คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บันทึกฉบับที่ 3 -เพื่อนร่วมงานที่ไม่ธรรมดา-
บันทึกฉบับที่
3
-เพื่อนร่วมงานที่ไม่ธรรมดา-
วันนี้คือวันเสาร์
วันหยุดแรกของผมตั้งแต่ก้าวเข้ามาในเมืองนี้
มันเป็นวันหนึ่งที่ดีไม่น้อย
เพราะไม่ต้องมีใครมาคอยตาม วันนี้ทั้งวันผมกะนั่งๆนอนๆอยู่ในบอร์เดอร์นี่แหละ
“อาหารของมิลินี่อร่อยจริงๆเลยนา”
ผมว่าพลางตักอาหารเช้าเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
เกิดมาพึ่งเคยกินของอร่อยแบบนี้เนี่ยแหละ
“คุณเร็นก็พูดเกินไป
ของแบบนี้มีให้กินทั่วไปในเมืองนั่นแหละค่ะ” มิลิตอบด้วยท่าทางเขินๆ
ขณะที่ทำอาหารไปด้วย “ถ้าคุณได้กินอาหารของอาจารย์ละก็ คงไม่พูดแบบนี้หรอกค่ะ
ฝีมือของอาจารย์กับฉันมันห่างชั้นกันมาก”
โห
เห็นเธอพูดแบบนั้น ผมก็อยากจะกินขึ้นมาแล้วสิ อาหารของอาจารย์...
“โย่
เด็กใหม่” เสียงที่สามทักขึ้น ท่าทางจะทักผมนั่นแหละ
เด็กใหม่ตอนนี้ก็มีแค่ผมคนเดียว
ผมหันไปมองคนมาใหม่
พบว่าพวกเขาเดินมากันสองคน อายุน่าจะไล่เลี่ยพอๆกับผม คนที่ทักผมเป็นเด็กหนุ่มผมสีเขียวเข้มเรียบ
ตาสีน้ำตาลของเขามองผมอย่างสนใจ ขนลุกเฟ้ย
ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงผมทอง
เธอผงกหัวให้ผมทีนึงแล้วเธอก็แยกตัวไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวี ส่วนคนที่ทักผมเมื่อกี้ก็เดินมานั่งข้างๆผม
เขาร่ายเมนูอาหารเช้าให้มิลิ แล้วเขาก็หันมาคุยกับผม
“หืม
ก็ไม่เห็นมีอะไรเป็นพิเศษ”
“ห๊ะ”
อะไรของเขา
“นาย
จริงๆแล้วเป็นใครกันแน่”
ผมชักไม่เข้าใจหมอนี่แล้วซิ
พูดอะไรของเขา “ผมเป็นคนธรรมดาครับ” ผมตอบไป
แล้วเขาก็ทำหน้าตกใจเล็กน้อยที่ผมตอบกลับ
“จะเป็นคนธรรมดาไปได้ยังไง
เมื่อวานเขาฮือฮากันมากเลยนะที่มีคนจับอาวุธโดยไม่ถูกดูดเลือดน่ะ ทำได้ไงอ่ะ”
เขาถามผมตาเป็นประกาย
อา
แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมใช้เวลาคิดอยู่ซักพัก จนหมอนั่นเบื่อที่จะรอ
“ช่างมันเหอะ
ดูจากหน้านายแล้วไม่รู้แหง” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ “เอาเถอะ จบแต่นี้เด็กใหม่”
“อะไรจบครับ”
ผมถามเขาอย่างสุภาพเช่นเดียวกับที่พูดกับคนอื่น
แม้ไอ้เจ้าหมอนี่มันไม่ทำตัวให้ผมอยากสุภาพด้วยเลยก็เถอะ
“ฉันชื่อ
เอซ่า สล็อต”
ไม่ได้ฟังตูเลยนี่หว่า!
เขาแนะนำตัว
ด้วยท่าทีที่ต่างไปจากเมื่อครู่ลิบลับ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เมื่อกี้เขาดูมึนๆ แปลกๆ แต่ตอนนี้กลายเป็นคนที่ดูสุขุม และนิ่งๆ? สองบุคลิกเรอะ
“อย่าแกล้งคุณเร็นสิคะคุณเอซ่า”
มิลิที่เตรียมอาหารเสร็จแล้วหันมาต่อว่าเอซ่า
แต่คนถูกต่อว่ากลับไม่สนใจและรับอาหารจากมิลิไปทานเฉยๆด้วยท่านิ่งๆ
แสดงว่าจริงๆแล้วเป็นคนนิ่งสินะ
“ฮึ
แค่ทดสอบดูเท่านั้นแหละ แต่ดูเอ๋อๆแบบนี้คงไม่ใช่สปายของพวกผีดูดเลือดหรอก”
เอ๋อ...!
ใครเอ๋อฟะ ไอ้นี่วอนเท้า
ชิ
ไม่ยุ่งด้วยแล้ว ทำไมที่นี่ถึงมีแต่พวกกวนประสาทผมเนี่ย ทั้งไอ้คุณเซโนแล้วก็เอซ่า
ผมรีบจัดการอาหารของตัวเองด้วยสปีดเทพจนมิลิแอบปรบมือให้
ทานเสร็จผมก็ย้ายทำเลไปที่โซฟาที่ผู้หญิงผมทองนั่งอยู่ เธอกำลังนั่งจิบชายามเช้าไปพร้อมกับดูข่าวในทีวีไปด้วย
แล้วทำไปคนในทีวีมันหน้าตาคุ้นๆละนั่น
สัตว์ประหลาด
มนุษย์ต่างดาวที่เพิ่งเจอเมื่อวันก่อนนี่หว่า
ที่จับตัวผมไป
ในทีวีมันเอาแต่พูดว่ามันเป็นผู้เสียหาย
กำลังขับรถอยู่ก็มีชายผิวสีแทนผมขาวมาทำลายรถเขาทิ้ง มันก็น่าละครับนั่น
จับตัวผมไปนี่หว่า จะเอาไปขายด้วย...
แต่เหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะหาว่ามันสมองได้รับความกระทบกระเทือน
เพราะคงไม่มีใครที่เล่นพิสดารไปผ่ารถชาวบ้านเล่นจนเละขนาดนั้น...
รู้น้อยไปซะแล้วคุณตำรวจ
“คุณเซโนสินะคะ”
เธอที่นั่งอยู่ที่โซฟาตรงข้ามกับผมพูดขึ้นพลางยกชาขึ้นจิบอย่างสบายใจ
“เพราะไปช่วยคุณที่ถูกลักพาตัวไป”
“รู้ละเอียดจังเลยนะครับ”
ผมพูดอย่างอายๆ กลายเป็นที่จดจำเพราะเรื่องนี้ไปซะได้
“ใครๆในบอร์เดอร์ก็รู้กันทั้งนั้นแหละคะ”
เธอพูดยิ้มๆ แต่แทงผมทะลุอก ไม่ใช่เป็นที่จดจำแต่กลายเป็นที่รู้จักไปซะแล้ว “อ่ะ
ฉันชื่อ ซาริซ่า ค่ะ ซาริซ่า วาร์เลียส”
“อ่ะ
ผม...”
“เร็น
คาร์ลัน ไม่ต้องบอกหรอกค่ะ ใครๆก็รู้จัก” ผมกลายเป็นคนดังไปแล้ว
นั่นคือสิ่งที่เธออยากจะบอกสินะ
“แค่แนะนำตัวให้ผมได้พูดเองเถอะครับ”
ผมขอร้องอย่างเหนื่อยใจ ทีแรกนึกว่าจะได้เพื่อนร่วนงานปกติๆกับเขาซะที
แต่เธอคนนี้ก็แปลกพอกัน กลุ่มนี้มันอะไรกันเนี่ย
คุณซาริซ่าเหมือนจะไม่เข้าใจที่ผมต้องการจะสื่อ
เลยได้แต่ยิ้มน้อยๆให้ผมและจิบชาของเธอต่อไป
ณ ชั้นบนสุดของตึกไลท์ไลน์
ผมที่ถูกคุณมาร์คัสชวนให้เล่นเกมกระดานอันใหม่ล่าสุดกำลังจะตาย ไอ้เกมบ้านี่มันดูดพลังชีวิตกันชัดๆ
สมองผมจะระเบิด!
สิ่งที่เรียกว่าเกมมันไม่ควรจะใช้สมองไม่รึไงฟะ!
"เธอคิดง่ายเกินไปนะ
เร็น เกมน่ะมันมีอะไรที่ลึกล้ำกว่านั้น ฉันถึงได้เล่นพวกมันเพื่อหาคำตอบยังไงล่ะ"
พูดอะไรของคุณวะครับ คุณมาร์คัส!! เขาเริ่มลอยไปไกลแล้ววว สติกลับมาด่วนๆ
"เราพักกันหน่อยดีมั้ยครับ"
ผมถามอย่างเหนื่อยๆ การใช้สมองมากๆในเวลาหนึ่งชั่วโมงมันทำให้ร่างกายล้าขนาดนี้เลยหรอเนี่ย
คุณมาร์คัสไม่ตอบ
เขากำลังใช้ความคิด และนั่นแปลว่าเขาไม่เลิก...
ไม่รู้อ่ะ ผมจะเลิก
"ผมไปชงชานะครับ"
ผมบอกเขาอย่างนั้น แต่คุณมาร์คัสก็ยังคงไม่ตอบ แล้วอยู่ในห้วงความคิดของเขาต่อไป เออ
คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว
ผมเดินไปที่มุมห้องเพื่อจัดการชงชาอย่างเซ็งๆ
สาเหตุที่ทำให้ผมต้องมานั่งเล่นเกมบ้าๆนี่เพราะคุณคนเดียว! คุณเจมส์!
เมื่อชั่วโมงที่แล้วหลังจากที่ผมปลีกตัวมาจากคุณซาริซ่าและเอซ่ามาหาพวกคุณมาร์คัสที่อยู่ชั้นข้างบน
สิ่งแรกที่ผมเห็นเมื่อเดินเข้ามาในห้องคือ คุณมาร์คัสที่กำลังจดจ่อกับอะไรบ้างอย่าง...
กล่องเกมน่ะแหละ
เขาพยายามแกะพลาสติกที่ห่อกล่องเกมเอาไว้
ส่วนคนอื่นๆก็ไม่มีใครสนใจคุณลุงน้อยกลอยใจของผมเลย ผมเลยอาสาช่วยเขาแกะ แล้วคุณเจมส์ก็พูดประโยคนั้นออกมา...
"ฉันจะไปแล้ว
งั้นนาย เร็น ช่วยเล่นเกมนั่นเป็นเพื่อนเขาทีนะ"
คุณเจมส์ที่เป็นเพื่อนเล่นเกมเพียงคนเดียวของคุณมาร์คัสพูดอย่างนั้นด้วยใบหน้าหนักใจ
ทีแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาทำหน้าอย่างนั้น แต่ตอนนี้กระจ่างเลยครับ
และท่าทางคุณมาร์คัสก็ดีใจมากที่ได้เพื่อนเล่นใหม่
เพราะอีกสองคนก็คือคุณเซโนกับคุณดีเลียไม่มีใครสนใจจะเล่นเกมกับเขาสักนิด แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเกมพวกนี้มันก็คือนรกดีๆนี่เอง
ทั้งสองคนเลยขอบาย ผมก็อยากจะบายเหมือนกัน แต่ท่าทางผมจะเข้ามาในที่ที่กลับออกไปไม่ได้ซะแล้ว
ผมยกชุดชามาตั้งที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยเกมนั่น
ซึ่งผมไปกวาดพวกมันลงพื้นไปอย่างรวดเร็วจนคุณมาร์คัสห้ามไม่ทัน พูดก็พูดเถอะ ไอ้เกมนรกนี่มันวอนให้โยนทิ้งซะจริง
คุณมาร์คัสมองเกมสุดที่รักลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น
ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจแล้วชวนเขาคุยแทน
"พวกคุณเจมส์ไปไหนกันเหรอครับ
คุณเซโนก็ไปด้วย"
"อ่า พวกเขา...
ไปเยี่ยม...หลุมศพมิเรียน่าน่ะ" คนคนนี้กู่ไม่กลับแล้วแฮะ
"คุณมิเรียน่า?"
ชื่อใหม่ได้ลอยเข้าหูผมอีกครั้ง
"แม่ของดีเลียน่ะ"
คุณแม่ของคุณดีเลีย งั้นก็ภรรยาของคุณเจมส์สินะ "จริงๆฉันก็อยากไปนะ แต่หมอนั่นบอกให้เฝ้าที่นี่ไว้"
อา หมอนั่นที่ว่าคงหมายถึงคุณเจมส์ แต่ไม่เห็นจะต้องเฝ้าเลยนี่
"ไม่ต้องเฝ้าก็ได้นิครับ"
ผมถามตามที่คิด จู่ๆหน้าคุณมาร์คัสก็เปลี่ยนมาเครียดทันควัน
"พวกเรารับฝากของสำคัญจากสาขาหลักไว้น่ะ
เดี๋ยวพวกแนวหน้าจะมารับไป"
"แนวหน้า?"
ทำไมมีแต่อะไรที่ผมไม่รู้จักทั้งนั้นเลยวะ
"พวกที่ต่อสู้กับผีดูดเลือดที่นอกเมืองน่ะ
ฐานใหญ่ของพวกมันอยู่ข้างนอก แล้วดันใกล้เขตของเราซะด้วย" คุณมาร์คัสพูดด้วยท่าทางเหนื่อยใจ
"พวกเขาชอบมาเอาตัวคนของเราไปอยู่เรื่อย"
"ยังมีคนอื่นนอกจากพวกเอซ่าอยู่อีกสินะครับ"
หวังว่าจะเป็นพวกปกตินะ
"อ่า ยังมีพวกเราอีกสามคนน่ะ
เก่งมากทีเดียว จริงๆเซโนก็โดนเรียกไปเหมือนกันนะ แต่เจ้านั้นไม่ยอมท่าเดียว แถมขู่ว่าถ้ายังบังคับให้ไปจะไปถล่มสาขาหลักให้ดู"
ถล่มสาขาหลักนี่มัน...เอาเถอะ
ถ้าเป็นคุณเซโนละก็ ทำได้ไม่เกินความสามารถ ไม่ๆ ต่อให้ทำไม่ได้ก็จะทำจนได้ล่ะ ชัวร์
คุณมาร์คัสทำหน้าเศร้าหลังจากที่พูดถึงสามคนนั่นที่ผมยังไม่รู้จัก
แน่นอนว่าการที่ให้ลูกน้องตัวเองออกไปเสี่ยงอันตรายขนาดนั้น คนเป็นหัวหน้าย่อมไม่ต้องการอยู่แล้ว
ผมสงสารคุณมาร์คัสจัง
"สามคนนั่นเป็นคนยังไงหรอครับ"
"อ่า จริงสิ
เธอยังไม่รู้จักสินะ" จะไปรู้ได้ไงละครับ "หนึ่งในนั้นคือสามีของเอรีน่า
เขาชื่อ เคย์ หมอนั่นเก่งมากเลย แล้วทำหน้าที่เก็บกู้อาวุธเลือดด้วย มีไม่กี่คนหรอกนะที่ทำได้น่ะ
ถ้าอย่างพวกเราไปจับอาวุธเลือดล่ะก็มันจะดูดเลือดพวกเราแล้วจึงไปรวมกับเลือดของเรา
แต่รู้ไหมเร็น อาวุธเลือดพวกนั้นสร้างจากเลือดของพวกผีดูดเลือด"
"หมายความว่า
เราเอาเลือดของผีดูดเลือดเข้ามาในตัวหรอครับ"
"ใช่แล้วละ
แต่ปริมาณแค่นั้นน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้ามากมันจะเปลี่ยนให้เราเป็นผีดูดเลือดได้"
ความรู้ใหม่เลยครับ ผมพึ่งรู้สึกว่าอาวุธที่ผมพกติดตัวอยู่นี่อันตรายชะมัด มันยังไม่ได้รวมกับเลือดผมเลย
วันไหนมันจะลุกขึ้นมาดูเลือดผมมั้ยเนี่ย
คุณมาร์คัสอธิบายต่อ
"แต่เคย์สามารถต่อต้านไม่ให้พวกมันดูดเลือดได้น่ะ และนั่นเพราะเขาได้รับอาวุธที่ทรงพลังมา
อาวุธที่เกิดจากเลือดของผีดูดเลือดที่เป็นขุนนาง เธออาจจะเป็นแบบเขาก็ได้นะ
คนเก็บอาวุธ”
“ผมหรอครับ”
ผมถามพร้อมชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
“ใช่แล้ว
ก็เมื่อวานเธอจับดาบทั้งๆที่ไม่โดนดูดเลือดได้ยังไงละ”
“แต่คุณก็...”
ผมถามพลางนึกถึงตอนที่คุณมาร์คัสส่งดาบที่ถูกเอาออกจากผ้าเมื่อวันก่อน
คุณมาร์คัสทำหน้างงเล็กน้อยแล้วค่อยทำหน้าที่อ่านว่า
‘อ๋อ’
“ฉันก็เหมือนเขานั่นแหละ
แต่ฉันมีงานส่วนอื่นที่ต้องดูแล เลยไม่ได้ออกไปเก็บอาวุธ แต่ถ้าเจอก็จะเก็บให้น่ะ”
เขาอธิบายจนผมกระจ่าง คุยกับคุณมาร์คัสเนี่ยเหมือนได้เรียนวิชาบอร์เดอร์เลยแฮะ
“ว่าไง สนใจมั้ย”
ยังไม่เลิกชวน
“คงไม่ละครับ”
“งั้นเหรอ
น่าเสียดายนะ” เขาถอนหายใจแล้วจึงแนะนำสมาชิกต่อ “อีกคนคือ ซัมเมอร์ เด็กคนนั้นแก่กว่าเธอปีสองปีได้มั้ง
เขาครอบครองอาวุธเลือดหลายชิ้น"
"หลายชิ้น
แล้วไม่เสี่ยงหรอครับนั่น"
คุณมาร์คัสแสดงสีหน้ากังวลออกมาแบบปิดไม่มิด
และเขาก็เลือกที่จะไม่พูดถึงประเด็นนั้น "เด็กคนนั้นค่อนข้างบ้าบิ่น เพราะว่าแค้นพวกผีดูดเลือดมากจึงต้องการพลังมาก..."
บรรยากาศเริ่มแย่ลงอีกครั้ง
ผมจึงเลิกพูดเรื่องของซัมเมอร์ต่อ
"ส่วนอีกคนก็คือ
น้องชายของซาริซ่า ชื่อว่าดาริล”
คุณซาริซ่ามีน้องชายด้วย
หวังว่าจะไม่ขี้แกล้งเหมือนพี่สาวนะ ถึงเธอคนนั้นจะแกล้งชาวบ้านโดยไม่รู้ตัวก็เถอะ
“คนนั้นก็เก่ง
มีภาวะผู้นำค่อนข้างสูงเลยล่ะ ถ้าพูดถึงหัวหน้าบอร์เดอร์สาขาตะวันออกคนต่อไปละก็
ฉันก็อยากให้เป็นเขานี่แหละ” คุณมาร์คัสเอ่ยถึงดาริลอย่างชื่นชม ท่าทางเขาจะภูมิใจในตัวลูกน้องของเขาไม่น้อย
“แต่ละคนเก่งๆทั้งนั้นเลยสินะครับ”
แต่อย่าแกล้งเก่งเหมือนพวกที่นี่ละกัน ผมเหนื่อย!
“ใช่
เป็นลูกน้องที่ฉันสามารถไว้วางใจได้ แต่พวกแนวหน้ากลับแย่งพวกเขาไป...”
คุณมาร์คัสที่พูดถึงตรงนี้เริ่มน้ำตาคลอเบ้า “ถ้าพวกเขาเกิดติดใจแนวหน้าขึ้นมาจะทำไงละเนี่ย...”
น้ำตาลูกผู้ชายร่วงผล็อย
เอาแล้วไง
ทำลุงแกต่อมน้ำตาตื้นจังวะ
ผมที่นั่งเงิบเลยต้องทำการปลอบเขาอย่างช่วยไม่ได้
เฮ้อทำไมทุกคนถึงชอบแกล้งผมให้เหนื่อยใจกันจังเลยนะ
หลังจากนั้นไม่นานพวกคุณเจมส์ก็กลับมา
ก็พบกับคุณมาร์คัสที่ยังคงสะอึกสะอื้นไม่เลิก คุณเซโนเลยหาว่าผมแกล้งคุณมาร์คัส
ผมเลยโดนอัดไปหนึ่งหมัดหนักๆ ผมมั่นใจเลยว่าหมอนั่นสะใจสุดๆ
เพราะผมเห็นมันแสยะยิ้ม
ผมเลยจัดการซัดคืนด้วยกล่องเกมอย่างแข็งของคุณมาร์คัสที่ผมได้เก็บให้เรียบร้อย
ทะเลาะกับคุณเซโนเสร็จเวลาก็ล่วงเลยมาถึงช่วงบ่าย
ไหนๆก็มีวันหยุดกับเขาบ้างผมก็ขอเดินเล่นชมเมืองนี่ซะหน่อย
ช่างเป็นวิวทิวทัศน์ที่ธรรมดาเสียจริง
ภาพของเมืองใหญ่ที่ผมได้เห็นจากที่อื่น ผมก็ได้เห็นมันจากที่นี่ ธรรมดาจริงๆ...
ถ้าไม่มีพวกตัวประหลาด
มนุษย์ต่างดาวพวกนี้นะ มันจะธรรมดาจริงๆ
นั่นคนพาคนแก่ข้ามถนนล่ะ
แต่คนช่วยดันเป็นมนุษย์ต่างดาวหัวปลาหมึก
นั่นคู่รักนั่งจู๋จี๋อยู่กันในคาเฟ่ล่ะ
แต่ทั้งคู่ดันเป็นพวกซอมบี้
นั่นมนุษย์เงินเดือนผู้เร่งรีบล่ะ
แต่เขาดันเป็นมนุษย์หมาป่า
นั่นสิบล้อกำลังซิ่งผ่าไฟแดงล่ะ
แล้วคนขับก็เป็นมนุษย์ต่างดาวอีกแล้ว รอบนี้หัวเหมือนแมงกะพรุน
นั่นสิบล้อกำลังพุ่งตรงมาทางกลุ่มคนข้ามถนนล่ะ
กระเจิงกันหมดทั้งคนทั้งตัวประหลาด
ผมมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสงบนิ่ง
เหลือผมคนเดียวนี่หว่า สวยล่ะสิทีนี้
ชิบบบบบบบบบบบบบ!
ปัง!
ร่างผมลอยละลิ่วไปกับสายลม
อยากหัวเราะแต่ก็อยากร้องไห้ชะมัด ทำไมซวยอย่างนี้วะ!!!
เดินออกมาจากตึกยังไม่ถึงกิโลเลยด้วยซ้ำ
บ้าชะมัด...
‘ร่างกายคุณไม่เป็นอะไรมากครับ
แค่กระดูกแขนหักทั้งสองข้าง ขาซ้ายหัก ศีรษะแตก พักซักอาทิตย์นึงก็หายแล้วครับ’
หมอเค้าว่างั้น
ผมเลยได้ที่นอนใหม่ในโรงพยาบาล และนั่นก็เป็นเหตุการณ์เมื่อวานซืน
สรุปคือผมนอนเล่นโรงพยาบาลมาสามวันแล้ว สนุกจัง
แต่ตอนนี้ขาผมหาย
แขนก็หาย มันเร็วจนน่าเหลือเชื่อ หมอยังงง
เขาบอกว่าแบบนี้อีกวันสองวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ไหนๆผมก็เดินได้
ขอมาเดินเล่นในโรงพยาบาลหน่อยก็ไม่เสียหาย
เพราะคุณมาร์คัสช่วยออกค่ารักษาพยาบาลให้ผมจึงได้นอนในห้องแยก
สงบดีเหมาะแก่การฟื้นตัว แต่มันสงบเกินไปสำหรับผมที่หายดีแล้ว แปลสั้นๆง่ายคือ
ผมโคตรเบื่อครับ
ผมเดินไปเรื่อยจนถึงสวนในโรงพยาบาล
ที่ให้ผู้ป่วยได้ผ่อนคลายไปกับธรรมชาติ ในสวนก็มีคนอยู่ไม่น้อย
แต่ตรงม้านิ่งที่มุมนึงในสวน มีกลุ่มคนหรือจะพูดให้ถูกคือกลุ่มเด็กๆอายุไม่เกินผมกำลังล้อมใครบางคนอยู่
ด้วยความสงสัยผมจึงเดินเข้าดู
คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเล่าเรื่องบางอย่างอย่างออกรส
เด็กๆที่ฟังอยู่ก็ดูสนุกไปกับมัน จนผู้ป่วยรอบเริ่มหันมาสนใจเด็กสาวนักเล่าคนนั้น
เรื่องเล่าของเธอทำให้ผู้คนในบริเวณนั้นมีรอยยิ้มกันถ้วนหน้า
แม้แต่ผมเองก็ยังเผลอยิ้มและหัวเราะตามไปด้วย
เมื่อเธอเล่าจบเด็กๆก็อ้อนให้เธอเล่าต่อ
แต่เธอปฏิเสธเพราะมันถึงเวลาที่เด็กๆจะต้องกลับไปพักผ่อนแล้ว
เด็กพวกนั้นจึงยอมไปพักผ่อนแต่โดยดี คนอื่นที่เห็นว่าเธอจะไม่เล่าแล้วจึงแยกย้ายกันออกไป
จนตรงนั้นเหลือแค่ผมกับเธอ
“นายไม่กลับไปที่ห้องตัวเองหรอ
หมดเวลาแล้วนะ” เธอพูด
พูดกับผมงั้นสิ
รอบๆนี้มีแค่เราสองคนนี่นา
“ก็ว่าจะกลับแล้ว
แล้วเธอล่ะ”
“ฉันก็จะกลับเหมือนกัน”
เธอตอบผม “งั้นเรากลับด้วยกันมั้ย”
เธอถามโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว
แต่จะให้ปฏิเสธผู้หญิงมันก็...
“ไม่ตอบงั้นถือว่าโอเคนะ
ไปกันเถอะ นายอยู่ชั้นอะไร ฉันอยู่ชั้นสี่”
“ผะ
ผมชั้นห้า”
โอเค
ฉันชื่อมีอา นายล่ะ”
“ผมหรอ
ผมชื่อ...” ในเวลาแบบนี้ดันติดอ่างซะงั้น บ้าชะมัด
“อะไรนายจำชื่อตัวเองไม่ได้หรอ
หรือว่าความจำเสื่อม นายมีผ้าพันหัวด้วยอ่ะ ฮิๆ” เธอซักผม
แต่มันชักจะออกทะเลไปแล้วแฮะ
“เร็น! ผมชื่อเร็น”
“เร็น...
งั้นหรอ จำได้สินะ นึกว่าความจำเสื่อมซะอีก ฮ่ะๆ
งั้นรีบไปกันเถอะเดี๋ยวคุณพยาบาลจะโกรธเอา”
เธอบอกอย่างงั้นแล้วก็จับมือผมวิ่งเข้าไปในตัวอาคารพร้อมกับหัวเราะคิกคักไปด้วย
บ้าชะมัด
ผมรับมือผู้หญิงที่ชื่อมีอาคนนี้ไม่ได้จริงๆ เธอแกล้งผม
ผมรู้ว่าเธอแกล้งเพราะท่าทางของเธอนั้นแสดงออกมาว่ามีเจตนาแกล้งอย่างชัดเจน
แล้วผมที่รู้ว่าเธอแกล้งก็ดันยอมให้เธอแกล้งต่อไปนี่ก็ไม่รู้จะว่ายังไงละ
ตัวเองยังอยากแกล้งตัวเองเลย
แล้วใครมันจะไม่อยากแกล้งล่ะ
เอาเถอะแต่อย่างน้อยผมก็ได้เพื่อน(?)ใหม่มาอีกคน
ยัยนี่ท่าทางกัดไม่ปล่อยแน่ๆ
ความคิดเห็น