ตอนที่ 3 : Dear Santa 3

Dear Santa 3
คุณนายจองเอาแต่เฝ้าดูเวลาด้วยความตื่นเต้น เลขาคิมขับรถนำขบวนมา เขาเพิ่งโทรมาบอกว่ายงฮวากับเด็กคนนั้นกำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้แล้ว
“มินฮยอกลูกแม่…คราวนี้แม่จะได้พูดคุยกับลูกจริงๆแล้วใช่ไหม?”
….
บ้านตระกูลจองหลังใหญ่โตโอ่อ่าดูหรูหรามากเสียจนทำให้จูฮยอนนั่งมองด้วยความตะลึงงัน มันไม่ใช่บ้าน ถ้าบอกว่าเป็นราชวังเธอคิดว่าน่าจะเหมาะสมมากกว่าด้วยซ้ำ
“ลงมาได้แล้วคุณ” ยงฮวาเดินอ้อมมาช่วยเปิดประตูรถให้ จูฮยอนก้าวลงมาด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ จนทำให้เขาต้องกลั้นรอยยิ้มเอาไว้
“ไม่ได้พามาเชือดมาฆ่าแน่ๆครับ ในเมื่อคุณบอกว่า…มองเห็นน้องชายของผมจริงๆ แล้วก็รู้เรื่องน่าอายของผมผ่านเค้า เพราะฉะนั้นหลังจากนี้คุณจะต้องพิสูจน์ตัวเอง ว่าคุณมองเห็นน้องผมจริงๆ ไม่ใช่แค่มโน”
จูฮยอนเดินตามหลังยงฮวาเข้ามาในบ้าน โดยมีมินฮยอกเดินประกบตามหลัง เขาคอยปลอบประโลมบอกว่าไม่ให้จูฮยอนตื่นเต้นมากจนเกินไป
“แม่ของผมเป็นคนใจดีนะครับ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกลัวอะไรเลยทั้งนั้น ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติก็พอ”
จูฮยอนพยักหน้ารับ พฤติกรรมที่ชอบทำเหมือนว่ากำลังพูดคุยอยู่กับคนที่ไร้ตัวตน คือสิ่งที่มองดูกี่ครั้งก็ไม่ทำให้ยงฮวารู้สึกชินเสียที จริงอยู่ว่าจูฮยอนเล่าเรื่องของเขาได้ละเอียดยิบเหมือนตาเห็น แต่เขาก็พยายามที่จะมองหลายมุม ว่าบางทีจูฮยอนอาจบังเอิญผ่านไปที่สนามบินในวันนั้นก็ได้ ถึงเธอจะความจำเสื่อม แต่ก็ไม่แน่ว่าบางทีเธออาจจะจำเรื่องบางเรื่องได้แล้วก็ได้
“มากันแล้วครับ คุณนาย”
คุณนายจองรีบออกมาต้อนรับลูกชายและจูฮยอนด้วยความดีใจ
“นี่แม่ผมเองครับ” ยงฮวาเอ่ยปากแนะนำ จูฮยอนนั้นเป็นเด็กสาวมารยาทงามและอ่อนน้อมถ่อมตนกับผู้ใหญ่ แค่ได้เห็นหน้าครั้งแรก คุณนายจองก็รู้สึกถูกชะตากับเด็กสาวในทันที
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีจ๊ะ เอ่อ…หนูบวชแล้วหรอจ๊ะ?”
จูฮยอนเอามือจับผ้าคลุมผมของตัวเองก่อนที่จะยิ้มเจื่อน ไม่ว่าใครได้เห็นก็มักจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นแม่ชีกันทั้งนั้น ความจริงแล้วจูฮยอนอยากให้ผมของตัวเองยาวเร็วๆ แต่ว่าเธอทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องทนใช้ผ้าคลุมผมแบบนี้ต่อไปก่อน
“ยังหรอกครับแม่ จูฮยอนผ่าตัดสมอง ผมของเธอยังสั้นอยู่น่ะครับ” ยงฮวาช่วยอธิบาย
“อ๋อ…อย่างนี้นี่เอง ขอโทษด้วยนะจ๊ะที่เข้าใจหนูผิด เชิญทางนี้เลยดีกว่าจ๊ะ”
ถัดเข้ามาในห้องด้านใน คราวนี้จูฮยอนได้เห็นร่างของมินฮยอกอย่างเต็มตา เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมมินฮยอกถึงได้รู้สึกมีห่วงกังวลจนไปไหนไม่ได้
“ยงฮวาบอกป้า ว่าหนูเห็นมินฮยอก… ”
“ค่ะ ตอนนี้เขาก็อยู่กับเราที่นี่ กำลังยืนดูคุณป้าอยู่ค่ะ”
คุณนายจองถึงกับต่อมน้ำตาแตก รู้สึกอินหนักทุกครั้งที่มีคนพูดเรื่องของลูกชาย ต่อให้พวกเขาโกหก คุณนายจองก็ยังอินได้
“มินฮยอก…แม่คิดถึงลูกมาก”
ลูกชายคนเล็กยืนมองดูแม่ของตัวเองทั้งน้ำตา พยายามที่จะเข้าไปกอด แต่ตนไม่มีความสามารถ
“คุณมินฮยอกเองก็คิดถึงคุณป้ามากด้วยเหมือนกันค่ะ” จูฮยอนเป็นตัวแทนพูดแทนคนที่ไม่มีโอกาสได้พูด ส่วนยงฮวาทนดูน้ำตาของแม่ไม่ไหวจนต้องเบือนหน้าหนี คำพูดของจูฮยอนไม่ได้แปลกใหม่ มันไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอเห็นมินฮยอกจริงๆ
“แม่ขอโทษที่ช่วยลูกไม่ได้”
“บอกแม่ให้ผมหน่อย ว่าผมรู้ดีว่าแม่พยายามเต็มที่ แล้วก็ทำดีมากที่สุดแล้ว ผมเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้กอดแม่อีก ผมขอให้แม่ปล่อยให้ผมจากไปอย่างสงบ อย่ายึดติดกับร่างที่ไร้ลมหายใจของผมอีกเลย เพราะยิ่งแม่เก็บร่างของผมเอาไว้ ผมก็ยิ่งต้องเป็นทุกข์เพราะน้ำตาและความรักความอาลัยอาวรณ์ของแม่ คนเรา...เกิดมาแล้วก็ต้องตาย มันเป็นธรรมชาติที่ใครก็ฝืนไม่ได้ ผมมีความสุขมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่ ผมมีความสุขมากที่ได้เกิดมาเป็นน้องชายของพี่ยงฮวา ผมรักแม่ รักพี่ยงฮวา แล้วก็รักเลขาคิมด้วย”
คุณนายจองปล่อยโฮหลังได้รับฟังคำพูดของลูกชาย ไม่คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองทำลงไปจะทำให้ดวงวิญญาณของลูกชายคนเล็กไม่เป็นสุข เธอก็แค่เสียใจ และรับไม่ได้กับการสูญเสียก็เลยทำตามคำแนะนำของบรรดาหมอดูคนทรงเจ้าว่าให้เอาร่างของมินฮยอกมาเก็บไว้ที่บ้าน เธอเองก็คิดอยู่แต่แรกแล้วว่าต้องเสี่ยงดวงกับการถูกหลอก จูฮยอนเป็นคนแรกที่พูดตรงๆ บอกให้เธอเลิกยึดติดกับร่างไร้วิญญาณของลูกชาย
จูฮยอนออกมานั่งรอข้างนอกในระหว่างที่มินฮยอกยังคงอยู่ในบ้านเฝ้ามองดูแม่กับพี่ชายของเขาด้วยความคิดถึง
คุณนายจองตัดสินใจว่าจะพามินฮยอกไปฝังที่สุสาน ทำพิธีให้ถูกต้องตามหลักศาสนา เธอหวังว่าหลังจากนี้มินฮยอกจะได้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างสงบสุข
ยงฮวาเห็นด้วยอย่างเต็มที่เพราะเขาไม่เห็นด้วยกับวิธีของแม่มาตั้งแต่ต้น จะติดอยู่อย่างเดียวก็คือ ตอนนี้เขายังไม่เชื่ออยู่ดีว่าจูฮยอนมองเห็นและสามารถพูดคุยกับมินฮยอกได้จริง แม่เชื่อคนง่ายเกินไป
“แม่ตัดสินใจแล้ว ว่าจะขอรับอุปการะหนูจูฮยอนมาเป็นลูกสาวอีกคน”
“อะไรนะครับ? จูฮยอนป่วยนะครับ เธออาจจะแค่พูดไปตามจินตนาการก็ได้”
“ป่วยแล้วเห็นผีไม่ได้หรอ ไปบอกกับซิสเตอร์มารีย์แอนนาให้แม่ที ว่าแม่ขอรับหนูจูฮยอนมาเป็นลูกสาวนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป, เลขาคิมช่วยจัดการเรื่องห้องพักแล้วก็จัดหาของใช้ส่วนตัวให้หนูจูฮยอนด้วยนะ ทุกอย่างต้องเสร็จภายในวันนี้”
“….” ยงฮวายืนอึ้ง ไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไร เพราะว่าพูดไม่ทัน เขาเพิ่งเสียน้องชายไปเมื่อเดือนก่อน แล้ววันนี้ก็กำลังจะมีน้องสาว จูฮยอนเห็นมินฮยอกได้จริงหรือเปล่า เรื่องที่สนามบินเมื่อห้าปีก่อนเธอก็รู้อย่างละเอียดยิบ
มินฮยอกรีบนำข่าวดีมาบอกแก่จูฮยอนด้วยความรวดเร็ว เขาดีใจกับเธอด้วยและคิดว่าการที่จูฮยอนได้รับความเอ็นดูจากแม่จะทำให้เธอมีอนาคตที่ดีมากกว่าการบวชเป็นแม่ชีอย่างแน่นอน
“อะไรนะคะ!?” จูฮยอนตกใจจนนั่งไม่ติดที่ เธอเตรียมตัวและเฝ้ารอเวลาที่จะได้กลับไปที่โรงเรียน แต่มินฮยอกกลับบอกแก่เธอว่า วันนี้เธอจะไม่ได้กลับไปที่นั่นอีกแล้ว
ยงฮวาเดินหน้าตึงออกมาบอกข่าวแก่หญิงสาว แม้ว่าจะยังคงดื้อไม่ยอมเชื่อเรื่องที่ว่าจูฮยอนมองเห็นดวงวิญญาณของน้องชาย แต่ลึกๆแล้วเขาก็แอบดีใจอยู่เหมือนกันที่จากนี้จูฮยอนจะมาอยู่ใกล้ๆ
“แม่ให้มาเรียกน่ะครับ ผมคงไม่ต้องอธิบายใช่ไหมว่าผมจะมาพูดเรื่องอะไร”
ใบหน้าของจองยงฮวาดูปั้นปึ่งและยียวนกวนใจได้มากไปกว่าในทุกครั้ง ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร เขาก็ไม่เคยคิดเชื่อเธอเลย
“คุณมินฮยอกบอกฉันแล้วค่ะ ว่าคุณแม่ของคุณจะให้ฉันอยู่ที่นี่”
“….” แม้จะแปลกใจที่จูฮยอนรู้ข่าวได้รวดเร็ว แถมทุกคนที่รู้เรื่องนี้ก็ยังคงอยู่ด้วยกันในบ้าน มีแค่เขาคนเดียวที่เดินออกมาทางนี้ แต่ยงฮวาก็ยังโกหกตัวเองว่าบางทีอาจจะมีใครวิ่งมากระซิบบอกจูฮยอนก่อนแล้วก็ได้
“ฝากบอกท่านว่าฉันขอบคุณและรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจมากจริงๆ แต่ว่า… ”
“แต่อะไรของคุณ อยู่ดีดีมีคนรับอุปการะเป็นลูกสาว มันไม่ดีตรงไหน?” ยงฮวาลอยหน้าถาม
“ที่ฉันบอกว่ามองเห็นคุณมินฮยอก ก็เพราะฉันอยากช่วยเค้า ไม่ได้หวังผลตอบแทนอย่างอื่น ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากให้ฉันอยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้นฉันกลับไปอยู่ในที่ของฉันคงดีมากกว่า ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิมนะคะ จะได้ไม่ต้องมาทนเหม็นขี้หน้ากัน”
ยงฮวายืนอ้าปากค้างเมื่อจู่ๆ จูฮยอนก็เดินเท้ากลับออกไปอย่างดื้อๆ พอตั้งสติได้เขารีบวิ่งตามมาห้าม แต่จูฮยอนกลับสะบัดมือของเขาทิ้ง จนทำให้ยงฮวาต้องใช้กำลัง
“นี่คุณ! หยุดนะ ห้ามออกไป”
มินฮยอกเอามือปิดตา แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น พี่ชายของเขาฟอร์มเยอะจนได้เรื่อง ขนาดให้จูฮยอนทบทวนความทรงจำเรื่องกางเกงในสีแดงให้แล้ว ยังจะทำดื้อทำอวดเก่งอีก
“ปล่อยนะ! ฉันจะกลับ”
“แม่บอกให้เลขาคิมเตรียมตัวออกไปหาซื้อของใช้ส่วนตัวมาให้คุณแล้ว คุณจะกลับไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”
ยงฮวาฉุดลากข้อมือบาง ส่วนจูฮยอนก็ดิ้นหนีสุดฤทธิ์สุดกำลัง พอดิ้นหลุดได้จูฮยอนก็ตั้งท่าจะวิ่งหนี ยงฮวาไม่ยอมยื่นมือฉุดคว้าได้ผ้าคลุมผมติดมือกลับมา
…!
จูฮยอนโมโหที่ถูกดึงผ้าคลุมผมจนหลุด เธอทั้งอับอายและโมโห ที่เปิดเผยเรือนผมสั้นกุดให้ยงฮวาได้เห็น
“เอาคืนมานะ!”
ยงฮวาแพ้น้ำตา ทว่าข้อมือของเขามันรั้น ไม่ยอมคืนผ้าคลุมผมให้กับหญิงสาวตรงหน้า จูฮยอนสะอึกสะอื้นทั้งน้ำตา แม้จะโกรธแต่ก็อายมากกว่า กลัวว่าตัวเองจะดูไม่สวยในสายตาของคนนิสัยไม่ดี
“บอกให้เอาคืนมา… ”
“โธ่…พี่ผม เอาแล้วไหมล่ะ? ทำไมถึงไม่เข้าใจผู้หญิงเลย คืนสิครับ คืนให้เธอเลยเร็วๆ” มินฮยอกยืนลุ้นจนตัวโก่ง
ยงฮวารู้ตัวว่าตัวเองทำผิดและทำให้จูฮยอนต้องอับอาย ในสายตาของเขาแม้ว่าผมของเธอจะสั้นกุดแค่ไหน หรือต่อให้ไม่มีเส้นผมเหลือเลยแม้สักเส้นเดียว แต่จูฮยอนก็ยังดูสวยน่ารักไม่เปลี่ยนแปลง
“ผมขอโทษ… ”
จูฮยอนยื่นมือมาเพื่อแย่งเอาผ้าคลุมผมของตัวเองคืน แต่ยงฮวากลับไม่ยอมให้ แถมยังบอกให้เธอยืนนิ่งๆ ห้ามขยับตัวหนีไปไหน
ร่างบางตกใจจนตัวสั่น เมื่อคนตรงหน้าช่วยสวมผ้าคลุมกลับคืนให้ มือของเขาอ่อนโยน แม้แต่น้ำเสียงก็ยังดูอ่อนนุ่มมากไปกว่าในทุกครั้ง
“คุณคงมั่นใจในตัวเอง ถ้าหากว่าผมยาวได้เท่าเดิม แต่ผมอยากบอกคุณว่า…ไม่ว่าผมจะสั้นหรือจะยาวมากแค่ไหน คุณก็ยังดูสวยและน่ารักมากอยู่ดี”
อยู่ดีดีก็เปลี่ยนอารมณ์มาชมกันซึ่งหน้า ทำเอาจูฮยอนหน้าแดงด้วยความเขินอายมากไปกว่าเก่า แต่คำชมนั้นก็ทำให้น้ำตาของเธอแห้งเหือดไปได้ด้วยความรวดเร็วเช่นเดียวกัน
“ฉันไม่ชอบคนพูดโกหกค่ะ ฉันเห็นตัวเองอยู่ทุกวัน ฉันรู้ดีว่าตัวเองในตอนนี้เป็นยังไง”
“ผมก็ไม่ชอบคนพูดโกหกด้วยเหมือนกัน ถ้าหนีก็แสดงว่าคุณโกหก ถ้าเก่งจริงต้องอยู่พิสูจน์ตัวเอง แล้วทำให้ผมยอมรับคุณให้ได้”
สายตาที่ดูมึนตึงเหนื่อยหน่ายกับคำพูดของเธอในตอนที่เป็นตัวแทนพูดแทนน้องชายของเขา ตอนนี้มันดูเปลี่ยนไปแล้ว ดวงตาของยงฮวาเต็มไปด้วยประกายมากมายจนทำให้เธอรู้สึกประหม่าและเขินอาย มันอาจเป็นเพราะว่ายงฮวาได้เห็นเส้นผมสั้นกุดของเธอแล้วก็ได้
“ฉันพยายามปกปิดมันเอาไว้ตลอด ทุกครั้งที่ส่องกระจกแล้วจ้องมองตัวเอง ฉันเอาแต่เร่งวันเร่งคืนอยากให้ผมของฉันยาวเร็วๆ แต่วันนี้จองยงฮวากลับได้เห็นในสิ่งที่ฉันไม่อยากให้ใครได้เห็น ฉันอายมากจริงๆ”
ภายในเวลาไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ชีวิตของจูฮยอนพลิกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนนี้เธอมีห้องนอนส่วนตัวขนาดใหญ่ที่สวยงามราวกับห้องของเจ้าหญิง มีเสื้อผ้าสวยๆให้เลือกเปลี่ยนได้อย่างจุใจ กระเป๋า รองเท้าหรือเครื่องประดับ ในห้องนี้มีครบทุกอย่าง ทั้งที่ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดฝันถึงในสิ่งเหล่านี้เลย
“คืนนี้ฉันคงนอนไม่หลับ เพราะว่าคิดถึงทุกคนที่โรงเรียน”
มินฮยอกดีใจด้วยจากใจจริง จูฮยอนเป็นคนซื่อๆ ถึงจะจดจำเรื่องเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้ แต่เธอก็เป็นหญิงสาวที่มองโลกในแง่ดีและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในแบบเธอเป็น ถึงตอนนี้จะมีพร้อมทุกอย่างแต่จูฮยอนก็ยังไม่ลืมเพื่อน ไม่ลืมทุกคนที่โรงเรียนเตรียมแม่ชี ห้องนอนหรูหราและความเพียบพร้อมในชีวิตไม่ได้ทำให้คนเรามีความสุขเสมอไป
“อีกหน่อยก็คงชินไปเอง อยู่ที่นี่นั่นแหละดีแล้ว ไม่ต้องเหนื่อยปัดกวาดเช็ดถู หรือว่าจัดดอกไม้ในโบสถ์ ไม่ชอบหรือไง”
“มันแปลกๆน่ะค่ะ แปลกไปหมด ฉันทำตัวไม่ถูก คงไม่ชินง่ายๆแน่” จูฮยอนออกอาการประหม่าและอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด เธอเอาแต่ยืนมองดูทุกอย่างรอบตัวด้วยความมึนงง แม้แต่จะนั่งบนเตียงก็ยังไม่กล้า ได้แต่เดินเข้ามาลูบๆคลำๆ แล้วก็เดินถอยหลังกลับออกมาตั้งหลักใหม่
“ผมไม่กวนแล้วนะ ขอไปเดินเล่นรอบบ้านหน่อย ผมอยากดูทุกอย่างให้ทั่วๆ แล้วก็มองดูแม่ ดูพี่ยงฮวาให้นานๆ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้เห็นพวกเขาอีก”
“….” จูฮยอนหันมองตามร่างที่เดินทะลุประตูผ่านออกไปด้วยความเศร้า มินฮยอกน่าสงสารมาก การบอกลาจากคนที่เรารักเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก แต่มินฮยอกก็สามารถทำมันได้อย่างเข้มแข็ง เธอหวังว่าหลังจากนี้เขาจะสุขสงบ ได้ไปอยู่ในที่ดีดีและมีความสุขชั่วนิรันดร์
จูฮยอนยืนมึนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า แม่ของยงฮวาบอกให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เตรียมตัวลงไปทานมื้อกลางวันด้วยกัน
“เยอะขนาดนี้…จะใส่ตัวไหนดี?” จูฮยอนเลือกเสื้อผ้าไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่าเธอเรื่องมาก แต่มันสวยมากเกินไปต่างหาก
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงนั้นทำให้จูฮยอนเดินตรงดิ่งมาที่ประตู หากแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ยงฮวาก็เปิดประตูเข้ามาก่อน
“ขอผมเข้าไปหน่อยได้ไหม?”
จูฮยอนถอนหายใจ ก็ยังดีที่ยังบอกกล่าวกันก่อน แม้เธอจะเป็นแค่ผู้อาศัยก็ตาม
ยงฮวาถือถุงกระดาษใบโตเข้ามาในห้อง พักใหญ่ๆแล้วที่แม่บอกว่าให้จูฮยอนเปลี่ยนชุดเพื่อที่ว่าจะได้ลงไปกินข้าวด้วยกัน แต่เธอก็ยังคงอยู่ในชุดเดิม ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นเลย
“เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว จะให้แม่ผมนั่งรอหรอ ทำไมคุณถึงไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียที ใจคอจะใส่ชุดแม่ชีเดินไปเดินมาในบ้านของผมหรอ?”
“ชุดแม่ชีที่ไหนคะ? แล้วถามจริงๆ ชุดแม่ชีเนี่ย…ใส่เดินในบ้านนี้แล้วมันจะทำให้คุณเสียเกียรติ เสียศักดิ์ศรีหรอคะ?” จูฮยอนเอ่ยถามพร้อมกับจ้องหน้ายงฮวาด้วยความไม่พอใจ
ร่างแกร่งก้าวเดินเข้ามาใกล้ ชี้นิ้วจิ้มลงบนหน้าผากของหญิงสาวผู้ดื้อรั้น จูฮยอนย้อนได้ทุกคำ ถ้าเป็นน้องสาวจริงๆ คงมีได้ตีก้นกันบ้าง
“เปลี่ยนชุดก่อน เปลี่ยนชุดแล้ว กินข้าวแล้ว แล้วเราค่อยมาทะเลาะกันใหม่ ถ้ายังไม่ยอมไปเปลี่ยน ผมอาจจะ…ทำเรื่องบางอย่าง กับคุณอีกก็ได้” ยงฮวายอมทิ้งถุงที่ถือมา แล้วรวบเอวบางเข้ามาจนแนบชิด
…!
จูฮยอนตกใจจนหน้าแดงเรื่อ ยงฮวาจ้องมองพวงแก้มสีแดงจัดก่อนที่จะโน้มใบหน้าลงมาใกล้
ลมหายใจร้อนระอุค่อยๆ คืบเข้าใกล้พวงแก้มนุ่มตึงทีละน้อย จูฮยอนขยุ้มกำเสื้อสูทของยงฮวาเอาไว้แน่น ทั้งตื่นเต้นและตื่นกลัวจนตัวแข็งทื่อไปหมดแล้ว
สาวใสซื่อตาโตก่อนที่จะกลืนน้ำลายแห้งผาดลงคอเมื่อริมฝีปากอบอุ่นฝังแน่นลงบนแก้มของเธออย่างเชื่องช้า
ยงฮวาถอนริมฝีปากออก จ้องมองหญิงสาวในอ้อมแขนด้วยรอยยิ้ม นิ้วแกร่งเผลอยกขึ้นมาเกลี่ยไล้ริมฝีปากอวบอิ่มด้วยความหลงใหล ได้อยู่ใกล้จูฮยอนทีไร หัวใจของเขาแตกกระเจิงทุกที รู้อยู่เต็มอกว่าการกระทำของตัวเองนั้นช่างไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย ถ้าเขากลืนกินเธอได้ เขาก็อยากที่จะทำ แต่ติดที่ยังทำไม่ได้ในตอนนี้
“คือว่า…คือ ฉันไม่กล้าเปลี่ยนชุดค่ะ มันดีเกินไป” แม่ชีน้อยกลายเป็นลูกแมวที่แสนน่ารักน่าเอ็นดู ยงฮวายอมที่จะคลายอ้อมแขนออก แล้วจูงมือพาจูฮยอนมาหยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าด้วยกัน
เขาช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เธอได้สวมใส่ แม้ว่ามันจะสวยและดูดีเกินไป แต่จูฮยอนไม่อาจปฏิเสธเขาได้อีก
ร่างบางยืนมองดูตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ภายในห้องน้ำ ครั้งที่สามแล้วที่เราได้สัมผัสกัน ในตอนนั้นหัวใจของเธอเต้นไม่ยอมหยุดเลย ยิ่งนึกถึงคำพูดของมินฮยอกที่บอกว่าพี่ชายของเขาชอบเธอ แล้วจูฮยอนก็ยิ่งเขินอายจนหน้าแดง
“หาโอกาสเอาเปรียบกันตลอด คนนิสัยไม่ดี” จูฮยอนบ่นพึมพำ ก่อนที่จะก้มมองดูเครื่องสำอางมากมายที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า เธอไม่เคยเห็นและไม่เคยใช้ของพวกนี้มาก่อนเลย ได้แต่งตัวสวยๆทั้งที ถ้ายังยืนหน้าสดอยู่แบบนี้คงเสียราคาเสื้อผ้าไม่น้อย
จูฮยอนเลือกแต่งแต้มลิปสติกสีสดบนริมฝีปาก หากแต่พอได้ทดลองทามันแล้ว เธอกลับรู้สึกไม่มั่นใจ จนต้องลบมันทิ้งไป
“ฉันไม่ได้อยากดูดีเพราะคุณนะ อย่าหลงตัวเองล่ะ เข้าใจไหม?” เธอพูดเอออออยู่คนเดียวก่อนที่จะเปิดประตูเดินกลับออกมา การที่มองเห็นดวงวิญญาณของจองมินฮยอกเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นคนชอบมโน แถมยังพูดคุยตัดพ้อต่อว่าใส่ยงฮวาได้แทบจะตลอดเวลา
ยงฮวาลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นจูฮยอนเดินออกมา ชุดสีขาวเหมาะกับจูฮยอนมากที่สุดแล้ว เขาเลือกไม่ผิดหรอก
“ฉันคิดว่าคุณออกไปแล้วค่ะ ยังมีธุระอะไรกับฉันอีกหรอคะ?”
จูฮยอนตกใจไม่น้อยที่เห็นว่ายงฮวายังอยู่ในห้อง ทั้งที่ก่อนหน้าคิดว่าเขาน่าจะออกไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ
“มานั่งตรงนี้สิ”
“ทำไมจะต้องนั่งด้วยคะ ทำไมไม่เป็นคุณ…ที่เดินมาหาฉันเองล่ะ?”
ยงฮวาก้าวเข้าหาร่างบางตามคำท้า ส่วนจูฮยอนก็เอาแต่ก้าวถอยหลังจนเกือบที่จะเปิดประตูวิ่งหนีออกจากห้อง แต่ถูกยงฮวาสะกัดเอาไว้ได้
“ไม่ทำอะไรหรอกน่า หัดอยู่เฉยๆบ้างเถอะ”
จูฮยอนยืนนิ่งเมื่อยงฮวาปลดผ้าคลุมผมออกจากศีรษะของเธอ
“จะทำอะไรคะ คิดว่าแกล้งฉันได้แล้วจะสนุกหรอ?” คนถามน้ำตาคลอ ยงฮวาเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้
“ไม่ได้จะแกล้งอะไรสักหน่อย ก็แค่มีของขวัญมาให้”
ในถุงที่ยงฮวาถือมาคือวิกผมยาวสลวยที่มีลอนคลื่นอ่อนๆ เขาบรรจงช่วยสวมมันให้กับจูฮยอนจนเข้าที่เรียบร้อย ผมยาวเข้ากับจูฮยอนมากที่สุดแล้วจริงๆนั่นแหละ
“อยากลองส่องกระจกดูไหม?”
เขาเอ่ยมาแค่นั้น จูฮยอนก็รีบเดินตรงมาที่หน้ากระจกในทันที ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่วิกผม แต่ก็ทำให้เธอพอใจเป็นอย่างมาก
เห็นคนส่องกระจกเอาแต่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผู้ให้อย่างยงฮวาก็ยิ้มได้ หลังจากนี้จูฮยอนจะได้มั่นใจในตัวเองมากขึ้น และไม่ต้องใช้ผ้าคลุมผมให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็นแม่ชีอีก
ยังไม่ทันได้พูดขอบคุณเลย ยงฮวาก็เดินออกจากห้องของจูฮยอนไปก่อน จูฮยอนออกจากห้องเดินตามลงมา ส่วนยงฮวาก็เร่งฝีเท้าแกล้งให้จูฮยอนวิ่งตาม
แม้แต่มินฮยอกก็ยังต้องตกตะลึงในความสวยที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น ไม่คิดเลยว่าพี่ชายของตัวเองจะตาถึงแบบนี้
“โอ้โห…วิ่งตามกันเป็นหนังแขกไปได้ ระวังตกบันไดกันนะครับ” มินฮยอกร้องเตือนอยู่ห่างๆ ด้วยความห่วงใย
เมื่อคุณนายจองได้เห็นลูกสาวบุญธรรม ก็เอาแต่ยิ้มพอใจไม่ยอมหุบ ยงฮวาเป็นคนละเอียดรอบคอบเสมอ เลขาคิมอาจจะจัดเตรียมทุกอย่างได้ดีก็จริง แต่ก็สู้ยงฮวาไม่ได้ ลูกชายคนโตช่างใส่ใจและเข้าใจลูกผู้หญิงว่าความสวยความงามนั้นสำคัญมากแค่ไหนจนถึงขั้นสั่งซื้อวิกผมมาให้จูฮยอนด้วยตัวเอง
“อาจจะเป็นแค่อาหารมื้อเล็กๆ แต่แม่ตั้งใจทำให้จริงๆนะจ๊ะ เพราะมีหนูเข้ามา บ้านที่ดูทึบๆของเรา ก็เลยเหมือนมีแสงสว่างส่องเข้ามาถึงในทันทีเลย”
“ขอบคุณค่ะ แต่ว่า…หนูเกรงใจจริงๆนะคะ” จูฮยอนไม่รู้สึกชิน เธอเกรงใจ รวมไปถึงยังปรับตัวไม่ได้เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากเกินไป
“แม่ผมตั้งใจทำกับข้าวให้คุณกินด้วยตัวเองเลยนะ ยังจะกล้าเสียมารยาทอีก”
“อย่าว่าน้องสิลูก หนูจูฮยอนจะอึดอัดไปบ้างก็ไม่แปลกหรอก ค่อยๆปรับตัวนะจ๊ะ อยู่ที่นี่ให้สบาย อยากได้อะไรก็บอกเลขาคิม…ไม่สิ บอกยงฮวาดีกว่า เพราะว่ายงฮวาเก่งกว่าเลขาคิมเยอะ ต่อไปนี้ช่วยดูแลน้องให้แม่ด้วยนะจ๊ะ”
“ผมควรดีใจใช่ไหม ที่แม่บอกว่าผมเก่งกว่าเลขาคิม” ยงฮวายืดอกถามหน้าทะเล้น
หากแต่คุณนายจองมีความสุขยิ้มกว้างๆได้ไม่นาน คนเป็นแม่ก็ตกอยู่ในอาการซึมเศร้าในทันทีที่คิดถึงลูกชายคนเล็ก
“ตอนนี้…มินฮยอกอยู่กับเราด้วยไหมจ๊ะ?”
จูฮยอนสบสายตากับดวงวิญญาณที่นั่งอยู่ตรงหน้า มินฮยอกอยู่ที่นี่ตลอดเวลา เขารักแม่ รักพี่ชายของเขามากจริงๆ เพียงแค่คิดถึงวันที่เขาจะต้องจากทุกคนไป เธอก็อดใจหายไม่ได้
“คุณมินฮยอกบอกว่า…เขาเตรียมของขวัญวันคริสต์มาสไว้ให้คุณป้ากับคุณยงฮวาด้วยค่ะ เขาซื้อแล้วก็แอบเก็บซ่อนเอาไว้ ตั้งใจว่าจะมอบให้กับพวกคุณทั้งสองคนเมื่อถึงเวลา”
คุณนายจองน้ำตาไหลพราก แม้แต่ยงฮวาที่ตลอดมาเอาแต่ยืนยันว่าไม่เชื่อในสิ่งที่จูฮยอนบอก ก็ยังถึงกับน้ำตาซึมด้วยรู้สึกใจหาย
จูฮยอนพาสองคนแม่ลูกไปยังที่เก็บซ่อนของขวัญ มินฮยอกซ่อนเอาไว้ในตู้อย่างดีแถมยังล็อคกุญแจเอาไว้ด้วย
“มันล็อคครับ ผมเปิดไม่ได้”
ถึงมันจะล็อคแต่จูฮยอนก็รู้ที่ซ่อนกุญแจอยู่ดี คุณนายจองและยงฮวาต่างรู้สึกทึ่งที่จูฮยอนรู้ลึกรู้จริงขนาดนี้
“คุณรู้ที่ซ่อนกุญแจได้ยังไง?” ยงฮวาถามขึ้นด้วยความสงสัย
“คุณมินฮยอกบอกค่ะ คุณจะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรหรอกนะคะ”
พอไขกุญแจออกได้ทั้งสามคนก็ได้พบกับของขวัญสองกล่อง ของยงฮวาถูกห่อด้วยกระดาษสีน้ำเงิน ส่วนของคุณนายจองถูกห่อด้วยกระดาษสีทองดูหรูหรา จูฮยอนส่งมอบของขวัญให้กับคุณนายจองและยงฮวาเองกับมือ มินฮยอกนั้นดีใจเป็นอย่างมาก เพราะถึงตนจะตายไปแล้วแต่วันนี้ตนก็ยังมีโอกาสกลับมามอบของขวัญให้กับคนที่เขารักทั้งสองคน ต้องขอบคุณจูฮยอนที่ช่วยให้เขาได้รับโอกาสดีดีแบบนี้
บนกล่องมีการ์ดอวยพรที่มินฮยอกเขียนให้แม่กับพี่ชาย พอได้เห็นลายมือ และข้อความอวยพรที่ลูกชายเขียนให้ตน คุณนายจองก็ถึงกับร้องไห้โฮจนยงฮวาต้องช่วยปลอบ ทุกอย่างเหลือเชื่อ แต่จูฮยอนทำได้จริงๆ
“อย่าร้องไห้เลยนะคะคุณป้า คุณมินฮยอกไม่อยากเห็นคุณป้าเสียใจเพราะเขาอีกแล้วค่ะ”
คุณนายจองซับน้ำตา เธอทั้งเสียใจและตื้นตันใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันที่ตนได้รับของขวัญวันคริสต์มาสจากมินฮยอกอีก แม้ว่ามันจะเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เกินเวลามาแล้วก็ตามที
ทุกปีนับตั้งแต่มินฮยอกอายุ 9 ขวบ เขาก็รู้จักเก็บออมเงินจากค่าขนมเพื่อมาซื้อของขวัญวันคริสต์มาสให้กับแม่และพี่ชาย พวกเราทุกคนต่างเตรียมของขวัญให้กัน คุณนายจองเตรียมของขวัญให้ลูกชายทั้งสองคน ส่วยยงฮวาเองก็เตรียมของขวัญให้กับแม่และน้องชายด้วยเหมือนกัน น่าเสียดายที่ปีนี้ทั้งคุณนายจองและยงฮวาต่างก็ยุ่งด้วยกันทั้งคู่ คุณนายจองยุ่งอยู่กับเรื่องธุรกิจ ส่วนยงฮวาก็ยุ่งอยู่กับการเรียนในเทอมสุดท้าย
คุณนายจองกับยงฮวาเสียใจ ที่ไม่ได้เตรียมของขวัญมามอบให้กับมินฮยอกเหมือนกับในทุกๆปี
“แม่ขอโทษ”
“พี่ก็ขอโทษนายด้วยเหมือนกัน…ขอบคุณสำหรับของขวัญในปีนี้นะ พี่สัญญาว่าจะดูแลแม่เป็นอย่างดี นายไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเลยทั้งนั้น ขอบคุณนะ ขอบคุณสำหรับของขวัญชิ้นนี้ พี่เป็นพี่ชายที่แย่มากเลยจริงๆ”
“ไม่แย่หรอกค่ะ คุณมินฮยอกบอกว่าคุณเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดสำหรับเค้า เค้าบอกว่าจากนี้ต่อไป ขอให้พวกคุณสองคนรักษาตัวให้ดีดี เพราะว่า…เขากำลังจะไปในที่ที่พวกคุณ รวมไปถึงฉันจะไม่มีโอกาสได้มองเห็นเขาอีกต่อไป” จูฮยอนพูดทั้งน้ำตา แม้แต่ยงฮวาก็ยังเก็บกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว คนเรานอกจากไม่อาจย้อนเวลาได้แล้ว ก็ยังไม่มีทางรู้ว่าวันพรุ่งนี้หรือวันต่อๆไป ตัวเองจะอยู่หรือว่าจะตาย…
ร่างของมินฮยอกถูกเคลื่อนออกจากบ้านเพื่อนำมาฝังที่สุสาน ทำตามพิธีทางศาสนา บรรยากาศวันนี้เต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจของทั้งคุณนายจองและยงฮวา ส่วนจูฮยอนเองก็ได้เวลาที่จะบอกลากับ ‘เพื่อน’ ของเธอแล้วเช่นเดียวกัน
“ไปดีดีนะ ขอให้คุณมีความสุข...ชั่วนิรันดร์”
“ว่ากันว่า…ดินแดนหลังจากความตาย คือการกลับคืนฟื้นชีวิต บอกแม่กับพี่ยงฮวา ว่าผมจะไปรอทุกคนที่นั่น หวังว่าในอนาคต…จะมีโอกาสได้พบคุณด้วยนะ”
จูฮยอนพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้ม ร่างบางยืนมองดูร่างไร้วิญญาณถูกเคลื่อนย้ายเพื่อลงฝังในสุสาน กลีบดอกไม้เบ่งบาน ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ ภาพเก่าๆในหัวกำลังย้อนกลับมา สุสาน, กลีบดอกไม้และร่างไร้วิญญาณ ครั้งหนึ่งเธอเคยยืนอยู่ที่นี่ ร่ำไห้เสียใจกับการจากไปของใครคนหนึ่ง คนคนนั้นคือใครกัน?
**********100%**********
รอติดตามกันต่อว่าส่งมินฮยอกไปแล้ว จากนี้ยงซอจะเป็นยังไงต่อไป
(ภาพข้างบน แม่ของยงฮวา มินฮยอกนะคะ)
อย่าลืมคอมเม้นท์ให้ไรเตอร์นะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แอบเศร้าฉากฝังน้องมิน T_T
ซอดีแล้วนะที่ได้มาอยู่บ้านยง ได้อยู่กับคนดีๆ โชคดีแล้วนะ
มินฮยอกหลับให้สบายนะ ไม่ต้องห่วงกังวลอะไรอีกแล้ว มีความสุขมากๆนะ
แม่ยงใจดีมากค่ะ คงถูกชะตากับซอมากจริงๆ เลยรับไว้เป็นลูกสาว ฝากซอด้วยนะคะ
รอตอนหน้านะคะพี่จอยคนสวยยย จากนี้ยงซอจะได้อยู่ใกล้กันมากขึ้น จะหวานอีกกี่เท่านะ สู้ๆๆค่ะ ^_^
ปล.ไรเตอร์สู้ๆคะ
ชอบบทยงปราบเด็กดื้อแบบนี้
คุณแม่แจ่มมากๆค่ะ
ไปดีนะมินฮยอก พ่อกามเทพสื่อรัก
ซอฮยอนเริ่มนึกออกแล้ว ลุ้นๆต่อค่ะ
น้องซอเปลี่ยนสถานะกลายเป็นน้องสาวแต่จองยงนี่ก็อดใจ/ม่ไหวเลยนะคะนี่ อิอิ
น้องมินอายแทนแอบปิดตาอีกแล้ว
ตอนมอบของขวัญนี่อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยสงสารทุกคนเลยอ่า
มินไม่ได้ร่ำลาแต่แบบทิ้งของ/ว้นี่ยิ่งทำให้คิดถึงใหญ่เลยค่ะ
รอดูว่าพี่ยงจะทำไงกะซอจู จะแต๊ะอั๋งไปถึงไหน เขินๆๆๆ
สงสารน้องมินมากเลยแล้วมาเกิดใหม่เป็นลูกพี่ยงน้องซอนะคะ
ส่วนน้องซอหนูความจำจะกลับมาแล้วใช่มั๊ยลูกกก
ปล.จองยงฮวาเป็นคนปากว่ามือถึงจริง ๆ แอบหอมแก้มน้องอีกแระ อิอิ
แล้วนี้แม่ของยงก้อรู้สึกถูกใจซอเลยรับเป็นลูกบุญธรรม
เข้าทางยงเลยสิได้อยู่ใกล้ ๆ ในบ้านเดียวกัน
ความทรงจำน้องซอเริ่มที่จะกลับมาแล้วสินะ