ตอนที่ 35 : Lost in Love Chapter 34 แผนสุดท้าย [100%]
Lost in Love Chapter 34
แผนสุดท้าย
ทิฟฟานี่ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว นอกจากสามีอย่างนิชคุณ รอบๆเตียงก็มีทั้งจูฮยอน ยงฮวาและเลิฟลี่ที่กำลังจ้องมองดูเธออยู่ด้วยความห่วงใย
ซอซอนมินนึกตำหนิหลานสาวอย่างทิฟฟานี่ไม่น้อยที่เป็นโต้โผพาแม่มาหลบซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆกับไร่แสงแห่งรัก และซอซอนมินก็ได้แจ้งเรื่องให้กับทางตำรวจได้รู้แล้วด้วย ตอนนี้ทุกคนกำลังตามตัวซออึนฮีกันให้วุ่นวายไปหมด โดยที่ซอซอนมินกับจูอึนรอฟังข่าวจากทางตำรวจอยู่ด้วยกันที่ไร่
“คุณแม่ขา คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ?”
ทิฟฟานี่ดีใจจนน้ำตาซึมที่ได้พบกับเลิฟลี่อีกครั้ง เธออยากจะบอกกับเลิฟลี่ในทันทีว่าน้องที่เลิฟลี่อยากจะมี ตอนนี้น้องมาอยู่ในท้องของเธอแล้ว แต่ก็พูดไม่ได้เพราะจูฮยอนก็กำลังมีน้องให้เลิฟลี่ด้วยเหมือนกัน
“แม่ไม่เป็นไรแล้วจ๊ะ หนูอยู่กับแม่จูฮยอนกับพ่อยงฮวา อย่าดื้อนะจ๊ะ”
“หนูไม่ดื้อค่ะ คุณแม่ขา หนูกำลังจะมีน้องแล้วนะคะ ตอนนี้หนูช่วยน้าจูฮยอนดูแลน้องด้วยค่ะ” เลิฟลี่บอกกับคุณแม่ทิฟฟานี่ด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์ใสซื่อ ได้เห็นลูกสาวตัวน้อยมีความสุขแล้วก็ทำให้ทิฟฟานี่กับนิชคุณต้องกลั้นน้ำตา ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากบอกเรื่องน่ายินดีของตัวเองให้เลิฟลี่ได้รู้
“พี่เป็นยังไงบ้างคะ คุณหมอว่ายังไงบ้าง?” จูฮยอนถามด้วยความห่วงใย
นิชคุณยิ้มเจื่อน ก่อนที่จะช่วยอธิบาย ก่อนจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อเช้านี้ หมอก็สั่งกำชับแล้วว่าให้ทิฟฟานี่พักผ่อนให้มากๆ แต่นอกจากจะไม่ได้พักแล้วตอนนี้ยังมีความเครียดเพิ่มเข้ามาอีกด้วย
“ร่างกายอ่อนเพลียมาก เห็นทีว่าจะต้องนอนให้น้ำเกลือแล้วก็นอนหลับพักผ่อนจริงๆจังๆสักที”
เป็นที่เข้าใจกันดีว่าก่อนหน้านี้ทิฟฟานี่คงมัวแต่ขับรถทางไกลมาดูแลแม่ที่บ้านพักของจูฮยอนจนไม่มีเวลาพักผ่อน ขนาดงานที่รักก็ยังยอมทิ้งได้เพียงเพราะไม่อยากทิ้งให้แม่อยู่คนเดียว
“หนูขออยู่กับคุณแม่ได้ไหมคะ?”
จูฮยอนกับยงฮวาหันมองหน้ากัน อันที่จริงแล้วทั้งสองคนไม่ได้คิดที่จะเก็บเลิฟลี่เอาไว้กับตัวตลอดไป พวกเขาเข้าใจดีว่าเลิฟลี่มีความผูกพันกับพ่อแม่ที่เลี้ยงดูมามากแค่ไหน จะติดก็แต่นี่เป็นโรงพยาบาลต่างจังหวัด แล้วหมอก็ไม่อนุญาตให้ทิฟฟานี่นอนห้องเดี่ยวด้วย
“อย่าเลยนะลูก แม่ไม่ได้นอนคนเดียว ถ้าหนูมาอยู่ด้วยก็จะอยู่ลำบาก กลับไปกับแม่จูฮยอนเถอะจ๊ะ แล้ววันพรุ่งนี้ค่อยมาหาแม่ใหม่ก็ได้” ทิฟฟานี่ไม่อยากฉุดดึงเลิฟลี่เอาไว้ เวลาอย่างนี้เลิฟลี่สมควรที่จะอยู่ดูแลจูฮยอนกับน้องในท้องมากกว่า ซึ่งนิชคุณเองก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของภรรยา ทิฟฟานี่ทำถูกแล้ว ที่ปล่อยให้เลิฟลี่ไปใช้ชีวิตให้มีความสุขจะได้ไม่ต้องมารับรู้ว่าตอนนี้เราทุกคนกำลังเครียดเรื่องของซออึนฮีกันอยู่ ให้เลิฟลี่ได้รู้และจดจำแต่ด้านดีดีของซออึนฮี ดีกว่าให้เด็กต้องมารับรู้ว่าครอบครัวของตัวเองถูกซออึนฮีทำอะไรเอาไว้บ้าง
“ถ้าอย่างนั้น…วันพรุ่งนี้ หนูจะมาหาคุณแม่กับคุณพ่อแต่เช้าเลยนะคะ หนูจะขอให้คุณยายช่วยทำข้าวต้มมาให้ด้วยค่ะ ข้าวต้มของคุณยายอร่อยมากจริงๆ”
เลยกำหนดมาหลายวันแล้วที่จงฮยอนบอกว่าจะมาหาตนที่ไร่ ครั้งล่าสุดที่ได้พูดคุยกันจงฮยอนบอกกับเธอว่า เขาตัดสินใจขอแยกบ้าน โดยที่จะซื้อบ้านใหม่แล้วอยู่กับซึงยอนและลูก โดยที่ทุกวันหยุดจะกลับไปเยี่ยมแม่ให้ได้บ่อยมากที่สุดเท่าที่จะไปได้ แต่หลังจากจงฮยอนบอกแผนการกับแม่ของเขาทั้งหมด คุณนายลีก็เกิดล้มป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอีกครั้ง
“เค้าอาจจะป่วยจริงๆ อย่าคิดมากเลยนะ” จองชินพูดปลอบโยน โดยที่ทั้งสองคนเองก็ไม่รู้ว่าฮโยยอนกำลังจับมามองดูทั้งสองคนอยู่
“ฉันก็ไม่คิดมากอะไรอยู่แล้ว แล้วว่าแต่ว่า…ครีมที่ให้ไป ใกล้หมดแล้วหรือยัง?”
ฮโยยอนหูผึ่ง ซึงยอนจะต้องหมายถึงสารพัดครีมบำรุงผิวของลีจองชินอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าจองชินเป็นผู้ชายรักสวยรักงาม ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าใครเป็นผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลัง
“ยังไม่หมดเลย ซื้อมาฝากกันซะเยอะ จนคนอื่นคิดว่าฉันเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วหมดแล้ว” จองชินบ่นอุบ ตอนแรกเขาก็ไม่คิดจะใช้มันหรอก ทุกอย่างที่ซึงยอนให้มาเขาเก็บและดูแลรักษามันเป็นอย่างดี แต่ครีมพวกนั้นมันมีวันหมดอายุ บวกกับซึงยอนมักจะซื้อมายัดให้กันแทบจะตลอดเวลา เธอสั่งกำชับเขาด้วยว่าให้ทาครีมกันแดดทุกวัน จะได้ไม่เป็นมะเร็งผิวหนัง จองชินก็เลยใช้ครีมพวกนั้นมาตลอด
ด้านซออึนฮีไม่รู้ว่าตนจะหนีไปไหน ก็เลยขับรถมาหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณทางขึ้นน้ำตกซึ่งปัจจุบันไม่มีใครเข้ามาเที่ยวที่นี่กันแล้ว
ในรถไม่มีของกินติดมาเลย มีก็แต่น้ำดื่มแค่สองขวดแล้วก็กระเป๋าสตางค์ของลูกสาวกับลูกเขยที่มีเงินสดอยู่มากพอสมควร
ซออึนฮีรู้ตัวดีว่าเธอในตอนนี้ไม่ต่างกับหมาจนตรอกแล้ว ตำรวจกำลังตามตัวเธอให้วุ่นวาย เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าจะหลบซ่อนตัวได้อีกนานแค่ไหน ค่อนข้างมั่นใจว่าสักวันตัวเองก็จะต้องถูกตำรวจจับอย่างแน่นอน
แต่ก่อนจะถูกจับ อย่างน้อยเธอจะต้องตอบแทนความฉลาดของหลานสาวซอจูฮยอนให้หนำใจก่อน ลูกในท้องของทิฟฟานี่เธอยังฆ่าได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับหลานเลิฟลี่ที่น่ารัก ถ้าเด็กนั่นตาย เธอถึงจะเข้าคุกได้อย่างผู้ชนะ ในเมื่อเธอต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต คนอื่นก็อย่าได้มีหัวใจหลงเหลือเอาไว้อีกเลย
….
ซึงยอนถือโอกาสในช่วงเวลาหลังเลิกงานมาเยี่ยมจูฮยอนถึงบ้านพัก จูฮยอนเองก็รับรู้ดีว่าซึงยอนออกแรงช่วยเหลือเธอมากแค่ไหน ความจริงแล้วเธอเองก็อยากไปหาซึงยอนด้วยเหมือนกัน แต่จะติดที่ที่ผ่านมาเธอไม่สะดวก พอปัญหาหมดก็มีเรื่องของทิฟฟานี่กับซออึนฮีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“ขอโทษจริงๆนะคะ ที่ฉันไม่ได้ไปหาคุณเลย รอนานหรือเปล่าคะ?” จูฮยอนเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล ส่วนซึงยอนก็มาดักพบจูฮยอนได้ครู่ใหญ่แล้ว ก่อนหน้าจูฮยอนเองก็ได้ข่าวเรื่องซึงยอนตั้งท้องมาเหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เรามีโอกาสได้พบกันหลังผ่านพ้นเรื่องราวยุ่งยากมากมาย
“ไม่นานค่ะ ตอนที่คุณยงฮวาโทรบอกจองชินว่ากำลังจะพากันกลับแล้ว ฉันก็มารอที่นี่เลย”
เลิฟลี่ช่วยคุณยายเอาน้ำผลไม้สดจากไร่มาเสิร์ฟให้กับทั้งซึงยอนและจูฮยอนด้วย ช่วงนี้นอกจากเลิฟลี่จะไม่ดื้อแล้ว ยังอาสาช่วยคุณยายเข้าไปช่วยงานในห้องครัวอยู่บ่อยๆอีกด้วย
“น้ำส้มผสมแครอทฝีมือคุณยายค่ะ แต่ว่าหนู…ก็ช่วยล้างแครอทด้วยนะคะ”
“ขอบใจมากเลยจ๊ะ เลิฟลี่เก่งมากเลยจริงๆ” ซึงยอนเอ่ยชม หนูน้อยก็ยิ้มรับคำชม ก่อนที่จะเดินกลับออกไป ปล่อยให้ผู้ใหญ่คุยกันเองเพียงลำพัง
“ฉันรู้มาว่าคุณช่วยพวกเรามากมาย ทั้งที่ตัวเองก็กำลังตั้งท้องอยู่ด้วยเหมือนกัน อยู่ที่นี่ถ้ามีอะไรให้ช่วย บอกฉันได้เลยนะคะ ถ้าฉันช่วยได้ ฉันยินดีที่จะช่วยคุณทุกอย่างเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ฉันเต็มใจมากๆ ฉันเอง…ถ้าไม่ได้คุณยงฮวารับเข้ามาทำงานก็คงไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรด้วยเหมือนกัน”
เอ่ยถึงเรื่องงานขึ้นมาแล้วทำให้จูฮยอนรู้สึกเสียใจไม่น้อย เป็นเพราะเรื่องของเธอ ก็เลยทำให้ซึงยอนพลอยต้องมาเดือดร้อนไปด้วย
“เรื่องข่าวลือ มันเป็นความจริงเกือบจะทั้งหมดเลยค่ะ ฉันตั้งท้องตั้งแต่อายุ 18, พอคลอดก็ยกให้เป็นลูกของพี่สาว ถึงคนจะตราหน้าบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงใจแตก ฉันก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวหรือเรียกร้องขอให้คนอื่นเข้าใจไปทำไม ทุกวันนี้ฉันแค่ต้องการปกป้องเลิฟลี่ ปกป้องครอบครัว ปกป้องทุกคนที่รักฉันเอาไว้ ฉันก็เลยต้องปิดข่าวทั้งหมด แม้จะรู้ดีว่าผู้คนคงไม่มีทางลืม แต่ทุกอย่างทุกเรื่อง…เป็นเรื่องส่วนตัวที่ฉันคิดว่าตัวเองสามารถจัดการมันได้ดีค่ะ”
จูฮยอนเข้มแข็งมากกว่าที่คิด คนอื่นก็คือคนอื่น ไม่มีใครเข้าใจตัวเราเท่ากับตัวเราเองหรือคนที่อยู่ใกล้ชิดเราตลอดเวลาอยู่แล้ว คนทั่วไปก็แค่วิจารณ์เพื่อความสนุกปาก คนเราสมัยนี้ชอบเหยียบและซ้ำเติมคนอื่น ชอบทำเหมือนว่าฉลาด รู้ดีไปหมดทุกเรื่อง ทั้งที่ความจริงแล้วไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ
“ฉันเป็นกำลังใจให้คุณค่ะ ไม่ต้องแคร์ ไม่ต้องสนใจคำพูดของคนอื่น แค่ใช้ชีวิตของเราให้ดีและมีความสุขจนคนพวกนั้นอิจฉาก็พอแล้วค่ะ ฉันเองก็อิจฉาคุณด้วยเหมือนกันเพราะอย่างน้อย…ในวันที่อาจจะแย่ที่สุด คุณก็ยังมีคนที่รักคุณอยู่ข้างๆ”
เป็นเพราะซอซอนมินมาพักอยู่ด้วย ดังนั้นยงฮวาก็เลยต้องให้เกียรติคุณพ่อตาด้วยการแอบปีนหน้าต่างเข้ามานอนกับจูฮยอนเหมือนกับในทุกคืนก่อนหน้า
ขณะที่จูฮยอนก็ยังคงใจแข็ง ให้ยงฮวานอนบนพื้น ซึ่งแม้ว่าหลายครั้งเขาจะบ่นว่าหนาวหรือทำเนียนขึ้นมากระโดดกลิ้งเล่นบนที่นอน แต่สุดท้ายก็ถูกจูฮยอนไล่กลับลงมาทุกที
“ฉันปูที่นอนให้เรียบร้อยแล้วค่ะ แปรงฟันหรือยังคะ ถ้ายังไม่แปรงไปบ้วนปากก่อนนอนก็ยังดี”
“ไม่มีแรงแปรงแล้ว ง่วงนอน… ” ว่าแล้วก็จำใจลงมานอนแผ่บนพื้น ก่อนที่จะหลับตาลงแกล้งหลับ จูฮยอนนั่งส่ายหน้า กำลังเตรียมจะเอื้อมมือปิดไฟที่หัวเตียง แต่จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆดังขึ้นมา
“ใครมาป่านนี้ หรือว่า…คุณพ่อมา!?” ยงฮวาลุกพรวดขึ้น รีบเก็บม้วนทั้งผ้าปูผ้าห่ม เอามาหมกซ่อนไว้ใต้เตียงด้วยความรีบร้อน ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปซ่อนตัวในห้องน้ำ ถ้าคุณพ่อตาแบบซอซอนมินพบตนในห้องนอนของลูกสาว ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่มีชีวิตอยู่รอดจนถึงวันแต่งงานก็ได้
จูฮยอนกลั้นหัวเราะ ก่อนที่จะรีบเดินมาเปิดประตูห้อง พอเห็นว่าเป็นเลิฟลี่ก็ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“หนูขอนอนด้วยได้ไหมคะ? หนูอยากนอนกับน้า แล้วก็นอนกับน้องด้วยค่ะ”
“บอกคุณยายกับคุณตาหรือยังจ๊ะ?”
เลิฟลี่พยักหน้ารับ คุณยายรับรู้แล้วว่าหลานสาวจะมานอนกับจูฮยอนที่ห้องนี้ ท่านยังบอกด้วยว่าดี เพราะจะได้ช่วยดูแลแม่กับน้อง
จูฮยอนจูงมือพาเลิฟลี่เข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่ให้คนในห้องน้ำได้รู้ เลิฟลี่เป็นเด็กฉลาดและช่างสังเกต เห็นชายผ้าห่มโผล่ออกมาจากที่ใต้เตียง หนูน้อยจึงก้มลงมองดูด้วยความสงสัย
“ผ้าห่มตกหรอคะ?”
พอถูกลูกสาวทัก จูฮยอนจึงก้มลงเก็บผ้าห่มผ้าปูออกมาจากใต้เตียง
“หนูขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ปวดฉี่ค่ะ” เลิฟลี่กระซิบบอกเสียงเบา ก่อนที่ร่างเล็กจะรีบเดินตรงไปยังห้องน้ำ โดยที่จูฮยอนเองก็ไม่ได้บอกคนในนั้นให้ได้รู้ตัวล่วงหน้า
ยงฮวาไม่ได้ล็อคประตู เขาตกใจเป็นอย่างมากที่พบว่าเลิฟลี่เป็นคนเปิดประตูเข้ามา
“อุ้ย!!”
“คุณลุง มาทำอะไรในนี้คะ? หนูคิดว่ากลับไปแล้วซะอีก”
“โอ้ย…ตกใจจนหัวใจเกือบจะวาย นึกว่าคุณตาซอนมินมาเสียอีก หนูจะเข้าห้องน้ำหรอคะลูก อ่ะ ตามสบายเลยจ๊ะ เต็มที่เลยนะลูก ไม่ต้องเกรงใจ”
ยงฮวาเดินกลับออกมานั่งปาดเหงื่อที่ก่อนหน้ามันแตกพลั่กออกมาด้วยความลุ้นระทึก เพราะคิดว่าคนที่มาคือคุณพ่อตา
“ลูกมาขอนอนด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นคืนนี้…คงไม่สะดวกแล้วล่ะค่ะ”
“นี่แหละคือช่วงเวลาที่พี่ไม่ควรพลาดเลย ลองคิดดูสิ ถ้าได้นอนด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก เราจะมีความสุขมากแค่ไหน?”
ยงฮวายืนกรานว่าจะไม่ยอมกลับออกไป ที่สุดแล้วจูฮยอนก็ต้องยินยอมให้เขานอนด้วย แต่ให้นอนหน้าเตียงเหมือนเดิม
เห็นสองคนแม่ลูกนอนด้วยกันบนเตียงแล้วก็ทำให้ยงฮวาอดที่จะรู้สึกอิจฉาไม่ได้ แต่หัวอกของคนเป็นพ่ออิจฉาได้ไม่นานก็เปลี่ยนมาเป็นเอาแต่นอนมองดูจูฮยอนกับลูกสาวแล้วเอาแต่อมยิ้ม ตอนนี้เราคือครอบครัวที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ ความจริงทุกอย่างเปิดเผย และเลิฟลี่ก็ยอมรับเราสองคนมากขึ้นแล้ว ตอนนี้ติดปัญหาอยู่เรื่องเดียวก็คือเรื่องของซออึนฮี เพราะตราบที่ยังจับตัวซออึนฮีไม่ได้ ยงฮวาไม่มีทางใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขได้เลย เพราะในแต่ละวันต้องมานั่งระแวงกลัวคนที่ตัวเองรักจะเป็นอันตราย
เลิฟลี่ร้องเพลงกล่อมให้น้องนอนหลับ เสียงของลูกสาวทั้งใสทั้งเจื้อยแจ้ว บ่งบอกได้ถึงหัวใจที่แสนบริสุทธิ์และอ่อนโยน ที่ผ่านมาเลิฟลี่คงจะเหงามาก พอรู้ตัวว่าจะมีน้องก็ออกอาการดีใจจนเข้าขั้นเห่อเลยก็ว่าได้
รู้ตัวว่าถูกยงฮวาแอบมอง จูฮยอนจึงแกล้งยั่วด้วยการคว้าตัวเลิฟลี่เข้ามากอดเอาไว้ อีกทั้งยังหอมแก้มของหนูน้อยอวดยงฮวาเพื่อให้เขารู้สึกอิจฉา
“พ่อยังไม่ง่วงเลยแม้แต่นิดเดียว หนูช่วยมาร้องเพลงกล่อมพ่อตรงนี้หน่อยได้ไหม?”
“พื้นเย็นจะตายค่ะ เดี๋ยวลูกไม่สบายพอดี” จูฮยอนพูดขัด
“หมายความว่า…ถ้าพี่ไม่สบายนี่คงไม่เป็นไรใช่ไหม?”
จูฮยอนส่งยิ้มกว้างกลับมายั่ว ส่วนเลิฟลี่นั้นลุกออกจากเตียงเดินลงมาดูคนที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความห่วงใย ยงฮวาได้ทีส่งยิ้มยั่วกลับมา ทั้งสองคนมัวแต่ค้อนใส่กันไปมาเหมือนกับเด็กๆไม่มีผิด
“ทำไมคุณลุงถึงขึ้นไปนอนกับเราบนเตียงไม่ได้ล่ะคะ?” เด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความใสซื่อ
“นั่นสิ พ่อก็ไม่เข้าใจแม่เค้าเหมือนกัน”
จูฮยอนลุกขึ้นมาตียงฮวาจนทำให้เขาผวาลุกขึ้นมา เห็นทีว่าคืนนี้เราสามคนจะไม่ได้หลับนอนกันง่ายๆเสียแล้ว
“เป็นเพราะว่า…พ่อเค้าเป็น…เป็นฝีดาษน่ะจ๊ะ มันเป็นโรคติดต่อ น่ากลัวมากๆ เลิฟลี่รีบขึ้นมาบนเตียงเถอะจ๊ะ อย่าเอามือไปจับพ่อเค้านะคะ เดี๋ยวติดฝี”
เลิฟลี่ไม่รู้อะไร รีบวิ่งกลับขึ้นมาบนเตียงทันที จูฮยอนดูแลช่วยห่มผ้าให้ลูกสาว ก่อนที่จะล้มตัวนอนลง อีกทั้งยังหันมาแลบลิ้นใส่ยงฮวาก่อนที่จะปิดไฟอีกด้วย
“เป็นฝีดาษ นึกได้ยังไงเนี่ย?” ยงฮวาจะขำก็ขำไม่ออก จะยิ้มก็ยิ้มได้ไม่เต็มปาก เห็นจูฮยอนกับลูกเข้านอนกันแล้ว เมื่อทำอะไรไม่ได้ตนก็จำต้องล้มตัวลงนอนตาม หากแต่ข่มตายังไงก็ข่มตาหลับไม่ลง เขาตื่นเต้นมากเกินไปที่ได้นอนพร้อมหน้ากันแบบนี้ แม้ตนจะถูกแยกออกมานอนบนพื้นก็ตามที
ยงฮวาเฝ้ารอจนกระทั่งแน่ใจว่าสองคนแม่ลูกนอนหลับสนิทดีแล้ว ถึงได้ลุกขึ้นมาบอกราตรีสวัสดิ์ด้วยการแอบจุมพิตลงบนแก้มนุ่มๆของทั้งลูกสาวและคุณภรรยาอย่างแผ่วเบา ได้มองดูทั้งสองคนแล้วทำให้หัวใจของยงฮวาเต้นแรง เขารักจูฮยอนกับเลิฟลี่ รวมไปถึงลูกในท้องมากจริงๆ อดตื่นเต้นถึงวันที่เราทุกคนจะได้อยู่ด้วยกันแทบจะไม่ไหว
“เรื่องอะไรจะยอมนอนหนาวคนเดียว ที่ว่างยังเหลืออีกเพียบ ติดฝีกันทั้งหมดเลยนั่นแหละ ถึงจะเรียกว่ารักกันจริง” ยงฮวายิ้มทะเล้น ก่อนที่จะล้มตัวนอนลงใกล้ๆกับลูกสาว ดวงตาคมกริบจ้องมองสองคนแม่ลูกนอนหลับฝันหวาน ยิ่งใกล้ก็ยิ่งรัก ยิ่งใกล้ก็ยิ่งต้องการที่จะดูแลและปกป้อง…ตลอดไป
จูฮยอนลืมตากลับขึ้นมามองแล้วก็หลับตาอมยิ้ม เธอคิดเอาไว้ไม่มีผิดว่ายงฮวาจะต้องแอบย่องขึ้นมาบนเตียง แล้วเขาก็มาจริงๆ
ในเช้าตรู่ของวันต่อมา ซออึนฮีทิ้งรถเอาไว้ในป่าแล้วเดินเท้าออกมาขอติดรถชาวบ้านที่แล่นผ่านมาเข้าไปยังตลาดสดเพื่อขอเช่ารถและหาซื้อของกินของใช้จำเป็นสำหรับตัวเอง ในรถยนต์ของทิฟฟานี่มีทั้งหมวก ผ้าคลุมผมและแว่นกันแดดซึ่งเป็นของส่วนตัวของทิฟฟานี่ ซออึนฮีเอามาใช้ทุกอย่างและมันก็สามารถช่วยอำพรางใบหน้าของเธอได้ดี
ซออึนฮีเห็นของกินก็ตรงเข้าใส่ เธออดทนประทังความหิวโหยมาตลอดทั้งคืนด้วยน้ำเปล่าที่มีติดมาในรถ แต่หลังจากนี้เธอคงจะได้อิ่มท้องจริงๆแล้ว การมีเงินสดมากมายในป่า ไม่ต่างอะไรกับการถือเศษกระดาษไร่ค่าร่อนไปมา มีเงินก็ต้องมาอยู่ในที่ที่ต้องใช้เงิน เพียงเท่านี้เธอก็ไม่ทนหิวอีกต่อไป
ยงฮวาขับรถพาจูฮยอนกับเลิฟลี่มาที่ตลาด ตั้งใจจะแวะซื้อของใช้จำเป็นไปส่งให้กับนิชคุณที่ยังคงเฝ้าดูแลทิฟฟานี่อยู่ที่โรงพยาบาล เลิฟลี่ได้มาตลาดครั้งแรกก็ออกอาการตื่นเต้นเป็นอย่างมาก มีของมากมายให้เลือกซื้อ ขนมและอาหารส่งกลิ่นหอมจนทำให้หนูน้อยอยากที่จะลองชิมให้หมดทุกอย่าง และแน่นอนว่ายงฮวากับจูฮยอนก็ตามใจลูกสาวด้วยการซื้อทุกอย่างที่เลิฟลี่ต้องการให้ทั้งหมดอีกด้วย
“ซื้อเยอะขนาดนี้ หนูจะกินหมดหรอลูก?”
“หนูไม่ได้ตั้งใจกินคนเดียวนะคะ แต่จะซื้อไปฝากคุณตาคุณยาย คุณลุงมินฮยอก คุณครูคุณป้าฮโยยอน คุณลุงจองชิน แล้วก็…มีคุณครูซึงยอนด้วยค่ะ”
ซออึนฮีหันมองไปตามเสียงเจื้อยแจ้วที่แสนคุ้นหู เธอขยับทั้งหมวก ผ้าคลุมผมและแว่นกันแดดเพิ่มความมั่นใจว่าพวกเขาทั้งหมดจะไม่มีใครได้เห็นหน้าเธอในตอนนี้ เธอคิดมาตั้งนานว่าจะเข้าหาเลิฟลี่ได้ยังไง ในที่สุดแล้วสวรรค์ก็ช่วยเปิดทางให้เธอแล้ว
“มาพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวเชียวนะ”
ซออึนฮีหันมองซ้ายขวา พบว่ามีร้านขายของที่ระลึกแบบพื้นเมืองอยู่ไม่ไกล และที่สำคัญมากก็คือในร้านนั้นมีมีดปลายแหลม ที่ด้ามไม้มีกลิ่นหอม อีกทั้งยังแกะสลักลวดลายเอาไว้อย่างสวยงาม เธอตัดสินใจซื้อมันมาในทันทีโดยไม่ต่อรองราคาเลยแม้แต่นิดเดียว
“ขนมปังรูปปลาค่ะ หนูซื้อขนมปังรูปปลาไปฝากคุณแม่กับคุณพ่อด้วยได้ไหมคะ?”
ยงฮวามองเวลาจากนาฬิกาข้อมือ นับตั้งแต่มาถึงเราใช้เวลาเลือกซื้อแต่ของกินไปมากกว่าชั่วโมงแล้ว เลิฟลี่ช่างนึกถึงทุกคนไม่มีขาดตกบกพร่อง ทิฟฟานี่กับนิชคุณคงดีใจหากรู้ว่าเลิฟลี่ตั้งใจซื้อขนมไปฝากพวกเขาสองคนด้วย
“เดี๋ยวฉันพาเลิฟลี่ไปซื้อขนมปังรูปปลาเองค่ะ พี่รอตรงนี้นะคะ” เลิฟลี่ซื้อขนมหลายอย่างจนทำให้ยงฮวาต้องยืนรอเพื่อจ่ายเงิน หลายร้านได้ของที่สั่งไว้ครบแล้ว และมีบางร้านที่อยู่ในระหว่างกระบวนการทำในแบบสดๆร้อนๆ
“เลิฟลี่ พาคุณแม่จูฮยอนเดินไปดีดีนะลูก ระวังคุณแม่ลื่นหกล้ม” คุณพ่อยงฮวาสั่งกำชับด้วยความห่วงใย
“ค่ะ หนูจะจับมือแม่…เอาไว้นะคะ” เลิฟลี่หลุดเรียกจูฮยอนว่าแม่เพราะความพลั้งเผลอ แต่หนูน้อยก็ไม่คิดสนใจว่าตัวเองจะต้องพูดแก้ไข มือเล็กๆเกาะกุมมืออบอุ่นของจูฮยอนเอาไว้ แม่กับลูกจับมือกันเอาไว้แน่น แต่ก็ยังมีสายตาหนึ่งที่เอาแต่จ้องมองดูพวกเธอทั้งสองคนด้วยความห่วงใย
ยงฮวารู้สึกดีใจที่เลิฟลี่เรียกจูฮยอนว่าแม่ ไม่ว่าจะเป็นความพลั้งเผลอหรืออะไรก็ตาม เขาคิดว่าตอนนี้จูฮยอนจะต้องกำลังมีความสุขมากแน่ๆ ตนเองก็อยากได้ยินเลิฟลี่เรียกว่าพ่อด้วยเหมือนกัน ลึกๆแล้วเขาก็กำลังเฝ้ารอให้วันนั้นมาถึงจนแทบจะทนไม่ไหว
เลิฟลี่สั่งซื้อขนมปังรูปปลาสำหรับทุกคน สองแม่ลูกยืนรอขนมพร้อมกับพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย
“น้าจูฮยอนขา ตอนนี้น้ายังไม่ชอบดอกไม้อีกไหมคะ?”
จูฮยอนผิดหวังนิดหน่อยที่เลิฟลี่ไม่เรียกตนว่าแม่เหมือนเมื่อครู่นี้ แต่ก็ไม่เป็นอะไรหรอก เธอเชื่อว่าอีกไม่นานทุกอย่างจะต้องดีขึ้นเอง
“ยังเป็นอยู่จ๊ะ ตอนที่แม่ท้องหนู…แม่ก็ไม่ชอบดอกไม้ด้วยเหมือนกัน ได้กลิ่นแล้ว…ทนไม่ไหวเลยจริงๆ”
“อ๋อ…อย่างนี้เองหรอคะ ถ้าอย่างนั้น…ก็หมายความว่าปกติน้าจะไม่แพ้ดอกไม้ใช่ไหมคะ?”
“ถูกต้องเลยจ๊ะ ปกติแม่ไม่แพ้ดอกไม้หรอก ชอบมากเลยด้วยซ้ำ”
“….”
สองคนแม่ลูกพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินจนไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนเดินตรงรี่เข้ามาใกล้ทีละน้อย ขณะที่ยงฮวาจ่ายเงินและรับของทุกอย่างที่เลิฟลี่สั่งเอาไว้จากมือของแม่ค้าได้ครบทั้งหมด พอเตรียมจะเดินตรงมาหาสองคนแม่ลูก เขาก็ถึงกับต้องทิ้งถุงข้าวของทั้งหมดที่ซื้อมาจนมันหล่นกระจายลงกับพื้น
“ระวัง! จูฮยอนระวัง!!”
จูฮยอนยืนนิ่ง มือข้างที่เกาะกุมมือของเลิฟลี่เอาไว้ยังคงจับไว้แน่นเหมือนเดิม หรือดีไม่ดีมันอาจจะมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ คำเตือนของยงฮวามาพร้อมๆกับซออึนฮี และมันก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขอะไรได้
ซออึนฮีถอนมือออกจากมีดปลายแหลมที่เพิ่งจะปักมันลงบนหน้าท้องของจูฮยอนจนมิดด้าม เลือดสีแดงชุ่มโชกเลอะเปื้อนมือของเธอออกมาด้วย แต่ถึงกระนั้นคนอย่างซออึนฮีก็ไม่สนใจอะไรหรอก ยิ่งจูฮยอนเจ็บมากแค่ไหน เธอจะยิ่งสาแก่ใจมากขึ้นเท่านั้น หรือถ้าฟ้าจะเป็นใจให้หลานสาวคนสวยตายไปเลยก็จะดีมาก
“อา… ” จูฮยอนกัดฟันจ้องหน้าผู้เป็นอาทั้งน้ำตา ซออึนฮีอยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างจนถึงขั้นต้องทำกับเธอถึงขนาดนี้เลยเชียวหรือ
“คุณยาย!” เลิฟลี่ตกใจกับการกระทำของคุณยายซออึนฮีเป็นอย่างมาก แต่ทว่าก่อนที่ยงฮวาจะวิ่งเข้ามาถึง ข้อมือน้อยๆก็ถูกกระชากจนหลุดออกจากมือของจูฮยอนไปเรียบร้อยแล้ว
“เลิฟลี่… ” จูฮยอนเกือบจะล้มทั้งยืน เธอเปล่งเสียงแทบจะไม่ออก ยงฮวาวิ่งตรงดิ่งเข้ามารับร่างบางเอาไว้ มีดปลายแหลมยังปักคาอยู่บนหน้าท้องน้อยๆ แค่ได้เห็นมัน ยงฮวาก็ตกใจจนจะเป็นบ้าได้แล้ว
“ช่วยด้วยครับ! ใครก็ได้ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ผมที!! ตำรวจด้วยครับ แจ้งตำรวจด้วย!!” เรียกร้องขอความช่วยเหลือไปก็รีบโทรศัพท์เรียกทั้งรถพยาบาลและแจ้งตำรวจ ยงฮวาใจคอไม่ดี แต่จูฮยอนยังพอมีสติเหลือ เธอเป็นยังไงก็ได้ ไม่เป็นไรเลย ขอแค่ให้เลิฟลี่ปลอดภัยก็พอ
“ทำใจดีดีเอาไว้ เธอจะต้องไม่เป็นอะไร พี่จะไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรไปแน่ๆ”
จูฮยอนจับมือของยงฮวาเอาไว้แน่นเพื่อเรียกสติของเขากลับมา ตอนนี้เธอไม่เป็นไร แต่เลิฟลี่กำลังตกอยู่ในอันตราย
“รีบไปช่วยเลิฟลี่ก่อนค่ะ ทิ้งฉันไว้ตรงนี้ อีกเดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว”
ยงฮวากลั้นน้ำตา จะให้เขาทิ้งจูฮยอนในตอนนี้ไปได้ยังไง ไม่ใช่ว่าตนไม่เป็นห่วงเลิฟลี่ แต่สภาพของจูฮยอนในตอนนี้ แค่ได้เห็นก็ทำให้เจ็บไปทั้งใจแล้ว
“พี่ทิ้งเธอไม่ได้”
“ไปเถอะค่ะ รีบไปช่วยลูกก่อน ถ้าเราเสียเลิฟลี่ไปอีกคน แล้วเรา…จะมีชีวิตอยู่กันได้ยังไงคะ?”
ยงฮวาน้ำตาไหลพราก นึกโทษตัวเองสารพัดว่าไม่ดูแลจูฮยอนกับเลิฟลี่ให้ดี ถ้าทั้งจูฮยอนกับเลิฟลี่เป็นอะไรไป เขาคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างแน่นอน
เสียงรถพยาบาลดังมาแต่ไกล แต่เขากลับไม่อาจอยู่เคียงข้างและไม่อาจเกาะกุมมือของจูฮยอนเอาไว้ในวันที่เธอกำลังเจ็บปวด
“สัญญากับพี่ว่าเธอจะต้องอดทน อดทนเพื่อตัวเองและเพื่อลูกของเรา”
จูฮยอนพยักหน้าทั้งน้ำตา เธอปล่อยมือออกจากยงฮวายินยอมและเต็มใจให้เขาตามไปช่วยเลิฟลี่กลับมา
“จะต้องช่วยเลิฟลี่ให้ได้นะคะ อย่าให้ลูกของเราเป็นอะไรไปนะคะ”
“พี่สัญญา พี่จะไม่ยอมให้เลิฟลี่เป็นอะไรไปอย่างแน่นอน”
ซอซอนมินกับคิมจูอึนรวมไปถึงคนอื่นๆ ต่างพากันมาที่โรงพยาบาลด้วยความร้อนใจ ทิฟฟานี่กับนิชคุณนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ทั้งสองคนใจคอไม่ดี กลัวว่าจูฮยอนกับลูกในท้องจะเป็นอันตราย
“เห็นหรือเปล่าว่าแม่เราไม่เคยสำนึกเลย แล้วถ้านี่จูฮยอนกับลูกเป็นอะไรไปขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ?”
ทิฟฟานี่นั่งก้มหน้ายอมให้ลุงอย่างซอซอนมินโวยใส่ ท่านพูดถูก มีแต่เธอที่ตัดสินใจผิดพลาดตลอดเวลา
“หนูขอโทษค่ะ” ทิฟฟานี่เอ่ยขอโทษทั้งน้ำตา นิชคุณช่วยปลอบโยนภรรยา เมื่อซอซอนมินเห็นว่าหลานสาวเองก็รู้สึกผิดมาก เขาจึงไม่ได้ซ้ำเติมหรือกล่าวคำตำหนิใดๆออกมาอีก
ก่อนหน้านี้ทิฟฟานี่เป็นผู้ป่วยด้วยซ้ำ แต่พอมีเรื่องของจูฮยอนเข้ามา เธอกลับต้องลุกจากเตียงมาพร้อมกับสายน้ำเกลือเพราะทนนอนรอฟังข่าวอยู่เฉยๆไม่ได้
หมอกับพยาบาลพากันเปิดประตูออกมา หลังได้ช่วยทำการรักษาชีวิตของผู้ป่วยไว้อย่างเต็มที่ จูฮยอนถูกแทงบริเวณหน้าท้อง โอกาสที่เด็กจะไม่ได้รับความกระทบกระเทือนเลยมีน้อยมากเต็มที
“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ว่า…เด็กในท้อง… ”
คำพูดของหมอหลังจากนั้นทำให้ซอซอนมินกับจูอึนแทบจะเข่าทรุด และทุกคนเองก็ตกใจเป็นอย่างมากกับความสูญเสียที่ได้รับ ถ้ายงฮวารู้ว่าลูกในท้องของเขาไม่อยู่แล้ว เขาจะต้องเสียใจมากแค่ไหน แล้วจูฮยอนที่กำลังบอบช้ำทั้งร่างกาย กลับมีบาดแผลเพิ่มที่หัวใจ ไม่น่ามีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นกับพวกเขาเลย
ทางด้านยงฮวาพยายามตามหาตัวซออึนฮีด้วยการประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีจองชินพาคนงานในไร่ตามมาสมทบช่วยกันอีกแรง
ตำรวจสืบหาทะเบียนรถคันต้องสงสัยจากพยานผู้พบเห็นในตลาด ถึงได้รู้ว่าก่อนหน้านี้ซออึนฮีมาขอเช่ารถโดยใช้บัตรประชาชนของลูกสาว
ภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดพบว่ารถยนต์คันต้องสงสัยมุ่งหน้าตรงไปยังป่าอาถรรพ์ ที่นั่นมีน้ำตกซึ่งเคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อของจังหวัด แต่ปัจจุบันไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปที่นั่นมานานมากแล้ว คนสุดท้ายที่ได้ไปเยือนที่นั่นก็คือยงฮวากับจูฮยอนนั่นเอง
“รู้เบาะแสหรือยังครับ ว่าที่ไหน?” จองชินรีบเอ่ยถามในทันทีที่ได้พบกัน เขาไม่กล้าที่จะบอกกับยงฮวาด้วยซ้ำว่าตอนนี้ลูกในท้องของเขาไม่อยู่แล้ว
“น่าจะพาไปที่น้ำตก ว่าแต่…จูฮยอนเป็นยังไงบ้าง เธอปลอดภัยดีใช่หรือเปล่า?” ยงฮวาในตอนนี้มีแต่เรื่องร้อนอกร้อนใจ จิตใจของเขาอยู่ไม่เป็นสุขเลย ทางนั้นก็จูฮยอน ทางนี้ก็เลิฟลี่ ทั้งสองคนมีความสำคัญมากพอๆกัน แล้วไหนจะยังมีลูกในท้องของจูฮยอนอีก
สีหน้าของจองชินดูไม่ค่อยดีจนทำให้ยงฮวาพลอยใจเสีย จูฮยอนเสียเลือดมาก ถูกแทงจังๆเข้าที่หน้าท้อง ขออย่าให้มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นกับคนที่เขารักเลย
“คุณจูฮยอนปลอดภัยครับ แต่ว่า… ”
“….” ยงฮวาตัวชาขาสั่น อยากเร่งให้จองชินพูดออกมาเร็วๆ แต่อีกใจก็กลัวว่าจะได้รับข่าวร้าย แม้อันที่จริงแล้วตนจะพอคาดเดาได้แต่ใจก็ยังไม่อยากเชื่อ
“เด็กบอบบางมากครับ หมอบอกว่า…พยายามที่จะช่วยเต็มที่แล้วจริงๆ”
…!
อาจไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักกับสภาพที่ตัวเองได้เห็นมากับตา แต่ความเป็นจริงร้ายแรงมากกว่าที่ได้รับคำยืนยันว่าลูกในท้องไม่อยู่แล้ว
ยงฮวาน้ำตาไหลพราก เจ็บปวดทรมานเจียนตายแต่ก็คงเจ็บไม่เท่ากับจูฮยอนในตอนนี้ เขาดูแลเธอกับลูกได้ไม่ดี จนหนึ่งชีวิตที่เป็นความรักของเราต้องมาถูกพรากเอาไป
“ถ้าวันนี้ไม่เจอซออึนฮี แล้วถ้าเลิฟลี่เกิดเป็นอะไรไปอีกคน พี่คงไม่มีหน้าจะกลับไปหาจูฮยอนได้อีก”
“พี่จะต้องกลับไปครับ เพราะคุณจูฮยอนต้องการกำลังใจจากพี่ แล้วเลิฟลี่ก็จะต้องไม่เป็นไรด้วย เราทุกคนจะช่วยกันอย่างเต็มที่เลยครับ”
เลิฟลี่กลัวซออึนฮีจนตัวสั่น แต่ไม่ว่าระหว่างทางหนูน้อยจะร้องไห้ ทั้งขอร้องหรือเว้าวอนขอให้คุณยายช่วยพากลับไปส่งที่ไร่ แต่นอกจากซออึนฮีไม่สนใจแล้ว ยังข่มขู่เลิฟลี่อีกด้วยว่าหากไม่ยอมหยุดร้องไห้ เธอจะฆ่าหนูน้อยให้ตายในทันที
ซออึนฮีจอดรถเช่าขนาบข้างกับรถของทิฟฟานี่ที่ตัวเองแอบขโมยขับออกมา ก่อนที่จะเปิดประตูรถฉุดลากพาหลานสาวตัวน้อยไปด้วยกัน
ทุกอย่างแปลกตาสำหรับเลิฟลี่ไปหมด มีแต่ต้นไม้หนาทึบ มองไปทางไหนก็ดูเหมือนๆกันไปหมด
“คุณยายขา หนูกลัว”
ซออึนฮีจิกดวงตาใส่หลานสาว มันไม่มีอะไรน่ากลัวเลยแม้สักนิดเดียว เลิฟลี่สมควรที่จะรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่มากกว่าเธอเสียอีก
“ที่นี่เป็นบ้านเกิดของหลานไงจ๊ะ ยงฮวากับจูฮยอน…สองคนนั้นเป็นคนไร้ยางอาย”
เพราะยังเด็กจึงมีหลายคำที่เลิฟลี่ไม่รู้ความหมาย ร่างเล็กจำใจต้องยอมก้าวตามคุณยายมาเพราะต้านแรงฉุดกระชากไม่ไหว
“น้าจูฮยอนผิดอะไรคะ ทำไมคุณยายต้องทำร้ายน้าด้วย”
ซออึนฮีหันมาจ้องมองหลานสาวด้วยความเกลียดชัง ขนาดนี้แล้วแต่เลิฟลี่ก็ยังห่วงใยผู้หญิงคนนั้น สำหรับเธอจูฮยอนไม่ได้สูงส่งอะไรเลยแม้สักนิด เธอไม่คู่ควรกับตำแหน่งอธิการบดี ไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเด็กด้วยซ้ำ ที่ผ่านมาต้องฝืนทำดีและให้การช่วยเหลือตั้งมากมาย บอกตรงๆว่าเธอขยะแขยงเต็มที
“ซอจูฮยอน…มันผิดตั้งแต่เกิดมาบนโลกนี้แล้ว เดินเร็วๆ ตามมา! ไม่ต้องถาม ไม่ต้องสงสัยอะไรให้วุ่นวาย ถ้าถึงเวลาใกล้ตายของแกเมื่อไหร่ ฉันจะปล่อยให้แกได้ถามอย่างเต็มที่”
เลิฟลี่เดินสะอื้นร่ำไห้ด้วยความหวาดกลัว เพราะเวลานี้คุณยายเป็นเหมือนกับคนแปลกหน้า ยิ่งได้ยินเสียงร้องไห้ ซออึนฮีก็ยิ่งเหมือนคนบ้า หันกลับมาฟาดตีใส่หลานสาวตัวน้อยไม่ยั้งมือ ถ้าตายคามือของเธอได้ เธอยิ่งยินดี
“ฮือ…หนูเจ็บ… ”
“อีกนิดเดียว แกก็จะไม่เจ็บแล้วค่ะ การมีชีวิตอยู่…มันเจ็บปวดมากนะ ความตายสิคือหนทางแห่งความสุขที่แท้จริง”
ตำรวจ ยงฮวาและจองชินรวมไปถึงคนงานในไร่ตามมาจนเจอรถยนต์ทั้งสองคันถูกจอดทิ้งเอาไว้ คาดว่าตอนนี้ซออึนฮีคงพาเลิฟลี่เดินเท้าขึ้นเขาไปยังน้ำตกแห่งนั้น ทางตำรวจพบรอยเท้าของเด็กและผู้ใหญ่ ทุกคนวางแผนแบ่งกันออกเป็นกลุ่มๆ แยกกันเดินไปทุกเส้นทางที่สามารถพาไปถึงน้ำตกได้ เพราะกลัวว่าซออึนฮีจะพลั้งมือทำร้ายเลิฟลี่เข้าก่อน
ยงฮวามากับจองชิน ทั้งสองคนสลับเดินเร็วและวิ่งไล่ตามรอยเท้า หวังว่าจะต้องพบเลิฟลี่กับซออึนฮีให้เร็วมากที่สุด ก่อนที่อะไรๆจะสายเกินแก้ไข
ซออึนฮีพาเลิฟลี่มาถึงที่น้ำตกด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่ถึงจะเหนื่อยมากแค่ไหน ซออึนฮีก็ถือว่ามันคุ้มค่าแล้ว
“นั่งลง!”
เลิฟลี่ถูกบังคับให้นั่งลงบนโขดหิน สายน้ำวันนี้ไหลเชี่ยวกรากดูน่ากลัวและให้ความรู้สึกหนาวเย็นยะเยือก ร่างเล็กๆหอบหายใจสลับกับส่งเสียงสะอื้น สับสนและหวาดกลัวไปหมด ไม่เข้าใจว่าคุณยายที่แสนใจดีเป็นอะไรไปแล้ว
“ชันเข่าขึ้นมา! แล้วกอดมันเอาไว้ด้วย”
หลานสาวยอมทำตามด้วยความเก้ๆกังๆ ยิ่งทำให้ซออึนฮีรู้สึกรำคาญใจ จนลงมือจับขาของหลานสาวตัวเล็กให้อยู่ในท่าที่ตนต้องการ เลิฟลี่ยิ่งตกใจหนักเมื่อถูกคุณยายมัดเอาไว้ด้วยเชือกจนขยับเนื้อตัวไม่ได้ จะลุกเดินก็ลุกไม่ได้ ถูกจับนั่งท่าไหนก็ต้องทนอยู่ในท่านั้น
“มันจะไม่ทรมานเลย ฉันสัญญา…เด็กน้อย”
“คุณยายจะทำอะไรคะ ปล่อยหนูไปเถอะนะคะ หนูอยากกลับไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ ฮือ… ”
“คุณพ่อคุณแม่ที่ไหน อย่าบอกนะว่าหมายถึงทิฟฟานี่กับนิชคุณ ฉันจะบอกให้เอาบุญ ว่าสองคนนั้นเค้าไม่ใช่พ่อแม่ของแก พ่อแม่แท้ๆของแกคือยงฮวากับจูฮยอน รู้เอาไว้ซะด้วย!”
เลิฟลี่แหงนหน้าขึ้นมาจ้องมองคุณยายทั้งน้ำตา หลานสาวตัวน้อยที่ตนเป็นคนอุ้มข้ามน้ำข้ามทะเลกลับมาตั้งแต่ตีนเท้าฝาหอย ตอนนี้เติบโตขึ้นมากแล้วจริงๆ
“อย่าโทษยาย ความจริงแล้วหลานไม่ควรเกิดมาเลยด้วยซ้ำ ฉันควรจะเอาผ้าอุดปากอุดจมูกแกให้ตายตั้งแต่แรก ไม่น่าปล่อยให้แกโตมาเลย”
ซออึนฮีขยับตัวลุกขึ้น เดินห่างออกมาจากหลานสาวตัวน้อย ตั้งใจจะมาหาก้อนหินขนาดเหมาะๆ ไว้ใช้สำหรับผูกติดกับร่างของหลานสาว ซออึนฮีตั้งใจจับเลิฟลี่ถ่วงน้ำ ที่นี่คือที่ที่เลิฟลี่เกิด เพราะฉะนั้นมันก็สมควรจะเป็นที่ตายของเด็กคนนี้ด้วยเหมือนกัน
“ช่วยด้วยค่ะ! ใครก็ได้ช่วยหนูที คุณลุงขา คุณลุงคุณพ่อขา ช่วยหนูด้วย หนูกลัว” เลิฟลี่เริ่มไม่อยู่เฉยและส่งเสียงร้องเอะอะโวยวายจนทำให้ซออึนฮีลุกลี้ลุกลนไปหมด
“หุบปากนะเด็กบ้า ถ้าแกไม่หุบปาก ฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้เลย! อยากช่วยให้ตายดีดีก็ไม่เอา อยากตายแบบน่าสมเพชหรือไง?” ทันใดนั้นเองซออึนฮีมองเห็นก้อนหินขนาดพอเหมาะ แม้ว่ามันอาจจะใหญ่เกินไปนิด แต่เธอไม่มีเวลาเลือกมากอีกแล้ว เพราะถ้าขืนยังมัวแต่เลือก อาจจะมีคนมาที่นี่ก่อนก็ได้
ร่างบางโน้มตัวลง ออกแรงลากก้อนหินออกมา แต่ทว่าในธรรมชาติที่แสนสวยงามนั้นมีภัยร้ายแอบแผงซ่อนกายอยู่เสมอ
งูพิษสีสดตัวเต็มวัยซึ่งก่อนหน้านอนหลับใหลอยู่ใต้ก้อนหินอย่างมีความสุขตื่นตกใจที่ถูกรุกราน ตั้งหัวขึ้นมาก่อนที่จะฉกเข้าที่หน้าขาของซออึนฮีเข้าอย่างจัง
“โอ้ย!!”
เลิฟลี่ตกใจเป็นอย่างมากเมื่องูตัวนั้นเลื้อยตรงเข้ามาที่ตน หนูน้อยหลับตาแน่น ไม่กล้าจ้องมอง จนกระทั่งผ่านไปสักครู่หนึ่งถึงได้ค่อยๆแอบหรี่ตากลับขึ้นมา
มันไปแล้ว…มันไปแล้วจริงๆ เลิฟลี่ปลอบโยนตัวเองพร้อมกับผ่อนลมหายใจ เด็กน้อยหันมองดูคุณยายที่กำลังนอนร่ำร้องด้วยความเจ็บปวด เลิฟลี่อยากลุกไปช่วยแต่ลุกไม่ได้ จึงทำได้แค่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย!!”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังเข้ามากระทบหูยงฮวากับจองชินเข้าอย่างจัง ทั้งสองคนวิ่งหน้าตั้งมาถึงยังน้ำตก ยงฮวาดีใจที่เห็นว่าเลิฟลี่ยังคงปลอดภัย คนเป็นพ่อผวาเข้าหาลูกสาว ทั้งกอดทั้งปลอบ ทั้งช่วยแกะเชือกให้ ในใจก็ก่นด่าโมโหซออึนฮี ที่ทำได้แม้แต่หลานในไส้ก็ไม่ละเว้น
*********************100%******************
ประกาศข่าวค่า
เปิดจองหนังสือ Pre-order : Lost in Love ตั้งแต่วันนี้ – 2 เม.ย. 59 (รายละเอียดในลิ้งค์นี้นะคะ)
http://writer.dek-d.com/angleinblue/writer/viewlongc.php?id=1377099&chapter=37ตอนหน้าจะจบแล้วค่ะ ใครสนใจจองเล่ม จบตอนนี้แล้วจะลงรายละเอียดไว้นะคะ
ไรเตอร์อัพอินโทรเรื่องใหม่แล้ว ลองอ่านดูนะคะ ถ้าชอบก็ติดตามกันได้เหมือนเคย
Three Hearts Lovers
http://writer.dek-d.com/angleinblue/writer/viewlongc.php?id=1436798&chapter=1
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล.ไรเตอร์สู้ๆคะ
มันน่าเศร้า และกว่าจะรักษาจิตใจของทุกคนได้ คงใช้เวลายาวนาน
ทุกคนเสียขวัญ ซอเจ็บด้วยเสียลูกตกใจสารพัด เลิฟฟี่เองคงเกิดอาการดับเบิ้ลช็อค
ส่วนยงเจ็บไม่แพ้กัน แถมแสดงออกมากไม่ได้ว่าเจ็บ เพราะเป็นเหมือนหัวหน้าครอบครัว มีอีกหลายหัวใจที่ยงต้องดูแล
ตอนหน้าจะจบแล้ว เร็วจัง เหมือนจะรวบรัดตัดตอน
รออ่านค่ะ
แต่ไม่เป็นไรนะ อย่างน้อยก็ยังมีเลิฟลี่อยู่นะ ต้องดูแลให้ดีนะ
ทิฟฟานี่ก็น่าสงสาร เพราะรักแม่มากก็เลยไม่อยากให้แม่ต้องโดนจับ
แต่แม่ทิฟฟานี่ก็ไม่เคยสำนึกเลย ได้แต่โทษคนอื่น อยากได้แต่ของคนอื่น
ยอมทำทุกทางเพื่อให้ได้มันมา ถึงขั้นฆ่าหลานตัวเองได้ จะต้องฆ่าอีกกี่คนถึงจะพอฮะ
เวรกรรมก็ยังคงมีจริงนะคะ ถูกงูกัด เฮอะๆๆ ไม่รอดแน่ ทำกับคนอื่นไว้เยอะ แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ
รอตอนหน้านะคะพี่จอยคนสวยยย ตอนจบแล้วสินะ ยังไม่อยากให้จบเลย มีต่ออีกสัก 5 ตอนได้ไหมคะ please สู้ๆๆค่ะ ^_^
แล้วยังคิดจะฆ่าเลิฟลี่อีก แต่ยังดีที่กรรมมันยังตามให้ชดใช้สิ่งที่กระทำไว้ได้ทัน
กำลังจะมีลูกอีกคนเลยเชียวสงสารยงซอจังเลย
หนูน้อยยังไม่ได้ลืมตาดูโลกเลยลูก😭😭😭
ยัยคุณอาจอมโหดนี่จิตใจเกินมนุษย์จริงๆโดนงูกัดตายมันยังไม่สาสมหรอกนะ
คุณอาชืางร้ายนักกรรมตามสนองแล้วล่ะค่ะ
ดีนะเลิฟลี่ไม่เป็นอะไร
กลับ/ปปชอบโยนน้องซอกันนะ
ปล.ไรเตอร์สู้ๆคะ
แต่เอาเถอะ น้องซอยกผลประโยชน์ให้แล้วนี่
ส่วนคุณอาอึนฮี. ขอให้มีสติ รีบกลับตัวกลับใจซะทีนะ อย่าทำผิดอีกเลย >_<
ยงซอ ไฟ้ติ้ง !!!
P.S. รอรายละเอียดการจองหนังสือน๊าาาาา