ตอนที่ 6 : Lost in love Chapter 5 เรื่องเล่าของเท็ดดี้จอง [100%]

Lost in love Chapter 5
เรื่องเล่าของเท็ดดี้จอง
“ท่านผู้ฟังครับ ขณะนี้ทุกคนอยู่กับผม เท็ดดี้ จอง…ทุกคนเคยมี ‘รักแรก’ กันไหมครับ รักแรกที่ยังคงฝังอยู่ในใจ ลืมยังไงก็ลืมไม่ลง แถมผมยังเป็นคนบอกเลิกก่อนด้วย แต่ไม่ใช่บอกเลิกเพราะไม่รักแล้วนะครับ ผมรักเธอมากแล้วก็ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่ผมจะต้องกลายเป็นคนที่ทำร้ายจิตใจเธอเสียเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกือบๆ 10 ปี เราทั้งสองคนได้มีโอกาสกลับมาพบกันอีกครั้ง เธอคนนั้นดูโตขึ้นมากแล้วเธอก็สามารถนั่งอยู่ตรงหน้าผม เล่าเรื่องราวต่างๆพร้อมกับรอยยิ้ม ผมผิดหวังมากเลยที่เห็นเธอเข้มแข็งแล้วก็เหมือนว่าจะลืมผมไปจนหมดแล้ว… ”
จูฮยอนหรี่เสียงวิทยุเมื่อคุณเท็ดดี้จองหยุดพูด จากนั้นเรื่องเล่าชวนฟังของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงดนตรีที่เธอไม่คุ้นหู มินฮยอกเป็นคนแนะนำคลื่นนี้ให้ เขาบอกว่าเป็นรายการใหม่ที่อยู่ในความดูแลของเขาเอง ซึ่งตอนแรกจูฮยอนก็ไม่ได้สนใจหรือมีความรู้สึกว่าอยากจะฟังมันมากนัก เธอแค่อยากหาอะไรทำแก้เบื่อในระหว่างที่ไม่สามารถเลี่ยงรถติดได้ ตอนแรกเปิดขึ้นมาเห็นคุณดีเจพูดอารัมภบทอยู่นานก็ตั้งใจว่าอีกไม่นานก็คงต้องกดปิดไปตามระเบียบ หากแต่เรื่องเล่าของเขากลับสะดุดหู คล้ายกับเรื่องในชีวิตของเธอ แต่เธอก็ไม่รู้หรอกว่าในชีวิตจริงยงฮวาจะคิดยังไง
…ถ้าเขากลัวความผิดหวัง เขาก็คงไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นหรอก
การทำงานวันแรกของยงฮวาผ่านไปได้อย่างไร้ที่ติ เขาเป็นมืออาชีพได้มากกว่าที่คิด นอกจากมีน้ำเสียงชวนฟังแล้ว เขายังสามารถเล่าเรื่องราวต่างๆได้อย่างลื่นไหลจนทำเอาคนฟังต่างพากันอิน แค่คืนแรกก็ได้รับคำชมมากมาย
“ยังไม่กลับบ้านอีกหรอ พี่คิดว่านายจะกลับไปแล้วเสียอีก”
“ตอนแรกก็ว่าจะกลับแล้วล่ะครับ แต่ก่อนหน้ากินไปเยอะ ก็เลยคิดว่าถ้ารีบกลับ ก็คงหนีไม่พ้นนอนกลิ้งไปมาบนเตียง ผมก็เลยแวะมาดูผลงานซะหน่อย”
“ไม่เชื่อใจในฝีมือพี่หรอ?”
“เชื่อครับ แต่ก็แค่อยากมาดูด้วยตาตัวเองน่ะ”
คืนนี้มินฮยอกดูแปลกๆ สายตาของเขาดูไม่ค่อยนิ่งเหมือนกับในทุกครั้งที่ได้เจอ ยอมอดนอนเพราะอยากมาดูผลงานด้วยตาหรือว่าไปทำอะไรมาจนทำให้ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับกันแน่
“มีอะไรอยากพูดไหม? กับพี่นายพูดได้ทุกอย่าง อย่าคิดว่าพี่จะหลงเชื่อคนอย่างนาย หาข้ออ้างได้ไม่เนียน ไปฝึกมาใหม่อีกหลายๆครั้งถ้าคิดจะโกหก”
มินฮยอกเอามือเสยผม ขนาดนี้แล้วจะไม่พูดก็คงไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรมายงฮวามักจะเอ่ยปากเร่งให้เขาหัดมีแฟน ตอนนั้นยงฮวาพูดจนปากจะฉีก แต่เขาไม่เคยคิดที่จะสนใจเองเพราะเต็มอิ่มกับปัญหาของแต่ละครอบครัว จวบจนกระทั่งวันนี้
“คือวันนี้…พี่สาวนัดผมให้ไปเจอที่ร้านของป้ายองวอน”
นั่นไง จะต้องมีอะไรแน่ๆ คนอย่างยงฮวาไม่เคยดูคังมินฮยอกผิดเลยจริงๆ
“คือพี่สาวแนะนำให้ผมรู้จักกับคนคนนึงครับ เธอเกิดวันเดียวปีเดียวกันกับผมด้วย แล้วผมก็คิดว่า…เธอดูโอเค”
ผู้หญิงที่เกิดวันเดียวปีเดียวกันกับมินฮยอก หนึ่งในนั้นคือจูฮยอน แต่ถึงกระนั้นยงฮวาก็ไม่คิดว่าจะใช่คนเดียวกันแน่ๆ
“เธอชื่ออะไร? แล้วทำงานอะไร?”
“เธอเป็นผู้บริหารโรงเรียนแห่งหนึ่งในประเทศของเราครับ โรงเรียนดังที่ใครๆก็อยากเข้าเรียน เป็นโสด แล้วเราสองคนก็พูดคุยกันถูกคอมากด้วย เธอชื่อว่า…ซอจูฮยอนครับ พี่เคยได้ยินบ้างไหม”
…!!
ยงฮวายืนมองดูประตูห้องตรงกันข้าม ดึกขนาดนี้จูฮยอนคงจะนอนหลับไปนานแล้ว เหลือแค่เขาคนเดียวที่ยังคงยืนตาค้าง
“โลกกลมเกินไปที่คนคนนั้นของมินฮยอกจะเป็นจูฮยอน”
แต่ถ้าหากว่าพวกเขาสองคนเข้ากันได้ดี เขาก็ควรที่จะดีใจด้วยไม่ใช่หรือ ทว่านั่นมันเป็นวิถีของพระเอกละคร แต่ถึงคนอย่างยงฮวาจะอยากสวมบทตัวร้ายในชีวิตจริง แล้วเขาตอนนี้ยังเหลือสิทธิ์อะไรอยู่บ้าง สิ่งที่จูฮยอนแสดงออกมันชี้ชัดหมดแล้วว่าระหว่างเรามันจบหมดแล้วจริงๆ
จูฮยอนหันมองไปที่หน้าประตูเมื่อได้ยินเสียงเหมือนโทรศัพท์ดังขึ้นมา ซึ่งเสียงนี้ไม่ใช่เสียงโทรศัพท์ของเธอแน่ พอลองมาแอบลอบส่องมองห้องตรงกันข้าม เธอถึงได้เห็นว่า ยงฮวายืนอยู่ตรงนั้น
“ชินเฮหรอ มีธุระอะไรหรือเปล่า?”
ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วจูฮยอนก็ได้แต่หันหลังเดินกลับมานั่งลงที่เดิม ที่แสดงออกว่าเก่งกาจมันเป็นแค่การสร้างภาพทั้งนั้น เพื่อตัวของเธอเองและเพื่อเลิฟลี่แล้ว เธอจะต้องแข็งใจ ไม่แสดงความอ่อนแอให้เขาหรือใครๆได้เห็น
“ฉันจะเสียใจทำไมแล้วจะน้อยใจไปเพื่ออะไร ในเมื่อเขาก็มีคนอื่นไปแล้ว”
การเริ่มงานวันที่สองคือชีวิตจริงที่จูฮยอนเตรียมรับมือกับมันไว้แล้ว การประชุมผู้ปกครองของเด็กเก่าผ่านพ้นไปในช่วงครึ่งวันแรก อีกครึ่งที่เหลือเป็นของเด็กฝากพิเศษ ซึ่งส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยลูกหลานของเหล่าดาราเซเลปเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์
ยงฮวารีบจอดรถแล้ววิ่งปรี่เข้ามาด้วยความรีบร้อน ชินเฮถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นผู้เป็นสามีมาปรากฎตัว แม้ว่าจะสายไปนิดหน่อยก็ตาม
“ขอโทษที ผมตื่นสาย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ชินบี สวัสดีคุณพ่อสิลูก”
หนูน้อยถูกดึงเข้ามาหาคุณพ่อแกมบังคับ ตั้งแต่แรกเกิดยงฮวาไม่เคยอุ้มชินบี ไม่เคยแสดงความรักเหมือนกับที่พ่อพึงจะมอบให้กับลูกของตัวเองเลยสักครั้ง เขาจะทำเหมือนรักและสนิทกับชินบีต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าสื่อ ต่อหน้าผู้คนเยอะๆเท่านั้น
“ชินบี พ่อคิดถึงลูกจัง คิดถึงพ่อไหมลูก?” ยงฮวาอุ้มเด็กน้อยวัยสามขวบขึ้นมา แสดงบทบาทคุณพ่อที่แสนดีจนทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างพากันอมยิ้ม ชื่นชมในความรักที่พ่อมีต่อลูก
“แล้วนี่…สรุปว่าชินบีผ่านการคัดเลือกแล้วใช่ไหม?”
“เรียบร้อยหมดทุกเรื่องแล้วค่ะ เหลือก็แต่รอเข้าพบผู้อำนวยการก่อน”
แต่ละครอบครัวทยอยเข้าพบผู้อำนวยการเป็นการส่วนตัว ส่วนใหญ่ไม่มีอะไรมาก เป็นแค่การพูดคุยเพื่อฝากฝังเด็กๆเพียงเท่านั้น แต่ก็เป็นปกติที่จะมีบางคนเรื่องเยอะเป็นพิเศษ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ปกครองเสียมากกว่าที่ชอบคิดแทนลูกๆของพวกเขา
“เชิญค่ะ”
ผู้ปกครองของเด็กหญิงจองชินบีถูกเชิญเข้าพบท่านผู้อำนวยการ การเผชิญหน้าระหว่างจูฮยอนและครอบครัวของยงฮวา ทำให้ทั้งสองคนตกใจไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นทั้งสองคนก็สามารถปรับตัวรับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี
“คุณเป็นผู้อำนวยการที่ดูสาวมากกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะคะเนี่ย”
จูฮยอนยิ้มรับคำทักทาย ดวงตากลมโตแอบลอบมองหนูน้อยชินบีบ่อยครั้ง ลูกสาวของพวกเขายังเล็กมาก ต่างกับเลิฟลี่ที่โตมากกว่ามาก เด็กทุกคนไร้เดียงสา จะดีแค่ไหนก็อยู่ที่คนเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อม ตราบที่นั่งอยู่ตรงนี้เธอจะต้องดูแลเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม ต่อให้เป็นลูกของยงฮวาที่เกิดกับผู้หญิงคนอื่น เธอก็จะดูแลให้เป็นอย่างดีด้วยเหมือนกัน
“กฎระเบียบต่างๆของโรงเรียน อยู่ในคู่มือที่แจกให้ทั้งหมดแล้วนะคะ อยากให้คุณทั้งสองคนวางใจและไว้ใจพวกเราทุกคนค่ะ ทางเราจะดูแลลูกสาวของคุณเป็นอย่างดี” ผู้อำนวยจูฮยอนชี้แจงตามหน้าที่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส จากคนที่รู้จักคุ้นเคย กลับต้องมาเสแสร้งแกล้งปั้นหน้าทำเหมือนกับคนที่ได้พบเจอกันครั้งแรก ถึงมันจะน่าขัน แต่วิธีนี้คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
“ดิฉันกับสามีอ่านหมดแล้วค่ะ แต่…เรายังมีบางเรื่องที่อยากจะขอร้องคุณด้วย”
ยงฮวาหันมองหน้าศรีภรรยาอย่างมึนงง เขารู้ว่าชินเฮรักลูกสาวมาก แต่หากต้องมาเอ่ยคำขอร้องอะไรที่อาจจะทำให้มันยุ่งยากวุ่นวายมากขึ้น เขาคิดว่ามันไม่สมควรเลย
“ชินบีเป็นไอดอลของเด็กๆในวัยเดียวกันค่ะ เพราะฉะนั้นดิฉันอยากจะขอให้ท่านผู้อำนวยการให้ความสนับสนุนชินบี โดยเฉพาะในด้านกิจกรรมมากเป็นพิเศษ เช่นว่า…ตำแหน่งสำคัญต่างๆในการแสดง”
“….” ยงฮวาได้ฟังคำขอร้องนั้นแล้วก็ถึงกับต้องนั่งกุมขมับ เขารู้สึกอายมากจนไม่กล้าที่จะมองหน้าจูฮยอนแล้ว
ผู้อำนวยการสาวคลี่ยิ้ม มันไม่ใช่ข้อเสนอแปลกใหม่ กรณีก่อนหน้านี้ก็เช่นเดียวกัน ไม่ผิดอะไรที่ทุกคนอยากให้ลูกของตัวเองเด่นดัง
“โรงเรียนของเรามีดารามีไอดอลเยอะมากเลยค่ะ ไม่ใช่แค่ลูกสาวของปาร์ค ชินเฮกับจองยงฮวา แต่ยังมีลูกของดาราดังและลูกหลานของนักการเมืองอีกมากมาย แล้วทุกคนก็ล้วนอยากได้ตำแหน่งสำคัญทั้งนั้น เป็นปัญหาใหญ่เลยนะคะ ที่ทุกคนต่างอยากได้ในสิ่งที่…มีอยู่ไม่กี่คนที่จะเหมาะสมกับตำแหน่งเหล่านั้นจริงๆ”
“แต่ดิฉันคิดว่าชินบีมีความเหมาะสมนะคะ ลูกของฉันป๊อบปูล่ามากๆ มียอดคนติดตามในไอจีเป็นล้าน มากกว่าลูกสาวของดาราดังคนอื่นๆเสียอีก”
“ที่นี่…ดิฉันให้ความสำคัญในเรื่องของความสามารถและความเหมาะสมจากตัวของเด็กเองไม่ใช่จากความรู้สึกหรือความต้องการของพ่อแม่หรือผู้ปกครองค่ะ ยิ่งผ่านการคัดเลือกด้วยเส้นทางพิเศษก็ยิ่งจะต้องตั้งใจให้มากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว เด็กทุกคนมีสิทธิ์เสมอกัน วัดกันที่ความสามารถและความเหมาะสมเท่านั้นค่ะ ชินบีเองมีสิทธิ์ถูกเลือก และเด็กทุกคนก็มีสิทธิ์ได้รับการคัดเลือกด้วยเหมือนกัน ที่นี่เป็นโรงเรียนนะคะ สิ่งแรกที่สำคัญมากที่สุดก็คือเรื่องการศึกษา”
ปาร์คชินเฮออกอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่พยายามผลักดันลูกสาวทุกอย่างแล้วแต่ยัยผู้อำนวยการฝีปากกล้ากลับเอาแต่เชิดหน้าชูคอเอาแต่พูดประโยคเดิมซ้ำๆ ว่าการศึกษานั้นสำคัญมากที่สุด
“ฉันบอกแล้วไงว่าเท่าไหร่ก็ยอมจ่าย ยัยนั่นโง่หรือว่าบ้านะ ถึงกล้าเมินข้อเสนอของฉันแบบนี้? ทำอย่างกับว่าโรงเรียนของตัวเองดีตายแหละ”
“พอซะทีเถอะ ให้มันจบได้แล้วนะ ถ้าคิดว่าโรงเรียนไม่ดีก็ย้ายชินบีไปโรงเรียนอื่น เอาโรงเรียนที่เค้าโอ๋ผู้ปกครองกับเด็กเยอะๆ แบบที่เธอชอบน่ะ” ยงฮวาวางลูกสาวคืนให้กับผู้เป็นแม่ที่ยังเอาแต่วีนไม่ยอมเลิก เป็นเรื่องคาดไม่ถึงกับคำตอบที่ดูไม่แยแสสนใจผู้ปกครองของเด็กเลยแบบนี้ จูฮยอนดูเย็นชาและมีความกล้าที่จะพูดทุกอย่างออกมา แถมคำพูดทุกคำของเธอก็ยังมีเหตุมีผลทั้งหมดอีกด้วย
“นี่นายเข้าข้างเธอหรอ? ฉันกับชินบีสิ ที่นายจะต้องสนใจให้มากๆ”
“พาลูกกลับบ้านเถอะ ถ้าไม่พอใจก็แค่ย้ายโรงเรียน ไม่อยากทะเลาะด้วย ลูกกำลังดูเราอยู่ ไม่เห็นหรอ?”
“ย้ายโรงเรียนไม่ได้สิ ก็ฉันป่าวประกาศบอกนักข่าวไปแล้ว ถ้าย้ายที่ก็ขายขี้หน้ากันพอดี”
“ถ้าอย่างนั้นก็จบตรงนี้เลยนะ ชินบีเพิ่งจะสามขวบ อย่ารีบร้อนนักเลย ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ คนมองมาที่เราเยอะเลยนะ กลับเถอะ มีอะไรค่อยหาเวลาไปพูดคุยกันใหม่”
ผลจากการรับมือกับผู้ปกครองของเด็กๆที่ถูกรับเข้ามาเรียนในกรณีพิเศษเป็นที่โจษจันไปทั่ว ซอจูฮยอนเพิ่งมาทำงานได้สองวัน แต่กลับสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆได้จนอยู่หมัด ทั้งอ่อนหวานและเย็นชาจนทำให้ดูน่ากลัว
“เหมือน ผอ.คนเก่าเปี๊ยบเลย ตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัด ไม่ง้อใครเลยด้วย กฎก็ต้องเป็นกฎ คนอะไรไม่รู้เวลายิ้มดูใจดีแล้วก็อ่อนหวาน แต่เวลาพูดอะไรออกมาทีนึง เชือดคอขาดได้เลยเชียว”
“ตอนฉันเห็น ผอ.จูฮยอนครั้งแรก ฉันยังแอบคิดว่าเธออายุน้อยเกินไป ถึงจะเรียนจบสูงแต่ก็ยังไม่มีประสบการณ์ จนน่ากลัวว่าจะรับมือกับสารพัดปัญหาในโรงเรียนไม่ไหว สงสัยว่า…ฉันจะคิดผิดแล้ว”
“ก็ยังต้องดูกันไปอีกยาวๆ ยังมีอีกหลายเรื่อง นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นนะ”
คุณครูฮโยยอนนั่งอยู่ท่ามกลางบทสนทนานั้น ในสายตาของเธอจูฮยอนเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆทั่วไป ร่าเริงสดใสมากเป็นพิเศษกับคนรู้จักและคุ้นเคย เรื่องความซื่อตรงนี่มีมาแต่ไหนแต่ไร จูฮยอนค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่แต่ก็สามารถกลายร่างเป็นเด็กได้แทบจะทุกเวลา อยากเห็นเหมือนกันว่าหน้าเชิดๆที่ผู้คนที่นี่เล่าลือจะน่าเกรงขามมากแค่ไหน ขืนดุมากๆ น่ากลัวว่าชีวิตนี้อาจจะต้องขึ้นคานแน่แล้ว
สำหรับจูฮยอน ตอนนี้ฮโยยอนคือสายลับของเธอ เป็นเรื่องยากที่จู่ๆก็ได้เข้ามาทำงานในตำแหน่งสูงสุด จูฮยอนทำใจไว้แล้วว่าจะต้องมีกลุ่มคนที่ไม่ไว้วางใจและไม่เชื่อมั่นว่าเธอจะเหมาะสมในตำแหน่งนี้ ซึ่งจากนี้เธอต้องการเวลาที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วยเหมือนกัน
“พวกเขาบอกว่าเธอน่ากลัว เชิดหน้าใส่แล้วก็พ่นๆคำพูดที่คมกริบเหมือนมีดออกมาเชือดคอคนฟัง”
จูฮยอนเอามือปิดปากหัวเราะ ความจริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างเธอได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้เป็นพ่อโดยตรง พ่อของเธอเป็นคนซื่อตรงและเด็ดขาด ทำอะไรตามกฎเกณฑ์แบบแผน ไม่สนใจรับเงินสินบนและไม่ยอมโอนอ่อนให้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แม้แต่กับลูกสาวอย่างเธอ ท่านก็ใช้กฎนั้นด้วย
“เพราะทุกคนล้วนอยากให้ลูกของตัวเองเด่นดัง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าพวกเขาคิดว่าที่นี่เป็นอะไรกันแน่?”
“สงสัยคิดว่าเป็นบริษัท SM, JYP หรือไม่ก็ FNC” พูดจบแล้วฮโยยอนระเบิดเสียงหัวเราะลั่น จูฮยอนส่งเสียงหัวเราะสดใสตาม เธออยากสวนกลับแบบนี้ด้วยเหมือนกัน แต่กลัวว่าพวกเขาจะโกรธหนักมากไปกว่าเดิม
“เออ…แล้วสรุปเรื่องเดทว่าไง? มินฮยอกบอกว่าถ้าเธอพร้อมเมื่อไหร่ก็ให้นัดวันมาเลย”
“พี่คะ ฉันไม่กลัวที่จะขึ้นคานเลยนะ กลัวอย่างเดียว กลัวว่าพี่จะไม่ยอมลงจากคานมากกว่า”
“ยัยเด็กนี่ พี่แนะนำคนดีดีให้นะ หน้าตาก็ใช้ได้ พื้นฐานดีเพียบพร้อม แถมยังเกิดวันเดือนปีเดียวกันอีก พวกเธอจะต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่เลย”
จูฮยอนหยุดชะงักเมื่อกลับมาแล้วเห็นยงฮวามายืนรออยู่หน้าห้อง เขาคงโกรธมากที่เธอไม่ยอมทำตามที่ภรรยาของเขาต้องการ
“คุณปาร์คชินเฮกับลูกสาวของพี่…ไม่ได้มาด้วยกันหรอคะ?”
“ทำไมวันนี้ถึงได้กล้าจัง เวลาพูด…เธอเชิดหน้าแล้วพูดๆๆ แบบนั้นใส่ทุกคนหรือเปล่า?”
“ค่ะ ก็แค่ประโยคเดิมๆ พูดจนเบื่อเลยล่ะค่ะ” จูฮยอนขอช่องทางเพื่อจะกลับเข้าห้องของเธอ แต่ยงฮวากลับตั้งใจยืนขวางไม่ยอมให้เธอเข้าห้องได้ง่ายๆ
“ฉันรีบนะคะ มีนัดสำคัญมาก ขอทางด้วยค่ะ”
“จะไปเดทกับคังมินฮยอกใช่ไหม แน่ใจหรอว่ารู้จักเค้าดีแล้ว?”
จูฮยอนนั่งปั้นหน้ามึนมาตลอดทาง ยงฮวาแย่งเอากุญแจรถของเธอไป แล้วเขาก็ฉุดข้อมือพาเธอมาขึ้นรถ จะว่าถ้าโกรธเรื่องลูกกับภรรยาก็ไม่น่าถึงขั้นจะต้องตามมาก่อกวนกันขนาดนี้
“รู้ได้ยังไงคะ ว่าวันนี้ฉันมีนัดกับคุณคังมินฮยอก?”
“พูดว่าเดทสิ พูดมาเลยตรงๆ ชัดๆ แบบที่เธอชอบพูดน่ะ” ยงฮวาพูดย้ำแกมประชด
ความจริงแล้วจูฮยอนไม่อยากเรียกมันว่าเดท เธอก็แค่คิดว่าเราสองคนควรที่จะหาเวลาพบปะและทำความรู้จักกันให้มากขึ้นก็เท่านั้น
“ใช่ค่ะ แต่พี่ก็น่าจะรู้ว่าเดท มันควรจะมีแค่คน 2 คน ไม่ใช่คน 3 คน”
“ทำไม 3 คน จะเดทไม่ได้ ที่พี่ไปด้วยก็เพราะเป็นห่วงหรอกนะ รู้จักเขาดีแล้วหรอถึงได้กล้าไปพบกับเขาสองต่อสองน่ะ”
เป็นห่วง คนอย่างจองยงฮวาจะเป็นห่วงเธอไปเพื่ออะไร ที่เขาทำแบบนี้คงเพราะโกรธที่เธอไม่ไว้หน้าเขากับภรรยาต่างหาก
“พี่แต่งงานแล้วนะคะ ฉันไม่อยากถูกคนอื่นจับตามองแล้วก็อาจจะเก็บไปพูดคุยขยายความในทางไม่ดี”
“พี่ไม่ได้รับงานในวงการแล้ว ไม่มีใครสนใจหรอก”
“จอดรถค่ะ แล้วช่วยลงไปจากรถของฉันด้วย” ถ้าจะอ้างว่าไม่มีงานแล้วจะไม่มีคนสนใจ เธอคิดว่าเขาพูดง่ายเกินไป ถึงยังไงจองยงฮวาก็เป็นคนมีชื่อเสียง มันแตกต่างกันแค่ว่ามีคนสนใจมากหรือสนใจน้อยเท่านั้นแหละ
“ฉันบอกให้จอดค่ะ จอดรถเดี๋ยวนี้!”
ยงฮวาจำต้องยอมจอดรถเมื่อถูกจูฮยอนขึ้นเสียงใส่ โทนเสียงนั้นต่ำมากกว่าเสียงตวาด แต่มันฟังดูเย็นชา หนักแน่นและน่ากลัวได้อย่างบอกไม่ถูก
ทันทีที่ยงฮวายอมเปิดประตูลงจากรถ จูฮยอนรีบขยับเข้าแทนที่คนขับ เธอปิดล็อคประตูด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะขับรถออกไปในทันที ทิ้งให้ยงฮวายืนงงอยู่ตรงนั้น
มินฮยอกมาถึงก่อนเวลานัด เขาสั่งเครื่องดื่มและอาหารว่างในระหว่างที่กำลังนั่งรอ โดยสั่งเผื่อจูฮยอนด้วย
ตั้งแต่จบมัธยมปลายจนกระทั่งเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย มินฮยอกไม่ได้ต่างไปกับคนทั่วไป ในชีวิตเคยเดทมาบ้างแต่ยังไม่พบคนที่ถูกใจ ครั้นพอเรียนจบ เพื่อนๆต่างก็เริ่มที่จะแต่งงาน แล้วก็มาบ่นเรื่องราวยุ่งยากต่างๆให้เขาได้ฟัง
จูฮยอนจอดรถแล้วเดินเข้ามาในร้าน ความจริงแล้วเธออยากนัดพบมินฮยอกที่ร้านอาหารธรรมดาๆ ไม่คิดเลยว่าเขาจะเลือกร้านหรูแบบนี้
“สวัสดีค่ะ ขอโทษที่ต้องให้รอนะคะ”
แค่เห็นเธอมา มินฮยอกก็รู้สึกประหม่าในทันที เห็นทีว่าเขาคงจะห่างจากการเดทนานมากเกินไปแล้วจริงๆ
“ผมมาก่อนเวลาเองครับ ผมสั่งเครื่องดื่มกับของว่างมาเผื่อคุณด้วย ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะถูกใจหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ชอบก็สั่งใหม่ได้เลยนะครับ”
พนักงานเสิร์ฟรีบนำน้ำและของว่างมาเสิร์ฟให้ หากแต่ยังไม่ทันที่จูฮยอนจะได้แตะต้องน้ำส้มคั้น ทั้งแก้วเครื่องดื่มและอาหารว่างกลับถูกใครบางคนคว้าเอาไปในแบบต่อหน้าต่อตา
“เฮ้อ…หิวจังเลย”
ยงฮวานั่งลงต่อหน้าคนทั้งสอง ดื่มทั้งน้ำส้มและจัดการกับของว่างในจานจนหมดเกลี้ยงในพริบตา
“พี่! อะไร ยังไงครับ?” มินฮยอกออกอาการตกใจและแปลกใจ ไม่รู้ว่าอยู่ดีดียงฮวาโผล่มาได้ยังไง แถมยังมาในมื้อเดทแรกของเขาด้วย
จูฮยอนนั่งเงียบ ไร้ซึ่งความคิดเห็น ยงฮวายังคงตามมาก่อกวนกันไม่ยอมเลิก ขนาดไล่ลงจากรถกลางทางแล้วก็ยังมุมานะตามมาถึงร้านได้อีก
“คุณจูฮยอน ผมขอโทษด้วยจริงๆ คือคนนี้…เป็นพี่ชายคนสนิทของผมเองครับ” มินฮยอกเอ่ยขอโทษหน้าเจื่อน
“ฉันรู้จักเขาแล้วล่ะค่ะ” เธอตอบคำถามด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
“ไม่ต้องแนะนำให้เสียเวลา จูฮยอนเป็น…น้องสาวที่ฉันรักและเป็นห่วงมาก ได้ยินว่าเธอจะมาเดท ฉันก็เลยตามมาน่ะ”
น้องสาวที่รักและเป็นห่วงมาก จูฮยอนไม่รู้หรอกว่ายงฮวาต้องการอะไรจากเธอกันแน่ แต่คำที่เขาเลือกใช้ฟังแล้วทำให้แสลงใจมากพอสมควร
“โธ่ ผมนี่หน้าตาเหมือนคนไม่น่าไว้วางใจหรอครับ ความจริงพี่น่าจะบอกผมก่อนว่ารู้จักคุณจูฮยอนด้วย” มินฮยอกบ่นอุบ คราวก่อนอุตส่าห์เล่าให้ฟังแต่ยงฮวากลับทำเนียนไม่พูดอะไรเลยสักคำ แต่วันนี้เขากลับมาปรากฎตัวในแบบเซอร์ไพรส์เล่นเอาแทบจะทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ
ยงฮวาร่าเริงตลอดมื้ออาหาร เขาเป็นคนเดียวที่ดูสนุกมากกว่าใคร ความตั้งใจของมินฮยอกล้มเหลวไม่เป็นท่า เดทแรกพังทลายไม่มีชิ้นดี ขณะที่จูฮยอนกลับพึงพอใจกับสถานการณ์ในวันนี้ไม่น้อย
มินฮยอกเป็นคนดี แต่เธอคิดว่าเราสองคนเหมาะที่จะเป็นเพื่อนกันมากกว่า ยิ่งเพราะเป็นน้องชายของฮโยยอนด้วยแล้ว ทำให้เธอปฏิเสธได้ยาก งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้ยงฮวาไปครึ่งหนึ่ง
หลังจบจากมื้ออาหารทั้งสามคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน จูฮยอนเพิ่งจะก้าวเข้ามาในรถไม่นานก็ถูกยงฮวาเดินตามมาเคาะกระจกขอกลับบ้านด้วยคน
“ขอพี่ไปด้วย ประหยัดน้ำมันดีนะ ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน”
จูฮยอนยอมให้ขึ้นรถมาด้วย เพราะเห็นแก่ความดีความชอบที่เขาสร้างเอาไว้ ความจริงแล้วจูฮยอนยังไม่มีความคิดอยากจะเดทหรือว่าแต่งงานในตอนนี้ ไม่ว่าเธอจะคิดทำอะไร จะต้องคำนึงถึงพ่อกับเลิฟลี่เป็นหลัก
“มินฮยอกก็เป็นคนโอเคดีนะ แต่เขาดูเด็กไปในหลายๆเรื่อง เธอคงไม่ชอบคนอายุรุ่นเดียวกันสักเท่าไหร่”
ขึ้นมานั่งเบาะยังไม่ทันอุ่น ยงฮวาก็แสดงออกซึ่งความรู้สึกคุ้นเคยและรู้ใจ
“ว่ากันว่า…ผู้หญิงเราเมื่อผิดหวังจากความรักแล้ว หลังจากนั้นเธอก็จะเปลี่ยนไปค่ะ”
ก็อาจจะจริง จูฮยอนเปลี่ยนไปมาก อะไรที่คิดว่าเคยเป็นแบบนั้นหรืออาจจะเหมือนเดิม ตอนนี้คงเปลี่ยนไปหมดแล้ว
“พี่รู้ว่าทำให้เธอต้องเสียใจ พี่แค่อยากบอกให้เธอรู้ไว้ ว่าเรื่องวันนั้น…มันต้องเกิดขึ้น ก็เพราะ…เพราะพี่มีเหตุผล… ”
“….” ยงฮวานิ่งเงียบไปชั่วขณะ เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดจากที่ตรงไหน หลังจากต้องจำยอมบอกเลิกจูฮยอนในวันนั้นแล้ว ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป
“มันเกินกำลังที่พี่จะยื้อ เมื่อทุกอย่างกำลังจะพังลงต่อหน้า คนเรามีความจำเป็นจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อยับยั้งมัน”
“….” จูฮยอนพยายามประคองสติแล้วก็ตั้งใจขับรถต่อราวกับว่าตัวเองนั้นไม่รู้สึกอะไรต่อคำพูดของเขาเลย วันนั้นยงฮวาไม่มีเหตุผล เขาแค่พูดสั้นๆว่าเราเลิกกันเถอะ แล้วจากนั้นทุกอย่างระหว่างเราก็จบลง
“หลังจากวันนั้น…พี่เสียใจมาก”
“มันจบแล้วค่ะ ปล่อยให้ทุกอย่างจบไปเถอะ อดีตก็คืออดีต เรื่องบางเรื่อง…ฉันลืมมันไปหมดแล้วด้วยค่ะ” จูฮยอนกลั้นน้ำตา เลือกที่จะเผยแต่รอยยิ้มสดใสออกมา เธอต้องทนอยู่คนเดียว ดูแลตัวเองคนเดียว ใช้ชีวิตเหมือนกับนักโทษที่ต้องใช้เวลาทบทวนความผิด ต่อให้วันนี้ยงฮวาสารภาพว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ มันก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้อีกแล้ว
“แต่พี่…ลืมเธอไม่ได้ แม้แต่ตอนนี้…พี่ก็ยัง ‘รัก’ เธออยู่” สิ่งที่ยังคงฝังแน่นอยู่ในใจถูกเผยออกมาแล้ว ตอนแรกยงฮวาคิดว่าจะเก็บมันเอาไว้กับตัวตลอดไป แต่เขาคงทนเก็บมันไว้ไม่ไหว
“พี่ไปหาเธอ ไปส่งเธอที่สนามบิน หลังจากได้รู้ก่อนหน้านั้นไม่กี่สิบนาทีว่าเธอกำลังจะไปอเมริกา…พี่ยืนดูจนกระทั่งเครื่องบินลำที่เธอนั่ง หายไปบนท้องฟ้า”
มันเป็นคำสารภาพที่มาช้าไปถึง 7 ปี แต่ต่อให้เขาพูดให้เร็วกว่านี้ จูฮยอนก็ไม่แน่ใจว่าเธอกับเขาจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันหรือเปล่า แต่มันก็คงดีกว่าซอจูฮยอนที่ต้องอุ้มท้องแล้วก็ให้กำเนิดเด็กผู้หญิงคนหนึ่งออกมาดูโลกเพียงลำพัง
“สายไปแล้วค่ะ ตอนนี้ทุกอย่างมันย้อนคืนไม่ได้อีกแล้ว พี่เองก็มีครอบครัวที่ต้องดูแล ลูกสาวของพี่น่ารักมากนะคะ แกคงเป็นเด็กที่มีความสุขมากที่สุดถ้าพ่อกับแม่ของแกรักกัน”
“ชินบีไม่รักพี่หรอก เพราะว่าตลอดมา…พี่ไม่เคยรักแกเลย”
ทั้งสองคนไม่ได้มุ่งหน้ากลับที่พัก คำสารภาพตูมใหญ่ของยงฮวาทำให้จูฮยอนตกใจจนมือไม้อ่อนเกินกว่าที่จะขับรถต่อไปได้ ดังนั้นเธอจึงขับรถมาจอดที่ริมแม่น้ำ
“ไม่ตลกนะคะ ที่จะพูดแบบนี้ ถ้าชินบีมาได้ยิน แกคง… ”
“พี่ตัดสินใจว่าจะหย่ากับชินเฮ พี่คิดมานานแล้ว แล้วก็คิดว่ามันคือทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้”
จูฮยอนหันมองดูคนที่นั่งอยู่เคียงข้าง คนคนนี้ใช่จองยงฮวาที่เธอรู้จักหรือเปล่า ทำไมเขาถึงกล้าคิดที่จะทิ้งได้แม้กระทั่งลูกของตัวเอง
“ตั้งสติหน่อยค่ะ พี่ควรที่จะต้องคิดถึงชินบีให้มากๆ”
“พี่มีสติตลอด ตลอดมาพี่ไม่เคยมีความสุขเลย เพราะใจของพี่มันเอาแต่เรียกร้องหาเธอ พี่ไม่เคยนอนร่วมห้องกับชินเฮ ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ต้องทนใช้ชีวิตแต่งงาน พี่แทบจะไม่เคยนอนที่บ้านนั้นเลย”
จูฮยอนตัวชาวาบเมื่อถูกยงฮวาเกาะกุมมือข้างหนึ่งเอาไว้ ทุกอย่างมันผิดหมด ตอนนี้เขาทำให้เธอสับสนและหวาดกลัวไปหมดแล้ว
“ไม่ได้ค่ะ มันไม่ถูกต้อง” เธอสะบัดมือออก มือข้างหนึ่งกดปุ่มสตาร์ทรถเตรียมที่จะขับรถกลับบ้าน แต่กลับถูกยงฮวาดึงตัวเข้ามากอด
…!!
“เจ็ดปีแล้วนะ ตลอดมาพี่ไม่เคยลืมเธอเลย พี่รู้ว่าตัวเองผิด แล้วพี่ก็ไม่ควรที่จะสร้างความลำบากใจให้เธออีก พี่ขอโทษจริงๆ”
จูฮยอนดิ้นขัดขืนเต็มที่ แต่กลับยิ่งถูกกอดรัดหนักขึ้นอีก จูฮยอนไม่เคยลืมเลยว่าเขาใจร้ายกับเธอมากแค่ไหน ทุกอย่างมันก็แค่ข้ออ้าง ที่ยิ่งพูดก็ยิ่งเผยตัวตนเผยธาตุแท้ของเขาออกมาก็เท่านั้น
“ลืมฉันซะเถอะค่ะ เพราะว่าตอนนี้…ฉันไม่รู้สึกอะไรกับพี่อีกแล้ว”
เป็นคำปฏิเสธที่เย็นชาอะไรอย่างนี้ ความจริงยงฮวาก็พอรู้อยู่แล้วว่าจูฮยอนรู้สึกยังไง แต่เป็นเขาต่างหากที่เก็บทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ในใจมาเนิ่นนานจนมันระเบิดออกมาในวันนี้
“เราสองคนก็แค่ต่างคนต่างเดินค่ะ มันผ่านมานานเกินกว่าที่ความรู้สึกดีดีจะย้อนกลับคืนมาได้แล้ว จบเถอะค่ะ มันควรที่จะจบได้แล้ว”
“….” จูฮยอนพูดถูก ทุกอย่างควรจบ แต่กลับเป็นเขา ที่พยายามยังไงก็จบความรู้สึกมากมายพวกนี้ไม่ได้ ยงฮวาในอดีตถูกบังคับให้ต้องเลิกกับคนที่รักมากที่สุด ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะดูแลเธอคนนี้เป็นอย่างดีไปทั้งชีวิต
จูฮยอนหลั่งน้ำตาออกมาในทันทีที่ยงฮวาเปิดประตูเดินลงจากรถไป ทุกอย่างสายเกินไป มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว เพราะในตอนที่เธอสิ้นหวัง ในตอนที่เธอต้องร้องไห้คนเดียว เขาไปอยู่เสียที่ไหน ตอนที่เธอเจ็บท้องจวนจะคลอด เขาไม่เคยรับรู้ว่าเธอรู้สึกยังไง ชีวิตที่ดูสวยงามสมบูรณ์แบบ ทว่าความจริงแล้วเธอก็ไม่ต่างไปจากคนทั่วไป ทั้งผิดพลาด ทั้งล้มลุกคลุกคลาน จนวันนี้เธอสามารถยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว เขากลับปรากฎตัวออกมาแล้วก็…บอกว่ายังรักกันเหมือนเดิม
นี่เขาคิดจะทำอะไรกันแน่? คิดจะปั่นหัวเธอเล่นอย่างนั้นหรอ?
********************100%********************
10 วันสุดท้ายของการโอนเงิน และจองหนังสือ The Snowman ใครสนใจยังสามารถจองได้เรื่อยๆ ส่วนคนจองไว้แล้ว อย่าลืมโอนเงินให้ไรเตอร์นะคะ
สุดท้ายนี้ อ่านนิยายจบแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์ให้กันนะคะ ขอบคุณทุกคนค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เหลือแค่เล่าความจริงออกมาทั้งหมด และให้นุ่งซอเปิดใจ สู้ๆยง
สู้ๆค่ะไรท์
ไรเตอร์สู้ๆ
เท็ดดี้จองน่ารักจัง คิคิ
จะสงสารใครดี ฮื่อๆๆๆๆๆๆๆ
เท็ดดี้จอง เป็นตาฮักแท้นะคะชื่อเนี้ยะ อิอิ ชอบจังค่ะ ที่มีเรื่องยงเป็นดีเจ คือมันปังมาก
นึกภาพออก ยงก็นะ เล่าเรื่องส่วนตัวซะขนาดนั้น
ซออ่ะ โลกมันกลม แคบนิดเดียว ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย อย่าสงสัยให้มาก
เหมือนกับที่ฮยอกได้จีบซอไง โลกแคบนิดเดียว! เฮ้ออออ
แอบสงสารยงนะคะ ตอนไปกับชินเฮเนี่ย เข้าใจพี่แกเลย แต่ทำไงได้ ในเมื่อไม่มีใครรู้เบื้องหลัง
แต่นับถือตรงที่ยงด้านได้ด้านดีนี่แหละค่ะ!!!! 5555
ชอบค่ะชอบบบบ นิยายเรื่องนี้เดินเรื่องไปสนุกเพราะพระเอกด้านนี่แหละค่ะ
เพราะต่างคนต่างมีความลับ จะให้เงียบทั้งสองก้ไม่ใช่
ว่าแล้วก็มึนแทนซอค่ะ 55
ชอบวิธีการเดินเรื่องมากๆเลยค่ะไม่ยืดเยื้อ จริงๆตอนแรกคิดว่ายงซอจะไม่ได้คุยกันเร็วขนาดนี้
เคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อย
ส่วนน้องซอเจ้เข้าใจหนูนะลูก
หนูคือคนที่เจ็บปวดที่สุดในตอนนี้
รอตอนต่อไปนะคะ
อีกอย่างยงก็แต่งงานมีลูกมีเมียอยู่ มันจะมีประโยชน์อะไรสู้รีบแก้ปัญหาตนเองก่อนดีไหม