

              ไม่เห็นจะมีอะไรเลยแหะ ผมกับคุณซาริซ่าซื้อของกันอย่างราบรื่น ระหว่างที่ซื้อผมก็ได้มอบความรู้ทางด้านอาหารให้กับคุณซาริซ่า โดยที่เธอตั้งใจฟังที่ผมพูดเต็มที่ เมื่อซื้อเสร็จก็ได้เวลาเดินทางกลับ เพื่อรีบนำวัตถุดิบพวกนี้ไปแปรรูปเป็นอาหารเย็น...รีบก่อนที่คุณมาร์คัสจะกลับมา

              “เพราะเร็นแท้ๆ ฉันถึงแยกผักกาดขาวกับกะหล่ำออก บุญคุณครั้งนี้ฉันจะไม่มีวันลืมเลย” เว่อร์ไปไหมครับ...

              แต่เธอว่าแบบนั้นก็แอบภูมิใจในตัวเองไม่น้อยแฮะ

              พวกเราเดินไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก คงเพราะนี่เป็นเลิกทำงานของหลายๆที่ คนถึงได้มากขนาดนี้ ผมก็ได้แต่ไหลไปตามกระแสคน

              ไกลออกไปจากผมไม่มาก ผมเห็นชายหญิงสองคนเดินกันกระหนุงกระหนิง แม้ว่าผู้ชายผมทองคนนั้นจะทำให้สาวหลายคนต้องมองตามก็ตาม แต่สิ่งที่ทำให้ผมมองเขาเพราะว่า...

              “...ผีดูดเลือด...”

              “เอ๋ คุณว่าไงนะ” คุณซาริซ่าเสียงเข้มขึ้นมาทันที

              “ผู้ชายผมทองตัวสูงๆคนนั้น เป็นผีดูดเลือด” ผมบอกคุณซาริซ่า เธอมองตามทันทีจนเห็นผู้ชายคนนั้น

              “แล้วผู้หญิงล่ะ” เธอถาม

              ผมเพ่งมองผู้หญิงคนนั้น แต่ไม่ เธอไม่ใช่ผีดูดเลือด ถ้างั้นก็เป็น “เหยื่อครับ ตามไปกันเถอะ”

              คุณซาริซ่าพยักหน้าเห็นด้วย เพราะนี่คืองานของพวกเรา พวกเราต้องจัดการผีดูดเลือดตนนั้นและช่วยผู้หญิงคนนั้นก่อนที่เธอจะถูกหมอนั่นกิน

              พวกเราเร่งฝีเท้าตามทั้งสองคนนั่นไป แต่ด้วยปริมาณคนที่มากในเวลาเร่งด่วน การเร่งความเร็วจึงยากลำบากมาก แต่ทางนั้นก็เช่นกัน เพราะปริมาณคนขนาดนี้ พวกเขาจึงเดินได้ไม่เร็วมาก ยังทัน พวกเรายังตามทัน แต่ต้องรีบกว่านี้...

              จนกระทั่งถึงมุมถนน ผีดูดเลือดตนนั้นเดินเลี้ยวลับหัวมุมไป ทำให้ผมมองไม่เห็นเขา ผมกับคุณซาริซ่าจึงออกวิ่งอย่างพร้อมเพรียงกัน ดีที่ว่าตรงนี้คนบางลงแล้วถึงจะไม่มากก็ตาม แต่ก็พอที่จะให้พวกเราวิ่งฝ่าไปได้

              เราวิ่งตามมาจนถึงหัวมุม แต่ผีดูดเลือดตนนั้นก็หายไปแล้ว

              “คลาดกันซะแล้ว...”

              “ยังหรอก เขาไปได้ไม่ไกลหรอก” คุณซาริซ่าบอกแล้วรีบเดินต่อไป ผมจึงรีบตามเธอไป

              โชคไม่ดีนักที่ถนนสายนี้มีตรอกเยอะชะมัด เขาอาจจะเลี้ยวไปซอยใดซอยหนึ่งก็เป็นได้

              “ทางนี้” คุณซาริซ่านำผมไปอย่างรู้ทาง และพอผมทำหน้างงใส่เธอ เธอจึงตอบผมในขณะที่วิ่งไปด้วย “ผีดูดเลือดตนนั้น ดูยังไงก็ไม่น่าใช่ผีดูดเลือดระดับต่ำ เพราะงั้นที่ทานอาหารของเขาคงไม่ใช่ที่แบบนี้หรอก”

              เธอวิ่งจนมาหยุดอยู่ที่หน้าตรอกเล็กๆตรอกหนึ่ง มันมืดเพราะมีตึกบังแสงเกือบหมด แต่กลับสะอาดสะอ้านจนหน้าแปลกใจ

              “ที่นี่น่ะ จัดเป็นที่ต้องสงสัยว่าเป็นสถานที่ที่พวกผีดูดเลือดชั้นสูงพาเหยื่อมากิน” คุณซาริซ่าพูดถูก ตรงหน้าพวกเราคือผีดูดเลือดคนนั้นกับเหยื่อที่ลงไปกองกับพื้นแล้ว “ไม่ทันงั้นหรอ” คุณซาริซ่าพูดอย่างขุ่นเคือง ผู้หญิงคนนั้นไม่รอดแล้ว

              “โห ไม่นึกว่าจะมีอาหารวิ่งมาหาถึงที่เลยแฮะ” ผีดูดเลือดผมทองเดินเข้ามาใกล้พวกเรา คุณซาริซ่าบังผมไว้

              ผีดูดเลือดคนนี้...

              แย่แล้วสิ...

              “คุณซาริซ่า แย่แล้วครับ เจ้านี่ไม่ใช้ผีดูดเลือดชั้นสูงธรรมดา” ผมเสียงสั่น มองสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างหน้าตาอย่างมนุษย์อย่างหวาดกลัว พร้อมกับความทรงจำในอดีตที่ผุดขึ้นมาในหัว “ขุนนาง หรืออาจจะสูงกว่านั้นก็ได้”

              “จริงหรอ?” เสียงคุณซาริซ่าแสดงอาการหวาดหวั่นอย่างชัดเจน แต่พอเธอเห็นหน้าตกตะลึงของผมเธอจึงเก็บความกลัวทั้งหมดกลับไปและเรียกอาวุธโลหิตของเธอออกมา

              “คนของ บอร์เดอร์งั้นหรอ ฉันลงมาที่นี่แค่วันแรกไม่คิดว่าจะได้เจอเลยแฮะ” ผีดูดเลือดพูดสบายๆ ต่างจากพวกเราสองคนที่มีสีหน้าเครียด

              เขาเดินเข้ามาใกล้คุณซาริซ่าในระยะที่ห่างจากปลายดาบของคุณซาริซ่าแค่ไม่กี่เซ็นเท่านั้น “เลือด หอมดีนะ”

              คุณซาริซ่ายังคงมีสีหน้านิ่งไม่ไหวติง นิ่งจนไปยั๊วะผีดูดเลือดเข้า เขาจับคอคุณซาริซ่าและเหวี่ยงเธอไปที่กำแพงอย่างรวดเร็วจนผมมองไม่ทัน เห็นอีกทีเธอก็ทรุดลงไปแล้ว

              “อร่อยเกินคาดแฮะ ฉันชอบเลือดของเธอ” ผีดูดเลือดเอ่ยปากชมในขณะที่เลียเลือดของคุณซาริซ่าที่ติดมือเขา “แล้วนายล่ะ หลบหลังผู้หญิงแบบนี้ รสชาติคงเน่ายิ่งกว่าสุนัขขี้เรื้อน...” เขาพูดกับผม ถึงจะกลัวแต่ก็ยั๊วะนะเฟ้ย แต่ร่างกายไม่ขยับเลย ให้ตายสิ เจอผีดูดเลือดซึ่งๆหน้าเป็นครั้งแรกดันพวกสูงยิ่งกว่าระดับสูง ซวยอภิมหาซวย

              แล้วทำไมมองผมนานขนาดนั้น? เหมือนเขาพิจารณาอะไรบางอย่างอยู่ “นาย...ฮึ งั้นหรอ อย่างนี้เองสินะ” เขาหัวเราะในลำคอ แสยะยิ้มให้ผมแล้วเอื้อมมือมาที่หน้าผม เจ้านี่มันกะบีบหัวผมให้เละเป็นโจ๊ก!

              ใครจะอยู่เฉยๆให้บีบวะ ผมรีบจับดาบในมือตัวเองทันที แต่ก่อนที่ผมจะได้ชักดาบออกมาก็มีลำแสงสีฟ้าพุ่งตรงไปที่ผีดูดเลือด แต่มันก็สร้างดาบของมันด้วยเลือดมารับลำแสงสีฟ้าได้ทัน ทำให้เกิดประกายแสงกับเสียงโลหะกระทบกันดังลั่น

              ผีดูดเลือดรามือไปจากผม ไปปะทะกับเธอแทน

              คุณซาริซ่าที่เปรอะเลือดของตนยืนถือดาบสองมือเล่มใหญ่อย่างมั่นคง เธอสู้กับผีดูดเลือดอย่างสูสีจนผมมองไม่ทัน มันเร็วมาก สิ่งที่ผมเห็นและได้ยินมีเพียงแค่แสงสีวาบไปมาและเสียงดาบกระทบกันเท่านั้น

              คุณซาริซ่าแข็งแกร่งมาก ผมไม่คิดว่าเธอจะสามารถต่อสู้ได้สูสีกับผีดูดเลือดระดับขุนนางคนนี้

              “เจ๋ง! ฉันชอบ! ไม่คิดว่าจะมีมนุษย์ที่สามารถประมือกับฉันได้ขนาดนี้ ขนาดพวกเดียวกันเองยังไม่ได้ขนาดนี้เลย ฮ่าๆๆ” เขาสู้ไปหัวเราะไป เขากำลังสนุกกับการต่อสู้ผิดกับคุณซาริซ่าที่แสดงใบหน้าเคร่งเครียด “ถูกใจชะมัด มนุษย์! ฉันชอบเธอว่ะ! แต่ฉันไม่มีเวลาว่างมาเล่นกับเธอขนาดนั้น ว่าไง สนใจจะมาเล่นกับฉันมั้ย”

              พูดจบเขาอาศัยจังหวะที่คุณซาริซ่าเผลอเพราะสิ่งที่เขาพูด ใช้มือข้างที่ว่าง อัดเข้าที่ท้องของคุณซาริซ่าเต็มๆ จนเธอกระอักเลือด และนั่นทำให้ดาบเลือดของเธอสลายไปและกลับเข้าไปในร่าง แล้วคุณซาริซ่าก็สลบไป

              ผีดูดเลือดผมทองรับคุณซาริซ่าไว้ แล้วจับเธออุ้มพาดบ่า “ฉันจะปล่อยนายไปก่อน หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ คุณพี่ชาย” แล้วเขาก็กระโดดขึ้นหลังคาหายไปอย่างรวดเร็ว

              ผมมัวแต่อึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ผมปล่อยให้มันพาตัวคุณซาริซ่าไป...

              แต่เมื่อกี้ มันเรียกผมว่า พี่ชาย... 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×