ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blood Contrast พันธนาการศาสตราเลือด

    ลำดับตอนที่ #2 : บันทึกฉบับที่ 1 -บอร์เดอร์-

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 58



    บันทึกฉบับที่ 1

    -บอร์เดอร์-

              “...”

              “...”

              “...”

              “...”

              นี่ผมอยู่ในสถานการณ์แบบไหนกันเนี่ย ทำไมลุงสองคนนี่ถึงเอาแต่เล่นเกมกระดานมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว พวกคุณช่วยทำอะไรกับผมซะทีเถอะ นี่มันอึดอัดชะมัด

              ไอ้หัวหงอกข้างๆนี่ก็ช่วยรู้สึกตัวหน่อยได้มั้ย พวกคุณไม่ทำงานกันเรอะ ไม่ทำผมจะได้กลับบ้านกลับช่อง แล้วเจ๊ตรงนั้นก็มัวแต่จ้องถุงชาอยู่ตั้งนาน ช่างชามันแล้วมาสนผมดีกว่าครับ ขอร้องเถอะ

              “ฉันว่านายยอมแพ้ซะดีกว่า” คุณลุงหนวดพูดขึ้น ผมหันขวับไปมองทันที พูดถูกแล้วลุง รีบๆจบเกมแล้วมาจัดการเรื่องของพวกเราดีกว่า

              “ใครจะไปยอมละ นั่นมันข้าวเย็นฉันนะ” อ๋อ นี่ พนันกันด้วยข้าวมื้อ ช่างข้าวมันเถอะคร้าบ เดี๋ยวผมเลี้ยงก็ได้ แพ้ๆไปเถอะ ขอร้องละลุงแผลเป็น

              ทั้งลุงหนวดทั้งลุงแผลต่างก็ไม่มีใครยอมใคร แต่ผมยอมแล้ว...

              ยอมที่จะไม่เงียบต่อไป!!!

              “สนใจผมหน่อยสิวะครับ!!!” ซะที่ไหนล่ะ ใครมันจะไปกล้าขัดครับ! บรรยากาศนี้มาคุ...สักพักผมคงขาดอากาศหายใจตาย อึดอัดว้อยยย---! แล้วไอ้สองคนนั่นมันทนกันไปได้ไงวะ!

              ทำไงดี สงสัยต้องรอไปอีกสามชาติ

              “คุณมาร์คัส คุณว่าชาขาวหรือชาดำดีคะ” พี่สาวที่มัวแต่เลือกชา หันมาขอความคิดเห็นจากคุณมาร์คัส...ใครฟ่ะ แต่ก็ดีที่เธอเข้ามาทำลายบรรยากาศงี่เง่านี่ ผมจะได้แทรก

              “ผมว่าชาดำดีกว่า” ผมรีบตอบแทนคุณมาร์คัส “พวกคุณให้ผมที่นี่ ต้องการอะไรจากผมครับ”

              เมื่อผมพูดจบทุกคนก็มองผมด้วยสายตางงเล็กน้อย

              “เธอ เข้าที่นี่ได้ยังไงน่ะ” ลุงหนวดพูด

              “...” ผมนี่รับประทานจุดเลยครับ ลุงไม่ต้องมาทำซีเรียส เพิ่งเห็นจริงๆหรือว่าแกล้งครับ ไอ้บ้าที่พาผมที่นี่ก็พูดอะไรบ้างสิฟะ

              “คนนี้บอกให้ตามมา” ผมชี้ไปที่คนผมขาวที่นั่งทำหน้าเครียด เครียดอะไรของมันฟะ ช่วยมาเครียดเรื่องผมดีกว่ามั้ย

              “หือ...” เขาหันมามองหน้าผม แล้วก็ทำหน้าเหมือนพึ่งนึกอะไรบางอย่างออก “เด็กนี่ไง ที่คุณบอกให้พามา”

              “อ๋อ” ลุงแกก็ทำหน้าเหมือนนึกออกด้วยคน สรุปว่าลุงเป็นคนที่บังคับให้พาผมมาที่นี่ใช่มั้ย “เธอคือ มาร์วิน แอล ใช่มั้ย”

              ไม่ใช้โว้ยยยย มาวงมาวินอะไรไม่รู้จัก สรุปผิดตัวหรอครับ! ให้ผมนั่งใบ้เหน็บกินดูคุณเล่นเกมเป็นชั่วโมงเนี่ย ต้องการอาร้ายยยยย!

              “ไม่ใช่ๆ ผิดคน ขอโทษที” เขาขอโทษแล้วหยิบเอกสารบางอย่างจากโต๊ะทำงานใกล้ๆ แล้วพลิกไปมาจนกระทั่งเจอหน้าที่มีรูปของผมติดอยู่พร้อมโปรไฟล์ครบถ้วน น่ากลัวแฮะคนพวกนี้ จะทำอะไรกับผม... “เร็น คาร์ลัน ใช่มั้ย” เขาแก้ตัว

              “ครับ” ผมตอบอย่างสุภาพ แม้ในใจจะด่าเขาไว้เยอะ แต่เห็นอย่างนี้ผมเป็นสุภาพ เรียบร้อย รู้กาลเทศะ...จริงๆก็แค่ป๊อดเท่านั้นแหละ...

              “ฉันชื่อมาร์คัส ดี. เวอร์เบทซ์ ยินดีที่ได้รู้จัก” คุณมาร์คัสยื่นมือมา ผมก็จับมือตอบเขากลับ “ที่เรียกให้เธอมาที่นี่ในวันนี้ ฉันคิดว่าเธอคงรู้แล้วว่าเพราะอะไร” ไม่ๆ ไม่รู้เลยครับ “พวกเราคือ บอร์เดอร์พวกเราต้องการความร่วมมือจากเธอ”

     

              ถ้าถามว่าทำไมผมถึงตกไปอยู่ในสถานการณ์เมื่อครู่ คงเป็นเพราะผมดันจองหอพักของโรงเรียนไม่ทัน โรงเรียนเลยบอกให้ไปหาห้องพักเอง ทำให้ผมที่พึ่งมาถึงเมืองนี้ได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงต้องเดินตามหาห้องพักว่างในเมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์รวมความพิสดาร

    แต่ผมดันบังเอิญไปเดินข้ามถนนที่หน้าแบงค์ ที่กำลังถูกโจรชาวผีดิบปล้นอยู่ แล้วโจรที่ว่าดันวิ่งออกมาจากแบงค์ แล้วยิงปืนกราดใส่บริเวณรอบ แต่โจรมือดีดันแม่นจัด ยิงปืนไปโดนล้อรถสิบล้อที่กำลังวิ่งผ่านมาด้วยความเร็วสูงทำให้ยางแตกและพลิกคว่ำมาอยู่แทบเท้าผมที่กำลังเดินอยู่กลางถนนบนทางม้าลาย โดยที่สัญญาณคนข้ามถนนก็ส่องสีเขียว ทั้งที่ผมอุตส่าห์เป็นคนดีปฏิบัติตามกฎจราจรแท้ๆ แล้วทำไมคนซวยต้องเป็นผม

              เมื่อคนขับรถบรรทุกดันเป็นผีดูดเลือด และยังเป็นผีดูดเลือดที่กำลังขน สินค้าที่ตอนนั้นได้ออกมานอนเล่นนอกรถเรียบร้อย มันจึงจะจัดการปิดปากผม แล้วเนียนว่าผมโดนรถชนตาย แต่ผมดันรู้ว่ามันเป็นผีดูดเลือด ในขณะที่คนอื่นไม่รู้ เพราะพวกมันสามารถพรางตัวได้ ทั้งที่แกล้งไม่รู้แล้วกะแกล้งตายแล้วแท้ๆ มันดันเดินเข้ามาหาผมและกะจับเป็นตัวน่าสนใจไปให้เจ้านายมัน

              ไม่มีทางที่มนุษย์จะรู้ว่าผีดูดเลือดอยู่ตรงหน้าถ้ามันไม่เปิดเผยตัวเอง

              พอเห็นว่าตัวเองจะไม่รอดก็โกยสิครับ แหม ผมมันไม่สู้คน แต่ขอเถอะไอ้สายตามองมนุษย์เป็นอาหารที่เอาไว้กินน่ะ มันน่าจับผ่าสองซีก สับเป็นชิ้นๆแล้วเอาไปโยนให้ปลาฉลามกินซะ

              แน่นอนว่าผมมโน จะไปทำได้ยังไง ผมเลยจัดการใส่เกียร์หมา แต่ไอ้ผีดูดเลือดนั่นมันไวกว่า มันดักทางผมแล้วจับผมที่สูงแค่ร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ ไอบ้านี่เกือบสองเมตร(เว่อร์) ลอยขึ้นเหนือพื้น ผมก็กลายเป็นหนุ่มน้อยผู้ไร้ทางสู้ แล้วตอนนั้นเองที่ผู้ชายผมสีขาวผิวคล้ำคนนั้นมาช่วยไว้ เขาจัดการเสียบท้องผีดูดเลือดเบาๆด้วยมีดยาวสีแดงเหมือนเลือด แล้วก็ผ่าครึ่งอย่างที่ผมต้องการ

              ท่ามกลางควันที่เกิดจากไฟไหม ระเบิดต่างๆ เขาคุยอะไรกับใครบางคนผ่านเครื่องมือสื่อสารที่เหน็บอยู่ที่หู ผมไดยินแค่ พามาแล้วผมก็ถูกผู้ชายคนนั้นพาไปไหนก็ไม่รู้

              รู้ตัวอีกทีก็อยู่หน้าตึกหรูความสูงยี่สิบว่าชั้นที่ชั่วชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้ไปเหยียบชั้นบน แต่ตอนนี้ผมกำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องรับรองชั้นบนสุด

    นี่มันอะไร แม้แต่ตัวผมเองก็ตามไม่ทัน

     

              ความร่วมมืออะไรฟ่ะ ขอให้ประโยคที่มันชัดเจนกว่านี้หน่อยได้มั้ย ก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอก แค่ถ้าพูดไปผมจะได้เจอกับอะไรบ้างก็ไม่รู้...หรือไม่?

              “คุณมาร์คัส บอร์เดอร์นี่คืออะไรครับ” ผมถามอย่างสุภาพแทนประโยคที่คิดไว้เมื่อกี้

              “ผู้ใหญ่พูดอย่าขัดสิวะ เจ้าเด็กบ้า” ไอ้หงอกใกล้ลงโลงเอ่ยปากพูดประโยคที่สองตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้ ซ้ำยังดีดหน้าผาผมหงาย เจ็บว้อย!

              จริงๆมันก็ไม่ได้ใกล้ลงโลงอย่างที่ว่าหรอก แต่ผมนี่แหละจะส่งมันลงโลงเดี๋ยวนี้ถ้ามันยังไม่หุบปาก

              “นั่นสินะ เธอไม่น่าจะรู้จัก บอร์เดอร์” คุณมาร์คัสพูดแทรกขึ้นมา “บอร์เดอร์เป็นองค์กรลับที่เกิดจากความร่วมมือของหลายประเทศที่ต้องการรักษาสวัสดิภาพของมนุษย์ จากพวกอมนุษย์ที่อยู่ในเมืองนี้”

              “แต่เราก็ทำสัญญากับพวกเขาไว้แล้วไม่ใช่หรอครับว่าจะไม่รุกรานกันและกัน” ผมขัด

              “ใช่ แต่เธอคิดว่าพวกเขาจะยอมทำตามสัญญานั่นกันหมดหรอ มีบางพวกที่กินเราเป็นอาหาร มีบางพวกที่ขายเรา และยังมีบางพวกที่อยากจะศึกษาเกี่ยวกับเรา สัญญานั่นไม่อยู่ในสายตาของพวกมันหรอก” เขาตอบผมด้วยสีหน้าเรียบ

              เพราะอมนุษย์บางพวกต้องการใช้ประโยชน์จากมนุษย์งั้นสิ “แล้วคุณไม่คิดว่ามีพวกเราที่ทำแบบพวกเขาบ้างหรอครับ”

              ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว แย่ละสิ เผลอพูดสิ่งที่คิดไปซะได้

              “ฉันจะถือว่าไม่ได้ยินที่เธอก็แล้วกัน เร็น” คุณมาร์คัสบอกอย่างงั้น แต่ผมดูจากแววตาของเขา ผมแอบคิดว่าเขาก็เห็นด้วยกับผม...

              “แล้วคุณต้องการให้ผมทำอะไรครับ”

              “พลังของเธอ มีประโยชน์ต่อพวกเรามาก เป็นไปได้ไหมที่...”

              “ผมขอปฏิเสธครับ” ผมพอจะเดาสิ่งที่เขาจะพูดต่อได้แล้ว และไม่มีทางที่ผมจะเอาด้วย

              “ฟังให้จบก่อนสิเจ้าเด็กบ้า” ไอ้บ้าหัวมันจับหัวผมกระแทก ป่าเถื่อนจริงว้อย! ไอ้บ้านี่

              “เซโน” คุณมาร์คัสเตือน และนั่นคือสิ่งที่คุณควรทำตั้งนานแล้ว “ฉันจะขอให้เธอมาเป็นส่วนหนึ่งของเรา และเธอจะมีคนคอยปกป้องตลอดเวลา”

              “ก็ผมบอกว่าไม่ไงละครั...” เอ๋ ต่างจากที่คิดไว้แฮะ “เป็นส่วนหนึ่งคือ?”

              “พลังของเธอสามารถจัดการกับพวกอมตะอย่างผีดูดเลือด...แวมไพร์ได้ เพราะฉะนั้น เราอยากจะให้เธอร่วมสู้ไปกับเรา”

              “สู้ ผมไม่ถนัดแหะ” แต่ถ้าทะเลาะวิวาทนี่จัดมา

              แต่มีบอดี้การ์ดส่วนตัวก็ไม่เลวแหะ

              “ที่พักในอาคารนี้ เธอก็จะได้มัน และเธอก็สามารถดำเนินชีวิตตามปกติของเธอได้ แต่ถ้าถึงเวลาที่ต้องยืมมือเธอ ก็คงต้องขอให้เธอมาเป็นแนวหน้าให้กับเรา”

              ห้องพักฟรี เยี่ยม! ยังไงซะตอนนี้ก็ไร้บ้านอยู่ด้วย

              “แล้วก็ค่าจ้าง...”

              “ตกลงครับ” ไม่ต้องคิดอะไรมาก ผมยอมตั้งแต่บอดี้การ์ดแล้ว ฮ่าๆๆๆ

              “จริงหรอ ขอบคุณมาก” คุณมาร์คัสทำเสียงตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ แล้วเขาก็จับมือผมขึ้นมาเขย่าอย่างแรง “การตัดสินใจของเธอในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติเป็นอย่างมาก” คุณมาร์คัสพูดด้วยเสียงหนักแน่น

              แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัดสินใจผิดยังไงไม่รู้แหะ

     

              พอคุยกันเรียบร้อยผมก็ขอตัวไปทำธุระที่โรงเรียน เพื่อแจ้งเรื่องที่พักว่าเรียบร้อยแล้ว

              แต่ทำไม

              ทำไมถึงรู้สึกว่าคนเดินตามผมมา

              ผมหันกลับไปมอง แล้วก็เจอกับ...

              ไอ้หงอกผิวคล้ำ จนบัดนี้ยังสงสัยว่ามันเกิดมายังไง พิสดารแท้

              “ไอ้งะ...คุณมาทำอะไรแถวนี้ครับ” ผมถามเขาอย่างสุภาพมาก(สำหรับมัน)

              “แค่เดินผ่าน” เขาตอบ

              ผมไม่สนใจแล้วเดินต่อไป แต่มันก็เห็นชัดๆว่ามันตามผมมาแน่ๆ “คุณตามผมทำไม” ผมถามไปเดินไป เดินที่กำลังเปลี่ยนเป็นวิ่งนะ

              “ก็แค่เดินผ่านไง ฟังไม่รู้เรื่องเรอะ” เค้าโวยวาย ซ้ำยังเดินเร็วตามผม ทั้งที่ผมแทบจะวิ่งแล้วนะ ไอ้นี่มันขายาว

              ผมหยุดเดินทันที มันหยุดตาม “คุณมาร์คัสบอกให้ตามใช่มั้ย”

              “ปล๊าว” เสียงสูงโว้ย

              ผมรีบวิ่งกลับไปที่ตึกนั่นทันที

              รีบไปทำไมน่ะหรอ

              ไปเปลี่ยนบอดี้การ์ดสิ ถามได้

              ผมมั่นใจว่าบอร์เดอร์มันไม่ได้มีอยู่แค่สี่คนนี้หรอก มันน่าจะมีเป็นสิบๆ หรืออาจจะร้อยคนด้วยซ้ำ แล้วทำไมต้องเป็นหมอนี่ฟะ!

              “แกจะรีบไปไหนนนน” แน่ะ มันยังวิ่งตาม

              สงสัยผมคงตัดสินใจผิดจริงๆนั่นแหละ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×